Home Blog Page 367

ที่นี่มีคำตอบ คำถามยอดฮิตเรื่องจองหุ้นโออาร์

0

คำถามยอดฮิตเกี่ยวกับการจองหุ้น OR

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย คลายข้อสงสัย ถึงคำถามยอดฮิตเกี่ยวกับการจองหุ้นโออาร์ หรือ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) ซึ่งได้เปิดให้ประชาชนทั่วไปจองเมื่อวันที่ 24 ม.ค. จนถึงวันที่ 2 ก.พ. 2564 ที่ผ่านมา โดยในวันพรุ่งนี้ (6 ก.พ.) นักลงทุนรายร่อย จะสามารถตรวจสอบผลการจัดสรรหุ้นได้ ส่วนผู้ถือหุ้น PTT ที่ได้รับสิทธิจองซื้อหุ้น จะสามารถตรวจสอบผลได้ตั้งแต่วันนี้ 5 ก.พ. โดยคำตอบของแต่ละข้อมีดังนี้

1. ตรวจสอบผลการจัดสรรหุ้น OR ได้ที่ไหน เมื่อไหร่

  • นักลงทุนรายย่อย
    ตรวจสอบผลได้ตั้งแต่วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2564 ตั้งแต่เวลา 00:01 น. เป็นต้นไป ที่ www.settrade.com/OR
  • ผู้ถือหุ้น PTT ที่ได้รับสิทธิและทำการจองซื้อ
    ตรวจสอบผลได้ตั้งแต่วันนี้ ที่เว็บไซต์ ธนาคารกสิกรไทย

2. หากไม่ได้รับหุ้น หรือ ได้รับไม่ครบจำนวนที่จอง จะได้รับเงินคืนอย่างไร

  • ได้รับเงินโอนเข้าบัญชีธนาคาร ภายในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2564 หรือ
    เช็คส่งออกทางไปรษณีย์ ภายในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2564
    โปรดสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ธนาคารที่ท่านจองซื้อ

3. เมื่อได้หุ้นจอง OR แล้ว จะได้รับหุ้นเมื่อไหร่

  • เข้าบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ (Broker)
    จะได้รับ “หุ้น” เข้าบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ ภายใน 1 วันทำการก่อนวันเริ่มซื้อขาย
  • เข้าบัญชี 600 (Issuer Account) ฝากหุ้นไว้กับ TSD
    จะได้รับ “เอกสารการฝากหุ้นเข้าบัญชี” ที่จะส่งออกไปรษณีย์ ภายใน 3 วันทำการจากวันเริ่มซื้อขาย
  • ใบหุ้น
    จะได้รับ “ใบหุ้น” ที่จะส่งออกไปรษณีย์ ภายใน 15 วันทำการจากวันจองซื้อวันสุดท้าย

4. ขายหุ้นจอง OR ในตลาดหลักทรัพย์ได้เมื่อไหร่ และต้องทำอย่างไร

  • เข้าบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ (Broker)
    ซื้อขายได้ตั้งแต่วันแรกที่เริ่มทำการซื้อขาย
    ติดตามข้อมูลวันเริ่มซื้อขาย << คลิกที่นี่ >>
  • เข้าบัญชี 600 (Issuer Account) / ใบหุ้น
    ทำการโอนหุ้นเข้าบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์
    เปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ <<คลิกที่นี่>>

5. หากข้อมูลในการจองซื้อไม่ถูกต้อง ทำอย่างไร
(เช่น ชื่อบัญชี/เลขที่บัญชีไม่ถูกต้อง หรือ ชื่อผู้จองซื้อไม่ตรงกับชื่อบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์)

  • โปรดติดต่อบริษัทหลักทรัพย์เพื่อตรวจสอบและแก้ไขข้อมูล

6. เมื่อได้หุ้นจอง OR แล้ว ข้อมูลผู้ถือหุ้นไม่ถูกต้อง ทำอย่างไร

7. หากต้องการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการถือหุ้น OR ต้องทำอย่างไร

เดิมใหม่ติดต่อแบบฟอร์ม
เข้าบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ (Broker)เข้าบัญชี 600 (Issuer Account)บริษัทหลักทรัพย์แบบฟอร์มคำขอโอน/
รับโอนหลักทรัพย์
ใบหุ้นบริษัทหลักทรัพย์แบบฟอร์มคำขอถอนหลักทรัพย์ จากบัญชีสมาชิกผู้ฝากหลักทรัพย์
เข้าบัญชี 600 (Issuer Account)เข้าบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ (Broker)บริษัทหลักทรัพย์แบบฟอร์มคำขอโอน/
รับโอนหลักทรัพย์
ใบหุ้นTSD
(บริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์)
แบบฟอร์มคำขอถอนหลักทรัพย์ จากบัญชีผู้ออกหลักทรัพย์
ใบหุ้นเข้าบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ (Broker)บริษัทหลักทรัพย์ไม่ต้องใช้แบบฟอร์ม
เข้าบัญชี 600 (Issuer Account)TSD
(บริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์)
แบบฟอร์มคำขอฝากหลักทรัพย์

