Home Blog Page 366

ไทยยูเนี่ยน มอบพัดลม 500 เครื่องให้ศูนย์ห่วงใยคนสาคร

0

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเร็วๆนี้ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ซึ่งให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมอย่างต่อเนื่องแก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในจังหวัดสมุทรสาคร ล่าสุด ได้มอบพัดลมจำนวน 500 เครื่อง และรางปลั๊กไฟจำนวน 250 ชุด เพื่อสนับสนุนโรงพยาบาลสนาม ศูนย์ห่วงใยคนสาคร 8 วัฒนาแฟคตอรี่ (2) โดยการบริจาคครั้งนี้นี้ได้รับเกียรติจาก ดร. สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นผู้รับมอบ ณ โรงพยาบาลสนาม วัฒนาแฟคตอรี่ (2) ทั้งนี้อุปกรณ์ดังกล่าวจะนำไปใช้ประโยชน์สำหรับผู้ป่วยโควิด-19 ระหว่างการพักฟื้นที่โรงพยาบาลสนาม สำหรับโรงพยาบาลสนามแห่งนี้ มีเตียงรองรับผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 1,000 เตียง

จากพันธกิจที่จะให้ความช่วยเหลือชุมชนในพื้นที่ที่ไทยยูเนี่ยนมีการดำเนินธุรกิจอยู่ ก่อนหน้านี้บริษัทได้มีการบริจาคผลิตภัณฑ์จำนวน 36,600 ชิ้น และปลากระพงแล่แช่แข็งจำนวน 630 กิโลกรัม นับตั้งแต่เริ่มมีการกลับมาระบาดของโรคโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาครเมื่อเดือนธันวาคม 2563 เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ที่ถูกกักตัวและสนับสนุนทีมแพทย์และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในสาธารณะสุขจังหวัดสมุทรสาครที่กำลังทำงานเพื่อจัดการกับการระบาดรอบใหม่ของโรคโควิด-19

ภาพรวมตลาดหุ้นเดือนม.ค. ปรับตัวดีขึ้น แม้เจอโควิด-19 รอบใหม่

0

นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ภาพรวมของตลาดหลักทรัพย์ไทยเดือนมกราคมที่ผ่านมา ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวดีขึ้น แม้ว่าจะเผชิญปัจจัยลบจากโควิด-19 รอบใหม่ภายในประเทศ ทำให้ภาครัฐได้ออกมาตรการ partial lockdown และ จำกัดการเดินทางข้ามจังหวัดในบางพื้นที่ อย่างไรก็ดี ผลตอบรับเชิงบวกจากผลการชนะเลือกตั้งทั้งในสภาล่างและสภาบนของพรรคเดโมแครต (Blue Wave) และเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวดีขึ้น สอดคล้องกับภาพรวมการส่งออกไทยในเดือนธันวาคม 2563 ขยายตัวถึง 4.71% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 8 เดือนและสูงสุดในรอบ 22 เดือน ทำให้ SET Index ปิดในแดนบวก

โดยสิ้นเดือนม.ค. 64 SET Index ปิดที่ 1,466.98 จุด เพิ่มขึ้น 1.2% จากเดือนก่อน ซึ่งปรับเพิ่มขึ้นสูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์อื่นๆ ในภูมิภาค โดย MSCI ASEAN Index ปรับลดลง 1.9% เมื่อพิจารณารายอุตสาหกรรมเทียบกับสิ้นปี 2563 พบว่าหลายอุตสาหกรรมปรับตัวดีกว่า SET Index อาทิ กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร กลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มธุรกิจการเงิน กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค และกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม

ภาวะตลาดหลักทรัพย์ไทย

  • ณ สิ้นเดือนมกราคม 2564 SET Index ปิดที่ 1,466.98 จุด เพิ่มขึ้น 1.2% จากเดือนก่อน ซึ่งปรับเพิ่มขึ้นสูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์อื่นๆ ในภูมิภาค โดย MSCI ASEAN Index ปรับลดลง 1.9%
  • ในเดือนมกราคม 2564 หลายอุตสาหกรรมปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน โดยอุตสาหกรรมที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงกว่า SET Index อาทิ กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร กลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มธุรกิจการเงิน กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค และกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม
  • นอกจากนี้ ณ สิ้นเดือนมกราคม 2564 มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดของ mai เพิ่มขึ้น 6.26% โดย mai Index ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องมาปิดที่ระดับ 356.33 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงที่สุดในรอบ 18 เดือน
  • มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันรวมใน SET และ mai ในเดือนมกราคม 2564 อยู่ที่ 100,509 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 59.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยรายเดือนที่ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์เป็นเดือนที่สามติดต่อกัน และเป็นเดือนที่สองที่สภาพคล่องเกิน 1 แสนล้านบาท
  • ด้านผู้ลงทุนต่างชาติมีสถานะเป็นผู้ขายสุทธิเป็นเดือนแรกในรอบ 3 เดือน ด้วยมูลค่า 1.07 หมื่นล้านบาท          ผู้ลงทุนสถาบันในประเทศและกลุ่มบริษัทหลักทรัพย์ขายสุทธิด้วยมูลค่า 1.60 หมื่นล้านบาท และ 942 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่ผู้ลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิด้วยมูลค่า 2.76 หมื่นล้านบาท
  • ในเดือนนี้ผู้ลงทุนในประเทศมีสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายสูงสุดต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 11 คิดเป็น 46.61% ของมูลค่าการซื้อขายรวม เพิ่มขึ้นจากจากปีก่อนหน้าที่ 43.66%
  • Forward และ Historical P/E ของตลาดหลักทรัพย์ไทย ณ สิ้นเดือนมกราคม 2564 อยู่ที่ระดับ 19.0 เท่า และ 26.0 เท่าตามลำดับ สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 14.4 เท่า และ 22.7 เท่าตามลำดับ
  • อัตราเงินปันผลตอบแทน ณ สิ้นเดือนมกราคม 2564 อยู่ที่ระดับ 2.69% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ 2.35%

ภาวะตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า

  • ในเดือนมกราคม 2564 ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 573,172 สัญญา ลดลง 24.3% จากเดือนก่อน ที่สำคัญจาก Single Stock Futures และ SET50 Index Futures  ขณะที่มีปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นในกลุ่ม Gold Online Futures, 10 Baht Gold Futures, Silver Online Futures และ Agricultural Futures

รู้เก็บรู้ออม : ตอบทุกโจทย์การลงทุน

0

คราวที่แล้ว “คุณนายพารวย” พาไปรู้จัก SET e-Learning หลักสูตรออนไลน์ แหล่งความรู้การเงินการลงทุนแบบดิจิทัล ตามคอนเซปต์ อยู่บ้านหยุดเชื้อเพื่อชาติ…ก็เรียนรู้การลงทุนได้

มาวันนี้ตลาดหลักทรัพย์ฯ ในฐานะหน่วยงานที่มุ่งส่งเสริมและสนับสนุนการให้ความรู้กับประชาชนในการออมและการลงทุนจึงได้ฤกษ์เปิดตัวเว็บไซต์ https://www.setinvestnow.com เพื่อให้เป็นแหล่งรวมความรู้การลงทุนสำหรับนักลงทุนมือใหม่ ส่งเสริมให้คนไทยได้เรียนรู้และเริ่มลงมือลงทุน!!

โดยตลาดหลักทรัพย์ฯต้องการส่งเสริมและสนับสนุนให้คนไทยสนใจการออมการลงทุนและใช้เครื่องมือในตลาดทุนเพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายทางการเงินในอนาคตได้อย่างเหมาะสม จึงเดินหน้าขยายฐานผู้ลงทุนคุณภาพอย่างต่อเนื่อง

และจากข้อมูลในปี 2563 ที่ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์ฯพบว่าผู้ลงทุนและผู้ที่สนใจศึกษาข้อมูลการลงทุน ได้เข้ามาเรียนรู้ผ่านช่องทางออนไลน์ของตลาดหลักทรัพย์ฯเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีผู้เข้าใช้งานเว็บไซต์เฉลี่ยต่อเดือนกว่า 75 ล้านเพจวิว และมีจำนวนผู้ติดตามผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียกว่า 2 ล้านคน เติบโตมากกว่า 20% สะท้อนถึงความต้องการเรียนรู้การลงทุนในรูปแบบดิจิทัลที่เพิ่มสูงขึ้น

ล่าสุดตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้พัฒนาเว็บไซต์ http://www.setinvestnow.com  เพื่อรองรับการเข้าถึงผู้ลงทุนได้กว้างขึ้นผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล โดย http://www.setinvestnow.com มีความโดดเด่น ด้วยรูปแบบ personalization ที่ให้ผู้ลงทุนสามารถเลือกเรียนรู้เนื้อหา ผลิตภัณฑ์ และแนวทางการลงทุนที่เหมาะกับตนเอง

เพื่อให้ตอบโจทย์ได้ตรงตามไลฟ์สไตล์และเป้าหมายการลงทุนของแต่ละคนด้วยฟังก์ชันที่ใช้งานง่าย สะดวก รวดเร็ว โดยนำเสนอเนื้อหาที่หลากหลายรูปแบบ ทั้ง e-Learning, คลิปความรู้, บทความ, หนังสือออนไลน์ ฯลฯ

