Home Blog Page 73

gettgo ผนึก Big C ขยายตลาดและเพิ่มการเข้าถึงประกันออนไลน์ผ่านแอปฯ Big C Plus

0

บริษัท เมืองไทย โบรกเกอร์ จำกัด (gettgo) ประกาศความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจชั้นนำอย่าง “Big C” เพื่อให้ลูกค้า Big C สามารถเข้าถึงการซื้อประกันออนไลน์ได้ง่ายขึ้น ผ่าน “แอปพลิเคชัน Big C Plus” ตอบโจทย์ตรงใจด้วยผลิตภัณฑ์จากหลากหลายบริษัทประกันภัยชั้นนำที่คัดสรรมาให้เลือกตามความต้องการของลูกค้าทุกไลฟ์สไตล์

นายวรวัฒน์ โรจน์รังษี กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทย โบรกเกอร์ จำกัด ผู้ให้บริการ gettgo แพลตฟอร์มเปรียบเทียบประกันออนไลน์ เปิดเผยว่า “gettgo เห็นแนวโน้มที่คนไทยให้ความสนใจในประกันภัยเพิ่มมากขึ้น และเพื่อต้องการให้คนไทยสามารถเข้าถึงประกันภัยได้ง่ายเหมือนการซื้อของใช้ประจำวัน เราจึงออกแบบแพลตฟอร์มเปรียบเทียบและซื้อขายประกันออนไลน์ที่สะดวกสบาย โดยล่าสุด gettgo ได้ร่วมมือกับ Big C นำแพลตฟอร์มประกันออนไลน์ของ gettgo เข้าไปอยู่ในแอปพลิเคชัน “Big C Plus” ซึ่งจะช่วยทำให้การเข้าถึงประกันออนไลน์ทำได้ง่ายยิ่งขึ้นไปอีกขั้น และยังสามารถตอบโจทย์ตรงใจด้วยผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่หลากหลาย จากบริษัทประกันภัยชั้นนำที่ได้คัดสรรมาให้เลือกตามความต้องการของลูกค้าทุกไลฟ์สไตล์

“ในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ gettgo ยังคงเน้นนโยบาย ให้ประกันภัยเป็นเรื่องง่าย ใคร ๆ ก็เข้าถึงได้’ โดยเน้นให้บริการประกันออนไลน์ที่หลากหลายเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างตรงจุด ดังสโลแกน “รู้จุดเด่น เห็นจุดต่าง” ให้การซื้อประกันออนไลน์เป็นเรื่องที่ง่ายและเข้าถึงได้ทุกคน ซึ่งความร่วมมือกับ Big C ในครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับการให้บริการ ที่นอกจากจะตอบโจทย์ด้วยการใช้งานที่ง่ายผ่านแอป Big C Plus ซึ่งถือเป็นการเพิ่มช่องทางการซื้อให้ลูกค้าแล้ว ยังเป็นการสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้กับฐานลูกค้า Big C อีกด้วย ”

ด้านนางสาวบุษยา ยินดีสุข ประธานเจ้าหน้าที่สายธุรกิจดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “สำหรับความร่วมมือกับ “gettgo” ในครั้งนี้ ถือเป็นอีกทางเลือกใหม่ในการซื้อประกันออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชัน Big C Plus เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า Big C ที่กำลังมองหาประกันภัยในรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งถือว่าเป็นการยกระดับด้านบริการใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มประสบการณ์การชอปปิ้งของผู้บริโภคให้สอดคล้องกับพฤติกรรมไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปในยุคปัจจุบัน” โดยลูกค้า Big C จะได้รับบริการและผลิตภัณฑ์จากบริษัทประกันภัยชั้นนำที่เชื่อถือได้อย่างแน่นอน เนื่องจาก gettgo เป็นบริษัทในเครือบริษัท เมืองไทย กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด จึงมั่นใจได้ว่าลูกค้าสามารถเลือกซื้อประกันภัยได้หลากหลายรูปแบบ ด้วยค่าเบี้ยประกันภัยที่เข้าถึงได้ในทุกกลุ่มลูกค้า ส่งผลให้ลูกค้าได้รับความคุ้มครองที่ตรงกับความต้องการมากที่สุด เช่น ประกันรถยนต์รายปี, ประกันรถระยะสั้น 30 วัน, พ.ร.บ. รถยนต์, ประกันเดินทางต่างประเทศ, ประกันรถยนต์ไฟฟ้า EV และ ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล หรือฝั่งประกันสุขภาพและชีวิตอย่าง So You ที่กำลังจะตามมาในอนาคตอีกด้วย

ความพิเศษยังไม่หมดเพียงเท่านี้ สมาชิก Big C ยังสามารถรับส่วนลดพิเศษ 6% เมื่อซื้อประกันรถยนต์ระยะสั้น 30 วัน และส่วนลด 5% เมื่อซื้อประกันรถยนต์รายปีชั้น 2+, ประกันรถยนต์รายปีชั้น 3+, พ.ร.บ. รถยนต์ และประกันเดินทางจาก gettgo ผ่านแอปพลิเคชัน Big C Plus ตั้งแต่วันที่ 17 กันยายน – 31 ธันวาคม 2567 (เงื่อนไขเป็นไปตามที่ Big C และ บริษัท เมืองไทย โบรกเกอร์ จำกัด กำหนด)

ซีพีเอฟ – กรมประมง เดินสายต่อเนื่อง เร่งปราบปลาหมอคางดำออกจากแหล่งน้ำในทุกพื้นที่

0

กรมประมงเร่งระดมทุกสรรพกำลังจับปลาหมอคางดำออกจากแหล่งน้ำธรรมชาติในทุกจังหวัด เพื่อช่วยบรรเทาความเดือนร้อนของเกษตรกรและชาวประมง ร่วมสร้างสมดุลระบบนิเวศ โดยบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน)​ หรือ ซีพีเอฟ เดินหน้าร่วมให้การสนับสนุนเครื่องมือจับปลา อาหาร และน้ำดื่มในการจัดกิจกรรมจับปลาในจังหวัดต่างๆ อย่างต่อเนื่อง และ ในช่วงปลายเดือนกันยายนนี้ บริษัทเตรียมส่งมอบปลานักล่าเพิ่มอีก 19,000 ตัวเพื่อปล่อยลงสู่แหล่งน้ำให้กับประมงจังหวัดระยอง สมุทรปราการ สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และสงขลา เพื่อนำปลาหมอคางดำออกจากระบบนิเวศให้มากที่สุด