ที่มา ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

‘อนุทิน’ ขอบคุณ ซีพี-ซีพีเอฟ ส่งมอบอาหารจากใจและหน้ากากอนามัย สู้โควิด

0

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 4 ก.พ. 2564 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ณรงค์ สายวงศ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข และนายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค รับมอบหน้ากากอนามัยซีพี จำนวน 30,000 ชิ้น และผลิตภัณฑ์อาหารคุณภาพพร้อมทานจำนวน 83,200 แพ็ค เป็นกำลังใจให้บุคลากรทางการแพทย์ และผู้ป่วย จากนายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) และขอบคุณ เครือซีพี – ซีพีเอฟ ในการดำเนินโครงการ “CPF ส่งมอบอาหารจากใจ ร่วมต้านภัยโควิด-19” ช่วยสนับสนุนภารกิจของภาครัฐในการควบคุมการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ ที่อาคารสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ถนนติวานนท์

นายอนุทิน กล่าวว่า ในนามของกระทรวงสาธารณสุข และรัฐบาล ขอขอบคุณเครือซีพี – ซีพีเอฟ ที่ได้ช่วยดูแลสังคมไทย เหมือนกับทุกครั้งที่ประเทศไทยประสบภัยพิบัติ จะเห็นเครือซีพีและซีพีเอฟ ออกมาเป็นรายแรกๆ ที่ให้ความช่วยเหลือประเทศชาติและประชาชน ด้วยการสนับสนุนผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมทาน และหน้ากากอนามัยซีพี ถือเป็นการช่วยแบ่งเบาภารกิจของภาครัฐ เป็นกำลังใจที่ดีให้กับทีมแพทย์ พยาบาล รวมทั้ง ผู้ที่มากักตัวที่โรงพยาบาลสนามได้มีคุณภาพชีวิตที่ดี

“ซีพีเอฟ เป็นครัวของโลก ห้องครัวที่นอกจากจะจ้างงานเป็นจำนวนมาก ยังช่วยสร้างรายได้ที่สำคัญให้กับประเทศไทย และในท่ามกลางวิกฤตก็ยังได้เห็นซีพีเอฟอยู่เคียงข้างสังคมอย่างต่อเนื่อง ผมและบุคลากรทุกท่าน ซาบซึ้งในน้ำใจไมตรีของท่านประธานอาวุโส เครือซีพี นายธนินท์ เจียรวนนท์ ที่มอบนโยบายดูแลและช่วยเหลือประเทศ ขอให้มั่นใจว่าอาหารและหน้ากากอนามัยที่มอบให้ กระทรวงฯ จะนำไปแจกจ่ายให้ถึงมือทุกคน” นายอนุทินกล่าว

ด้าน นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร ซีพีเอฟ กล่าวว่า การดำเนินโครงการ “CPF ส่งมอบอาหารจากใจ ร่วมต้านภัยโควิด-19” สนับสนุนสังคมฝ่าวิกฤตโควิด ขานรับนโยบายของเครือซีพี ที่ยึดหลักปรัชญา 3 ประโยชน์ ไม่ว่าจะอยู่ประเทศไหนเราต้องช่วยประเทศและประชาชนในประเทศนั้นมีความมั่นคงเจริญก้าวหน้า เช่นเดียวการอยู่เคียงข้างสังคมในยามที่เผชิญกับวิกฤตโควิดครั้งนี้ ซีพีเอฟ ตั้งใจจะสนับสนุนและช่วยสังคมอย่างต่อเนื่องจนกว่าสถานการณ์คลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น

นับเป็นเวลากว่า 1 เดือนนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่ ซีพีเอฟได้สานต่อ โครงการ “ด้วยการส่งมอบผลิตภัณฑ์อาหารคุณภาพพร้อมทานให้แก่ 15 โรงพยาบาล ใน 6 จังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุด และในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้สนับสนุนผลิตภัณฑ์อาหารแก่โรงพยาบาลสนาม “ศูนย์ห่วงใยคนสาคร” 9 แห่ง จนถึงวันนี้ บริษัทฯ ได้ร่วมส่งมอบผลิตภัณฑ์อาหารสนับสนุนภาครัฐ รวมทั้งสิ้น 83,200 แพ็ค พร้อมติดตั้งตู้แช่เย็นจากซีพี เฟรชมาร์ท ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลสนามอีกด้วย

ขณะเดียวกัน บริษัท ยังได้ร่วมมือกับ มูลนิธิเครือข่ายส่งเสริมคุณภาพชีวิตแรงงาน หรือ LPN ส่งอาหารพร้อมทาน 30,800 แพ็ค และไข่ไก่สด 10,000 ฟอง ส่งมอบความห่วงใยและช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้พี่น้องแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้าน ที่กักตัวอยู่ในชุมชนตลาดกลางกุ้งมหาชัย จ.สมุทรสาคร

นอกจากนี้ เครือซีพี-ซีพีเอฟ ได้ดำเนินการตามดำริของ นายสุภกิต เจียรวนนท์ ประธานกรรมการเครือซีพี- ซีพีเอฟ สนับสนุนหน้ากากอนามัย ให้ จนท.กลุ่มเสี่ยงและชาวชุมชน ใน กทม. เขตหนองแขม บางบอน บางขุนเทียน คลองเตย และดอนเมือง รวมถึงเครือข่ายกลุ่มอาสาดุสิต และสมาคมเชียร์ไทย เพื่อให้ทุกคนมีหน้ากากอนามัยใช้ป้องกันเชื้อโรคได้อย่างทั่วถึง รวมทั้ง ผนึกกำลังกับ ทรู และโอสถสภา ร่วมมอบอาหาร เครื่องดื่ม และซิมอินเตอร์เนต บรรเทาความเดือดร้อนให้แรงงานชาวเมียนมา ใน จ.สมุทรสาคร ผ่านสถานทูตเมียนมา รวมทั้งมอบหน้ากากอนามัย 3 สถานทูต ได้แก่ เวียดนาม, กัมพูชา และ สปป.ลาว ช่วยแรงงานต่างชาติที่พำนักในไทย รวมมอบหน้ากากอนามัยซีพี ทั้งสิ้น 220,800 ชิ้น

