Home Blog Page 360

ชป.เดินหน้าแผนพัฒนา อนุรักษ์ ฟื้นฟูแหล่งน้ำธรรมชาติและแม่น้ำลำคลอง

0

รายงานข่าว เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา ได้มีการประชุมคณะอนุกรรมการบริหาร พัฒนา อนุรักษ์ ฟื้นฟูแหล่งน้ำธรรมชาติและแม่น้ำลำคลอง ครั้งที่ 1/2564 โดยมี ดร.สมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เป็นประธานการประชุม โดยมีกรมชลประทาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม เพื่อติดตามผลการดำเนินงานของคณะทำงานภายใต้คณะอนุกรรมการบริหาร พัฒนา อนุรักษ์  ฟื้นฟูแหล่งน้ำธรรมชาติและแม่น้ำลำคลอง ประกอบด้วย 1)คณะทำงานพัฒนา อนุรักษ์ และฟื้นฟูบึงบอระเพ็ด จังหวัดนครสวรรค์ 2)คณะทำงานพัฒนา อนุรักษ์ และฟื้นฟูหนองหาร จังหวัดสกลนคร 3)คณะทำงานพัฒนา อนุรักษ์ และฟื้นฟูบึงราชนก จังหวัดพิษณุโลก 4)คณะทำงานพัฒนา อนุรักษ์ และฟื้นฟูบึงสีไฟ จังหวัดพิจิตร และ 5)คณะทำงานพัฒนา อนุรักษ์ และฟื้นฟูกว๊านพะเยา จังหวัดพะเยา รวมทั้งพิจารณากรอบการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการบริหาร พัฒนา อนุรักษ์ ฟื้นฟูแหล่งน้ำธรรมชาติและแม่น้ำลำคลองปี 2564 ด้วย

ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน

ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ในส่วนของกรมชลประทาน มีแผนดำเนินงานพัฒนา อนุรักษ์  ฟื้นฟูแหล่งน้ำธรรมชาติและแม่น้ำลำคลอง ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายโครงการ อาทิ แผนพัฒนา อนุรักษ์  ฟื้นฟูบึงบอระเพ็ด จังหวัดนครสวรรค์ ปัจจุบันได้ดำเนินการแล้วเสร็จ 2 โครงการ ได้แก่ 1) แก้มลิงบ้านตะกุดภิบาล 2) แก้มลิงห้วยถั่วเหนือ , แผนพัฒนา อนุรักษ์ และฟื้นฟูบึงราชนก จังหวัดพิษณุโลก ดำเนินการแล้วเสร็จ 3 โครงการ ได้แก่ 1) การขุดลอกและปรังปรุงคลองสมอแข 2) การขุดลอกและปรับปรุงคลองวงพาด และ3) การปรับปรุงและขุดลอกคลองระบายน้ำ เป็นต้น ส่วนแผนพัฒนา อนุรักษ์  ฟื้นฟูแหล่งน้ำธรรมชาติและแม่น้ำลำคลอง ในพื้นที่อื่นๆ นั้น กรมชลประทานจะเร่งดำเนินการตามมติคณะอนุกรรมการฯเห็นชอบให้เป็นไปตามแผนที่กำหนด

ทั้งนี้ ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบ ให้กำหนดวัตถุประสงค์ในการพัฒนาน้ำแต่ละพื้นที่ให้ชัดเจนและเกิดประโยชน์สูงสุด  พร้อมกำหนดแผนหลัก(Master Plan) ในการดำเนินงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้แผนงานการดำเนินโครงการครอบคลุมในทุกด้าน และเป็นไปในทิศทางเดียวกันอย่างเป็นระบบ ตอบสนองการแก้ไขปัญหาได้อย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน โดยคณะอนุกรรมการบริหาร พัฒนา อนุรักษ์  ฟื้นฟูแหล่งน้ำธรรมชาติและแม่น้ำลำคลอง จะนำเสนอแนวทางการดำเนินงาน ปัญหา และอุปสรรค ต่อกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ(กนช.)พิจารณาในครั้งต่อไป เพื่อร่วมกันหาแนวทางและบูรณาการแก้ไขปัญหาในระดับนโยบายให้สามารถขับเคลื่อนการดำเนินการให้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้

ซีพีเอฟ โชว์ผลกำไรสุทธิปี 63 โต 41% จ่ายปันผล 1 บาทต่อหุ้น

0
ประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร ซีพีเอฟ

นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เปิดเผยถึงผลดำเนินงานของบริษัทว่า บริษัทมีกำไรสุทธิประจำปี 2563 จำนวน 26,022 ล้านบาท เติบโต 41% จากปีก่อน มีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่ายและค่าใช้จ่ายภาษีและค่าเสื่อมราคา (EBITDA) จำนวน 81,692 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 72% ปัจจัยหลักมาจากการที่บริษัทให้ความสำคัญต่อการบริหารจัดการกระบวนการผลิตด้วยมาตรฐานสูงสุดด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัย รวมทั้งการใช้ระบบ AI มาเสริมการทำงานให้มีผลดีที่สุดกว่าในอุตสาหกรรม ทำให้แม้ในภาวะวิกฤตโรคระบาดทั้งโควิด-19 และโรคแอฟริกันสไวน์ฟีเวอร์ (ASF) บริษัทยังสามารถสร้างผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น

สำหรับผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นอย่างโดดเด่นของซีพีเอฟ เป็นผลมาจากการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่บริษัทได้ค้นคว้าขึ้นมา ทั้งการสร้างสายพันธุ์สัตว์ขึ้นมาใหม่และระบบการเลี้ยง การบริหารจัดการในรูปแบบใหม่ พร้อมการนำ Bio-Security เข้ามาเสริมการดำเนินการ รวมถึงการมีระบบการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคในการเลี้ยงสัตว์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในธุรกิจสุกรและธุรกิจกุ้งครบวงจร

ทั้งนี้ ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทปรับตัวดีขึ้นอย่างมาก มาจากการให้ความสำคัญในการควบคุมประสิทธิภาพและต้นทุนด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมทั้งด้านการผลิต การเลี้ยง และช่องทางจำหน่ายสินค้า และราคาสุกรในภูมิภาคเอเชียที่ปรับตัวสูงขึ้นโดยเฉพาะในประเทศเวียดนามและประเทศจีน ประกอบกับผลดำเนินงานของธุรกิจสัตว์น้ำในประเทศไทยปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จากการปรับกลยุทธ์ทางการตลาดและการเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ

ท่ามกลางโรคระบาด Covid-19 ที่แพร่ระบาดที่ทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจหยุดชะงักและกำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง แต่สินค้าของบริษัทเป็นสินค้าจำเป็นต่อการดำรงชีพและบริษัทได้มีการปรับรูปแบบช่องทางการจำหน่ายสินค้าให้แก่ผู้บริโภคเพิ่มขึ้น พร้อมกับการปรับรูปแบบการทำงานและนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้มากขึ้น ทำให้ผลการดำเนินงานไม่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคที่ผ่านมา

สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานสำหรับปี 2564 นี้ จากกำลังซื้อของผู้บริโภคที่คาดว่าจะดีขึ้นจากภาวะของโรคโควิด-19 ที่มีแนวโน้มคลี่คลายลง ซึ่งจะส่งผลให้มีความต้องการบริโภคในประเทศต่างๆ มากขึ้น และการส่งออกอาหารจากประเทศไทยก็จะดีขึ้นตามด้วยเช่นกัน ประกอบกับการขยายกำลังการผลิตของบริษัทในช่วงที่ผ่านมา และการพัฒนาประสิทธิภาพในการผลิตและการขายด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อให้มีความสามารถในการแข่งขันที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงมั่นใจว่าปี 2564 นี้ผลการดำเนินงานจะดีขึ้นจากปีที่ผ่านมา

คณะกรรมการบริษัทซีพีเอฟ มีมติให้เสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2564 เพื่อพิจารณาอนุมัติการจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานปี 2563 ให้แก่ผู้ถือหุ้นรวมทั้งสิ้นในอัตราหุ้นละ 1.00 บาท (ได้มีการจ่ายครั้งแรกเป็นเงินปันผลระหว่างกาลให้แก่ผู้ถือหุ้นแล้วในอัตราหุ้นละ 0.40 บาท เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2563)

ทิพยประกันภัย ออกกรมธรรม์ ‘ทิพยวัคซีน โควิด-19’ คุ้มครอง 1 ล้าน ฉลองครบรอบ 70 ปี

0

ดร.สมพร สืบถวิลกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. ทิพยประกันภัย เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการเสริมความมั่นใจให้ประชาชนจากการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 บริษัทได้ออกกรมธรรม์ประกันภัย “ทิพยวัคซีน โควิด-19” สำหรับกรมธรรม์ดังกล่าวจะให้ความคุ้มครองและดูแลค่ารักษาพยาบาลหากเกิดภาวะแทรกซ้อนหรือผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนโควิด-19 และต้องเข้ารับการรักษาพยาบาลเป็นผู้ป่วยใน (IPD) หรือเกิดภาวะโคม่า (ตามเงื่อนไขของกรมธรรม์) ซึ่งมี 2 แผนความคุ้มครอง และเนื่องในโอกาสครบรอบ 70 ปี ทิพยประกันภัย พิเศษสำหรับความคุ้มครอง แผนที่ 1 ราคาเพียง 70 บาท คุ้มครอง 500,000 บาท และ แผนที่ 2 ราคา 120 บาท คุ้มครอง 1,000, 000 บาท

ดร.สมพร สืบถวิลกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. ทิพยประกันภัย

นอกจากนี้สำหรับลูกค้าเดิมที่ถือกรมธรรม์ประกันโควิด-19 หรือ ลูกค้าที่ซื้อกรมธรรม์ประกันภัยโควิด-19 ใหม่ของทิพยประกันภัยก็จะได้รับเพิ่มความคุ้มครองการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 เท่ากับทุนประกันภัยตามแผนที่ลูกค้าได้เลือกไว้ สุงสูดถึง 1,000,000 บาท (ตามเงื่อนไขของกรมธรรม์) ด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ถือเป็นความห่วงใยและต้องการที่จะดูแลลูกค้า ประชาชนให้ได้รับความคุ้มครองอย่างดีที่สุดจากทิพยประกันภัย

สำหรับลูกค้าที่สนใจซื้อกรมธรรม์ สามารถดูรายละเอียดได้ที่ www.tipinsure.com หรือโทร 1736 และทิพยประกันภัยทุกสาขาทั่วประเทศ

OR จับมือ GPSC เปิดตัว “G-Box” รองรับ EV Station รับเทรนด์รถยนต์ไฟฟ้า

0

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วย นางสาวจิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) และ นายวรวัฒน์ พิทยศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โกลบอล พาวเวอร์ ซีนเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) ร่วมเปิดตัวโครงการ G-Box ซึ่งเป็นระบบกักเก็บพลังงานผ่านแบตเตอรี่ (Battery Energy Storage System) ซึ่ง GPSC ได้พัฒนาขึ้น

