Home Blog Page 8

“เคียงข้างทุกวิกฤต” ซีพีเอฟ เร่งช่วยชาวท่าเรือ อยุธยา สู้ภัยน้ำท่วม

0

เขื่อนป่าสักน้ำเกินระดับกักเก็บ ทำให้เขื่อนพระรามหก ต้องเร่งเพิ่มการระบายน้ำต่อเนื่อง ชาวชุมชนวัดสะตือ อ.ท่าเรือ จึงเร่งขนสิ่งของขึ้นที่สูงพร้อมสำหรับการอพยพมาพักอาศัยภายในวัดสะตือ ซึ่งขณะนี้ ได้ยกระดับเป็นศูนย์อำนวยการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย อำเภอท่าเรือ1

ศูนย์ฯ แห่งนี้จัดตั้งขึ้นภายใต้การบริหารงานของ นายนพรัตน์ ศรีพรหม นายอำเภอท่าเรือ เพื่อบูรณาการร่วมกับทุกภาคส่วน ทุกองค์กรในเขตอำเภอท่าเรือ ในการประสานงานปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ในพื้นที่อำเภอท่าเรือ 5 ตำบล ได้แก่ ต.ท่าเรือ ต.ท่าหลวง ต.จำปา ต.หนองขนาก และ ต.ท่าเจ้าสนุก ทั้งการรับแจ้งเหตุฉุกเฉิน ตั้งเต็นท์ที่พักอาศัยชั่วคราว พร้อมจัดจุดรักษาพยาบาล และจัดเวรยาม ตลอดจนการช่วยขนย้ายผู้ป่วยติดเตียง มอบยารักษาโรคที่มากับน้ำท่วม เป็นศูนย์รวมอาหารและน้ำดื่มที่มีผู้นำมามอบให้ไม่ขาดสาย โดยพี่น้องประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม สามารถเข้ารับบริการได้ฟรี

จิตอาสาซีพีเอฟ โรงงานผลิตอาหารสัตว์บกท่าเรือ ในฐานะสมาชิกของชุมชน เล็งเห็นถึงความยากลำบากของชาวท่าเรือ พร้อม “อยู่เคียงข้างทุกวิกฤต” เร่งนำเครื่องอุปโภคบริโภค ทั้งน้ำดื่ม CP และข้าวสาร ไปมอบผ่านนายอำเภอท่าเรือ เพื่อให้การช่วยเหลือบรรเทาทุกข์เบื้องต้นให้กับผู้ประสบภัยน้ำท่วมอย่างทันท่วงที

ขณะเดียวกัน นายจิระ คงเขียว ผู้ช่วยผู้อำนวยการ นำพนักงานจิตอาสาลงพื้นที่ ส่งมอบน้ำดื่ม CP และข้าวสารตราฉัตร รวมถึงยาสามัญประจำบ้านและยากันยุงที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง ให้กับพี่น้องประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณริมแม่น้ำป่าสัก ที่ปริมาณน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพี่น้องชาวตำบลจำปา อำเภอท่าเรือ ร่วมบรรเทาความเดือดร้อนและช่วยเหลือเบื้องต้น จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย

AIS PLAY ยิงสด “เมืองไทย CUP” ยกระดับลูกหนังไทย เชื่อมทุกแมตช์สู่แฟนบอล

0

AIS PLAY ร่วมกับ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เตรียมสร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้วงการลูกหนังไทย ด้วยการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอล “เมืองไทย CUP” ตลอดฤดูกาล 2025/26 ยกระดับประสบการณ์การรับชมให้กับแฟนบอลไทยทั่วประเทศ ด้วยภาพคมชัดระดับ Full HD และเทคโนโลยีถ่ายทอดสดล้ำสมัย บนโครงข่ายอัจฉริยะของ AIS ทั้งมือถือและเน็ตบ้านครอบคลุมทั่วประเทศ

สำหรับ “เมืองไทย CUP” เป็นถ้วยที่มีเสน่ห์ที่เป็นเอกลักษณ์ ด้วยระบบแพ้คัดออก (Knock-out) และการเปิดโอกาสให้สโมสรจากทุกลีกอาชีพของไทย ทั้ง ไทยลีก 1, ไทยลีก 2 และไทยลีก 3 ได้เข้าร่วมการแข่งขัน ทำให้เกิดแมตช์สุดมันส์ที่ทีมท้องถิ่นได้ดวลกับสโมสรชั้นนำ ปลุกบรรยากาศ ปลุกพลังของฟุตบอลไทยทั่วประเทศ