นอกจากนี้ ยังสามารถเชื่อมโยงนักลงทุน ไปสู่ผู้ให้บริการเพื่อเปิดบัญชีซื้อขายหุ้น กองทุนรวม และอนุพันธ์ได้ในทันทีผ่านหน้าเว็บไซต์นี้ และยังได้จัดทำแคมเปญและกิจกรรมที่น่าสนใจสำหรับผู้ลงทุนอย่างต่อเนื่อง

เรียกว่า เป็นเว็บไซต์ที่ตอบโจทย์ทุกการลงทุน สำหรับผู้ใฝ่รู้-ใฝ่รวย เพื่อความมั่งคั่งและอิสรภาพทางการเงินโดยแท้ “คุณนายพารวย” ชวนผู้อ่านมาร่วมเปิดโลกสู่ความมั่งคั่งไปพร้อมๆกัน


ที่มา คอลัมน์ รู้เก็บรู้ออมรู้ใช้รู้ลงทุน..สู่ความมั่งคั่ง โดยคุณนายพารวย หน้าเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

รู้เก็บรู้ออม : มีเงินน้อยก็ซื้อหุ้นมาร์เก็ตแคปใหญ่ได้

0

หน่วยงานให้ความรู้ทางการเงินรวมทั้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้พยายามส่งเสริมให้คนมีเงินออม นอกจากการออมที่เป็นตัวเงินแล้ว เรายังสามารถออมหุ้นหรือออมกองทุนได้ด้วยเพื่อสร้างผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้น แต่หลายคนบอกว่าขอเวลาไปเก็บเงินให้ได้เยอะๆก่อน เพราะคิดว่าคนที่ลงทุนในหุ้นได้ต้องเป็นคนรวยหรือมีเงินเยอะๆเท่านั้น!!

…นี่ถือเป็นความเข้าใจผิดอย่างมาก เพราะในความเป็นจริงแล้ว ไม่จำเป็นต้องมีเงินหลักหมื่นหรือหลักแสน มีเงินน้อยก็สามารถลงทุนในหุ้นได้ สัปดาห์นี้ “คุณนายพารวย” มีบทความที่น่าสนใจจากตลาดหลักทรัพย์ฯเรื่อง “มีเงิน 2,000 บาท ก็ซื้อหุ้นมาร์เก็ตแคปใหญ่ได้ด้วยวิธีลงทุนแบบ DCA” โดยสรุปได้ดังนี้

การลงทุนแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน (Dollar Cost Average : DCA) คือ การทยอยลงทุนแบบสม่ำเสมอด้วยจำนวนเงินที่เท่าๆกัน โดยอาจลงทุนเป็นรายเดือน หรือรายไตรมาส แล้วแต่จะกำหนดความถี่ ซึ่งวิธีนี้จะช่วยให้ได้ซื้อหุ้นทั้งในช่วงที่ภาวะการลงทุนดีและไม่ดี โดยไม่ต้องสนใจว่าราคาหุ้นที่เลือกลงทุน ตอนนั้นเป็นราคาเท่าไร จึงทำให้ได้ราคาต้นทุนแบบถัวเฉลี่ย และมีโอกาสได้ผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว

ซึ่งปัจจุบันมีบริษัท หลักทรัพย์หลายแห่ง ที่ให้บริการการลงทุนแบบ DCA โดยจะหักเงินจากบัญชีเงินฝากอัตโนมัติ เพื่อนำเงินไปลงทุนในหุ้นที่ได้เลือกไว้ว่าจะลงทุนทุกเดือนสม่ำเสมอ ทำให้ได้หุ้นที่มีราคาต้นทุนเฉลี่ยจากทุกสภาวะตลาดโดยเริ่มต้นลงทุนได้ตั้งแต่เฉลี่ยเดือนละ 1,000-2,000 บาทต่อเดือน ถือเป็นทางออกที่น่าสนใจสำหรับมือใหม่หัดลงทุน

โดยเราสามารถเลือกลงทุนในหุ้นมาร์เก็ตแคปใหญ่ที่มีปัจจัยพื้นฐานและผลประกอบการดี และลงทุนในระยะยาวได้ เนื่องจากมีโอกาสได้กำไรส่วนต่างจากราคาหุ้น (Capital Gain) รวมถึงหากเลือกหุ้นที่จ่ายเงินปันผลเป็นประจำ จะทำให้มีโอกาสได้ผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend) สม่ำเสมอด้วย