“เฉลิมชัย” ปล่อยคาราวานเครื่องจักร-เครื่องมือ ช่วยบรรเทาภัยแล้ง

0

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 4 ก.พ. ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เดินทางมาเป็นประธานในพิธีปล่อยคาราวานเครื่องจักร-เครื่องมือ เพื่อช่วยเหลือและบรรเทาปัญหาภัยแล้ง ปี 2563/64 กรมชลประทาน พร้อมเดินหน้าโครงการจ้างแรงงาน เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรและประชาชน

นายสัญญา แสงพุ่มพงษ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ปัจจุบัน ปริมาณน้ำใช้การได้รวมทั้งประเทศมีประมาณ 20,433 ล้าน ลบ.ม. หรือร้อยละ 39 ของน้ำใช้การทั้งหมด เฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยา 4 เขื่อนหลัก(เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์)มีปริมาณน้ำใช้การรวมกัน ณ วันที่ 1 พฤศจิกายน 2563 (ต้นฤดูแล้ง)ประมาณ 5,771 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 32 ของน้ำใช้การทั้งหมด ปัจจุบัน เหลือปริมาณน้ำใช้การได้ประมาณ 4,263 ล้าน ลบ.ม.

ทั้งนี้ จะควบคุมการใช้น้ำให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และพบว่าในหลายพื้นที่เริ่มได้รับผลกระทบจากภัยแล้งแล้ว จึงได้สั่งการให้โครงการชลประทานทั่วประเทศ ปรับแผนการบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์ และเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2563 เน้นจัดสรรน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค และรักษาระบบนิเวศให้เพียงพอ ตลอดจนประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ถึงสถานการณ์น้ำให้แก่ประชาชนรวมทั้งเกษตรกรได้รับทราบอย่างทั่วถึง รวมทั้งเร่งกำจัดวัชพืชในแม่น้ำและคลองสาขาที่อาจจะเป็นอุปสรรคในการส่งน้ำไปยังพื้นที่ต่างๆ

นอกจากนี้ กรมชลประทานได้คาดการณ์พื้นที่เฝ้าระวังเสี่ยงภาวะน้ำแล้งในเขตชลประทาน จำนวนทั้งสิ้น 39 จังหวัด ในการนี้ สำนักเครื่องจักรกล กรมชลประทาน ได้เตรียมความพร้อมเครื่องจักร เครื่องมือ เพื่อช่วยเหลือและบรรเทาผลกระทบให้กับประชาชนจากสถานการณ์ภัยแล้งปี 2563/64 ไว้ทั้งสิ้น 5,935 หน่วย ซึ่งกระจายอยู่ทั่วประเทศ ประกอบไปด้วยเครื่องสูบน้ำ 2,140 เครื่อง รถบรรทุกน้ำ 503 คัน เครื่องจักรสนับสนุนอื่น 3,292 หน่วย เพื่อให้การช่วยเหลือในพื้นที่ประสบภัยแล้งปี 2563/64 ได้อย่างทันท่วงที และลดความเสียหายจากภาวะขาดแคลนน้ำ โดยประจำการไว้ที่ส่วนบริหารเครื่องจักรกลที่ 1 – 7 และส่วนกลาง ณ สำนักเครื่องจักรกล กรมชลประทาน อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมากรมชลประทานได้นำเครื่องจักร เครื่องมือ เข้าไปให้ความช่วยเหลือ เช่น การติดตั้งเครื่องสูบน้ำ ปฏิบัติการเปิดทางน้ำ ขุดลอกคลอง กำจัดวัชพืชและสิ่งกีดขวางทางน้ำ รวมถึงกำจัดผักตบชวา เพื่อช่วยเหลือและบรรเทาผลกระทบจากภัยแล้งให้กับประชาชนและเกษตรกรมีน้ำใช้ในการอุปโภค บริโภค และทำการเกษตรตลอดฤดูแล้งนี้มาอย่างต่อเนื่อง

ด้านการบริหารจัดการน้ำเพื่อรักษาระบบนิเวศ (ความเค็ม) ในลุ่มน้ำเจ้าพระยา แม่กลอง ท่าจีนและบางปะกง พบว่าค่าความเค็มในหลายพื้นที่ของลำน้ำสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน เนื่องจากอิทธิพลของน้ำทะเลหนุนสูง กรมชลประทาน จึงต้องบริหารจัดการน้ำโดยการระบายน้ำเพิ่มมากขึ้น เพื่อผลักดันและควบคุมความเค็มไม่ให้เกินเกณฑ์มาตรฐานสำหรับการผลิตน้ำประปาและการรักษาระบบนิเวศ ในขณะที่ปริมาณน้ำที่มีอยู่อย่างจำกัดไม่สามารถนำไปไล่ความเค็มได้ตลอดเวลา จึงขอให้ทุกภาคส่วนร่วมใจกันใช้น้ำอย่างประหยัด โดยเฉพาะชาวเมืองหลวงและปริมณฑลที่ใช้น้ำจากการประปานครหลวง เพื่อให้ปริมาณน้ำที่มีอยู่อย่างจำกัดเพียงพอใช้ไปจนถึงต้นฤดูฝนหน้า

สำหรับมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรที่ไม่สามารถเพาะปลูกในช่วงฤดูแล้งได้ กรมชลประทาน ได้ดำเนินโครงการจ้างแรงงานชลประทาน เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร ตามแผนงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2564 สามารถจ้างแรงงานได้ 94,000 คน งบประมาณทั้งสิ้น 5,662.34 ล้านบาท ปัจจุบันมีการจ้างแรงงานไปแล้ว 8,237 คน หรือร้อยละ 9 ของแผนการจ้างงาน โดยหลักเกณฑ์การจ้างแรงงาน จะเน้นพิจารณาจ้างเกษตรกรหรือประชาชนในพื้นที่ชลประทานก่อน อาทิ เกษตรกรผู้ใช้น้ำชลประทานที่ขาดรายได้จากการทำเกษตรกรรม และหากแรงงานที่ต้องการในพื้นที่ไม่เพียงพอจะพิจารณาจ้างแรงงานจากพื้นที่ใกล้เคียงตามความเหมาะสม หากเกษตรกรหรือผู้ที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลหรือสมัครเข้าร่วมงานได้ที่โครงการชลประทานใกล้บ้านทุกแห่ง

ซีพีออลล์ เดินหน้าโครงการ “คนไทยไม่ทิ้งกัน” มอบครุภัณฑ์ทางการแพทย์ ให้ 4 รพ.

0

บมจ.ซีพี ออลล์ ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่น และ เซเว่น เดลิเวอรี่ เดินหน้าสานต่อโครงการ   “คนไทยไม่ทิ้งกัน” มอบเครื่องครุภัณฑ์ทางการแพทย์และชุดอุปโภค บริโภค เพื่อสนับสนุนการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ให้กับรพ.บ้านแหลม, รพ.บ้านลาด, รพ.พระจอมเกล้าเพชรบุรี และรพ.ชะอำ จ.เพชรบุรี เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่

ล่าสุด คุณศุภฤกษ์ ปักเขตานัง ผู้จัดการทั่วไปด้านปฏิบัติการ บมจ.ซีพี ออลล์ พร้อมด้วยพนักงานเซเว่น อีเลฟเว่น ในพื้นที่ร่วมเป็นผู้แทนมอบให้กับแพทย์หญิงอุทัยวรรณ โยคณิต รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลบ้านแหลม จ.เพชรบุรี และคุณปทุมรัตน์ ชุมบัวจันทร์ ผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการ บมจ.ซีพี ออลล์ พร้อมด้วยพนักงานเซเว่น อีเลฟเว่น ในพื้นที่ร่วมเป็นผู้แทนมอบให้กับแพทย์หญิงปิยนุช ศรีสุคนธ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบ้านลาด, คุณศิริพร ศรนารายณ์ รองผู้อำนวยการฝ่ายบริหารโรงพยาบาลพระจอมเกล้าเพชรบุรี และ คุณนพสิทธิ์ โชติสถิตย์โภคิน พยาบาลวิชาชีพ ชำนาญการพิเศษ (หัวหน้ากลุ่มการพยาบาล) โรงพยาบาลชะอำ จ.เพชรบุรี เป็นผู้แทนรับมอบ

ทั้งนี้ ซีพี ออลล์ จะทยอยสนับสนุนครุภัณฑ์ทางการแพทย์ที่จำเป็นในช่วงวิกฤตไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ให้แก่โรงพยาบาลและหน่วยงานต่างๆ แทนความห่วงใยต่อบุคลากรทางการแพทย์รวมถึงพี่น้องชาวไทย เป็นไปตามปณิธานของซีพี ออลล์ ร่วมสร้างสรรค์และแบ่งปันโอกาสให้ทุกคน” ต่อไป

‘อนุทิน’ รับมอบอาหารจาก ซีพีเอฟ ส่งกำลังใจหมอ-พยาบาล “ศูนย์ห่วงใยคนสาคร”

0

รายงานข่าว เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 3 ก.พ. 64 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และคณะเดินทางไปตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลสนาม อบต.ท่าทราย พร้อมรับมอบผลิตภัณฑ์อาหาร 1,700 แพ็ค ในโครงการ “CPF ส่งอาหารจากใจ ร่วมต้านภัยโควิด-19” จากนายสุวิทย์ ประภากมล ผู้บริหารอาวุโส ธุรกิจสัตว์น้ำครบวงจร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ณ ศูนย์ห่วงใยคนสาคร​ อบต.ท่าทราย จนถึงวันนี้ ซีพีเอฟ ได้ร่วมสนับสนุนผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมทาน แก่โรงพยาบาลสนาม “ศูนย์ห่วงใยคนสาคร”​ รวมแล้ว 22,000 แพ็ค พร้อมติดตั้งตู้แช่เย็นในโรงพยาบาลและศูนย์ห่วงใยคนสาคร 5 แห่ง และยังได้สนับสนุนอาหารพร้อมทานรวม 61,200 แพ็ค แก่ 15 โรงพยาบาลในพื้นที่ควบคุมสูงสุดอีกด้วย เพื่อเป็นกองหนุนให้ประเทศไทยฝ่าภัยโควิด-19 ไปได้

