Home Blog Page 64

AIS ยืนยันความพร้อมเครือข่าย ทุกจุดรับชมขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ตลอดเส้นทางริมแม่น้ำเจ้าพระยา อำนวยความสะดวกประชาชน นักท่องเที่ยว

0

AIS ยืนยันความพร้อมโครงข่ายการสื่อสาร พร้อมเสริมศักยภาพด้วยการนำ Autonomous Network เข้ามาช่วยมอนิเตอร์และบริหารจัดการเครือข่ายให้มีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อรองรับการใช้งานของประชาชน นักท่องเที่ยวที่จะเดินทางไปร่วมเฝ้าฯรับเสด็จในการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐิน โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ณ วัดอรุณราชวราราม ในวันอาทิตย์ที่ 27 ตุลาคม 2567

นายกิตติ งามเจตนรมย์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านเทคโนโลยี AIS กล่าวว่า “ชาวเอไอเอส ขอร่วมถวายความจงรักภักดี และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเตรียมความพร้อมด้านเครือข่ายและระบบสื่อสาร เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนจากปริมาณการใช้งานที่จะเพิ่มสูงขึ้นกว่าปกติในช่วงวันจัดงาน ด้วยการติดตั้งจุดกระจายสัญญาณชั่วคราวเพิ่มเติม เพื่อขยายสัญญาณเครือข่าย 4G และ 5G พร้อมจุดบริการ AIS WiFi รวมถึงการนำรถสถานีฐานเคลื่อนที่ออกให้บริการ โดยก่อนหน้านี้ทีมวิศวกรได้ลงพื้นที่ในบริเวณจุดรับชมการจัดงานทุกจุดตลอดริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ตั้งแต่ช่วงวันซ้อม เพื่อศึกษาข้อมูลและนำมาวิเคราะห์การวางแผนบริหารจัดการเครือข่ายในบริเวณดังกล่าวให้มีคุณภาพสูงสุด อีกทั้งพร้อมประจำการตลอดเวลา มอนิเตอร์ปริมาณการใช้งานแบบ Real Time เพื่อให้สามารถสนับสนุนการทำงานของทุกภาคส่วนในการจัดพระราชพิธีอันยิ่งใหญ่ครั้งนี้ให้เป็นไปอย่างราบรื่นที่สุด รวมไปถึงให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้สื่อสาร ส่งต่อภาพความประทับใจได้อย่างไม่ติดขัดตลอดช่วงเวลาของการจัดงาน”

สำหรับการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐิน โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ณ วัดอรุณราชวราราม  ในวันอาทิตย์ที่ 27 ตุลาคม 2567 โดยมีเรือพระราชพิธีจำนวนทั้งสิ้น 52 ลำ จัดขบวนเป็น 5 ริ้ว มีกำลังพลประจำเรือรวม 2,200 นาย โดยประชาชนและนักท่องเที่ยวจะได้รับชมความยิ่งใหญ่ของพระราชพิธีนี้ ตลอด 2 ฝั่งของแม่น้ำเจ้าพระยา  ได้แก่ ฝั่งพระนคร บริเวณใต้สะพานพระราม 8, สวนสันติชัยปราการ, ท่าเรือสะพานพระปิ่นเกล้า, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และสวนนาคราภิรมย์ (ท่าเตียน) สำหรับฝั่งธนบุรีสามารถรับชมได้ที่ ลานใต้สะพานพระราม 8, สวนเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา (ท่ารถไฟ), ใต้สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า และโรงพยาบาลศิริราช (อุทยานสถานภิมุข)

พอร์ตเราต้องปั้นเอง

0

บทความ”รู้เก็บรู้ออมฯ” โดย คุณนายพารวย

“คุณนายพารวย” เชื่อว่า แฟนคอลัมน์รู้เก็บรู้ออมฯน่าจะเคยผ่านตากับข่าวที่มีนักลงทุนฝากเงินให้คนอื่นเทรดหุ้นแทน แต่สุดท้ายขาดทุนหนัก กลายเป็นบทเรียนราคาแพงของนักลงทุนที่ต้องสิ้นเนื้อประดาตัว

ลำพังลงทุนด้วยตัวเองก็ต้องอาศัยความตั้งใจศึกษาหาข้อมูลตัวหุ้น ไหนจะต้องติดตามบรรยากาศการลงทุน ภาวะเศรษฐกิจ ปัจจัยต่างๆ ที่มีผลต่อดัชนีและราคาหุ้น แถมยังต้องเข้าใจและรับความเสี่ยงที่อาจทำให้ไม่ได้ผลตอบแทนอย่างที่หวัง

แต่การฝากผีฝากไข้ใช้ให้คนอื่นเทรดหุ้นแทน เหมือนกับเราฝากอนาคตไว้กับใครก็ไม่รู้ ปะเหมาะเคราะห์ร้ายกลายเป็นฝากปลาย่างไว้กับแมวอีกต่างหาก

การลงทุนที่ปลอดภัยนั้น นักลงทุนจำเป็นต้องศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจ อย่าหลงเชื่อข้อมูลจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ

โปรดอย่าลืมวลีสำคัญว่า “การลงทุนมีความเสี่ยง” ซึ่งแปลว่าไม่มีใครการันตีให้เราได้ว่าจะกำไรเสมอ การฝากเงินให้คนอื่นเทรดหุ้น ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน ญาติ หรือคนที่อ้างตัว ว่าเป็นโค้ชหรือมืออาชีพ ก็ยิ่งไม่ได้มีอะไรเป็นหลักประกันเลยว่าจะได้กำไรแล้วมาแบ่งกันตามที่ตกปากรับคำ ในทางกลับกัน กรณีขาดทุนขึ้นมา ก็อาจไม่ต้องรับผิดชอบ หรือเสียหาย อะไรเลย เพราะไม่ใช่เงินของตัวเอง!!