G-Box ขนาด 150 กิโลวัตต์ชั่วโมง (kWh) จะทำหน้าที่ลดการใช้พลังงานไฟฟ้าสูงสุดในช่วงเวลากลางวันของสถานีบริการน้ำมันที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าจำนวนมาก โดยเฉพาะจากรถยนต์ไฟฟ้าที่มีแนวโน้มมาใช้บริการเพิ่มมากขึ้น เพื่อช่วยสร้างเสถียรภาพของไฟฟ้าในสถานี ส่วนในช่วงเย็นและค่ำ G-Box จะบริหารจัดการจ่ายไฟฟ้าที่เหลือให้กับกิจกรรมอื่น ๆ โดยระบบจะทำหน้าที่กักเก็บไฟฟ้าในเวลากลางคืน (Off Peak) เพื่อนำไปใช้ในเวลากลางวันที่มีการใช้ไฟฟ้าในอัตราที่สูง (Peak) ซึ่งจะทำให้สามารถประหยัดค่าไฟฟ้าได้

ทั้งนี้ ได้มีการทดลองติดตั้งในสถานีบริการน้ำมัน PTT Station สาขาหนองแขม เพื่อรองรับ EV Station ตอบรับเทรนด์รถยนต์ไฟฟ้าในยุคปัจจุบัน ให้พร้อมให้บริการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าได้อย่างมีเสถียรภาพมากที่สุด รวมทั้งยังสามารถนำไฟฟ้าที่กักเก็บจากระบบ G-Box  ไปใช้ในส่วนอื่น ๆ ในสถานีบริการ ช่วยลดต้นทุนค่าไฟฟ้าที่สถานีบริการ อีกทั้งยังแสดงถึงความร่วมมือด้านนวัตกรรมเทคโนโลยี และความยั่งยืนทางธุรกิจของบริษัทในกลุ่ม ปตท. อีกด้วย

ซีพีเอฟ หนุนรัฐเร่งส่งออก ระบายไข่ส่วนเกิน ช่วยเกษตรกร

0

นายสมคิด วรรณลุกขี รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า จากภาวะราคาไข่ไก่ที่ตกต่ำ เนื่องจากการบริโภคที่ลดลงของประชาชน ซึ่งเป็นผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ห้างร้านต่างๆ ร้านอาหาร และตลาดบางแห่งต้องปิดทำการ การท่องเที่ยวหยุดชะงัก ส่งผลให้ราคาไข่ไก่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันไข่ไก่คละ ณ หน้าฟาร์มเกษตรกร อยู่ที่ราคาฟองละ 2.50 บาท ขณะที่ต้นทุนการผลิตไข่ไก่ ในไตรมาสที่ 1/2564 (มกราคม-มีนาคม) เฉลี่ยสูงขึ้นมาฟองละ 2.66 บาท และคาดว่าจะมีแนวโน้มต้นทุนที่สูงขึ้น จากราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งกากถั่วเหลือง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และมันสำปะหลัง

สมคิด วรรณลุกขี รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ซีพีเอฟ

ปัญหาภาวะขาดทุนดังกล่าว ส่งผลกับเกษตรกรในทุกระดับทั้งฟาร์มเล็ก กลาง และผู้ประกอบการรายใหญ่ คณะกรรมการนโยบายพัฒนาไก่ไข่และผลิตภัณฑ์ (เอ้กบอร์ด) จึงมีมติเห็นชอบแนวทางการแก้ไขปัญหาไข่ไก่ล้นตลาดและราคาตกต่ำ ด้วยการออกมาตราการเร่งผลักดันไข่ส่วนเกินภายในประเทศ จำนวน 100 ล้านฟอง โดยส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ (ภาคสมัครใจ) ภายในระยะเวลา 6 เดือน นับจากเดือนมีนาคม-สิงหาคม 2564 โดยใช้งบประมาณจากกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร มาสนับสนุนกิจกรรมในครั้งนี้ จำนวน 50 ล้านบาท และให้เกษตรกรสมทบอีก 100 ล้านฟอง รวมเป็น 200 ล้านฟอง

“ซีพีเอฟในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรมไข่ไก่ ยินดีให้ความร่วมมือและพร้อมสนับสนุนกิจกรรมในครั้งนี้อย่างเต็มที่ โดยการผลักดันการส่งออกในเฟสแรกรวม 60 ล้านฟอง (จำนวน 185 ตู้) บริษัทจะดำเนินการส่งออก 16 ล้านฟอง (จำนวน 50 ตู้) แม้ว่าในการส่งออกจะต้องขาดทุนถึงฟองละ 40-50 สตางค์ ก็ตาม แต่บริษัทก็ยินดี เพื่อสร้างสมดุลระหว่างปริมาณการผลิต ให้สอดคล้องกับการบริโภคของประชาชน ช่วยให้เกิดเสถียรภาพราคาไข่ไก่ทั้งอุตสาหกรรม ขอเชิญชวนผู้ประกอบการรายอื่นๆ ร่วมกันสนับสนุนโครงการนี้ เพื่อช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรทั่วประเทศที่ประสบปัญหาขาดทุน ทำให้มีรายได้ที่ดีขึ้น สามารถต่อยอดอาชีพเดียวที่มี ให้ก้าวผ่านวิกฤตินี้ไปด้วยกัน” นายสมคิด กล่าว

