Home Blog Page 365

FSMART จับมือ SABUY เติมเงินเข้า E-Wallet SABUY MONEY ที่ตู้บุญเติม

0

นายณรงค์ศักดิ์ เลิศทรัพย์ทวี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ FSMART เปิดเผยว่า FSMART ร่วมกับ บริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน)หรือ “SABUY” เปิดบริการเติมเงินเข้า SABUY Money Wallet ผ่านตู้บุญเติม โดยสามารถใช้บริการนี้เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน เป็นต้นไป โดยความร่วมมือครั้งนี้ เชื่อว่าจะสร้างประโยชน์สูงสุดให้กับทั้ง 2 บริษัท และเป็นการอำนวยความสะดวก สร้างความหลากหลาย ให้กับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ  และในอนาคตอาจเห็นความร่วมมือในการพัฒนาเครือข่ายช่องทางอัตโนมัติและเทคโนโลยีด้านต่างๆเกิดขึ้นได้อีกหลายด้าน

“ถือเป็นความร่วมมือครั้งสำคัญของผู้ประกอบการตู้อัตโนมัติที่ประกาศร่วมเป็นพันธมิตรกันจากที่ผ่านมาธุรกิจนี้ถูกมองว่ามีการแข่งขันสูง แต่ในครั้งนี้การที่บริษัทเข้าไปร่วมเพื่อให้บริการเติมเงินเข้า E-Wallet  กับ สบาย เทคโนโลยี เชื่อว่าเป็นความร่วมมือที่ดีสำหรับทั้ง 2 ฝ่าย โดยมีเป้าหมายหลัก คือการเพิ่มความสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย และบริการที่ครบด้านแก่กับลูกค้าทุกระดับ” นายณรงค์ศักดิ์ กล่าว

ปีนี้ FSMART มีเป้าหมายชัดเจนในการรุกธุรกิจเป็นตัวแทนธนาคาร Banking Agent แบบครบวงจร ทั้งให้บริการฝากเงิน โอนเงิน เปิดบัญชีธนาคารผ่านบริการแสดงตัวตน และปีนี้เตรียมเปิดให้บริการตู้ถอนเงินสดผ่าน”ตู้บุญเติม” (Mini ATM) โดยวางเป้าหมายให้ “ตู้บุญเติม” เปรียบเสมือนสาขาธนาคารในชุมชน ที่สามารถทำธุรกรรมทางการเงินได้ครบวงจรภายในตู้เดียว ซึ่งจะทำให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงบริการธนาคารได้มากขึ้น ทั้งนี้ คาดว่าปี 2564 จะมีจำนวนธุรกรรม Banking Agent เพิ่มขึ้นกว่า 30% จากปี 2563 ที่ปัจจุบันเป็นตัวแทนให้บริการทางการเงินกับ 6 ธนาคาร และอยู่ระหว่างเจรจากับธนาคารพาณิชย์เพิ่มเติม มั่นใจว่าจากบริการใหม่ที่เพิ่มเข้ามาจากความร่วมมือกับสบาย เทคโนโลยี จะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้บริษัทบรรลุเป้าหมายของปีนี้ 

ปัจจุบัน ตู้บุญเติมของ FSMART กระจายในทุกชุมชนทั่วประเทศกว่า 130,000 ตู้ ให้บริการครบวงจรมากที่สุดครอบคลุม 86 บริการ ตลอด 24 ชั่วโมงไม่มีวันหยุด พร้อมลูกค้าที่ใช้บริการอย่างต่อเนื่องกว่า 20 ล้านคน

นายวิรัช มรกตกาล กรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานพาณิชย์และการลงทุน บริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า  SABUY ได้เปิดตัว SABUY Money Wallet (SBM Wallet)  ไปเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา โดย SBM เป็นบริการ E-Wallet ที่มาเติมเต็มให้กับ Eco-system ของ SABUY ไม่ว่าจะเป็นการซื้อสินค้า เครื่องดื่ม จากเวนดิ้งพลัสและพาร์ทเนอร์ต่างๆ ผ่านตู้เวนดิ้งแมชชีน, หรือการใช้งานร่วมกับระบบ SABUY POS และ Food court system จากทาง SABUY Solution โดย SBM สามารถใช้เป็นบริการ Electronic Payment  CRM  และ Loyalty Program ผ่านทางระบบจาก SABUY Solutions และ SABUY Exchange ได้อีกด้วย  และในอนาคตทาง SBM Wallet มีแผนที่จะเปิดให้บริการเติมเงินผ่านบัตรเครดิต รวมมีแผนงานที่จะขออนุมัติการโอนเงินจาก Wallet ผ่าน Wallet จากธนาคารแห่งประเทศไทย ด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งเราคาดว่า SBMWallet จะเป็นการสร้างประสบการณ์ให้ทางพาร์ทเนอร์และลูกค้าให้ได้รับความสะดวกสบายสูงสุด

ในระยะแรก บริษัทเปิดให้บริการผ่าน  E-Wallet Application  สำหรับลูกค้าที่ Download Application SBM Wallet และลงทะเบียนในระบบเรียบร้อย เมื่อชำระซื้อสินค้าและเครื่องดื่มจากตู้เวนดิ้งพลัส ผ่านทาง SBM WalletApplication จะได้ลดทันที 1 บาท ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

ปัจจุบันลูกค้าสามารถเติมเงินเข้า SBM Wallet ผ่านได้ 2 ช่องทาง โดยผ่านทางการเติมเงินจากตู้เติมสบายพลัสที่มีอยู่กว่า 54,000 ตู้ทั่วประเทศ และอีกช่องทางหนึ่งเป็นการเติมผ่านระบบ Bill Payment , ATM และ เคาน์เตอร์ธนาคาร(ใช้ Barcode) ซึ่งทาง SABUY เองมีความตั้งใจที่จะขยายช่องทางการเติมเงินให้หลากหลายยิ่งขึ้น ซึ่งช่องทางการเติมเงินผ่านทางตู้เติมเงินนับเป็นช่องทางที่ผู้บริโภคคุ้นเคยอยู่แล้ว

ดังนั้นการเปิดบริการในครั้งนี้ของตู้เติมสบายพลัสและตู้บุญเติมซึ่งถือเป็นผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดตู้เติมเงิน จึงถือเป็นการเปิดโอกาสทำให้ช่องทางในการเติมเงินเข้า SBM Wallet เพิ่มมากขึ้นอีกกว่า 130,000 จุด ผ่านทางตู้บุญเติม ทำให้หลังจากเปิดบริการเติมเงินเข้า SBM Wallet ผ่านตู้บุญเติมแล้ว จะทำให้ SBM Wallet มีจุดเติมเงินเพิ่มขึ้นรวมแล้วกว่า 200,000 จุดทั่วประเทศ”