ดังนั้น นักลงทุนจึงต้องมีสติในการลงทุน และอย่าเลือกทางผิดให้คนอื่นมาเทรดหรือลงทุนแทนเป็นอันขาด แม้ว่าบุคคลนั้นจะน่าเชื่อถือแค่ไหนก็เถอะ หากมีข้อสงสัยหรือ ต้องการปรึกษา ก็ควรจะขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนที่ได้รับใบอนุญาต อย่างถูกต้อง

จำไว้ว่า ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน เรื่องการลงทุนก็เช่นกัน นักลงทุนพึงต้องรู้จักตัวเองว่าเหมาะกับจริตการลงทุนแบบไหน รับความเสี่ยงได้มากน้อยเพียงใด เป้าหมายการลงทุนของตัวเองคืออะไร เพื่อจะสามารถออกแบบแนวทางการลงทุนของตัวเองได้ แล้วทุกวันนี้ยังต้องเผชิญกับภัยมิจฉาชีพที่มาสารพัดรูปแบบ

ถ้าเจอโฆษณาชักชวนลงทุนให้ผลตอบแทนสูงในเวลาอันสั้น สันนิษฐานไว้ก่อนเลยว่าเป็นมิจฉาชีพ ปัจจุบันมีช่องทางเรียนรู้และหาข้อมูลมากมาย เช่น http://www.setinvestnow.com ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่สามารถเรียนด้วยตัวเอง หรือถ้าจะไปเข้าคอร์สอบรมการลงทุน ก็ต้องศึกษาพิจารณาเลือกให้ดี

หากพร้อมแล้วก็ติดต่อเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นกับบริษัทที่ได้รับอนุญาต และต้องหมั่นติดตามทบทวนแผนลงทุนอย่างสม่ำเสมอ ตรวจสอบข้อมูลข่าวสารจากแหล่งที่เชื่อถือได้ เพื่อจะได้ปรับพอร์ตลงทุนให้เหมาะกับสถานการณ์

อย่าให้ใครก็ไม่รู้มาลิขิตพอร์ตหุ้นของเรา พอร์ตเราต้องปั้นเอง!


คุณนายพารวย

ที่มา คอลัมน์ "รู้เก็บรู้ออมรู้ใช้รู้ลงทุน..สู่ความมั่งคั่ง" หน้าเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

AIS ผนึกกำลังแบงก์พันธมิตร ขับเคลื่อนธุรกิจอย่างยั่งยืน ด้วยสินเชื่อสีเขียว Green Loan ครั้งแรกในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมไทย

0

AIS ตอกย้ำการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนที่มุ่งสร้างการเติบโตร่วมกันของผู้คน เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อมในโลกดิจิทัล พร้อมผนึกกำลังร่วมกับสถาบันทางการเงินชั้นนำลงนามรับการสนับสนุนสินเชื่อสีเขียวเพื่อสิ่งแวดล้อม (Green Loan) ครั้งแรกในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมไทย มูลค่ารวม 2,000 ล้านบาท ระยะเวลา 7 ปี จาก ธนาคารพันธมิตร ได้แก่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) และ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เพื่อลงทุนยกระดับขีดความสามารถของโครงสร้างพื้นฐาน 5G สู่โครงข่ายสีเขียว Green Network โดยใช้แหล่งพลังงานสะอาดจากแสงอาทิตย์ควบคู่กับแหล่งพลังงานหลักที่สถานีฐานทั่วประเทศในการดำเนินงานและส่งมอบประสบการณ์ดิจิทัลให้กับลูกค้าและประเทศไทย รวมถึงความร่วมมือครั้งนี้ยังเป็นการผสานกลยุทธ์ด้านการเงินในการขับเคลื่อนเป้าหมายการดำเนินธุรกิจของ AIS ที่จะสร้างการเติบโตได้อย่างยั่งยืน

นายมนตรี คงเครือพันธุ์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS กล่าวว่า “AIS มีความมุ่งมั่นและขับเคลื่อนวิสัยทัศน์ที่มุ่งสู่การเป็นองค์กรโทรคมนาคมเทคโนโลยีอัจฉริยะ หรือ Cognitive Tech-Co ควบคู่ไปกับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนภายใต้แนวคิด Sustainable Nation ที่นำขีดความสามารถของดิจิทัลเทคโนโลยีมาสนับสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืนของประเทศบนเศรษฐกิจแบบร่วมกัน หรือ ECOSYSTEM ECONOMY ทั้ง ผู้คน สังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อมในโลกดิจิทัล ทำให้ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเรามีความแข็งแกร่งในทุกมิติโดยเฉพาะสถานะทางการเงินจากผลการดำเนินงานและการลงทุนอย่างต่อเนื่องจนได้รับความเชื่อมั่นและการสนับสนุนสินเชื่อสีเขียวเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม หรือ Green Loan จากสถาบันทางการเงินทั้ง 3 แห่ง

แน่นอนว่าการได้รับ Green Loan ในครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของ AIS ที่จะขับเคลื่อนธุรกิจให้เกิดการเปลี่ยนแปลงผ่านการจัดหาเงินทุนอย่างยั่งยืนตาม AIS Sustainable Finance Framework ที่ได้รับการสอบทานจากผู้ชำนาญอิสระ บริษัท ดีเอ็นวี (ประเทศไทย) จำกัด โดยเราจะนำเงินกู้มาช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งของโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลและโครงข่าย 5G และยกระดับสู่การเป็น Green Network หรือ โครงข่ายสีเขียวที่ยืดหยัดเพื่อสิ่งแวดล้อม ผ่านการลงทุนติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ที่สถานีฐาน ศูนย์ข้อมูลคอมพิวเตอร์และชุมสายทั่วประเทศ เพื่อผลิตพลังงานสะอาดจากแสงอาทิตย์ที่จะมาใช้ควบคู่กับพลังงานหลักในการดำเนินงานเพื่อส่งมอบประสบการณ์ดิจิทัลให้กับลูกค้าและคนไทย”

นายประกอบ เพียรเจริญ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ และวาณิชธนกิจ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “กรุงศรีให้การสนับสนุนด้านการเงินเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Finance) มาอย่างต่อเนื่อง ผ่านความร่วมมือกับ MUFG โดยพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ส่งเสริมการปรับตัวของภาคธุรกิจสู่ความยั่งยืน และในครั้งนี้กรุงศรีมีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้ต่อยอดความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อมในการสนับสนุนสินเชื่อเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมให้กับ AIS ซึ่งเป็นผู้นำด้านการสื่อสารของไทยที่มีความแข็งแกร่งทั้งทางการเงินและการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนมาอย่างต่อเนื่อง ความร่วมมือในครั้งนี้จะช่วยให้ทั้งกรุงศรี และ AIS บรรลุเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และร่วมขับเคลื่อนประเทศสู่การพัฒนาและเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป โดยธนาคารมีความยินดีที่ได้รับโอกาสในการทำงานอย่างใกล้ชิดกับทั้งบริษัท AIS และ บริษัท ดีเอ็นวี (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อให้ AIS Sustainable Finance Framework ครอบคลุมโครงการเพื่อความยั่งยืนของธุรกิจโทรคมนาคมที่หลากหลาย และเป็นไปตามมาตรฐานสากล”