วันนี้ ซีพีเอฟร่วมสนับสนุนประมงจังหวัดนครศรีธรรมราชจัดกิจกรรมลงแขกลง ครั้งที่ 6 บริเวณหน้าประตูระบายน้ำท่าพยา ในอำเภอปากพนัง โดยมีหน่วยงานภาคีเครือข่าย ผู้นำชุมชน และชาวประมง คลอง ระดมจับปลาหมอคางดำออกจากแหล่งน้ำ และเปิดรับซื้อปลาหมอหมอคางดำกิโลกรัมละ 15 บาทเพื่อส่งต่อให้สำนักงานพัฒนาที่ดินจังหวัดนำไปผลิตน้ำหมักชีวภาพสำหรับเกษตรกรต่อไป ขณะเดียวกัน ซีพีเอฟีร่วมกับประมงนครศรีธรรมราชจัดกิจกรรมส่งเสริมการนำปลาไปใช้ประโยชน์ และสนับสนุนปลากะพงขาวขนาด 4 นิ้ว จำนวน 5,000 ตัว เตรียมปล่อยลงสู่แหล่งน้ำที่เพื่อช่วยจับกินลูกปลาหมอคางดำ เพื่อเร่งลดจำนวนปลาหมอคางดำในจังหวัดให้เบาบางลง

ขณะเดียวกัน ซีพีเอฟร่วมมือกับประมงจังหวัดสงขลา ชมรมผู้เลี้ยงกุ้งจังหวัดสงขลา กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ชาวบ้านและชาวประมงในพื้นที่รวม 100 คน ระดมกันจับปลาหมอคางดำในลำคลองในพื้นที่อำเภอระโนด มีซีพีเอฟสนับสนุนน้ำดื่มสำหรับผู้ร่วมกิจกรรม สามารถจับปลาหมอคางดำได้ 346 กิโลกรัม นำส่งให้สำนักงานพัฒนาที่ดินอำเภอจะนะเพื่อทำน้ำหมักชีวภาพและแจกจ่ายให้เกษตรกรชาวสวนยางต่อไป และมีแผนปล่อยปลานักล่าในช่วงปลายเดือนกันยายนนี้

ในช่วงปลายเดือนกันยายนนี้ ซีพีเอฟยังร่วมสนับสนุนกรมประมงจัดกิจกรรมจับปลาหมอคางดำเพื่อควบคุมและกำจัดปลาหมอคางดำในแหล่งน้ำทุกแห่งที่พบการแพร่ระบาดในจังหวัดอื่นๆ ได้แก่ สุราษฎร์ธานี นนทบุรี นครปฐม ราชบุรี และสมุทรปราการ และในทุกพื้นที่ที่พบปลาหมอคางดำ

ก่อนหน้านี้ ซีพีเอฟสนับสนุนอวนทับตลิ่ง ประมงจังหวัดเพชรบุรี องค์การบริหารตำบล เกษตรจังหวัด และสำนักงานพัฒนาที่ดิน จัดกิจกรรมจับปลาที่คลองในตำบลนาพันสาม อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี โดยสามารถจับปลาหมอคางดำได้ 103 กิโลกรัม ขณะเดียวกันยังจับได้ปลาชนิดอื่นอีกด้วย เช่น ปลาช่อน ปลานิล เป็นต้น สำหรับปลาหมอคางดำที่จับได้ ประมงจังหวัดส่งต่อให้องค์การบริหารตำบลบ้านหม้อเพื่อทำน้ำหมักชีวภาพ สำหรับแจกจ่ายให้กับเกษตรกรในพื้นที่ใช้กับแปลงเพาะปลูก

นอกจากการสนับสนุนกิจกรรมจับปลาแล้ว บริษัทยังสนับสนุนปลากะพงขาวขนาด 4 นิ้วขึ้นไปเพื่อปล่อยลงในแหล่งน้ำช่วยกำจัดลูกปลาหมอคางดำ ซึ่งที่ผ่านมา ซีพีเอฟได้สนับสนุนปลานักล่าไปแล้ว 70,000 ตัวปล่อยในจังหวัดสมุทรสงคราม สมุทรสาคร ระยอง และจันทบุรี และได้ร่วมมือกับกรมประมงในการวางแผนการปล่อยปลานักล่าในจังหวัดอื่นๆ เพิ่มเติม อาทิ สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช สงขลา และราชบุรี โดยตั้งเป้าสนับสนุนปลานักล่าแก่กรมประมงรวมทั้งสิ้น 200,000 ตัว เพื่อร่วมกันช่วยสร้างสมดุลระบบนิเวศของแหล่งน้ำ และช่วยลดผลกระทบเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในพื้นที่

การร่วมสนับสนุนกิจกรรมการจับปลาหมอคางดำ และการปล่อยปลานักล่า อยู่ภายใต้การดำเนินงาน 5 มาตรการเชิงรุกที่ซีพีเอฟร่วมกับกรมประมงขับเคลื่อนจัดการปัญหาปลาหมอคางดำในทุกพื้นที่ จนถึงวันนี้ร่วมสนับสนุนกิจกรรมจับปลาในแหล่งน้ำของ 17 จังหวัด สามารถจับปลาออกจากแหล่งน้ำได้มากกว่า 27,000 กิโลกรัมซึ่งส่งต่อให้กับโรงงานปลาป่น สำนักงานพัฒนาที่ดินผลิตน้ำหมักชีวภาพ และไปใช้บริโภค เป็นต้น.

