Home Blog Page 53

เมืองไทยประกันชีวิตและมูลนิธิเมืองไทยยิ้ม ออกหน่วยบริการตรวจวัดสายตาและมอบแว่นตาให้ผู้สูงอายุต่อเนื่อง ปีที่ 6

0

เมืองไทยประกันชีวิต ร่วมกับมูลนิธิเมืองไทยยิ้ม และร้านหอแว่น จัดกิจกรรมเพื่อสังคมด้วยการออกหน่วยตรวจวัดสายตาและมอบแว่นตาให้ผู้สูงอายุ ปีที่ 6 เพื่อส่งเสริมสุขภาพสายตาและคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุในชุมชนต่างๆ ทั่วประเทศ รวมถึงผู้สูงอายุในศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุ ในการดูแลของกรมกิจการผู้สูงอายุ  เป้าหมาย 10,000 รายในปี 2568

นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เมืองไทยประกันชีวิต ร่วมกับมูลนิธิเมืองไทยยิ้ม และหอแว่น  จัดกิจกรรมในครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมสุขภาพสายตาและคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุในชุมชน โดยมีผู้เชี่ยวชาญด้านสายตาจากร้านหอแว่นร่วมตรวจวัดและให้คำแนะนำเรื่องการดูแลสายตา พร้อมมอบแว่นตาที่เหมาะสมให้กับผู้สูงอายุแต่ละราย ดวงตาและการมองเห็นที่ดีขึ้นไม่เพียงช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ เช่น การหกล้ม แต่ยังสนับสนุนการอ่านหนังสือและกิจกรรมในชีวิตประจำวัน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการลดความเสี่ยงจากโรคอัลไซเมอร์และภาวะสมองเสื่อม เป้าหมายหลักของการมองเห็นที่ชัดเจนในผู้สูงอายุ คือ ทำให้สามารถทำกิจกรรมในชีวิตประจำวัน “มอง อ่าน เขียน” ได้ ซึ่งเป็นการฟื้นฟูชะลอความเสื่อมของสมองในผู้สูงอายุเป็นการรักษาที่ “ไม่ใช้ยา”  อีกทั้งยังส่งเสริมความสุขและคุณภาพชีวิตที่ดีแก่ผู้สูงอายุ

นอกจากประโยชน์ที่ได้รับโดยตรงต่อผู้สูงอายุ กิจกรรมครั้งนี้ยังสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของเมืองไทยประกันชีวิตในการทำหน้าที่เพื่อช่วยเหลือและพัฒนาสังคม ผ่านโครงการเพื่อสังคมที่สร้างผลกระทบเชิงบวก ทั้งในด้านสุขภาพ สังคม และจิตใจ โดยการร่วมมือกับพันธมิตรอย่างร้านหอแว่นและหน่วยงานในท้องถิ่น

ทั้งนี้การดูแลสุขภาพสายตาถือเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างสุขภาพที่ดีสำหรับผู้สูงอายุ เมืองไทยประกันชีวิตมีความภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล และผู้สูงอายุที่อาศัยในบ้านพักคนชรา การที่พวกเขาได้รับโอกาสในการตรวจสายตาและแว่นตาที่เหมาะสม เป็นการช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายและเพิ่มโอกาสในการใช้ชีวิตอย่างมีความสุข  ซึ่งกิจกรรมในครั้งนี้  เราได้จัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 ได้ออกหน่วยบริการตรวจวัดสายตาและมอบแว่นตาให้ผู้สูงอายุ ไปแล้ว จำนวน 62 หน่วย มอบแว่นสายตาให้ผู้สูงอายุไปแล้ว 8,267 อัน

และกิจกรรมล่าสุด ณ บ้านพักคนชราบางละมุง ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุบ้านบางละมุง จังหวัดชลบุรี โดยครั้งนี้ถือเป็นหน่วยบริการลำดับที่ 62 ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างอบอุ่นจากผู้สูงอายุ   ทั้งนี้ในการกิจกรรมดังกล่าวบริษัทได้นำทีมงานในพื้นที่เข้าร่วมกิจกรรมเพื่อเป็นจิตอาสาพร้อมสร้างเครือข่ายในพื้นที่ ซึ่งจะเป็นการปลูกจิตสำนึกให้บุคลากรของบริษัทรู้จักการเสียสละและมีใจในการช่วยเหลือสังคม

“เมืองไทยประกันชีวิตและมูลนิธิเมืองไทยยิ้มยังคงมุ่งมั่นที่จะดำเนินโครงการเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่อง ด้วยเป้าหมายในการสร้างสังคมที่แข็งแกร่ง ยั่งยืน ด้วยความสุขสำหรับทุกคน พร้อมทั้งขยายโอกาสในการเข้าถึงบริการที่ช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายในทุกพื้นที่ ตอกย้ำความตั้งใจในการเป็นส่วนหนึ่งที่ขับเคลื่อนความสุขและความมั่นคงให้กับสังคมในระยะยาว” นายสาระ กล่าวสรุป

CONNEXT ED หนุน รร.บ้านหนองกระทุ่ม ชัยภูมิ เรียนรู้โค้ดดิ้ง “Amazing Coding By Micro bit”