เมืองไทยสไมล์คลับ เอาใจสมาชิกจัดกิจกรรม Muang Thai Smile Health

0

นายสาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทได้จัดกิจกรรม Muang Thai Smile Health ซึ่งเป็นกิจกรรมพิเศษมอบให้สำหรับสมาชิกเมืองไทยสไมล์คลับ โดยให้สมาชิกฯ ใช้คะแนนสะสม Smile Points 1,500 คะแนน แลกรับสิทธิ์โปรแกรมตรวจคัดกรองมะเร็ง ซึ่งเป็นการตรวจพิเศษ พร้อมรับบริการ Doctor Health Talk พูดคุยกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจาก บีดีเอ็มเอส เวลเนส คลินิก เกี่ยวกับการใช้ชีวิตอย่างไรให้ห่างไกลมะเร็ง พร้อมทั้งพูดคุยกับวิทยาการทางการแพทย์ป้องกันมะเร็ง นอกจากนี้ ยังได้ให้สมาชิกฯ ร่วมกิจกรรม Workshop ทำอาหารเพื่อสุขภาพต้านมะเร็ง ซึ่งให้คำแนะนำโดยนักกำหนดอาหาร โดยงานดังกล่าวจัดขึ้น ณ บีดีเอ็มเอส เวลเนส คลินิก

“จุดยืนในความมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำด้านการประกันชีวิตและสุขภาพของเราไม่ใช่แค่เข้าใจว่าลูกค้าต้องการอะไร แต่เราจะคิดเผื่อไปมากกว่านั้น และสิ่งที่เรานำมามอบให้แก่ลูกค้าไม่ใช่แค่เรื่องของประกัน การเคลม หรือการติดต่อตัวแทนประกันชีวิต แต่เป็นการดูแลลูกค้าผ่านผลิตภัณฑ์และบริการที่หลากหลาย ที่ถูกออกแบบโดยการคิดเผื่อรอบด้าน เพื่อตอบโจทย์ความต้องการในทุกช่วงชีวิต”

ทั้งนี้ บริษัทมีความมุ่งมั่นในการเป็นแบรนด์ที่ลูกค้าให้ความวางใจ พร้อมดูแลและเดินเคียงข้างในทุกช่วงของชีวิต ภายใต้นโยบาย “MTL Trusted Lifetime Partner” ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ บริการช่องทางการขายที่หลากหลาย ผ่านนวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทุก Journey ตลอดจนการสร้างสรรค์กิจกรรม สิทธิประโยชน์และแคมเปญต่างๆ เพื่อให้ตอบรับกับ Lifestyle ของลูกค้าในยุคปัจจุบัน ผ่าน “เมืองไทยสไมล์คลับ” ที่จะสร้างความสุข และรอยยิ้ม ซึ่งลูกค้าสามารถร่วมกิจกรรมแลกรับส่วนลด แลกรับสินค้า หรือแลกรับบริการผ่านแอปพลิเคชัน MTL Click ที่เมืองไทยสไมล์คลับจัดเตรียมเป็นพิเศษให้สมาชิกเมืองไทยสไมล์คลับ

สมาชิกเมืองไทยสไมล์คลับสามารถติดตามกิจกรรมและสิทธิประโยชน์สุดพิเศษ ได้ที่เว็บไซต์เมืองไทยประกันชีวิต www.muangthai.co.th หรือที่แอปพลิเคชัน Smile Service และสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน MTL Click ได้ฟรีทั้งระบบปฏิบัติการ iOS และ Android ดาวน์โหลดหรืออัปเดตเวอร์ชันได้ฟรีทั้งระบบปฏิบัติการ iOS และ Android สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร. 1766 ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง หรือที่ศูนย์บริการลูกค้าทุกสาขาทั่วประเทศ

ซีพีเอฟ จับมือททท.โคราช จัดกิจกรรม ‘เขาใหญ่ม่วนซื่น’ ท่องเที่ยวเชิงอาหาร

0

นางภาวนา ประจิตต์ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานจังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วย นางสาวพันชนะ วัฒนเสถียร นายกสมาคมการท่องเที่ยวเขาใหญ่ และนายสิริพงศ์ อรุณรัตนา ประธานผู้บริหารฝ่ายปฏิบัติการ ธุรกิจสัตว์บก บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ร่วมกันเปิดงาน Dining Experience in Khao Yai with Michelin Star Chef ครั้งที่ 1 ซึ่งเป็นกิจกรรมภายใต้โครงการ “เขาใหญ่ม่วนซื่น” ในรูปแบบ Private Dinner โดยแขกวีไอพีทุกท่านได้สัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษ กับอาหารรสเลิศที่ปรุงจากวัตถุดิบชั้นเยี่ยม จากท้องถิ่น ผสมผสานวัตถุดิบคุณภาพพรีเมียม สด สะอาด ปลอดภัย จากร้าน CP Fresh ของ ซีพีเอฟ รังสรรค์เมนูสุดล้ำโดย เชฟหนุ่ม-ธนินทร จันทรวรรณ เชฟมิชลินสตาร์ 4 ปีซ้อน ท่ามกลางบรรยากาศสุดโรแมนติก ณ ไร่องุ่นกราน-มอนเต้ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา

งานดังกล่าวเป็นการจัดในลักษณะการท่องเที่ยวเชิงอาหาร (Gastronomic Tourism) โดยใช้ “อาหาร” เป็นปัจจัยหลักในการดึงดูดนักท่องเที่ยว มีวัตถุประสงค์เพื่อเชิญชวนนักท่องเที่ยวไทยให้เดินทางมาท่องเที่ยวเขาใหญ่ได้ตลอดทั้งปี ไม่ใช่เพียงช่วงเทศกาล โดยมีจุดขายคืออาหารระดับเชฟมิชลิน ภายใต้บรรยากาศเย็นสบายของเขาใหญ่ที่สดชื่นตลอดปี

