Home Blog Page 93

ชวนผู้ประกอบการเพื่อสังคมสมัครโครงการ SET Social Impact GYM 2024

0

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ชวนผู้ประกอบการเพื่อสังคมที่ต้องการพัฒนาทักษะการประกอบธุรกิจให้แข็งแกร่งพร้อมสร้างผลลัพธ์ทางสังคมให้มีความชัดเจน เข้าร่วมโครงการ SET Social Impact GYM 2024 ? พัฒนาศักยภาพการเป็นผู้ประกอบการ ให้สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงทางสังคมได้อย่างยั่งยืน? ด้วยรูปแบบการเรียนรู้ จากโค้ชที่เป็น ผู้ประกอบการมืออาชีพจากบริษัทจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ พร้อมผู้เชี่ยวชาญจากหน่วยงานพันธมิตร PwC ประเทศไทย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.)

✨️สมัครได้ตั้งแต่วันนี้ – 30 มิ.ย. 67 ที่ลิงก์นี้➡️ https://forms.gle/gs8LrbMmohPakmx36
** เรียนฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย **
❗โปรดตรวจสอบคุณสมบัติของท่านก่อนการสมัคร❗

?ประกาศผล 18 ก.ค. 67 ที่ www.setsocialimpact.com , FB SETSocialimpact

AIS หนุนรัฐ ให้คนไทยดูบอลยูโร 2024 บนฟรีทีวีได้ผ่านกล่อง AIS PLAYBOX และ GIGA TV

0

นางสาวรุ่งทิพย์ จารุศิริพิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการพันธมิตรธุรกิจด้านบันเทิงและคอนเทนต์ AIS กล่าวว่า “AIS ภูมิใจที่ได้ทำหน้าที่เป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนภารกิจรัฐบาล ในการมอบความสุขให้ชาวไทย สามารถรับชมการถ่ายทอดสดฟุตบอล “ยูฟ่า ยูโร 2024” ตลอดการแข่งขันทุกนัด บนกล่อง AIS PLAYBOX และ กล่อง GIGA TV โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ซึ่งจะเป็นการส่งผ่านสัญญาณจากช่องฟรีทีวีที่ได้รับสิทธิ์ เริ่มตั้งแต่วันที่ 14 มิถุนายน 2567 เป็นต้นไป”

ในส่วนของแอปพลิเคชัน AIS PLAY จะไม่สามารถรับชมได้ เนื่องจากมีเงื่อนไขด้านลิขสิทธิ์

TFEX – กยท. เซ็น MOU การพัฒนาราคาอ้างอิงยางพารา

0

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รินใจ ชาครพิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บมจ. ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (ประเทศไทย) (TFEX) และณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) การพัฒนาราคาอ้างอิงยางพารา เมื่อ 12 มิ.ย. 2567 เพื่อให้ประเทศไทยมีราคาอ้างอิงในการซื้อขายยางพารา (Rubber Reference Price) ที่เป็นที่ยอมรับของผู้ประกอบการและผู้เกี่ยวข้อง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งอุตสาหกรรมยาง และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่อง มั่นใจ กระบวนการคำนวณราคา เป็นมาตรฐาน โปร่งใส

ทั้งนี้ มีกำหนดเริ่มเผยแพร่ราคายางแผ่นรมควันชั้น 3 ในเดือน ก.ค. 2567 และราคาน้ำยางข้นและยางแท่งในเดือน ก.ย. 2567 เป็นต้นไป ผู้ประกอบการและผู้ลงทุนสามารถติดตามข้อมูลได้ที่เว็บไซต์ TFEX www.TFEX.co.th และเว็บไซต์ กยท. www.raot.co.th

ประกาศผลคัดเลือกหลักทรัพย์ในดัชนี FTSE SET Index Series รอบทบทวน เดือนมิ.ย. 2567

0

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และฟุตซี่ รัสเซล (FTSE Russell) ประกาศผลการทบทวนรายชื่อหลักทรัพย์ชุดใหม่ที่จะใช้ในการคำนวณ FTSE SET Index Series มีผลวันที่ 24 มิถุนายน 2567 เป็นต้นไป สรุปได้ดังนี้ 

  • ดัชนี FTSE SET Large Cap Index มี 1 หลักทรัพย์ใหม่ที่เข้าร่วมคำนวณ
  • ดัชนี FTSE SET Mid Cap Index มี 3 หลักทรัพย์ใหม่ที่เข้าร่วมคำนวณ
  • ดัชนี FTSE SET Shariah Index มี 16 หลักทรัพย์ใหม่ที่เข้าร่วมคำนวณ

ติดตามรายละเอียดเกี่ยวกับดัชนีชุด FTSE SET Index Series และหลักเกณฑ์ในการคำนวณ ได้ที่เว็บไซต์   https://www.ftserussell.com/products/indices/set และ https://www.set.or.th/th/market/index/ftse-set/profile

การทบทวนหลักทรัพย์ที่ใช้ในการคำนวณดัชนีชุด FTSE SET Index Series จัดทำขึ้นปีละ 2 ครั้ง ตามหลักเกณฑ์ที่มีการกำหนดไว้เป็นการล่วงหน้า โดยมีกำหนดทบทวนรายชื่อหลักทรัพย์ครั้งต่อไปในเดือนธันวาคม 2567