0

โค้ดดิ้ง (Coding) เป็นหลักสูตรที่นักเรียนทั่วประเทศต้องเรียนตามประกาศของกระทรวงศึกษาธิการ ตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นมา เริ่มเรียนตั้งแต่ชั้น ป.1 เป็นต้นไป โดยให้ Coding เป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตรวิทยาการคำนวณที่บรรจุอยู่ในสาระเทคโนโลยี กลุ่มสาระเรียนรู้วิทยาศาสตร์เป้าหมาย เพื่อปูพื้นฐานให้นักเรียนฝึกคิดอย่างเป็นระบบ ค้นเจอปัญหาและเงื่อนไข รู้เหตุและผล เข้าใจกระบวนการทำงานเพื่อแก้ไขปัญหา ซึ่งเป็นทักษะสำคัญและจำเป็นสำหรับเด็กในศตวรรษใหม่

อย่างไรก็ตาม โรงเรียนที่มีความพร้อมในเรื่องวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ เรื่อง Coding เป็นสิ่งที่นักเรียนสามารถเรียนรู้และเข้าถึงองค์ความรู้ได้โดยง่าย แต่โรงเรียนบางแห่งอาจไม่มีความพร้อมสำหรับเรื่องนี้ โรงเรียนบ้านหนองกระทุ่ม ต.ชีบน อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ โรงเรียนขนาดกลาง สอนตั้งแต่ชั้นอนุบาล 2 – ประถมศึกษาปีที่ 6 เป็นหนึ่งในโรงเรียนที่ไม่มีความพร้อมในการจัดหาคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์การเรียนดังกล่าวให้เพียงพอกับนักเรียนทั้ง 131 คน

นายพิทรัตน์ บรรจงงาม ผู้อำนวยการ รร.บ้านหนองกระทุ่ม เล่าว่า โรงเรียนฯมีครูคอมพิวเตอร์ แต่กลับมีคอมพิวเตอร์ไม่พอสำหรับเด็กๆ ครูจึงทำโครงการ “Amazing Coding By Micro bit” เสนอต่อมูลนิธิสานอนาคตการศึกษา หรือ CONNEXT ED โดยมีซีพีเอฟให้การสนับสนุนคอมพิวเตอร์เพื่อการเรียนรู้ จนถึงปัจจุบันสอนเป็นรุ่นที่ 2 มีนักเรียนชั้นป. 4 – 5 – 6 รวม 55 คน ที่เข้าเรียนในชั่วโมงชุมนุม ส่วนน้องๆป.1 – 2 -3 ให้เรียนปรับพื้นฐานไปก่อน

“เด็กๆทุกคนตื่นเต้นมากที่ได้เรียน Coding ได้เรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆที่ไม่เคยได้เรียน เขาจึงอยากเรียนรู้ ตั้งใจเรียน สนใจดูคู่มือ พร้อมที่จะลงมือทำ และต่อยอดสร้างสรรค์ บางคนถึงกับขอเพิ่มชั่วโมงชุมนุม ตอนนี้เรายังทำการสอนแบบกลุ่ม และหวังว่าในอนาคตจะสอนตัวต่อตัว อยากให้ได้ลงมือทำลองปฏิบัติกับอุปกรณ์และคอมพิวเตอร์จริงๆ ขอขอบคุณซีพีเอฟ ที่ส่งเสริมการพัฒนานักเรียนของเรามาตลอด ก่อนหน้านี้ก็สนับสนุนชุมนุมประดิษฐ์ดอกไม้ ซึ่งเป็นกิจกรรมชุมชนสัมพันธ์ ให้เด็กๆประดิษฐ์ดอกไม้ทำพวงหรีด เป็นเสริมรายได้ให้พวกเขา ต่อยอดไปถึงการแกะสลักในงานศิลปะหัตถกรรมต่างๆ กลายเป็นพื้นฐานให้นักเรียนนำไปใช้และต่อยอดเป็นอาชีพได้” ผอ.พิทรัตน์ กล่าว

ดญ.พิชญดา จันทร์บุญ นักเรียนชั้น ป.6 บอกว่า Coding ทำให้การเรียนของหนูสนุกขึ้น หนูชอบที่ได้ลองผิดลองถูกได้ทำกิจกรรมที่แปลกใหม่ ท้าทายความสามารถ และยังทำให้มีกระบวนการคิดที่ดีขึ้น คิดอย่างมีขั้นตอน มีเหตุผล และทำให้มีความคิดสร้างสรรค์ สามารถนำความรู้ไปต่อยอดเป็นอาชีพ เช่น การทำระบบรดน้ำอัจฉริยะ และระบบให้อาหารไก่อัตโนมัติ ส่วน ดช.ณัฐนันท์ พันธ์สูงเนิน นักเรียนชั้นเดียวกัน ฝากขอขอบคุณซีพีเอฟที่มอบโอกาสให้นักเรียนได้สัมผัสการเรียนรู้ใหม่ๆ ผมชอบการเรียนรู้ผ่านไมโครบิทมากๆ เพราะได้ฝึกการคิดแก้ปัญหา เป็นการเรียนรู้ที่น่าสนใจมากๆ