นายวัลลภ ว่องจิตต์วุฒิไกร รองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า “ธนาคารกสิกรไทยดำเนินธุรกิจบนหลักการการเป็นธนาคารแห่งความยั่งยืน และพร้อมสนับสนุนลูกค้าให้เติบโตอย่างยั่งยืนไปด้วยกัน โดยตลอดหลายปีที่ผ่านมาธนาคารได้ให้การสนับสนุนลูกค้าธุรกิจทั้งสินเชื่อเพื่อสิ่งแวดล้อม (Green Loan) ผลิตภัณฑ์และบริการที่มากกว่าบริการทางการเงิน (Beyond Banking Solution) และองค์ความรู้ เพื่อช่วยส่งเสริมให้ลูกค้าเปลี่ยนผ่านไปสู่ธุรกิจคาร์บอนต่ำ  สำหรับการสนับสนุนวงเงินสินเชื่อเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมให้กับ AIS ซึ่งเป็นผู้นำด้านโทรคมนาคมของไทยในครั้งนี้ ธนาคารมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนภายใต้แนวคิด Sustainable Nation ของ AIS และร่วมยกระดับขีดความสามารถของโครงสร้างพื้นฐาน 5G สู่โครงข่ายสีเขียว Green Network ด้วยการใช้พลังงานสะอาด ซึ่งเป็นครั้งแรกในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมของไทย และเป็นก้าวสำคัญที่จะขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การโทรคมนาคมที่มีความยั่งยืนได้อย่างเต็มรูปแบบในอนาคต อีกทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันให้ประเทศไทยมุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ในปี ค.ศ. 2065”

นางศรัณยา อัสสมงคล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า ธนาคารกรุงไทย ดำเนินธุรกิจโดยให้ความสำคัญของสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) พร้อมนำเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติ (SDGs) มาปรับใช้ ทั้งในมิติการเพิ่มศักยภาพในการทำธุรกิจ และการสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยการร่วมสนับสนุนสินเชื่อ Green  Loan ให้แก่ บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค (AWN) ในกลุ่ม AIS  เพื่อใช้ในการลงทุนติดตั้งแผงพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Cell) ในสถานีฐาน รวมถึงโครงการ ESG อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจโทรคมนาคมของ AWN นับเป็นความร่วมมือครั้งสำคัญที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของกรุงไทยและ AWN ในการลดผลกระทบ  ทางสิ่งแวดล้อมควบคู่กับการส่งเสริมการใช้พลังงานที่มีประสิทธิภาพและลดต้นทุนการดำเนินงาน เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจโทรคมนาคมของประเทศไทยไปสู่โครงข่ายสีเขียว (Green Network) ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และลดต้นทุนในการดำเนินงาน และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพความสามารถของโครงสร้างพื้นฐาน 5G สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Green Economy) ตลอดจน ขับเคลื่อนธุรกิจและเศรษฐกิจประเทศให้เติบโตอย่างยั่งยืน มุ่งสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนตามเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ตามแนวทางธนาคารยั่งยืนที่ธนาคารให้ความสำคัญเสมอมา เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นให้กับสังคม สิ่งแวดล้อม และเศรษฐกิจของประเทศ ตามวิสัยทัศน์ “กรุงไทย เคียงข้างไทย สู่ความยั่งยืน”

สารวัตรเติ้ก แนะนำ 3 วิธีสังเกตเพจปลอมออนไลน์

0

พ.ต.ต.พากฤต กฤตยพงษ์ สารวัตรฝ่ายทะเบียนประวัติ 5 กองทะเบียนประวัติอาชญากร “สารวัตรเติ้ก” แนะนำ 3 วิธีสังเกตเพจปลอมออนไลน์

ㆍมักมีผู้ติดตาม/ถูกใจน้อย

ㆍคอมเมนต์ใต้โพสต์ มักมีหน้าโกรธ

ㆍไม่มีเครื่องหมาย

💥หากสังเกตว่าเป็นเพจปลอม อย่าเพิ่งส่งข้อมูลส่วนตัวหรือโอนเงินเด็ดขาด จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ

ประมงจันทบุรี แนะเกษตรกรร่วมจัดการปัญหาปลาหมอคางดำ เตรียมพื้นบ่อให้แห้ง กรองน้ำก่อนเข้าบ่อ และใช้กากชากำจัดปลาในบ่อ

0

สำนักงานประมงจังหวัดจันทบุรี สนับสนุนเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำให้ความสำคัญกับการป้องกันและกำจัดปลาหมอคางดำในบ่อเพาะเลี้ยงอย่างมีประสิทธิภาพ มีส่วนช่วยเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งในจังหวัดจันทบุรีได้รับผลกระทบจากปลาหมอคางดำค่อนข้างน้อย พร้อมแนะนำเกษตรกรควรให้ความสำคัญกับการเตรียมพื้นบ่อให้แห้งที่สุดและการกรองน้ำที่สูบเข้าบ่อช่วยลดผลกระทบจากปลาหมอคางดำและเชื้อโรค และมีส่วนร่วมควบคุมปลาหมอคางดำแพร่ระบาดในแหล่งน้ำธรรมชาติอีกด้วย

นายสมพร รุ่งกำเนิดวงศ์ ประมงจังหวัดจันทบุรี กล่าวว่า การเลี้ยงกุ้งในปัจจุบัน นอกจากจะมีการลงทุนสูงแล้ว ต้องอาศัยความรู้และการจัดการที่ดี การเรียนรู้และติดตามเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อให้การเลี้ยงกุ้งได้ผลผลิตที่มีคุณภาพและสามารถแข่งขันในตลาดได้ จากสถานการณ์ปลาหมอคางดำแพร่พันธุ์อยู่ในบ่อเลี้ยงกุ้ง เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งในจังหวัดจันทบุรีได้รับผลกระทบค่อนข้างน้อย เพราะเกษตรกรให้ความใส่ใจและมีแนวทางในการจัดการปลาหมอคางดำ ในกระบวนการเตรียมบ่อและระหว่างการเลี้ยงอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อลดความเสียหายให้มากที่สุด

เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งในจังหวัดจันทบุรีรวมถึงเกษตรกรในภาคตะวันออกเป็นผู้นำในการทำฟาร์มแบบพัฒนา หรือ การเลี้ยงกุ้งในฟาร์มระบบปิด (Closed System) มีการควบคุมคุณภาพน้ำและสิ่งแวดล้อมอย่างเข้มงวด เกษตรกรมีประสบการณ์สูงในการป้องกันสัตว์แปลกปลอม หรือเชื้อโรคเข้าสู่บ่อกุ้งตลอดกระบวนการเลี้ยง เพราะเมื่อหลายสิบปีก่อนหน้านี้เกษตรกรเลี้ยงกุ้งเคยประสบปัญหาปลาหมอเทศจึงนำประสบการณ์จัดการป้องกันสัตว์แปลกปลอมเข้าสู่ฟาร์มกุ้งป้องกันความเสียหายที่เกิดจากปลาหมอคางดำได้ดี

