Home Blog Page 75

AIS เตือนภัย มิจฯ ส่ง SMS แนบลิงก์ไปเว็บปลอม ห้ามคลิกเด็ดขาด!

0

AIS เตือนลูกค้า ระวังมิจฉาชีพ ส่ง SMS ลวงแอบอ้าง มีลิงก์ไปเว็บไซต์ปลอม
เตือน!! ห้ามคลิกเด็ดขาด ยืนยันไม่มีนโยบายส่ง SMS ให้ลูกค้ากรอกข้อมูลส่วนตัว

จากกรณีที่มีลูกค้าได้รับ SMS หลอกลวงจากมิจฉาชีพที่แอบอ้างชื่อผู้ส่ง (Sender Name) หลากหลายรูปแบบ ทั้งเป็นเบอร์มือถือ หรือ ชื่อต่างๆ ในลักษณะของการกระตุ้นให้คลิก เช่น คะแนนสะสมกำลังหมดอายุ เพื่อให้ลูกค้าหลงเชื่อ โดยมิจฉาชีพจะมีลิงก์ไปยังเว็บไซต์ปลอม เพื่อหลอกให้กดเข้าไปกรอกข้อมูลสำคัญอันอาจนำสู่ความเสี่ยงในการสูญเสียทรัพย์สิน ความเสียหายอื่นๆ หรือ ข้อมูลส่วนบุคคล

AIS ขอยืนยันว่า ไม่มีนโยบายในการใช้ช่องทาง SMS เพื่อขอข้อมูลส่วนตัวของลูกค้า อาทิ เลขบัตรประชาชน, เลขบัตรเครดิต และ วันเดือนปีเกิด รวมถึงรหัส OTP ในการทําธุรกรรมใดๆ รวมถึงขอยืนยันว่า การสื่อสารในส่วนของการตรวจสอบ หรือ แลกคะแนนของเอไอเอส พอยท์ สามารถทำได้บนช่องทางแอปพลิเคชัน myAIS เท่านั้น

ทั้งนี้หากพบความผิดปกติของเบอร์โทร หรือ SMS ข้อความ ที่ติดต่อเข้ามา สามารถแจ้งผ่านสายด่วน 1185 AIS Spam Report Center ได้ฟรี ตลอด 24 ชั่วโมง โดย AIS จะตรวจสอบร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการทางกฎหมายต่อไป

3 DR ใหม่ลุยหุ้นซามูไร

0

รู้เก็บรู้ออมฯ โดย คุณนายพารวย

ประเทศญี่ปุ่นเป็นจุดหมายปลายทางในฝันของหลายคนที่อยากเดินทางไปท่องเที่ยว ชมซากุระ ดูวิวภูเขาไฟฟูจิ ชิมอาหาร หรือช็อปปิ้ง ซึ่งต้องแลกกับการเดินทางไปเองเพื่อสัมผัสประสบการณ์เหล่านั้น แต่สำหรับการลงทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่น ซึ่งเป็นตลาดต่างประเทศที่มีอัตราการเติบโตที่น่าสนใจนั้น นักลงทุนไม่จำเป็นต้องตีตั๋วเครื่องบินมาเอง แต่สามารถซื้อขายหุ้นญี่ปุ่นผ่านเครื่องมือ DR บนตลาดหุ้นไทยได้แบบสะดวกสบาย

ดัชนีนิคเคอิ ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเคยทำสถิติพุ่งทะยานไปแตะจุดสูงสุดในรอบ 35 ปี เมื่อต้นเดือน ก.ค. 2567 ที่ผ่านมา แม้ว่าหลังจากนั้น ดัชนีจะร่วงลงและตลาดหุ้นญี่ปุ่นต้องประสบกับความผันผวนเนื่องจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นเงินเยนแข็งค่าขึ้น, การปรับอัตราดอกเบี้ยของแบงก์ชาติญี่ปุ่น (BOJ) และเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ชะลอตัว

แต่นักวิเคราะห์ยังมีมุมมองเป็นบวกต่อตลาดหุ้นญี่ปุ่น โดยเห็นว่าหลังจากผ่านพ้นช่วงวิกฤติมาแล้ว ตอนนี้ตลาดหุ้นญี่ปุ่นกลับมามีเสถียรภาพมากขึ้น ขณะที่ราคาหุ้นเองก็ถือว่าลงมาเยอะแล้ว ดัชนีนิคเคอิมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น และอาจทำสถิติสูงสุดใหม่ได้ในปี 2568 ประกอบกับตัวเลขเศรษฐกิจมหภาคของสหรัฐฯออกมาดีขึ้น และการส่งสัญญาณชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของแบงก์ชาติญี่ปุ่น

ข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย http://www.setinvestnow.com ระบุสาเหตุที่ทำให้มองว่าหุ้นญี่ปุ่นจะเติบโตแบบโดดเด่นว่า มาจากความมั่นใจในศักยภาพของกลุ่มธุรกิจญี่ปุ่น และนโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย ซึ่งจะทำให้ค่าเงินมีแนวโน้มอ่อนลง เป็นผลดีกับนักลงทุนต่างชาติ เพราะราคาซื้อขายหุ้นญี่ปุ่นจะถูกลง อย่างไรก็ตาม นักลงทุนต้องติดตามดูปัจจัยอื่นอย่างใกล้ชิดด้วย เช่น อัตราเงินเฟ้อ นโยบายของ BOJ และอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP)

แนวโน้มที่ดีขึ้นของตลาดญี่ปุ่น ถือเป็นโอกาสของนักลงทุนไทยที่ต้องการกระจายการลงทุน ซึ่งที่ผ่านมา มี DR หุ้นญี่ปุ่นซื้อขายบนตลาดหุ้นไทยอยู่แล้ว เช่น JAPAN13 NINTENDO19 SMFG19 SONY80 TOYOTA80 และ UNIQLO80

ล่าสุด เมื่อวันที่ 5 ก.ย.2567 ตลาดหุ้นไทยเพิ่งจะต้อนรับ DR น้องใหม่ อ้างอิงหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มอีก 3 ตัวซึ่งออกโดย บล.หยวนต้า คือ “HONDA19” อ้างอิงหุ้น Honda Motor Co., Ltd. ผู้ผลิตและจำหน่ายรถจักรยานยนต์ รถยนต์ เครื่องยนต์, “MITSU19” อ้างอิงหุ้น Mitsubishi Heavy Industries, Ltd. บริษัทชั้นนำด้านวิศวกรรมและเทคโนโลยีด้านพลังงาน อากาศยาน และเครื่องจักรอุตสาหกรรม, “MUFG19” อ้างอิงหุ้น Mitsubishi UFJ Financial Group, Inc. หนึ่งในกลุ่มสถาบันการเงินชั้นนำ มีเครือข่ายธนาคารทั่วโลกและเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา

นักลงทุนที่อยากลุยหุ้นในแดนซามูไร สามารถทำรายการโดยใช้บัญชีเทรดหุ้นที่มีอยู่ได้เลย ผ่านแอปฯ Streaming หรือหากยังไม่มีบัญชี ก็สามารถติดต่อเปิดบัญชีกับบริษัทหลักทรัพย์ ผู้สนใจสามารถเข้าไปดูรายละเอียดหรือรายชื่อ DR ทั้งหมดได้ที่นี่ https://www.setinvestnow.com/th/newdr  

คุณนายพารวย

ที่มา คอลัมน์ "รู้เก็บรู้ออมรู้ใช้รู้ลงทุน...สู่ความมั่งคั่ง" หน้าเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

AIS ชวนลูกค้าสายกรีน ทิ้ง E-Waste รับคะแนน AIS Points และลุ้นรางวัลตลอดแคมเปญ

0

AIS ตอกย้ำภารกิจเดินหน้าสู่ Hub of E-Waste หรือศูนย์กลางการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านการจัดแคมแปญ “ทิ้ง E-Waste รับ AIS Points” ให้ขยะอิเล็กทรอนิกส์กลับมามีค่าอีกครั้ง โดยในปีนี้กลับมาพร้อมความพิเศษยิ่งกว่าเดิม ทั้งรับ AIS Points สูงสุด 10 คะแนน พร้อมขยายจุดรับทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์ผ่านแอปพลิเคชัน AIS E-Waste+ ไม่ว่าจะเป็นที่ AIS Shop, AIS Telewiz, AIS Buddy Exclusive และ Serenade Club รวมกว่า 622 สาขาที่ร่วมรายการทั่วประเทศ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าสามารถทิ้งขยะ E-Waste ได้ง่าย ใกล้บ้านคุณ นอกจากนี้ทุกการทิ้ง E-Waste 1 ชิ้น ยังมีสิทธิ์ลุ้นรับรางวัลกับโปรแกรม แลกพอยท์ ลุ้นโชค กับ เอไอเอส ทุกเดือนตลอดแคมเปญ เริ่มตั้งแต่วันที่ 6 กันยายน – 31 ธันวาคม 2567 นี้

นางสายชล ทรัพย์มากอุดม หัวหน้าหน่วยธุรกิจประชาสัมพันธ์และงานธุรกิจสัมพันธ์ AIS กล่าวว่า “ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา AIS ได้จัดแคมเปญ “ทิ้ง E-Waste รับ AIS Points” อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความตระหนักรู้และปลูกฝังความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมให้แก่ลูกค้าและคนไทย โดยส่งเสริมการนำขยะอิเล็กทรอนิกส์เข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลอย่างถูกวิธีโดยปราศจากการฝังกลบ เพื่อป้องกันไม่ให้สารพิษจากขยะอิเล็กทรอนิกส์ตกค้างอยู่ในธรรมชาติ โดยตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ไม่เพียงแต่ช่วยลดปริมาณขยะอิเล็กทรอนิกส์ในประเทศไทยได้อย่างมีนัยสำคัญเท่านั้น แต่ยังสามารถสร้างความตระหนักรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องในการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ให้แก่ลูกค้าและคนไทยอีกด้วย ในปีนี้ซึ่งเป็นปีที่ 4 เราจึงยังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่องในการขยายผลการรณรงค์ พร้อมร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ในการขยายจุดรับทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์ไปยังกว่า 622 แห่งทั่วประเทศ ทั้ง AIS Shop, AIS Telewiz, AIS Buddy Exclusive และ Serenade Club เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงการทิ้งขยะที่ใกล้บ้าน ได้รับความสะดวกสบายยิ่งขึ้น และเป็นการส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการกำจัดขยะอิเล็กทรอนิกส์อย่างถูกวิธีต่อไป”

สำหรับความพิเศษในปีนี้ กับแคมเปญ “ทิ้ง E-Waste รับ AIS Points” เพียงแค่นำขยะอิเล็กทรอนิกส์ มาทิ้งกับ AIS รับไปเลยความพิเศษถึง 2 ต่อ ดังนี้

  • ต่อที่ 1 รับ AIS Points สูงสุด 10 คะแนน!! ต่อขยะ 1 ชิ้น (จำกัดสูงสุด 1 หมายเลข / 50 AIS Points / เดือน) แล้วนำคะแนนมาแลกรับส่วนลดค่าโทร ค่าเน็ต ส่วนลดมือถือใหม่ ส่วนลดค่าอาหาร และเครื่องดื่มจากร้านดังทั่วไทย และสิทธิพิเศษอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย
  • ต่อที่ 2 ลุ้นโชครางวัลใหญ่กับโปรแกรม แลกพอยท์ ลุ้นโชค กับ เอไอเอส ที่ ทุกๆ การทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์ 1 ชิ้น จะได้รับสิทธิ์ลุ้นรับรางวัล ยิ่งทิ้งมาก ยิ่งมีสิทธิ์มาก

สำหรับผู้ที่สนใจเข้าร่วมแคมเปญ “ทิ้ง E-Waste รับ AIS Points” สามารถนำขยะอิเล็กทรอนิกส์ มาทิ้งที่ AIS Shop, AIS Telewiz, AIS Buddy Exclusive และ Serenade Club รวมกว่า 622 สาขาที่ร่วมรายการทั่วประเทศ ผ่านทางแอปพลิเคชัน AIS E-Waste+ เริ่มตั้งแต่วันที่ 6 กันยายน – 31 ธันวาคม 2567 นี้ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://sustainability.ais.co.th/th/update/news/792/ทิ้ง-e-waste-รับ-เอไอเอสพอยท์

เมืองไทยประกันชีวิต เปิดตัว “Care Plus” ประกันคุ้มครองค่ารักษาโรคมะเร็ง และไตวายเรื้อรัง

0

เมืองไทยประกันชีวิต พลัสความแคร์ให้คนที่แคร์แต่คนอื่น เปิดตัว “แคร์พลัส (Care Plus)” ความคุ้มครองค่ารักษาโรคมะเร็ง และไตวายเรื้อรัง ให้คุณคลายกังวลเรื่องค่ารักษาพยาบาลที่สูงและต่อเนื่อง ด้วยความคุ้มครองที่ครอบคลุมทั้ง IPD และ OPD วงเงินสูง 5 ล้านบาทต่อโรคต่อปี เลือกความคุ้มครองได้ตามต้องการค่าเบี้ยประกันภัยเข้าถึงได้ช่วยให้คุณเข้าถึงการรักษาด้วยนวัตกรรมแบบทันสมัย และช่วยเพิ่มโอกาสหายให้มากขึ้น

นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในยุคปัจจุบันคนวัย 40+ มักจะละเลยการดูแลตัวเอง เพราะมัวแต่ดูแลคนอื่นในครอบครัว หรือ ที่เรียกว่า Sandwich Generation คนใน Generation นี้เป็นคนสำคัญที่เราอยากให้ดูแลตัวเอง เพราะโรคร้าย อย่างโรคมะเร็ง และโรคไต อยู่ใกล้ตัวมากกว่าที่คิด ถ้าเป็นขึ้นมาต้องเผชิญกับค่ารักษาที่สูง และต้องรักษาตัวต่อเนื่อง ทำให้การเข้าถึงการรักษาที่ทันสมัยเป็นเรื่องที่สำคัญ และต้องรักษาได้อย่างทันท่วงที ดังนั้นการมีความคุ้มครองไว้จะช่วยตอบโจทย์ความต้องการของคนในวัย 40+ ที่อยากดูแลตัวเอง และเก็บแรงไว้ดูแลคนอื่นต่อไปได้ ทั้งในแง่ความคุ้มครอง และเบี้ยประกันภัยที่เข้าถึงได้ ไม่เป็นภาระ จึงถือเป็นทางเลือกที่ช่วย คลายความกังวลให้กับตัวคุณ ในวันที่คุณห่วงแต่คนอื่น แต่ก็ต้องไม่ลืมห่วง “ตัวเอง” เพราะคุณเองก็สำคัญ หากคุณล้มไปใครจะดูแลคนที่คุณรัก

ล่าสุด เมืองไทยประกันชีวิต เดินหน้าส่งความแคร์ให้คนสำคัญที่แคร์แต่คนอื่น ด้วยการเปิดตัว “แคร์ พลัส (Care Plus)” ความคุ้มครองค่ารักษาโรคมะเร็งและไตวายเรื้อรังที่มาช่วยพลัสความอุ่นใจ ให้คุณหมดกังวลเรื่องค่ารักษาพยาบาล ด้วยความคุ้มครองวงเงินสูง 5 ล้านบาทต่อโรคต่อปี เลือกความคุ้มครองได้ตามต้องการไม่ว่าจะเป็นความคุ้มครองค่ารักษาโรคมะเร็ง หรือความคุ้มครองค่ารักษาไตวายเรื้อรัง หรือหากกังวลทั้งคู่ก็เลือกความคุ้มครองทั้ง 2 โรคได้ด้วยค่าเบี้ยที่ถูกลง 10% เข้าถึงได้จริงด้วยเบี้ยประกันภัยเบาๆ ไม่ถึง 12 บาทต่อวัน* เบี้ยประกันภัยยังสามารถนำไปใช้สิทธิลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สมัครได้จน ถึงอายุ 80 ปี คุ้มครองให้ยาวถึงอายุ 99 ปี

ทั้งนี้ Care Plus ยังครอบคลุมการรักษาทั้งแบบผู้ป่วยใน (IPD) และผู้ป่วยนอก (OPD) ตามความคุ้มครองที่กำหนด รวมถึงค่าบริการทางการแพทย์ ทั้งค่าหมอ ค่ายา ค่าผ่าตัด การตรวจวินิจฉัยขั้นสูง CT Scan, MRI, PET และ Gait Scans รวมไปถึงนวัตกรรมการรักษาแบบทันสมัย และมุ่งเป้า เพื่อเพิ่มโอกาสหายมากขึ้น โดยโรคมะเร็ง จะครอบคลุมการรักษาทั้งแบบเคมีบำบัด ยามุ่งเป้า (Targeted Therapy) , ภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy) และการปลูกถ่าย Stem Cell เป็นต้น ส่วนไตวายเรื้อรัง ครอบคลุมการรักษาปลูกถ่ายไต การล้างไตผ่านทางเส้นเลือดหรือผ่านทางช่องท้อง การล้างไตแบบประสิทธิภาพสูง (Online Hemodiafiltration) และการผ่าตัดเส้นฟอกไต เป็นต้น รวมถึงการบำบัดรักษาโรคทางจิตเวชที่ช่วยดูแลทางด้านจิตใจ เมื่อเกิดภาวะเครียดจากการรักษาโรคร้ายแรงอีกด้วย

“ความคุ้มครอง Care Plus ถือเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มวางแผนดูแลตัวเอง ด้วยเบี้ยประกันภัยที่ไม่สูง เมื่อเทียบกับค่ารักษาโรคมะเร็ง และไตวายเรื้อรังที่สูงมาก และต้องใช้การรักษาอย่างต่อเนื่องยาวนาน ความน่าสนใจของ Care Plus นอกจากวงเงินความคุ้มครองสูงที่โดดเด่นแล้ว ยังคุ้มครองทั้งค่ารักษาแบบผู้ป่วยใน (IPD) และ ผู้ป่วยนอก (OPD) อีกทั้งค่าเบี้ยประกันภัยยังถือว่าเป็นระดับที่คนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้จริง ซึ่งเป็นไปตามความมุ่งมั่นและนโยบายของเราในการสร้างการเข้าถึงได้ของประกันชีวิตให้กับทุก ๆ คนในสังคม (Democratizing Insurance) เพื่อเป็นส่วนช่วยให้ทุกคนได้มีความอุ่นใจ มีหลักประกันที่มั่นคง และมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน ตามแนวนโยบายสำคัญของบริษัทฯ ที่ต้องการขับเคลื่อนองค์กรด้วยการดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการพัฒนาอย่างยั่งยืนในทุกมิติ เพื่อสร้างความสุขและรอยยิ้มแก่ทุกคน” นายสาระ กล่าว

สำหรับผู้ที่สนใจความคุ้มครอง “Care Plus” สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติม จากเมืองไทยประกันชีวิต ได้ที่ Facebook, Instagram, X, TikTok, LINE Official Account, YouTube และ เว็บไซต์ www.muangthai.co.th หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร.1766 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือติดต่อตัวแทนจากเมืองไทยประกันชีวิตทั่วประเทศ หรือ สาขา ธนาคารกสิกรไทย และ ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์

แนะม.ป้องกันและดูแลปศุสัตว์ช่วงน้ำท่วม พร้อมวิธีบริโภคเนื้อสัตว์ให้ปลอดภัย

0

สัตวแพทย์ แนะนำ วิธีการดูแลและป้องกันโรคในสัตว์ช่วงภาวะน้ำท่วม พร้อมย้ำวิธีการบริโภคเนื้อสัตว์อย่างปลอดภัย ควรเลือกซื้อจากแหล่งจำหน่ายที่มีการรับรองและต้องปรุงสุกก่อนการบริโภคทุกครั้ง

รศ.น.สพ.ดร. มานะกร สุขมาก ผู้อำนวยการศูนย์ชันสูตรโรคสัตว์ กำแพงแสน คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า ในสถานการณ์ฝนตกหนักหรือน้ำท่วม ปัญหาหลักที่พบ คือ สัตว์มีภาวะเครียด เพราะอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนไป เมื่อสัตว์เกิดความเครียด ภูมิคุ้มกันจะลดลง ทำให้สัตว์อ่อนแอเจ็บป่วยเป็นโรคได้ง่าย หรืออาจเกิดการติดเชื้อได้ ถ้าสัตว์ตัวไหนมีโรคอยู่แล้ว อาจทำให้แพร่เชื้อได้ง่ายกว่าปกติ ฉะนั้น ควรขนย้ายสัตว์ไปยังพื้นที่แห้งและอากาศถ่ายเทสะดวก เพื่อลดความเครียดของสัตว์ให้ได้มากที่สุดและต้องเฝ้าระวังอาการของสัตว์ หากมีอาการผิดปกติ ให้รีบแจ้งสัตวแพทย์ เพราะอาจจะมีความจำเป็นที่จะต้องให้รักษา เช่น การให้ยาปฏิชีวนะ