 “การร่วมมือกันในครั้งนี้ของ SABUY และ FSMART ผู้ให้บริการตู้เติมเงินบุญเติม ถือเป็นครั้งแรกของการเปิดการร่วมมือกันในรูปแบบที่แตกต่างออกไป และยังสามารถต่อยอดไปสู่การร่วมมืออื่นๆที่หลากหลายยิ่งขึ้น โดยเราต่างมีเป้าหมายที่ตรงกันในการร่วมมือกันเพื่อพัฒนาระบบเทคโนโลยี เพื่อประโชน์สูงสุดของผู้บริโภคได้อีกเช่นเดียวกัน” นายวิรัช กล่าวทิ้งท้าย

รักษาการ อธิบดีชป. ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำเจ้าพระยาและท่าจีน

0

นายสัญญา  แสงพุ่มพงษ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมชลประทาน พร้อมด้วย นายปกรณ์  สุตสุนทร ผู้เชี่ยวชาญด้านที่ปรึกษาด้านอุทกวิทยา  และนายประยูร เย็นใจ ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมชลประทาน ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำ และค่าความเค็ม รวมทั้งแนวทางการป้องกันน้ำเค็มรุกล้ำ ตลอดจนการติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพื่อรักษาระบบนิเวศในแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำท่าจีน บริเวณประตูระบายน้ำและสถานีสูบน้ำสิงหนาท 2 จ.พระนครศรีอยุธยา ประตูระบายน้ำพระยาบรรลือ จ.สุพรรณบุรี ประตูระบายน้ำพระพิมล และประตูระบายน้ำคลองจินดา จ.นครปฐม

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากในช่วงวันที่  11 – 14 กุมภาพันธ์ 2564 นี้ จะเกิดสถานการณ์น้ำทะเลหนุนสูงอีกครั้ง  จึงได้สั่งการให้โครงการชลประทานที่เกี่ยวข้อง เตรียมความพร้อมในการบริหารจัดการน้ำบนพื้นฐานที่มีทรัพยากรน้ำอย่างจำกัด โดยให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ในส่วนของประตูระบายน้ำและอาคารชลประทาน ที่อยู่บริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำท่าจีน ให้งดรับน้ำเข้าพื้นที่เพื่อเป็นการป้องกันน้ำเค็มเข้าสู่พื้นที่การเกษตรและใช้มวลน้ำ ที่มีในการผลักดันความเค็ม จึงขอความร่วมมือทุกภาคส่วนร่วมใจกันใช้น้ำอย่างประหยัด โดยเฉพาะคนเมืองหลวงและปริมณฑลที่ใช้น้ำจากการประปานครหลวง เพื่อให้ปริมาณน้ำที่มีอยู่อย่างจำกัด เพียงพอใช้อย่างทั่วถึงและเป็นธรรม ตลอดฤดูแล้งนี้ไปจนถึงต้นฤดูฝนหน้า

เปิดรับลงทะเบียน’เราชนะ’ สำหรับปชช.กลุ่มที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ 15-25 ก.พ.นี้

0

นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยรายละเอียดการเปิดรับลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการเราชนะ สำหรับประชาชนกลุ่มที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ เช่น ไม่สามารถเข้าถึงระบบอินเทอร์เน็ต ไม่มีสมาร์ทโฟนทำให้ไม่สามารถใช้งานแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ได้ ผู้ที่อยู่ในภาวะพึ่งพิง อาทิ ผู้สูงอายุ ผู้พิการทุพพลภาพ ผู้ป่วยติดเตียงที่ไม่สามารถเดินทางไปลงทะเบียนเองหรือเดินทางไปใช้จ่ายวงเงินสิทธิ์ที่ได้รับผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ได้ เป็นต้น โดยประชาชนกลุ่มดังกล่าวสามารถลงทะเบียนได้ระหว่างวันที่ 15 – 25 กุมภาพันธ์ 2564 ที่สาขาของธนาคารกรุงไทย หรือจุดบริการเคลื่อนที่รับลงทะเบียนซึ่งกระทรวงการคลังได้ขอความร่วมมือจากกระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ดำเนินการร่วมกับธนาคารกรุงไทยในการให้มีจุดบริการเคลื่อนที่เพื่ออำนวยความสะดวกในการลงพื้นที่รับลงทะเบียนให้แก่บุคคลกลุ่มดังกล่าว

สำหรับประชาชนในกลุ่มดังกล่าว ขณะนี้อยู่ระหว่างการนำเสนอคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ.2563 เพื่อนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี โดยในเบื้องต้นประชาชนกลุ่มดังกล่าว ต้องนำบัตรประชาชนแบบสมาร์ทการ์ด (Smart Card) ไปใช้ประกอบการลงทะเบียนขอรับสิทธิ์โครงการฯ โดยต้องพิสูจน์และยืนยันตัวตนโดยการเสียบบัตรประจำตัวประชาชน (Dip Chip) ผ่านเครื่องรูดบัตรอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Data Capture หรือ EDC) พร้อมกำหนดรหัส (PIN Code) ได้ที่สาขาของธนาคารกรุงไทย หรือจุดบริการที่ธนาคารกรุงไทยกำหนด

ทั้งนี้ ประชาชนที่ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติและได้รับอนุมัติวงเงินสิทธิ์จะได้รับวงเงินสิทธิ์สนับสนุนเป็นรายสัปดาห์ จำนวนไม่เกิน 3,500 บาทต่อเดือน เป็นระยะเวลา 2 เดือน โดยสามารถใช้จ่ายวงเงินผ่านบัตรประจำตัวประชาชน สำหรับการซื้อสินค้าหรือชำระค่าบริการจากร้านค้าในโครงการธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น ร้านค้าในโครงการคนละครึ่งที่ตกลงยินยอมเข้าร่วมโครงการฯ และผู้ประกอบการ/ร้านค้า/บริการที่เข้าร่วมโครงการฯ โดยวงเงินที่ได้รับจากโครงการฯ สามารถสะสมได้ แต่จะสามารถใช้จ่ายได้ไม่เกินวันที่ 31 พฤษภาคม 2564