ไขความสำเร็จ ‘ห้าดาว’ ฟาสต์ฟู้ดไก่ย่าง-ทอด ครองใจผู้บริโภคต่อเนื่องสู่ปีที่ 41

0

หากให้นึกถึงฟาสต์ฟู้ดไก่ย่างและไก่ทอดที่ครองใจคนไทยมายาวนาน “ห้าดาว” หรือ FIVE STAR ของบริษัท ซีพีเอฟ เรสเทอรองท์ แอนด์ ฟู้ดเชน จำกัด เป็นอีกแบรนด์ที่อยู่ในใจของผู้บริโภคหลายเจเนอเรชันมาตลอด 40 ปี จากความโดดเด่นเรื่องการรักษามาตรฐานคุณภาพ ราคา และการบริการ และก้าวไปข้างหน้าเป็นผู้นำตลาดฟาสต์ฟู้ดไทยด้วยกลยุทธ์ ‘ความคุ้มค่า’ ส่งมอบสิ่งที่ดีอย่างต่อเนื่องให้แก่ผู้บริโภครุ่นต่อรุ่น

ความ ‘คุ้มค่า’ ของ “ห้าดาว” หมายถึง ความยึดมั่นในการรังสรรค์เมนูคุณภาพและหลากหลายตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคแต่ละกลุ่มอย่างตรงใจ ด้วยกระบวนการผลิตตั้งแต่ต้นทางที่ได้มาตรฐานในระดับสูงสุด เริ่มจากการคัดเลือกวัตถุดิบชั้นดี ปรุงอย่างพิถีพิถัน ไม่เคยลดทอนปริมาณและขนาด เพื่อให้ผู้บริโภคอร่อยอย่างเต็มอิ่ม ได้คุณค่าโภชนาการที่ดีทุกคำที่รับประทาน โดยให้ความสำคัญกับการส่งต่อ ‘คุณภาพระดับพรีเมียม’ ในราคาที่เหมาะสมเข้าถึงได้ พร้อมนำเสนอกลยุทธ์ใหม่ๆ สร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้บริโภคทุกช่วงวัย ส่งผลให้ “ห้าดาว” สามารถรักษาความเป็นผู้นำตลาดไก่ย่างและไก่ทอดได้อย่างต่อเนื่อง ปัจจุบัน “ห้าดาว” มีสาขาทั่วประเทศไทยแล้วมากกว่า 6,000 สาขา และขยายความคุ้มค่าสู่ผู้บริโภคต่างประเทศได้อีกกว่า 1,600 สาขา

ตลอดระยะเวลามากกว่า 40 ปี “ห้าดาว” ยังร่วมสร้าง ‘ความคุ้มค่า’ ให้ผู้ประกอบการร้านอาหาร ในรูปแบบธุรกิจเฟรนไชส์ได้มีอาชีพที่สร้างรายได้มั่นคง และเพิ่มโอกาสการเติบโตบนเส้นทางธุรกิจไปด้วยกันอย่างยั่งยืน ด้วยระบบบริหารจัดการแบบครบวงจร ตั้งแต่ การเริ่มต้นธุรกิจได้อย่างมืออาชีพ ด้วยการลงทุนที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมใกล้เคียงกัน พร้อมมีการสนับสนุนจากทีมงานที่แข็งแกร่ง ช่วยลดความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจ สามารถคืนทุนได้ในเวลาอันรวดเร็ว อิ่มทั้งท้องและใจ ทั้งนี้การเติบโตของผู้ประกอบการห้าดาวยังเป็นเครือข่ายที่ร่วมส่งมอบอาหารปลอดภัย รสชาติอร่อยให้ผู้บริโภค และยังเป็นส่วนร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจของชุมชน

นอกจากนี้ “ห้าดาว” ยึดมั่นการเป็นแบรนด์ที่เป็นมิตรต่อผู้บริโภค ไม่ว่าสภาวะเศรษฐกิจจะผันผวนเช่นใด ห้าดาวยังคงอยู่เคียงข้างคนไทยส่งมอบอาหารที่ให้ ‘ความคุ้มค่า’ ทั้ง ‘คุณภาพ’ สูง ในระดับ ‘ราคา’ ที่ทุกคนเข้าถึงได้ ควบคู่กับการเป็นแบรนด์อาหารที่คำนึงถึงสุขภาพและคุณภาพของผู้บริโภคทุกคน ด้วยการร่วมเป็นส่วนหนึ่งในโครงการ ‘ไม่ทอดซ้ำ’ รณรงค์ไม่ใช้น้ำมันทอดซ้ำระหว่าง บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BSGF และกรมอนามัย รณรงค์ให้ร้านห้าดาวทุกสาขาใช้น้ำมันปรุงอาหารทอดไม่ซ้ำ และจัดการน้ำมันใช้แล้วอย่างถูกต้อง เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงการจำหน่ายน้ำมันใช้แล้วให้แก่ BSGF นำไปผลิตเป็นเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (SAF) เป็นฟาสต์ฟู้ดของคนไทยที่ดำเนินงานบนเส้นทางสีเขียว รักสุขภาพและรักษ์สิ่งแวดล้อมของผู้บริโภค

ท่ามกลางการแข่งขันที่ทวีความเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ความมุ่งมั่นของ “ห้าดาว” ที่จะส่งมอบ ‘ความคุ้มค่า’ ให้แก่คนไทย ทำให้แบรนด์ “ห้าดาว” ยังคงยืนหยัดอย่างมั่นคง เพื่อเสิร์ฟ ‘อาหารคุณภาพ’ แก่ผู้บริโภค และผู้ประกอบการได้อย่างยั่งยืน .

AIS และ กสทช. ดูแลเครือข่ายและเน็ตบ้านในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัย จ.หนองคายและภาคอีสานเต็มที่

0

รายงานข่าว เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ฝนตกหนักต่อเนื่อง และปริมาณแม่น้ำโขงหนุนสูง ล้นตลิ่ง ทำให้เกิดน้ำท่วม ประชาชนได้รับความเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก ในหลายอำเภอของจังหวัดหนองคาย ที่อยู่ติดริมฝั่งแม่น้ำโขง  ซึ่งก่อนหน้านี้ทีมงาน AIS ภาคอีสานได้เฝ้าระวังและเตรียมความพร้อมดูแลเครือข่ายสื่อสารทั้งมือถือและเน็ตบ้านมาแล้วตั้งแต่ช่วงของการเกิดอุทกภัยในภาคเหนือช่วงที่ผ่านมา ดังนั้นเมื่อเริ่มได้รับผลกระทบ AIS จึงพร้อมส่งมอบความช่วยเหลือทันที ประกอบด้วย