ตัวอย่างตารางทดลองการลงทุนในหุ้นมาร์เก็ตแคปใหญ่ 5 ตัว ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.51-30 ก.ย.63 ผ่านเครื่องมือ DCA Simulation โดยลงทุน 2,000 บาทต่อเดือน พบว่าได้รับผลตอบแทนทั้งกำไรจากราคาหุ้นและเงินปันผลที่น่าสนใจ ซึ่งข้อดีของการลงทุนแบบ DCA คือ ผู้ที่มีเงินลงทุนตั้งต้นไม่มาก แต่ต้องการสะสมหุ้นเพื่อให้เงินทำงาน และได้ผลตอบแทนที่สูงกว่าการฝากเงินไว้เฉยๆในธนาคาร

อีกทั้งไม่ต้องใช้เวลาติดตามข่าวสารหรือราคาหุ้นในตลาดมากนัก แต่ต้องท่องให้ขึ้นใจว่า “การลงทุนมีความเสี่ยง ต้องศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน” ทุกครั้ง วันนี้ “คุณนายพารวย” จึงอยากชวนพวกเราผู้ใฝ่รวยทั้งหลายเข้าไปศึกษาเรียนรู้เทคนิคการลงทุนแบบ DCA ทั้งในหุ้นและกองทุนรวม ผ่าน http://www.setinvestnow.com เว็บไซต์ที่รวมความรู้การลงทุนสำหรับมือใหม่ ตอบทุกโจทย์การลงทุน มีเงินน้อยก็ลงทุนหุ้นใหญ่ได้!!


ที่มา คอลัมน์ รู้เก็บรู้ออมรู้ใช้รู้ลงทุน..สู่ความมั่งคั่ง โดยคุณนายพารวย หน้าเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ก.ล.ต. จับมือ 12 หน่วยงาน เปิดเว็บ รู้เรื่องเงิน.com

0

นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ก.ล.ต. ร่วมกับกระทรวงการคลังโดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง หน่วยงานภาครัฐ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวม 12 แห่ง ได้แก่ ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารออมสิน ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด สำนักงานประกันสังคม กองทุนการออมแห่งชาติ และกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ จัดทำเว็บศูนย์รวม www.รู้เรื่องเงิน.com โดยมี ก.ล.ต. เป็นเว็บมาสเตอร์ดูแลข้อมูลให้ถูกต้องมีความทันสมัย

www.รู้เรื่องเงิน.com เป็นเว็บศูนย์รวมข้อมูลพื้นฐานในการสร้างทักษะบริหารจัดการเงินจากหน่วยงานภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสนับสนุนการเรียนรู้และพัฒนาทักษะทางการเงินด้วยตนเองของประชาชน โดยสามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างสะดวกและรวดเร็วจากแหล่งเดียว เหมาะสำหรับบุคคลทุกช่วงวัยตั้งแต่วัยเรียนไปจนถึงวัยเกษียณ สามารถเลือกสืบค้นได้จากอาชีพเฉพาะด้าน เช่น เกษตรกร ข้าราชการ ผู้มีรายได้ประจำ อาชีพอิสระ และเจ้าของกิจการ และสามารถสืบค้นได้จากหัวข้อที่สนใจ เช่น การทำความรู้จักผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงิน ความรู้การเงินดิจิทัล สิทธิและหน้าที่ของคนไทยด้านการเงิน มาตรการทางการเงินของภาครัฐ แนวทางการลงทุนเพื่อรองรับการเกษียณสุข และรูปแบบภัยทางการเงินที่ต้องระวัง รวมทั้งยังเป็นแหล่งรวมของช่องทางแจ้งเบาะแสและติดต่อกับหน่วยงานภาครัฐโดยตรง

การจัดทำเว็บศูนย์รวมด้านการเงินเพื่อคนไทย เป็นไปตามแผนพัฒนาตลาดทุนไทย ปี 2560-2564 และสอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2564 ที่ได้รับทราบข้อเสนอของคณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจ การเงิน และการคลัง วุฒิสภา เกี่ยวกับรายงานผลการพิจารณาศึกษา เรื่อง ความรอบรู้ทางการเงินของประชาชนไทย (Financial Literacy) ซึ่งเสนอแนะให้จัดทำช่องทางดิจิทัลเพื่อส่งเสริมและติดตามพัฒนาการของความรอบรู้ทางการเงินของประชาชนในวงกว้าง โดยการจัดทำเว็บไซต์รู้เรื่องเงิน.com นี้ มุ่งหวังให้ประชาชนทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงแหล่งความรู้ทางการเงินที่เชื่อถือได้ เรียนรู้และพัฒนาทักษะและบริหารจัดการเงินด้วยตนเอง สามารถเลือกผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่เหมาะสม รู้วิธีการทำเงินออมให้งอกเงยด้วยการลงทุน และมีภูมิคุ้มกันรู้ทันภัยกลโกงทางการเงิน ทั้งนี้ ก.ล.ต. ได้รับการสนับสนุนข้อมูลและความร่วมมือเป็นอย่างดีจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกแห่งในการเผยแพร่ข้อมูลผ่านบทความ อินโฟกราฟิก และคลิปวิดีโอ รวมถึงรูปแบบที่ทำให้เว็บไซต์ใช้งานได้สะดวก   