รศ.น.สพ.ดร. มานะกร สุขมาก

นอกจากนี้ สัตว์ที่อยู่ในพื้นที่น้ำท่วม ในคอกเลี้ยงหรือสถานที่เลี้ยงที่มีน้ำขังนานๆ มักจะมีปัญหาเรื่องผิวหนัง กีบและเต้านมอักเสบ ส่วนโรคที่มากับน้ำและต้องเฝ้าระวังเป็นอย่างมาก คือ โรคฉี่หนู เพราะติดต่อได้ทั้งคนและสัตว์ เป็นโรคที่ค่อนข้างอันตรายและมีอาการรุนแรง โดยเกิดจาก แบคทีเรีย เลปโตสไปโรซิส (Leptospirosis, Weil Disease) ซึ่งปนเปื้อนมากับน้ำ ถ้าคนหรือสัตว์มีบาดแผลแล้วเดินลุยน้ำที่มีเชื้อโรคอยู่ เชื้อโรคก็จะผ่านเข้าทางบาดแผลได้ หรือกระเด็นเข้าตามเยื่อบุต่าง ๆ เช่น ตา จมูก หรือ ปาก โดยโรคนี้อาการ คือ มีไข้สูง ปวดศีรษะ ปวดตามกล้ามเนื้อ อาเจียน บางรายถึงขั้นเสียชีวิต

ขณะเดียวกันในช่วงภาวะน้ำท่วม สภาพอากาศในคอกเลี้ยงสัตว์ถ่ายเทได้ไม่สะดวก เกิดการสะสมของสารบางอย่างที่ควรจะพัดออกไปตามธรรมชาติ ทำให้เสี่ยงต่อการที่สัตว์จะติดโรคในระบบทางเดินหายใจ เช่น โรคในสุกร อาทิ หวัดหมู ส่วนในวัว อาทิ โรคปอดบวม

อีกปัญหาที่มักจะตามมาหลังน้ำท่วม คือ สัตว์พาหะนำโรคต่างๆ เช่น แมลงพาหะ ยุง เหลือบ ไร โดยแมลงเหล่านี้จะมาเวลาที่มีน้ำท่วมขัง รวมไปถึงสัตว์พาหะอื่นๆ ที่หนีน้ำมา เช่น หนู ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญในโรคระบาดหลายๆโรค เช่น ไข้สามวันในวัว ลัมปี สกิน หรือโรคที่มากับแมลงและยุง อย่าง พยาธิเม็ดเลือด ส่วนในสุกร เช่น โรคอหิวาต์สุกร โรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF) ซึ่งมากับแมลงได้เช่นกัน สำหรับโรคในสัตว์ปีก ที่มากับยุง เช่น โรคมาลาเรีย พยาธิเม็ดเลือดอื่นๆ ส่วนที่มากับหนู คือพวกแบคทีเรีย อย่าง ซัลโมเนลลา หรือ อีโคไล ที่สามารถปนเปื้อนเข้ามาในโรงเรือนเลี้ยงสัตว์ปีกได้เช่นกัน

นอกจากนี้ ยังมีโรคบางชนิด ที่อาจติดไปพร้อมกับการขนย้ายสัตว์ออกจากพื้นที่หนึ่งไปยังพื้นที่หนึ่ง เมื่อเกิดน้ำท่วม โดยโรคที่สำคัญและมักไปกับการขนย้ายฝูงปศุสัตว์ เช่น โรคปากและเท้าเปื่อยในวัวหรือในสุกร ฉะนั้น การขนย้ายสัตว์ไปสู่พื้นที่ใหม่ หากไม่มีระบบป้องกันโรค ไม่มีระบบพักสัตว์ หรือการเฝ้าระวังที่ดี ก็อาจทำให้แพร่เชื้อโรคจากพื้นที่หนึ่งไปสู่อีกพื้นที่หนึ่งได้โดยที่ไม่ได้ตั้งใจ

ขณะที่โรคอื่นๆ ในสุกร ที่ควรเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ได้แก่ อหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF) เนื่องด้วยโรคนี้มีความทนทานในสิ่งแวดล้อมสูงเมื่อเทียบกับโรคอื่น จึงมีความเสี่ยงสูงมากกว่าโรคอื่นๆ กรณีที่มีสุกรป่วย สุกรตาย หรือมีเชื้อโรคและสิ่งปนเปื้อนอยู่ในน้ำ แล้วพัดไปตามพื้นที่อื่นๆ ที่ยังไม่ได้รับผลกระทบจากโรคนี้ ฟาร์มต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ

สำหรับมาตรการป้องกันและรักษาโรค หากเป็นโรคที่มีวัคซีนในการควบคุมป้องกันโรค แนะนำว่าควรฉีดวัคซีนให้สัตว์เพื่อป้องกันการเกิดโรค หรือเพื่อลดความรุนแรงจากการเกิดโรค ถ้าอยู่ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต้องพยายามอย่าให้คอกสัตว์มีน้ำขัง ให้สัตว์อยู่ในที่ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก ส่วนมากสัตว์ที่อยู่ในระบบฟาร์มขนาดใหญ่หรือขนาดกลาง จะมีระบบไบโอซีเคียวริตี้ ซึ่งเป็นระบบป้องกันโรคที่ได้มาตรฐานอยู่แล้ว

ส่วนเกษตรกรรายย่อย แนะนำเน้นมาตรการป้องกันและกำจัดสัตว์พาหะ แมลงพาหะ มาตรการที่ต้องทำเพิ่ม อาทิ กางมุ้ง แต่อากาศยังคงต้องสามารถถ่ายเทได้ดี และพ่นยากำจัดแมลง หรือลงทุนเพิ่มการใช้น้ำยาฆ่าเชื้อ เพื่อลดโอกาสในการนำเชื้อเข้าฟาร์ม รวมถึงการวางกับดักหนู เพื่อไม่ให้เข้ามายังฟาร์มได้

ที่สำคัญหากพบว่า มีสัตว์ป่วย หรือตายผิดปกติ ให้รีบแจ้งหรือปรึกษาสัตวแพทย์ในพื้นที่ทันที เพราะการตายผิดปกติต้องแจ้งสัตวแพทย์สืบประวัติว่าตายด้วยโรคระบาดประเภทไหน เพราะมีวิธีการทำลายที่แตกต่างกันไป ซึ่งบางโรคที่รุนแรงมากๆ จะต้องมีกระบวนการใส่น้ำยาฆ่าเชื้อเยอะกว่าปกติ

รศ.น.สพ.ดร. มานะกร กล่าวย้ำว่า การบริโภคเนื้อสัตว์ควรตระหนักถึงความปลอดภัย โดยหลักการทั่วไป สัตว์ป่วยหรือตายผิดปกติไม่ควรนำมาบริโภค ส่วนการเลือกซื้อให้เลือกเนื้อสัตว์ที่มีคุณภาพ มีการรับรองความปลอดภัย เลือกซื้อจากสถานที่จำหน่ายที่ได้รับการรับรองมาตรฐานจากกรมปศุสัตว์ ซึ่งสังเกตได้จากตราสัญลักษณ์ “ปศุสัตว์ OK” และที่สำคัญต้องปรุงสุกก่อนการบริโภคทุกครั้ง.