เมืองไทยประกันชีวิต มอบเงิน สภากาชาดไทย เพื่อจัดซื้อรถบริจาคโลหิตเคลื่อนที่

0

เมืองไทยประกันชีวิต มอบเงินสภากาชาดไทย ในโครงการ “เมืองไทยปันความสุข” เป็นจำนวนเงิน 8 ล้านบาท  โดยจัดกิจกรรมผ่านแอปพลิเคชัน MTL Fit  และ กิจกรรมร่วมกับลูกค้าสมาชิกเมืองไทยสไมล์คลับ ย้ำเป็นองค์กรที่เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนที่มีการตอบแทนสังคมอย่างต่อเนื่อง

นายสาระ ล่ำซำ  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)  กล่าวว่า จากการจัดกิจกรรมของบริษัทฯ ผ่านทาง “MTL Fit” แอปพลิเคชันด้านสุขภาพที่ช่วยให้คุณเข้าใจสุขภาพตัวเองได้ดียิ่งขึ้น  และ “เมืองไทยสไมล์คลับ”  ที่ได้ประกาศเชิญชวนคนไทยร่วมแบ่งปันความสุขและรอยยิ้มที่ยั่งยืนให้กับสังคมไปพร้อมกัน  ผ่านโครงการ “เมืองไทยปันความสุข”  เพื่อการจัดซื้อรถรับบริจาคโลหิตเคลื่อนที่ มูลค่า 8 ล้านบาท มอบให้กับศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ในการเพิ่มศักยภาพการจัดหน่วยเคลื่อนที่และได้รับโลหิตบริจาคเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้บริการที่มีคุณภาพแก่ผู้ป่วยได้อย่างเพียงพอและปลอดภัย  

ทั้งนี้ ในกิจกรรมของโครงการ “เมืองไทยปันความสุข” ประกอบด้วย การร่วมสะสมก้าวเดินผ่าน  แอปพลิเคชัน MTL Fit  สำหรับประชาชนทั่วไป  จำนวน  200 ก้าวเดิน มีมูลค่าเท่ากับ 1 บาท (สูงสุด 7,500,000 บาท) หรือ กิจกรรมของสมาชิกเมืองไทยสไมล์คลับ ด้วยการบริจาคคะแนนสะสม Smile Point  5 คะแนน มีมูลค่าเท่ากับ 25 บาท (สูงสุด 500,000 บาท) โดยได้กำหนดระยะเวลากิจกรรม ตั้งแต่                 1 ธันวาคม 2566 – 29 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ผ่านมา (เงื่อนไขเป็นไปตามที่ บมจ. เมืองไทยประกันชีวิตกำหนด)   ซึ่งการจัดกิจกรรมดังกล่าวนั้นได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี  มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมสะสมก้าวเดินผ่าน MTL Fit  เป็นจำนวนรวมกว่า 5,800  คน และก้าวเดินสะสมร่วมกว่า  3,900  ล้านก้าว และสำหรับสมาชิกเมืองไทย สไมล์คลับที่ร่วมบริจาคคะแนนสะสมผ่านแอปพลิเคชัน MTL Click เป็นคะแนนรวม 100,000 คะแนน     คิดเป็นเงิน  500,000  บาท นับเป็นความร่วมมือกันอย่างมีประสิทธิภาพของบริษัทฯ  ประชาชนทั่วไปและลูกค้าสมาชิกเมืองไทยไมล์คลับ ที่ทำให้กิจกรรมนี้ประสบความสำเร็จได้ด้วยดี

ในโอกาสนี้บริษัทฯ ได้มอบเงินสนับสนุนจากโครงการ “เมืองไทยปันความสุข” ให้แก่        สภากาชาดไทยเพื่อการจัดซื้อรถรับบริจาคโลหิตเคลื่อนที่ เป็นจำนวนเงิน 8 ล้านบาท มอบให้กับศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย  โดยได้รับเกียรติจาก  นายขรรค์ ประจวบเหมาะ ผู้อำนวยการสำนักงานจัดหารายได้ สภากาชาดไทย  รองศาสตราจารย์แพทย์หญิงดุจใจ ชัยวานิชศิริ ผู้อำนวยการศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ และ นางสาวปิยนันท์ คุ้มครอง ผู้ช่วยผู้อำนวยการด้านจัดหาโลหิตและภาพลักษณ์องค์กรสภากาชาดไทย เป็นผู้รับมอบ  “เมืองไทยประกันชีวิต ขอขอบคุณผู้เข้าร่วมกิจกรรมทุกท่านที่ร่วมกิจกรรมสะสมก้าวผ่านแอปพลิเคชัน MTL Fit  อย่างเต็มความสามารถ  ตลอดจนขอขอบคุณสมาชิกเมืองไทยสไมล์คลับทุกท่านเช่นกันที่ร่วมบริจาคคะแนนสะสมเพื่อนำมาบริจาคเป็นเงินในครั้งนี้  บริษัทฯ มีความยินดีและภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมกับประชาชนและลูกค้าของบริษัทฯ ในการตอบแทนสังคมอีกครั้ง  โดยบริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นในการดำเนินงานอย่างมั่นคง แข็งแกร่ง  และเติบโตอย่างยั่งยืนเพื่อผู้เอาประกันของเรา  และเรายังคงมุ่งมั่นที่จะตอบแทนสังคมไทยในทุกรูปแบบอย่างต่อเนื่องต่อไป”นายสาระกล่าวสรุป

Jerhigh โชว์ ขนมน้องสุนัข ‘Jerhigh Weness’ กลูเตน ฟรี! เสริมสุขภาพธรรมชาติ 100% ในงาน VRVC 2024