  • ขยายระยะเวลาการชำระค่าบริการสำหรับลูกค้ามือถือรายเดือนและลูกค้าเน็ตบ้าน AIS FIBRE 3 พร้อมขยายระยะเวลาการใช้งานให้กับลูกค้าระบบเติมเงินในพื้นที่ประสบภัย เพื่อให้สามารถใช้สื่อสาร ขอความช่วยเหลือได้อย่างต่อเนื่อง โดยลูกค้า จะได้รับ SMS แจ้งการมอบการดูแลดังกล่าว
  • ด้านสัญญาณเครือข่าย
    • ทีมงานวิศวกร ลงพื้นที่ดูแลสถานีฐานในพื้นที่ประสบภัยอย่างใกล้ชิด เพื่อให้เครือข่ายสามารถให้บริการติดต่อสื่อสารได้อย่างต่อเนื่อง
    • จัดตั้ง War room เฝ้าระวังสถานการณ์เครือข่ายตลอด 24 ชั่วโมง โดยตรวจดูระดับน้ำบริเวณชุมสาย สถานีฐานในพื้นที่เสี่ยงทั่วภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
    • เตรียมความพร้อมรถสถานีฐานเคลื่อนที่และทีมวิศวกรในพื้นที่เสี่ยง หากเกิดกรณีฉุกเฉิน พร้อมออกตั้งจุดบริการสัญญาณให้แก่ลูกค้าและประชาชนได้ทันที
    • เตรียมอุปกรณ์เครื่องปั่นไฟและน้ำมันเชื้อเพลิงให้พร้อมเข้าพื้นที่ได้อย่างทันต่อสถานการณ์
  • ประสานงานกับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) พื้นที่ และส่วนราชการในจังหวัดที่เป็นพื้นที่เสี่ยง เพื่อเตรียมความพร้อมเครือข่ายให้พร้อมสนับสนุนในจุดยุทธศาสตร์สำคัญ เช่น โรงพยาบาล หรือ บริเวณพื้นที่อพยพของประชาชน
  • ทีมงานพนักงานอุ่นใจอาสา ลงพื้นที่ มอบน้ำดื่ม และความช่วยเหลือกับหน่วยงานต่างๆ เริ่มจากการมอบสิ่งของช่วยเหลือให้แก่ นายสมภพ สมิตะสิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการให้ความช่วยเหลือประชาชนในเบื้องต้น

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์พายุฝนอาจจะยังมีมาอย่างต่อเนื่อง ทีมงานจะยังคงเฝ้าติดตามและเตรียมความพร้อม ให้ความช่วยเหลือ เคียงข้างประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนในพื้นที่เสี่ยงอื่นๆ ทั้งนี้ AIS และ กสทช. ขอมอบกำลังใจให้แก่พี่น้องผู้ประสบภัยทุกท่าน และ พร้อมเคียงข้างเพื่อร่วมก้าวผ่านช่วงเวลานี้ไปด้วยกัน

AIS  เปิดตัว “ซิมโรมมิ่งเบอร์มงคล SIM2Fly 5G Max” เอาใจนักท่องเที่ยวสายมู

0

AIS ตอกย้ำความเป็นที่ 1 ตัวจริง ด้านการให้บริการข้ามแดนอัตโนมัติหรือโรมมิ่งที่ครอบคลุมพื้นที่การใช้งาน ด้วยโครงข่ายสัญญาณที่ดีที่สุดและครอบคลุมประเทศต่างๆ มากเป็นอันดับ 1 ของโลก ล่าสุดเอาใจลูกค้านักเดินทางและนักท่องเที่ยวสายมู ด้วยการเปิดตัวบริการครั้งแรกในไทยกับ ซิมโรมมิ่งเบอร์มงคล SIM2Fly 5G MAX เสริมสิริมงคล ตอบโจทย์ทั้งด้านการเงิน การงาน ความรัก สุขภาพ และความปลอดภัยในการเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ ที่จะมาพร้อมกับประสบการณ์ดิจิทัล ในการติดต่อสื่อสาร และเล่นโซเชียลได้ไม่สะดุด พิเศษสุดสำหรับลูกค้า AIS ที่ซื้อ SIM2Fly 5G MAX ในช่วงเดือนกันยายน 67 – มกราคม 68 นอกจากจะได้รับเบอร์มงคลแล้วยังได้รับ ฟรี! เครื่องรางเทพเจ้ามังกรเขียวที่ได้รับการปลุกเสกโดยอาจารย์คฑา ชินบัญชร ณ วัดทิพยวารีวิหาร กรุงเทพฯ เพื่อเสริมความมั่นใจและสิริมงคล ราบรื่น อุ่นใจในทุกทริปการเดินทางต่างประเทศ

นางเบญจพร กำเพ็ชร หัวหน้าส่วนงานการตลาดกลุ่มลูกค้าพรีเพด AIS กล่าวว่า “ตลาดเบอร์มงคลเป็นอีกหนึ่งกลุ่ม Segment ที่แม้จะเป็นตลาดเฉพาะที่มีจุดขายในเรื่องของความเชื่อและความศรัทธา แต่ก็เป็นกลุ่มที่ได้รับความนิยมและช่วยสร้างโอกาสให้ลูกค้าเข้ามาสัมผัสประสบการณ์การใช้งานดิจิทัลที่เหนือกว่าของ AIS ในทุกด้านเช่นกัน ทำให้ที่ผ่านมา AIS สามารถส่งมอบเบอร์มงคลที่มีความหลากหลายช่วยเสริมดวงกับเป้าหมายในด้านต่างๆ ทั้งด้านการเงิน การงาน ความรัก สุขภาพ ผ่านการคัดสรรด้วยศาสตร์ตัวเลขจากกูรูชั้นนำมากมาย ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่ลูกค้าที่ใช้งานปกติที่มีความสนใจในเบอร์สวยเบอร์มงคลเท่านั้น กลุ่มลูกค้าที่เปิดเบอร์โรมมิ่งเพื่อเดินทางไปต่างประเทศก็มีไลฟ์สไตล์ที่ชื่นชอบและมองหาเบอร์มงคลไปใช้ในช่วงการเดินทางด้วยเช่นกัน

นั่นจึงเป็นเหตุผลที่วันนี้เราได้คัดสรรสุดยอดเบอร์มงคลมานำเสนอเป็นซิมโรมมิ่งเบอร์มงคล SIM2Fly 5G MAX ซึ่งเป็นครั้งแรกของตลาดในการนำเบอร์มงคลมาให้ลูกค้าได้ใช้บริการข้ามแดนอัตโนมัติ ซึ่งจะทำให้ลูกค้าเดินทางได้อย่างอุ่นใจด้วยเบอร์มงคลที่ใช่ตอบโจทย์ความมู และได้รับประสบการณ์การใช้งานดิจิทัลที่ดีที่สุด สามารถติดต่อสื่อสาร ทั้งโทร และเน็ตเต็มสปีด เล่นโซเชียล ได้ไม่สะดุดระหว่างการเดินทางท่องเที่ยว