ก.ล.ต. ขอเชิญชวนทุกท่านศึกษาค้นคว้าความรู้ทางการเงินในเว็บศูนย์รวม www.รู้เรื่องเงิน.com แหล่งรวมความรู้ทางการเงินที่เป็นกลาง เชื่อถือได้ ที่จะช่วยพัฒนาความรู้เรื่องการเงินโดยครอบคลุมทุกด้าน เพิ่มทักษะชีวิตในเรื่องการใช้เงินเป็น จัดการหนี้ได้ มีเงินออมให้เพียงพอ และรู้จักลงทุนให้เงินออมงอกเงยได้พร้อมกันตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

CP FreshMart ทั่วไทย Big Cleaning Day รับตรุษจีนเสริมเฮง ลูกค้ามั่นใจไร้โควิด

0

นาย ชัยยุทธ ทิพย์สุวรรณพร รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า CP FreshMart ใส่ใจในความปลอดภัยให้ผู้บริโภคมาอย่างต่อเนื่อง คง 9 มาตรการเข้ม “สะอาด ปลอดภัย รวมใจต้านโควิด-19” และจัดกิจกรรม Big Cleaning Day พร้อมกันทุกสาขาทั่วประเทศ ทำความสะอาดร้านครั้งใหญ่ เพื่อเป็นส่วนหนี่งในการช่วยลดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่สาธารณะ สร้างความมั่นใจในสินค้าและบริการที่สะอาด ปลอดภัยให้กับลูกค้าทุกท่านโดยเฉพาะเทศกาลตรุษจีนที่กำลังจะมาถึง

โดย CP FreshMart กำหนดให้ Big Cleaning ทุกเดือน โดยเฉพาะสาขาที่อยู่ในพื้นที่สีแดง เพิ่มการทำความสะอาดอาทิตย์เว้นอาทิตย์ ควบคู่ไปกับการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโควิด พร้อมดูแลสุขภาพของพนักงานที่ปฏิบัติงานในร้านทุกคน เพื่อส่งมอบสินค้าและการบริการที่ได้มาตรฐานความสะอาดและปลอดภัยให้แก่ลูกค้าทั่วไทย และร่วมเป็นส่วนหนึ่งของสังคมฝ่าวิกฤตโควิด-19 ไปด้วยกัน

คุณชัยยุทธ กล่าวว่า สำหรับ “9 มาตรการคุมเข้มโควิด-19” ประกอบด้วย 1.ใช้น้ำยาทำความสะอาดร้านและจุดสัมผัส เช่นประตู ตู้แช่สินค้า ตะกร้า เป็นประจำทุก 2 ชั่วโมง 2.พนักงานในร้านต้องล้างมืออย่างสม่ำเสมอ 3.พนักงานใส่หน้ากากอนามัยเวลาปฏิบัติงานในร้าน 4.พนักงานสวมถุงมือระหว่างปฏิบัติงาน โดยเฉพาะการสัมผัสกับสินค้า 5.ทุกสาขาจัดเตรียมแอลกอฮอล์เจลให้ลูกค้าล้างมือก่อนเข้าร้าน 6.ร้านเตรียมถาดใส่เงิน และทำความสะอาดเหรียญและธนบัตรก่อนเก็บ 7.รณรงค์เรื่อง Social Distancing ให้ลูกค้ารักษาระยะห่าง ในการเข้าแถวชำระสินค้า 8.ส่งเสริมการจ่ายเงินผ่านระบบด้วย True Money Wallet และ 9.ซีพี เฟรชมาร์ท มีการบริการสั่งสินค้าออนไลน์และจัดส่งตรงถึงบ้านฟรี! ไม่มีขั้นต่ำ เพื่อลดความกังวลลูกค้าในการออกมาซื้อสินค้านอกบ้านด้วยCP FreshMart ติดตามสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างใกล้ชิด เพื่อดูแลความปลอดภัยของพนักงานและลูกค้าอย่างเต็มที่ และเพิ่มทางเลือกในการสั่งซื้อสินค้าหลากหลายช่องทาง ทั้งในร้าน ซีพี เฟรชมาร์ท กว่า 300 สาขาทั่วประเทศ หรือแอปพลิเคชัน CP FreshMart หรือโทร 1788 หรือ สั่งซื้อออนไลน์ที่ www.cpfreshmartshop.com