ด้าน ดญ.ชมพูนุช วรรณมาตย์ นักเรียนชั้น ป.5 ที่ตื่นเต้นไม่แพ้กันที่ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ และเป็นโอกาสดีที่ได้ฝึกกระบวนการทำงานต่างๆของไมโครบิท ที่ทำให้มีทัศนคติที่ดีเกี่ยวกับเทคโนโลยี พร้อมพัฒนาศักยภาพและความสามารถด้านเทคโนโลยีมากขึ้นไปอีก และยังได้ฝึกสมาธิ มีความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบผลงาน นักเรียนทุกคนต่างสนุกกับการเรียน ขอขอบคุณทางซีพีเอฟที่สนับสนุนโครงการดีดีแบบนี้

“Amezing Coding by Micro bit” การเรียนรู้ผ่านแผงควบคุมเล็กๆ ที่ออกแบบให้สามารถสั่งงานได้ด้วยการเขียนโปรแกรมสไตล์ Block-based programming เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการเรียนรู้และการใช้เทคโนโลยีขั้นพื้นฐานของน้องๆนักเรียน รร.บ้านหนองกระทุ่ม ที่จะกลายเป็นการจุดประกายให้กับพวกเขา นำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน ต่อยอดสู่อาชีพ และอาจกลายเป็นผู้สร้างนวัตกรรมสิ่งประดิษฐ์ที่ยิ่งใหญ่ในอนาคต .

ปิดฉากเวที AIS 5G eSports U Series Thailand Championship 2024 by Red Bull สุดยิ่งใหญ่ ศึกตีป้อมระดับมหาวิทยาลัยรวม 60 สถาบัน 300 ทีม ทั่วประเทศ

0

จบไปแล้วกับเวทีการแข่งขันกีฬาอีสปอร์ตระดับมหาวิทยาลัยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของไทย AIS 5G eSports U Series Thailand Championship 2024 by Red Bull ที่ในปีนี้มีมหาวิทยาลัยเข้าร่วมการแข่งขันถึง 60 มหาวิทยาลัยทั่วประเทศ โดยมีทีมลงทะเบียนเข้าร่วมการแข่งขันรวมทั้งสิ้นกว่า 300 ทีม ชิงทุนการศึกษารวม 150,000 บาท งานนี้น้องๆ นักกีฬาอีสปอร์ต ทีม Death Masks จากมหาวิทยาลัยรังสิตโชว์สกิลโหดคว้าแชมป์ รับถ้วยรางวัลและทุนการศึกษาได้สำเร็จ

นางสาวรุ่งทิพย์ จารุศิริพิพัฒน์ รักษาการหัวหน้าแผนกงานบริหารธุรกิจเกม บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS กล่าวว่า “ขอขอบคุณ Red Bull และพาร์ทเนอร์ชั้นนำทั้ง มาม่า ทรอส พร้อมด้วย บีลิงค์ มีเดีย รวมถึงน้องๆ จากมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ ที่มาร่วมกันขับเคลื่อนวงการให้ยกระดับสู่สากลและเฟ้นหาเยาวชนที่มีฝันในการเป็นนักกีฬาอีสปอร์ตมืออาชีพตัวจริง ในเวที AIS 5G eSports U Series Thailand Championship 2024 by Red Bull ที่เราตั้งใจเปิดพื้นที่ให้น้องๆ ระดับมหาวิทยาลัยซึ่งมีใจรักในการแข่งขันกีฬาอีสปอร์ตได้แสดงความสามารถกันอย่างเต็มที่”

ขอแสดงความยินดีกับ น้องๆ ทีม Death Masks จากมหาวิทยาลัยรังสิต ที่สามารถฝ่าฟันการแข่งขันในแต่ละรอบจนเข้ามาคว้าแชมป์ได้สำเร็จในปีนี้ รวมถึงน้องๆ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่คว้ารางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1, มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2, มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย รางวัลอันดับที่ 4, มหาวิทยาลัยกรุงเทพ และ วิทยาลัยเทคโนโลยีภาคตะวันออก (อี.เทค) รางวัลอันดับที่ 5-6 ร่วม, มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ และ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ รางวัลอันดับที่ 7-8 ร่วม, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ – มหาวิทยาลัยมหิดล – มหาวิทยาลัยศรีปทุม- มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทา – มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี – สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง – มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ – มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ได้รับรางวัลอันดับที่ 9-16 ร่วม

“เราเชื่อว่าเวที AIS 5G eSports U Series Thailand Championship 2024 by Red Bull จะเป็นจุดเริ่มต้นในการช่วยสร้างแรงบันดาลใจและพัฒนาทักษะการเป็นนักกีฬาอีสปอร์ตมืออาชีพให้กับเยาวชน เพื่อที่จะก้าวสู่การแข่งขันในเวทีระดับโลกต่อไป”  นางสาวรุ่งทิพย์ กล่าวทิ้งท้าย

เครือซีพี – ซีพีเอฟ เดินหน้า “โครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวัน” ยกระดับโภชนาการในพื้นที่ห่างไกล