ซีพีเอฟ ร่วมสนับสนุนกระทรวงสาธารณสุข ดำเนินการเฝ้าระวังและควบคุมโควิด-19 ระลอกใหม่ ผ่านโครงการ “CPF ส่งอาหารจากใจ ร่วมต้านภัยโควิด-19” ตอบรับนโยบายของเครือเจริญโภคภัณฑ์ที่ต้องการร่วมสนับสนุนการทำงานของภาครัฐเพื่อนำพาประเทศฝ่าวิกฤตดังกล่าว โดยซีพีเอฟส่งมอบผลิตภัณฑ์อาหารปลอดภัย ในรูปของ อาหารสำเร็จรูปพร้อมทาน เพื่อเป็นกำลังใจบุคลากรทางการแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ ที่กำลังปฏิบัติภารกิจดูแลผู้ติดเชื้อโควิด-19 ภายในโรงพยาบาล และโรงพยาบาลสนาม “ศูนย์ห่วงใยคนสาคร”​

ก่อนหน้านี้ ซีพีเอฟได้นำผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมทานจำนวน 16,604 แพ็ค มอบผ่านนายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร เพื่อนำไปกระจายให้กับโรงพยาบาลสนามในจังหวัดสมุทรสาคร และเมื่อเร็วๆ นี้ ซีพีเอฟ ได้ส่งมอบอาหารสำเร็จรูปพร้อมทานจำนวน 3,000 แพ็ค และกับข้าวสำเร็จรูป 600 กิโลกรัม ให้แก่นายวัฒนา ตวงมณี นายกองค์การบริหารส่วนตำบลพันท้ายนรสิงห์ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร และครั้งนี้มอบอาหารพร้อมทานเพิ่มเติมอีก 1,700 แพ็คให้แก่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในระหว่างที่มาตรวจเยี่ยมและติดตามสถานการณ์การควบคุมการแพร่ระบาดในจังหวัดสมุทรสาคร

นอกจากนี้ ซีพี เฟรชมาร์ท ได้ติดตั้งตู้แช่เย็นให้กับโรงพยาบาลและโรงพยาบาลสนาม 5 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลสมุทรสาคร โรงพยาบาลกระทุ่มแบน ศูนย์วัฒนาแฟคตอรี่ สนามกีฬาจังหวัด และวัดโกรกกราก เพื่อช่วยเก็บรักษาคุณภาพผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมทาน และเป็นการอำนวยความสะดวกให้บุคลากรทางการแพทย์ที่ทุ่มเทเสียสละได้บริโภคอาหารคุณภาพสูง สะอาด ปลอดภัยตลอดเวลา

เมืองไทยประกันชีวิต สร้างความสุขและรอยยิ้มให้ลูกค้า ผ่านเมืองไทย Smile Emagazine

0

นายสาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า สำหรับปี 2564 นี้ บริษัทมุ่งมั่นพร้อมผลักดันการสร้างสังคมแห่งความสุขและรอยยิ้ม ภายใต้นโยบาย “MTL Trusted Lifetime Partner” ตอบสนองความต้องการในทุกไลฟ์สไตล์ พร้อมเดินเคียงข้างในทุกช่วงของชีวิต เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านประกันชีวิตและสุขภาพ ด้วยการมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุด         ตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้า

ล่าสุดเพื่อเป็นการส่งมอบความปรารถนาดีต้อนรับปีใหม่ และสะท้อนภาพการเป็นผู้นำในมิติด้านการมอบความสุขและรอยยิ้มที่เป็นรูปธรรม มุ่งมั่นมอบประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้าได้อย่างตรงจุด ผ่าน เมืองไทย Smile Emagazine ที่มาในรูปแบบของวารสารดิจิทัลเต็มรูปแบบ อัดแน่นด้วยเนื้อหาสาระและเรื่องราวของความสุขที่เมื่อคุณได้อ่านแล้วจะทำให้ไม่พลาดในทุกประเด็นของความสุขและรอยยิ้ม รวมไปถึงหลากหลายไอเดียและแรงบันดาลใจที่สามารถนำไปใช้ได้จริงในทุกวัน อาทิ เทรนด์สุขภาพดีแบบง่ายและยั่งยืน เทรนด์การออมเงินและการลงทุนเพื่อความมั่งคั่ง เทรนด์เทคโนโลยีที่จะทำให้ชีวิตง่ายขึ้น เปิดตัวฉบับปฐมฤกษ์ด้วย  “ริกะ อิชิเกะ” สาวไทยคนแรก บนสังเวียนมวยกรง นักมวยหญิงผู้ต่อสู้ด้วยความสุขอย่างเข้มแข็ง ที่จะมาแนะนำวิธีการสร้างความสุขง่ายๆ ด้วยการออกกำลังกาย นอกจากนี้ยังมีกิจกรรม สิทธิพิเศษ และเกมสนุกๆ ให้ลูกค้าได้เพิ่มรอยยิ้มอีกด้วย โดยลูกค้าของเมืองไทยประกันชีวิต สามารถติดตามอ่านหรือดาวน์โหลด เมืองไทย Smile Emagazine ที่จะมีการอัปเดตเทรนด์และเนื้อหาได้ที่เว็บไซต์ www.muangthai.co.th

“บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการสร้างประสบการณ์ที่ดีในทุกมิติที่ลูกค้าจะได้รับ และเดินหน้าในการสร้างสรรค์กิจกรรม  บริการ และสิทธิประโยชน์ต่างๆ ให้ครอบคลุมและเหมาะกับทุกไลฟ์สไตล์ของลูกค้าอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบทุกโจทย์ความต้องการลูกค้าอย่างตรงจุดที่สุด” นายสาระ กล่าว