0

บริษัท อินเตอร์เนชั่นแนลเพ็ทฟู้ด จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายอาหารสุนัขแบรนด์ “เจอร์ไฮ” (Jerhigh) ในกลุ่มบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ร่วมออกบูธโชว์ผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพน้องสุนัข ในงานประชุมด้านสัตวแพทย์ระดับภูมิภาคเอเชีย VPAT Regional Veterinary Congress 2024 (VRVC) จัดขึ้นครั้งที่ 29 เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้การดูแลสัตว์อย่างมืออาชีพ

ไฮไลท์ของบูธ เจอร์ไฮ คือ ขนมสุนัข Jerhigh Weness ที่ให้มากกว่าความอร่อย GLUTEN FREE (กลูเตน ฟรี) ไม่มีส่วนผสมของข้าวสาลี ไม่มีเกลือและน้ำตาล ไม่มีสารปรุงแต่งสี กลิ่น และสารถนอมอาหาร จัดเต็มด้วยวัตถุดิบระดับซูเปอร์ฟู้ด อาทิ คีนัว, ผักโขม, แครอท, ฟักทอง, สตรอว์เบอร์รี และน้ำผึ้ง พร้อมคัดสรรส่วนผสมเนื้อคุณภาพพรีเมียม มี 4 รสชาติ คือ ไก่, เนยถั่ว, แซลมอนล้วน 100% และเร็วๆ นี้กับรสแซลมอนและเนื้อแกะ นอกจากนี้ยังมี JerHigh MORE สูตร GRAIN FREE (เกรน ฟรี) ได้แก่ สูตรไก่ และสูตรไก่และตับ รวมถึงสูตรปลาแซลมอนสำหรับสุนัขที่มีอาการแพ้เนื้อไก่ ซึ่งทุกสูตรสุนัขสามารถกินได้ตั้งแต่อายุ 3 เดือนขึ้นไป รับประกันคุณภาพ และความอร่อย

อาหารและขนมสุนัข แบรนด์ เจอร์ไฮ มุ่งมั่นและพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยง ด้วยกระบวนการผลิตที่ใช้เทคโนโลยีทันสมัยและเทียบเท่ากับมาตรฐานอาหารมนุษย์ สะอาด ปลอดภัย คัดสรรวัตถุดิบชั้นดีมีคุณภาพ สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ทุกขั้นตอน เพื่อให้สัตว์เลี้ยงสมาชิกแสนรู้ของทุกคนสุขภาพแข็งแรงและมีอายุยืนยาว

ชมนวัตกรรมอาหารสัตว์เลี้ยงของ เจอร์ไฮ ได้ที่ งาน VRVC 2024 การประชุมใหญ่สามัญประจำปีด้านวิชาการบำบัดโรคสัตว์เลี้ยง จัดโดย สมาคมสัตวแพทย์ผู้ประกอบการบำบัดโรคสัตว์แห่งประเทศไทย ตั้งแต่วันนี้ – 12 มิถุนายน 2567 ณ Hall 4 Impact Forum (Hall 4) อิมแพ็ค เมืองทองธานี ./

บังกี้ และ ซีพีเอฟ ส่งมอบกากถั่วเหลืองปลอดรุกป่าจากบราซิลถึงไทย เพิ่มความโปร่งใสระบบตรวจสอบย้อนกลับด้วยบล็อกเชน

0

บริษัท กรุงเทพโปรดิ๊วส จำกัด (มหาชน) และ บริษัท บังกี้ จำกัด (BUNGE) คู่ค้ารายใหญ่ระดับโลก ส่งมอบ “กากถั่วเหลืองปลอดรุกพื้นที่ป่า” จากบราซิลถึงไทย “ล็อตแรก” จำนวน 185,000 ตัน ผ่านการเชื่อมต่อระบบตรวจสอบย้อนกลับของทั้งสองบริษัท และเพิ่มความโปร่งใสด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชน ตอกย้ำความมุ่งมั่นของทั้งสองบริษัทในการจัดหาวัตถุดิบหลักทางการเกษตรอย่างรับผิดชอบ มาจากแหล่งที่ไม่บุกรุกพื้นที่ป่า ร่วมปกป้องทรัพยากรธรรมชาติ

บริษัท บังกี้ จำกัด (NYSE: BG) (“บังกี้”) และ บริษัท กรุงเทพโปรดิ๊วส จำกัด (มหาชน) หรือ บีเคพี ผู้จัดหาวัตถุดิบหลักอาหารสัตว์ให้แก่ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ โชว์ความสำเร็จของความร่วมมือในการจัดหาถั่วเหลือง และวัตถุดิบจากถั่วเหลืองอย่างรับผิดชอบ ผ่านการเชื่อมต่อแพลตฟอร์มระบบตรวจสอบย้อนกลับถึงแปลงปลูกของเกษตรกรในบราซิล โดยดำเนินการทดสอบการเชื่อมต่อระหว่างการส่งมอบกากถั่วเหลืองจากบราซิลจำนวน 185,000 ตัน ซึ่งเดินทางถึงประเทศไทยในสัปดาห์แรกของเดือนมิถุนายน 2567 นี้ นับเป็นถั่วเหลือง “ตู้แรก” จากบราซิล ที่สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ถึงแปลงปลูกของเกษตรกรเป็นพื้นที่ที่ไม่บุกรุกพื้นที่ป่า รวมทั้งเพิ่มความโปร่งใสตลอดห่วงโซ่อุปทานด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชน นอกจากนี้ บังกี้ยังเตรียมส่งมอบถั่วเหลืองปลอดการบุกรุกป่าอีกกว่า 180,000 ตันภายในเดือนกรกฎาคมนี้