0

เครือเจริญโภคภัณฑ์ ซีพีเอฟ และมูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท ขับเคลื่อน “โครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน” ต่อเนื่องตลอด 36 ปี มุ่งส่งเสริมโภชนาการที่ดีแก่นักเรียนพื้นที่ห่างไกล ในโรงเรียนทั่วประเทศ 988 แห่ง ช่วยให้นักเรียนกว่า 223,000 คน ครู 16,500 คน และชุมชน ได้รับประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อม

นายจอมกิตติ ศิริกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ด้านพัฒนาความยั่งยืนภาครัฐและกิจการสัมพันธ์ เครือเจริญโภคภัณฑ์ เปิดเผยว่า โครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน มุ่งเน้นส่งเสริมโภชนาการที่ดี ให้กับเด็กและเยาวชนในชนบทห่างไกลทั่วประเทศ ทำให้นักเรียนได้บริโภคไข่ไก่สดใหม่ เป็นแหล่งโปรตีนสำคัญที่ช่วยบรรเทาปัญหาทุพโภชนาการ เสริมสร้างการเจริญเติบโตที่สมวัยทั้งด้านร่างกายและสติปัญญา นอกจากนี้ ยังช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิต ด้วยการสร้างประสบการณ์การเรียนรู้จากการปฏิบัติ ทั้งการเลี้ยงไก่ การจัดการฟาร์ม และการบริหารจัดการผลผลิต ที่สามารถ “พัฒนาสู่การเป็นแหล่งเรียนรู้ Action Learning Base” โดยเปิดโอกาสให้นักเรียนและชุมชนได้เรียนรู้จากการลงมือทำจริง เสริมสร้างทักษะในด้านต่างๆ อาทิ การเลี้ยงสัตว์ การจัดทำบัญชี การขายและการตลาด ไปจนถึงการแปรรูปไข่ไก่เพื่อเพิ่มมูลค่า

เครือซีพี ซีพีเอฟ และมูลนิธิฯ เดินหน้าสานต่อโครงการฯ เพื่อมุ่งสร้างความมั่นคงทางอาหารและขยายโอกาสเข้าถึงโรงเรียนทั่วประเทศ ตั้งเป้าหมายภายในปี 2573 ขยายผลครอบคลุมมากกว่า 1,000 โรงเรียนทั่วประเทศ หรือขยายจำนวนโรงเรียนเพิ่มปีละ 25 แห่ง สนับสนุนเด็กและเยาวชน 300,000 คน ให้เข้าถึงอาหารที่ปลอดภัยและมีคุณค่าทางโภชนาการ จาก ณ สิ้นปี 2567 ที่มีโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการฯแล้ว 988 แห่งทั่วประเทศ สามารถผลิตไข่ไก่ได้กว่า 27.6 ล้านฟองต่อปี มีนักเรียน 223,000 คน ครู 16,500 คน และชุมชน ได้ประโยชน์จากโครงการฯ ทั้งทางตรงและทางอ้อม

ปัจจุบัน โครงการฯ ถูกพัฒนาให้เป็น Action Learning Base เปิดโอกาสให้นักเรียนและชุมชน เรียนรู้จากการลงมือทำจริง และมูลนิธิฯ ยังได้ร่วมมือกับโรงเรียนในโครงการฯ พัฒนาหลักสูตรการเลี้ยงไก่ไข่ มุ่งเน้นการจัดการฟาร์ม การเงิน และพัฒนาอาชีพ สู่การต่อยอดเป็นธุรกิจของนักเรียนอย่างยั่งยืน ขณะนี้อยู่ระหว่างการพัฒนาร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อบรรจุเป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตรแกนกลางในอนาคต

นายสมคิด วรรณลุกขี ผู้อำนวยการใหญ่ธุรกิจไก่ไข่ ซีพีเอฟ กล่าวว่า ซีพีเอฟสนับสนุนการดำเนินโครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน อย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 36 ปี โดยนำความเชี่ยวชาญของบริษัทฯที่ดำเนินธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารแบบครบวงจรมาใช้ถ่ายทอดความรู้ประสบการณ์ การปรับใช้เทคโนโลยีต่างๆ ให้กับนักเรียนและคุณครูในโรงเรียน อาทิ ระบบการเลี้ยงสัตว์และการจัดการที่ได้มาตรฐาน พร้อมทั้งส่งนักสัตวบาลให้คำแนะนำ เพื่อให้สามารถบริหารจัดการฟาร์มขนาดเล็กและโรงเรียนพึ่งพาตนเองได้ ที่สำคัญ คือ มีการบริหารจัดการผลผลิตที่จะนำไปสู่ความยั่งยืนของโครงการฯ ทั้งการจัดการผลผลิตไข่ไก่เพื่อเป็นอาหารกลางวันของนักเรียน และการจำหน่ายให้กับชุมชน เพื่อให้มีรายได้กลับมาหมุนเวียนในโครงการฯ และส่งต่อรุ่นต่อไป

สำหรับโรงเรียนที่สนใจเข้าร่วมโครงการฯ สามารถติดต่อ มูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท http://www.cp-foundationforrural.org โทร. 063-871-6545 หรือ 092-870-0783 .

