Home Blog Page 363

‘สิงห์อาสาสู้ไฟป่า’ จับมือสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 สร้างอาสาสมัครท้องถิ่นสู้ไฟป่าและหมอกควัน

0

เมื่อวันที่ 15 ก.พ. 64 สิงห์อาสา โดย มูลนิธิพระยาภิรมย์ภักดี และบริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ผนึกกำลัง สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 จ.เชียงใหม่ จัด “โครงการสิงห์อาสาสู้ไฟป่า” เพื่ออบรมอาสาสมัครจาก 10 หมู่บ้าน ในจ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เกิดไฟป่าอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความเข้าใจ วางมาตรการป้องกัน และแนวทางปฏิบัติร่วมกับเจ้าหน้าที่ในกรณีที่เกิดไฟป่า เพื่อความรวดเร็วและประสิทธิภาพในการจัดการการแพร่ขยายของไฟป่า ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของปัญหาหมอกควันในเขตภาคเหนือ โดยมี คุณประโภชน์ เกิดเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เชียงใหม่เบเวอเรช จำกัด ผู้แทนสิงห์อาสา และคุณเกรียงศักดิ์ ถนอมพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 จ.เชียงใหม่ ร่วมเปิดงาน ที่ศูนย์ฝึกอบรมและพัฒนาการควบคุมไฟป่าภาคเหนือ จ.เชียงใหม่

ปัญหาไฟป่า ยังคงเป็นปัญหาระดับประเทศ นำมาสู่ปัญหาวิกฤตหมอกควันในระดับที่รุนแรง รวมถึงก่อให้เกิดปัญหาฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน หรือ PM 2.5 ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตและปัญหาด้านสุขภาพของประชาชนในหลายพื้นที่ สาเหตุหลักเกิดมาจากการลักลอบเผาป่า ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลขององค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล (World Wide Fund for Nature – WWF) พบว่า กว่า 75% ของเหตุการณ์ไฟป่า มีสาเหตุจากมนุษย์ เช่น การเผาป่า การรุกป่าทำแปลงเกษตรและปศุสัตว์ การเผาเตรียมพื้นที่เกษตร และการบริหารป้องกันไฟป่าที่ผิดพลาด เป็นต้น ดังนั้น สามารถแก้ปัญหาได้ด้วยการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมให้ดีขึ้น และการเน้นการแก้ปัญหาเชิงป้องกัน

โครงการสิงห์อาสาสู้ไฟป่า นับเป็นการร่วมมือของหลายหน่วยงาน เพื่ออบรมอาสาสมัครในพื้นที่ สร้างการตระหนักรู้สาเหตุของการเกิดไฟป่าและหมอกควัน การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของคนในท้องถิ่นเพื่อป้องกันไฟป่า การให้ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับเรื่องไฟป่า การป้องกันไฟป่าด้วยการสร้าวแนวกันไฟธรรมชาติ การใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ในการดับไฟป่า การฝึกปฏิบัติการดับไฟป่า และการปฐมพยาบาลเบื้องต้น เพื่อให้คนในท้องถิ่นเกิดความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องในการจัดการปัญหาไฟป่า สามารถดูแลพื้นที่ชุมชนของตนเองได้หากเกิดไฟป่าขึ้น รวมถึงไปให้ความรู้กับคนในหมู่บ้านตนเองเกี่ยวกับปัญหาไฟป่า โดยในครั้งนี้ได้อบรมชาวบ้านจาก 10 หมู่บ้าน จำนวน 50 คน จากต.สุเทพ และ ต.แม่เหียะ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ได้แก่ หมู่บ้านเชิงดอย หมู่บ้านน้ำตกห้วยแก้ว หมู่บ้านห้วยทราย หมู่บ้านร่ำเปิง หมู่บ้านโป่งน้อย หมู่บ้านสันลมจอย หมู่บ้านใหม่หลังมอ หมู่บ้านทรายคำ หมู่บ้านแม่เหียะ หมู่บ้านอุโบสถ ซึ่งได้รับผลกระทบจากไฟป่า อีกทั้ง การอบรมในครั้งนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งของโครงการสิงห์อาสาจ้างงาน สร้างรายได้ ที่ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนแก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 โดยผู้เข้าร่วมโครงการจะได้รับเบี้ยเลี้ยง น้ำดื่มสิงห์ และข้าวสารตราพันดี ถือเป็นการช่วยบรรเทาปัญหาปากท้องเบื้องต้นอีกด้วย

ทั้งนี้ตั้งแต่ปี 2562 สิงห์อาสาได้สนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ดับไฟป่า ทั้งในเรื่องของน้ำดื่ม ข้าวสารและอุปกรณ์ดับไฟป่ามาอย่างต่อเนื่อง ได้จัดตั้งศูนย์สนับสนุนเจ้าหน้าที่ดับไฟป่ากว่า 20 จุด ขึ้นในหลายจังหวัดทั้งภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พร้อมด้วยเครือข่ายนักศึกษาสิงห์อาสาทั่วประเทศได้ร่วมกันทำแนวกันไฟป้องกันไฟป่า โดยปีนี้เตรียมลงพื้นที่ในจังหวัดที่เกิดไฟป่าบ่อยครั้ง อาทิ เชียงราย พะเยา แม่ฮ่องสอน ลำพูน นครราชสีมา ปราจีนบุรี นครนายก เพื่อส่งมอบอุปกรณ์ดับไฟป่า อุปกรณ์ที่จำเป็นแก่เจ้าหน้าที่ รวมถึงจัดอบรมแก่ประชาชนในพื้นที่เพื่อสร้างการตระหนักถึงปัญหาไฟป่าและหมอกควันและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนต่อไป

ครม.เห็นชอบค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือแรงงาน 3 กลุ่มอาชีพ รับค่าจ้าง 415 – 630 บาทต่อวัน