นายไพศาล เครือวงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กรุงเทพโปรดิ๊วส กล่าวว่า ความร่วมมือกับ บังกี้ รวมทั้งขยายผลไปถึงซัพพลายเออร์ และเกษตรกรทั่วโลก ผ่านการเชื่อมต่อระบบตรวจสอบย้อนกลับของสองบริษัทด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชน ช่วยให้กรุงเทพโปรดิ๊วสสามารถติดตามถั่วเหลืองตลอดทั้งห่วงโซ่การผลิตได้โดยอัตโนมัติ ตั้งแต่ การระบุแปลงเพาะปลูก การแปรรูป และการขนส่งจนถึงโรงงานอาหารสัตว์ ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญของกรุงเทพโปรดิ๊วสในการจัดหาถั่วเหลืองและกากถั่วเหลืองอย่างยั่งยืน สอดคล้องกับนโยบายของซีีพีเอฟด้านการจัดหาวัตถุดิบอย่างยั่งยืนและแนวปฏิบัติสำหรับคู่ค้าธุรกิจ และการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติตามความมุ่งมั่นว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพและการต่อต้านการตัดไม้ทำลายป่าตลอดห่วงโซ่อุปทาน

ทั้งนี้ แพลตฟอร์มการตรวจสอบย้อนกลับถั่วเหลืองยังช่วยให้กรุงเทพโปรดิ๊วสสามารถเข้าถึงข้อมูลการผลิตถั่วเหลือง เช่น ปริมาณก๊าซเรือนกระจกจากห่วงโซ่อุปทานถั่วเหลือง รวมถึงการยืนยันข้อมูลของแปลงปลูกที่ประยุกต์ใช้ระบบเกษตรกรรมฟื้นฟู (Regenerative Agriculture) เป็นต้น สำหรับการขับเคลื่อนสู่ Net-Zero ต่อไป

“การส่งกากถั่วเหลืองปลอดรุกพื้นที่ล็อตแรก ที่ตรวจสอบย้อนกลับได้ตั้งแต่ต้นทางแหล่งเพาะปลูกในบราซิลจนถึงปลายทางที่ประเทศไทย นับเป็นก้าวสำคัญกรุงเทพโปรดิ๊วส สนับสนุนการบรรลุเป้าหมายการจัดการห่วงโซ่อุปทานของซีพีเอฟให้สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ยืนยันว่าวัตถุดิบอาหารสัตว์มาจากห่วงโซ่ที่ปลอดการตัดไม้ทำลายป่าได้ 100% ภายในปี 2025” นายไพศาล กล่าวเสริม

การส่งมอบกากถั่วเหลืองที่ปลอดจากการบุกรุกป่า เป็นผลจากการความร่วมมือระหว่างบังกี้ และกรุงเทพโปรดิ๊วสในด้านเทคนิค การค้า และการเชื่อมต่อระบบตรวจสอบย้อนกลับกับเทคโนโลยีบล็อกเชนเพื่อสร้างห่วงโซ่อุปทานถั่วเหลืองที่รับผิดชอบ เริ่มตั้งแต่เดือนตุลาคม ปี 2566 ที่ผ่านมา โดยข้อตกลงดังกล่าวครอบคลุม การจัดหาเมล็ดพืชน้ำมัน รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่ได้จากเมล็ดพืชน้ำมันที่บังกี้จัดหาในบราซิล สำหรับใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ซีพีเอฟในประเทศไทย และกิจการในต่างประเทศ

ด้าน นายโรสซาโน ดิ อันเจลิส จูเนียร รองประธานฝ่ายธุรกิจการเกษตรเขตอเมริกาใต้ ของ บังกี้ กล่าวว่า ความร่วมมือของบังกี้กับซีพีเอฟ ในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคและเพิ่มความโปร่งใสในห่วงโซ่อุปทานถั่วเหลือง ซึ่งบังกี้ได้กำหนดและพัฒนาการจัดหาถั่วเหลืองที่ตรวจสอบย้อนกลับได้มาตลอดทศวรรษที่ผ่านมา ทั้งนี้เพื่อจัดหาผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืนให้กับตลาดที่ต้องการสินค้าที่มาจากการจัดหาอย่างรับผิดชอบ

ระบบตรวจสอบย้อนกลับถึงแหล่งที่มาถั่วเหลืองของบังกี้ครอบคลุมพื้นที่เพาะปลูกในทวีปอเมริกาใต้กว่า 16,000 แปลง หรือประมาณ 20 ล้านเฮกตาร์ ใช้เทคโนโลยีดาวเทียมในการระบุและตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดินและการปลูกถั่วเหลืองในแต่ละพื้นที่ ทั้งนี้ บังกี้ กำหนดเป้าหมายสามารถตรวจสอบย้อนกลับถั่วเหลืองที่จัดหาในทางตรงและทางอ้อมในบราซิลปลอดการตัดไม้ทำลายป่าได้ภายในปี 2025 ปัจจุบัน ร้อยละ 97 ของปริมาณถั่วเหลืองที่จัดหาจากพื้นที่เสี่ยงของบังกี้สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ว่าปราศจากการตัดไม้ทำลายป่า และการเปลี่ยนแปลงในการใช้ที่ดินอย่างโปร่งใส

น้องๆ รร.บ้านหินดาด นครราชสีมา เรียนรู้ Coding โครงการดีๆจาก CONNEXT ED มี CPF ช่วยหนุน