เมืองไทยประกันชีวิต ผนึกกำลัง AIS  มอบความอุ่นใจรับเทศกาลปีใหม่ผ่าน “กรมธรรม์ประกันภัยปีใหม่สุขกายสุขใจ (ไมโครอินชัวรันส์)”

0

บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ MTL จับมือ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS ร่วมส่งมอบความห่วงใยพร้อมความอุ่นใจ ให้กับลูกค้า AIS ทั้งมือถือและเน็ตบ้านได้มีความสุขอย่างเต็มที่ ในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ปี 2568  ผ่าน “กรมธรรม์ประกันภัยปีใหม่สุขกายสุขใจ (ไมโครอินชัวรันส์)” ประกันภัยอุบัติเหตุกลุ่มที่ให้ความคุ้มครองครอบคลุมทั้งด้านชีวิตและค่ารักษาพยาบาล อันเนื่องมากจากอุบัติเหตุ

นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MTL กล่าวว่า “เมืองไทยประกันชีวิตยังคงมุ่งมั่นใจการส่งมอบความสุขและรอยยิ้ม พร้อมเดินหน้าสร้างการเข้าถึงได้ของประกันชีวิตให้กับทุกคนในสังคม เพื่อเป็นส่วนช่วยให้ทุกคนได้มีหลักประกันที่มั่นคงและมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน  และความร่วมมือกับ AIS ครั้งนี้ ยังถือเป็นการขานรับกับนโยบายของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ในการส่งเสริมให้ประชาชนมีหลักประกันความคุ้มครองอุบัติเหตุให้กับตนเองและครอบครัว สามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากระบบการประกันภัย เพื่อบริหารความเสี่ยงจากอุบัติเหตุได้สะดวก เข้าถึงได้ง่าย และรวดเร็วยิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยสร้างความอุ่นใจให้กับลูกค้าของ AIS ทั้งมือถือและเน็ตบ้านในช่วงเทศกาลแห่งความสุขนี้ได้เป็นอย่างดี”

ด้านนางนวมินท์ เหล่าธรรมทัศน์ หัวหน้าฝ่ายงานธุรกิจข้อมูล เอไอเอส  กล่าวว่า “AIS พร้อมอยู่เคียงข้างลูกค้าในทุกเทศกาลสำคัญ เราจึงมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับทางสำนักงานคปภ. และเมืองไทยประกันชีวิต เพื่อมอบของขวัญแทนความห่วงใยให้กับลูกค้า ด้วยการมอบกรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุ ให้ลูกค้าอุ่นใจทุกทางเดินทางในช่วงวันหยุดยาวนี้ เพียงลูกค้าใช้  AIS Points 10 คะแนน ก็สามารถแลกรับสิทธิ์ “กรมธรรม์ประกันภัยปีใหม่สุขกายสุขใจ (ไมโครอินชัวรันส์)” ผ่านทางแอปพลิเคชัน myAIS หรือ กด *550*3374# ก็รับวงเงินคุ้มครองสูงสุด 100,000 บาท ได้ตั้งแต่วันที่ 25 ธันวาคม 2567 – 28 กุมภาพันธ์ 2568 นี้  

โดยลูกค้าสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มได้ที่แอปพลิเคชัน myAIS  ซึ่งผู้ที่จะได้รับสิทธิ์จะต้องถือสัญชาติไทยเท่านั้น และมีอายุตั้งแต่  15 ปีบริบูรณ์ ถึง 70 ปีบริบูรณ์ ณ วันที่ทำประกันภัย สำหรับข้อตกลงความคุ้มครองที่ลูกค้าและประชาชนทั่วไปจะได้รับ ประกอบด้วย

– ความคุ้มครองการเสียชีวิต การสูญเสียมือ เท้า การสูญเสียสายตา หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง เนื่องจากอุบัติเหตุ ไม่รวมการถูกฆาตกรรมลอบทำร้ายร่างกาย และ/หรือ อุบัติเหตุขณะขับขี่หรือโดยสารรถจักรยานยนต์ จำนวนเงินเอาประกันภัย 100,000 บาท 

– ความคุ้มครองการเสียชีวิต การสูญเสียมือ เท้า การสูญเสียสายตา หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง จากการถูกฆาตกรรมลอบทำร้ายร่างกาย และ/หรือ อุบัติเหตุขณะขับขี่หรือโดยสารรถจักรยานยนต์ จำนวนเงินเอาประกันภัย 50,000 บาท

– ความคุ้มครองการเสียชีวิต การสูญเสียมือ เท้า การสูญเสียสายตา หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง เนื่องจากอุบัติเหตุสาธารณะ จำนวนเงินเอาประกันภัย 100,000 บาท 

– ผลประโยชน์ค่ารักษาพยาบาลเนื่องจากอุบัติเหตุ ไม่รวมค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการจ้างพยาบาลพิเศษ อุปกรณ์ค้ำยันต่าง ๆ (ยกเว้นไม้ค้ำยัน) รถเข็นผู้ป่วย อวัยวะเทียมภายนอกร่างกาย ค่ารักษาพยาบาลโดยแพทย์ทางเลือก (Alternative medicine) การฝังเข็ม จำนวนเงินเอาประกันภัยตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 5,000 บาท