0

นางสาว รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม.เห็นชอบอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ 3 กลุ่มสาขาอาชีพ รวม 13 สาขา ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ เพื่อให้ลูกจ้างที่ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติในแต่ละสาขาอาชีพและแต่ละระดับได้รับค่าจ้างที่เหมาะสมเป็นธรรม และสอดคล้องกับทักษะฝีมือความรู้ความสามารถของตน โดยมีรายละเอียดดังนี้

1.กลุ่มช่างอุตสาหกรรม ค่าจ้างตั้งแต่ 460 – 630 บาทต่อวัน ได้แก่

  • ช่างกลึง
  • ช่างควบคุมเครื่องกลึง CNC
  • ช่างควบคุมเครื่อง Wire Cut
  • ช่างเชื่อมอาร์กโลหะด้วยมือ

2.กลุ่มช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ ค่าจ้างต่อวันตั้งแต่ 440 – 540 บาทต่อวัน ได้แก่

  • ช่างไฟฟ้าภายนอกอาคาร
  • ช่างโทรคมนาคม(ไมโครเวฟและการสื่อสารดาวเทียม)
  • ช่างควบคุมด้วยระบบโปรแกรมเมเปิ้ลลอจิกคอนโทรลเลอร์ (Programmable Logic Controller: PLC)
  • ช่างไฟฟ้าสำหรับอุตสาหกรรมการจัดประชุม การเดินทางเพื่อเป็นรางวัล และการแสดงสินค้า (MICE : Meeting Incentives Conventions Exhibitions)
  • ช่างติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์

3.กลุ่มช่างเครื่องกล ค่าจ้างตั้งแต่ 415 – 430 บาทต่อวัน ได้แก่

  • พนักงานควบคุมเครื่องจักรรถยกไฟฟ้า
  • พนักงานควบคุมเครื่องจักรรถยกใช้เครื่องยนต์
  • ช่างตั้งศูนย์และถ่วงล้อรถยนต์
  • ช่างซ่อมรถจักรยานยนต์

ทั้งนี้ ประกาศอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ จะมีผลบังคับใช้ 90 วันหลังจากประกาศในราชกิจจานุเบกษา

โลตัส เปิดตัวแบรนด์ใหม่ Lotus’s ชูประสบการณ์ “Smart” ช้อปปิ้ง

0

ผู้สื่อข่าว รายงานว่า โลตัส ได้ทำการเปิดตัวแบรนด์ใหม่ Lotus’s โดยการรีแบรนด์ครั้งนี้เกิดขึ้นภายหลังจากที่เครือซีพีในนาม บริษัท ซี.พี. รีเทล โฮลดิ้ง จำกัด ได้เข้าถือครองกิจการของเทสโก้ โลตัสแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ เมื่อมีนาคม ปี 63 ที่ผ่านมา นำมาสู่เปลี่ยนชื่อใหม่จากเทสโก้ โลตัส เป็น “โลตัส” (Lotus) ประเดิมเปลี่ยนโฉมที่สองสาขาแรก ก่อนจะทะยอยรีโนเวตในสาขาอื่นๆ ต่อไป ได้แก่

  • โลตัสสาขาเลียบด่วนเอกมัย-รามอินทรา ซึ่งเป็นร้านค้าขนาดใหญ่ ที่ได้รับการปรับพื้นที่ทุกบริเวณของสาขา ทั้งในส่วนซูเปอร์มาร์เก็ตและศูนย์การค้า เพื่อให้เป็น Mega Food Store ที่มีอาหารครบครัน ทั้งในส่วนของซูเปอร์มาร์เก็ต แผนกอาหารสด อาหารพร้อมทาน และอาหารแห้ง รวมถึงร้านค้าเช่า และศูนย์อาหาร โดยบริการใหม่ๆอีกมากมายเพื่อชิวิตที่สะดวกสบายกว่าเดิม
  • โลตัสสาขาเอกชัย 99 ซึ่งเป็นร้านค้าขนาดเล็ก ได้รับการปรับโฉมเป็นแบรนด์ “Lotus’s go fresh” ที่เน้นการมอบสินค้าอาหารสุดคุณภาพสูงอย่างครบครัน พร้อมสินค้าที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวัน ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคนิวนอร์มัลที่ขยับมาซื้ออาหารสดในร้านขนาดเล็กที่ใกล้บ้านมากกว่าเดิม

ทั้งนี้ โลตัสจะชูประสบการณ์ “Smart” ช้อปปิ้ง ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคยุคปัจจุบันและในอนาคต นำร่องปรับโฉมและยกระดับประสบการณ์ในสองสาขา ก่อนทยอยปรับเปลี่ยนทุกสาขาและทุกช่องทางบริการลูกค้า พร้อมเตรียมเปิดตัวแบรนด์อย่างเป็นการเร็ว ๆ นี้

แบรนด์ Lotus’s สะท้อนถึงประสบการณ์ช้อปปิ้งที่ทันสมัยยิ่งขึ้นและสดใสกว่าเดิม เพื่อให้ลูกค้า รู้สึกดีดี ทุกวัน ที่โลตัส โดยเครื่องหมาย ’ ที่ออกแบบเป็นรูป Drop Pin สื่อถึงการปักหมุกให้โลตัสเป็นจุดหมายที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้า ส่วนตัวอักษร S สื่อถึงความ Smart ครอบคลุมทุกด้าน ที่มาจากเอกลักษณ์ที่สร้างความแตกต่างให้กับแบรนด์ 4 ข้อคือ

  • Total smart supply chain and innovative products คัดสรรคุณภาพที่ดีที่สุด เพื่อชีวิตที่ดีขึ้น
  • Seamless omni-channel experience ให้คุณรู้สึกดีดี ได้ทุกที่ ทุกเวลา
  • Integrated technology and data innovation ความคุ้มค่าที่มากกว่าแค่ราคา และออกแบบมาเพื่อคุณโดยเฉพาะ
  • Committed sustainability living เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของทุกคน

ลิ้มชิมรส ‘เป็ดอบชานอ้อยจากฮับซัว’ สุดยอดเมนูร้านลิ้มจิงเฮียงตำนานคู่เยาวราช 80 ปี