นายสมพร ให้คำแนะนำว่า การเตรียมบ่อเป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้เกษตรกรสามารถป้องกันปลาหมอคางดำและเชื้อโรคเข้ามาในฟาร์มกุ้งได้ หลังจากจับกุ้งหมดแล้วก่อนจะเลี้ยงกุ้งรอบต่อไปต้องสูบน้ำออกจากบ่อให้หมด และเอาเลนหรือของเสียออกจากพื้นบ่อ หลังจากนั้นตากบ่อให้พื้นบ่อแห้งสนิท ก่อนโรยปูนขาวเพื่อฆ่าเชื้อ และเกษตรกรบางรายยังปูพื้นบ่อด้วยพลาสติก PE หากในบ่อเลี้ยงเคยพบปลาหมอคางดำ ก่อนนำน้ำออกจากบ่อเกษตรกรต้องกำจัดปลาหมอคางดำก่อนปล่อยน้ำออกสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ ด้วยการลดระดับน้ำให้ต่ำที่สุด ในระดับประมาณ 20 เซนติเมตรโรยกากชาก่อนจับปลาหมอคางดำออกให้หมด ในขั้นตอนการนำน้ำเข้าบ่อเลี้ยง ใช้ถุงตาข่ายละเอียดกรองน้ำที่สูบเข้ามาในบ่อเพื่อป้องกันปลาหมอคางดำเล็ดรอดเข้ามาในฟาร์ม

หลังจากการปล่อยกุ้งลงบ่อแล้ว 1 เดือน เกษตรกรมีการเช็คยอทุกวัน เพื่อสุ่มตรวจสุขภาพและอัตราการเติบโตของกุ้ง ขั้นตอนนี้จะช่วยให้เกษตรกรทราบว่ามีปลาหรือสัตว์น้ำแปลกปลอมเข้ามาอยู่ในบ่อเลี้ยง หากพบปลาหมอคางดำเกษตรกรรอให้กุ้งเติบโตสักระยะหนึ่งแล้วลดระดับน้ำในบ่อเลี้ยงและโรยกากชาเพื่อจับปลาหมอคางดำออกบ่อให้หมด

นายสมพร กล่าวต่ออีกว่า การป้องกันและกำจัดปลาหมอคางดำในบ่อเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่เพียงช่วยให้เกษตรกรมีได้ผลผลิตที่แน่นอน ยังมีส่วนร่วมควบคุมการแพร่ระบาดปลาหมอคางดำในชุมชนโดยรอบอีกด้วย.

เอไอเอส ผสานพลังภาคีเครือข่าย ลงพื้นที่จัดระเบียบสายสื่อสารย่านถนนพระราม 4

0

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS ร่วมกับการไฟฟ้านครหลวง, คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.), กรุงเทพมหานคร, สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ส่งทีมวิศวกรลงพื้นที่เพื่อดำเนินงานรื้อสายสื่อสารบนเสาไฟฟ้าและนำลงใต้ดิน บริเวณถนนพระราม 4 ช่วงแยกคลองเตย ถึงถนนสุขุมวิท

ทั้งนี้ เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนแผนการนำสายสื่อสารลงดินในพื้นที่โครงการปรับปรุงทางเท้าของกรุงเทพมหานคร ด้วยเล็งเห็นถึงความปลอดภัยและลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุประชาชนเป็นสำคัญ ตลอดจนการเสริมสร้างทัศนียภาพที่สวยงามของพื้นที่โดยรอบ

“พระกริ่ง83 เดิมเดิมไม่แต่ง”

0

ตามรอยเซียน โดย เจี๊ยบบางกรวย

ถ้าพูดเรื่องพระกริ่งเดิมทีเซียนเจี๊ยบไม่มีความรู้เลย ถือว่าเป็นเรื่องยากมากในการเรียนรู้ ถึงตอนนี้ก็มีความรู้เพียงน้อยนิด “ถ้าไม่เจอพระอาจารย์คงนับหนี่งไม่ได้” ถือว่าเป็นของยากมากมากสำหรับเซียนเจี๊ยบ เพราะมีของให้ดูน้อย และก็หาผู้รู้อธิบายให้เข้าใจยากมาก พระอาจารย์มีความรู้ลึกซึ้ง ยิ่งเป็นพระกริ่งวัดสุทัศน์ด้วยแล้ว ต้องใช้คำว่า ผู้รอบรู้เลยที่เดียว สามารถแยกแยะอธิบายได้ทุกรุ่น ให้รู้ซึ้งเข้าใจได้ถึงขบวนการสร้าง รุ่นไหนๆได้กระจ่างทุกมิติ จนเซียนเจี๊ยบพอหากริ่งให้พระอาจารย์ได้พอแล้ว ไปซื้อพระกริ่งทีเแรก เห็นพระอาจารย์หาพระกริ่งสังฆราชแพ ไอ้เรามีอยู่ในหัวทื่อๆ ต้องกริ่งปวเรศเท่านั้นรู้แค่มีบัวหลัง ถามพระอาจารย์ไม่เล่นพระกริ่งปวเรศหรือ พระอาจารย์บอกเล่นของสูงนะเธอ หาพระกริ่งเจ้าคุณศรีให้ได้ก่อนเถอะชาตินี้ นับจากวันนั้นก็เลยเดินหาพระกริ่งสังฆราชแพ ไม่มีบัวหลังจะรูด้านหลัง2รู มาตลอด