AIS เสริมศักยภาพ Autonomous Network สู่ Self-Evolving Network พร้อมดูแลตลอด 24 ชม. ร่วมฉลองส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่

0

บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS พร้อมเชื่อมต่อความสุขให้กับลูกค้าและคนไทย ต้อนรับช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2025 เริ่มต้นก่อนใครด้วยการจัดมหกรรมเซอร์ไพรส์ครั้งใหญ่แทนคำขอบคุณลูกค้าในงาน AIS FANTIVAL 2024 เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม ที่ผ่านมา ยืนยันความพร้อมของโครงข่ายอัจฉริยะทั้งมือถือและเน็ตบ้าน รวมถึงงานบริการให้ลูกค้าและคนไทยอุ่นใจในทุกการใช้งานในช่วงเทศกาลปีใหม่ไม่ว่าจะเป็น การเดินทางท่องเที่ยวพักผ่อน การเดินทางกลับภูมิลำเนาเพื่อใช้เวลากับครอบครัวที่บ้าน หรือแม้แต่การเข้าร่วมงานเคาท์ดาวน์ร่วมนับถอยหลังเข้าสู่ปีใหม่ที่มีการจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ทั่วประเทศ

ด้วยการยกระดับขีดความสามารถของ AI และ Autonomous Network ให้เป็นโครงข่ายที่มีความฉลาดและสามารถพัฒนาตัวเองได้แบบไม่หยุดยั้งหรือ Self-Evolving Network (SEN) ที่เป็นการเพิ่มศักยภาพของโครงข่ายของ AIS ให้มีความสามารถในการบริหารจัดการปริมาณการใช้งานและ Capacity ได้ด้วยตัวเองแบบ Realtime ทำให้ทีมวิศวกร และทีมช่างของ AIS 3BB FIBRE 3 สามารถตรวจสอบเฝ้าระวังและเสริมขีดความสามารถของเน็ตเวิร์คในพื้นที่ต่างๆ ได้ก่อนที่จะเกิดปัญหาการใช้งานได้ทันที ภายในศูนย์ปฏิบัติการ (War Room) ที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมงในช่วงวันหยุดยาวเพื่อติดตามและเฝ้าระวัง พร้อมอำนวยความสะดวกลูกค้าทุกพื้นที่ทั่วประเทศทั้ง AIS 5G / 4G / AIS Super WiFi และบริการเน็ตบ้าน ทั้ง AIS FIBRE 3 และ 3BB FIBRE 3

นอกจากนี้ ยังได้จัดเต็มสิทธิพิเศษแบบจัดเต็มให้ลูกค้าได้แลกรับความพิเศษทั้งของกินสุดฟิน ประกันเดินทางอุ่นใจ ลุ้นโชคใหญ่ส่งท้ายปี พร้อมก้าวสู่ปีใหม่อย่างราบรื่นและอุ่นใจไปด้วยกัน

นายปรัธนา ลีลพนัง หัวหน้าคณะผู้บริหาร กลุ่มลูกค้าทั่วไป AIS กล่าวว่า “เทศกาลปีใหม่นับเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขที่คนไทยจะใช้เป็นโอกาสเดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยวพักผ่อน AIS ในฐานะผู้ให้บริการดิจิทัลที่มีความแข็งแกร่งมากสุดในอุตสาหกรรม ด้วยโครงข่าย AIS 5G ที่มีความครอบคลุมแล้วกว่า 95% ของพื้นที่ประชากร สามารถให้บริการลูกค้าได้แบบลึก สูง กว้าง ไกล เราขอเป็นส่วนหนึ่งในช่วงเวลาแห่งความสุขส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ให้ลูกค้าและคนไทยสามารถใช้งานทั้งการติดต่อสื่อสาร ใช้งานโซเชียล โพสต์ โหลด แชร์ ชม และส่งต่อความสุขรับปีใหม่ได้อย่างราบรื่นและอุ่นใจ

ดังนั้นนอกเหนือจากการนำเทคโนโลยี AI และ Autonomous Network ที่มีความอัจฉริยะเป็น Self-Evolving Network เรายังเตรียมความพร้อมอย่างเต็มกำลัง โดยเพิ่มประสิทธิภาพโครงข่ายสื่อสารในพื้นที่การจัดงานเคาท์ดาวน์ทั่วประเทศ อาทิ centralwOrld Bangkok Countdown 2025, SIAM PARAGON THE MAGICAL COUNTDOWN CELEBRATION 2025, ONE BANGKOK COUNTDOWN CELEBRATION 2025 จ.กรุงเทพมหานคร, PATTAYA COUNTDOWN 2025 จ.ชลบุรี, KORAT COUNTDOWN 2025 จ.นครราชสีมา, HATYAI COUNTDOWN 2025 จ.สงขลา, AMAZING CHIANG MAI COUNTDOWN 2025 จ.เชียงใหม่ รวมถึงเส้นทางสำคัญในการเดินทางไปท่องเที่ยว หรือกลับภูมิลำเนาทั่วประเทศ ด้วยการเพิ่ม Capacity ภายในสถานีฐานเดิม และติดตั้งสถานีฐานชั่วคราว (Mini Tower) โดยเพิ่มการมอนิเตอร์การใช้งานของลูกค้าตลอด 24 ชั่วโมง กว่า 5,000 จุด อีกทั้งยังจัดเต็มทัพรถสถานีฐานเคลื่อนที่ (Mobile Base Station Car) และรถโมบายชุมสาย COW (Cell-On-Wheel) รวมถึงเตรียมความพร้อมของทีมวิศวกรในการอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า เพื่อส่งมอบประสบการณ์ดิจิทัลที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้าและคนไทย”