0

เมื่อถึงเทศกาลต่างๆ ไม่ว่าจะตรุษจีนที่เพิ่งผ่านไป หรือสารทจีน ต้องเห็นภาพชุดไหว้เป็นสิ่งคุ้นตา ทั้งของคาว ของหวาน และผลไม้มาวางเรียงกันมากมาย แต่สิ่งที่ขาดไม่ได้ นั่นคือ ‘เป็ด’ ไม่ว่าจะเมนูเป็ดย่าง เป็ดพะโล้ เพราะตามความเชื่อของคนจีน เป็ด หมายถึง ความสามารถที่หลากหลาย จึงเป็นอาหารที่ต้องมีคู่กับเทศกาล 

วันนี้จะพาไปรู้จักกับ “ร้านลิ้มจิงเฮียง (เจ้าเก่า)” อยู่คู่กับถนนเยาวราชมากกว่า 80 ปี ปัจจุบันสืบทอดตำนานกันมาถึงรุ่นที่ 2 โดย “เฮียสุพล หรือ นายสุพล เลิศปัญญาโรจน์” ร้านนี้มีสินค้าของฝากให้เลือกซื้อมากกว่า 100 รายการ ถูกใจทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ แต่ที่พิเศษสุดคือ “เป็ดอบชานอ้อย ฮับซัว” เมนูดังเลื่องลือกันปากต่อปาก จนต้องตามมาลองถึงที่ 

เฮียสุพล หรือ นายสุพล เลิศปัญญาโรจน์

หนังเป็ดสีน้ำตาล ไม่เหนียว เนื้อสีชมพูนุ่มฉ่ำทุกส่วน ไม่ว่าจะเป็นอกหรือสะโพก ความหวานของเนื้อเป็ดและกลิ่นหอมจากการอบชานอ้อย ทำให้รู้สึกต่างจากเมนูอื่น หากใครไม่ชอบกลิ่นสาบของเป็ด ขอแนะนำเป็ดที่ร้านนี้ รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอน 

เฮียสุพล เล่าว่า คุณพ่อเป็นคนคิดค้นสูตรเป็ดของร้าน โดยปรับให้เข้ากับรสชาติของคนไทย และที่เลือกเป็ดเป็นวัตถุดิบ เพราะสามารถทานได้หลากหลาย เหมาะกับทุกวัย เคล็ดลับความอร่อยที่ต่างจากเมนูเป็ดอื่นๆ คือ ทางร้านใช้อ้อยสดในการอบ และใช้เวลาตากประมาณ 7-8 ชั่วโมง พอเนื้อเริ่มแห้ง จะนำมาอบต่ออีก 2 ชั่วโมง ทำให้เนื้อเป็ดนุ่มและฉ่ำหวาน 

“วิธีการเลือกวัตถุดิบของทางร้านถือเป็นเรื่องสำคัญ เดิมเราต้องไปเลือกที่ตลาด ได้ของหลากหลาย แต่เมื่อเปลี่ยนมาซื้อกับซีพี ทำให้เรามั่นใจในคุณภาพของวัตถุดิบ ด้วยเรื่องมาตรฐาน การการันตีความสดและสะอาด มารวมกับสูตรอบแบบดั้งเดิม เป็นการเพิ่มมูลค่าให้วัถตุดิบ ที่สำคัญลูกค้าของเราก็จะได้ทานอาหารที่ปลอดภัยและรสชาติดี” เฮียสุพล กล่าว 

เป็ดอบชานอ้อย ร้านลิ้มจิงเฮียง (เจ้าเก่า) จากฮับซัว แบ่งขายเป็นส่วนต่างๆ ให้เลือกซื้อ เช่น อกเป็ด น่องเป็ด ถ้าอยากได้เป็นตัวทานร่วมกันทั้งครอบครัว ราคาอยู่ที่ตัวละ 400 บาท หากเป็นช่วงเทศกาล อาจจะต้องรีบสั่งจองล่วงหน้า เพราะทางร้านจำกัดจำนวนในการทำต่อวัน แต่ต้องบอกก่อนว่า ที่ร้านไม่มีโต๊ะให้นั่งทาน ลูกค้าต้องซื้อกลับบ้านเท่านั้น โดยลูกค้าต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาและล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์เจล เพื่อป้องกันโควิด-19 

ใครที่อยากลิ้มลองความอร่อยนุ่มฉ่ำของเนื้อเป็ดอบชานอ้อย สูตรจากฮับซัว สังเกตที่ป้าย “ร้านลิ้มจิงเฮียง (เจ้าเก่า)” ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามเยื้องกับถนนนามแปลง ส่วนการเดินทางตอนนี้สะดวกมากขึ้น เพียงแค่นั่งรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน ลงสถานีวัดมังกร ทางออก 1 เดินตามถนนแปลงนาม จากนั้นเลี้ยวขวา ข้ามถนน ก็จะเห็นป้ายชื่อของร้าน 

เฮียสุพล กล่าวทิ้งท้ายว่า “สิ่งสำคัญในการทำเป็ดอบชานอ้อย ฮับซัว จนเป็นที่นิยม คือต้องซื่อสัตย์กับลูกค้า การเลือกวัตถุดิบที่ดี สด สะอาด ถือเป็นการตอบแทนความไว้วางใจให้กับลูกค้าที่มีต่อเรา”

ชป.สั่งคุมเข้ม ค่าความเค็มเจ้าพระยากลับมาปกติ

0

ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยหลังการประชุมมคณะอนุกรรมการติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา กรมชลประทานได้ปรับแผนการระบายน้ำ และร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมาตรการควบคุมค่าความเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้ปัจจุบันสามารถควบคุมค่าความเค็มให้อยู่ในระดับที่ไม่ส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำประปา

ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน

อย่างไรก็ตาม ในช่วงวันที่ 18-19 ก.พ. 64 นี้ ค่าความเค็มจะขึ้นสูงอีกครั้ง กรมชลประทานได้ปรับเพิ่มการระบายน้ำจากเขื่อนป่าสักเป็น 75 ลบ.ม./วินาที ในวันที่ 16 ก.พ.64 ตั้งแต่เวลา 06.00น. เป็นต้นไป ปรับเพิ่มการระบายน้ำจากเขื่อนพระรามหกจาก 45 ลบ.ม./วินาที เป็น 60 ลบ.ม./วินาที และตั้งแต่วันที่ 17 ก.พ. 64 สูบผันน้ำจากแม่น้ำท่าจีนผ่านคลองพระยาบรรลือ ลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาที่ ปตร.สิงหนาท 2 ในอัตรา 18 ลบ.ม./วินาที เพื่อผลักดันค่าความเค็มดังกล่าว นอกจากนี้ ยังได้สั่งการให้โครงการชลประทานในพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยา เฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และเตรียมรับมือสถานการณ์น้ำทะเลหนุนตลอดช่วงเดือนนี้ พร้อมประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ถึงสถานการณ์น้ำให้แก่ประชาชนและเกษตรกรในพื้นที่ได้รับทราบอย่างต่อเนื่อง

สำหรับสถานการณ์น้ำค่าความเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยา ปัจจุบัน(15 ก.พ. 64)เมื่อเวลา 07.00 น. ที่สถานีสูบน้ำประปาสำแล วัดค่าความเค็มได้ 0.14 กรัมต่อลิตร (เกณฑ์เฝ้าระวัง 0.25 กรัมต่อลิตร มาตรฐานเพื่อการผลิตน้ำประปาไม่เกิน 0.50 กรัมต่อลิตร) ที่สถานีปากคลองจินดา แม่น้ำท่าจีน วัดค่าความเค็มได้ 0.46 กรัมต่อลิตร (เกณฑ์เฝ้าระวังสำหรับกล้วยไม้ 0.75 กรัมต่อลิตร เกณฑ์เฝ้าระวังเพื่อการเกษตรไม่เกิน 2 กรัมต่อลิตร) ที่สถานีวัดน้ำปากคลองดำเนินสะดวก แม่น้ำแม่กลอง วัดค่าความเค็มได้ 0.15 กรัมต่อลิตร (เกณฑ์เฝ้าระวังสำหรับกล้วยไม้ 0.75 กรัมต่อลิตร เกณฑ์เฝ้าระวังเพื่อการเกษตรไม่เกิน 2 กรัมต่อลิตร)

ปัจจุบัน อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำรวมกันประมาณ 42,980 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 57 ของความจุอ่างฯรวมกัน มีน้ำใช้การได้รวมกันประมาณ 19,049 ล้าน ลบ.ม. จนถึงขณะนี้มีการใช้น้ำไปแล้ว 9,261ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 54 ของแผนฯ เฉพาะ 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา(เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำรวมกันประมาณ 10,630 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 43 ของความจุอ่างฯรวมกัน มีน้ำใช้การได้ประมาณ 3 ,9 3 4 ล้าน ลบ.ม. ปัจจุบันจัดสรรน้ำไปแล้ว 2,709 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 66 ของแผนฯ เนื่องจากปีที่ผ่านมาปริมาณน้ำต้นทุนมีจำนวนจำกัด จำเป็นต้องจัดสรรน้ำให้สอดคล้องกับปริมาณน้ำต้นทุนตามลำดับความสำคัญ โดยเน้นการอุปโภคบริโภค รักษาระบบนิเวศ ควบคุมคุณภาพน้ำ ไม้ผลไม้ยืนต้น และสำรองน้ำไว้ใช้ในช่วงต้นฤดูฝนหน้า 

ซีพีเอฟ ร่วมกับก.สาธารณสุข ชวนคนใส่ใจสุขภาพ “ก้าวท้าใจ ซีซั่น 3”

0

ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานในพิธีเปิดตัวโครงการ “ก้าวท้าใจ Season 3” พิชิต 100 วัน 100 กิโลเมตร ต้านภัยโควิด-19 โดยซีพีเอฟร่วมสนับสนุนต่อเนื่อง เพื่อขยายกลุ่มเป้าหมายไปยังสถานประกอบการ ชุมชน และสถานศึกษา พร้อมทั้งสามารถสะสม Health Point หรือแต้มสุขภาพอิเล็กทรอนิกส์ในกิจกรรมต่างๆ เพื่อเป็นการสร้างแรงจูงใจ และกระตุ้นการออกกำลังกายของประชาชนเพิ่มมากขึ้น ภายในงาน ได้เปิดตัวพรีเซนเตอร์ ได้แก่ โย-ยศวดี หัสดีวิจิตร และติช่า-กันติชา ชุมมะ และมี นางศุภรา ศรีบูรณ์ รองกรรมการผู้จัดการ ซีพีเอฟ ร่วมด้วย ณ อาคารศูนย์กีฬา กระทรวงสาธารณสุข

ดร.สาธิต ปิตุเตชะ กล่าวว่า การจัดงานในครั้งนี้เป็นการต่อยอดจาก Season ที่ 1 และ 2 เน้นการเดินและวิ่ง พร้อมจัดระบบการออกกำลังกายให้มีความทันสมัย ดูน่าสนใจ ความพิเศษคือ การสะสมแต้มของตัวเอง และนำแต้มที่มีไปแลกสิทธิประโยชน์ต่างๆ เริ่มสะสมได้ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2564 เป็นต้นไป

“ในส่วนของภาคเอกชน เราได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีในทุกปี จึงของเชิญชวนให้เข้ามาร่วมกิจกรรมครั้งนี้กันเยอะๆ รวมถึงกลุ่มผู้ประกอบการ นักศึกษา หรือกลุ่มที่รวมตัวกันเพื่อออกกำลังกาย สามารถสมัครเข้ามาเป็นกลุ่มและสะสมแต้มรวมกันได้” ดร.สาธิต กล่าว