และพิเศษมากไปกว่านั้นเพราะครั้งนี้เราทำงานร่วมกับหมอดูโหราศาสตร์ชื่อดังของประเทศไทยอย่าง อาจารย์คฑา ชินบัญชร มอบเครื่องรางเทพเจ้ามังกรเขียว ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความโชคดี แคล้วคลาด ปลอดภัย ให้กับลูกค้าที่เลือกใช้ ซิมโรมมิ่งเบอร์มงคล SIM2Fly 5G MAX เพื่อช่วยเสริมสิริมงคง และความมั่นใจในการเดินทางต่างประเทศ”

โดยซิมโรมมิ่งเบอร์มงคล SIM2Fly 5G MAX ได้คัดสรรเบอร์มงคลที่ตอบโจทย์สายมูด้วยผลรวมที่มีความหมายในด้านต่างๆ ทั้งด้านการเงิน การงาน ความรัก สุขภาพ และความปลอดภัยในการเดินทางต่างประเทศ พร้อมรับประสบการณ์การใช้งานด้วยเน็ตเต็มสปีด 13GB ใช้งานได้ 10 วัน และรับสิทธิ์โทรออกและรับสายฟรี 10 นาที ครอบคลุมการใช้งานกว่า 33 ประเทศในเอเชียและออสเตรเลีย ในราคาสุดคุ้มเพียง 599 บาทเท่านั้น พิเศษสำหรับลูกค้าที่เลือกใช้ซิมโรมมิ่งเบอร์มงคล SIM2Fly 5G ระหว่างเดือนกันยายน 2567 ถึง มกราคม 2568 รับ ฟรี! เครื่องรางเทพเจ้ามังกรเขียว (สินค้ามีจำนวนจำกัด) ปลุกเสกโดยอาจารย์คฑา ชินบัญชร ณ วัดทิพยวารีวิหาร กรุงเทพฯ สามารถหาซื้อได้ที่ AIS shop ทุกสาขาและช่องทางออนไลน์ “AIS official store” (Shopee, Lazada และ TikTok)

สำหรับลูกค้าที่สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.ais.th/consumers/package/international/roaming/sim2fly   

ตลาดหุ้นสัญจร!!

0

บทความ “รู้เก็บรู้ออมฯ..” โดย คุณนายพารวย

ชีวิตเปรียบเสมือนการเดินทาง เป็นการเรียนรู้ที่ไม่มีวันสิ้นสุด ยิ่งเดินทางมากเท่าไร ก็จะส่งเสริมให้เราเติบโตมากขึ้น

และหากเปรียบเทียบกับการเดินทางของ “ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย” ในการทำหน้าที่ส่งเสริมการให้ความรู้เรื่องการลงทุน จากภารกิจตลาดหลักทรัพย์ฯสัญจรหลายต่อหลายครั้งที่ผ่านมา เชื่อว่าประชาชนจะได้รับความรู้ ตลอดจนสร้างความมั่นใจและเข้าใจในเรื่องการลงทุนมากขึ้น

ที่ผ่านมาตลาดหลักทรัพย์ฯได้ออกทริปสัญจรไปเหนือล่องใต้ทั่วทุกภูมิภาค เพื่อทำหน้าที่เผยแพร่ความรู้เรื่องการลงทุนให้กับคนไทยได้อย่างทั่วถึง ซึ่งรวมถึงตลาดหลักทรัพย์ฯ สัญจร 2 ครั้งใหม่นี้ที่กำลังจะมาถึง คือ “ตลาดหลักทรัพย์ฯสัญจร เชียงใหม่” ในวันเสาร์ที่ 21 ก.ย.67 ที่โรงแรมเชียงใหม่ แกรนด์วิว โฮเทล แอนด์ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ และ “ตลาดหลักทรัพย์ฯสัญจร ขอนแก่น” ในวันเสาร์ที่ 5 ต.ค.67 ที่โรงแรมพูลแมน ขอนแก่น ราชา ออคิด โดยงานเริ่มเวลา 09.00–16.00 น.

นักลงทุนและผู้สนใจที่อยู่ในพื้นที่ 2 จังหวัดนี้ หรือจังหวัดใกล้เคียงที่ต้องการ “หาโอกาสในตลาดหุ้น สร้างพอร์ตลงทุนให้เติบโต” ต้องไม่พลาดโอกาสสำคัญนี้ จะมือใหม่หรือมือโปรมางานนี้งานเดียวครบ จบทุกเรื่องลงทุน

ไฮไลต์สำคัญของงานคือ สัมมนาที่รวบรวมกูรูนักลงทุน และนักวิเคราะห์ มาถ่ายทอดความรู้แบบไม่มีกั๊ก โดยช่วงเช้าพบกับหัวข้อ “ลงทุนต้องรู้ เปิดเคล็ด (ไม่) ลับ ฉบับมือใหม่” และหัวข้อ “มองทางเลือก เพิ่มโอกาส..จัดพอร์ตลงทุน” ที่จะมาเจาะลึกหุ้นไทย หุ้นนอก กองทุนรวม ทอง และ TFEX ส่วนช่วงบ่ายมารับเมนูหุ้นเด็ดกับหัวข้อ “สแกนหุ้น 3 ธีมเด่น กลุ่มไหนได้ไปต่อ” รับฟังมุมมองนักวิเคราะห์แบบเจาะลึกที่จะมาแนะเทคนิคการเลือกหุ้น Under Value ถูกและดีมีให้ลงทุน, หุ้น Dividend อุ่นใจให้ปันผลสูง และหุ้นโอกาสใหม่ ขวัญใจมหาชน

ภายในงานยังมี 20 โบรกเกอร์ชั้นนำมาออกบูธให้คำปรึกษา ช่วยวางแผนลงทุน แนะนำและสอนการใช้งานแอปฯลงทุน Aomwise สำหรับมือใหม่ นอกจากนี้ยังมีโปรฯพิเศษอีกมากมาย สำหรับผู้ที่เปิดบัญชีลงทุนทุกประเภท ทั้งหุ้น กองทุนรวม หรือ TFEX ภายในงาน

ผู้สนใจสามารถลงทะเบียนล่วงหน้าได้แล้ว โดยงานสัญจรที่เชียงใหม่ลงทะเบียนที่ www.setinvestnow.com/roadshow/chiangmai และงานสัญจรที่ขอนแก่น ลงทะเบียนได้ที่ www.setinvestnow.com/th/set-road-show-khon-kaen-2024 โดยผู้ลงทะเบียนล่วงหน้า จะได้รับฟรี! GiftSet กระเป๋า #investnow และหนังสือ WeathDesign อีกด้วย

ผู้ที่อยากเริ่มออกเดินทางในเส้นทางสายนักลงทุนโอกาสมาถึงแล้ว อย่าพลาดงานนี้เด็ดขาด!