นายธีร์ สีอัมพรโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายธุรกิจบรอดแบนด์ AIS กล่าวว่า “เราเชื่อว่าในช่วงเวลาแห่งความสุขและการเฉลิมฉลอง บ้าน คืออีกหนึ่งสถานที่ที่ทุกคนได้กลับมารวมตัวและใช้ชีวิตร่วมกัน ในส่วนของบริการเน็ตบ้านภายใต้ AIS 3BB FIBRE 3 เรามีความพร้อม ในการส่งมอบประสบการณ์ดิจิทัลที่เข้าใจและตอบโจทย์ทุกคนในบ้าน
ได้อย่างครบถ้วน และความสุขที่มากกว่า ทั้งสุดยอดคอนเทนต์ความบันเทิงที่ครบถ้วนมากสุดภายในบ้านของคุณ
ให้ช่วงเวลาปีใหม่เป็นช่วงเวลาที่ทุกคนได้มารับชมคอนเทนต์ร่วมกันไม่ว่าจะเป็น หนัง ซีรีส์ กีฬา คอนเสิร์ต วาไรตี้ สารคดี เกมโชว์ หรือแม้แต่การร่วมนับถอยหลังก้าวสู่ปี 2025 ไปพร้อมๆ กันได้อย่างมีความสุขที่บ้าน ด้วยประสบการณ์ความบันเทิงระดับพรีเมียมจาก SMART SOUNDBAR ลำโพงอัจฉริยะที่ให้ทุกคนได้สัมผัสกับคุณภาพเสียงระดับโลก 

สายเกมที่ทุกคนในครอบครัวสามารถเอนจอยและใช้ช่วงเวลาวันหยุดสัมผัสกับ GAMING PLATFORMS ด้วย
เราเตอร์อัจฉริยะ SMART AI GAMER ที่ช่วยเพิ่มความเร็วของสัญญาณ ลดค่าความหน่วง เพิ่มความเสถียร เพื่อให้ทุกการเล่นเกมมีประสิทธิภาพที่เหนือกว่า แน่นอนว่าในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลปีใหม่ 2025 เราได้เตรียมความพร้อมในทุกด้านเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้า ด้วยการนำ AI เข้ามาบริหารจัดการโครงข่ายเน็ตบ้าน ที่สามารถตรวจจับปริมาณการใช้งานภายในบ้าน และพื้นที่ต่างๆ แบบ Realtime รวมถึงยังทำงานเชิงรุกด้วยการเข้าไปแก้ไขปัญหาก่อนที่ลูกค้าจะแจ้งเข้ามา หากตรวจพบความผิดปกติของการใช้งาน พร้อมเตรียมทีมช่างและงานบริการที่พร้อมช่วยเหลือลูกค้าให้สามารถใช้งานเน็ตบ้านได้อย่างต่อเนื่องพร้อมก้าวสู่ปีใหม่ 2025 ไปด้วยกัน”

นอกจากนี้ AIS ยังได้เตรียมส่งมอบความสุขให้ลูกค้าได้อุ่นใจข้ามปี จัดเต็มสิทธิพิเศษ แลก ลุ้น รับ เซอร์ไพรส์จาก AIS Points และสิทธิพิเศษอีกมากมายที่ยกขบวนมาร่วมส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ สำหรับลูกค้าทั้งมือถือและเน็ตบ้าน AIS FIBRE 3 รับสิทธิ์ง่ายๆ ผ่านแอปพลิเคชัน myAIS ไม่ว่าจะเป็น