สำหรับกลุ่มประชาชนที่อยู่ในระบบฐานข้อมูลของแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” และกลุ่มประชาชนทั่วไปที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ทางเว็บไซต์ www.เราชนะ .com แล้วพบว่า “ไม่ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติ” สามารถยื่นขอทบทวนสิทธิ์ผ่านทางเว็บไซต์ www.เราชนะ .com ได้ ทั้งนี้ สำหรับกลุ่มผู้ที่ไม่ผ่านคุณสมบัติเรื่องเงินได้พึงประเมิน และมีความประสงค์ให้ตรวจสอบข้อมูลเงินได้พึงประเมินในปีภาษี 2563 ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของปีภาษี 2563 ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตของกรมสรรพากรภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ยื่นขอทบทวนสิทธิ์ แต่ทั้งนี้ต้องไม่เกินวันที่ 8 มีนาคม 2564 สำหรับผู้ที่ได้ยื่นขอทบทวนสิทธิ์ตั้งแต่วันที่ 8 – 9 กุมภาพันธ์ 2564 จะต้องยื่นแบบฯ ภายในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2564

ทั้งนี้ ที่ผ่านมากระทรวงการคลังพบว่ามีประชาชนหรือร้านค้าที่ใช้จ่ายวงเงินสิทธิ์ผิดวัตถุประสงค์ของโครงการฯ ซึ่งกระทรวงการคลังได้มีการประสานขอความร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการติดตาม ตรวจสอบ และดำเนินการทางกฎหมายในประเด็นดังกล่าวแล้ว หากตรวจสอบพบว่ามีการกระทำผิดเงื่อนไขจริง จะระงับการใช้แอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ของร้านค้าตลอดจนระงับการจ่ายเงินให้กับร้านค้าทันที รวมถึงระงับการใช้แอปพลิเคชั่น “เป๋าตัง” ด้วย และจะดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป จึงขอความร่วมมือประชาชนรักษาสิทธิ์ของตนเอง และขอให้ร้านค้าและประชาชนปฏิบัติตามหลักเกณฑ์เงื่อนไขของโครงการฯ สำหรับประชาชนที่พบเห็นพฤติกรรมที่ไม่เป็นไปตามเงื่อนไขของโครงการฯ สามารถแจ้งเบาะแสรวมถึงส่งหลักฐานเกี่ยวกับการกระทำผิดเงื่อนไขโครงการฯ ถึง “คณะทำงานพิจารณาตรวจสอบข้อมูลและเรื่องร้องเรียนสำหรับโครงการฯ” ทางไปรษณีย์มาได้ที่สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง ถนนพระราม 6แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400 หรือทางไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (e-Mail Account) [email protected]

ซีพี ออลล์ คว้ารางวัลความยั่งยืน Silver Class โดย S&P Global

0
ธานินทร์ บูรณมานิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซีพี ออลล์

นายธานินทร์ บูรณมานิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซีพี ออลล์ เปิดเผยว่า The Sustainability Yearbook 2021 ซึ่งจัดทำโดย S&P Global ผู้ให้บริการข้อมูลด้านการเงิน และการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับโลก ได้เผยแพร่รายชื่อบริษัทชั้นนำด้านความยั่งยืน ปรากฏว่า บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่น และเซเว่น เดลิเวอรี่ ได้รับรางวัลความยั่งยืนระดับ Silver Class ในกลุ่มอุตสาหกรรม Food & Staples Retailing ถือเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ความมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจตามเป้าหมายด้านความยั่งยืน โดยคำนึงถึงผู้มีส่วนร่วมทุกภาคส่วน

นอกจากจะเป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงการให้ความสำคัญต่อแนวทางความยั่งยืนทั้งด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล ของซีพี ออลล์ แล้ว ยังแสดงถึงการเตรียมพร้อมรับกระแสความเปลี่ยนแปลง หรือปัจจัยภายนอกที่คาดไม่ถึง ดังที่ได้รายงานฉบับนี้ได้กล่าวถึงแรงผลักดันในอุตสาหกรรมไว้ว่า ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีได้เข้ามากำหนดรูปแบบธุรกิจ และห่วงโซ่แห่งคุณค่าทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) บริษัทจึงได้นำนวัตกรรมใหม่ๆ มาใช้ยกระดับรูปแบบการให้บริการ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่มุ่งสู่ความยั่งยืนมากขึ้น อาทิ ด้านสุขภาพ และความปลอดภัย เป็นต้น

“ปณิธานร่วมสร้างสรรค์และแบ่งปันโอกาสให้ทุกคน คือสิ่งที่ซีพี ออลล์ ยึดมั่นเสมอมา เพื่อถักทอห่วงโซ่คุณค่าโดยปรารถนาให้ทุกกลุ่มมีความสุข ตามค่านิยม 3 ประโยชน์ของเครือเจริญโภคภัณฑ์ ได้แก่ ประเทศชาติ ประชาชน และองค์กร ขณะเดียวกัน เพื่อบรรลุพันธกิจ มุ่งสร้างความผูกพันกับลูกค้าด้วยสินค้า และบริการที่เปี่ยมด้วยนวัตกรรม พร้อมทั้งสร้างสัมพันธภาพที่ดีกับชุมชน และสังคม เทคโนโลยีต่างๆ ถูกนำมาเชื่อมโยงเราเข้าด้วยกันอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ดังที่เห็นจากบริการใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นบริการเดลิเวอรี่ หรือ ALL Online ซึ่งล้วนแต่ผสานรวมเข้าไว้ด้วยกันภายใต้กรอบ ESG เพื่อความยั่งยืน” นายธานินทร์ กล่าว

สำหรับการประเมินผลการดำเนินงานด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนใน The Sustainability Yearbook 2021 จะใช้แบบประเมินเรียกว่า corporate sustainability assessment หรือ CSA ที่ใช้ในการจัดอันดับดัชนีความยั่งยืนดาวน์โจน หรือ Dow Jones Sustainability Indices (DJSI) โดยในปีนี้มี 7,032 บริษัท จาก 61 กลุ่มอุตสาหกรรมที่เข้ารับการประเมิน ซึ่งระดับ Silver Class นั้นจะต้องได้คะแนนอย่างน้อย 57 และอยู่ในช่วงร้อยละ 1-5 คะแนนของบริษัทที่มีผลดำเนินการด้านความยั่งยืนสูงสุดของแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรม

เมืองไทยสไมล์คลับ จัดกิจกรรมตรุษจีน 2021 มอบความสุขให้สมาชิก

0

นายสาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัท จัดกิจกรรม “CHINESE NEW YEAR SET 2021” ส่งมอบความสุขแก่สมาชิกเมืองไทยสไมล์คลับ เพื่อเป็นการฉลองปีวัวและต้อนรับเทศกาลตรุษจีน 2021 พร้อมทั้ง ตอกย้ำความเป็นผู้นำในด้านความคุ้มครองสุขภาพ โดยสมาชิกสามารถแลกคะแนนสะสม 1,000  Smile Points รับสิทธิ์จองร้านอาหาร พร้อมเลือก Set อาหารจากร้านอาหารที่ร่วมรายการ ณ ร้านเล่งหงษ์ ร้าน Four Seasons Chinese และร้านแสนยอด (1,000 คะแนน / 1 Set ชุดอาหารมูลค่า 3,200 บาท) โดยสมาชิกฯ แลกสิทธิ์ผ่านช่องทางแอปพลิเคชัน MTL Click และรับสิทธิ์ได้ตั้งแต่วันนี้ – 20 เมษายน 2564 (รหัสใช้จองสิทธิ์และต้องเข้าใช้บริการที่ร้านอาหารภายในวันที่ 30 เมษายน 2564)

ร้านอาหารที่เข้าร่วม (สาขา)ประเภทเมนูให้เลือกจองสิทธิ์คะแนนที่ใช้แลก / สิทธิ์
ร้านเล่งหงษ์ สาขา เลียบด่วน เอกมัย-รามอินทราMenu A Menu B Menu C1,000 Smile Points / set
ร้าน Four Seasons Chinese สาขา เอ็มควอเทียร์ สาขา เซ็นทรัลอีสต์วิลล์ สาขา เมกาบางนาMenu A Menu B Menu C Menu D สามารถเลือกได้ 4 set
ร้านแสนยอด สาขา เซ็นทรัลเวิลด์ สาขา เดอะไลท์เฮ้าส์ เจริญนคร สาขา พระราม 3 ซอย 12 (แสนยอด ซีฟู้ด)Menu A

สมาชิกเมืองไทยสไมล์คลับสามารถติดตามกิจกรรมและสิทธิประโยชน์สุดพิเศษ ได้ที่เว็บไซต์เมืองไทยประกันชีวิต www.muangthai.co.th หรือที่แอปพลิเคชัน Smile Service และสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน MTL Click ได้ฟรีทั้งระบบปฏิบัติการ iOS และ Android ดาวน์โหลดหรืออัปเดตเวอร์ชันได้ฟรีทั้งระบบปฏิบัติการ iOS และ Android สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร. 1766 ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง หรือที่ศูนย์บริการลูกค้าทุกสาขาทั่วประเทศ

นายสาระ กล่าวว่า ปี 2564 เมืองไทยประกันชีวิต มุ่งมั่นจะเป็นแบรนด์ที่ลูกค้าให้ความวางใจ พร้อมดูแลและเดินเคียงข้างในทุกช่วงของชีวิต ภายใต้นโยบาย “MTL Trusted Lifetime Partner” ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ บริการ ช่องทางการขายที่หลากหลาย ผ่านนวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทุก Journey ตลอดจนการสร้างสรรค์กิจกรรม สิทธิประโยชน์และแคมเปญต่างๆ เพื่อให้ตอบรับกับ Lifestyle ของลูกค้าในยุคปัจจุบัน ผ่าน “เมืองไทยสไมล์คลับ” ที่จะสร้างความสุขและรอยยิ้ม ซึ่งลูกค้าสามารถร่วมกิจกรรมแลกรับส่วนลด แลกรับสินค้า หรือแลกรับบริการผ่านแอปพลิเคชัน MTL Click ที่เมืองไทยสไมล์คลับจัดเตรียมเป็นพิเศษให้สมาชิกเมืองไทยสไมล์คลับ ซึ่งสอดรับกับรูปแบบการใช้ชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)

ซีพี- ซีพีเอฟ ส่งมอบหน้ากากอนามัยซีพี และอาหารจากใจ ดูแลทีมหมอ และแรงงานต่างชาติ

0

ตลอดเวลากว่า 1 เดือนที่ผ่านมา บุคลากรทางแพทย์ ประชาชนคนไทย ตลอดจนแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านต้องเผชิญกับไวรัสโควิด-19 ที่กลับมาแพร่ระบาดระลอกใหม่ และสถานการณ์ยังคงต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน เครือเจริญโภคภัณฑ์ ผนึกกำลังกับบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ และภาคีพันธมิตร เคียงข้างคนไทยฝ่าวิกฤต ด้วยการส่งมอบหน้ากากอนามัยซีพี กว่า 250,800 ชิ้น และผลิตภัณฑ์อาหารคุณภาพพร้อมทาน 129,000 แพ็ค ภายใต้โครงการ “CPF ส่งอาหารจากใจ ร่วมต้านภัยโควิด-19” สนับสนุนภารกิจแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุข และร่วมดูแลพี่น้องแรงงานต่างชาติ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งสนับสนุนสมุทรสาครและประเทศไทยผ่านพ้นวิกฤติครั้งนี้ด้วยกัน

นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร ซีพีเอฟ กล่าวว่า การดำเนินโครงการ “CPF ส่งมอบอาหารจากใจ ร่วมต้านภัยโควิด-19” ผ่านการสนับสนุนอาหารคุณภาพปลอดภัยให้คนไทยได้บริโภคอาหารอย่างพอเพียง ตอบรับนโยบายประธานอาวุโส ธนินท์ เจียรวนนท์ ที่ต้องการให้ความช่วยเหลือประเทศไทยสามารถยืนหยัดฝ่าวิกฤติโควิดครั้งนี้ไปได้ และเป็นไปตามหลักปรัชญา 3 ประโยชน์ (ต่อประเทศ ประชาชน และบริษัท) เพื่อร่วมสนับสนุนประเทศไทยสามารถยืนหยัดสู้วิกฤติครั้งนี้ได้ เพื่อให้ทุกคนกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติอีกครั้ง