0

ถึงแม้ว่าวิถีการดำเนินชีวิตของชุมชนบ้านหินดาด ต.หินดาด อ.ห้วยแถลง จ.นครราชสีมา จะพึ่งพิงอาชีพเกษตรกรรมเป็นส่วนใหญ่ และเด็กๆในพื้นที่ อยู่ในบริบทของสิ่งแวดล้อมการเติบโตตามอัตลักษณ์ของชุมชน

แต่ด้วยยุคสมัยที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากขึ้นเรื่อยๆ สอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการที่สนับสนุนให้สถานศึกษาพัฒนาผู้เรียนให้มีทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 เป็นการส่งเสริมโอกาสและยกระดับการเรียนรู้ของเด็กและเยาวชน

รร.บ้านหินดาด ซึ่งเป็นโรงเรียนขนาดกลาง เปิดสอนตั้งแต่ชั้นอนุบาล 1 จนถึงมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีจำนวนนักเรียน 294 คน เป็นอีกหนึ่งโรงเรียนในโครงการมูลนิธิสานอนาคตการศึกษาคอนเน็กซ์ อีดี ที่นำกระบวนการ Coding และ Robotics มาประยุกต์ใช้ในการเรียนการสอน ภายใต้โครงการ “Coding Robotics Kids”

และกำหนดให้ Coding อยู่ในแผนการเรียนการสอน สำหรับนักเรียนระดับประถมศึกษาตอนปลายและมัธยมศึกษาตอนต้น โดยตั้งเป้าให้นักเรียนมีทักษะการเขียน โปรแกรมควบคุมบอร์ดสมองกล สามารถนำความรู้มาประยุกต์ใช้ในการศึกษาต่อและใช้ในชีวิตประจำวัน โดยมีวิทยากรจากมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมาสนับสนุนการอบรมครูผู้สอน และมีผู้นำทางการศึกษารุ่นใหม่ (School Partner :SP) จากบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ ที่ชวนทีม Robot ของซีพีเอฟ และวิทยากรจากภายนอกมาร่วมสอนน้องๆ นักเรียน ฝึกให้นักเรียนมีทักษะการวางแผน คิดแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ ด้วยกระบวนการ Coding Robotics

นายสหพันธ์ เปาจันทึก ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านหินดาด เล่าว่า แม้โรงเรียนจะได้รับการสนับสนุนแท็บเล็ตจาก สพฐ. แต่วัสดุอุปกรณ์สำหรับการเรียนการสอน Coding ก็ยังไม่เพียงพอ จึงนำเรื่องนี้ปรึกษากับทีมผู้นำทางการศึกษารุ่นใหม่ของซีพีเอฟ ภายใต้โครงการคอนเน็กซ์ อีดี เสนอโครงการ Coding Robotics Kids และได้รับงบประมาณสนับสนุนจากซีพีเอฟ เพื่อจัดซื้อชุดการเรียนการสอน Coding ด้วยโปรแกรม Micro:bit นำมาต่อยอดการเรียนรู้อย่างเต็มศักยภาพ อาทิ ป. 3- ป.4 ให้เรียน Coding อย่างง่าย เช่น การต่อบล็อกควบคุมหุ่นยนต์ ชั้นป.5 เริ่มเรียนโปรแกรม Coding ไมโครบิท ต่อบล็อกโค้ด การทำงาน-ควบคุม-รับค่าเซ็นเซอร์ เปิดปิดไฟหรือวัดอุณหภูมิ ด้วย Coding ชั้นป.6 เรียนรู้การเขียน Coding การควบคุมหุ่นยนต์รถวิ่ง

“Coding สอนให้เด็กๆคิดวิเคราะห์ ฝึกทักษะคิดแก้ปัญหาเป็นกระบวนการ นำความรู้มาประยุกต์ใช้กับวิชาอื่นๆได้ ที่ผ่านมา จัดการสอนไปแล้ว 1 รุ่น มีนักเรียนประมาณ 40 คน ที่สามารถเขียน Coding อย่างง่ายได้ ภาคเรียนนี้จะสอนอีก1 รุ่น ประมาณ 40-50 คน ให้นักเรียนในชุมนุมการเขียนโปรแกรมด้วยไมโครบิท Coding เป็นพี่เลี้ยงส่งต่อความรู้ให้น้องๆ คาดหวังว่าในระยะต่อไป จะต่อยอดกระบวนการคิดจากบทเรียน สู่การทำสมาร์ทฟาร์มง่ายๆ” ผอ.สหพันธ์ กล่าว

ด.ญ.กัญญาพัชร แก้วขวาน้อย นักเรียนชั้นป.6 บอกว่า รู้สึกสนุกกับการเรียน Coding ได้ทำกิจกรรมเรียนรู้หลายอย่าง ที่สามารถนำความรู้ไปต่อยอด เช่น การทำโมเดลฟาร์มอัจฉริยะ ขอขอบคุณพี่ๆซีพีเอฟที่มอบโอกาสและสนับสนุนการเรียนรู้ดีๆ ขณะที่ ด.ญ.ปิ่นมาลา จินดามาตย์ เล่าถึงสิ่งที่ได้รับ นอกจากความรู้จากการเรียน Coding ยังสามารถนำความรู้ไปปรับใช้ในการเรียนรู้วิชาอื่นได้ ดีใจมากที่มีพี่ๆซีพีเอฟเข้ามาสนับสนุนโครงการดีๆอย่างนี้ให้กับโรงเรียนของเรา ส่วน ด.ช.อภิณัฐ ตันกระโทก นักเรียนชั้นม.1 บอกว่า Coding ทั้งสนุกและให้ความรู้ที่นำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้ และยังได้ประดิษฐ์สิ่งของต่างๆ สามารถนำสิ่งที่ได้เรียนรู้ไปช่วยชุมชนต่อไป