ออมสิน คว้ารางวัลสุดยอดองค์กรคุณภาพมาตรฐานโลก

0

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า สำนักงานรางวัลคุณภาพแห่งชาติ สถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ กระทรวงอุตสาหกรรม ประกาศให้ธนาคารออมสินเป็นองค์กรคุณภาพได้รับรางวัลคุณภาพแห่งชาติ Thailand Quality Award : TQA ประจำปี 2563 รางวัลอันทรงเกียรติสูงสุดที่มีความเป็นเลิศในการบริหารจัดการองค์กรทัดเทียมระดับมาตรฐานโลก ซึ่งธนาคารออมสินได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาและยกระดับการบริหารจัดการคุณภาพ โดยเริ่มศึกษาเกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติ และเข้ารับการตรวจประเมินองค์กรมาตั้งแต่ปี 2558 ต่อมาในปี 2560 ธนาคารได้รับรางวัล Thailand Quality Class และพัฒนาสู่รางวัล Thailand Quality Class (Plus) ด้าน Customer และด้าน Operation ในปี 2561-2562 ตามลำดับ จนมาประสบความสําเร็จได้รับรางวัลสูงสุด Thailand Quality Award ในปี 2563 เป็นปีที่ 6 ธนาคารที่ส่งผลงาน ถือเป็นรางวัลแห่งความมุ่งมั่นในการพัฒนาปรับปรุงและบริหารจัดการคุณภาพองค์กรสู่ความเป็นเลิศอย่างแท้จริง

ในปี 2563 ที่ผ่านมา ทั่วโลกต่างได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ธนาคารออมสินมีบทบาทอย่างมากในการช่วยเหลือประชาชนและผู้ประกอบการ ผ่านมาตรการต่าง ๆ ที่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาล ธนาคารสามารถปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว มีการนำเอาช่องทางบริการรูปแบบดิจิทัลมาให้บริการสินเชื่อผ่านแอปพลิเคชัน MyMo เป็นครั้งแรก เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานของธนาคารภายใต้มาตรการเว้นระยะห่าง โดยธนาคารสามารถปล่อยสินเชื่อช่วยเหลือผู้เดือดร้อนได้เป็นจํานวนมาก ไม่ว่าจะเป็นมาตรการเยียวยา 5,000 บาท ตามโครงการ “เราไม่ทิ้งกัน” มาตรการพักหนี้ชําระหนี้บรรเทาภาระ มาตรการให้สินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องและฟื้นฟูให้กลับมาประกอบอาชีพได้ สามารถให้บริการลูกค้ามากกว่าการให้บริการในภาวะปกติถึง 3 เท่า ช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบแล้วกว่า 5 ล้านราย

“ธนาคารออมสิน เป็นสถาบันการเงินของรัฐ ที่ก่อตั้งมาเป็นระยะเวลา 108 ปี ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง ปัจจุบันธนาคารมีสินทรัพย์ 2.9 ล้านล้านบาท ดูแลลูกค้ากว่า 22 ล้านราย ภารกิจที่ธนาคารดำเนินการกว่าร้อยละ 80 เป็นภารกิจเชิงสังคมและตอบสนองนโยบายของรัฐบาล สำหรับทิศทางยุทธศาสตร์ใน 5 ปีข้างหน้า ธนาคารออมสินมุ่งขับเคลื่อนสู่การเป็น “ธนาคารเพื่อสังคม หรือ Social Bank” อย่างต่อเนื่องจริงจัง โดยธนาคารยังได้เข้าร่วมลงนามรับในหลักการของ Responsible Banking กับ สหประชาชาติ หรือ UNEP FI เพื่อพัฒนาการดำเนินงานตามมาตรฐานสากลและมุ่งเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ช่วยแก้ปัญหาความยากจน และลดความเหลื่อมล้ำ ” ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าว