“การสนับสนุนอาหารคุณภาพปลอดภัย และหน้ากากอนามัยซีพี เป็นการแสดงถึงความห่วงใยของเครือซีพี และซีพีเอฟที่มีต่อทุกคนในสังคมกำลังเผชิญกับวิกฤติ การส่งมอบอาหารพร้อมทานและหน้ากากอนามัย ให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ที่ทุ่มเทเสียสละทำหน้าที่เฝ้าระวังและควบคุมการระบาดของไวรัส รวมไปถึงช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางและแรงงานต่างชาติในพื้นที่เสี่ยง และพร้อมให้ความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่องจนกว่าสถานการณ์คลี่คลาย

ตลอดเดือนมกราคมจนถึงวันนี้ ซีพีเอฟได้ร่วมกับเครือซีพี จัดส่งอาหารพร้อมทานรวมแล้ว 129,000 แพ็ค โดยแบ่งเป็นจัดส่งให้โรงพยาบาล 61,200 แพ็ค แก่ 15 โรงพยาบาล พื้นที่ควบคุมสูงสุด 6 จังหวัด ได้แก่ จ.สมุทรสาคร จ.สมุทรสงคราม จ.นครปฐม จ.ราชบุรี จ.สุพรรณบุรี และ จ.กาญจนบุรี และอีก 22,000 แพ็คได้สนับสนุนให้โรงพยาบาลสนาม “ศูนย์ห่วงใยคนสาคร” 9 แห่ง และยังนำผลิตภัณฑ์กุ้งต้ม ซีพี แปซิฟิก 300 กิโลกรัม มอบให้ทีมแพทย์ของโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย

พร้อมทั้งเผื่อแผ่ความห่วงใยถึงพี่น้องแรงงานเมียนมาในจังหวัดสมุทรสาคร ร่วมกับเครือข่ายส่งเสริมคุณภาพชีวิตแรงงาน (LPN) นำอาหารพร้อมทาน 30,800 แพ็คและไก่ไข่สด 10,000 ฟอง ไปแจกจ่ายให้พี่น้องแรงงานเมียนมาในพื้นที่กักกัน 1,200 ครอบครัว รวมทั้งสนับสนุนผลิตภัณฑ์อาหารซีพี 3,600 แพ็ค ไข่ไก่สด 36,000 ฟอง รวมทั้งเครื่องดื่ม ข้าวสาร น้ำมันพืช ผ่านทางสถานทูตเมียนมาประจำประเทศไทย โดยร่วมกับทรู คอร์ปอเรชั่นที่ร่วมมอบซิมอินเทอร์เน็ต ขณะที่โอสถสภามอบเครื่องดื่ม เพื่อเป็นกำลังใจให้พี่น้องชาวเมียนมา 1,200 ครอบครัว รวม 4,000 คนที่อยู่ระหว่างกักตัวอยู่ในชุมชนตลาดกลางกุ้ง

นอกจากอาหารแล้ว ซีพีเอฟ ยังร่วมกับ เครือซีพี ในส่งมอบหน้ากากอนามัยซีพีเพื่อช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง และกลุ่มพี่น้องแรงงานต่างชาติที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยง รวมแล้วทั้งสิ้น 250,800 ชิ้น ผ่านหน่วยงานต่างๆ ทั้ง ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (ศบค.) สถานทูตเมียนมา กัมพูชา เวียดนาม สปป.ลาว กรุงเทพมหานคร รวมทั้งเครือข่ายกลุ่มอาสาดุสิต สมาคมเชียไทย และเร็วๆ นี้ ซีพีและซีพีเอฟ ยังมอบหน้ากากอนามัยซีพี ให้ทีมแพทย์ พยาบาล ผ่านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขอีกด้วย

“ในนามรัฐบาล ต้องกล่าวขอบคุณเครือซีพี-ซีพีเอฟ ที่ออกมาให้ความช่วยเหลือสังคมต่อเนื่องจากคราวที่แล้วที่ซีพีเอฟนำอาหารให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ทั่วประเทศสู้กับวิกฤติโควิด ยังส่งต่อไปถึงครอบครัวของหมอพยาบาลอีกด้วย ครั้งนี้เครือซีพีและซีพีเอฟยังออกมาช่วยดูแลสังคม แบ่งเบาภาระของเจ้าหน้าที่สาธารณสุข และผู้ป่วยที่กักตัวซึ่งส่วนใหญ่เป็นแรงงานเมียนมาได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีระหว่างต้องกักตัวที่โรงพยาบาลสนาม” นายอนุทินกล่าว

ซีพีเอฟได้ริเริ่มและดำเนิน “โครงการ CPF ส่งมอบอาหารจากใจ ร่วมต้านภัยโควิด-19” มาตั้งแต่เดือนมีนาคม 2563 เพื่อนำความเชี่ยวชาญด้านการผลิตและจัดส่งอาหารคุณภาพ ปลอดภัยมาช่วยแบ่งเบาภาระและเป็นกำลังใจให้กับบุคลากรทางการแพทย์ กลุ่มเปราะบาง และ พี่น้องแรงงานต่างชาติที่เผชิญกับวิกฤติโควิดทั้งระลอกแรก และระลอกใหม่ได้เข้าถึงอาหารปลอดภัยอย่างเพียงพอในช่วงเวลา เพื่อเคียงข้างสังคมไทยฝ่าวิกฤติครั้งนี้ได้ด้วยดี


AIS จับมือ กรมสุขภาพจิต ทำแบบเรียนออนไลน์สร้างภูมิคุ้มกันดิจิทัล

0

นางสายชล ทรัพย์มากอุดม หัวหน้าฝ่ายงานประชาสัมพันธ์ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส กล่าวว่า เนื่องในวัน Safer Internet Day ที่รณรงค์ให้ทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และคนไทยทุกคน เล็งเห็นถึงการใช้งานอินเทอร์เน็ตอย่างปลอดภัย และใช้งานอย่างสร้างสรรค์ เป็นประโยชน์ต่อสังคม เอไอเอสในฐานะ Digital Life Service Provider มีภารกิจสำคัญในการส่งเสริมและสร้างการตระหนักรู้ในเรื่อง Cyber Wellness เพื่อให้คนไทยเป็นพลเมืองดิจิทัล (Digital Citizen) อย่างปลอดภัยและสร้างสรรค์ จึงเดินหน้าสานต่อโครงการ “อุ่นใจไซเบอร์” ในการร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ผู้มีความเชี่ยวชาญและมีองค์ความรู้เกี่ยวกับทักษะทางดิจิทัลอย่างแท้จริง เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีที่ช่วยให้คนไทยสามารถใช้ชีวิตได้เป็นอย่างดีที่สุดบนเครือข่ายที่ปลอดภัย โดยได้ร่วมลงนามความร่วมมือ กับกรมสุขภาพจิต เพื่อสร้างดิจิทัลแพลตฟอร์มการเรียนรู้รูปแบบใหม่ให้แก่คนไทย เพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน และพัฒนาทักษะทางดิจิทัล โดยมุ่งหวังให้เยาวชน และคนไทย ใช้ดิจิทัลอย่างรู้เท่าทัน และป้องกันความเสี่ยงจากการใช้งานอินเทอร์เน็ต โดยจะเปิดให้ใช้บริการภายในไตรมาส 2 ของปี 2564 