AIS ประกาศพลังต่อสู้คอร์รัปชัน ตอกย้ำการเป็นองค์กรโปร่งใส ต่อต้านทุจริต

0

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เนื่องในวันต่อต้านคอร์รัปชัน ปี 2567 เอไอเอสในฐานะผู้นำตลาดของอุตสาหกรรมโทรคมนาคมไทย ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการรวมพลังต่อต้านคอร์รัปชัน แสดงจุดยืนองค์กรโปร่งใส พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนสังคมผ่านการทำงานขององค์กร ตามหลักธรรมาภิบาล สอดคล้องกับแนวคิดขององค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) โดยต่อจากนี้ไปจะได้หยิบแนวคิด “โกง…แบบโปร่งใส ESG…G เหมือนมีแต่มองไม่เห็น” มาเป็นแนวทางหลักของกิจกรรม เพื่อสร้างจิตสำนึกที่ดีในการต่อต้านคอร์รัปชันและส่งต่อไปยังผู้มีส่วนได้เสียกับองค์กร ทั้งลูกค้า พันธมิตร สังคม และประเทศชาติ อย่างต่อเนื่อง

นางสาวกานติมา เลอเลิศยุติธรรม หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านทรัพยากรบุคคล กลุ่มบริษัทเอไอเอส กล่าวว่า “วันนี้ชาวเอไอเอส ทั้งผู้บริหารและพนักงาน ขอประกาศรวมพลังเนื่องในวันต่อต้านคอร์รัปชัน 2567 ที่เราได้มีการนำขั้นตอนและหลักการสำคัญของแนวปฏิบัติจากนโยบายต่อต้านการให้หรือรับสินบนและการคอร์รัปชันไปปฏิบัติอย่างครอบคลุมกระบวนการดําเนินงานต่างๆอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ผ่านกิจกรรมรณรงค์เพื่อสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ดีในกลุ่มบุคลากรเอไอเอสทั่วประเทศ ทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาคให้มีส่วนร่วมในการสร้างองค์กรให้โปร่งใส ในหลากหลายรูปแบบ อีกทั้งให้ความสำคัญกับการพัฒนา Digital Solutions ที่จะมาเป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการเพื่อต่อต้านการคอร์รัปชันอย่างสร้างสรรค์ต่อไป”

เมืองไทยประกันชีวิต อัดฉีดเงินพิเศษ 2.3 ล. มอบให้นักกีฬาไทยคว้าชัยโอลิมปิก 2024

0

เมืองไทยประกันชีวิตร่วมแสดงความยินดีกับนักกีฬาสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย และสมาคมยกน้ำหนักสมัครเล่นแห่งประเทศไทย ที่ได้เข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิก 2024 พร้อมมอบเงินสนับสนุนพิเศษเพื่อเสริมสร้างขวัญและกำลังใจให้แก่สมาคมและนักกีฬา รวม 2.3 ล้านบาท

นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)กล่าวว่า “บริษัทขอร่วมแสดงความยินดีกับนักกีฬาทุกท่าน ที่ผ่านการคัดเลือกและได้รับโอกาสเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2024 นี้ ซึ่งเป็นเวทีการแข่งขันกีฬาที่มีเกียรติและยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก การที่นักกีฬาเหล่านี้สามารถผ่านการคัดเลือกได้นั้น ไม่เพียงแต่แสดงถึงความสามารถและความทุ่มเทแรงกายแรงใจอย่างเต็มประสิทธิภาพ แต่ยังเป็นการยืนยันถึงศักยภาพและความมุ่งมั่นของคนไทยที่สามารถก้าวไปสู่ระดับโลกได้อย่างภาคภูมิใจ”
นายสาระ กล่าวเพิ่มเติมว่า “นักกีฬาที่เข้าร่วมการแข่งขันทุกท่าน ถือเป็นตัวแทนของคนไทย ทั้งประเทศ ทุกครั้งที่พวกเขาลงสนามแข่งขัน เราทุกคนต่างรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกัน และขอชื่นชมในความพยายามและการเตรียมตัวของนักกีฬาทุกท่าน เราเชื่อว่าทุกท่านได้ทำหน้าที่ของตนเองอย่างดีที่สุด และเมืองไทยประกันชีวิตรู้สึกภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมในการสนับสนุนความสำเร็จนี้”

นอกจากนี้ นายสาระยังได้กล่าวถึงบทบาทของบริษัทในการสนับสนุนกีฬาไทย โดยเน้นย้ำว่าการสนับสนุนครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของพันธกิจของเมืองไทยประกันชีวิต ในการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพของคนไทยให้สามารถก้าวไปสู่ระดับสากล เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชนและนักกีฬารุ่นใหม่ให้เห็นว่า ความฝันและความพยายามสามารถนำไปสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ได้ ทั้งนี้บริษัทยังคงมุ่งมั่นที่จะเป็นองค์กรที่ให้การสนับสนุนในด้านสังคม การกีฬา และด้านอื่นเพื่อตอบแทนสิ่งดีคืนสู่สังคมตามพันธกิจในการส่งมอบความสุขและรอยยิ้มให้แก่สังคมผ่านกิจกรรมเพื่อสังคมและมุ่งมั่นในการเป็นบริษัทที่ลูกค้าให้ความวางใจ มุ่งมั่นเป็นคู่คิดที่ลูกค้าวางใจผ่านนวัตกรรม เพื่อตอบสนองทุกความต้องการ ด้วยการทำงานที่มีลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ตลอดจนคำนึงถึงความสุขและประสบการณ์ที่ดีของลูกค้าเป็นเรื่องสำคัญ

สำหรับการสนับสนุนด้านการกีฬาของเมืองไทยประกันชีวิตที่ผ่านมา บริษัทได้ให้ความสำคัญกับการสนับสนุนในระยะยาว โดยบริษัทได้เริ่มต้นให้การสนับสนุนสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2551 โดยให้ความคุ้มครองในด้านชีวิตและสุขภาพของนักกีฬา ซึ่งการสนับสนุนนี้ได้ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลากว่า 17 ปี และยังคงเดินหน้าต่อไปในการสนับสนุนสมาคมในอนาคต ซึ่งการสนับสนุนกรมธรรม์ประกันชีวิตและสุขภาพกลุ่มนี้จะครอบคลุมค่ารักษาพยาบาล และค่าประกันอุบัติเหตุ ทุกครั้งที่ได้รับบาดเจ็บจากการฝึกซ้อมและเข้ารักษาตัวเป็นผู้ป่วยในโรงพยาบาล ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญสำหรับกีฬาประเภทต่อสู้