สิงห์อาสา เติมเสบียง 4 โรงพยาบาลสนามจ.สมุทรสาคร สู้โควิด-19

0

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 28-29 ม.ค. 64 สิงห์อาสา โดยมูลนิธิพระยาภิรมย์ภักดี และ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ร่วมกับ บริษัท ฟู้ด แฟ็คเตอร์ส จำกัด (Food Factors) ลงพื้นที่เติมเสบียงน้ำดื่มสิงห์และข้าวสารพันดี ให้กับ 4 โรงพยาบาลสนามจ.สมุทรสาครอย่างต่อเนื่อง พร้อมนำอาหารปรุงสุกเมนูสุดพิเศษ ข้าวกะเพราไก่เผ็ดจ๊าก และข้าวกะเพราฮ๊อตฮ๊อตหมูสับแหลกจาก ร้าน EST.33  ส่งมอบให้บุคลากรทางการแพทย์เพื่อเป็นกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ โดย 4 โรงพยาบาลสนาม ได้แก่ โรงพยาบาลสนามวัดโกรกกราก โรงพยาบาลสนามสนามกีฬากลาง โรงพยาบาลสนามตลาดกลางกุ้งมหาชัย และโรงพยาบาลสนามวัดสุทธิวาตวราราม (วัดช่องลม) ซึ่งเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ทำให้บุคลากรทางการแพทย์ต้องปฏิบัติหน้าที่อย่างหนัก

ทั้งนี้ ตั้งแต่เกิดสถานการณ์โควิด -19 ระลอกใหม่ ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนธ.ค.63  สิงห์อาสา ลงพื้นที่มอบกำลังใจให้ทีมบุคลากรทางการแพทย์อย่างต่อเนื่อง โดยในวันที่ 23 ธ.ค. 63  ส่งมอบน้ำดื่มและข้าวสารที่โรงพยาบาลราชวิถี วันที่ 24 ธ.ค. 63 ที่โรงพยาบาลสมุทรสาคร พร้อมทั้งมอบน้ำดื่มและข้าวสารผ่านเหล่ากาชาด จ.สมุทรสาคร และศูนย์กักกันโรค ที่ตลาดกลางกุ้ง จ.สมุทรสาคร เพื่อแจกจ่ายให้ประชาชนและแรงงานในพื้นที่ ต่อมาในวันที่ 13 ม.ค. 64 ที่โรงพยาบาลบางบัวทอง และวันที่ 20 ม.ค.64 ที่สถาบันบำราศนราดูร จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นโรงพยาบาลหลักที่ทำหน้าที่ในการคัดกรองและดูแลผู้ป่วยโควิด-19  

อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่ช่วงต้นปี 2563 ซึ่งเริ่มเกิดสถานการณ์การระบาดของโควิด-19ครั้งแรกในประเทศไทย บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ได้มีนโยบายช่วยเหลือสังคม พร้อมทั้งให้สนับสนุนการทำงานของบุคลากรการแพทย์อย่างเต็มที่ในโรงพยาบาลหลักทั่วทั้งประเทศ 26 แห่ง พร้อมทั้งสนับสนุน อาหาร น้ำดื่ม ให้กับบุคลากรการแพทย์ และเจ้าหน้าที่ที่รับมือกับการแพร่ระบาดโควิด-19 ต่อเนื่อง ทั้งยังประกาศนโยบายเร่งด่วนเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนผู้ที่ได้รับผลกระทบในการดำรงชีวิต ผ่านโครงการสิงห์อาสาทั่วประเทศ ทั้งในรูปแบบของการจ้างงานสร้างรายได้ เป็นอาสาสมัครดูแลท้องถิ่นตนเอง ผ่านโครงการสิงห์อาสาสู้ไฟป่า และโครงการสิงห์อาสาสู้ภัยแล้ง โครงการสิงห์อาสาสู้ภัยน้ำท่วม ทั้งนี้ยังมีโครงการสร้างงาน สร้างอาชีพ ประกอบด้วย กลุ่มทักษะวิชาชีพทางด้านอาหาร ต่อยอดสู่การเป็นเจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก กลุ่มทักษะวิชาชีพทางด้านงานช่าง และเตรียมจัดอบรมกลุ่มทักษะกิจกรรมทางด้านการเกษตร รวมเป็นมูลค่าในการให้การช่วยเหลือพี่น้องประชาชนมากกว่า 200 ล้านบาท

ชป.ปรับเพิ่มระบายน้ำไล่ความเค็มรุกเจ้าพระยา ลดผลกระทบน้ำดิบผลิตประปา

0

กรมชลประทาน เดินหน้ามาตรการไล่ความเค็มแม่น้ำเจ้าพระยา ปรับเพิ่มการระบายน้ำ พร้อมรับมือสถานการณ์น้ำทะเลหนุนรอบต่อไป