ด้าน พญ.พรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า กรมสุขภาพจิตให้ความสำคัญกับการสร้างภูมิคุ้มกันทางจิตใจมาโดยตลอด โดยเฉพาะในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตของคนไทยและทั่วโลก โดยในปัจจุบัน พบว่า ช่องทางออนไลน์และดิจิทัลกลายเป็นช่องทางสื่อสารหลักในชีวิตประจำวันของคนไทย ดังนั้นการสร้างภูมิคุ้มกันบนโลกออนไลน์ จึงเป็นเรื่องที่สำคัญเป็นอย่างมาก การที่คนไทยมีความรู้ในการใช้สื่อออนไลน์ได้อย่างปลอดภัยและสร้างสรรค์ ช่วยส่งเสริมสุขภาพกายและจิตของตนเอง ใช้เป็นแหล่งเรียนรู้ เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ตนเองรับมือภัยบนโลกออนไลน์ และเป็นพลเมืองดิจิทัลที่มีคุณภาพ จะช่วยลดปัญหาด้านสุขภาพจิตของคนไทยได้ในระยะยาว ดังนั้น ความร่วมมือในครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญที่จะช่วยให้เกิดการพัฒนา Cyber Wellness ให้แก่คนไทย โดยมี Mental Wellness เป็นส่วนประกอบสำคัญ เพื่อเป้าหมายในการสร้างพลเมืองด้านสุขภาพจิต หรือ Mental Health Citizen ในอนาคตทั้งบนโลกออนไลน์และออฟไลน์ กรมสุขภาพจิตจึงมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับ เอไอเอส ในการดูแลสุขภาพจิตที่ดีของคนไทยไปพร้อมๆ กัน

“ความร่วมมือระหว่างเอไอเอส และกรมสุขภาพจิตในครั้งนี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นของภารกิจสำคัญที่จะช่วยสร้างเกราะกำบังที่แข็งแกร่งทั้งในด้านภูมิปัญญา และด้านจิตใจให้กับคนไทย และเพื่อเป็นการสนับสนุนทุกคนใช้งานอินเทอร์อย่างปลอดภัย และมีสภาวะจิตใจที่เข้มแข็งไปด้วยกันในสถานการณ์นี้” นางสายชล กล่าวสรุป

AIS โชว์ผลประกอบการปี 63 กำไรสุทธิ 2.8 หมื่นล้าน ครองอันดับหนึ่งลูกค้ามือถือมากที่สุด

0

นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส เปิดเผยถึงผลประกอบการ ปี 2563 ว่า เอไอเอสมีรายได้รวม 172,890 ล้านบาท ลดลง 4.4% จากปีก่อน ด้านธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ มีรายได้ลดลง 6.5% เทียบกับปีก่อน เป็นผลจากการสูญเสียรายได้ในกลุ่มลูกค้านักท่องเที่ยวที่ยังคงไม่ฟื้นตัว เนื่องจากข้อจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศ อย่างไรก็ตาม เอไอเอส ยังครองส่วนแบ่งการตลาด อันดับ 1 ทั้งด้านรายได้ และจำนวนผู้ใช้บริการ ปัจจุบันมีจำนวนลูกค้าโทรศัพท์มือถือมากที่สุดในตลาดอยู่ที่ 41.4 ล้านเลขหมาย เป็นลูกค้าระบบรายเดือน จำนวน 10.2 ล้านราย ที่เพิ่มขึ้นในไตรมาส 4 จำนวน 420,900 ราย และมีลูกค้าระบบเติมเงินอยู่ที่ 31.2 ล้านราย เพิ่มขึ้น 74,400 ราย ขณะที่ การใช้งาน 4G ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ณ สิ้นปี มีลูกค้าที่ใช้งาน 4G เพิ่มขึ้นเป็น 77% โดยลูกค้าใช้ปริมาณดาต้าเฉลี่ย 18 กิกะไบต์ต่อเดือน เพิ่มขึ้น 42% เทียบกับปีก่อน ส่วนการใช้งาน 5G นับตั้งแต่เปิดให้บริการในเดือนตุลาคม 2563 จนถึงปัจจุบัน มีลูกค้ารวมทั้งสิ้น 239,000 ราย

ส่วนธุรกิจอินเทอร์เน็ตบ้าน เอไอเอส ไฟเบอร์ ยังคงเติบโตเหนืออุตสาหกรรม จำนวนผู้ใช้งานปรับเพิ่มขึ้นในช่วงมาตรการล็อกดาวน์ เป็นผลให้คนไทยส่วนใหญ่ปลี่ยนวิถีชีวิตมา Work from Home และ Learn from Home เป็นจำนวนมาก ตลอดปี 2563 มีลูกค้าเพิ่มขึ้น 29% หรือกว่า 299,300 ราย ซึ่งสูงกว่าการขยายตัวของอุตสาหกรรมที่เติบโตเฉลี่ย 10-12% โดยปัจจุบันมีลูกค้า อยู่ที่ 1.3 ล้านราย

สำหรับธุรกิจบริการลูกค้าองค์กร การทำตลาด Enterprise ยังได้รับความสนใจจากลูกค้า Corporate และ SME อย่างต่อเนื่อง โดยมีความสนใจในกลุ่ม Telecom Services ซึ่งเป็นบริการโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการติดต่อสื่อสาร และเครือข่ายขององค์กรต่างๆ และบริการ Digital Enabler สำหรับธุรกิจต่างๆ เพื่อนำ Digital Technologies ไปประยุกต์ใช้ในธุรกิจยุคใหม่ เช่น IT, Cloud, IoT, Cyber Security, Digital Marketing รวมถึง เทคโนโลยี 5G ในอนาคต