คุณนายพารวย

ที่มา คอลัมน์ "รู้เก็บรู้ออมรู้ใช้รู้ลงทุน..สู่ความมั่งคั่ง" หน้าเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

จิตอาสา ซีพี-ซีพีเอฟ ระดมพลังลงพื้นที่จ.เชียงราย ส่งมอบอาหารคุณภาพ เสริมทัพโรงครัวพระราชทาน

0

สถานการณ์น้ำท่วมจังหวัดเชียงราย ยังมีน้ำเอ่อท่วมในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะอำเภอแม่สายที่น้ำยังท่วมสูงและไหลแรงในหลายจุด ทุกภาคส่วนต่างระดมความช่วยเหลือประชาชนอย่างต่อเนื่อง จิตอาสาจากบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ผนึกกำลังร่วมกับเครือเจริญโภคภัณฑ์ ยังอยู่ในพื้นที่ประสบภัย เพื่อส่งมอบอาหาร ช่วยเหลือพี่น้องอำเภอแม่สาย ภายใต้ โครงการ “CP-CPF ส่งอาหารจากใจ สู้ภัยน้ำท่วม” โดยมี นายจอมกิตติ ศิริกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ด้านพัฒนาความยั่งยืนภาครัฐและกิจการสัมพันธ์ เครือซีพี และผู้ช่วยบริหารสำนักประธานคณะกรรมการบริหาร ซีพีเอฟ นำทีมพนักงานจิตอาสาลงพื้นที่นำอาหารสดและถุงยังชีพ รวมถึงสิ่งของที่จำเป็น ส่งมอบให้แก่ โรงครัวพระราชทาน ณ ที่ว่าการอำเภอแม่สาย เพื่อช่วยคลายความเดือดร้อนเบื้องต้น

ล่าสุด พล.ต.บุญญทธิ์ เกษตรเวทิน ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 37 ค่ายเม็งรายมหาราช และนายณรงค์พล คิดอ่าน นายอำเภอแม่สาย รับมอบ ไข่ไก่ 3,000 ฟอง หมูบด 50 กิโลกรัม เนื้อสะโพกไก่เเช่เเข็ง 72 กล่อง เนื้อสะโพกเป็ดเเช่เเข็ง 72 กิโลกรัม ไก่บด 50 กิโลกรัม เพื่อส่งต่อไปยัง โรงครัวพระราชทาน ที่ว่าการอำเภอแม่สาย

ก่อนหน้านี้ จิตอาสา ซีพีและซีพีเอฟ ได้นำ ไข่ไก่ หมูบด เนื้อสะโพกเป็ดเเช่เเข็ง ไก่บด ขนมปัง น้ำดื่ม ถุงยังชีพ พร้อมทั้งอาหารสัตว์เลี้ยงแบรนด์เจอร์ไฮและจินนี่ มอบแก่ศูนย์พักพิง วัดพรหมวิหาร ตำบลเวียงพางคำ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย และโรงครัวของมูลนิธิเพชรเกษม

นับตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เครือซีพีและซีพีเอฟ เดินหน้าช่วยเหลือพี่น้องที่ได้รับความเดือดร้อนจากเหตุการณ์อุทกภัยในภาคเหนือ โดยส่งมอบผลิตภัณฑ์อาหาร และสิ่งของที่จำเป็น ภายใต้โครงการ ‘CP-CPF ส่งอาหารจากใจ สู้ภัยน้ำท่วม’ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยผ่านหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง 5 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย พะเยา แพร่ น่าน และสุโขทัย รวมถึงกองบัญชาการกองทัพไทย เพื่อสนับสนุนกองทัพไทยในการปฏิบัติภารกิจบรรเทาความเดือดร้อน และยังพร้อมส่งมอบความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย .

เมืองไทยประกันชีวิต ร่วมกับ มูลนิธิเมืองไทยยิ้ม ส่งความช่วยเหลือเพื่อผู้ประสบอุทกภัย

0

เมืองไทยประกันชีวิต และมูลนิธิเมืองไทยยิ้ม ร่วมช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย จัดทำถุงยังชีพเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน 2,000 ชุด บรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม การดำเนินการครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของความตั้งใจในการสนับสนุนและช่วยเหลือชุมชนในช่วงเวลาที่ต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน

นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมในภาคเหนือของประเทศไทยในช่วงเดือนกันยายน 2567 ถือว่ารุนแรงและส่งผลกระทบอย่างมากต่อหลายจังหวัด โดยเฉพาะจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน แพร่ และเพชรบูรณ์ ซึ่งมีพื้นที่หลายแห่งได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงจากฝนที่ตกหนักต่อเนื่องหลายวัน นอกจากนี้ยังมีการคาดการณ์ว่าจะมีฝนตกหนักอีกในเดือนกันยายนและตุลาคม ซึ่งอาจทำให้สถานการณ์น้ำท่วมขยายพื้นที่กว้างขึ้นและส่งผลกระทบต่อประชาชนให้ได้รับความเดือนร้อนมากขึ้น

บริษัทฯ เล็งเห็นถึงผลกระทบต่อชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนในหลายจังหวัด และตระหนักถึงความเดือดร้อนที่เกิดขึ้น และจึงได้ดำเนินการจัดเตรียมถุงยังชีพเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ จึงได้ร่วมกับมูลนิธิเมืองไทยยิ้ม โดยเชิญชวนผู้บริหาร พนักงาน ร่วมแพคถุงยังชีพอย่างเร่งด่วน จำนวน 2,000 ชุด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนในพื้นที่ประสบอุทกภัย ทั้งนี้บริษัทฯ และมูลนิธิเมืองไทยยิ้ม ได้วางแผนส่งมอบถุงยังชีพให้กับพื้นที่ ดังนี้