ซีพีเอฟ เป็นหนึ่งในบริษัทเอกชนที่ร่วมก่อตั้งมูลนิธิสานอนาคตการศึกษาคอนเน็กซ์ อีดี เพื่อขับเคลื่อนการยกระดับคุณภาพการจัดการศึกษาไทยในศตวรรษที่ 21 สร้างเด็กดี มีคุณธรรม โดยล่าสุด ปีการศึกษา 2567 ซีพีเอฟสนับสนุนการดำเนินโครงการด้านวิชาการ และฝึกทักษะด้านวิชาชีพ 74 โรงเรียน ในพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ และสระบุรี ควบคู่กับเดินหน้าสร้างผู้นำทางการศึกษารุ่นใหม่ (SP) ซึ่งปัจจุบันมี SP ของซีพีเอฟรวม 93 คน ทำหน้าที่เป็นคู่คิด ร่วมทำงานกับผู้บริหารสถานศึกษาและคณะครู สู่เป้าหมายยกระดับคุณภาพการจัดการศึกษาของไทยและลดความเหลื่อมล้ำ

สินเชื่อ GSB บ้านแลกเงิน เปลี่ยนบ้านเป็นเงินพร้อมใช้ วงเงินกู้สูง ผ่อนสบาย บ้านยังอยู่ครบ

0

? ให้บ้านช่วยพลิกวิกฤตเป็นโอกาส มาเปลี่ยนบ้านเป็นเงินก้อนพร้อมใช้ ด้วยสินเชื่อ GSB บ้านแลกเงิน ผ่อนสบาย แถมบ้านยังอยู่ครบ ?
พบกับข้อเสนอสุดว้าว✨
? ผ่อนเริ่มต้น แสนละ 700 บาท/เดือน* (9 เดือนแรก)
? ดอกเบี้ยคงที่เริ่มต้น 3.99% ต่อปี (9 เดือนแรก)
? วงเงินกู้สูงสุด 10 ล้านบาท
? เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายอเนกประสงค์
หมายเหตุ :

  • ปัจจุบัน MRR = 6.595% ต่อปี (ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. 67 เป็นต้นไป) ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยลอยตัวสามารถเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้
  • อัตราดอกเบี้ยคงที่เริ่มต้น 3.99% ต่อปี (9 เดือนแรก) สำหรับวงเงินกู้ตั้งแต่ 5 ล้านบาทขึ้นไป และทำประกันชีวิตเพื่อประกันสินเชื่อ ตามเงื่อนไขที่ธนาคารกำหนด
  • อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง (Effective Rate) อยู่ระหว่าง 3.990% – 7.345% ต่อปี
  • อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงตลอดอายุสัญญา (EIR) อยู่ระหว่าง 6.234% – 7.156% ต่อปี กรณีวงเงินกู้ต่ำกว่า 5 ล้านบาท คำนวณจาก วงเงินกู้ 1 ล้านบาท ระยะเวลาชำระเงินกู้ 20 ปี แบบผ่อนชำระเท่ากันทุกงวด กรณีวงเงินกู้ตั้งแต่ 5 ล้านบาท คำนวณจาก วงเงินกู้ 5 ล้านบาท ระยะเวลาชำระเงินกู้ 20 ปี แบบผ่อนชำระเท่ากันทุกงวด
  • *ผ่อนเริ่มต้นแสนละ 700 บาทต่อเดือน (9 เดือนแรก) หลังจากนั้น แสนละ 800 บาท ต่อเดือน ดอกเบี้ยทั้งสัญญา 2,936,000 บาท คำนวณจากวงเงินกู้ 5 ล้านบาท ระยะเวลาผ่อนชำระ 20 ปี ผ่อนชำระแบบขั้นบันได โดยใช้อัตราดอกเบี้ยกรณีใช้ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง หรือ ห้องชุดเป็นหลักประกัน วงเงินกู้ตั้งแต่ 5 ล้านบาทขึ้นไป กรณีทำประกันฯ เดือนที่ 1-9 = 3.99% เดือนที่ 10-24 = MRR-0.855% ปีที่ 3 เป็นต้นไป MRR-0.250%
  • รายละเอียดการคำนวณเพิ่มเติมดูได้ที่เว็ปไซต์ www.gsb.or.th
    ?? ตั้งแต่วันที่ 16 พ.ค. 67 – 15 ส.ค. 67
    ?? สมัครเลย คลิก > https://shorturl.asia/xvKOg
    ?? หรือที่ธนาคารออมสินทุกสาขา
    ⚠️ เงื่อนไขอื่น ๆ เป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด
    *รู้ก่อนกู้…กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว

GULF –AIS – สวพส. ร่วมชูพลังงานสะอาด ยกระดับคุณภาพชีวิตให้ชุมชนห่างไกล​ ผ่านโครงการ “Green Energy Green Network for THAIs”