มาดูกริ่ง 83 ขอเสี่ยวันนี้ ให้เพื่อนๆ เอฟซีได้ชม”พระกริ่งไม่แต่งแบบนี้เรียกสวยเดิมๆ”พระองค์นี้ เจ้าของปัจจุบันได้มา 1 ชุดล่าสุด 3 องค์ มี พระกริ่งพรหมมุนีองค์ที่เคยลงไปแล้ว และเชียงตุงอีกองค์ แต่บังเอิญเสี่ยไปพบน้องเต้ ที่ย้ายไปอยู่สุราษธานี เลยตั้งใจแบ่งกริ่งเชียงตุงองค์งามให้น้องเต้เพื่อความเป็นสิริมงคล เจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ใช้บูชาติดตัวไว้ ลืมถ่ายรูปองค์กริ่งเชียงตุงเก็บไว้ เลยไม่ได้มาแบ่งปันให้เพื่อนๆได้ชม มีโอกาศให้เจ้าของใหม่ถ่ายรูปส่งมา จะเอามาให้ชมอีกที เป็นองค์ที่งดงามสวยที่สุดในรุ่นองค์หนึ่งทีเดียว พระนาสิก(จมูก) ยังแหลมโด่ง ผิวพรรณแบบสัมฤทธิ์กลับแดง หรือสัมฤทธิ์ผล ซึ่งมีฤทธิ์ทางเมตตามหานิยมสูง ผิวในเป็นผิวทอง ผิวชั้นนอกปฏิกิริยาเปลี่ยนแปลงสภาวะภายนอกมาเป็นเวลาตามอายุการสร้าง หรือเรียกว่าผิวกลับ ถ้าเพื่อนๆนักสะสมเคยได้เห็นของเก่าบ้าง ก็จะสามารถพิจารณา ได้ตามช่วงอายุของแต่ละประเภทของวัสดุได้ เช่นการพิจารณาเนื้อสัมฤทธิ์ของสำนักวัดสุทัศน์นี้ มีจัดลักษณะของการกลับของเนื้อองค์พระกริ่งได้หลักๆคือ มีกลับดำ, แดง , ขาว, เหลือง แต่ในกริ่ง 83 จะเป็นสัมฤทธิ์กลับแดง องค์นี้เป็นพระที่มีผิวกลับแบบธรรมชาติ เนื้อองค์พระดูง่าย เนื้อไม่กลืนกันเป็นสีเดียวเหมือนของเลียนแบบ มีคราบทองคำลอยบนผิวกระจายทั่วองค์ ดูสบายตาเป็นอย่างยิ่ง องค์นี้ถือว่าหล่อได้ติดเต็มสวยงามมาก ช่างเลยไม่จำเป็นต้องแต่งมากเกิน จะมีก็แต่งเม็ดพระศกตามปกติเท่านั้น ในส่วนเม็ดประคำก็ไม่จำเป็นต้องเน้นอะไร ทำให้องค์นี้เข้าข่ายเดิมมากและคลาสสิกมากองค์หนึ่งในรุ่น ไว้ศึกษาเป็นองค์ครูได้เป็นอย่างดี บางองค์อาจต้องแต่งบริเวณพระพักตร์บ้าง ซึ่งอาจต้องพิจารณาให้ดี แต่ก็สามารถแยกพิมพ์นี้ได้ด้วยตาเปล่า เช่นจุดสังเกตุแรกคือ พระวัชระที่ท่านถือในพระหัตถ์ซ้าย ในพิมพ์นี้มีความเป็นเอกลักษณ์ คือเป็นรูปเรียวแหลมเหมือนหัวจรวด ถ้าพอมีพื้นฐานการดูกริ่งวัดสุทัศน์มาบ้าง ก็จะแยกออกได้ทันที

ทุกครั้งที่มีโอกาสนำพระกริ่งในสมเด็จพระสังฆราชแพ มาลงอวดกันก็อดคิดเสียดายทุกครั้ง เรื่องความนิยมในปัจจุบันซึ่งลดลงหดหายไปเรื่อยๆ เนื่องจากนักสะสมรุ่นใหม่อาจไม่ศึกษาให้เข้าถึงได้ ด้วยว่ามีข้อมูลจำกัดและหาชมองค์เป็นๆได้ยากยิ่ง ทำให้ราคาค่านิยมน้อยกว่าพระกริ่งรุ่นหลังๆจากหลายสำนักในขณะนี้ แต่สำหรับนักสะสมรุ่นเก่าที่เข้าใจอย่างลึกซึ้ง ก็จะไม่มองข้ามโดยเด็ดขาด เพราะตระหนักดีในพุทธคุณและคุณค่าของพระกริ่งวัดสุทัศน์ ถ้าเจอเมื่อไหร่อย่าปล่อยให้หลุดมือ เพราะจำนวนการสร้างรวมทุกรุ่นมีน้อยมาก จนแทบไม่มีหมุนเวียน มีแต่นักสะสมระดับน้อยใหญ่แอบซุ่มเก็บหวงเป็นสมบัติตระกูลให้ลูกให้หลานกัน และที่สำคัญเพื่อนนักสะสมชาวจีนเค้าก็เก็บกับไปเยอะแล้วนะครับ ไอ้ที่ว่าจะไม่มีให้เห็นกันก็คงเพราะย้ายไปอยู่ต่างประเทศ ถ้าคนไทยไม่เก็บคนจีนก็เก็บ เพราะเค้าเล่นมาจนถึงวันนี้ เผลอๆเล่นเป็นกว่าเราอีก
” พระเครื่องซอฟต์พาวเวอร์ของไทย ภูมิปัญญาไทย ช่วยกันรักษาไว้นะครับ”

เจี๊ยบบางกรวย เดินตามรอยพระอาจารย์ 087 0030897

ก.ล.ต. เตือนประชาชน ระวังมิจฉาชีพอ้างชื่อผู้ประกอบธุรกิจ ชักชวนหลอกลงทุน

0

รายงานข่าวเปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้แจ้งเตือนประชาชนและผู้ลงทุนให้ระมัดระวังมิจฉาชีพหลอกลวง แอบอ้างเป็นผู้ประกอบธุรกิจชักชวนให้ลงทุน สร้างความเสียหายเป็นมูลค่าสูง พร้อมแนะนำ 3 ข้อสังเกตระมัดระวังก่อนลงทุน

โดยระบุว่า ปัจจุบันพบว่า ภัยหลอกลวงลงทุนได้สร้างความเสียหายแก่ทรัพย์สินของประชาชนเป็นมูลค่าสูงมาก และมักมาพร้อมกับการนำเทคโนโลยีมาใช้ประโยชน์อย่างแนบเนียน จนทำให้ผู้ถูกชักชวนหลงเข้าใจผิดว่าเป็นการชักชวนโดยบุคคลหรือผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับอนุญาต ทั้งบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) และ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) จากสถิติการดำเนินการของ “สายด่วนแจ้งหลอกลงทุน” ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนและแจ้งเบาะแส ก.ล.ต. ได้รับแจ้งเบาะแส รวมทั้งสิ้น 3,451 ครั้ง โดยมีบัญชีโซเชียลมีเดียเข้าข่ายหลอกลงทุนที่ประสานผู้ให้บริการแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียเพื่อปิดกั้น 1,877 บัญชี โดยได้ปิดกั้นไปแล้วร้อยละ 99 และส่วนที่เหลือเป็นการให้คำปรึกษาในเรื่องการหลอกลงทุนกรณีอื่น ๆ