นางสาวพันชนะ วัฒนเสถียร นายกสมาคมการท่องเที่ยวเขาใหญ่ กล่าวว่า กิจกรรมดังกล่าวจะช่วยเปิดรับนักท่องเที่ยวเข้ามาเยือนเขาใหญ่ได้เพิ่มขึ้น นับเป็นการสร้างสรรค์ประสบการณ์แปลกใหม่ที่นักท่องเที่ยวจะประทับใจและกลับมาเยือนเขาใหญ่ได้บ่อยเท่าที่ต้องการ ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของเขาใหญ่และอ.ปากช่องได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน

“สมาคมฯ ตั้งใจจะจัดกิจกรรมนี้ทุกเดือน โดยหมุนเวียนเปลี่ยนเชฟและสถานที่ เพื่อให้เกิดความหลากหลายและเข้าถึงชุมชนทุกภาคส่วน ความร่วมแรงร่วมใจของทุกหน่วยงานไม่ว่าจะเป็น ภาคเอกชน อย่างซีพีเอฟ ทรู ชมรมผู้ประกอบการร้านอาหารปากช่อง และภาคีเครือข่ายในพื้นที่เช่นนี้ จะทำให้เกิดพัฒนาการท่องเที่ยวเขาใหญ่ได้อย่างยั่งยืน” นางสาวพันชนะกล่าว

ขณะที่ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ ซึ่งเป็นผู้ผลิตอาหารปลอดภัยระดับโลก ได้เปิดให้บริการ ร้าน CP Fresh ใน อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา จำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารที่สด สะอาด และปลอดภัยมากมาย ทั้งหมูสด ไก่สด กุ้งสด ผัก ผลไม้ รวมถึงปูและปลา ที่ส่งตรงจากทะเล ตลอดจนอาหารในท้องถิ่นโคราช ซึ่งตอบโจทย์ “เชฟมิชลิน” ที่จะเลือกสรรวัตถุดิบมาปรุงเป็นอาหารจานพิเศษ เสิร์ฟนักท่องเที่ยวผู้มาเยือนเขาใหญ่ให้ได้ประทับใจในรสชาติและความสวยงามของแต่ละเมนูอย่างครบครัน รวมถึงยังเป็นแหล่งวัตถุดิบสำคัญแก่ร้านอาหารทุกร้านในเขาใหญ่ และนักท่องเที่ยวที่นิยมทำอาหารด้วยตนเองอีกด้วย

นายสิริพงศ์ อรุณรัตนา ประธานผู้บริหารฝ่ายปฏิบัติการ ธุรกิจสัตว์บก ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า ซีพีเอฟมีความพร้อม โดยได้คัดสรรผลิตภัณฑ์คุณภาพระดับพรีเมียมที่สด สะอาด ปลอดภัย และสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ ตลอดจนมีวัตถุดิบพื้นถิ่นซึ่งเป็นเสน่ห์และเอกลักษณ์ของเขาใหญ่ มารวมไว้ที่ร้าน CP Fresh ซึ่งจะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้การท่องเที่ยวเชิงอาหาร (Gastronomic Tourism) ในเขาใหญ่เกิดขึ้นได้อย่างเข้มแข็ง และจะเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจของชุมชนปากช่องและเขาใหญ่ได้อย่างยั่งยืน

“ทุกเมนูที่รังสรรค์โดยเชฟมิชลินนี้ นอกจากจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพแล้ว ยังสามารถสร้างรายได้ให้กับเกษตรกร และสร้างอาชีพให้ชุมชนเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน สอดคล้องกับหลักปรัชญา 3 ประโยชน์ของเครือซีพี ไม่ว่าเราจะไปดำเนินธุรกิจที่ไหน เราต้องสร้างประโยชน์และคุณค่าให้กับประเทศ สังคม และท้ายที่สุดคือองค์กร” นายสิริพงศ์กล่าว

ด้าน เชฟหนุ่ม-ธนินทร จันทรวรรณ เปิดเผยว่าได้แรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์เมนูอาหาร ในงาน Dining Experience in Khao Yai with Michelin Star Chef ครั้งที่ 1 นี้จากแนวคิด “เปิดประตูสู่อีสาน” โดยเลือกวัตถุดิบท้องถิ่นยอดนิยมของภาคอีสาน เช่น ปลาร้า หม่ำเนื้อ ผสมผสานกับวัตถุดิบหลักคุณภาพพรีเมียมจากซีพีเอฟ ทั้งไก่เบญจา หมูชีวา และเป็ด หลอมรวมเข้ากับกลิ่นอายความเป็นอีสานได้อย่างลงตัว อาทิ ไก่เบญจากับหัวปลีเผา สลัดมะเขือเทศย่างกับเป็ดรมควัน และซี่โครงหมูหมักข้าวหมากย่าง แจงลอนปลากราย น้ำพริกพริกไทยสด และอาหารสะท้อนเสน่ห์อีสาน ได้แก่ แกงปลาคังย่างปลาไหล หม่ำเนื้อแตงกวาดอง แจ่วปลาร้าบอง ตำบักส้ม ต้มโฮกฮือ ทานพร้อม ข้าวหุงน้ำมะพร้าวเผา ที่สร้างความประทับใจแก่แขกทุกท่านอย่างยิ่ง