นางศุภรา ศรีบูรณ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า ซีพีเอฟได้สนับสนุนโครงการ “ก้าวท้าใจ” อย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 เพื่อส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค โดยเฉพาะช่วงในสถานการณ์โควิด-19

“ในปีนี้เรามาร่วมโครงการกับกระทรวงฯ พร้อมประชาสัมพันธ์ให้พนักงานของซีพีเอฟเข้าร่วมกิจกรรม เพื่อสร้างความรู้ในการป้องกัน ซึ่งการออกกำลังกายทำได้ง่ายมาก เดินหรือวิ่ง แค่วันละ 30 นาที เพียงเท่านี้ก็ทำให้ร่างกายแข็งแรง” นางศุภรา กล่าว

ซีพีเอฟ ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในสังคม ส่งเสริมให้คนไทยออกกำลังกาย และทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ที่สำคัญต้องอยู่บนมาตรฐานของความสด สะอาด ปลอดภัย สามารถตรวจสอบแหล่งที่มาของวัตถุดิบตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ เพื่อสุขอนามัยที่ดี

โครงการ “ก้าวท้าใจ Season 3” เปิดรับสมัครตั้งแต่วันนี้ โดยเริ่มสะสมระยะทาง ระยะเวลา และบันทึกสะสมแต้มสุขภาพ (Health point) ตั้งแต่เดือนมีนาคม – มิถุนายน 2564 มีเป้าหมาย 100 วัน 100 กิโลเมตร 1 ล้านคน ตั้งเป้าครบ 2 ล้านคนภายในปี 2564 สำหรับผู้ที่สนใจ ติดตามรายละเอียดได้ที่ https://activefam.anamai.moph.go.th/ หรือสอบถามกองกิจกรรมทางกายเพื่อสุขภาพ กรมอนามัย โทร. 02-590-4413

เอไอเอส จับมือ ปณ.ไทย ให้ฝากทิ้งขยะ E-Waste ฟรี

0

นางสายชล ทรัพย์มากอุดม หัวหน้าฝ่ายงานประชาสัมพันธ์ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส  เปิดเผยว่า เอไอเอส ต่อยอดความร่วมมือกับ ไปรษณีย์ไทย หลังจากก่อนหน้านี้ได้ร่วมกันตั้งจุดรับทิ้ง E-Waste ณ ที่ทำการไปรษณีย์ ในโครงการ “คนไทยไร้ E-Waste” โดยบริการ “ฝากทิ้ง ขยะอิเล็กทรอนิกส์” ไปรษณีย์ไทยจะเข้าไปรับฝากทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์ ถึงที่บ้านเพื่อส่งต่อให้เอไอเอส เพื่อนำไปกำจัด และ Recycle อย่างถูกต้องตามมาตรฐานสากลในรูปแบบของ Zero Landfill

ความร่วมมือคร้้งนี้ ในการรณรงค์ และเป็นช่องทาง “ฝากทิ้ง ขยะอิเล็กทรอนิกส์” ผ่านบุรุษไปรษณีย์กว่า 20,000 คนทั่วประเทศ เพื่อให้คนไทยทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์จากที่บ้านได้ง่ายๆ สะดวก และที่สำคัญไม่เสียค่าใช้จ่าย โดยสามารถฝากทิ้งได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

สำหรับขั้นตอนง่ายๆ “ฝากทิ้ง ขยะอิเล็กทรอนิกส์” กับบุรุษไปรษณีย์ มี 2 ขั้นตอน ดังนี้

1.      เตรียม E-Waste ทั้ง 5 ประเภท ได้แก่ โทรศัพท์มือถือ/แท็บเล็ต, สายชาร์จ, หูฟัง, พาวเวอร์แบงก์ และแบตเตอรี่มือถือ ให้พร้อม และนำใส่กล่อง พร้อมเขียนหน้ากล่อง “ฝากทิ้ง ขยะอิเล็กทรอนิกส์”

2.      ฝากทิ้ง กับพี่ไปรษณีย์ ที่มาส่งจดหมาย หรือพัสดุ ที่บ้านได้เลย โดยไม่มีค่าใช้จ่าย

ดีเดย์วันแรก 15 กุมภาพันธ์ ต้อนรับเดือนแห่งความรัก ที่จะชวนมารักษ์โลกไปด้วยกัน กับโครงการ “คนไทยไร้ E-Waste” จากเอไอเอส และไปรษณีย์ไทย หรือร่วม share เรื่องราวรักษ์โลกดีๆ ได้ที่ Facebook: AIS Sustainability สามารถรับชม VDO “ฝากทิ้ง” E-waste กับพี่ไปรฯ อุ่นใจถึง AIS” ได้ที่ https://youtu.be/0xa61D4NXvA

ซี.พี.แลนด์ ทุ่มพันล้านเดินหน้าลงทุนโรงแรมใหม่ 10 แห่ง

0

นายสุนทร อรุณานนท์ชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหารโรงแรมในเครือฟอร์จูน บริษัท ซี.พี.แลนด์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แม้ภาคธุรกิจท่องเที่ยวและโรงแรมยังได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิดอย่างต่อเนื่องในปีนี้ แต่บริษัทยังลงทุนต่อตามแผนเดิมที่วางไว้

ปีนี้ตั้งเป้าเพิ่มโรงแรมใหม่ประมาณ 5-10 แห่งในเมืองท่องเที่ยวต่างจังหวัด ภายใต้งบประมาณ 500-1,000 ล้านบาท หรือประมาณ 100 ล้านบาทต่อแห่ง (ไม่รวมที่ดิน) จากปัจจุบันที่เปิดให้บริการอยู่ทั้งสิ้น 12 แห่ง

โดยเบื้องต้นจะโฟกัสลงทุนบนที่ดินของตัวเองเป็นหลัก อาทิ มุกดาหาร, หนองคาย, ขอนแก่น, นครพนม (แห่งที่ 3) ฯลฯ นอกจากนี้ยังมองหาทำเลลงทุนในภาคใต้เพิ่มอีกส่วนหนึ่งด้วย อาทิ สุราษฎร์ธานี, หาดใหญ่ เป็นต้น