นายสัญญา แสงพุ่มพงษ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยหลังจากการประชุมหารือแนวทางการแก้ไขปัญหาค่าความเค็มในลุ่มน้ำเจ้าพระยาร่วมกับการประปานครหลวง(กปน.) วานนี้(2 ก.พ. 64)ว่า จากสถานการณ์ค่าความเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยาที่ส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำประปา และไม้ผล ไม้ยืนต้น ปัจจุบัน(3 ก.พ. 64) เมื่อเวลา 07.00 น. ที่สถานีสำแล(จุดสูบน้ำดิบของ กปน.)วัดค่าความเค็มได้ 0.26 กรัม/ลิตร (เกณฑ์เฝ้าระวัง 0.25 กรัม/ลิตร มาตรฐานการผลิตน้ำประปาไม่เกิน 0.50 กรัม/ลิตร) และเพื่อให้การควบคุมค่าความเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ลดผลกระทบต่อการผลิตน้ำประปา รวมถึงการใช้น้ำของประชาชน จึงได้ปรับเพิ่มการระบายน้ำผ่านเขื่อนพระรามหกในอัตรา 60 ลบ.ม./วินาที ต่อเนื่องเป็นเวลา 5 วัน เริ่มตั้งเเต่วันที่ 5 ก.พ. 64 ไปจนถึงวันที่ 10 ก.พ. 64 หลังจากนั้นจะลดการระบายลงเหลือ 25 ลบ.ม./วินาที พร้อมเพิ่มการระบายน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เป็น 75 ลบ.ม./วินาที(เดิม 50 ลบ.ม./วินาที) ตั้งเเต่วันที่ 3 ก.พ. 64 จนถึงวันที่ 8 ก.พ. 64 หลังจากนั้นลดเหลืออัตรา 45 ลบ.ม./วินาที โดยไม่ให้กระทบต่อการใช้น้ำในพื้นที่ตอนบน  

สัญญา แสงพุ่มพงษ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมชลประทาน

ทั้งนี้ ได้กำชับให้โครงการชลประทานในพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยา ปฏิบัติตามมาตรการควบคุมค่าความเค็มที่กำหนดไว้  พร้อมขอความร่วมมือประตูระบายน้ำและสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าทุกแห่งที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ตั้งแต่ท้ายเขื่อนเจ้าพระยาลงมาจนถึงสถานีสูบน้ำสำแล ให้งดการรับน้ำหรือสูบน้ำในระยะนี้ เพื่อให้การควบคุมความเค็มเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนดและมีประสิทธิภาพ ที่สำคัญของให้ทุกภาคส่วนร่วมใจกันใช้น้ำอย่างประหยัดให้มากที่สุด โดยเฉพาะชาวเมืองหลวงและปริมณฑลที่ใช้น้ำจาก กปน. เพื่อให้ปริมาณน้ำต้นทุนที่มีอยู่อย่างจำกัดเพียงพอใช้ไปจนถึงต้นฤดูฝนหน้า 

ชป.​ จับมือ กปน.​ ปรับแผนระบายน้ำ สู้ความเค็มแม่น้ำเจ้าพระยา ลดผลกระทบต่อประชาชน

0

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (2 ก.พ.) ดร.ทองเปลว กองจันทร์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานการประชุมร่วมกับ นายรักษ์ศักดิ์ สุริยหาร รองผู้ว่าการการประปานครหลวง(กปน.) และคณะ โดยมีนายสัญญา แสงพุ่มพงษ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมชลประทาน ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน และผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมฯ เพื่อร่วมกับหารือแนวทางการแก้ไขปัญหาค่าความเค็มรุกล้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะน้ำดิบที่ใช้ในการผลิตประปา

นายสัญญา แสงพุ่มพงษ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่าปัจจุบัน 4 เขื่อนหลักลุ่มเจ้าพระยา (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยฯ และเขื่อนป่าสักฯ) มีปริมาณน้ำรวมกันประมาณ 10,992 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 44 ของความจุอ่างฯรวมกัน เป็นปริมาณน้ำใช้การได้ 4,296 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 24 ของปริมาณน้ำใช้การรวมกันจากสถานการณ์น้ำทะเลหนุนสูง ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้แม่น้ำเจ้าพระยามีค่าความเค็มเพิ่มสูงกว่าเกณฑ์ปกติ ส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำประปาของการประปานครหลวง ที่บริเวณสถานีสูบน้ำดิบสำแล  จ.ปทุมธานี ปัจจุบัน(2 ก.พ. 64) เวลา 07.00น. วัดค่าความเค็มได้ 0.25 กรัมต่อลิตร (เกณฑ์เฝ้าระวัง 0.25 กรัมต่อลิตร มาตรฐานเพื่อการผลิตน้ำประปาไม่เกิน 0.50 กรัมต่อลิตร)  ทั้งนี้ เนื่องจากในปีนี้ปริมาณต้นทุนใน 4 เขื่อนหลักมีน้ำอยู่ในเกณฑ์น้อย ต้องสำรองไว้ใช้อุปโภคบริโภค รักษาระบบนิเวศ และไม้ผล ไม้ยืนต้นเป็นหลัก ไม่เพียงพอที่จะนำไปผลักดันความเค็มได้ตลอดเวลา