สำหรับพฤติการณ์หลอกลวงที่พบในระยะนี้ เช่น มิจฉาชีพมักยิงโฆษณาในพื้นที่โฆษณาของแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ เหมือนกับบริษัททั่วไปที่จะยิงโฆษณาเพื่อกระตุ้นการซื้อในสินค้าหรือบริการ โดยภาพและข้อความของโฆษณามักแอบอ้างชื่อ/โลโก้ของบริษัทหลักทรัพย์หรือบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เพื่อให้ประชาชนหลงเข้าใจผิดและคิดว่าเป็นโฆษณาของบริษัทที่อ้างมา พร้อมด้วยข้อความเชิญชวนให้เข้ากลุ่มสนทนาเพื่อรับฟังข้อมูลการลงทุน

อาทิ การซื้อขาย Big Lot และเมื่อเข้ากลุ่มมาแล้วหากแสดงความสนใจ มิจฉาชีพจะเข้ามาคุยกับผู้ที่สนใจเป็นการส่วนตัว และโน้มน้าวให้ลงทุนพร้อมกับจัดส่งลิงก์หน้าเว็บไซต์จริงของบริษัทที่นำไปแอบอ้าง เมื่อถึงขั้นตอนการโอนเงินเพื่อเปิดบัญชีซื้อขาย จะส่งลิงก์เว็บไซต์ปลอมและบัญชีธนาคาร (ของเครือข่ายมิจฉาชีพทั้งที่เป็นชื่อบุคคลธรรมดาและนิติบุคล) ที่ไม่ใช่ชื่อของบริษัทที่นำมาใช้แอบอ้าง

นอกจากนี้ ยังพบว่า มีการหลอกลวงที่แนบเนียบขึ้น โดยมิจฉาชีพจะส่งเลขบัญชีโอนเงินที่เป็นชื่อของบริษัทที่นำมาแอบอ้างเพื่อเปิดบัญชีซื้อขายให้กับผู้ที่สนใจ แต่หลังจากนั้นการโอนเงินเพื่อซื้อในครั้งถัด ๆ ไป จะลวงให้โอนเงินค่าซื้อเข้าบัญชีอื่น (ของเครือข่ายมิจฉาชีพทั้งที่เป็นชื่อของบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล) ที่ไม่ใช่ชื่อของบริษัทที่นำมาใช้แอบอ้าง

ก.ล.ต. จึงแจ้งเตือนประชาชนให้เพิ่มความระมัดระวังในการรับข้อมูลชักชวนให้ลงทุน โดยฉพาะผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย อย่าหลงเชื่อเมื่อพบความผิดปกติ และควรตรวจสอบข้อมูลอย่างรอบคอบ โดยมีจุดสังเกต 3 ข้อควรระวังก่อนตัดสินใจลงทุน ดังนี้ (1) หากถูกทักส่วนตัวและชักชวนลงทุนในช่องทางโซเชียลมีเดีย เช่น ส่งข้อความในไลน์ส่วนตัว หรือกล่องข้อความส่วนตัวในเฟซบุ๊ก (Messenger) ให้สงสัยไว้ก่อนว่าอาจเป็นมิจฉาชีพ เพราะผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับอนุญาตส่วนใหญ่มักไม่ชักชวนลงทุนในลักษณะส่วนตัวผ่านโซเชียลมีเดีย (2) หากถูกชักชวนโดยอ้างชื่อ/ภาพของบุคคลใดก็ตามในข้อความโฆษณา ให้สงสัยไว้ก่อนและสอบถามด้วยตัวเองกับบริษัทที่ถูกอ้างชื่อว่า มีบุคคลนั้นเป็นบุคคลากรทำหน้าที่ผู้แนะนำการลงทุนอยู่ในบริษัทจริงหรือไม่ เพราะมิจฉาชีพมักจะแอบอ้างเป็นบุคคลที่น่าเชื่อถือหรือมีชื่อเสียง รวมทั้งต้องตรวจเช็กด้วยว่าบริษัทนั้น ๆ เป็นผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับอนุญาตหรือไม่ และ (3) ก่อนโอนเงินชำระค่าเปิดบัญชีซื้อขายหรือค่าซื้อต้องตรวจดูชื่อบัญชีธนาคารปลายทางก่อนโอนทุกครั้งว่า เป็นชื่อบัญชีของบริษัทที่ประสงค์จะลงทุนจริงหรือไม่

นายเอนก อยู่ยืน รองเลขาธิการ และโฆษก ก.ล.ต. กล่าวว่า “ภัยหลอกลวงลงทุนถือเป็นภัยร้ายแรงที่ส่งผลกระทบทางลบต่อประชาชน อีกทั้งยังก่อให้เกิดปัญหาทางสังคมของประเทศ ซึ่ง ก.ล.ต. ถือเป็นหนึ่งในภารกิจสำคัญที่ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องภายใต้มาตรการ “ป้อง ปราม ปราบ” ในการให้ความรู้ความเข้าใจกับประชาชนในเรื่องการเงินการลงทุน รวมทั้งสามารถป้องกันตนเองจากภัยหลอกลงทุน นอกจากนี้ ยังได้บูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ ในการป้องปรามอีกด้วย เช่น การปิดกั้นแพล็ตฟอร์มหลอกลงทุน เป็นต้น เพื่อยับยั้งหรือจำกัดความเสียหายต่อทรัพย์สินของประชาชนไม่ให้ขยายออกวงออกไปให้มากทึ่สุด”

ทั้งนี้ หากสงสัย สามารถตรวจสอบรายชื่อบริษัท บุคคล ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ก.ล.ต. ที่ www.sec.or.th/seccheckfirst หรือที่แอปพลิเคชัน “SEC Check First” และหากพบเบาะแสเกี่ยวกับการดำเนินการที่น่าสงสัย หรือสงสัยว่าถูกชักชวนหลอกลงทุน โทรขอคำปรึกษาหรือแจ้งเบาะแสได้ที่ “สายด่วนแจ้งหลอกลงทุน” โทร. 1207 กด 22 หรือ เฟซบุ๊กเพจ “สำนักงาน กลต.” หรือ SEC Live Chat ที่เว็บไซต์ ก.ล.ต.