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้สนับสนุนสมาคมยกน้ำหนักสมัครเล่นแห่งประเทศไทย โดยเริ่มตั้งแต่ปี 2554 ถึงปี 2563 และในปี 2567 ซึ่งการสนับสนุนดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อให้ความคุ้มครองชีวิตและสุขภาพของนักกีฬายกน้ำหนักไทย เพื่อให้พวกเขาสามารถเตรียมตัวและแข่งขันได้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องกังวลเรื่องสุขภาพ
ในโอกาสนี้ บริษัทขอมอบเงินสนับสนุนพิเศษ ให้แก่สมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย เป็นจำนวนเงิน 500,000 บาท โดยมีนายธนฑิตย์ รักตะบุตร เลขาธิการสมาคมกีฬาเทควันโด แห่งประเทศไทย เป็นผู้รับมอบ และสมาคมยกน้ำหนักสมัครเล่นแห่งประเทศไทย จำนวน 500,000 บาท โดยมี พลเอก วิสุทธิ์ เดชสกุล เลขาธิการสมาคมยกน้ำหนักสมัครเล่นแห่งประเทศไทย และนางสาวดวงอักษร ใจดี นักกีฬายกน้ำหนักทีมชาติไทย เป็นผู้รับมอบ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้แก่นักกีฬาทุกท่านของสมาคมและใช้ในกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อประโยชน์ของสมาคม และนอกจากนี้ยังมอบเงินสนันสนุนพิเศษ ให้แก่

  1. นางสาวพาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ (เทนนิส) นักกีฬาเหรียญทองเทควันโด รุ่น 49 กิโลกรัม หญิง เป็นจำนวนเงิน 500,000 บาท
  2. นายธีรพงศ์ ศิลาชัย (ฟ่าง) นักกีฬาเหรียญเงิน ยกน้ำหนักชายรุ่น 61 กิโลกรัม จำนวนเงิน 300,000 บาท
  3. นายวีรพล วิชุมา (เวฟ) นักกีฬาเหรียญเงิน ยกน้ำหนักชายรุ่น 73 กิโลกรัม จำนวนเงิน 300,000 บาท
  4. นางสาวสุรจนา คำเบ้า (ออย) นักกีฬาเหรียญทองแดง ยกน้ำหนักหญิงรุ่น 49 กิโลกรัม จำนวนเงิน 200,000 บาท
    ซึ่งรวมมูลค่าการสนับสนุนพิเศษ เป็นจำนวนเงิน 2.3 ล้านบาท

“การมอบเงินสนับสนุนพิเศษในครั้งนี้ บริษัทตั้งใจที่จะเป็นแรงผลักดันและแรงสนับสนุนให้กับนักกีฬาไทย เพื่อให้สามารถทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมและสร้างความภาคภูมิใจให้กับประเทศไทย และบริษัทยังมุ่งส่งเสริมและสนับสนุนการกีฬาในระดับประเทศและนานาชาติต่อไป เพื่อส่งเสริมให้เยาวชนและนักกีฬามืออาชีพได้มีโอกาสพัฒนาศักยภาพของตนเอง และก้าวสู่ความสำเร็จในเวทีระดับโลกอย่างมั่นคงต่อไปในอนาคต” นายสาระกล่าวสรุป

เมืองไทยประกันชีวิต ผนึกกำลังพันธมิตรบัตรเครดิตชั้นนำ จัดแคมเปญ “ผ่อนชิล รับเงินคืนฉ่ำ ๆ”

0

เมืองไทยประกันชีวิต ผนึกกำลังพันธมิตรบัตรเครดิตชั้นนำ จัดแคมเปญ ผ่อนชิล รับเงินคืนฉ่ำ ๆ โปรโมชันผ่อนค่าเบี้ยสบาย ๆ 0% หรือรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 13% กับบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ ตอบโจทย์ความต้องการ และเพิ่มความสะดวกแก่ลูกค้าในการชำระเบี้ยประกันภัย

นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เมืองไทยประกันชีวิต ยังคงเดินหน้าส่งมอบความสุขและรอยยิ้มที่ยั่งยืนให้กับลูกค้าอย่าง ไม่หยุดยั้งผ่านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริการ นวัตกรรม และเครือข่ายพันธมิตรที่ครอบคลุมทุกรูปแบบการใช้ชีวิต ล่าสุด บริษัทฯ ได้ผนึกกำลังพันธมิตรบัตรเครดิตชั้นนำ ประกอบด้วย บัตรเครดิตกสิกรไทย บัตรเครดิตเครือกรุงศรีคอนซูมเมอร์ บัตรเครดิตยูโอบี และบัตรเครดิต KTC จัดโปรโมชันสุดพิเศษ เพื่อตอบโจทย์และอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าที่ต้องการชำระค่าเบี้ยประกันภัยผ่านบัตรเครดิตให้สะดวกสบายและปลอดภัยในการทำธุรกรรมการเงิน โดยมีโปรโมชันให้เลือก ดังนี้

โปรโมชันผ่อนชิล ผ่อน 0% นาน 6 เดือน สำหรับลูกค้าที่ซื้อกรมธรรม์ใหม่ และชำระค่าเบี้ยประกันภัยด้วยบัตรเครดิตแบบรายปีเท่านั้น ยอดชำระเบี้ยประกันภัยรวมตั้งแต่ 30,000 บาทขึ้นไป/กรมธรรม์/เซลล์สลิปผ่านบัตรเครดิตกสิกรไทย บัตรเครดิตเครือกรุงศรีคอนซูมเมอร์ทุกประเภท หรือบัตรเครดิตยูโอบี โปรโมชันผ่อน 0% นาน 4 เดือน สำหรับลูกค้าที่ซื้อกรมธรรม์ใหม่ชำระค่าเบี้ยประกันภัยด้วยบัตรเครดิตแบบรายปีเท่านั้น ยอดชำระเบี้ยประกันภัยรวมตั้งแต่ 20,000 บาทขึ้นไป/กรมธรรม์/เซลล์ สลิป ผ่านบัตรเครดิตกสิกรไทย หรือบัตรเครดิตเครือกรุงศรีคอนซูมเมอร์ทุกประเภท หรือโปรโมชันผ่อนสั้น ๆ 0% นาน 3 เดือน สำหรับลูกค้าที่ซื้อกรมธรรม์ใหม่และชำระด้วยบัตรเครดิตแบบรายปีเท่านั้น ยอดชำระเบี้ยประกันภัยรวมตั้งแต่ 10,000 บาทขึ้นไป/กรมธรรม์/เซลล์สลิปผ่านบัตรเครดิตกสิกรไทย บัตรเครดิตเครือ กรุงศรีคอนซูมเมอร์ทุกประเภท บัตรเครดิตยูโอบี และบัตรเครดิต KTC ที่มียอดชำระเบี้ยประกันภัย 10,000 บาทขึ้นไปต่อกรมธรรม์และต่อเซลส์สลิป