กรมชลประทาน ได้วางมาตรการเพื่อเร่งแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ด้วยการปรับแผนการระบายน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยาและเขื่อนพระรามหก เพื่อควบคุมค่าความเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่างให้สอดคล้องกับระดับการขึ้นลงของน้ำทะเล พร้อมสั่งการให้โครงการชลประทานในพื้นที่ตอนบน ขอความร่วมมือสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้างดสูบน้ำเข้าพื้นที่ในระหว่างการลำเลียงน้ำลงมายังพื้นที่ตอนล่าง ส่วนโครงการชลประทานในพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยา ให้จัดทำรายงานการเปิด-ปิดประตูระบายน้ำตลอดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ตั้งแต่ท้ายเขื่อนเจ้าพระยาไปจนถึงสถานีสูบน้ำสำแล จ.ปทุมธานี เพื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์ในการบริหารจัดการน้ำและควบคุมค่าความเค็มต่อไป ส่วนพื้นที่ด้านท้ายน้ำจะควบคุมการเปิด-ปิดประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์ จ.สมุทรปราการ ตามจังหวะการขึ้น-ลงของน้ำทะเลอย่างเคร่งครัด รวมไปถึงการบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักการระบายน้ำกรุงเทพมหานคร ในการระบายน้ำลงแม่น้ำเจ้าพระยาในช่วงเวลาน้ำลง พร้อมวางแผนร่วมกับการประปานครหลวง ปรับเพิ่มจำนวนชั่วโมงในการทำ water hammer operation เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และหากเกิดกรณีวิกฤติ จะผันน้ำจากลุ่มน้ำแม่กลองส่วนหนึ่งลงมาควบคุมค่าความเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยาได้อีกทางหนึ่งด้วย โดยไม่กระทบต่อการใช้น้ำในลุ่มน้ำแม่กลอง

ทั้งนี้ ได้สั่งการให้โครงการชลประทานที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ค่าความเค็มในแม่น้ำสายหลักต่างๆ อย่างใกล้ชิด พร้อมวางแผนบริหารจัดการน้ำโดยใช้อาคารชลประทานควบคุมการรับน้ำ เพื่อป้องกันความเค็มไม่ให้รุกล้ำเข้าไปในพื้นที่การเกษตร ลดผลกระทบที่จะเกิดกับประชาชนให้ได้มากที่สุด 

พีทีที สเตชั่น ต่อเวลาขายน้ำมันดีเซลกำมะถันต่ำสูตรพิเศษ ถึงสิ้นเม.ย. ช่วยลดปัญหา PM 2.5

0

นายบุญมา พลธนกรกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ (OR) เปิดเผยว่า ตามที่ โออาร์ ได้จำหน่ายน้ำมันอัลตร้าฟอร์ซ ดีเซลสูตรพิเศษกำมะถันต่ำ ที่สถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมไปถึงภาคกลาง และภาคตะวันออก เพื่อช่วยบรรเทาปัญหาจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) มาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2563 ที่ผ่านมา และจากการที่สถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 ในปัจจุบันยังคงสูงเกินค่ามาตรฐาน โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล โออาร์จึงได้ขยายเวลาจำหน่ายน้ำมันอัลตร้าฟอร์ซ ดีเซล สูตรพิเศษกำมะถันต่ำ ทั้งอัลตร้าฟอร์ซ ดีเซล อัลตร้าฟอร์ซ ดีเซล บี 7 และอัลตร้าฟอร์ซ ดีเซล บี20 ที่สถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น กว่า 400 แห่ง ไปจนถึงวันที่ 30 เมษายน 2564 เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยลดผลกระทบปัญหาด้านสุขภาพของประชาชน

ทั้งนี้ เมื่อเทียบในสัดส่วนไบโอดีเซลที่เท่ากัน การเปลี่ยนจากน้ำมันดีเซลพื้นฐานยูโร 4 มาเป็นน้ำมันดีเซลหมุนเร็วกำมะถันต่ำนี้ จะช่วยทำให้ปริมาณกำมะถันในน้ำมันลดลง ซึ่งส่งผลให้ปริมาณฝุ่นละลองขนาดเล็ก (PM2.5) ลดลง 19-21% และควันดำลดลง 19-40% (จากผลการทดสอบของ สถาบันนวัตกรรม ปตท. ในรถกระบะรุ่นเก่าอายุรถ 8 ปี และรถกระบะรุ่นใหม่ อายุรถ 3 ปี) โดยการผลิตน้ำมันอัลตร้าฟอร์ซ ดีเซล สูตรพิเศษกำมะถันต่ำนี้ เป็นความร่วมมือ ระหว่าง โออาร์ กับ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC โดย โรงกลั่นน้ำมันของ GC กลั่นน้ำมันดีเซลที่มีค่ากำมะถันต่ำเฉลี่ยประมาณ 10 PPM ซึ่งต่ำกว่าค่าที่กฎหมายกำหนด (50 PPM) ถึงประมาณ 5 เท่า และโออาร์นำน้ำมันดีเซลกำมะถันต่ำดังกล่าวมาผลิต เป็นน้ำมันอัลตร้าฟอร์ซ ดีเซล (UltraForce Diesel) สูตรพิเศษกำมะถันต่ำที่คลังน้ำมันพระโขนง ทำให้น้ำมันกลุ่มดีเซลทุกชนิดที่จ่ายจากคลังดังกล่าวเป็นน้ำมันดีเซลสูตรพิเศษกำมะถันต่ำ

นอกจากนี้ สถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น ยังจำหน่ายน้ำมันดีเซลเกรดพรีเมียม อัลตร้าฟอร์ซ ดีเซล พรีเมียม บี 7 (UltraForce Premium Diesel B7) ที่สถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น กว่า 1,000 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งเป็นน้ำมันที่ได้มาตรฐานยูโร 5 (Euro 5) จึงเป็นน้ำมันที่มีกำมะถันต่ำ และยังมีคุณสมบัติที่แรงกว่า และสะอาดกว่าน้ำมันดีเซลสูตรปกติอีกด้วย