จ.นนทบุรี ระดมพลังชุมชนลุยจับปลาหมอคางดำบริโภคทุกวัน พร้อมปล่อยปลานักล่าทุกลำคลอง ฟื้นความสมดุลระบบนิเวศ

0

จังหวัดนนทบุรี และกรมประมงบูรณาการความร่วมมือภาครัฐ เอกชน และชุมชน เดินหน้ากำจัดปลาหมอคางดำอย่างเข้มแข็ง สนับสนุนการมีส่วนร่วมของประชาชนช่วยกันจับขึ้นมาปรุงเป็นมื้ออาหารทุกวัน วันละประมาณ 10-20 กิโลกรัม ตามแนวทางมาตรการในการแก้ไขในระยะเร่งด่วน ได้แก่ 1.การควบคุมและกำจัดในทุกแหล่งน้ำที่พบการระบาด 2.การปล่อยปลานักล่า อาทิ ปลากะพงขาว ปลาอีกง ปลาช่อน ปลากราย เป็นต้น 3.การนำปลาหมอคางดำออกจากระบบนิเวศไปใช้ประโยชน์ให้มากที่สุด 4. การสำรวจและเฝ้าระวังการแพร่กระจายในแหล่งน้ำธรรมชาติ และ 5.การประชาสัมพันธ์สร้างความตระหนักรู้ให้กับทุกภาคส่วน โดยได้รับการสนับสนุนเครื่องมือจับปลาจาก บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ และได้รับการสนับสนุนงบประมาณในการจัดหาปลานักล่าจากจังหวัดนนทบุรีและการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ที่ผ่านมา จังหวัดปล่อยปลานักล่าไปแล้ว 128,000 ตัว ลงใน 2 ลำคลองรักษาความสมดุลระบบนิเวศ พร้อมร่วมมือกับผู้นำชุมชนช่วยกันหาแนวทางใช้ประโยชน์จากปลาหมอคางดำเพิ่มขึ้น เช่น ปลาร้า ปลาแดดเดียว เพื่อส่งเสริมการบริโภคเพื่อกำจัดปลาหมอคางดำอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

นางระวีพรรณ แก้วเพียวเพ็ญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี กล่าวว่า จังหวัดนนทบุรีให้ความสำคัญกับการควบคุมและกำจัดปลาหมอคางดำอย่างเข้มข้น โดยอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนทั้งหน่วยงานภาครัฐ องค์กรปกครองท้องถิ่น ภาคเอกชน ได้แก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ผู้นำชุมชน และชาวบ้าน เพื่อควบคุมและกำจัดปลาหมอคางดำในทุกลำคลอง และเมื่อเร็วๆ นี้ ( 18 ตค.67) จังหวัดนนทบุรีจัดกิจกรรม “ปล่อยปลานักล่า (ปลากินเนื้อ)” ปล่อยปลานักล่ารวม 58,000 ตัวลงสู่คลองบางคูเวียง ในอำเภอบางกรวย เพื่อควบคุมปลาหมอคางดำ ซึ่งเป็นการจัดกิจกรรมปล่อยปลานักล่าครั้งที่สอง หลังจากเคยจัดกิจกรรมปล่อยปลานักล่าครั้งแรก จำนวน 70,000 ตัวในคลองปลายบางเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา “การกำจัดและควบคุมปลาหมอคางดำในลำคลองจังหวัดนนทบุรี ไม่เพียงช่วยรักษาระบบนิเวศในลำคลองของจังหวัดนนทบุรีเท่านั้น ยังช่วยหยุดยั้งการแพร่กระจายของปลาหมอคางดำไปในพื้นที่กรุงเทพมหานครและจังหวัดใกล้เคียง ได้แก ปทุมธานีนครปฐม พระนครศรีอยุธยา ที่มีลำคลองเชื่อมต่อกับจังหวัดนนทบุรีอีกด้วย” นางระวีพรรณกล่าว

นางนิตยา รักษาราษฎร์ หัวหน้ากลุ่มบริหารจัดการด้านการประมง รักษาราชการแทนประมงจังหวัดนนทบุรี กล่าวว่า จังหวัดนนทบุรีพบปลาหมอคางดำกระจายในทุกอำเภอ แต่ไม่ชุกชุม ที่ผ่านมาจัดกิจกรรม “ลงแขกลงคลอง” ในลำคลองต่างๆ สามารถจับปลาหมอคางดำออกจากลำคลองได้ประมาณ 210 กิโลกรัม เพราะปลาหมอคางดำมักอาศัยอยู่ตามริมตลิ่ง และพื้นคลองส่วนใหญ่ขรุขระ มีตอและหินค่อนข้างมากทำให้ใช้อวน หรือแหได้ไม่สะดวก อุปกรณ์จับสัตว์น้ำที่มีประสิทธิภาพตามลำคลองในจังหวัดนนทบุรี คือ “ข่าย” ซึ่งสำนักงานประมงจังหวัดนนทบุรีได้รับการสนับสนุนจากซีพีเอฟนำไปแจกจ่ายให้กับชาวบ้านใช้เป็นเครื่องมือช่วยกันจับปลาหมอคางดำขึ้นมาเพื่อใช้บริโภคทุกวัน ปัจจุบัน ปลาหมอคางดำถูกกำจัดจากคลองต่างๆ ในจังหวัดนนทบุรีวันละประมาณ 10-20 กิโลกรัม ซึ่งส่วนใหญ่ผู้ที่จับได้นำไปบริโภคในครัวเรือน และสำนักงานประมงจังหวัดนนทบุรีได้เข้าร่วมโครงการสร้างแรงจูงใจในการนำปลาหมอคางดำที่กำจัดออกไปใช้ประโยชน์โดยการหมักปลาร้ากับกรมประมง เพื่อเป็นพื้นที่ที่ช่วยกำจัดปลาหมอคางดำจากจังหวัดอื่นที่มีการแพร่ระบาดหนาแน่น และเกิดประโยชน์กับกลุ่มเกษตรกรและชุมชนต่อไป และเป็นการกระตุ้นให้มีการจับปลาหมอคางดำมากขึ้น

หลังจากนี้ จังหวัดนนทบุรียังดำเนินการกำจัดปลาหมอคางดำอย่างต่อเนื่อง ตามมาตรการกรมประมง มุ่งเน้นการมีส่วนร่วมของชุมชน “เจอ แจ้ง จับ” หากพบปลาหมอคางดำให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทันทีและช่วยกันจับปลาหมอคางดำออกจากแหล่งน้ำโดยไม่ต้องรอ พร้อมทั้งมีแผนปล่อยปลานักล่าให้ครบทุกลำคลอง โดยจะเน้นการปล่อยพันธุ์ปลาน้ำจืด เช่น ปลาอีกง ปลาช่อน ปลากราย และปลากด ซึ่งเป็นปลาพื้นถิ่น พร้อมทั้งมีการสื่อสารขอความร่วมมือกับชุมชนไม่จับปลานักล่า เป็นระยะเวลา 2 เดือน หลังจากปล่อยเพื่อให้สามารถกำจัดปลาหมอคางดำขนาดเล็กๆ ที่อยู่ในลำคลองให้หมดไปอย่างยั่งยืน.