  • พื้นที่อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก โดยมี จ.ส.อ.ยุวชล เกษรประทุม ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง เป็นผู้รับมอบ เพื่อกระจายความช่วยเหลือไปยังครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมในพื้นที่อย่างเร่งด่วน การมอบถุงยังชีพนี้จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนในด้านปัจจัยพื้นฐาน อาทิ อาหาร น้ำดื่ม และสิ่งของจำเป็นอื่นที่ช่วยให้ผู้ประสบภัยสามารถใช้ชีวิตได้ในช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้
  • องค์การบริหารส่วนตำบลหนองตูม อำเภอกงไกรลาศ จังหวัดสุโขทัย ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีประชาชนได้รับผลกระทบจากอุทกภัยเป็นจำนวนมาก โดยมี นายจรินทร์ ไม้กร่าง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลหนองตูม เป็นผู้รับมอบ เพื่อแจกจ่ายความช่วยเหลือไปยังผู้ประสบภัยในพื้นที่ การช่วยเหลือในครั้งนี้ถือเป็นการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนในยามที่ต้องเผชิญกับวิกฤตการณ์
  • และล่าสุดได้ส่งมอบถุงยังชีพไปช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย โดยมีผู้รับมอบ ได้แก่ พันโท อนุพงศ์ สมบูรณ์ ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 17 ในพระองค์สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (ผบ.ร .17 พัน.3) ค่ายเม็งราชมหาราช นายฉัตรชัย ชัยศิริ นายกเทศมนตรีตำบลเวียงพางคำ และนางยุพิน คิดอ่าน หัวหน้ากิ่งกาชาด เพื่อกระจายความช่วยเหลือไปยังครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมในหลายพื้นที่อย่างเร่งด่วน
  • และในโอกาสนี้ เมืองไทยประกันชีวิต และมูลนิธิเมืองไทยยิ้ม ยังได้ร่วมกับ กรมกิจการผู้สูงอายุ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อมอบถุงยังชีพให้แก่ผู้สูงอายุและผู้เปราะบาง โดยได้รับเกียรติจาก นางสาวแรมรุ้ง วรวัธ อธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุ นางสาววาสนา ทองจันทร์ ผู้อำนวยการกองส่งเสริมสวัสดิการและคุ้มครองสิทธิผู้สูงอายุ นางสาวอนัญญา อัตชู ผู้อำนวยการศูนย์ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุบ้านบางแค และนายพีรพล สอนไข่ ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุจังหวัดปทุมธานี ให้เกียรติรับมอบถุงยังชีพในครั้งนี้ เพื่อนำไปมอบให้แก่
  1. ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุจังหวัดลำปาง บริษัทฯ ได้จัดเตรียมถุงยังชีพ จำนวน 200 ชุด เพื่อส่งมอบให้กับกำลังใจผู้ประสบอุทกภัยกลุ่มผู้สูงอายุและผู้เปราะบางในพื้นที่จังหวัดลำปางและ ตำบลหนองแขมและตำบลบ้านท่าช้าง อำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบรุนแรงจากน้ำท่วม การช่วยเหลือในครั้งนี้เป็นการร่วมมือกับสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดพิษณุโลก และลำปาง ซึ่งได้รับผลกระทบอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา
  2. ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุจังหวัดปทุมธานี อีกหนึ่งหน่วยงานที่ได้รับความช่วยเหลือจากบริษัท ซึ่งได้รับมอบถุงยังชีพ จำนวน 200 ชุด เตรียมลงพื้นที่ภาคกลางร่วมกับ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด ในเขตภาคกลางเพื่อส่งมอบให้กับผู้ประสบภัย ซึ่งล้วนเป็นพื้นที่ที่มีประชาชนได้รับผลกระทบจากอุทกภัยครั้งนี้
    “บริษัทมีความมุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือสังคมและชุมชนในทุกโอกาสที่สามารถทำได้ การส่งมอบถุงยังชีพในครั้งนี้ เป็นการแสดงถึงความห่วงใยและความรับผิดชอบต่อสังคม โดยหวังว่าความช่วยเหลือดังกล่าวจะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประสบภัยและเสริมสร้างกำลังใจให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบเพื่อให้สามารถผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้ นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนในการติดตามสถานการณ์และเตรียมความพร้อมในการส่งมอบความช่วยเหลือเพิ่มเติมในกรณีที่สถานการณ์ยังคงยืดเยื้อ” นายสาระกล่าวสรุป

AIS รวมใจ อุ่นใจอาสา เชื่อมต่อ ช่วยเหลือเพื่อผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดเชียงรายและภาคเหนือ

0

นายธีร์ สีอัมพรโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายธุรกิจบรอดแบนด์ AIS เป็นตัวแทนในการมอบเงินสมทบ “ศูนย์รับความร่วมมือช่วยเหลือผู้ประสบภัยพื้นที่ภาคเหนือ” กองทัพภาคที่ 3 พร้อมถุงยังชีพเพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่ภาคเหนือ ต่อ พลโทประสาน แสงศิริรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 3

โดยวันนี้ AIS และทีมวิศวกร ยังคงเร่งดูแลโครงข่ายสัญญาณมือถือ และเน็ตบ้าน สำหรับลูกค้าและประชาชน ในพื้นที่จังหวัดเชียงรายและพื้นที่ภาคเหนือที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วม โดยจัดรถสถานีฐานเคลื่อนที่ (COW) ไปยังจุดสำคัญ อาทิ บริเวณที่ว่าการอำเภอแม่สาย  และ ในพื้นที่สภ.อ.เมืองเชียงราย และอีกหลายพื้นที่ พร้อมระดมทีมเข้าไปดูแลอุปกรณ์ความพร้อมของเครื่องปั่นไฟและน้ำมันเพื่อให้สถานีฐานในจุดสำคัญยังคงสามารถทำงานได้ เพื่อให้ประชาชน เจ้าหน้าที่อาสา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการเข้าไปช่วยเหลือพี่น้องประชาชนให้สามารถใช้งานระบบสื่อสารได้อย่างดีที่สุดภายใต้ข้อจำกัด

นอกจากนี้ยังมีพนักงานทีมอุ่นใจ อาสา พร้อมพาร์ทเนอร์ตัวแทนจำหน่ายอย่างเทเลวิซในพื้นที่ ทำงานร่วมกับหน่วยงานบรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้ประสบภัย เข้าเชื่อมต่อ ช่วยเหลือ สนับสนุนสิ่งของจำเป็นต่อประชาชนในพื้นที่ประสบภัยอย่างต่อเนื่องอีกด้วย

AIS ขอส่งความห่วงใยไปยังผู้ประสบภัยน้ำท่วมและเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน ในพื้นที่จังหวัดเชียงรายและภาคเหนือ เราขอยืนยันพร้อมดูแลระบบสื่อสารมือถือและเน็ตบ้านของลูกค้าและประชาชน ให้สามารถใช้บริการสื่อสารได้อย่างดีที่สุด

AIS – Red Bull เปิดสังเวียนตีป้อมระดับมหาวิทยาลัยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในไทย กับเวที “AIS 5G eSports U Series Thailand Championship 2024 by Red Bull”

0

รายงานข่าว เปิดเผยว่า บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS เดินหน้าผลักดันวงการเกมและอีสปอร์ตอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดผนึกกำลังร่วมกับ Red Bull เปิดพื้นที่ให้เหล่าเกมเมอร์และนักกีฬาอีสปอร์ตได้แสดงความสามารถกับเวทีการแข่งขันกีฬาอีสปอร์ตระดับมหาวิทยาลัยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของไทย AIS 5G eSports U Series Thailand Championship 2024 by Red Bull โดยในปีนี้ได้ทำงานร่วมกับสถาบันการศึกษากว่า 10 แห่งทั่วประเทศ อีกทั้งยังได้รับการสนับสนุนจากแบรนด์ชั้นนำทั้ง มาม่า ทรอส พร้อมด้วย บีลิงค์ มีเดีย ที่จะมาร่วมกันขับเคลื่อนวงการให้ยกระดับสู่สากลและเฟ้นหาเยาวชนที่มีฝันในการเป็นนักกีฬาอีสปอร์ตมืออาชีพตัวจริง ชิงทุนการศึกษามูลค่ารวมกว่า 150,000 บาท

คุณรุ่งทิพย์ จารุศิริพิพัฒน์ รักษาการหัวหน้าแผนกงานบริหารธุรกิจเกม AIS กล่าวว่า “วันนี้การเติบโตของอุตสาหกรรมเกมในประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเกมเมอร์ในประเทศไทยที่มีผู้เล่นกว่า 42 ล้านคน เป็นผู้เล่นเกมมือถือสูงถึง 85%  และมีผู้รับชมการแข่งขันอีสปอร์ตอยู่ 6.4 ล้านคน เป็นตัวเลขที่ยืนยันให้เห็นถึงศักยภาพและโอกาสในการเข้าไปสนับสนุน ยกระดับวงการเกมและอีสปอร์ตของประเทศให้มีความพร้อมต่อการผลักดันการเติบโตของ Digital Economy ผ่านการทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ในหลากหลายรูปแบบและวิธีการ ร่วมถึงการเปิดพื้นที่ให้น้องๆ เยาวชนที่มีใจรักการแข่งขันกีฬาอีสปอร์ตได้แสดงความสามารถ

วันนี้เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้ทำงานร่วมกับ Red Bull เตรียมเปิดเวทีการแข่งขันอีสปอร์ตระดับมหาวิทยาลัยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดกับ AIS 5G eSports U Series Thailand Championship 2024 by Red Bull ที่ครั้งนี้เราได้เข้าไปทำงานร่วมกับภาคการศึกษาอย่างสถาบันในระดับอุดมศึกษากว่า 10 แห่งทั่วประเทศ เพื่อร่วมกันสร้างโอกาสให้น้องๆ ได้มีเวทีในการแสดงความสามารถ ที่เราเชื่อว่าจะสร้างแรงบันดาลใจและพัฒนาทักษะการเป็นนักกีฬาอีสปอร์ตมืออาชีพทั้งในระดับประเทศ และก้าวสู่การแข่งขันระดับโลกต่อไป”

คุณมัลลิกา เหลืองนิมิตรมาศ ผู้อำนวยการ สายงานการตลาดประเทศไทย กลุ่มธุรกิจ TCP  ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มให้พลังงาน แบรนด์ Red Bull กล่าวว่า “Red Bull มีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้ร่วมสนับสนุนการแข่งขัน AIS 5G eSports U Series Thailand Championship 2024 by Red Bull เพราะเราเห็นถึงความสำคัญของการส่งเสริมเยาวชนไทยในการพัฒนาทักษะและความสามารถผ่านกีฬาอีสปอร์ต การร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นโอกาสสำคัญในการสร้างแรงบันดาลใจและปลุกพลังให้กับนักกีฬาอีสปอร์ตรุ่นใหม่ที่จะก้าวสู่ระดับสากล สอดคล้องกับความตั้งใจของ Red Bull ที่ต้องการช่วยเติมเอเนอร์จี้ให้เหล่าเกมเมอร์ได้สนุกและสุดกับทุกเกมการแข่งขัน”

สำหรับ “AIS 5G eSports U Series Thailand Championship 2024 by Red Bull” ในปีนี้ยังคงใช้เกม ROV มาแข่งขัน โดยคัดเลือกนักกีฬาที่เป็นตัวแทนจาก 10 มหาวิทยาลัยภายใต้ความร่วมมือ มหาวิทยาลัยละ 1 ทีม ได้แก่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, มหาวิทยาลัยกรุงเทพฯ, มหาวิทยาลัยมหิดล, มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน, มหาวิทยาลัยศรีปทุม, มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย, มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทา, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ และสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง และการคัดเลือกอีก 6 ทีม จากการแข่งขันในรอบ OPEN ที่เปิดรับจากน้องๆ มหาวิทยาลัยทั่วประเทศ รวมทั้งหมด 16 ทีม เพื่อเข้าสู่การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศระดับประเทศต่อไป ติดตามรายละเอียดการรับสมัครที่ Facebook https://www.facebook.com/AiseSportsTournament