ทั้งนี้จะต้องเป็นแบบประกันภัยที่สามารถชำระเบี้ยประกันภัยด้วยบัตรเครดิตได้ ยกเว้นแบบประกันชีวิตชำระเบี้ยประกันภัยครั้งเดียว หรือชำระเบี้ยประกันภัยต่ำกว่า 5 ปี, แบบประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA), แบบประกันชีวิตควบการลงทุนทั้งแบบยูนิต ลิงค์ (Unit-Linked) และแบบยูนิเวอร์แซลไลฟ์ (Universal Life) การชำระเบี้ยประกันภัยนั้นต้องเป็นเบี้ยประกันภัยปีแรกและชำระแบบรายปี โดยแนบสัญญาเพิ่มเติมสุขภาพหรือโรคร้ายแรงแบบใดก็ได้ รวมถึงกรมธรรม์แบบบำนาญสามารถชำระเบี้ยประกันภัยด้วยบัตรเครดิตได้ โดยไม่จำเป็นต้องแนบสัญญาเพิ่มเติมสุขภาพและโรคร้ายแรง สำหรับการซื้อประกันภัยใหม่ในทุกช่องทางการขายของบริษัท ยกเว้น การขายผ่านธนาคารกสิกรไทย โปรดตรวจสอบ โปรโมชันการชำระผ่านบัตรเครดิตเพิ่มเติมที่สาขาธนาคารกสิกรไทยทั่วประเทศ

สิทธิพิเศษ…สำหรับลูกค้าที่ซื้อกรมธรรม์ใหม่ แบบยูนิเวอร์แซลไลฟ์ (Universal Life) รับสิทธิผ่อนชำระ 0% นาน 6 เดือน เมื่อเลือกชำระด้วยบัตรเครดิตแบบรายปี ผ่านบัตรเครดิตกสิกรไทย และมียอดชำระเบี้ยประกันภัยรวมตั้งแต่ 40,000 บาทขึ้นไป (เบี้ยประกันภัยหลักรวมเงินออมเพิ่มเติม) ต่อกรมธรรม์และต่อเซลล์สลิป หรือโปรโมชันผ่อนสั้นๆ 0% นาน 3 เดือน เมื่อเลือกชำระด้วยบัตรเครดิตแบบรายปี ผ่านบัตรเครดิตกสิกรไทย และมียอดชำระเบี้ยประกันภัยรวมตั้งแต่ 30,000 บาทขึ้นไป (เบี้ยประกันภัยหลักรวมเงินออมเพิ่มเติม) ต่อกรมธรรม์และต่อเซลล์สลิป

และสำหรับลูกค้าต่ออายุกรมธรรม์ รับสิทธิผ่อนชำระค่าเบี้ยประกันภัยปีต่ออายุ 0% นาน 3 เดือน ช่องทางแอปพลิเคชัน MTL Click ผ่านบัตรเครดิตธนาคารกสิกรไทย และบัตรเครดิตเครือ กรุงศรีคอนซูมเมอร์ทุกประเภท โดยมียอดชำระเบี้ยประกันภัยตั้งแต่ 3,000 บาทขึ้นไปต่อกรมธรรม์และ ต่อเซลล์สลิป และทุกโหมดการชำระเบี้ยประกันภัย โดยโปรโมชันผ่อนชำระ 0% ผ่านบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ สามารถใช้โปรโมชันได้ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม – 30 กันยายน 2567 นี้

และยังมีโปรโมชันสุดคุ้ม รับเงินคืนฉ่ำ ๆ สำหรับการชำระผ่านบัตรเครดิต KTC รับเครดิต เงินคืนสูงสุด 13% และสิทธิพิเศษ 2 ต่อ โดยต่อที่ 1 รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 1% (รับสิทธิ์ทันทีโดยไม่ต้องแลกคะแนน) เมื่อชำระเบี้ยประกันภัยปีแรกและเบี้ยประกันภัยปีต่ออายุ สำหรับทุกโหมดชำระเบี้ยประกันภัย เฉพาะการชำระเบี้ยประกันภัยเต็มจำนวนเท่านั้น สำหรับแบบประกันภัยที่สามารถชำระเบี้ยประกันภัยด้วยบัตรเครดิตได้ ยกเว้นแบบประกันชีวิตควบการลงทุน Unit-linked และต่อที่ 2 คะแนน KTC FOREVER ทุก 1,000 คะแนน แลกรับเครดิตเงินคืน 12% หรือ 120 บาทเมื่อชําระค่าเบี้ยประกันภัยของเมืองไทยประกันชีวิต ทั้งเบี้ยประกันภัยปีแรกและ/หรือเบี้ยประกันภัยปีต่ออายุ โปรโมชันเริ่มตั้งแต่ วันที่ 1 สิงหาคม – 31 ธันวาคม 2567

สำหรับการชำระผ่านบัตรเครดิตธนาคารกสิกรไทย เมื่อแบ่งจ่ายรายเดือนผ่าน KBank Smart Pay 0% นาน 6 เดือน สำหรับลูกค้าซื้อกรมธรรม์ใหม่แบบรายปีเท่านั้น รับคะแนน K Point เพิ่มสูงสุด 50,000 คะแนน เมื่อมียอดชำระเบี้ยประกันภัยรวมตั้งแต่ 30,000 บาทขึ้นไปต่อกรมธรรม์และต่อเซลล์สลิป ลงทะเบียนทุกครั้งก่อนทำรายการ
และโปรโมชันแลกคะแนน K Point รับเครดิตเงินคืน 10% สำหรับยอดชำระเต็มจำนวนหรือ แบ่งจ่าย ผ่านบัตรเครดิตธนาคารกสิกรไทย โปรโมชันเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม – 30 กันยายน 2567

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.muangthai.co.th/th/campaign/promotion

บรรลุผล…ประมงเมืองคอนโชว์ปลาหมอคางดำลดลง มาตรการเกิดผลในอีกหลายจังหวัด สมุทรสาครปลาหมอคางดำถูกกำจัด 70%

0

รายงานจากประมงนครศรีธรรมราชเผยมาตรการกำจัดปลาหมอคางดำของจังหวัดได้ผลดี ทำให้จำนวนปลาในจังหวัดลดลง เช่นเดียวกับสมุทรสาครที่ปลาหมอคางดำหายไปกว่า 70% รวมทั้งสมุทรสงคราม ฉะเชิงเทราพบปลาหมอคางดำในพื้นที่เบาบางลง และยังขับเคลื่อนการจับปลาออกจากระบบนิเวศอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ปลาหมดไป

นายกอบศักดิ์ เกตุเหมือน ประมงจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า โดยปกติชาวบ้านในจังหวัดนครศรีธรรมราช ใช้ประโยชน์จับปลาหมอคางดำขายเป็นปลาเหยื่อจับปูและปลามานานแล้ว อย่างไรก็ตาม ประมงจังหวัดระดมทุกสรรพกำลังเร่งจับปลาหมอคางดำในจังหวัดอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในพื้นที่ปากพนังและหัวไทร จัดกิจกรรม “ลงแขกลงคลอง” จับปลาหมอคางดำในคลองสายต่างๆ จับปลาหมอคางดำเพื่อส่งให้โครงการผลิตน้ำหมักชีวภาพเพื่อเกษตรกรชาวสวนยางแล้ว 21 ตัน และในเดือนกันยายนนี้ประมงนครศรีธรรมราชยังจัดสรรงบเพิ่มเติมสำหรับใช้จัดซื้อปลาหมอคางดำกิโลกรัมละ 15 บาทสำหรับส่งให้สำนักงานพัฒนาที่ดินสำหรับผลิตน้ำหมักชีวภาพและนำไปแจกจ่ายให้เกษตรกรซึ่งคาดว่าจะช่วยกำจัดปลาได้อีกกว่า 18 ตัน

“แนวทางการจำกัดปลาหมอคางดำที่ดำเนินการมาสามารถกำจัดปลาในแหล่งน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ แหล่งน้ำหลายแห่งมีปลาหมอคางดำน้อยลง ซึ่งจังหวัดมีแผนจะปล่อยปลาผู้ล่าเพื่อช่วยกำจัดลูกปลาหมอคางดำในช่วงปลายเดือนนี้ต่อไป” นายกอบศักดิ์กล่าว

ด้านนายเผดิม รอดอินทร์ ประมงจังหวัดสมุทรสาคร กล่าวว่า จังหวัดสมุทรสาครได้ขับเคลื่อน 5 มาตรการกำจัดปลาหมอคางดำอย่างจริงจังตามแนวทาง “เจอ แจ้ง จับ จบ” บูรณาการความร่วมมือกับประมงพื้นบ้านตั้งกองเรืออวนรุน 33 ลำทำภารกิจล่าปลาหมอคางดำในแหล่งน้ำทั่วทั้งจังหวัดอย่างจริงจัง ผลจากการใช้เครื่องมือจับปลาที่มีประสิทธิภาพ และได้รับความร่วมมือจากแพปลา และโรงงานปลาป่นช่วยรับซื้อปลาที่จับได้ จนถึงวันนี้สมุทรสาครสามารถกำจัดปลาออกจากแหล่งน้ำแล้วมากกว่า 1.4 ล้านกิโลกรัม สะท้อนให้เห็นว่ามาตรการกำจัดปลาหมอคางดำของจังหวัดมีประสิทธิผลดี

“จากการดำเนินการกำจัดปลาหมอคางดำอย่างจริงจัง ทำให้ปลาหมอคางดำในสมุทรสาครหายไปจากแหล่งน้ำในธรรมชาติประมาณ 70% และจังหวัดยังเดินหน้ากำจัดปลาต่ออีก โดยเน้นขยายผลจับปลาในบ่อร้างมากขึ้น” นายเผดิมกล่าว

สำหรับ นายบัณฑิต กุลละวณิชย์ ประมงจังหวัดสมุทรสงคราม กล่าวเพิ่มเติมว่า นับตั้งแต่ประมงจังหวัดสมุทรสงครามคิกออฟ “ลงแขกลงคลอง” มาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ต่อเนื่องมาทั้งหมด 8 ครั้ง จับปลาได้กว่า 9,000 กิโลกรัม โดยครั้งหลังๆ จับได้แต่ปลาตัวเล็กลง สะท้อนให้เห็นว่าการจับปลาช่วยตัดวงจรปลาหมอคางดำได้อย่างมีประสิทธิภาพ และจำนวนน่าจะลดลง

จังหวัดสมุทรสงคราม ใช้วิธีการจับปลาด้วยการใช้ “กากชา” ควบคู่กับ “อวนทับตลิ่ง” ซึ่งเหมาะกับบริบทของจังหวัดที่มีลำคลองค่อนข้างเล็กและมีตอมาก พร้อมกับได้บูรณาการทำงานร่วมศูนย์วิจัยพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งสมุทรสงครามเพื่อศึกษาความหนาแน่นของปริมาณปลาในหมอคางดำในแหล่งน้ำเพื่อกำหนดแผนการจัดการปลาชนิดนี้อย่างเป็นระบบ รวมทั้งปล่อยปลาผู้ล่าเพื่อตัดวงจรปลาหมอคางดำในแหล่งน้ำให้มากที่สุด

นอกจากนี้ นายคนึง คมขำ ประมงจังหวัดฉะเชิงเทรา กล่าวว่า สถานการณ์ปลาหมอคางดำในจังหวัดจำนวนไม่หนาแน่นมาก เนื่องจากมีชาวบ้านมาช่วยจับมาบริโภคและใช้ประโยชน์ต่อเนื่องทุกวัน โดยเฉพาะในพื้นที่อำเภอสนามไชยเขต บางปะกง ประมงจังหวัดยังติดตามสถานการณ์และควบคุมการแพร่กระจายของปลาอย่างใกล้ชิด.

เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป และ 3BB FIBRE3 จัดส่งรอยยิ้มผ่านตั๋วหนังควบคู่ป๊อบคอร์น ให้ลูกค้าทั่วไทย

0

คุณสุรเชษฐ์ อัศวเรืองอนันต์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายสื่อโฆษณา บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) และ คุณสรกฤต ลัทธิธรรม Head of Broadband Marketing บริษัท ทริปเปิลที บรอดแบนด์ จำกัด (มหาชน) : (3BB) คัดสรรความบันเทิง ออกแบบความสนุก x 2 ครบเซ็ตทั้งรอยยิ้มและความอร่อยจัด ให้โดนใจไลฟ์สไตล์ของลูกค้าคนรุ่นใหม่ทั่วไทย ที่โรงภาพยนตร์ในเครือเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ทุกสาขา

สิทธิพิเศษเพื่อคนรักหนัง เฉพาะลูกค้า 3BB FIBRE3 ง่ายๆเพียง

ใช้ 200 พอยท์ แลกรับส่วนลด 100 บาท สำหรับซื้อบัตรชมภาพยนตร์ ที่นั่งปกติ ระบบปกติ (1 Code / สิทธิ์ / ที่นั่ง)
ใช้ 320 พอยท์ แลกรับฟรี Combo Set จำนวน 1 ชุด : เครื่องดื่มขนาด 32 ออนซ์ และป๊อปคอร์น ขนาด 64 ออนซ์ (1 Code / สิทธิ์ / ครั้ง)
สามารถตรวจสอบข้อมูลสิทธิประโยชน์พร้อมกดรับสิทธิ์ Code ส่วนลด รวมถึงติดตามรายละเอียดโปรโมชั่นเพิ่มเติมได้ที่ 3BB Member Application และ www.majorcineplex.com ตั้งแต่วันนี้ – 31 ธันวาคม 2567 หรือจนกว่าสิทธิ์จะหมด