0

บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF องค์กรชั้นนำด้านพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานยั่งยืนในระดับภูมิภาค ผนึกกำลังร่วมกับ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS ในฐานะผู้ให้บริการโครงข่ายดิจิทัลชั้นนำของไทย พร้อมด้วย สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) หรือ สวพส. เดินหน้ายกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยในพื้นที่ห่างไกลให้เข้าถึงบริการโครงสร้างขั้นพื้นฐาน ชูการนำจุดแข็งของทั้ง 2 องค์กรภาคเอกชน และการผสานกำลังกับภาครัฐอย่าง สวพส. ที่มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมและสิ่งแวดล้อมบนพื้นที่สูงของประเทศ มาร่วมกันส่งมอบพลังงานไฟฟ้าจากแผงโซลาร์เซลล์ ที่ผลิตโดยพลังงานสะอาดจากแสงอาทิตย์ให้แก่ชุมชน พร้อมติดตั้งสถานีฐานโดยใช้แหล่งพลังงานจากแสงอาทิตย์เชื่อมต่อระบบเครือข่ายสัญญาณดิจิทัลสำหรับชุมชน

ผ่านโครงการ Green Energy Green Network for THAIs พลังงานสะอาดเชื่อมเครือข่ายเพื่อคนไทย นำร่อง 2 พื้นที่ห่างไกล ชุมชนบ้านดอกไม้สด และ ชุมชนมอโก้โพคี ต.แม่อุสุ อ.ท่าสองยาง จ.ตาก พร้อมตั้งเป้าการทำงานร่วมกันมุ่งขยายผลโครงการต่อเนื่องในพื้นที่ห่างไกล ขาดแคลนสาธารณูปโภคด้านพลังงานไฟฟ้าและระบบสื่อสารโทรคมนาคม เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ ยกระดับคุณภาพชีวิต และสร้างการเติบโตร่วมกันของเศรษฐกิจชุมชนได้อย่างยั่งยืน

นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AIS อธิบายต่อไปอีกว่า “จากความมุ่งมั่นในการก้าวสู่การเป็นองค์กรเทคโนโลยีโทรคมนาคมอัจฉริยะ หรือ Cognitive Tech-Co ทำให้ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา AIS เดินหน้าพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลให้มีความแข็งแรง มีความพร้อมมากพอที่จะเชื่อมต่อการทำงานกับทุกภาคส่วนเพื่อสร้างการเติบโตของเศรษฐกิจแบบร่วมกัน (Ecosystem Economy) เพราะเราเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าระบบสื่อสารโครงข่ายดิจิทัลเทคโนโลยีเป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสร้างโอกาสให้กับผู้คนให้เข้าถึงความรู้ใหม่ๆ ที่สามารถต่อยอดการใช้ชีวิตเพื่อสร้างคุณค่าหลากหลายด้านได้อย่างมากมายภายใต้การเปลี่ยนแปลง

การทำงานร่วมกับ GULF และ สวพส. ในครั้งนี้ ถือเป็นการตอกย้ำแนวทางการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนของ AIS ในทุกด้าน ทั้งการพัฒนาโครงข่ายดิจิทัลขับเคลื่อนเศรษฐกิจชุมชน เราทลายข้อจำกัดในการขยายโครงข่ายให้ครอบคลุมการใช้งาน เพื่อสร้างการเข้าถึงดิจิทัลให้คนไทยทุกกลุ่ม โดยใช้เทคโนโลยีและแหล่งพลังงานทดแทนจากแสงอาทิตย์ หรือโซลาร์เซลล์มาใช้ในการบริหารจัดการระบบสื่อสารเพื่อส่งมอบโครงข่ายดิจิทัลไปยังชุมชนในพื้นที่เป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ประชาชนในพื้นที่ห่างไกลสามารถติดต่อสื่อสารได้อย่างสะดวกสบาย เข้าถึงแหล่งความรู้และบริการต่างๆ ที่จะก่อให้เกิดประโยชน์ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม การศึกษา และสาธารณสุข รวมถึงสวัสดิการของภาครัฐ ด้วยโครงข่ายดิจิทัลจากโครงการนี้  โดย AIS และพาร์ทเนอร์จะมีการทำงานและติดตามความเปลี่ยนแปลงในแต่ละชุมชนอย่างต่อเนื่องผ่านการทำ Social Impact Assessment หรือประเมินผลลัพธ์ทางสังคมต่อประโยชน์ของโครงการนี้ที่ช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมในมิติต่างๆ เพื่อให้มั่นใจว่าชุมชนจะได้รับการพัฒนาที่มีประสิทธิภาพสอดคล้องกับบริบทและภูมิปัญญาของชุมชนนั้นๆอย่างแท้จริงและยั่งยืน ดังเช่น ชุมชนมอโก้โพคี หนึ่งในหลายชุมชนที่ได้เข้าถึงระบบไฟฟ้าโซล่าร์เซลล์และระบบสื่อสารดิจิทัลของโครงการนี้ จะมีโอกาสในการพัฒนาองค์ความรู้ด้านการผลิตเมล็ดกาแฟและการพัฒนาช่องทางการตลาดให้เป็นที่รู้จักได้มากขึ้น ตามเป้าหมายของผู้นำชุมชนที่ได้รวมกลุ่มคนในชุมชนเปลี่ยนจากการปลูกไร่ข้าวโพดมาปลูกเมล็ดกาแฟ โดยหวังให้เมล็ดกาแฟของชุมชนเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพออกสู่ตลาดที่กว้างขวางขึ้น อันจะสร้างรายได้สู่คนในชุมชนได้อย่างมั่นคง”