Ookla การันตี เอไอเอส ไฟเบอร์ เน็ตบ้านเร็วแรงเบอร์ 1 ของไทย

0

นายกิตติ งามเจตนรมย์ หัวหน้าฝ่ายงานบริหารธุรกิจฟิกซ์ บรอดแบนด์ เอไอเอส เปิดเผยว่า  Ookla® Speedtest® ประกาศให้ AIS Fibre  ได้รับรางวัล เครือข่ายอินเทอร์เน็ตบ้านที่เร็วที่สุด ในประเทศไทย -Thailand’s Fastest ISP 2 ปีซ้อน (ปี 2019-2020) โดยผลล่าสุด ในปี 2020  AIS Fibre ยังคงเป็นอันดับหนึ่ง ด้วยคะแนนความเร็วในการให้บริการอินเทอร์เน็ต Speed Score 137.94 ความเร็วเฉลี่ยการดาวน์โหลด 407.81 Mbps ความเร็วเฉลี่ยการอัปโหลด 299.44 Mbps สอดคล้องกับรายงานก่อนหน้านี้ที่  Ookla ได้เผยผลการทดสอบความเร็วการดาวน์โหลดของอินเทอร์เน็ตทั่วโลกในปี 2020 ว่า  อินเทอร์เน็ตบ้านของไทย มีความเร็วเฉลี่ยในการดาวน์โหลดสูงเป็นอันดับ 1 ของโลก โค่นแชมป์เก่าอย่างสิงคโปร์และฮ่องกงขาดลอย ซึ่งแน่นอนว่า ผลจากความทุ่มเทของชาว AIS Fibre ทุกคนเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ประเทศไทยได้รับการยอมรับถึงการยกระดับคุณภาพการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล อันเป็นดัชนีชี้วัดสำคัญสู่ความเชื่อมั่นในระดับสากลจากรายงานดังกล่าว

ทั้งนี้ Ookla® Speedtest® เป็นผู้ให้บริการทดสอบความเร็วอินเทอร์เน็ตอันดับ 1 ของโลก  มีผู้ใช้มากกว่า 500 ล้านรายใน 190 ประเทศทั่วโลก มีการทดสอบมากกว่า 10 ล้านครั้งต่อวัน ปัจจุบัน Ookla มีจำนวนการทดสอบมาแล้วกว่า 30,000 ล้านครั้งทั่วโลก ด้วยความแม่นยำและได้รับการยอมรับในมาตรฐานสากล พร้อมทั้งเป็นแอป สปีดเทสที่คนไทยนิยมใช้มากที่สุด

นายกิตติ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ เอไอเอสยังได้ออกแบบเเพ็กเกจแรกในเมืองไทยที่คุ้มค่าและดูแลลูกค้าที่ต้อง Work From Home, Learn From Home, Entertainment@Home ได้ตลอดเวลา ด้วยเเพ็กเกจ “บรอดแบนด์24” ที่มั่นใจได้ว่า ค่าดาวน์โหลดและอัปโหลดจะมีทั้งความความเร็วและความเสถียร พร้อมฟีเจอร์ Speed Toggle ที่ปรับสปีดความเร็วเพื่อใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพสูงสุดถึง 1 Gbps ตอบโจทย์การใช้งานในครอบครัวที่มีหลากหลายอุปกรณ์ โดย AIS Fibre เป็นรายแรกที่อำนวยความสะดวกในการนัดติดตั้งเร็วภายใน 24 ชั่วโมงจากทีมช่างมืออาชีพอีกด้วย ทั้งหมดนี้คือ ความทุ่มเทเพื่ออยู่เคียงข้างคนไทยให้สามารถรับมือกับความท้าทายจากสถานการณ์ปัจจุบันไปได้อย่างดีที่สุด

เเพ็กเกจบรอดแบนด์24 มาพร้อมความโดดเด่น ได้แก่

–          ความเร็วสูงถึง 500/500 Mbps ในราคาเพียง 599 บาท/เดือน นาน 24 เดือน (ลูกค้า AIS ลด 10% เพียง 539 บาท/เดือน) พร้อมเป็นรายเดียวที่มีฟีเจอร์ Speed Toggle ให้ปรับสปีดความเร็วได้สูงสุดถึง 1 Gbps โดยสามารถปรับ Overdrive Download ที่ 1000/300 Mbps หรือ Overdrive Upload ที่ 300/1000 Mbps ได้ฟรี ไม่จำกัดจำนวนครั้ง ผ่าน myaisfibre.com  หรือ AIS Fibre LINE Connect

–          อำนวยความสะดวกกับบริการติดตั้งเร็วภายใน 24 ชั่วโมง ในทุกช่องทางการสมัคร (ยกเว้นการสมัครด้วยตนเองผ่านเว็บไซต์) และเอกสารการสมัครครบถ้วน โดยสามารถติดต่อทำรายการ หรือแจ้งปัญหาได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งผ่าน AIS Call Center 1175 และ AIS Fibre LINE Connect รวมทั้งการรับประกันงานซ่อม การแก้ไขปัญหาการใช้งานให้จบภายใน 24 ชั่วโมงเช่นกัน (นับระยะเวลาตั้งแต่ลูกค้าแจ้งปัญหา ยกเว้นกรณีภัยพิบัติธรรมชาติและพื้นที่ที่ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าปฏิบัติการ)