โดยภาพรวม จากการบริหารต้นทุนที่ดี ทั้งด้านต้นทุนการให้บริการ และค่าใช้จ่ายด้านการขายและบริหาร ส่งผลให้เอไอเอสมีกำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย และค่าเสื่อม (EBITDA) อยู่ที่ 76,619 ล้านบาท ลดลง 2.7% ใกล้เคียงกับปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นอัตราที่ต่ำกว่าการลดลงของรายได้ และมีกำไรสุทธิ 28,423 ล้านบาท ลดลง 8.9% เทียบกับปีก่อน โดยเอไอเอสจะจ่ายเงินปันผลจากผลประกอบการครึ่งปีหลังที่ 3.68 บาทต่อหุ้น หรือประมาณ 75% ของกำไรสุทธิ ในวันที่ 20 เมษายน 2564

นอกจากนี้ เอไอเอสยังได้เตรียมงบลงทุนในปี 2564 จำนวน 25,000 – 30,000 ล้านบาท เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลสำหรับประเทศไทยอย่างไม่หยุดยั้ง และพร้อมที่จะเป็นแกนกลาง สนับสนุนทุกภาคส่วน จากความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ใน Digital Ecosystem เพื่อเป็นพลังขับเคลื่อนประเทศชาติให้ก้าวผ่านทุกความท้าทายไปด้วยกันอย่างยั่งยืน

ซีพี ออลล์ จับมือพันธมิตรด้านเทคโนโลยี เปิดค่าย Creative AI Camp ปี 3

0

นายก่อศักดิ์  ไชยรัศมีศักดิ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัท ร่วมมือกับพันธมิตรทั้งไทยและนานาชาติ จัดค่าย Creative AI Camp ปีที่ 3 ขึ้นภายใต้แนวคิด “The Future of AI : The Future of the World”  เพื่อให้เยาวชนทั้งระดับมัธยมศึกษาตอนปลายและอาชีวศึกษา ได้มีพื้นที่ในการเรียนรู้ด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งกำลังกลายเป็นเทคโนโลยีที่เข้ามามีบทบาทต่อชีวิตประจำวันของมนุษย์และมีอิทธิพลต่ออนาคตของโลกอย่างต่อเนื่อง 

ก่อศักดิ์  ไชยรัศมีศักดิ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน)

สำหรับรูปแบบการจัดค่ายในปีนี้ จะยังคงเน้นการจัดการเรียนรู้ต่อเนื่อง 3 เดือนในรูปแบบ Phenomena Work-based Education Learning ผสมผสานการเรียนรู้ผ่าน VDO Conference บนแพลทฟอร์มออนไลน์กับวิทยากรทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงจะได้เรียนรู้ด้าน Innovation กับ Professor Che-Wei LIN (Department of Biomedical Engineering) มหาวิทยาลัยแห่งชาติเฉิงกง มหาวิทยาลัยระดับท็อปด้านวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยีของไต้หวัน ซึ่งเป็นพันธมิตรใหม่ของค่ายในปีนี้  ซึ่ง Professor Che-Wei LIN ยังเป็น Leader ของทีมที่ขับเคลื่อน AI Talent Incubation ของรัฐบาลไต้หวันประกอบกับ มหาวิทยาลัยแห่งชาติเฉิงกงเน้นการทำ AI Innovation อย่างง่ายที่สามารถนำมาใช้งานได้จริง เห็นผลได้เร็ว 

นอกเหนือจากนี้น้องๆ จะได้รับความรู้ทางด้าน Robotic AI ระดับโลกจากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญด้านเอไอ Associate Professor Dr. Marcelo H. ANG Jr (Department of Mechanical Engineering : Ag Director, Advanced Robotics Centre) มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ (NUS) และความรู้ทางด้าน AI และ Digital Transformation จาก Associate Professor HAN Shenglong (Department of Information Management) มหาวิทยาลัยปักกิ่ง (PKU),  สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ (PIM), บริษัท ไอโนว์พลัส จำกัด,  บริษัท แอมเบี้ยน ซอฟท์ จำกัด, บริษัท แอดวานซ์เทค คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท เดอะซันเพล็กซ์เอ็นจิเนียร์ริ่งแอนด์ซอฟต์แวร์ จำกัด และ นายโสภณะ ประจงแสงศรี ผู้เชี่ยวชาญด้าน AI โซลูชั่น อาคิเทค, นางสาวปาลิตา ลาภานุพัฒน์ ผู้เชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์วิทัศน์  และ นายรัชชยุต ภูวัชร์เตชากร ที่ปรึกษาสมาคมกีฬาหมากล้อมแห่งประเทศไทยโดยแต่ละองค์กรจะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมาให้ความรู้ตลอดระยะเวลาเกือบ 3 เดือนแก่เยาวชนที่ผ่านการคัดเลือกจากผู้สมัครทุกภูมิภาคทั่วประเทศ 

ขณะเดียวกัน ก็สามารถมาเรียนรู้หรือประชุมงานแบบออฟไลน์ร่วมกับทีมที่ CAI CLUB BY CP ALL ชุมชนและพื้นที่การเรียนรู้ด้าน AI  ที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ณ อาคารยูไนเต็ดเซ็นเตอร์ ชั้น 4  และ ชั้น 14A  ถนนสีลม โดยภายใน CAI CLUB BY CP ALL จะมีการจัดเตรียมอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการเรียนรู้ มีผู้เชี่ยวชาญที่จะให้คำปรึกษา และมีมาตรการป้องกัน COVID-19 อย่างเข้มข้น 

ทั้งนี้ การผนึกกำลังกับพันธมิตรที่หลากหลายทำให้หัวข้อการเรียนรู้ในปีนี้เข้มข้นยิ่งกว่าเดิม เพราะนอกเหนือจากการเพิ่ม EQ ให้เยาวชนผ่านการบูรณาการวิธีสร้างสรรค์ AI ผ่านปรัชญาการเล่นหมากล้อม (Creative AI Convergence by Go Philosophy) และการเพิ่ม IQ ผ่านความรู้เกี่ยวกับกลุ่มเทคโนโลยี ABCD อันประกอบด้วย AI (ปัญญาประดิษฐ์), Blockchain (บล็อกเชน), Cloud และ Digital Data แล้ว ปีนี้ยังได้ผสมผสานทักษะที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนานวัตกรรม (Innovation) อาทิ การคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking) การคิดโดยคำนึงถึงมนุษย์เป็นศูนย์กลาง (Human-centric) จริยธรรมด้าน AI เพื่อเป็นรากฐานให้เยาวชนพัฒนา AI ไปใช้ได้อย่างสร้างสรรค์ หลากหลายวิธี และตอบโจทย์ผู้ใช้งานมากยิ่งขึ้น  