เมืองไทยประกันชีวิต ปลื้มสุดๆ คว้ารางวัลบริษัทประกันภัยเกียรติยศสูงสุด (Hall of Fame) ปีที่ 4

0

พร้อมรับ “รางวัลบริษัทประกันชีวิตที่มีการส่งเสริมกรมธรรม์ประกันภัยเพื่อประชาชนดีเด่น” ตอกย้ำการบริหารงานดีเด่น-สร้างสรรค์นวัตกรรม-ส่งเสริมการเข้าถึงประกัน-ใส่ใจความยั่งยืน

เมืองไทยประกันชีวิต สุดภาคภูมิใจ เดินหน้าสร้างประวัติศาสตร์แห่งเกียรติยศอีกครั้ง  ด้วยการคว้า “รางวัลบริษัทประกันภัยเกียรติยศสูงสุด (Hall of Fame)” รางวัลสูงสุดของอุตสาหกรรมประกันภัย  ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 จากสำนักงาน คปภ. สะท้อนการบริหารงานดีเด่น สร้างสรรค์นวัตกรรม และใส่ใจความยั่งยืนในทุกมิติ พร้อมคว้าอีกรางวัลใหญ่ “รางวัลบริษัทประกันชีวิตที่มีการส่งเสริมกรมธรรม์ประกันภัยเพื่อประชาชนดีเด่น”  ต่อเนื่องเป็นปีที่ 11  ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการสนับสนุนและส่งเสริมให้ประชาชนทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงประกันภัยได้ จากพิธีมอบรางวัลประกันภัยดีเด่นครบวงจร ประจำปี 2567

บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)  นำโดย นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พร้อมด้วย ดร.สุธี โมกขะเวส กรรมการผู้จัดการ  สร้างประวัติศาสตร์วงการประกันภัยครั้งสำคัญ  เข้ารับ 2 รางวัลเกียรติยศแห่งความภาคภูมิใจและความเชื่อมั่น ประจำปี 2566 ประกอบด้วย “รางวัลบริษัทประกันภัยเกียรติยศสูงสุด (Hall of Fame)” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 ซึ่งเป็นรางวัลสูงสุดในภาคอุตสาหกรรมประกันภัยและเป็นเพียงบริษัทเดียวที่ได้รับ “รางวัลบริษัทประกันชีวิตที่มีการส่งเสริมกรมธรรม์ประกันภัยเพื่อประชาชนดีเด่น”  ต่อเนื่องเป็นปีที่ 11  จากพิธีมอบรางวัลประกันภัยดีเด่นครบวงจร ประจำปี 2567  (Prime  Minister’s  Insurance  Awards 2024)  ซึ่งจัดโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย  (คปภ.)  โดยมีนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานในพิธีเป็นผู้มอบ และ นายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย  (คปภ.) ร่วมแสดงความยินดี งานจัดขึ้น ณ ห้อง World Ballroom โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ และบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์

โดย “รางวัลบริษัทประกันภัยเกียรติยศสูงสุด (Hall of Fame)” ประจำปี 2566 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 นี้ นับเป็นบริษัทประกันชีวิตที่ได้รับรางวัลบริษัทประกันชีวิตที่มีการบริหารงานดีเด่นสูงสุดต่อเนื่องถึง 18 ปี ถือเป็นที่สุดแห่งความภาคภูมิใจ เพราะเป็นรางวัลสูงที่สุดในอุตสาหกรรมประกันภัย ที่สำนักงาน คปภ. มอบให้แก่บริษัทที่มีผลงานการบริหารดีเด่นและมีความแข็งแกร่งรอบด้าน  ซึ่งเมืองไทยประกันชีวิตเป็นบริษัทเพียงแห่งเดียวที่สามารถคว้ารางวัลนี้มาได้ตั้งแต่มีการจัดมอบรางวัลนี้มา จากความโดดเด่นด้านการบริหารงานในทุกมิติ ที่มุ่งมั่นตอบสนองความต้องการที่แท้จริงของลูกค้า ด้วยการยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง พร้อมมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้านประกันชีวิต ความคุ้มครองสุขภาพ และบริการด้านต่าง ๆ ตลอดจนช่องทางจำหน่ายที่หลากหลาย รวมถึงนวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่ พร้อมการพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่อง  อีกทั้งยังเป็นองค์กรที่โดดเด่นด้วยการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน  เดินหน้าควบคู่ไปกับความรับผิดชอบในมิติสิ่งแวดล้อม (Environment)  มิติสังคม (Social) และมิติบรรษัทภิบาล (Governance) หรือ ESG 

สำหรับ “รางวัลบริษัทประกันชีวิตที่มีการส่งเสริมกรมธรรม์ประกันภัยเพื่อประชาชนดีเด่น ประจำปี 2566” ได้รับต่อเนื่องเป็นปีที่ 11  จากคุณสมบัติในด้านการมีส่วนร่วมในการส่งเสริมกรมธรรม์ประกันภัยเพื่อประชาชน  การพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยเพื่อประชาชน การส่งเสริมสนับสนุนให้ประชาชนมีการทำกรมธรรม์ประกันภัยเพื่อประชาชน  การส่งเสริมสนับสนุนให้มีการขยายช่องทางการจำหน่ายกรมธรรม์ประกันภัยเพื่อประชาชน  การส่งเสริมการจัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์ กรมธรรม์ประกันภัยเพื่อประชาชน  และส่งเสริมการเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการลูกค้า ด้านการจำหน่ายกรมธรรม์ประกันภัยเพื่อประชาชน  ซึ่งทั้งหมดนี้ถือเป็นความมุ่งมั่นในการสร้างการเข้าถึงได้ของประกันชีวิตให้กับทุก ๆ คนในสังคม (Democratizing Insurance)  เพื่อเป็นส่วนช่วยให้ทุกคน ได้มีความอุ่นใจ มีหลักประกันที่มั่นคง และมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน

นอกจากนี้ ตัวแทนของบริษัทฯ  นางสาวกรวรรณ คงด้วง และนายภัทจ์ สิทธิร่ำรวย ยังได้รับ “รางวัลตัวแทนประกันชีวิตคุณภาพดีเด่น ประจำปี 2566” สุดยอดตัวแทนที่มีผลงานโดดเด่น ทั้งในด้านผลงานการขาย การเข้าอบรม และทำกิจกรรมได้ตามเงื่อนไขที่ คปภ.กำหนดไว้ได้อย่างครบถ้วน รวมถึงการปฏิบัติอยู่ในกรอบมาตรฐานจรรยาบรรณของวิชาชีพ และกฎหมาย ระเบียบ หรือข้อบังคับของ คปภ.อย่างเคร่งครัด  นับเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของบริษัทฯ และสะท้อนถึงความโดดเด่นในด้านการพัฒนาคุณภาพตัวแทนอย่างต่อเนื่อง