–          มาพร้อม SuperMESH WiFi Router มาตรฐานใหม่ของเราท์เตอร์เมืองไทย ซึ่งถือเป็นรายแรกและรายเดียว ที่พัฒนาเราท์เตอร์มาตรฐานจากเทคโนโลยีดีที่สุด โดยลูกค้าสามารถสมัครใช้บริการเสริม AIS Fibre MESH WiFi เพียงเดือนละ 100 บาทต่อจุด เชื่อมต่อทั้งบ้านเป็นโครงข่าย Mesh WiFi ช่วยกระจายสัญญาณให้เร็วแรง  หมดปัญหาจุดอับสัญญาณภายในบ้าน กระจายสัญญาณเร็วแรง ครอบคลุมทั่วทุกห้องในบ้าน โดยทีมช่างติดตั้งผู้ชำนาญการ

–          สามารถเลือกเพิ่มบริการเสริม AIS PLAYBOX เพียง 100 บาทต่อเดือน พร้อมฟรี แพ็กเกจ PLAY FAMILY นาน 24 เดือน รับชมหนัง ซีรีส์ คอนเสิร์ต และรายการทีวีมากมาย พร้อมช่องพรีเมี่ยมดังระดับโลกถึง 10 ช่อง

“เราจะยังคงเดินหน้าส่งมอบประสบการณ์จากอินเทอร์เน็ตบ้านที่ดีที่สุดในทุกมิติ และยืนยันคุณภาพเป็นเลิศในทุกขั้นตอนแบบ End To End  เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยอย่างต่อเนื่อง” นายกิตติ กล่าวย้ำ

ทิพยประกันภัย ใจป้ำ “คุ้มครองการฉีดวัคซีนโควิด-19” สูงสุด 1 ล้านบาท รับตรุษจีน-วาเลนไทน์

0

ดร.สมพร สืบถวิลกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ทิพยฯ ขยายความคุ้มครองสำหรับลูกค้าที่ถือกรมธรรม์ ประกันภัยโควิด-19 ของบริษัทฯ ให้ฟรี โดย“คุ้มครองการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19” กรณีหากเกิดภาวะแทรกซ้อน หรือ ผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนและต้องเข้ารับการรักษาพยาบาลเป็นผู้ป่วยใน (IPD) หรือ หากเกิดภาวะโคม่า ก็จะได้รับความคุ้มครองเท่ากับกรมธรรม์ที่ลูกค้าได้ถือไว้ สุงสูดถึง 1,000,000 บาท (ตามเงื่อนไขของกรมธรรม์)

และสำหรับลูกค้าใหม่ที่ซื้อกรมธรรม์ประกันภัยโควิด-19 ของทิพยประกันภัย ก็จะได้รับความคุ้มครองนี้ด้วยเช่นกัน ถือเป็นความห่วงใย และเป็นของขวัญในช่วงเทศกาลวันตรุษจีนและวาเลนไทน์ให้กับลูกค้าและประชาชนจากทิพยประกันภัย ในช่วงที่ยังคงมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 และ เพื่อสร้างความอุ่นใจและเชื่อมั่น ในการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 อีกด้วย

ทรีนีตี้ เตรียมเปิดจองซื้อ ‘หุ้นกู้ JMART’ 9-11 มี.ค.นี้

0

“ทรีนีตี้” เตรียมเปิดจองซื้อ “หุ้นกู้ JMART” เสนอขายประชาชนทั่วไปและ/หรือผู้ลงทุนสถาบัน จำนวน 2 ชุด อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.20-4.60% จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน ตลอดอายุหุ้นกู้  คาดเปิดจองซื้อ 9-11 มี.ค.นี้

บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ ของ บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) (JMART) เตรียมเปิดจองซื้อหุ้นกู้ JMART ครั้งที่ 1/2564 ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน ตลอดอายุหุ้นกู้ จำนวนจองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท เสนอขายให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไป และ/หรือผู้ลงทุนสถาบัน (PO) คาดว่าจะเปิดให้จองซื้อ ระหว่างวันที่  9-11 มีนาคม 2564  ทั้งนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายกับสำนักงาน ก.ล.ต. และยังไม่มีผลบังคับใช้

หุ้นกู้ดังกล่าว มีจำนวน 2 ชุด รายละเอียดดังนี้ ชุดที่ 1 มีอายุ 2 ปี 6 เดือน อัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 4.20 ต่อปี ครบกำหนดไถ่ถอน ปี 2566 ชุดที่ 2  มีอายุ 3 ปี 6 เดือน อัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 4.60 ต่อปี  ครบกำหนดไถ่ถอน ปี 2567

สำหรับ หุ้นกู้ของบริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) (JMART) ครั้งนี้ ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับ“BBB-” แนวโน้ม “Stable” โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2564 ผู้สนใจดูรายละเอียดได้ที่  https://www.trinitythai.com/th/Service/Debenture/119 หรือสอบถามเพิ่มเติม โทร  02-343-9541