ด้าน รศ.ดร.พินิติ รตะนานุกูล ที่ปรึกษากรรมการจัดค่าย Creative AI Camp กล่าวว่า ในโลกยุคใหม่มีทักษะที่จำเป็นต่อเยาวชนอยู่ 5 ด้านหลักๆ ได้แก่ 1.ทักษะด้านภาษา 2.ทักษะด้านเทคโนโลยี 3.ทักษะการปรับตัวภายใต้ความเปลี่ยนแปลง 4.ทักษะการตัดสินใจ 5.ทักษะการแก้ปัญหา ค่าย Creative AI Camp ถือเป็นค่ายที่ช่วยส่งเสริมเยาวชนในการพัฒนาทักษะ 5 ด้านดังกล่าว ขณะเดียวกัน ก็เปิดโอกาสให้เยาวชนจากหลากหลายพื้นฐาน หลากหลายพื้นที่ทั่วประเทศ เข้ามาเรียนรู้ร่วมกันอย่างเท่าเทียม 

ดร.พงส์ศักดิ์ โหลิมชยโชติกุล ผู้อำนวยการ สำนักปัญญาประดิษฐ์สร้างสรรค์ บมจ.ซีพี ออลล์ ผู้บริหารโครงการ กล่าวว่า ทุกปีค่ายจะเปิดโอกาสให้เยาวชนได้รวมกลุ่มกันสร้างสรรค์ไอเดียและชิ้นงานต้นแบบ (Prototype) ด้าน AI ขึ้น โดยโจทย์ในปีนี้จะเป็นการออกแบบชิ้นงานที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals หรือ SDGs) ขององค์การสหประชาชาติ รวมถึงการออกแบบชิ้นงานที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตปกติแห่งอนาคตหรือ Next Normal 

“ด้วยการเรียนรู้ การทำงานแบบหลากหลายวัฒนธรรม หรือ Multi-Culture  การได้รับความร่วมมือจากพันธมิตรที่โดดเด่นเรื่องการปั้นคน AI หรือ AI Talent และองค์ความรู้ที่อัดแน่นทั้งพื้นฐานและเชิงลึก เราเชื่อมั่นว่าเยาวชนในค่าย Creative AI Camp ปีที่ 3 นี้ จะเป็นอีกรุ่นหนึ่งที่สามารถสร้างต้นแบบนวัตกรรม AI ได้อย่างน่าสนใจ และเป็นอีกหนึ่งเมล็ดพันธุ์ด้าน AI ที่สร้างสรรค์ผลงานที่มีประโยชน์ต่อสังคมได้ในอนาคต” ดร.พงส์ศักดิ์ กล่าว 

ได้สิทธิ ‘เราชนะ’ แล้ว ไปยังไงต่อ เปิดวิธีกดยืนยันในแอปฯเป๋าตัง

0

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ได้เริ่มเปิดให้กลุ่มประชาชนทั่วไปลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิความช่วยเหลือ 7000 บาท เป็นเวลาสองเดือน ตามโครงการ “เราชนะ” โดยลงทะเบียนทางเว็บไซต์เราชนะ ตั้งแต่ 29 ม.ค.เป็นต้นมา และตรวจสอบสิทธิได้เมื่อวันที่ 8 ก.พ. ที่ผ่านมา รวมทั้งเปิดให้ผํู้ไม่ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติ สามารถยื่นทบทวนสิทธิได้ตังแต่วันที่ 8 ก.พ. ไปจนถึง 8 มี.ค. 64 ได้นั้น โดยคณสมบัติผู้ได้สิทธิ “เราชนะ” มีดังนี้ คือ 1.ผู้มีสัญชาติไทย อายุตั้งแต่ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป2.ไม่เป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ตามกฎหมายว่าด้วยประกันสังคม 3.ไม่เป็นข้าราชการ พนักงานราชการ4.ไม่เป็นผู้รับบำนาญปกติหรือเบี้ยหวัดจากส่วนราชการ5.ไม่เป็นผู้มีเงินได้พึงประเมินเกิน 300,000 บาท ปี2562 และ 6.ไม่มีเงินฝากรวมกันทุกบัญชีเกิน 500,000 บาท

สำหรับผู้ผ่านการคัดครองคุณสมบัติโครงการ “เราชนะ” เมื่อได้สิทธิ์แล้ว ขั้นตอนต่อไปคือ ต้องกดยืนยันสิทธิในแอพ “เป๋าตัง” โดยระบบจะขึ้นให้ยืนยันสิทธิ์ในวันที่ 18 ก.พ. นี้. เริ่มใช้จ่ายตั้งแต่วันที่ 18 ก.พ. 2564 เวลา 06.00น. เป็นต้นไป (สามารถสะสมใช้ได้ถึงวันที่ 31 พ.ค. 2564) โดยมีวิธีการ ตามนี้

1.เปิดแอปฯ เป๋าตัง ถ้าในมือถือยังไม่ได้ลงแอปฯ เป๋าตัง ก็สามารถสามารถดาวน์โหลดติดตั้งแอปฯ ได้ทั้งระบบ ios และ แอนดรอยด์ โดยค้นหาคำว่า เป๋าตัง ใน App store/Play store

2. กดเข้าเมนู G-wallet

3.กดที่ป้ายโครงการ “เราชนะ” ขั้นตอนนี้ จะปรากฏข้อความใน กดยืนยัน ใช้สิทธิ ในวันที่ 18 ก.พ.

4.อ่านข้อตกลงและเงื่อนไข อ่านเสร็จให้คลิ๊กตรงช่องสี่เหลื่ยม ยอมรับเงื่่อนไข แล้วคลิ๊กตกลง

5.เลือกจังหวัดที่อาศัยอยู่ กดเลือกจังหวัดเสร็จให้กดแถบคำว่า ถัดไป

6.กด ยืนยัน จังหวัดที่อาศัยในปัจจุบัน ถ้าข้อมูลถูกต้องก็กดยืนยัน ถ้าไม่ถูก็กดยกเลิก เพื่อย้อนไปแก้ไข

7. เรียบร้อย เป็นอันเสร็จขั้นตอนการกดยืนยันใช้สิทธิผ่านแอปฯ เป๋าตัง เราจะได้รับสิทธิ์เราชนะและพร้อมใช้วงเงินได้