นางสาวธีรตีพิศา เตวิชพศุตม์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านปฏิบัติการ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชนกล่าวว่า “จุดเริ่มต้นของโครงการนี้ เกิดจากการที่ GULF และ GULF1 บริษัทในเครือ นำร่องติดตั้งชุดอุปกรณ์ระบบโซลาร์เซลล์ในพื้นที่ทุรกันดารตั้งแต่ปี 2566 ใน 3 พื้นที่ ได้แก่ บ้านห้วยน้ำไซ อ.นครไทย จ.พิษณุโลก เกาะทุ่งนางดำ อ.คุระบุรี จ.พังงา และบ้านดอกไม้สด อ.ท่าสองยาง จ.ตาก รวมถึงมีทีมวิศวกรจาก GULF1 ให้ความรู้ด้านการบำรุงรักษาและวิธีการใช้งานชุดอุปกรณ์โซลาร์เซลล์แก่ชุมชน เพื่อให้สามารถใช้งานระบบโซลาร์ได้อย่างยั่งยืน เมื่อได้ลงพื้นที่จริง และพูดคุยกับชุมชนถึงปัญหาในการสื่อสารกับคนภายนอกพื้นที่ จึงเล็งเห็นการต่อยอดโครงการโดยการชักชวนพันธมิตรที่แข็งแกร่งอย่าง AIS เพื่อผนึกกำลังขยายสัญญาณสื่อสาร มอบโอกาสในการเข้าถึงพลังงานและเทคโนโลยีดิจิทัล มุ่งลดความเหลื่อมล้ำ สร้างโอกาสทางการศึกษา การพัฒนาอาชีพ และการเข้าถึงบริการด้านสาธารณสุข รวมถึงสะท้อนถึงเจตนารมณ์ของ GULF ในการขับเคลื่อนให้สังคมมุ่งสู่อนาคตคาร์บอนต่ำผ่านการใช้พลังงานสะอาดอีกด้วย

ในปีนี้ ทาง GULF ได้ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ไปแล้วใน 3 พื้นที่ ได้แก่ ดอยมอโก้โพคี อ.ท่าสองยาง จ.ตาก บ้านแม่ตอละ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน บ้านผีปานเหนือ อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ สำหรับพื้นที่ดอยมอโก้โพคีนั้น เดิมชาวบ้านมอโก้โพคีประกอบอาชีพปลูกข้าวโพดเป็นหลัก ทำให้มีการทำลายป่าเป็นวงกว้าง และยังทำลายสุขภาพผู้ปลูกเนื่องจากการใช้สารเคมี  นอกจากนั้น การเผาในฤดูเก็บเกี่ยวยังก่อให้เกิดฝุ่น PM 2.5 อีกด้วย  ซึ่งทาง GULF ได้ร่วมมือกับผู้นำชุมชนสานต่องานรักษาผืนป่าและพัฒนาอาชีพในการปลูกกาแฟให้กับคนในชุมชน GULF จึงได้เข้าไปสร้างโรงเรือนสำหรับการแปรรูปเมล็ดกาแฟและติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ เพื่อให้กระบวนการล้างทำความสะอาด คัดแยก และสีกาแฟ มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น โดยการใช้พลังงานสะอาด สิ่งเหล่านี้จะส่งผลให้ชาวบ้านมีความเชื่อมั่นในการปลูกกาแฟมากขึ้น เพิ่มโอกาสที่จะสร้างรายได้แก่ชุมชน และในอนาคตชุมชนจะพัฒนาไปสู่การแปรรูปกาแฟด้วยตนเอง นับว่าเป็นช่องทางการสร้างอาชีพและการรักษาป่าควบคู่กันอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ GULF ยังนำชาวบ้านจากดอยมอโก้โพคี ไปเรียนรู้ด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพสอดคล้องกับความต้องการของตลาด ที่ จ.เชียงราย เมื่อเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา นับว่าเป็นการช่วยสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนแห่งนี้ ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำได้อย่างเป็นอย่างดี”

นายชวลิต ชูขจร ประธานกรรมการ สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) กล่าวว่า “ภารกิจสำคัญของ สวพส. คือ การนำความรู้ของโครงการหลวงไปพัฒนาให้ชุมชนบนพื้นที่สูงของประเทศมีความอยู่ดีมีสุข สามารถนำความรู้ไปใช้ในการประกอบอาชีพที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พึ่งพาตัวเองได้ นอกจากนี้ สวพส. ยังช่วยให้ชุมชนบนพื้นที่สูง เข้าถึงบริการสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน โดยร่วมมือกับหน่วยงานและองค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน โดยเฉพาะโครงการ Green Energy Green Network for THAIs  ที่เกิดขึ้นจากความร่วมมือของ GULF และ AIS ในครั้งนี้นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ประชาชนบนพื้นที่สูงสามารถเข้าถึงบริการขั้นพื้นฐานทั้งไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และการสื่อสาร และยังสามารถ
ต่อยอดการทำงานร่วมกับภาคส่วนอื่นๆ ทั้งบริการด้านสาธารณสุข การศึกษา การพัฒนาทักษะด้านอาชีพ หรือแม้กระทั่งการตลาด เพื่อให้พวกเขามีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น สร้างประโยชน์ทั้งชุมชน เศรษฐกิจ และยังเป็นการดูแลรักษาฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืนด้วย”

นายสมชัยกล่าวในช่วงท้ายว่า “เราเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า โครงการ Green Energy Green Network for THAIs พลังงานสะอาดเชื่อมเครือข่ายเพื่อคนไทย จะเป็นต้นแบบสำคัญของภาคธุรกิจไทยในการนำศักยภาพขององค์กรมาสร้างประโยชน์ที่จะช่วยดูแลด้านสิทธิมนุษยชน แก้ปัญหาทางสังคม ลดความเหลื่อมล้ำ เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงทั้งองค์ความรู้ใหม่ๆ และบริการสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ที่จะนำมาสู่การเติบโตร่วมกันของผู้คน ชุมชน เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืน”