Home Blog Page 54

เมืองไทยประกันชีวิต จับมือ แมกซ์ โซลูชัน ส่งมอบความสุขและความอุ่นใจ ต้อนรับเทศกาลปีใหม่แก่สมาชิก Max Card ผ่าน “กรมธรรม์ประกันภัยปีใหม่สุขกายสุขใจ (ไมโครอินชัวรันส์)”

0

เมืองไทยประกันชีวิต และ แมกซ์ โซลูชัน บริษัทในเครือพีทีจี ผนึกกำลังส่งมอบความสุขและรอยยิ้มในช่วงเทศกาลต้อนรับปีใหม่ 2568 แก่สมาชิก Max Card ทั่วประเทศ ผ่าน “กรมธรรม์ประกันภัยปีใหม่สุขกายสุขใจ (ไมโครอินชัวรันส์)” อุ่นใจด้วยความคุ้มครองครอบคลุมทั้งด้านชีวิตและค่ารักษาพยาบาลเนื่องจากอุบัติเหตุ เพียงสมาชิก Max Card  ใช้คะแนน 100 คะแนน แลกรับสิทธิ์ง่าย ๆ ผ่านช่องทางแอปพลิเคชัน Max Me

นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เมืองไทยประกันชีวิต ได้ร่วมกับ แมกซ์ โซลูชัน ส่งมอบความอุ่นใจให้กับลูกค้าคนสำคัญ ต้อนรับเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2568  ให้เต็มไปด้วยความสุข รอยยิ้ม และความสนุกสนาน  พร้อมยังเป็นการสนับสนุนให้ ทุกคนในสังคมสามารถเข้าถึงประกันชีวิตเพื่อการมีหลักประกันที่มั่นคง สอดรับกับนโยบายของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ที่ส่งเสริมให้ประชาชนมีหลักประกันความคุ้มครองอุบัติเหตุให้กับตนเองและครอบครัว และเพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากระบบ การประกันภัยเพื่อบริหารความเสี่ยงจากอุบัติเหตุได้สะดวก เข้าถึงได้ง่าย และรวดเร็วยิ่งขึ้น

ด้าน นายพร้อมศักดิ์  จรัญญากรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แมกซ์ โซลูชัน เซอร์วิส จำกัด  บริษัทในเครือพีทีจี กล่าวว่า  บริษัทยังคงยึดมั่นในพันธกิจที่อยากเห็นคนไทย “อยู่ดีมีสุข” จึงได้เข้าร่วมกิจกรรมรณรงค์ลดอุบัติเหตุช่วงเทศกาลปีใหม่ ซึ่งดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องทุกปี สำหรับปีนี้ บริษัท แมกซ์  โซลูชัน ได้ร่วมมือกับ เมืองไทยประกันชีวิต ซึ่งเป็นพันธมิตรที่ยาวนาน ร่วมส่งมอบความสบายใจและลดความกังวลให้กับสมาชิก Max Card กว่า 23 ล้านราย

โดยสมาชิก Max Card สามารถใช้คะแนนสะสมเพียง 100 คะแนน แลกรับสิทธิ์ “กรมธรรม์ประกันภัยปีใหม่สุขกายสุขใจ (ไมโครอินชัวรันส์)” ผ่านแอปพลิเคชัน Max Me พร้อมความคุ้มครองนานถึง 30 วันนับจากวันเริ่มต้นความคุ้มครอง ทั้งนี้ จำกัดจำนวนสิทธิ์ 1,000 สิทธิ์ เพื่อให้สมาชิกทุกท่านได้เดินทางอย่างมั่นใจ คลายกังวล และมีความสุขตลอดการเดินทางในช่วงเทศกาลนี้

ทั้งนี้ความคุ้มครอง กรมธรรม์ประกันภัยปีใหม่สุขกายสุขใจ (ไมโครอินชัวรันส์) ที่ลูกค้าจะได้รับ ประกอบด้วย  

1. ความคุ้มครองการเสียชีวิต การสูญเสียมือ เท้า การสูญเสียสายตา หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง เนื่องจากอุบัติเหตุ ไม่รวมการถูกฆาตกรรมลอบทำร้ายร่างกาย และ/หรือ อุบัติเหตุขณะขับขี่หรือโดยสารรถจักรยานยนต์ จำนวนเงินเอาประกันภัย 100,000 บาท 

2. ความคุ้มครองการเสียชีวิต การสูญเสียมือ เท้า การสูญเสียสายตา หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง จากการถูกฆาตกรรมลอบทำร้ายร่างกาย และ/หรือ อุบัติเหตุขณะขับขี่หรือโดยสารรถจักรยานยนต์ จำนวนเงินเอาประกันภัย 50,000 บาท

3. ความคุ้มครองการเสียชีวิต การสูญเสียมือ เท้า การสูญเสียสายตา หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง เนื่องจากอุบัติเหตุสาธารณะ จำนวนเงินเอาประกันภัย 100,000 บาท 

4. ผลประโยชน์ค่ารักษาพยาบาลเนื่องจากอุบัติเหตุ ไม่รวมค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการจ้างพยาบาลพิเศษ อุปกรณ์ค้ำยันต่าง ๆ (ยกเว้นไม้ค้ำยัน) รถเข็นผู้ป่วย อวัยวะเทียมภายนอกร่างกายค่ารักษาพยาบาลโดยแพทย์ทางเลือก (Alternative medicine) การฝังเข็ม จำนวนเงินเอาประกันภัยตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 5,000 บาท

โดย “กรมธรรม์ประกันภัยปีใหม่สุขกายสุขใจ (ไมโครอินชัวรันส์)” มีระยะเวลาคุ้มครอง 30 วัน    นับจากวันเริ่มต้นระยะเวลาเอาประกันภัย ซึ่งผู้ที่จะได้รับสิทธิ์จะต้องถือสัญชาติไทยเท่านั้น และมีอายุตั้งแต่ 15 ปีบริบูรณ์ ถึง 70 ปีบริบูรณ์ ณ วันที่ทำประกันภัย  โดยสมาชิก Max Card ที่สนใจสามารถแลกคะแนนได้ ตั้งแต่วันที่ 20 ธันวาคม 2567 – 28 กุมภาพันธ์ 2568 (จำนวนสิทธิ์ 1,000 สิทธิ์)

หมายเหตุ :                                

·  ผู้เอาประกันภัยจะต้องมีอายุตั้งแต่ 15 ปีบริบูรณ์ ถึง 70 ปีบริบูรณ์ ณ วันที่ทำประกันภัย และถือสัญชาติไทยเท่านั้น

         ·  สมาชิก Max Card ใช้ 100 คะแนน รับสิทธิ์ลงทะเบียนกรมธรรม์ประกันภัยปีใหม่สุขกายสุขใจ (ไมโครอินชัวรันส์) ผ่านแอปพลิเคชัน Max Me (ไม่จำกัดสิทธิ์ / สมาชิก ซึ่งผู้รับความคุ้มครองต้องไม่ใช่บุคคลเดียวกัน)

    · เริ่มต้นคุ้มครองตั้งแต่วันถัดไปของวันที่ลูกค้าลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิ์ เวลา 00.01 น. จนถึงวันที่สิ้นสุดความคุ้มครอง 30 วัน เวลา 24.00 น. และไม่มีการต่ออายุอัตโนมัติ

     ·    เงื่อนไขและความคุ้มครองเป็นไปตามที่ระบุในกรมธรรม์

 ·    การพิจารณารับประกันภัยเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของ บมจ.เมืองไทยประกันชีวิต

 ·     บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์การให้ความคุ้มครองโครงการนี้กับสมาชิก Max Card เท่านั้น

 ·    บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการจัดส่งกรมธรรม์ครั้งนี้ โดยการยืนยันความคุ้มครองผ่านทาง SMS เท่านั้น

 ·    ลูกค้าสามารถแลกคะแนนได้ตั้งแต่วันที่ 20 ธันวาคม 2567 – 28 กุมภาพันธ์ 2568 หรือ มีผู้รับสิทธิ์ครบ 1,000 สิทธิ์

    ·  สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร PT Call Center 1614 ทุกวัน เวลา 08.00-20.00 น.หรือเมืองไทยประกันชีวิต   โทร. 1766 ตลอด 24 ชั่วโมง

ซื้อกองทุนประหยัดภาษีออนไลน์ ด้วยบัตรเครดิตในกลุ่มกรุงศรี คอนซูมเมอร์ ได้แล้ววันนี้!

0

ซื้อกองทุนประหยัดภาษีออนไลน์ ด้วยบัตรเครดิตในกลุ่มกรุงศรี คอนซูมเมอร์ ได้แล้ววันนี้!
สะดวก ง่าย ซื้อผ่าน Selling agent ครอบคลุมกองทุนจาก บลจ.* ชั้นนำ
แอปพลิเคชั่นของ Selling Agent ที่ซื้อได้:
👍 Dime บริษัทหลักทรัพย์ เคเคพี ไดม์ จำกัด
👍 FinVest (Robowealth) บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน โรโบเวลธ์ จำกัด
👍 Phillip Phillip Fund SuperMart Plus บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด มหาชน
👍 InnovestX บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด
👍 Yuanta บริษัท หลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด

บลจ. ที่ร่วมรายการ:
👉 บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด
👉 บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด
👉 บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุนไทยพาณิชย์ จำกัด
👉 บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุน ยูโอบี (ประเทศไทย) จำกัด
👉 บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เกียรตินาคินภัทร จำกัด
👉 บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุน อีสท์สปริง (ประเทศไทย) จำกัด
.
การซื้อหน่วยลงทุนจะไม่เข้าร่วมรายการส่งเสริมการขายและคะแนนสะสมกับบัตรเครดิต
ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และศึกษาสิทธิ์ประโยชน์ทางภาษีในคู่มือการลงทุนก่อนการตัดสินใจลงทุน
*ศึกษารายละเอียดกองทุนและบลจ. เพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของแต่ละ Selling Agent
.
รายละเอียดเพิ่มเติม 👉 https://www.krungsricard.com/th/Promotion/fundconnext
.
1 พ.ย. 67 – 31 ธ.ค. 68
.
ใช้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้เต็มจำนวนตามกำหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 16% ต่อปี
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

แลกพอยต์ประหยัดภาษี

0

สำหรับมนุษย์เงินเดือนแล้ว ความรู้สึกว่าใกล้สิ้นเดือนแล้วเหมือนจะสิ้นใจ น่าจะเป็นเรื่องที่เคยชินกันแทบทุกเดือน แต่อยากจะบอกว่า หากเราเป็นคนมีเงินเดือน มีรายได้เข้าเกณฑ์ต้องเสียภาษี แต่ไม่ยอมศึกษา ไม่มีการวางแผนภาษี ช่วงเวลาใกล้สิ้นปีแบบนี้หากเรียกว่าเป็นโค้งสุดท้ายก็ยังดี เพราะแสดงว่าเรารู้ตัวและยังพอมีเวลาจัดการเรื่องภาษี

ช่วงใกล้สิ้นปีจึงเป็นโอกาสสุดท้ายของปีนี้สำหรับคนที่เข้าเกณฑ์ต้องเสียภาษี คือมีรายได้ต่อปีตั้งแต่ 150,001 บาทขึ้นไป ที่จะได้จัดแจงแต่งตัวเรื่องภาษีเสียให้พร้อม ทั้งเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆที่นำมาลดหย่อนภาษีได้ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อประกัน, เงินบริจาค และซื้อกองทุนประหยัดภาษี SSF RMF และ Thai ESG

ก่อนจะซื้อกองทุนไหน ต้องศึกษาเงื่อนไขให้ดีเพราะแต่ละแบบมีรายละเอียดแตกต่างกัน เพื่อจะได้วางแผนและซื้อกองที่เหมาะกับตัวเรา เริ่มจากกองน้องใหม่สุด กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thai ESG) ลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 30% ของรายได้ทั้งปี แต่สูงสุดไม่เกิน 300,000 บาท โดยต้องถือกองทุนไว้ 5 ปี นับจากวันซื้อ เหมาะกับคนรุ่นใหม่ที่สนใจลงทุนในบริษัทที่มี ESG ใส่ใจสิ่งแวดล้อม สังคม และมีธรรมาภิบาล

ส่วนกองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) ลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 30% ซื้อได้สูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท และเมื่อรวมกับวงเงินกลุ่มเกษียณอื่น ต้องไม่เกิน 500,000 บาท โดยต้องถือกองทุนไว้ 10 ปี นับจากวันซื้อ เหมาะกับคนที่ออมระยะยาวที่ต้องการเงินคืนก่อนเกษียณ

และ  กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF)  ลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 30% ของรายได้ทั้งปี ซื้อได้สูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท โดยต้องลงทุน 5 ปีขึ้นไปนับจากวันลงทุน ซื้อต่อเนื่องทุกปี และขายออกได้เมื่อถึงอายุ 55 ปีบริบูรณ์ จึงเหมาะมากับคนที่ต้องการมีเงินก้อนใหญ่ไว้ใช้หลังเกษียณ

มีเคล็ดลับการลงทุนที่หลายคนอาจจะยังไม่ทราบ คือ เราสามารถใช้คะแนนสะสมของบัตรเครดิตมาเป็นส่วนลดในการซื้อกองทุนประหยัดภาษีได้ด้วย จากโครงการ Point to Invest ที่เป็นความร่วมมือของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กับ พันธมิตรต่างๆ ทั้งธนาคารพาณิชย์ บริษัทบัตรเครดิต และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน โดยสามารถแลกพอยต์บัตรเครดิต หรือบัตรสะสมคะแนนที่เข้าร่วมรายการ มาแลกซื้อกองทุนทั้ง Thai ESG, SSF และ RMF

อย่าปล่อยให้คะแนนสะสมหมดอายุไปเฉยๆ  เสียดายแทน เอามาใช้แลกคะแนนเพื่อลดหย่อนภาษี และเพิ่มมูลค่าพอร์ตดีกว่า  ยิ่งมีคะแนนเยอะ ก็ยิ่งแลกเป็นหน่วยลงทุนได้แยะ

คนที่อยากเริ่มต้นลงทุนแบบ Point to Invest สามารถเข้าไปตรวจเช็กบัตรเครดิตและบัตรสะสมคะแนนที่เข้าร่วมรายการ , เกณฑ์แลกคะแนนสะสม , ตรวจสอบคะแนนที่มี และรายละเอียดโครงการเพิ่มเติม ได้ที่  www.setinvestnow.com/th/pointtoinvest   พร้อมรับโปรฯ พิเศษ  e-Coupon Starbucks หรือบัตรเติมน้ำมัน มูลค่าสูงสุด 200 บาท เมื่อทำตามเงื่อนไข ตั้งแต่วันนี้ ถึง 30 ธ.ค. 67

ซีพีเอฟ ประมงเพชรบุรี และเรือนจำกลางเพชรบุรี เปิดตัวน้ำปลาจากปลาหมอคางดำ ตรา “หับเผย เขากลิ้ง”

0

สำนักงานประมงจังหวัดเพชรบุรี ร่วมมือกับเรือนจำกลางเพชรบุรี และบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ดำเนินโครงการแปรรูปผลิตภัณฑ์น้ำปลาจากปลาหมอคางดำตรา “หับเผย เขากลิ้ง” โดยบูรณาการกับกิจกรรม “ลงแขกลงคลอง” จับปลาหมอคางดำในพื้นที่จังหวัดเพชรบุรีและนำมาหมักเป็นน้ำปลาเพิ่มมูลค่าสินค้าประจำครัวเรือนคนไทย โดยเชิญปราชญ์ชาวบ้านชาวเพชรบุรีมาช่วยถ่ายทอดความรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่น เพื่อสร้างทักษะอาชีพให้กับผู้ต้องราชทัณฑ์ของเรือนจำกลางเพชรบุรี เป็นการส่งเสริมการบริโภค และการจัดการปัญหาปลาหมอคางดำอย่างเป็นระบบ

นายชูศักดิ์ โต๊ะถม ผู้อำนวยการส่วนพัฒนาผู้ต้องขัง เป็นตัวแทนนายมิตรารุณห์ พรหมอินทร์ ผู้บัญชาการเรือนจำกลางเพชรบุรี ร่วมกับ นายประจวบ เจี้ยงยี่ ประมงจังหวัดเพชรบุรี และตัวแทนของซีพีเอฟ ดำเนินโครงการกิจกรรมบูรณาการช่วยเหลือสังคมกำจัดปลาหมอคางดำ (ในรูปแบบ CSR) “ลงแขกลงคลอง แปรรูปผลิตภัณฑ์ น้ำปลาหับเผย เขากลิ้ง” ณ เรือนจำชั่วคราวเขากลิ้ง โดยมีนายจิตรกร บัวดี เกษตรกรผู้ผลิตน้ำปลาจากปลาหมอคางดำ ตรา “ชาววัง” เป็นวิทยากรให้ความรู้ในภาคทฤษฎี และภาคปฎิบัติแก่ผู้ต้องราชทัณฑ์ 20 คน เรียนรู้การนำปลาหมอคางดำ 370 กิโลกรัมมาหมักน้ำปลาทุกขั้นตอน

นายตรารุณห์ พรหมอินทร์ ผู้บัญชาการเรือนจำกลางเพชรบุรี กล่าวว่า การบูรณาการความร่วมมือของ 3 องค์กร ระหว่างเรือนจำกลางเพชรบุรี ประมงจังหวัดเพชรบุรี และซีพีเอฟ จัดโครงการกิจกรรมบูรณาการช่วยเหลือสังคมกำจัดปลาหมอคางดำ “ลงแขก ลงคลอง แปรรูปผลิตภัณฑ์น้ำปลาตรา “หับเผย เขากลิ้ง” โดยได้รับการสนับสนุนปลาหมอคางดำจากประมงจังหวัดเพชรบุรี และมีซีพีเอฟช่วยสนับสนุนอุปกรณ์และเชิญเกษตรกรที่เป็นปราชญ์พื้นบ้านมาเป็นวิทยากรให้ความรู้การผลิตน้ำปลาจากปลาหมอคางดำให้กับผู้ต้องราชทัณฑ์ได้มีทักษะติดตัวนำไปประกอบอาชีพเพื่อเลี้ยงดูตัวเองได้ในอนาคต เนื่องจาก น้ำปลาเป็นเครื่องปรุงของคนไทยที่ทุกครัวเรือนต้องมี และเรือนจำกลางเพชรบุรียังต่อยอดทำ น้ำปลา ตรา “หับเผย เขากลิ้ง” ส่งเสริมคนไทยได้บริโภคอาหารจากปลาหมอคางดำได้กว้างขวางขึ้น นำไปสู่การจัดการปลาหมอคางดำอย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยรักษาความหลากหลายในระบบนิเวศ โครงการนี้ก่อให้เกิดประโยชน์ไม่เพียงแต่ผู้ต้องราชทัณฑ์เท่านั้น หากยังเป็นประโยชน์ต่อสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อมซึ่งสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของกระทรวงยุติธรรม
นายจิตรกร บัวดี ปราชญ์ชาวบ้านผลิตน้ำปลาจากปลาหมอคางดำ ตรา “ชาววัง” ผู้ถ่ายทอดองค์ความรู้การนำปลาหมอคางดำแปรรูปเป็นน้ำปลา กล่าวว่า ในทุกปัญหามีทางออก ปลาหมอคางดำมีประโยชน์และบริโภคได้ การแปรรูปหรือเพิ่มมูลค่าปลาหมอคางดำเป็นผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อส่งเสริมการบริโภคอย่างกว้างขวาง มีส่วนช่วยจัดการปลาหมอคางดำได้อย่างครบวงจร การถ่ายทอดองค์ความรู้ของภูมิปัญญาชาวบ้านสู่คนรุ่นใหม่ สำหรับการสอนผู้ต้องราชทัณฑ์นับเป็นครั้งที่ 2 ครั้งแรกทำกับเรือนจำกลางสมุทรสงคราม ไม่เพียงได้ผลิตภัณฑ์น้ำปลา มีส่วนช่วยลดปริมาณปลาหมอคางดำ ความรู้ที่ถ่ายทอดจะช่วยเพิ่มทักษะให้ผู้ต้องราชทัณฑ์ติดตัวนำไปประกอบอาชีพในอนาคต สร้างรายได้ให้ครัวเรือน และสามารถบรรลุเป้าหมายที่สำคัญ คือ ประชากรปลาหมอคางดำลดลง

ด้านนายประจวบ เจี้ยงยี่ ประมงจังหวัดเพชรบุรี กล่าวว่า สถานการณ์ปลาหมอคางดำในพื้นที่เพชรบุรีตอนนี้พบว่ามีปริมาณเบาบางลง เป็นผลจากการบูรณาการกับทุกภาคส่วนดำเนินมาตรการแก้ไขปัญหาปลาหมอคางดำอย่างจริงจัง อาทิ การทำกิจกรรม “ลงแขกลงคลอง” จับปลาหมอคางดำออกจากแหล่งน้ำในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง การรับซื้อส่งขายให้โรงงานปลาป่นในจังหวัดสมุทรสาคร การรับซื้อเพื่อนำไปผลิตน้ำหมักชีวภาพ จนถึงปัจจุบันสามารถจับปลาหมอคางดำได้กว่า 157,000 กิโลกรัมแล้ว การสร้างแรงจูงใจนำปลาหมอคางดำมาใช้ประโยชน์ ผ่านการส่งเสริมผู้ประกอบการหรือวิสาหกิจชุมชนร่วมนำปลาหมอคางดำหมักปลาร้า ซึ่งมีชุมชนสมัครเข้าร่วมโครงการแล้ว 4 กลุ่ม และร่วมกับสถานีพัฒนาที่ดินเพชรบุรีนำปลาหมอคางดำมาผลิตเป็นน้ำหมักชีวภาพ นอกจากนี้ การปล่อยปลาผู้ล่า ที่ผ่านมาปล่อยปลากะพงขาว ได้รับการสนับสนุนจากซีพีเอฟ 10,500 ตัว ลงสู่แหล่งน้ำ 15 แห่ง และปล่อยปลาอีกงจำนวน 50,000 ตัวลงในแหล่งน้ำ 2 แห่ง

สำหรับความร่วมมือกับเรือนจำกลางเพชรบุรีครั้งนี้นับเป็นการต่อยอดภูมิปัญญาของเกษตรกรในจังหวัดเพชรบุรีให้กับเจ้าหน้าที่ และผู้ต้องราชทัณฑ์ของเรือนจำกลางเพชรบุรี โดยตั้งเป้าหมายจับปลาหมอคางดำส่งมอบให้เรือนจำกลางได้ 5,000 กิโลกรัม สำหรับหมักเป็นน้ำปลาได้ประมาณ 8,000 ขวด ประมงเพชรบุรียังดำเนินการแก้ปัญหาปลาหมอคางดำอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ การจัดกิจกรรมลงแขกลงคลอง ซึ่งเป็นกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ช่วยรณรงค์ให้พี่น้องได้เห็นความสำคัญและความต่อเนื่องของความตั้งใจจัดการปัญหาปลาหมอคางดำของทุกภาคส่วน

นอกจากนี้ ประมงจังหวัดเพชรบุรียังมีแผนที่จะจัดตั้งอาสาสมัครเฝ้าระวังปลาหมอคางดำในทุกอำเภอ รวมถึงการพัฒนากลไกที่ช่วยให้เกิดการจัดการปลาหมอคางดำมีประสิทธิภาพ ลดการพึ่งพางบประมาณของรัฐบาล ด้วยการสนับสนุนกลุ่มชาวบ้านนำปลาหมอคางดำมาแปรรูปเป็นสินค้าประจำชุมชน อาทิ ปลาแดดเดียว น้ำปลา ปลาร้า และน้ำหมักชีวภาพ นำรายได้จากการจำหน่ายสินค้าหมุนเวียนมารับซื้อปลาหมอคางดำ ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของชุมชนอย่างเป็นระบบและยั่งยืน

AIS ปักหมุดผู้นำทะเลอ่าวไทย ยืนหนึ่งตัวจริงภาตตะวันออก ตอบโจทย์ครบทั้งภาคอุตสาหกรรม เกษตรฯ ท่องเที่ยว พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและทั่วโลกในช่วงไฮซีซัน

0

บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS ปักหมุดผู้นำตัวจริงฝั่งทะเลอ่าวไทย เป็นผู้ให้บริการที่มีโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลที่แข็งแกร่ง และมีความครอบคลุมมากสุดในพื้นที่ภาคตะวันออกทั้งลึก สูง กว้าง ไกล สามารถเชื่อมต่อการทำงานได้กับทุกภาคส่วน ทั้งประชาชนในพื้นที่ ภาครัฐ ภาคอุตสาหกรรม ภาคงานบริการไปจนถึงการท่องเที่ยว ยืนยันความพร้อมในการให้บริการต้อนรับช่วงไฮซีซันของนักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและต่างชาติที่กำลังมีแผนเดินทางมาสัมผัสกับความสวยงามของสถานที่ท่องเที่ยวและทะเลอ่าวไทยในภาคตะวันออก

กิตติ งามเจตนรมย์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านเทคโนโลยี AIS

นายกิตติ งามเจตนรมย์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านเทคโนโลยี AIS กล่าวว่า “พื้นที่ภาคตะวันออกถึงแม้จะมีจำนวนจังหวัดและพื้นที่ไม่มาก แต่ก็เป็นอีกหนึ่งภูมิภาคที่มีความสำคัญเพราะในแง่ของการใช้งานค่อนข้างมีความหลากหลายเนื่องจากเป็นที่ตั้งของท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบัง ที่เป็นศูนย์กลางการขนส่งทางทะเลที่สำคัญของประเทศและยังเชื่อมโยงกับพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่หลายแห่ง อีกทั้งในภูมิภาคนี้ยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญที่ได้รับความนิยม ทำให้ที่ผ่านมา AIS ได้พัฒนาและยกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลทั้งระบบสื่อสารและบริการดิจิทัลให้มีความครอบคลุมและแข็งแรง พร้อมเชื่อมต่อและสนับสนุนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภาคตะวันออกในทุกภาคส่วน”

สมภพ กิตติวิรุฬห์วัฒน รักษาการหัวหน้างานปฏิบัติการภูมิภาค ภาคตะวันออก AIS

นายสมภพ กิตติวิรุฬห์วัฒน รักษาการหัวหน้างานปฏิบัติการภูมิภาค ภาคตะวันออก AIS กล่าวเสริมอีกว่า “วันนี้การทำงานของ AIS ในพื้นที่ภาคตะวันออกสามารถยกระดับคุณภาพการให้บริการของโครงข่ายสื่อสารให้มีความครอบคลุมการใช้งานของลูกค้าทุกกลุ่ม เนื่องจากภาคตะวันออกเป็นอีกหนึ่งจุดยุทธศาสตร์ด้านอุตสาหกรรมที่สำคัญของประเทศ ทั้งการเป็นศูนย์กลางการขนส่งและโลจิสติกส์ ทั้งทางทะเล ทางอากาศ และภาคพื้นดิน รวมถึงยังเป็นพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ซึ่งที่ผ่านมา AIS ได้วางโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลทั้งโครงข่าย 5G นวัตกรรม และโซลูชัน ให้มีความพร้อมต่อการเชื่อมต่อกับภาคการผลิต ภาคอุตสาหกรรมให้มีขีดความสามารถใหม่ๆ ที่จะสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่จะทำให้เครื่องยนต์เศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งท่ามกลางความท้าทายในอนาคต

ยิ่งไปกว่านั้นภาคตะวันออกยังเป็นพื้นที่สำคัญของภาคเกษตรกรรมอย่างผลไม้ และอัญมณี รวมถึงยังมีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ และทะเลอ่าวไทย ชายหาด และเกาะต่างๆ ที่มีชื่อเสียงโด่งดังระดับโลกซึ่งได้รับความนิยมทั้งจากนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ อย่าง เมืองพัทยา จ.ชลบุรี, เกาะเสม็ด จ.ระยอง, เกาะช้าง จ.ตราด, น้ำตกพลิ้ว จ.จันทบุรี รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ อาทิ เกาะมันนอก จ.ระยอง, หาดลูกลม เกาะแสมสาร สัตหีบ จ.ชลบุรี,น้ำตกปางสีดา จ.สระแก้ว และวัดเขาบรรจบ รวมถึงอุทยานเขาสิบห้าชั้น จ.จันทบุรี ที่วันนี้ AIS มีความพร้อมในการรองรับการใช้งานให้ลูกค้าและนักท่องเที่ยวสามารถให้บริการโครงข่ายสื่อสารดิจิทัลได้อย่างเต็มประสิทธิภาพทั้งการติดต่อสื่อสาร อัปโหลด แชร์ โซเชียล ได้ไม่มีสะดุด”

เมืองไทยประกันชีวิต ผนึกกำลัง เคาน์เตอร์เซอร์วิส ส่ง “กรมธรรม์ประกันภัยปีใหม่สุขกายสุขใจ (ไมโครอินชัวรันส์)” เติมเต็มความสุขและความอุ่นใจรับเทศกาลปีใหม่

0

บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ผนึกกำลังกับ บริษัท เคาน์เตอร์เซอร์วิส จำกัด  ส่งมอบความสุขและความอุ่นใจไปยังลูกค้าและประชาชนทั่วประเทศ ให้ทุกคนได้มีรอยยิ้มในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ผ่าน “กรมธรรม์ประกันภัยปีใหม่สุขกายสุขใจ (ไมโครอินชัวรันส์)” ประกันภัยอุบัติเหตุกลุ่มที่ให้ความคุ้มครองครอบคลุมทั้งด้านชีวิตและค่ารักษาพยาบาลเนื่องจากอุบัติเหตุ  

โดย นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เมืองไทยประกันชีวิตมีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้จับมือกับเคาน์เตอร์เซอร์วิส  ร่วมกันส่งมอบความอุ่นใจให้กับประชาชนและยังเป็นการตอกย้ำนโยบายของเมืองไทยประกันชีวิต มีความมุ่งมั่นในการสร้างการเข้าถึงได้ของประกันชีวิตให้กับทุก ๆ คนในสังคม (Democratizing Insurance)  เพื่อเป็นส่วนช่วยให้ทุกคนได้มีความอุ่นใจ มีหลักประกันที่มั่นคง และมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน  พร้อมเป็นการตอบรับนโยบายของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ในการส่งเสริมให้ประชาชนมีหลักประกันความคุ้มครองอุบัติเหตุให้กับตนเองและครอบครัว สามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากระบบการประกันภัยเพื่อบริหารความเสี่ยงจากอุบัติเหตุ ได้สะดวก เข้าถึงได้ง่าย และรวดเร็วยิ่งขึ้น

นายเกรียงชัย บุญโพธิ์อภิชาติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) และกรรมการผู้จัดการ บริษัท เคาน์เตอร์เซอร์วิส จำกัด เปิดเผยถึงความมุ่งมั่นในการส่งเสริมความปลอดภัยและความคุ้มค่าให้แก่ประชาชน ด้วยการจำหน่าย “กรมธรรม์ประกันภัยปีใหม่สุขกายสุขใจ (ไมโครอินชัวรันส์)” ผ่านช่องทางที่สะดวกและเข้าถึงง่ายในราคาย่อมเยา ประชาชนที่สนใจสามารถแจ้งความประสงค์กับพนักงานที่ร้านเซเว่นอีเลฟเว่นกว่า 15,000 สาขาทั่วประเทศ เพียงแสดงบัตรประชาชน พร้อมชำระเบี้ยประกันภัย 10 บาท หรือใช้แต้ม ALL Member 1,000 คะแนนแลกรับสิทธิ์ฟรี และยังสามารถซื้อผ่านเว็บไซต์ www.counterservice.co.th เพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับประชาชนในการเข้าถึงความคุ้มครองด้านประกันภัยอย่างทั่วถึง พร้อมตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคดิจิทัลที่เน้นความรวดเร็วและง่ายดาย หลังจากชำระเงินแล้ว ลูกค้าจะได้รับสลิปยืนยันการทำรายการ ซึ่งระบุวันเริ่มต้นและวันสิ้นสุดความคุ้มครองอย่างชัดเจน พร้อม SMS ยืนยันความคุ้มครอง โดยสามารถซื้อได้ตั้งแต่วันที่ 20 ธันวาคม 2567 – 28 กุมภาพันธ์ 2568 (จำนวนจำกัด 300,000 สิทธิ์)

โดยความคุ้มครองที่ลูกค้าและประชาชนทั่วไปจะได้รับ ประกอบด้วย  1. ความคุ้มครองการเสียชีวิต การสูญเสียมือ เท้า การสูญเสียสายตา หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง เนื่องจากอุบัติเหตุ ไม่รวมการถูกฆาตกรรมลอบทำร้ายร่างกาย และ/หรือ อุบัติเหตุขณะขับขี่หรือโดยสารรถจักรยานยนต์ จำนวนเงินเอาประกันภัย 100,000 บาท  2. ความคุ้มครองการเสียชีวิต การสูญเสียมือ เท้า การสูญเสียสายตา หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง จากการถูกฆาตกรรมลอบทำร้ายร่างกาย และ/หรือ อุบัติเหตุขณะขับขี่หรือโดยสารรถจักรยานยนต์ จำนวนเงินเอาประกันภัย 50,000 บาท 3. ความคุ้มครองการเสียชีวิต การสูญเสียมือ เท้า การสูญเสียสายตา หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง เนื่องจากอุบัติเหตุสาธารณะ จำนวนเงินเอาประกันภัย 100,000 บาท  และ 4. ผลประโยชน์ค่ารักษาพยาบาลเนื่องจากอุบัติเหตุ ไม่รวมค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการจ้างพยาบาลพิเศษ อุปกรณ์ค้ำยันต่าง ๆ (ยกเว้นไม้ค้ำยัน) รถเข็นผู้ป่วย อวัยวะเทียมภายนอกร่างกาย ค่ารักษาพยาบาลโดยแพทย์ทางเลือก (Alternative medicine) การฝังเข็ม จำนวนเงินเอาประกันภัยตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 5,000 บาท สำหรับ “กรมธรรม์ประกันภัยปีใหม่สุขกายสุขใจ (ไมโครอินชัวรันส์)” มีระยะเวลาคุ้มครอง 30 วัน   นับจากวันเริ่มต้นระยะเวลาเอาประกันภัย ซึ่งผู้ที่จะได้รับสิทธิ์จะต้องถือสัญชาติไทยเท่านั้น และมีอายุตั้งแต่  15 ปีบริบูรณ์ ถึง 70 ปีบริบูรณ์ ณ วันที่ทำประกันภัย  

ผู้เชี่ยวชาญ ยืนยัน “ไส้กรอก” จากผู้ผลิตที่ได้มาตรฐาน ปลอดภัยต่อการบริโภค

0

ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีการอาหาร เตือน ต้องพิจารณาเหตุผลให้รอบด้านอย่าปลงใจเชื่อคลิปส่องกล้อง “ไส้กรอก” ที่เผยแพร่ทางโซเชียลบางคลิปที่อาจให้ข้อมูลที่ไม่ครบถ้วน ชวนเชื่อให้หวาดกลัว แนะนำให้ใช้วิจารณญาณในการรับชม ย้ำผู้บริโภคเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ไส้กรอก และผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์แปรรูปจากผู้ผลิตและแหล่งจำหน่ายที่ได้มาตรฐานเพื่อสร้างความมั่นใจในความปลอดภัย

ผศ.ดร.รชา เทพษร อาจารย์ประจำสาขาวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า “ไส้กรอก” เป็นผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์แปรรูปที่ช่วยยืดอายุการเก็บรักษา โดยยังคงคุณค่าโปรตีนจากเนื้อสัตว์ไว้ ทำให้รับประทานได้ง่ายขึ้น และเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้บริโภค

ผศ.ดร.รชา เทพษร

กรณีล่าสุด ที่มีคลิปเผยแพร่ทางโซเชียล โดยนำไส้กรอกที่ไม่ระบุแหล่งที่มา นำเสนอคลิปส่องกล้อง และพบสิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ ที่อ้างว่าเป็นไมโครพลาสติก โดยไมโครพลาสติกสามารถพบปนเปื้อนได้ในสิ่งแวดล้อม เกลือ ผัก ผลไม้ อาหารทะเล หรือเนื้อสัตว์ แม้จะมีรายงานเกี่ยวกับผลกระทบในสัตว์ทดลอง แต่ยังไม่มีรายงานผลกระทบต่อมนุษย์จากการได้รับผ่านทางห่วงโซ่อาหาร โดยองค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศว่าไมโครพลาสติกที่รับเข้าสู่ร่างกายมนุษย์จะถูกขับออกผ่านการขับถ่ายได้

ซึ่งปกติแล้วเราสามารถพบไมโครพลาสติกได้โดยทั่วไปในชีวิตประจำ และไม่ได้เป็นปริมาณที่ยืนยันจากทางการแพทย์ว่ามากพอที่จะทำให้เกิดอันตรายต่อสิ่งมีชีวิต

ทั้งนี้ คลิปดังกล่าวอาจมีความเป็นไปได้ว่าตัวอย่างไส้กรอกในคลิปนั้น ผลิตจากผู้ผลิตที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือมาจากแหล่งผลิตที่ไม่น่าเชื่อถือ การสุ่มตัวอย่าง จำนวนตัวอย่าง การเตรียมตัวอย่าง รวมถึงอุปกรณ์ที่นำมาใช้ทดลองอาจไม่ถูกต้องตามหลักการทางวิทยาศาสตร์ อย่างไรก็ตาม หากผู้บริโภคเลือกซื้อไส้กรอกที่มาจากแหล่งผลิตที่น่าเชื่อถือ ได้รับการรับรองโดยหน่วยงานด้านความปลอดภัยอาหารก็สามารถประกันได้ว่าผู้บริโภคจะได้รับผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ และความปลอดภัยสำหรับการบริโภค

ผศ.ดร.รชา กล่าวย้ำว่า ผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์แปรรูปที่ไม่ทราบแหล่งที่มามีความเสี่ยงและอันตรายมาก ผู้บริโภคควรหลีกเลี่ยง เพราะนอกจากความสะอาดและสุขอนามัยที่ไม่ได้รับการตรวจสอบ อาจมีสารเคมีปนเปื้อนหรือตกค้างจากกระบวนการผลิตที่มีการเติมแต่งใส่สารบางอย่างลงไป หรือมีการใส่สารกันเสียเกินปริมาณที่กฎหมายกำหนด

สำหรับการเลือกซื้อไส้กรอก แนะนำให้เลือกซื้อจากผู้ผลิตและแหล่งจำหน่ายที่ได้รับรองมาตรฐาน เพื่อสร้างความมั่นใจในความปลอดภัย นอกจากนี้ควรสังเกตฉลากรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงมีมาตรฐานการผลิต GMP และมีวันเดือนปีหมดอายุระบุชัดเจน บรรจุภัณฑ์ไม่ฉีกขาด ทั้งนี้ แนะให้อุ่นร้อนก่อนรับประทาน เมื่ออุ่นร้อนแล้วไม่ควรทิ้งไว้นาน เพราะอาจทำให้เกิดความเสี่ยงจากจุลินทรีย์ที่ปนเปื้อนหลังกระบวนการอุ่นร้อนทำให้ไม่ปลอดภัยต่อการบริโภค.

เมืองไทยประกันชีวิต ลุยมหกรรมการเงินกรุงเทพฯ ส่งท้ายปี ครั้งที่ 7 ชูผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต ความคุ้มครองสุขภาพ โรคร้ายแรง พร้อมแบบประกันพิเศษ และโปรโมชันเด่น ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์

0

นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า  เมืองไทยประกันชีวิต คัดสรรผลิตภัณฑ์ บริการ และโปรโมชันเด่น เข้าร่วมงานมหกรรมการเงินกรุงเทพฯ ส่งท้ายปี ครั้งที่ 7 “Money Expo Year End 2024” ระหว่างวันที่ 19-22 ธันวาคม 2567 ณ Exhibition Hall 5  ชั้น LG     ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าทุกไลฟ์สไตล์ พร้อมด้วยกิจกรรมแห่งความสุขและรอยยิ้มมากมาย

โดยในพิธีเปิดงานได้รับเกียรติจากนายพิชัย  ชุณหวชิร  รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายวรภัค ธันยาวงษ์ ที่ปรึกษา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายพิสิทธิ์ พัฒนะนุกิจ ที่ปรึกษา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายสันติ  วิริยะรังสฤษฎ์  ประธานจัดงานมหกรรมการเงิน Money Expo  พร้อมด้วยนายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)  ผู้บริหาร ตัวแทนนักวางแผนประกันชีวิต และที่ปรึกษาทางการเงิน ร่วมในพิธีเปิดบูธเมืองไทยประกันชีวิต

ทั้งนี้ เมืองไทยประกันชีวิต ได้คัดสรรผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นความคุ้มครองชีวิต สุขภาพ โรคร้ายแรง รวมไปถึงแบบประกันสำหรับผู้ที่ต้องการวางแผนลดหย่อนภาษีโค้งสุดท้ายของปี  โดยผลิตภัณฑ์ไฮไลท์ ได้แก่ “ShieldLife – ตัวช่วยให้คุณเบาใจ ในวันที่คุณจากไป…” เริ่มต้นวางแผนการสร้างหลักประกันที่มั่นคงให้คนที่คุณรัก ด้วยแบบประกันชีวิตที่คุณเลือกได้  ทั้งประกันชีวิตแบบตลอดชีพ  (Whole Life) ประกันชีวิตแบบคุ้มครองภายในระยะเวลา (Term) หรือประกันชีวิตแบบยูนิเวอร์แซลไลฟ์ (Universal Life) 

สัญญาเพิ่มเติมการประกันภัยสุขภาพแบบ  ดี เฮลท์ พลัส,  อีลิท เฮลท์ พลัส  และสัญญาเพิ่มเติม แคร์ พลัส  รวมไปถึงแบบประกันภัยพิเศษ  7 แบบประกัน ประกอบด้วย เมืองไทย ซุปเปอร์ เซฟเวอร์ 25/16, เมืองไทย สไมล์ เซฟเวอร์ 20/16, ออมทรัพย์ 20/14, โครงการเมืองไทย สมาร์ท ลิงค์ 15/6 (Global),  เฟล็กซี่ รีไทร์ 90/5 ดี55 ดี60 ดี65 (บำนาญแบบลดหย่อนได้), เมืองไทย 8560 จี 15 (บำนาญแบบลดหย่อนได้) และเมืองไทย 8555 จี 20 (บำนาญแบบลดหย่อนได้)  เพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการที่หลากหลาย เลือกได้ตามไลฟ์สไตล์ที่เป็นคุณ

พร้อมโปรโมชันจัดเต็มสำหรับลูกค้าที่ซื้อประกันภัย รวมถึงลูกค้าที่ชำระเบี้ยประกันภัยต่ออายุกรมธรรม์ภายในงาน  ซึ่งลูกค้าสามารถสอบถามรายละเอียดโปรโมชันได้ภายในบูธเมืองไทยประกันชีวิต และพบกับบริการด้านการวางแผนประกันชีวิตและความคุ้มครองสุขภาพที่ออกแบบได้ตามความต้องการ  โดยนักวางแผนประกันชีวิตและที่ปรึกษาทางการเงิน จากเมืองไทยประกันชีวิต

สำหรับสมาชิกเมืองไทยสไมล์คลับ พบกับสิทธิพิเศษมากมาย ภายในบูธจุดบริการเมืองไทยสไมล์คลับ โดยสามารถแลกคะแนนสะสมเพื่อเข้าร่วมกิจกรรม รับบัตรกำนัล หรือ e-Voucher อาทิ Smile Point to Invest ส่วนลดสำหรับซื้อกองทุนรวมผ่าน MTL myFund, e-Coupon 30 บาท เพื่อเป็นส่วนลดที่ร้านยากรุงเทพ, บัตรกำนัลห้องพัก Relaxing Smile 2024 , ลุ้นโชคกับเมืองไทยสไมล์มอบโชค 2567 หรือแลกรับของที่ระลึกต่างๆ  เช่น บัตรกำนัลโลตัส 1,000 บาท, บัตรเติมน้ำมัน ปตท. 500 บาท, บัตรกำนัลสตาร์บัค 500 บาท และบัตรกำนัล Boots 200 บาท เป็นต้น

พร้อมพบกับกิจกรรมแลกรับของที่ระลึกสุดพิเศษ Muang Thai Smile Premium Collection X good goods สุขใจผู้ให้ ถูกใจผู้รับ ชุมชนยิ้มได้อย่างยั่งยืน  โดยสมาชิกเมืองไทยสไมล์คลับ สามารถแลกคะแนนรับของพรีเมียมคอลเลกชันพิเศษร่วมกับ good goods ประกอบด้วย 35 Smile Points แลกรับ กระเป๋าผ้าซิปอเนกประสงค์ good goods 1 ใบ   95 Smile Points แลกรับ กระเป๋าเสื่อกกทรงหัวใจ good goods 1 ใบ (คละสีและลาย) โดยชุมชนเกษตรกร จ.สุรินทร์  หรือ 150 Smile Points แลกรับ กระเป๋าเส้นเทปกระดาษพร้อมถุงผ้าสีชมพู 1 ใบ โดยเกษตรกรบ้านอ้อเขียว จ.ราชบุรี ระยะเวลาแลกรับสิทธิ์ 2 ธันวาคม 2567 – 31 ธันวาคม 2568

สมาชิกเมืองไทยสไมล์คลับที่เปิดบัญชีกองทุนและแลกคะแนนในโครงการ Smile Point to Invest เพื่อซื้อหน่วยลงทุนรับ Starbucks e-Coupon มูลค่า 200 บาท (จากปกติ 100 บาท) หรือสมาชิกเมืองไทยสไมล์คลับที่มีบัญชีกองทุนแล้วสามารถแลกคะแนนในโครงการSmile Point to Invest เพื่อซื้อหน่วยลงทุนรับ Starbucks e-Coupon มูลค่า 100 บาท จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (สำหรับผู้เข้าร่วมรายการสูงสุด 1 ท่านต่อ 1 สิทธิ์ต่อวัน)

นอกจากนี้ ลูกค้าเมืองไทยประกันชีวิตที่สนใจสมัครบัตรเมืองไทยสไมล์เครดิตการ์ด พิเศษเฉพาะผู้ที่มาร่วมงานฯ สามารถยื่นใบสมัครบัตรเครดิตฯ ได้ที่บูธเมืองไทยสไมล์คลับภายในงานได้เลย โดยผู้ที่ถือบัตรเมืองไทยสไมล์เครดิตการ์ดระดับ Pink และ Pink Gold จะได้รับสิทธิพิเศษมากมายทั้งจากธนาคารกสิกรไทย และบมจ.เมืองไทยประกันชีวิต อาทิ รับเครดิตเงินคืน 0.25% เมื่อชำระเบี้ยประกันภัยของ บมจ.เมืองไทยประกันชีวิต แบบไม่จำกัดจำนวนเงินคืน, ส่วนลดสูงสุด 50% เมื่อใช้บัตรเมืองไทยสไมล์เครดิตการ์ดชำระค่าสินค้าและค่าบริการตามเงื่อนไขที่กำหนดจากโรงพยาบาลหรือร้านค้าพันธมิตรที่มีมากกว่า 10 แห่งทั่วประเทศ

แล้วพบกันที่ บูธเมืองไทยประกันชีวิต งานมหกรรมการเงินกรุงเทพฯ ส่งท้ายปี ครั้งที่ 7 “Money Expo Year End 2024” ระหว่างวันที่ 19-22 ธันวาคม 2567 ณ Exhibition Hall 5  ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

เมืองไทยประกันชีวิต คว้ารางวัล “Superbrands Thailand 2024” ตอกย้ำผู้นำสร้างแบรนด์ระดับสากล 19 ปีต่อเนื่อง

0

เมืองไทยประกันชีวิต ประกาศความภาคภูมิใจอีกครั้งด้วยการคว้ารางวัลอันทรงเกียรติ “Superbrands Thailand” ประจำปี 2024 สูงสุด 19 ปีต่อเนื่อง นับเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์แบรนด์ที่แข็งแกร่งและได้รับการยอมรับในระดับสากล รางวัลดังกล่าวสะท้อนถึงความสำเร็จในด้านความน่าเชื่อถือ ความโดดเด่น และความเป็นที่หนึ่งในใจผู้บริโภคที่บริษัทให้ความสำคัญเสมอมา

นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า  “นับเป็นความภาคภูมิใจอีกครั้งของบริษัทฯ ที่ได้รับรางวัล Superbrands Thailand ปี 2024  โดยเป็นองค์กรเพียงแห่งเดียวที่ได้รับรางวัลดังกล่าวต่อเนื่องเป็นปีที่  19  ซึ่งการได้รับรางวัล Superbrands Thailand ไม่เพียงช่วยยกระดับภาพลักษณ์ของแบรนด์ในสายตาผู้บริโภค แต่ยังส่งเสริมความเชื่อมั่นให้กับพันธมิตรทางธุรกิจ อีกทั้งยังสร้างโอกาสใหม่ในการขยายตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะในยุคที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับแบรนด์ที่มีความน่าเชื่อถือและความโปร่งใส 

ทั้งนี้ รางวัล Superbrands Thailand นี้ได้รับการยอมรับอย่างสูงจากผู้บริโภคในประเทศไทย รวมถึงผู้ทรงคุณวุฒิในสายงานด้านการตลาด การสร้างแบรนด์ การประชาสัมพันธ์ สื่อมวลชน และตัวแทนคณะกรรมการอิสระ ผ่านกระบวนการพิจารณาที่ครอบคลุมผลการสำรวจการตลาดจากทั่วประเทศ โดยมีนางสาวนิรัตน์ บูชาสุข รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เป็นผู้แทนบริษัทฯ เข้ารับรางวัลจากนางสาวแชมเปญ เทียนแขวะ ผู้อำนวยการซูเปอร์แบรนด์ประเทศไทย   โดยงานจัดขึ้น ณ ห้องแกรนด์ฮอลล์ ทรู ดิจิทัล พาร์ค

สำหรับรางวัล Superbrands เป็นรางวัลที่มอบให้แก่บริษัทที่ได้รับคะแนนสูงสุดจากการประเมิน 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่  คุณภาพของแบรนด์ (Brand Quality) ที่เมืองไทยประกันชีวิตได้รับการยอมรับในด้านการให้บริการที่เปี่ยมด้วยคุณภาพ การพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต และการดูแลลูกค้าด้วยความใส่ใจอย่างมืออาชีพ ความน่าเชื่อถือ (Brand Trust) ด้วยประวัติการดำเนินธุรกิจที่ยาวนานกว่า 72 ปี เมืองไทยประกันชีวิตได้สร้างความไว้วางใจในกลุ่มลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง การบริหารจัดการด้วยความโปร่งใสและความรับผิดชอบต่อผู้บริโภคคือหัวใจสำคัญของแบรนด์   และการสร้างความแตกต่างและเอกลักษณ์ของแบรนด์ (Brand Distinction)  เมืองไทยประกันชีวิตเป็นที่จดจำในฐานะแบรนด์ที่มุ่งมั่นสร้างความสุขและการดูแลสุขภาพครบวงจรผ่านแนวคิด “Happiness Means Everything” ซึ่งสะท้อนถึงพันธกิจหลักในการยกระดับคุณภาพชีวิตของลูกค้า

เมืองไทยประกันชีวิตยังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาและยกระดับมาตรฐานของแบรนด์เพื่อให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงในโลกธุรกิจ พร้อมทั้งส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้คนในสังคม ภายใต้พันธกิจหลักในการเป็นคู่คิดด้านการวางแผนชีวิตและสุขภาพที่ลูกค้าวางใจ ที่พร้อมดูแลและสนับสนุนลูกค้าในทุกช่วงชีวิต

“การได้รับรางวัลนี้ไม่เพียงเป็นเกียรติประวัติแก่บริษัทฯ แต่ยังยืนยันถึงความสำเร็จในการสร้างแบรนด์ที่บริษัทฯ ยึดมั่นมาโดยตลอด พร้อมทั้งช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภค พันธมิตรทางธุรกิจและผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ด้วยความสำเร็จครั้งนี้ เมืองไทยประกันชีวิตขอขอบคุณลูกค้าและพันธมิตรทุกท่านที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางครั้งสำคัญ และสัญญาว่าจะเดินหน้าสร้างสรรค์สิ่งที่ดีเพื่อลูกค้าต่อไป” นายสาระ กล่าว

AIS เตือนภัย! มิจฉาชีพมามุกใหม่ช่วงสิ้นปี หลอกให้แลกคะแนนก่อนหมดอายุโดยส่งผ่าน SMS พร้อมแนบลิงก์ปลอม

0

ย้ำ!!! มีสติก่อนกด รอบคอบก่อนโอน อุ่นใจห่างไกลภัยไซเบอร์

บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS เตือนลูกค้าและประชาชนอย่าหลงเชื่อมิจฉาชีพที่แฝงมาในช่วงเทศกาลสิ้นปีที่บรรดาแบรนด์สินค้าต่างๆ ได้ออกแคมเปญทางการตลาดเฉลิมฉลองเชิญชวนให้ลูกค้าช้อปปิ้งพร้อมรับส่วนลดโปรโมชันจากการใช้แต้ม หรือ คะแนนสะสม

โดยมิจฉาชีพใช้โอกาสจากช่วงเวลาดังกล่าว หลอกลวงในรูปแบบ SMS ที่แอบอ้างชื่อผู้ส่ง (Sender Name) หลากหลายรูปแบบ อาทิ เบอร์มือถือ ชื่อหน่วยงานต่างๆ รวมถึงแอบอ้างใช้ชื่อ AIS โดยใช้ข้อความหลอกลวงให้ลูกค้าหลงเชื่อ ยกตัวอย่าง “คะแนนสะสม AIS Points ของคุณกำลังจะหมดอายุ อย่าลืมแลกของรางวัล พร้อมแนบลิงก์ปลอมให้กด” เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าที่ได้รับ SMS เกิดการคลิกแลกพอยท์ จากการกดลิงก์เข้าไปยังเว็บไซต์ปลอม ให้กรอกข้อมูลส่วนบุคคลอันอาจนำไปสู่ความเสี่ยงในการสูญเสียทรัพย์สิน

AIS ขอยืนยันว่า ไม่มีนโยบายการกดแลกคะแนน AIS Points ผ่านลิงก์ การตรวจสอบหรือแลกคะแนนสะสม AIS Points ต้องดำเนินการผ่านแอปพลิเคชัน myAIS เท่านั้น

ทั้งนี้ หากพบข้อความ SMS แอบอ้างในลักษณะดังกล่าว หรือความผิดปกติของเบอร์โทร หรือ SMS ที่ติดต่อเข้ามา ลูกค้าสามารถแจ้งผ่านสายด่วน AIS Spam Report Center 1185 ฟรี ตลอด 24 ชั่วโมง โดย AIS จะตรวจสอบร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการทางกฎหมายต่อไป มีสติก่อนกด รอบคอบก่อนโอน อุ่นใจห่างไกลภัยไซเบอร์