นางสาวรุ่งทิพย์ จารุศิริพิพัฒน์ หัวหน้าฝ่ายงานธุรกิจเอนเตอร์เทนเมนท์ AIS กล่าวว่า “AIS รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมสนับสนุนและถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลถ้วย ‘เมืองไทย CUP’ ร่วมกับสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ภายใต้ความตั้งใจในการยกระดับวงการฟุตบอลไทยอย่างยั่งยืน เราได้นำเทคโนโลยีการถ่ายทอดสดที่ทันสมัย และโครงข่ายอัจฉริยะของ AIS มาใช้ในการถ่ายทอดสดการแข่งขัน เพื่อให้ผู้ชมสามารถรับชมได้อย่างเต็มอรรถรส ภาพคมชัด ลื่นไหล และเข้าถึงได้จากทุกอุปกรณ์ โดยไม่จำกัดเครือข่าย

 AIS มุ่งหวังให้การถ่ายทอดสด ‘เมืองไทย CUP’ ในครั้งนี้ เป็นอีกหนึ่งแรงขับเคลื่อนสำคัญในการส่งเสริมการรับชมกีฬาไทยให้เข้าถึงคนไทยทุกกลุ่ม พร้อมร่วมเป็นกำลังใจให้กับนักกีฬาไทยได้พัฒนาศักยภาพ และสร้างแรงบันดาลใจให้กับเยาวชนไทยในอนาคตต่อไป”

คอบอลไทยตัวจริงห้ามพลาด “เมืองไทย CUP” ฤดูกาล 2025/26 จะเปิดฉากการแข่งขันในเดือนตุลาคม 2568 ถ่ายทอดสดจัดเต็ม ดูฟรีทุกเครือข่าย พร้อมไฮไลต์และรีรัน ทาง AIS PLAY ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมและตารางการแข่งขันที่ https://www.ais.th/thaileague

เมืองไทยประกันชีวิต ขึ้นทะเบียนคาร์บอนฟุตพริ้นท์องค์กร (CFO) ปีที่ 3 เดินหน้าเป้าหมาย Net Zero Scope 1 และ 2 ภายในปี 2030

0

บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ยืนยันความมุ่งมั่นสู่ความยั่งยืนด้วยการขึ้นทะเบียน คาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร (Carbon Footprint for Organization: CFO) กับ องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ อบก. อย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 โดยครอบคลุมการประเมินการปล่อยก๊าซเรือนกระจกใน Scope 1, Scope 2 และ Scope 3 อ้างอิงข้อมูลจาก ปีฐาน พ.ศ. 2565 ความต่อเนื่องในการขึ้นทะเบียน CFO แสดงให้เห็นถึงการดำเนินงานที่มีมาตรฐานและความโปร่งใสด้านสิ่งแวดล้อมของบริษัทฯ ซึ่งสอดคล้องกับกลยุทธ์ด้าน ESG และเป้าหมายในการเป็น องค์กรคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) สำหรับ Scope 1 และ Scope 2 ภายในปีพ.ศ. 2573 (ค.ศ. 2030)

นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า “การขึ้นทะเบียน CFO ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ไม่เพียงสะท้อนถึงการบริหารจัดการข้อมูลที่มีคุณภาพ แต่ยังเป็นรากฐานสำคัญของการวางแผนลดคาร์บอนอย่างเป็นระบบ เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย Net Zero ได้อย่างแท้จริงและยั่งยืน ทั้งยังเป็นการสื่อสารกับผู้มีส่วนได้เสียอย่างโปร่งใสและน่าเชื่อถือ”
ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ดำเนินการจัดเก็บข้อมูลและประเมินการปล่อยคาร์บอนในกิจกรรมหลักขององค์กร โดยได้รับการตรวจสอบจากหน่วยงานอิสระที่ผ่านการรับรองจากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) และปรับปรุงกระบวนการอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการลดคาร์บอนและใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า

บริษัทฯ มีการจัดทำแผนการดำเนินงานเพื่อลดการปล่อยคาร์บอนใน Scope 1 และ 2 อาทิ แผนการเปลี่ยนรถยนต์ภายในของบริษัทเป็นรถยนต์ Hybrid และไฟฟ้า การสำรวจและจัดทำแผนการเปลี่ยนเครื่องปรับอากาศเพื่อเลือกใช้สารทำความเย็นที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่น้อยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากที่สุด มาตรการประหยัดพลังงานภายในองค์กรและการเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานทดแทนจากพลังงานแสงอาทิตย์ โดยการติดตั้ง Solar Rooftop เพิ่มเติมในพื้นที่อาคารสำนักงานใหญ่ สำนักงานสาขา และศูนย์การเรียนรู้สรรค์สาระ รวมถึงการส่งเสริมความรู้และสร้างจิตสำนึกด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศให้กับพนักงาน เพื่อช่วยให้องค์กรสามารถบรรลุเป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2030 อย่างแท้จริง

ทั้งนี้ ในพิธีมอบประกาศนียบัตรเครื่องหมายรับรองฉลากคาร์บอน จัดโดยองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ TGO มีนายปราโมทย์ ศักดิ์กำจร รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เป็นตัวแทนบริษัทฯ ขึ้นรับมอบประกาศนียบัตรเครื่องหมายรับรองฉลากคาร์บอน จากนายณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้อำนวยการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก ประธานในพิธี ซึ่งงานดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อเชิดชูเกียรติและแสดงความขอบคุณต่อองค์กรที่ขอการรับรองเครื่องหมายฉลากคาร์บอน ในฐานะเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการลดก๊าซเรือนกระจกเพื่อมุ่งสู่ Net Zero ณ ห้อง Conference Hall สถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (องค์การมหาชน) หรือ TIJ ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ

รู้เก็บรู้ออม : ส่องสถิติ บจ.จ่ายปันผล

0
ที่มา คอลัมน์ "รู้เก็บรู้ออมรู้ใช้รู้ลงทุน...สู่ความมั่งคั่ง"  หน้าเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

สำหรับนักลงทุนที่ชื่นชอบหุ้นปันผล “คุณนายพารวย” ขอนำรายงาน SET Note ล่าสุดที่จัดทำโดยฝ่ายวิจัย ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มาฝาก เพราะมีการรวบรวมข้อมูลสถิติการจ่ายปันผลของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งเป็นประโยชน์โดยตรงต่อสำหรับนักลงทุนในการกำหนดแนวทางการลงทุนได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาในการจ่ายเงินปันผล ซึ่งสามารถนำไปประกอบการวางแผนคัดเลือกหุ้นปันผล และเลือกจังหวะเวลาซื้อหุ้นปันผลเก็บสะสมเข้าพอร์ตลงทุนของตัวเอง

จากการรวบรวมตัวเลข ตั้งแต่เดือน ม.ค. ถึง ส.ค. หรือ 8 เดือนแรกของปี 2568 มีบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหุ้นไทย (รวมตลาด SET และ mai) จ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นไปแล้วเกือบ 5 แสนล้านบาทเลยทีเดียว

โดยพบว่ามี บจ.จำนวน 563 บริษัท จ่ายเงินปันผลไป 593 ครั้ง รวมมูลค่าเงินปันผลจ่าย 499,358 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเท่ากันของปี 2567 และ บจ. ส่วนใหญ่จ่ายเงินปันผล 1 ครั้ง ขณะที่มี บจ. 30 บริษัทที่จ่ายเงินปันผล 2 ครั้ง

เทศกาลจ่ายเงินปันผล จะอยู่ในช่วงระหว่างเดือนมีนาคม-พฤษภาคม 2568 โดยมี บจ.จ่ายเงินปันผล 534 ครั้ง หรือเท่ากับ 90.1% ของจำนวนการจ่ายเงินปันผลทั้งหมด และเดือนที่มีการจ่ายเงินปันผลมากที่สุดทั้งจำนวนครั้งและมูลค่าเงินปันผล คือเดือนพฤษภาคม 2568 โดยเดือนนี้เดือนเดียวมีจ่ายปันผล 456 ครั้ง คิดเป็น 76.9% ของจำนวนการจ่ายเงินปันผลทั้งหมด

และเมื่อจำแนกเป็นรายหมวดธุรกิจ พบว่า หมวดธุรกิจของ บจ. ที่จ่ายปันผลสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 1.ธนาคาร 2.พลังงานและสาธารณูปโภค 3.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 4.พาณิชย์ และ 5.อาหารและเครื่องดื่ม

ช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ บจ.หมวดธนาคาร จ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นไปแล้วเป็นมูลค่าสูงสุดรวมกว่า 140,878 ล้านบาท ตามมาด้วยอันดับสอง หมวดพลังงานและสาธารณูปโภค จ่ายเงินปันผลรวมกว่า 105,873 ล้านบาท และหมวดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร จ่ายเงินปันผลด้วยมูลค่ารวม 70,936 ล้านบาท

นักลงทุนที่ให้ความสำคัญกับการลงทุนในหุ้นปันผล หรือหุ้นที่กิจการมีกำไรและให้ผลตอบแทนเป็นเงินปันผล จ่ายได้สม่ำเสมอในอัตราที่น่าพอใจ สามารถใช้ประโยชน์จากรายงานนี้มาสร้างกลยุทธ์ลงทุน ตลอดจนการคัดกรองหุ้น ทั้งการพิจารณาหุ้นรายตัวหรือรายหมวดธุรกิจ และจับจังหวะที่เหมาะสมของการซื้อขายหุ้นปันผล เพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดีจากหุ้นปันผล เรียกได้ว่า รายงานหรือบทความของ SET Note เป็นเครื่องมือ หรือตัวช่วยการลงทุนที่มีประโยชน์อย่างมากสำหรับนักลงทุนเลยทีเดียว

ปิดท้าย “คุณนายพารวย” รบกวนฝากให้ผู้อ่านสละเวลา เข้าไปทำแบบสอบถามเพื่อนำความคิดเห็นไปปรับปรุงคอลัมน์ให้ดียิ่งขึ้น สแกน QR code ข้างล่างนี้ได้เลย ขอบคุณมากค่ะ.

คุณนายพารวย

เกษตรกรผู้เลี้ยงหมู ดันโครงการ “หมูหัน” ช่วยตัดวงจรหมูล้นตลาด เกษตรกรอยู่ได้ ผู้บริโภคกินหมูดี

0

ราคาหมูตกต่ำฉุดผู้เลี้ยงทั่วประเทศ สมาคมผู้เลี้ยงสุกรฯ ดันโครงการ “หมูหัน” ลดปริมาณส่วนเกิน สร้างสมดุลตลาด ช่วยเกษตรกรและผู้บริโภคไปพร้อมกัน

นายสิทธิพันธ์ ธนาเกียรติภิญโญ นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ เปิดเผยว่า ปัจจุบันเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูกำลังเผชิญปัญหาราคาหมูตกต่ำ จากผลผลิตที่มากเกินความต้องการบริโภค ราคาหมูขุนมีชีวิตหน้าฟาร์มเหลือเพียง 52-64 บาทต่อกิโลกรัม ต่ำกว่าต้นทุนการผลิต สร้างแรงกดดันต่อเกษตรกรทั่วประเทศ สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ จึงร่วมกับกลุ่มผู้เลี้ยงสุกร ดำเนินโครงการรักษาเสถียรภาพราคาสุกร โดยการตัดวงจรทำ “หมูหัน” เพื่อลดจำนวนประชากรหมูส่วนเกินในระบบ ช่วยบรรเทาผลกระทบแก่เกษตรกร

สิทธิพันธ์ ธนาเกียรติภิญโญ นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ

“ช่วงไตรมาส 3 ของทุกปี เป็นช่วง low season ที่การจัดงานต่างๆน้อยลง นักท่องเที่ยวลดลง และตอนนี้ยังอยู่ในช่วงเข้าพรรษา และช่วงฤดูฝนก็มีอาหารธรรมชาติเป็นจำนวนมาก โดยปกติราคาหมูจะลดลงในช่วงนี้ ภาคผู้เลี้ยงจึงออกมาตรการนำหมู 4 – 7 กิโลกรัม ไปทำ “หมูหัน” ตั้งเป้าหมาย 100,000 ตัวทั่วประเทศ เพื่อตัดวงจรลูกหมูเข้าขุนทั่วประเทศ ทำให้เกิดความสมดุลและช่วยผลักดันเสถียรภาพราคาอย่างแท้จริง ขณะเดียวกัน ผู้บริโภคยังเข้าถึง “หมูหัน” ในราคาจับต้องได้ เท่ากับได้กินหมูดีและยังช่วยเกษตรกรด้วย” นายสิทธิพันธ์ กล่าว

ทั้งนี้ ห้างค้าส่งโมเดิร์นเทรดอย่างแม็คโครและโลตัส ได้ร่วมเปิดตลาดค้าส่งหมูหันแก่ผู้ประกอบการ ถือเป็นการแก้ปัญหาตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ด้วยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพื่อสร้างความยั่งยืนแก่เกษตรกรไทย

นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ กล่าวอีกว่า หมูเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ (commodities) ที่ราคาผันผวนทั่วโลก ราคาปรับขึ้นลงตามกลไกตลาด เกษตรกรมักเป็นผู้รับความเสี่ยง แม้พยายามไม่ให้กระทบผู้บริโภค แต่หลายเดือนที่ผ่านมาราคาลดลงต่อเนื่อง ทำให้ผู้เลี้ยง โดยเฉพาะรายย่อย ขาดทุนจนต้องเลิกกิจการจำนวนมาก มาตรการ “หมูหัน” จึงเป็นกลไกสำคัญในการกระตุ้นการบริโภคและต่อลมหายใจให้เกษตรกรทั่วประเทศ..

ตลาดหลักทรัพย์ฯ รับจดทะเบียนกองทุนอีทีเอฟ ประเภท Leveraged และ Inverse  3 กองใหม่ อ้างอิงดัชนี SET50 TRI เริ่มซื้อขาย 26 ก.ย. นี้

0

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รับจดทะเบียน Leveraged และ Inverse ETF จำนวน 3 กองทุนใหม่ มีนโยบายมุ่งสร้างผลตอบแทนทวีคูณหรือตรงกันข้ามกับดัชนี SET50 Total Return Index (SET50 TRI) จัดตั้งโดย บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน บางกอกแคปปิตอล จำกัด และมีบริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดจำหน่ายและทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลสภาพคล่อง เริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ 26 กันยายน 2568 โดยมีรายละเอียด ดังนี้

ชื่อย่อ ETFชื่อหน่วยลงทุนนโยบายกองทุน
1I01BSET50กองทุนเปิดบีแคป เซ็ท 50 เดย์ลี่ อินเวิร์ส อีทีเอฟ (-1X)มุ่งหวังผลตอบแทนตรงกันข้ามเป็น 1 เท่ากับผลตอบแทนรายวันของดัชนี SET50 TRI  
2I01BSET50กองทุนเปิดบีแคป เซ็ท 50 เดย์ลี่ อินเวิร์ส อีทีเอฟ (-2X)มุ่งหวังผลตอบแทนตรงกันข้ามเป็น 2 เท่ากับผลตอบแทนรายวันของดัชนี SET50 TRI  
2X01BSET50กองทุนเปิดบีแคป เซ็ท 50 เดย์ลี่ เลเวอเรจ อีทีเอฟ (2X)มุ่งหวังผลตอบแทนทวีคูณเป็น 2 เท่าจากผลตอบแทนรายวันของดัชนี SET50 TRI  

กองทุนรวมอีทีเอฟ ประเภท Leveraged และ Inverse ETF (L&I ETF) ถูกออกแบบมาเพื่อการลงทุนระยะสั้น มุ่งสร้างผลตอบแทนเป็นอัตราส่วนกับดัชนีอ้างอิงเป็นรายวัน (Daily reset) มีผลของ Compounding effect ที่ทำให้ผลตอบแทนจริงอาจไม่ตรงกับผลตอบแทนเป้าหมายในระยะกลางถึงระยะยาวหากดัชนีมีการเปลี่ยนแปลงผันผวนมาก ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะการทำงานนี้ เพราะอาจให้ผลตอบแทนต่างจากที่คาดไว้เมื่อเทียบกับการเปลี่ยนแปลงดัชนีจริง โดยดูรายละเอียดได้จากหนังสือชี้ชวนที่เว็บไซต์สำนักงาน ก.ล.ต. www.sec.or.th หรือบริษัทผู้จัดตั้งกองทุน บลจ. บางกอกแคปปิตอล www.bcap.co.th หรือศึกษาข้อมูล ETF เพิ่มเติมได้ที่ www.set.or.th/th/market/product/etf/introduction

ตลาดหลักทรัพย์ฯ รับจดทะเบียน 14 DR ใหม่ อ้างอิงหุ้นสหรัฐฯ ออกโดย KKPS เริ่มซื้อขาย 26 ก.ย. นี้

0

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รับจดทะเบียน DR 14 หลักทรัพย์ใหม่ อ้างอิงหุ้นชั้นนำในตลาดหลักทรัพย์แนสแด็ก (NASDAQ) และตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYSE) สหรัฐอเมริกา ออกโดย บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) (KKPS) เริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ไทย 26 กันยายน 2568 นี้

ชื่อย่อ DRหลักทรัพย์อ้างอิงรายละเอียดธุรกิจตลาดหลักทรัพย์ ที่จดทะเบียน
CRWD06CrowdStrike Holdings, Inc. (CRWD)บริษัทเทคโนโลยีความปลอดภัยทางไซเบอร์ ที่ใช้เทคโนโลยี AI และ Cloud ในการตรวจจับ ป้องกัน และตอบสนองแบบเรียลไทม์NASDAQ  
CSCO06Cisco Systems, Inc. (CSCO)ผู้นำในการพัฒนาและจัดจำหน่ายอุปกรณ์เครือข่ายคอมพิวเตอร์ รวมถึงบริการด้านไอที โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล และคลาวด์โซลูชัน
HOOD06Robinhood Markets Inc. (HOOD)ผู้ให้บริการซื้อขายหลักทรัพย์แบบไม่มีค่าคอมมิชชัน ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์และแอปพลิเคชัน โดยเน้นกลุ่มผู้ลงทุนรายย่อยในสหรัฐฯ
LULU06 Lululemon Athletica Inc. (LULU)บริษัทสัญชาติแคนาดา ที่เน้นการออกแบบและจำหน่ายเสื้อผ้าและอุปกรณ์ออกกำลังกาย ปัจจุบันขยายตลาดไปยังผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย
MELI06MercadoLibre Inc. (MELI)บริษัทอีคอมเมิร์ซและฟินเทคในละตินอเมริกา ให้บริการแพลตฟอร์มซื้อขายสินค้าออนไลน์ การชำระเงินดิจิทัล และบริการโลจิสติกส์แบบครบวงจร
MNST06Monster Beverage Corporation (MNST)ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มให้พลังงาน ภายใต้แบรนด์หลัก Monster Energy และแบรนด์ย่อย อาทิ Reign, NOS และ Full Throttle
NVDA06 NVIDIA Corporation (NVDA)บริษัทที่ออกแบบและพัฒนา GPU สำหรับเกม คอมพิวเตอร์มืออาชีพ และดาต้าเซ็นเตอร์ โดยเฉพาะด้าน AI และการประมวลผลประสิทธิภาพสูง ปัจจุบันเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์
PLTR06Palantir Technologies Inc. (PLTR)บริษัทซอฟต์แวร์ที่เชี่ยวชาญการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ โดยมีลูกค้าหลักทั้งภาครัฐ หน่วยงานความมั่นคง และองค์กรเอกชน
GSUS06Goldman Sachs Group, Inc. (GS)ธนาคารเพื่อการลงทุน ให้บริการด้านวาณิชธนกิจ การจัดการสินทรัพย์ การซื้อขายหลักทรัพย์ และการวางแผนการเงินทั้งลูกค้าบุคคลและองค์กรNYSE
ORCL06Oracle Corporation (ORCL)ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์สำหรับองค์กร อาทิ ระบบจัดการฐานข้อมูล, ซอฟต์แวร์ ERP, Cloud Infrastructure และบริการ SaaS ต่างๆ ที่ตอบโจทย์ธุรกิจหลากหลายขนาดทั่วโลกNYSE
RBLX06Roblox Corporation (RBLX)บริษัทผู้พัฒนาแพลตฟอร์มเกมออนไลน์และโซเชียลมีเดีย ที่ผู้ใช้สามารถสร้าง เล่น และแบ่งปันประสบการณ์เสมือนจริงได้ โดยมีฐานผู้เล่นหลักเป็นกลุ่มวัยรุ่นทั่วโลก
SNOW06 Snowflake Inc. (SNOW)ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มคลาวด์สำหรับจัดการ และวิเคราะห์ข้อมูล ช่วยให้องค์กรใช้ประโยชน์ในการตัดสินใจทางธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ
SPOT06Spotify Technology S.A. (SPOT)ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งเพลง และพอดแคสต์ชั้นนำ รองรับผู้ใช้งานทั่วโลก
UBER06  Uber Technologies Inc. (UBER)ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัลสำหรับเรียกรถรับส่ง การส่งอาหาร การขนส่งสินค้า และบริการขนส่งอื่นๆ ในหลายประเทศทั่วโลก

ผู้สนใจศึกษารายละเอียด DR ใหม่ได้ที่เว็บไซต์สำนักงาน ก.ล.ต. www.sec.or.th หรือบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์คือ บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) https://dr06.kkpfg.com หรือศึกษาผลิตภัณฑ์ DR เพิ่มเติมได้ที่ www.set.or.th/dr

“อีลิท เฮลท์ พลัส” จากเมืองไทยประกันชีวิต คว้ารางวัลสุดยอดผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพเหมาจ่ายระดับพรีเมี่ยม เวที “BUSINESS+ PRODUCT OF THE YEAR AWARDS 2025” 6 ปีซ้อน

0

นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)  ขึ้นรับรางวัลสุดยอดผลิตภัณฑ์แห่งปี  ประเภทผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพเหมาจ่ายระดับพรีเมี่ยม จากผลิตภัณฑ์ความคุ้มครองสุขภาพ “อีลิท เฮลท์ พลัส” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 6  จากงาน BUSINESSPRODUCT OF THE YEAR AWARDS 2025”  จัดโดย นิตยสาร Business+ ในเครือ บริษัท เออาร์ไอพี จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล (CMMU) โดยมี ฯพณฯ นุรักษ์  มาประณีต องคมนตรี ประธานในพิธีเป็นผู้มอบรางวัล งานจัดขึ้น ณ ห้องบอลรูม โรงแรมสวิสโฮเต็ล กรุงเทพฯ รัชดา

สำหรับการมอบรางวัลในปีนี้ จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “Reaching for the hearts เข้าถึงใจผู้บริโภค” เพื่อยกย่องและเชิดชูเกียรติให้แก่ผลิตภัณฑ์และบริการที่ได้รับความนิยมจากลูกค้า  ที่ผ่านการพิจารณารางวัลด้วยเกณฑ์ที่เข้มข้น ทั้งการสำรวจเชิงปริมาณและการประเมินเชิงคุณภาพโดยผู้ทรงคุณวุฒิ  และได้รับคัดเลือกให้เป็นสุดยอดผลิตภัณฑ์และบริการแห่งปี ที่พร้อมด้วยนวัตกรรม ความคิดสร้างสรรค์ในการพัฒนาสินค้าและบริการ  เพื่อชีวิตที่ดีและเพื่อโลกที่สดใส คำนึงถึงมิติสำคัญของความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนสังคมไทยไปสู่การบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน

โดยความคุ้มครองสุขภาพ  “อีลิท เฮลท์ พลัส (Elite Health Plus)” โดดเด่นด้วยการเป็นผลิตภัณฑ์ที่จะช่วยยกระดับความคุ้มครองให้เหมาะกับการใช้ชีวิตของแต่ละบุคคล ด้วยความคุ้มครองที่ยาวจนถึงวัยเกษียณ ครอบคลุมการรักษาด้วยวงเงินความคุ้มครองสูง ผู้เอาประกันภัยซื้อความคุ้มครองเพิ่มเติมได้ตามต้องการ เลือกวงเงินเหมาจ่ายค่ารักษาพยาบาลสูงถึง 20-100 ล้านบาทต่อปี คุ้มครองทั้งโรคระบาด โรคร้ายแรง โรคทั่วไป และอุบัติเหตุ ครอบคลุมการรักษาแบบผู้ป่วยใน (IPD) และผู้ป่วยนอก (OPD) ตามแผนความคุ้มครองที่ลูกค้าเลือก  รวมถึงการฟอกไต การรักษาโรคมะเร็งด้วยวิธีการเคมีบำบัด และแบบ Targeted Therapy ให้ลูกค้ามั่นใจในการเข้าถึงการรักษาด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย การวินิจฉัยโรคแบบ CT Scan และ MRI โดยไม่ต้องแอดมิต หรือกรณีเจ็บป่วยต้องนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาลด้วยห้องเดี่ยวมาตรฐานได้ทุกโรงพยาบาล  หรือค่าห้องเดี่ยวพิเศษ 10,000 – 25,000 บาทต่อวัน และห้องผู้ป่วยหนัก (ICU) เหมาจ่ายตามจริง รวมสูงสุด 365 วัน เข้ารักษาได้ทุกโรงพยาบาลทั่วไทย หรืออยากรักษาที่ไหน สามารถเลือกพื้นที่ความคุ้มครองได้จาก 4 พื้นที่ทั่วโลก สมัครได้ตั้งแต่อายุ 11 90 ปี คุ้มครองยาวถึงอายุ 99 ปี

อีกทั้งยังสามารถพลัสความคุ้มครองเพิ่มได้ตามต้องการ อาทิ ความคุ้มครองการคลอดบุตร พลัส (Maternity Plus) และสุขภาพดี พลัส (Well-Being Plus) ซึ่งประกอบด้วย ตรวจสุขภาพ ฉีดวัคซีน  ค่ารักษาทางทันตกรรม ค่ารักษาทางสายตา ก็พลัสเพิ่มได้ตามความต้องการอีกด้วย ทั้งนี้เงื่อนไขรายละเอียดต่าง ๆ เป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

จบแล้วต้องจารึก! AIS SIAM ชวนบัณฑิตจุฬาฯ และ Gen Z ฉลองกันให้สุดแชร์ภาพถ่ายสุดปัง ขึ้นจอยักษ์กลางสยาม!

0

AIS ชวนเหล่าบัณฑิตจบใหม่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปักหมุดจุดเช็กอินใหม่กับแคมเปญ “Haus of conGRADS” ณ AIS SIAM สยามสแควร์ ซอย 7 ร่วมเฉลิมฉลองโมเมนต์แห่งความภาคภูมิใจของเหล่าบัณฑิตใหม่อย่างมีสไตล์ เพื่อส่งต่อประสบการณ์ดีๆ ให้กับลูกค้าทุกเจเนอเรชัน ตอกย้ำจุดยืนของ AIS ที่เข้าถึงและเข้าใจคนรุ่นใหม่อย่างแท้จริง ตั้งแต่วันนี้ – 1 ตุลาคม 2568 โดยงานนี้ได้รับเกียรติจาก ศาสตราจารย์ ดร.วิเลิศ ภูริวัชร อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มาร่วมแสดงความยินดีกับ บัณฑิตจุฬาฯที่จบการศึกษาปีนี้ พร้อมเชิญชวนนิสิตจุฬาฯ เข้ามาสัมผัสประสบการณ์ที่ AIS ได้จัดเตรียมไว้ เพื่อเป็นอีกหนึ่งความทรงจำที่น่าประทับใจในวันแห่งความสำเร็จ

ศาสตราจารย์ ดร.วิเลิศ ภูริวัชร อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

พบกับกิจกรรมสุดพิเศษที่ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่โดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็น

  • โชว์รูปบนจอ LED กลางสยาม! ร่วมสนุกกับกิจกรรมแชร์ภาพความประทับใจขึ้นจอ Window of Siam ไม่ว่าจะเป็นภาพบัณฑิต หรือภาพร่วมยินดีกับเพื่อนๆ เพื่อเฉลิมฉลองความสำเร็จในแบบที่น่าจดจำกว่าที่เคย
  • รับฟรี! เครื่องดื่มเมนูพิเศษ “GRAD TO CU” AIS มอบความสดชื่นฉลองวันสำคัญ เพียงใช้ AIS Points 10 คะแนน พร้อมแสดงบัตรนิสิตจุฬาฯ แลกรับเครื่องดื่มมูลค่า 135 บาท ฟรี! (จำนวนจำกัดต่อวัน)
  • สตูดิโอถ่ายภาพแบบจัดเต็ม พร้อมช่างภาพมืออาชีพ พร้อมพร็อพ ฉาก แสง และวิว 360 องศาเหนือสยาม จัดเต็มเพื่อเก็บภาพช่วงเวลาที่น่าประทับใจ พิเศษ! บริการถ่ายภาพฟรี โดยช่างภาพมืออาชีพสำหรับบัณฑิตจุฬาฯ ในวันเสาร์ที่ 20 และ 27 กันยายน 2568 เวลา 15.00 – 18.00 น
  • DIY Workshop พบกับกิจกรรมเวิร์กช็อปทำของขวัญสุดพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นดอกไม้ เครื่องประดับ เพื่อมอบให้คนสำคัญหรือเก็บไว้เป็นที่ระลึก ระหว่างวันที่ 26 – 28 กันยายน 2568

AIS ขอร่วมแสดงความยินดีกับบัณฑิตใหม่ทุกคน และขอเชิญร่วมสัมผัสประสบการณ์เฉลิมฉลองช่วงรับปริญญาแบบใหม่กับแคมเปญ “Haus of conGRADS” ที่เต็มไปด้วยความประทับใจ ความสร้างสรรค์ และความแตกต่างในแบบที่เป็นตัวเองที่สุด พบกันได้ที่ AIS SIAM ตั้งแต่วันนี้ – 1 ตุลาคม 2568 เท่านั้น

ตลาดหลักทรัพย์ไลฟ์เอ็กซ์เช้นจ์ ต้อนรับ บมจ. เรียล สมาร์ท (REAL25) เริ่มซื้อขาย 25 ก.ย. นี้

0

นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ไลฟ์เอ็กซ์เช้นจ์ (LiVEx) เปิดเผยว่า LiVEx ยินดีต้อนรับ บมจ. เรียล สมาร์ท เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายใน LiVEx โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “REAL25” ในวันที่ 25 กันยายน 2568 ซึ่ง REAL25 เป็นหนึ่งในบริษัทที่ผ่านการเตรียมความพร้อมจาก LiVE Platform ที่ช่วยเสริมศักยภาพและสร้างความพร้อมให้แก่ผู้ประกอบการ

ประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ไลฟ์เอ็กซ์เช้นจ์

REAL25 ดำเนินธุรกิจพัฒนาซอฟต์แวร์และแพลตฟอร์มด้วยนวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) ปัจจุบันมีลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ของบริษัทจำนวน 14 นวัตกรรม ครอบคลุมระบบวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data Analytics), ระบบปัญญาประดิษฐ์เพื่อการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ (Strategic AI), ระบบ Machine Learning Automation และระบบวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคเชิงลึก ตัวอย่างสินค้าของบริษัท เช่น Real Vision เป็น AI Data Platform สำหรับธุรกิจขนาดใหญ่ ที่ออกแบบมาเพื่อประมวลผลและวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ Real Listening ซอฟต์แวร์วิเคราะห์ข้อมูลจากโซเชียลมีเดียแบบเรียลไทม์, RealSmart+ Application แอปพลิเคชันสำหรับการเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภค เป็นต้น โดยมีกลุ่มลูกค้าหลักเป็นองค์กรขนาดใหญ่ที่ต้องการนำเทคโนโลยี AI และ Big Data มาประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน การตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ และการขับเคลื่อนองค์กรในยุคดิจิทัล

REAL25 มีทุนชำระแล้ว 34.18 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 32.47 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 1.71 ล้านหุ้น เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนครั้งแรก (IPO) ต่อผู้ลงทุนตามที่สำนักงาน ก.ล.ต. กำหนด โดยเสนอขายผู้ลงทุนวันที่ 22 กันยายน 2568 ในราคาหุ้นละ 21.13 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 36.12 ล้านบาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 722.17 ล้านบาท มีบริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน

นายภูกิจ ดิศธรานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เรียล สมาร์ท (REAL25) เปิดเผยว่า บริษัทมุ่งเน้นการออกแบบผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ตลาดยุคใหม่ที่ต้องการความรวดเร็ว ยืดหยุ่น และใช้งานง่าย โดยลงทุนต่อเนื่องด้านวิจัยและพัฒนา เพื่อสร้างนวัตกรรมและตอบโจทย์การใช้งานขององค์กรในหลายอุตสาหกรรม เพื่อให้บริษัทสามารถสร้างความแตกต่างและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในระดับโลกได้อย่างยั่งยืน สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้จะนำไปลงทุนพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้านเทคโนโลยี และลงทุนจ้างบุคลากรและเสริมสร้างทักษะด้านเทคโนโลยีให้กับบุคลากรเพื่อรองรับการขยายตัวทางธุรกิจ

REAL25 มีผู้ถือหุ้นใหญ่หลัง IPO คือ นายภูกิจ ดิศธรานนท์ ถือหุ้น 43.32% นายอุกฤษฎ์ ตั้งสืบกุล ถือหุ้น 20.98% และนายรุ่งโรจน์ โชคงามวงศ์ ถือหุ้น 15.96% โดยบริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 ของกำไรสุทธิตามงบการเงินของบริษัทฯ หลังหักเงินสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามที่กฎหมายกำหนดและตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับบริษัท

ผู้ลงทุนและผู้สนใจสามารถดูรายละเอียดจากหนังสือชี้ชวนของบริษัทได้ที่เว็บไซต์ของสำนักงาน ก.ล.ต. ที่ www.sec.or.th และข้อมูลทั่วไปของบริษัทที่ www.realsmart.co.th และ www.live-platforms.com/live-exchange