กลุ่มทรู คว้ารางวัลเครือข่ายยอดเยี่ยม กับบรอดแบนด์ดีที่สุดในไทย การันตีโดย nPerf

0

รายงานข่าวจากกลุ่มทรู เปิดเผยว่า สถาบันทดสอบคุณภาพระดับโลก nPerf ได้ประกาศผลการทดสอบสำรวจความเร็วโมบายล์อินเทอร์เน็ตประจำปี 2563 การันตีให้ทรูมูฟ เอชเป็นเครือข่ายยอดเยี่ยม และเครือข่ายที่ดีที่สุดในประเทศไทย ปี 2563 เป็นการครองแชมป์ต่อเนื่อง 5 ปีซ้อน ตั้งแต่ปี 2559-2563

โดยผลการสำรวจได้รวบรวมจากผู้ใช้งานแอปพลิเคชัน nPerf ทั้งหมดในช่วงระหว่างวันที่ 1 มกราคม-31 ธันวาคม 2563 จำนวน 2,902,011 ครั้ง ทรูมูฟ เอชได้คะแนนรวมสูงสุด 70,855 คะแนน และมีคะแนนนำใน 4 หมวดการทดสอบที่สำคัญๆ ได้แก่
• ความเร็วดาวน์โหลดที่ดีที่สุด (Best Download Speed) 40.7 Mb/s
• ค่าความหน่วงต่ำหรือ Latency ดีที่สุด (Best Latency) 32.1 ms
• การเบราว์ซิง หรือคุณภาพในการเปิดเว็บที่ดีที่สุด (Best Browsing Performance) ด้วยค่าเฉลี่ยสูงสุดถึง 58.8% โดยพิจารณาจากคุณภาพการเปิด 5 เว็บไซต์ที่ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตชาวไทยใช้บ่อยที่สุด
• การสตรีมมิ่ง หรือคุณภาพการสตรีมมิ่งวิดีโอที่ดีที่สุด (Best Streaming Performance) ด้วยค่าเฉลี่ยสูงสุดถึง 77.7% โดยพิจารณาจากคุณภาพการรับชมวิดีโอบนแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งยูทูป

แม้ว่าตลอดปี 2563 คนไทยมีการใช้งานอินเทอร์เน็ตมากขึ้น เนื่องมาจากการ Work from Home และเรียนออนไลน์ที่ต้องออนไลน์ได้ทุกที่ทุกเวลา ยิ่งทำให้ทีมงานทรูมูฟ เอช ทุ่มเทพัฒนาคุณภาพเครือข่ายให้มีประสิทธิภาพเพื่อให้คนไทยได้ใช้งานได้อย่างเต็มศักยภาพตลอดเวลายิ่งขึ้น ตลอดจนการเปิดให้บริการเครือข่ายอัจฉริยะ True 5G ในต้นปีที่ผ่านมา ทำให้ทรูมูฟ เอชเป็นผู้นำเครือข่ายอัจฉริยะที่ดีกว่า เร็วแรงกว่า และเป็นรายแรก รายเดียวที่ครบสุดทุกย่านความถี่

สำหรับ “ทรูออนไลน์” สามารถคว้า 2 รางวัลจาก nPerf เช่นเดียวกัน ได้แก่ รางวัลอินเทอร์เน็ตบรอดแบรนด์ที่ดีที่สุดในไทยประจำปี 2563 และรางวัลไฟเบอร์ดีที่สุดในไทยประจำปี 2563

nPerf ได้ทดสอบความเร็วอินเทอร์เน็ตบ้านของประเทศไทยประจำปี 2563 (Fixed Internet Performances) ซึ่งผลการสำรวจได้รวบรวมจากผู้ใช้งานแอป nPerf ทั้งหมดในช่วงระหว่างวันที่ 1 มกราคม-31 ธันวาคม 2563 เก็บผลการทดสอบทั้งหมด จำนวน 12,130,702 ครั้ง

ทรูออนไลน์ สามารถทำคะแนนรวมได้สูงสุด 174,771 คะแนน เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ให้บริการบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต (ISP) รายอื่น มีคะแนนสูงสุดทั้ง
• ความเร็วในการดาวน์โหลด 281.40 Mb/s
• ความเร็วในการอัปโหลด 175.96 Mb/s

นอกจากนี้ ยังได้ทดสอบความเร็วไฟเบอร์ ตลอดปี 2563 (FTTH/Fiber to the home) โดยทดสอบทั้งสิ้น 5,177,367 ครั้ง ทรูออนไลน์ได้คะแนนสูงสุด 199,465 คะแนน
• ความเร็วสูงสุดในการดาวน์โหลดที่ 504.66 Mb/s
• ความเร็วอัปโหลดสูงสุดที่ 317.88 Mb/s

ซึ่งรางวัลดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของทรูออนไลน์ในการส่งมอบประสบการณ์การใช้งานอินเทอร์เน็ตที่ดีที่สุดแก่คนไทย ด้วยการสรรหานวัตกรรมเทคโนโลยีใหม่ๆ และสร้างมาตรฐานใหม่ให้แก่วงการอินเทอร์เน็ตบ้านของไทยเทียบเท่ามาตรฐานโลกมาตลอด16 ปี

ได้สร้างมาตรฐานใหม่ในด้านความเร็วในการใช้งานอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ให้คนไทยมาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงมาตรฐานความเร็ว 1 Gbps รายแรกในประเทศไทย True Gigatex Fiber ในอัตราค่าบริการที่คุ้มค่าสามารถเข้าถึงได้ ตลอดจนพัฒนานวัตกรรม Band Steering ที่รวมทุกคลื่นความถี่เป็นหนึ่งเดียว (2.4GHz และ 5GHz) ซึ่งจะเลือกสัญญาณ WiFi ที่ดีที่สุดให้ลูกค้าอัตโนมัติ และอุปกรณ์เสริม True Gigatex Mesh WiFi อุปกรณ์กระจายสัญญาณ WiFi ให้แรงทั่วบ้าน สำหรับบ้านขนาดใหญ่ โดยไม่ต้องเดินสาย LAN เพื่อสามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในยุคดิจิทัล และเพิ่มประสบการณ์การใช้อินเทอร์เน็ตให้ดียิ่งขึ้นไปอีก

ทั้งนี้ nPerf เป็นสถาบันทดสอบความเร็วอินเทอร์เน็ตระดับโลก ได้ทำการทดสอบความเร็วอินเทอร์เน็ตเป็นประจำต่อเนื่องทุกปี สามารถทดสอบได้ทั้งอินเทอร์เน็ตบ้าน (Fixed Broadband Internet) และโมบายอินเทอร์เน็ต (Mobile Broadband Internet) ได้รับการพัฒนาโดยบริษัทเอกชนในประเทศฝรั่งเศส บริการมาตั้งแต่ปี 2003 ก่อนจะพัฒนามาเป็นแอปพลิเคชัน ทั้งบน iOS Android และ Windows ถือเป็นหนึ่งในแอปพลิเคชันที่ใช้มากที่สุดในตลาด ได้รับความไว้ในใจหมู่ผู้ให้บริการโทรศัพท์ของประเทศต่างๆ ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น Comcast, Vodafone, Connected Nation, Telefonica, Orange, Three, Wireless United เป็นต้น

กรมชลฯ คุมเข้มแผนจัดสรรน้ำ เตรียมรับมือน้ำทะเลหนุนปลายสัปดาห์นี้

0

ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยหลังการประชุมคณะอนุกรรมการติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำ ว่า ปัจจุบัน(22 ก.พ. 64) อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ  มีปริมาณน้ำรวมกันประมาณ 38,940 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 55 ของความจุอ่างฯรวมกัน มีปริมาณน้ำใช้การได้รวมกันประมาณ 15,398 ล้าน ลบ.ม. จนถึงขณะนี้มีการใช้น้ำไปแล้ว 9,998 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 58 ของแผนฯ เฉพาะ 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา(เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำรวมกันประมาณ 10,436 ล้าน ลบ.ม. หรือร้อยละ 42 ของความจุอ่างฯรวมกัน ปริมาณน้ำใช้การได้ประมาณ 3,740 ล้าน ลบ.ม. มีการใช้น้ำไปแล้ว 2,935 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 73 ของแผนฯ

ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน

ทั้งนี้ เนื่องจากน้ำต้นทุนมีจำนวนจำกัด จึงต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนช่วยกันประหยัดน้ำ พร้อมสั่งการไปยังสำนักงานชลประทานทั่วประเทศ ให้ปฏิบัติตามแผนบริหารจัดการน้ำช่วงฤดูแล้งอย่างเคร่งครัด ภายใต้เงื่อนไขน้ำอุปโภคบริโภคต้องเพียงพอ ตามที่ นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน ได้มอบแนวทางให้ดำเนินการบริหารจัดการน้ำอย่างปราณีต ทั่วถึง เท่าเทียม และเป็นธรรม รวมทั้งได้กำชับให้ทุกโครงการชลประทาน สำรวจปริมาณการใช้น้ำของเกษตรกร หากเพียงพอแล้วขอให้ปรับลดการส่งน้ำลงหรือส่งน้ำตามรอบเวร เพื่อสงวนน้ำไว้เพื่อการอุปโภคบริโภค รวมทั้งรักษาระบบนิเวศ ตลอดจนควบคุมคุณภาพน้ำ รวมไปถึงการเตรียมแผนบริหารจัดการน้ำช่วงฤดูน้ำหลาก การจัดทำแผนรับเหตุ การกำหนดพื้นที่เสี่ยง การกำหนดผู้รับผิดชอบ การกำหนดเครื่องจักรเครื่องมือ และเร่งรัดดำเนินการเก็บวัชพืชในลำน้ำให้แล้วเสร็จภายในเดือนมิถุนายน 2564 นี้  เพื่อเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำ

สำหรับสถานการณ์ค่าความเค็มในลุ่มน้ำเจ้าพระยา ปัจจุบัน(22 ก.พ. 64) เวลา 07.00 น ที่สถานีสูบน้ำประปาสำแล จ.ปทุมธานี วัดค่าความเค็มได้ 0.18 กรัม/ลิตร (มาตรฐานเพื่อการผลิตน้ำประปาไม่เกิน 0.50 กรัมต่อลิตร)  จากการคาดการณ์ของกรมอุทกศาสตร์ ในช่วงวันที่ 27 ก.พ.64 – 2 มี.ค.64 จะเกิดสถานการณ์น้ำทะเลหนุนสูงอีกรอบ กรมชลประทาน ได้ปรับเพิ่มการระบายน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เป็น 70 ลบ.ม./วินาที ตั้งแต่เวลา 11.00 น.ของวันนี้(22 ก.พ.64)  ไปจนถึงวันที่ 26 ก.พ.64 เวลา 06.00 น. หลังจากนั้นจะลดการระบายลงเหลือ 45 ลบ.ม./วินาที พร้อมกับควบคุมการระบายน้ำผ่านเขื่อนพระรามหก เป็น 45 ลบ.ม./วินาที ตั้งแต่ เวลา 11.00 น. ของวันนี้(22 ก.พ. 64)  ไปจนถึงเวลา 06.00 น. ของวันพรุ่งนี้(23 ก.พ. 64) ก่อนจะปรับเพิ่มการระบายเป็น 55 ลบ.ม./วินาที ไปจนถึงวันที่ 27 ก.พ. 64 เวลา 06.00 น. หลังจากนั้นจะปรับลดการระบายลงเหลือ 30 ลบ.ม./วินาที  เพื่อควบคุมคุณภาพน้ำให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมในการผลิตน้ำประปา ทั้งนี้ ได้กำชับให้โครงการชลประทานลุ่มเจ้าพระยา ปฏิบัติตามมาตรการควบคุมค่าความเค็มที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด พร้อมขอความร่วมมือไปยังประตูระบายน้ำ อาคารชลประทานริมแม่น้ำเจ้าพระยา งดเปิดรับน้ำเข้าพื้นที่ เพื่อให้การผลักดันน้ำเค็มเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด

บุญรอดบริวเวอรี่ ส่งมอบรองเท้าเซฟตี้ให้อาสาสมัครดับไฟป่าที่จ.เชียงใหม่

0

รายงานข่าว เปิดเผยว่า บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด และ บริษัทในเครือทั้งหมด ส่งต่อความห่วงใย มอบรองเท้าจากโรงงานในเครือบริษัททั่วประเทศ ส่งต่อสู่แนวหน้าอาสาสมัครเพื่อใช้ในการปฏิบัติภารกิจดับไฟป่าในพื้นที่จ.เชียงใหม่ โดยมี นายประโภชน์ เกิดเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เชียงใหม่เบเวอเรช จำกัด พร้อมด้วยเครือข่ายสิงห์อาสา เป็นตัวแทนเดินทางไปมอบรองเท้าเซฟตี้ รวมไปถึงอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับใช้การดับไฟป่าให้กับกลุ่มอาสาสมัครค่ายเยาวชนเชียงดาว โดยมี นายนิคม พุทธา ผู้ก่อตั้งค่ายเยาวชนเชียงดาว เป็นตัวแทนรับมอบ ที่ต.เชียงดาว อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ เพื่อนำไปส่งมอบให้แก่แนวหน้าอาสาสมัครชุมชนดับไฟป่าไว้ใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ให้มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น พร้อมรับมือหากเกิดเหตุฉุกเฉินจากไฟป่าที่อาจเกิดขึ้นได้ในช่วงหน้าร้อน

จากการที่มีโพสต์ในโซเชียลมีเดีย ขอรับบริจาครองเท้าสำหรับอาสาสมัครดับไฟป่าที่อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ทางกลุ่มค่ายเยาวชนเชียงดาว ซึ่งเป็นกลุ่มที่ดูแลเรื่องของการอนุรักษ์ผืนป่า รวบรวมชาวบ้านและอาสาสมัครในพื้นที่เพื่อร่วมกับปฏิบัติภารกิจดับไฟป่าในพื้นที่อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ในการขอรับบริจาครองเท้าเซฟตี้ ให้แก่เจ้าหน้าที่และเหล่าอาสาสมัครชาวบ้านในพื้นที่มาช่วยปฏิบัติหน้าที่เพื่อร่วมกันรักษาปกป้องผืนป่าให้รอดพ้นจากไฟป่า ที่มักเกิดขึ้นเนื่องๆในช่วงฤดูร้อนของแต่ละปี โดยในปีไหนที่มีความร้อนแล้งมาก อัตราการเกิดไฟป่าก็จะมีมากขึ้น ซึ่งเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครดับไฟป่าถือเป็นด่านหน้าที่มีความเสี่ยงในการทำงานด้านนี้

บริษัท เชียงใหม่เบเวอเรช จำกัด จึงประสานการจัดหาและรวบรวมรองเท้าเซฟตี้ จากโรงงานต่างๆ ที่เป็นบริษัทในเครือ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ที่กระจายอยู่ในหลายจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อนำไปส่งต่อและใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการปฏิบัติงานของอาสาสมัครชุมชนดับไฟป่า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านจากดอยหลวงเชียงดาว ที่จะใส่แต่รองเท้าแตะทำให้เกิดความยากลำบากในการปฏิบัติงานและมีความปลอดภัยไม่เพียงพอในการปฏิบัติหน้าที่ดับไฟ อีกทั้งยังเป็นการช่วยเหลือให้อาสาสมัครชุมชนเหล่านี้สามารถเดินหน้าปฏิบัติงานได้อย่างคล่องตัวอีกด้วย

นอกเหนือจากรองเท้าเซฟตี้ที่ส่งมอบให้กับเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครชุมชนไว้ใช้ในการปฏิบัติการดับไฟป่าแล้ว ทางบริษัทฯ ยังได้มอบอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการดับไฟป่าให้แก่เจ้าหน้าที่และอาสาสมัคร ที่หน่วยส่งเสริมการควบคุมไฟป่าเชียงดาว เพื่อให้การปฏิบัติภารกิจดับไฟป่าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สร้างความอุ่นใจให้กับเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครทุกคนในเรื่องของความปลอดภัยขณะปฏิบัติงานเพื่อให้ภารกิจการดับไฟป่าลุล่วงไปได้ด้วยดีอีกด้วย อาทิ ไม้ตบ ถังน้ำพร้อมสายฉีด ครอบ รวมทั้งยังได้มอบน้ำดื่มสิงห์กว่า 1,000 ลิตร ไว้ให้เจ้าหน้าที่ไว้ใช้ดื่มด้วยเช่นกัน