นายสุนทรกล่าวว่า ปัจจุบันกลุ่มโรงแรมฟอร์จูนมีโรงแรม 3 ขนาด ประกอบด้วย โรงแรมขนาดใหญ่ ภายใต้แบรนด์แกรนด์เมอร์เคียว ฟอร์จูน โรงแรมขนาดกลาง ภายใต้แบรนด์ ฟอร์จูน โฮเทล และขนาดเล็ก ภายใต้แบรนด์ ฟอร์จูน ดีพลัส สำหรับโรงแรมที่จะเปิดใหม่ในปี 2564 นี้ คาดว่ามีจำนวนไม่ต่ำกว่า 5 แห่ง โดยเกือบทั้งหมดจะเป็นโรงแรมขนาดเล็ก (ขนาด 79 ห้องพัก)

“การทำธุรกิจเราต้องมองระยะยาว ซึ่งเราเชื่อว่าสำหรับประเทศไทยแล้ว ธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรม บริการยังมีศักยภาพสูง แน่นอนว่าเมื่อคนไทยไปต่างประเทศยากขึ้น พวกเขาก็ต้องหันมาเที่ยวภายในประเทศแทน นี่คือเหตุผลหนึ่งที่เรายังคงลงทุนต่อเนื่องที่สำคัญ ฐานลูกค้าหลักของกลุ่ม ซี.พี.แลนด์ที่ผ่านมาก็เป็นคนไทยอยู่แล้ว”นายสุนทรกล่าว

และว่า นอกจากการโฟกัสลงทุนบนที่ดินของตัวเองแล้ว ที่ผ่านมาบริษัทยังส่งทีมพัฒนาธุรกิจไปหาโลเกชั่นใหม่เพิ่มขึ้น โดยโฟกัสโรงแรมที่อยากขาย ซึ่งที่ผ่านมามีเจ้าของโรงแรมจำนวนมากได้นำเสนอขายโรงแรมเข้ามาให้พิจารณาจำนวนมากด้วยเช่นกัน ซึ่งหากมีเงื่อนไขที่ดี บริษัทก็พร้อมใส่เงินซื้อและลงทุนอย่างเต็มที่เช่นกัน

“ตอนนี้โรงแรมที่ประกาศขายมีเยอะมาก โดยเฉพาะในเมืองพัทยา, ภูเก็ต, หาดใหญ่ ฯลฯ เพราะพื้นที่เหล่านี้พึ่งพารายได้จากการท่องเที่ยวเป็นหลัก ซึ่งหากมีโอกาสที่เหมาะสม ทาง ซี.พี.แลนด์ก็พร้อมเข้าไปซื้อและลงทุนเพิ่มทันที เพราะวันนี้กลุ่ม ซี.พี.แลนด์ยังมีกำลังด้านเงินทุนเหมือนเดิม”

นายสุนทร กล่าวว่า สถานการณ์ของโรงแรมในเครือฟอร์จูนทั้ง 12 แห่ง บริษัทยังคงเปิดให้บริการโรงแรมทุกแห่ง ปัจจุบันประสบกับภาวะขาดทุนทั้งหมด แต่ก็มีความจำเป็นต้องเปิดให้บริการ ทั้งนี้เพื่อไม่ให้กระทบกับระบบต่าง ๆ ภายในโรงแรมทั้งหมด

รวมทั้งเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับรองรับการกลับมาเปิดใหม่เมื่อตลาดเริ่มกลับมาด้วย ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นนี้นับเป็นเรื่องใหม่ที่ธุรกิจโรงแรมต้องปรับตัวและตั้งรับ รวมทั้งมองหาโอกาสใหม่ ๆ

โดยมุ่งสร้างโอกาสจากธุรกิจ food delivery และการขาย street food ของทุกโรงแรมในเครือฟอร์จูนกรุ๊ป ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งโอกาสที่สามารถทำได้ทันที อีกทั้งยังสอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคในอนาคตกับการสั่งอาหารออนไลน์มากยิ่งขึ้น

ตอนนี้ ได้เปิดขายอาหารบริเวณหน้าโรงแรมในเครือฟอร์จูน 8 แห่ง คือ แกรนด์เมอร์เคียว กรุงเทพฯ ฟอร์จูน (พระราม 9), แกรนด์ฟอร์จูน นครศรีธรรมราช, ฟอร์จูน ริเวอร์วิว นครพนม, ฟอร์จูน วิวโขง นครพนม, ฟอร์จูน ริเวอร์วิว เชียงของ, ฟอร์จูน โคราช, ฟอร์จูน แสงจันทร์ บีช ระยอง และฟอร์จูน คอร์ทยาร์ด เขาใหญ่ พบว่าได้รับผลตอบรับที่ดี สามารถสร้างรายได้เพื่อหล่อเลี้ยงบุคลากรของโรงแรมในช่วงภาวะวิกฤตนี้

ซีพีเอฟ-กาตุ่ยวิน ขอบคุณแฟนคลับ ดันไส้กรอกกลิ่นนมฮอกไกโด ติดเทรนด์ทวิตโลก

0

วิน-นายเมธวิน โอภาสเอี่ยมขจร นักแสดงวัยรุ่นชื่อดัง เข้าพบ นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร และนางสาวอนรรฆวี ชูรัตน์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ด้านการตลาดกลาง บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ ในฐานะพรีเซนเตอร์ไส้กรอกซีพี กลิ่นนมฮอกไกโด ซึ่งมีการจัดกิจกรรมเปิดตัว ในรูปแบบ Global LIVE พร้อมทั้งสร้างปรากฎการณ์ ติดเทรนด์ทวิตอันดับ 2 ของโลก ขึ้นเทรนด์ทวิตเตอร์ติดอันดับ 1 ทั้ง 8 ประเทศ

นางสาวอนรรฆวี เปิดเผยว่า ขอบคุณลูกค้าที่ให้การตอบรับกิจกรรมไส้กรอกซีพี กลิ่นนมฮอกไกโดเป็นอย่างดี ทำให้มีผู้บริโภคให้ความสนใจงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ ในรูปแบบ Global LIVE เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก หลังจากนี้เราจะมีกิจกรรม Private Birthday Cal ในวันที่ 21 มี.ค. 2564 ซึ่งตรงกับวันเกิดของกาตุ่ยวิน พรีเซนเตอร์ เพื่อให้แฟนคลับและลูกค้าทุกท่านได้ร่วมสนุก

“ซีพีเอฟยังคงจัดกิจกรรมดีๆ เพื่อส่งมอบความสุขความสนุกให้กับลูกค้า ขณะเดียวกันพร้อมส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่ทั้งอร่อยและปลอดภัยให้กับทุกคน และในสถานการณ์โควิด-19 เช่นนี้ บริษัทยังคงมาตรการความปลอดภัยอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะด้านอาหาร ได้เน้นย้ำเรื่องความสด สะอาด และปลอดภัย ผ่านกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐานสากล พร้อมระบบการตรวจสอบย้อนกลับ เพื่อสร้างมั่นใจให้กับผู้บริโภคได้ทานอาหารอร่อย สุขภาพดีในทุกๆ วัน ” นางสาวอนรรฆวี กล่าว

ด้าน วิน-เมธวิน โอภาสเอี่ยมขจร กล่าวว่า ขอขอบคุณแฟนคลับทุกๆ คน ที่เข้ามาร่วมสนุกและให้การสนับสนุนในแคมเปญของทางซีพีเอฟ และผลิตภัณฑ์ไส้กรอกซีพี กลิ่นนมฮอกไกโด

“ตอนนี้มีกิจกรรมพิเศษ เพียงซื้อผลิตภัณฑ์ไส้กรอกซีพี กลิ่นนมฮอกไกโด ครบ 350 บาท แลกรับมินิสแตนดี้ 10 แบบ ตามสถานที่จำหน่าย อาทิ ซีพี เฟรชมาร์ท เซเว่นอีเลฟเว่น แม็คโคร เทสโก้โลตัส และห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วประเทศ เพื่อให้แฟนคลับกาตุ่ยวินได้สะสมกัน รวมทั้งฝากติดตามกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย รับรองว่าทางซีพีเอฟจัดเต็มแน่นอน” นายเมธาวิน กล่าว

ก่อนหน้านี้ ซีพีเอฟ เปิดตัวผลิตภัณฑ์ไส้กรอกซีพี กลิ่นนมฮอกไกโด ในรูปแบบ Global LIVE “อินกับวิน ฟินกับ CP Hokkaido” สร้างปรากฏการณ์สำคัญและความภาคภูมิใจให้แก่สินค้าไทยเป็นครั้งแรก จากยอดทวิตเตอร์ 1 ล้านทวิต ภายใน 2 ชั่วโมง ติดเทรนด์ทวิตอันดับ 2 ของโลก และเป็นครั้งแรกของไส้กรอกซีพีที่ขึ้นเทรนด์ทวิตเตอร์ติดอันดับ 1 ทั้ง 8 ประเทศ ได้แก่ ฟิลิปปินส์ เมียนมา เวียดนาม อินโดนีเซีย เม็กซิโก ไต้หวัน สิงคโปร์ และประเทศไทย

กิจกรรมครั้งนั้น ลูกค้าและแฟนคลับกาตุ่ยวินร่วมประมูลของที่ระลึก รวมทั้งสิ้นกว่า 200,000 บาท ซึ่งรายได้ดังกล่าวเปลี่ยนเป็นไส้กรอกซีพี กลิ่นนมฮอกไกโด มอบให้แก่ มูลนิธิบ้านนกขมิ้น สถานสงเคราะห์เด็กหญิงราชวิถี สถานสงเคราะห์เด็กอ่อนปากเกร็ด บ้านราชาวดีหญิง และบ้านเฟื่องฟ้า จ.นนทบุรี โดยซีพีเอฟร่วมสมทบการบริจาคด้วยผลิตภัณฑ์อาหารคุณภาพ อาทิ เนื้อหมู เนื้อไก่ ไข่ไก่สด และไส้กรอกซีพีสชาติต่างๆ เพื่อเติมความสุขและความอิ่มอร่อยให้กับน้องๆ ผู้ด้อยโอกาส

คปภ. แนะวาเลนไทน์แบบเว้นระยะห่าง ซื้อประกันโควิดป้องกันเสี่ยง

0

ดร. สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เปิดเผยว่า วันที่ 14 กุมภาพันธ์ของทุกปี เป็นวันแห่งความรัก หรือ วันวาเลนไทน์ ซึ่งการแสดงความรัก ความห่วงใยให้กับคนที่ท่านปรารถนาดีนั้นเป็นสิ่งที่มีคุณค่ายิ่ง แต่ในยุค New Normal อาจจำเป็นต้องแสดงออกถึงความรัก ความห่วงใยในรูปแบบที่แตกต่างออกไป เพราะต้องระมัดระวังการแพร่ระบาดของโควิด-19 ด้วย และแม้จะมีการระมัดระวังเพียงใด ความเสี่ยงจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ก็อาจเกิดขึ้นได้กับทุกคน ทุกเวลาได้ จึงจำเป็นต้องใช้ประกันภัยเข้ามาเป็นเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงดังกล่าว ซึ่งทุกท่านอาจมอบความรัก ความห่วงใยในวันแห่งความรักปีนี้ให้กับคนที่ท่านรัก ด้วยการทำประกันภัยโควิด-19 ก็ได้ ซึ่งปัจจุบันบริษัทประกันภัยได้พัฒนาความคุ้มครองที่สอดคล้องกับความเสี่ยง โดยนายทะเบียน ได้ออกคำสั่งให้บริษัทประกันภัยสามารถปรับลดอัตราเบี้ยประกันภัยได้ถึง 20 % เพื่อให้เบี้ยประกันภัยสอดรับกับสภาวะการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 มากยิ่งขึ้น

ความคุ้มครองของกรมธรรม์ประกันภัยโควิด-19 สามารถแบ่งออกเป็น 4 แบบความคุ้มครองหลักๆ คือ

  • ความคุ้มครองแบบที่ 1 : การรักษาพยาบาล หากผู้เอาประกันภัยที่ได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ว่าเจ็บป่วยจากโควิด-19 จนเป็นเหตุให้ต้องได้รับการรักษาพยาบาล บริษัทประกันภัยจะจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ตามจำนวนเงินที่ต้องจ่ายจริง แต่ไม่เกินจำนวนเงินเอาประกันภัยที่ระบุไว้
  • ความคุ้มครองแบบที่ 2 : เงินชดเชยรายวัน หากผู้เอาประกันภัยได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ว่าเจ็บป่วยด้วยโควิด-19 และต้องเข้ารับการรักษาพยาบาลเป็นผู้ป่วยในของโรงพยาบาล บริษัทประกันภัยจะจ่ายเงินชดเชยรายวันให้ตามจำนวนเงินเอาประกันภัยที่ระบุไว้
  • ความคุ้มครองแบบที่ 3 : ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิ ค่าใช้จ่ายเพื่อทำความสะอาดสถานที่เอาประกันภัย หากผู้เอาประกันภัยได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ว่าเจ็บป่วยด้วยโควิด-19 จนเป็นเหตุทำให้สถานที่เอาประกันภัยมีความเสี่ยงเป็นแหล่งในการติดเชื้อดังกล่าว บริษัทประกันภัยจะจ่ายค่าใช้จ่ายในการทำความสะอาดสถานที่เอาประกันภัย ได้แก่ น้ำยาฆ่าเชื้อโรค อุปกรณ์ในการทำความสะอาด รวมถึงการว่าจ้างบริษัทบริการทำความสะอาดฆ่าเชื้อโรคให้ตามจำนวนเงินที่จ่ายจริง ทั้งนี้ไม่เกินจำนวนเงินเอาประกันภัยที่ระบุไว้ และค่าใช้จ่ายตรวจหาโควิด-19 หากผู้เอาประกันภัยได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ว่าเจ็บป่วยด้วยโควิด-19 และทำให้บุคคลในครอบครัวเกิดความเสี่ยงในการติดเชื้อดังกล่าว บริษัทประกันภัยจะจ่ายค่าใช้จ่ายตรวจหาโควิด-19 ให้กับบุคคลในครอบครัวตามจำนวนเงินที่จ่ายจริงต่อคน ทั้งนี้ไม่เกินจำนวนเงินเอาประกันภัยที่ระบุไว้
  • ความคุ้มครองแบบที่ 4 : กรณีได้รับผลกระทบในการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 อาทิ ผลประโยชน์ค่ารักษาพยาบาล หากผู้เอาประกันภัยได้รับการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโควิด-19 และเกิดผลกระทบจากการแพ้วัคซีนดังกล่าว จนต้องเข้ารับการรักษาพยาบาลในฐานะผู้ป่วยในของโรงพยาบาล บริษัทประกันภัยจะจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ตามจำนวนเงินที่จ่ายจริง แต่ไม่เกินจำนวนเงินเอาประกันภัยที่ระบุไว้ และผลประโยชน์การเจ็บป่วยด้วยภาวะหรือโรคร้ายแรง หากผู้เอาประกันภัยได้รับการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโควิด-19 และเกิดผลกระทบจากการแพ้วัคซีนดังกล่าว ซึ่งทำให้ผู้เอาประกันภัยเจ็บป่วยด้วยภาวะหรือโรคร้ายแรงตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ประกันภัย บริษัทประกันภัยจะจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เอาประกันภัย ตามจำนวนเงินเอาประกันภัยที่ได้ระบุไว้ รวมทั้ง ผลประโยชน์เงินชดเชยปลอบขวัญสำหรับผู้ป่วยใน หากผู้เอาประกันภัยได้รับการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโควิด-19 จนเป็นเหตุให้เกิดผลกระทบจากการแพ้วัคซีนดังกล่าวและต้องเข้ารับการรักษาพยาบาล ในโรงพยาบาลในฐานะผู้ป่วยใน บริษัทประกันภัยจะจ่ายชดเชยเงินปลอบขวัญให้แก่ผู้เอาประกันภัยตามจำนวนเงินเอาประกันภัยที่ระบุไว้

ความคุ้มครองข้างต้นเป็นไปตามเงื่อนไขของแต่ละบริษัท ดังนั้นผู้ทำประกันภัยจึงควรศึกษารายละเอียดให้รอบคอบ และเข้าใจก่อนตัดสินใจทำประกันภัย“สำนักงาน คปภ. ขอส่งความรัก ความห่วงใย เนื่องในวันแห่งความรักปีนี้ ขอให้ทุกท่านปลอดจากโควิด-19 ขอให้เว้นระยะห่าง สวมหน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือ และถ้าจะให้อุ่นใจมากยิ่งขึ้น ก็ควรทำประกันภัยโควิด-19 หรือมอบกรมธรรม์ประกันภัยโควิด-19 ให้คนที่คุณรัก เพื่อให้ประกันภัยคุ้มครองคุณและคนที่คุณรัก” เลขาธิการ คปภ. กล่าวในตอนท้าย

ที่ผ่านมา คปภ.ได้ส่งเสริมให้บริษัทประกันภัยพัฒนากรมธรรม์ประกันภัยโควิด-19 และพัฒนาช่องทางการจำหน่ายที่เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ เพื่อเพิ่มทางเลือกให้แก่ประชาชนได้รับความคุ้มครองที่เหมาะสมกับความเสี่ยง และขณะนี้ประชาชนให้ความสนใจซื้อกรมธรรม์ประกันภัยโควิด-19 จำนวนเกือบ 10 ล้านฉบับ