  • แลกพอยท์ ลุ้นโชคใหญ่ส่งท้ายปี! ใช้ AIS Points เพียง 5 คะแนน แลกรับ 1 สิทธิ์  ลุ้นรับรถมินิ The new electric Mini Cooper SE สีพิเศษ Ocean wave green มูลค่า 1,724,000 บาท จำนวน 1 รางวัล  ยิ่งกดแลกมาก ยิ่งมีสิทธิ์ลุ้นมาก ตั้งแต่วันนี้ – 31 มกราคม 2568
  • ปีใหม่เที่ยวได้อุ่นใจ ใช้ AIS Points เพียง 10 คะแนน แลกประกันภัยกลุ่มปีใหม่เที่ยวได้อุ่นใจ (ไมโครอินชัวรันส์) ปี 2568 รับวงเงินคุ้มครองสูงสุด 100,000 บาท นาน 30 วัน จากเมืองไทยประกันชีวิต รับสิทธิ์ง่ายๆ เพียงกด *550*3374# หรือ ผ่านทางแอปพลิเคชัน myAIS  ตั้งแต่วันที่ 25 ธันวาคม 2567 – วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568
  • เสริมดวงรับปีใหม่ รักดี เงินหนา ความสุขเทมา ไม่รู้จบ ลูกค้าเอไอเอส เซเรเนด ใช้ AIS Points 20 คะแนน แลกรับวอลล์เปเปอร์พระแม่ลักษมี ART TOY EDITION พร้อมสีและเลขมงคลเสริมดวง ตั้งแต่วันนี้ – 15 มีนาคม 2568
  • ยกขบวนส่วนลด กินฟรี ปาร์ตี้สนั่น ใช้ AIS Points 60 คะแนน แลกรับฟรี Auntie Anne’s Pretzel 1 ชิ้น หรือ
    ใช้ 40 คะแนน แลกส่วนลด 20 บาท เมื่อซื้อ ไอศกรีม Dairy Queen Blizzard (s) หรือ ใช้ 110 คะแนน แลกส่วนลด 100 บาท เมนูที่ร่วมรายการ + สลัดบาร์ไม่อั้นที่ Sizzler ตั้งแต่วันนี้ – 31 มีนาคม 2568
  • อุ่นใจทุกการเดินทาง ปลอดภัยทุกทริป ใช้ AIS Points 50 คะแนนแลกรับส่วนลด 50% จากบริการบี-ควิก ในการตรวจสอบสภาพรถก่อนเดินทางไกลตั้งศูนย์ล้อธรรมดาและค่าถ่วงล้อแม็ก พิเศษ!สำหรับลูกค้าเอไอเอส เซเรเนด
    รับส่วนลดค่าน้ำมันสูงสุด 50 บาท/ครั้ง ที่สถานีบริการน้ำมันบางจากทั่วประเทศ
  • อุ่นใจทุกการพักผ่อนวันหยุดยาว รับส่วนลดเพิ่มค่าที่พักและโรงแรมสูงสุด 5% เมื่อจองที่พักผ่าน Agoda ตั้งแต่วันนี้  –  วันที่ 31 ธันวาคม 2567 พิเศษ!สำหรับลูกค้าเซเรเนด เติมความสดชื่นก่อนออกเดินทาง ลูกค้าเซเรเนด
    แพลตินัม รับฟรีเซตเครื่องดื่มและของว่าง ลูกค้าเซเรเนด โกลด์  รับฟรีเครื่องดื่ม ที่สนามบิน 19  แห่งทั่วประเทศ
  • อุ่นใจทุกทริป เตรียมบินฉลองปีใหม่ สำหรับลูกค้าที่สมัครแพ็กโรมมิ่ง AIS Ready2Fly ตั้งแต่ราคา 429 บาทขึ้นไป รับส่วนลด 10% สูงสุด 500 บาท เมื่อช้อปปิงที่เซ็นทรัลทุกสาขา กดรับสิทธิ์ *111*5*66# ตั้งแต่วันนี้ – 31 มกราคม 2568, ลูกค้าที่มีสมาชิก คิง พาวเวอร์ ช้อปสินค้าดิวตี้ฟรี สุดคุ้ม รับส่วนลดสูงสุด 20% กดรับสิทธิ์ *111*5*41#  ตั้งแต่วันนี้ – 31 มีนาคม 2568 นอกจากนี้ลูกค้าที่ซื้อ SIM2Fly ตั้งแต่ราคา 549 บาทขึ้นไป หรือ ราคา 399 บาท 2 ซิมขึ้นไปที่ AIS shop สาขาสนามบินสุวรรณภูมิและสาขาสนามบินดอนเมือง รับคูปองส่วนลด
    คิง พาวเวอร์สูงสุด 15% ตั้งแต่วันนี้ – 31 มกราคม 2568

“ในนามของชาว AIS ขอยืนยันที่จะอยู่เคียงข้างลูกค้าและคนไทย ให้ทุกช่วงเวลามีความสุข และมีพลังพร้อมก้าวสู่ปี 2568 ได้อย่างดีที่สุด”

เตรียมตัวช็อป “Easy E-Receipt 2.0” ลดหย่อนภาษีสูงสุด 50,000 บาท ตั้งแต่ 16 ม.ค. ถึง 28 ก.พ. 2568

0

กรมสรรพากร ประกาศข่าวดีสำหรับผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เดินหน้าต่อโครงการ “Easy E-Receipt 2.0” เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจไทย โดยเปิดโอกาสให้หักลดหย่อนค่าใช้จ่ายต่างๆ ได้สูงสุด 50,000 บาท ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม ถึง 28 กุมภาพันธ์ 2568

สิทธิประโยชน์ที่จะได้รับ

  • ลดหย่อนสูงสุด 50,000 บาท: เพิ่มโอกาสในการลดหย่อนภาษีได้มากขึ้น
  • ครอบคลุมค่าใช้จ่ายหลากหลาย: ไม่ว่าจะเป็นค่าซื้อสินค้าทั่วไป ค่าสินค้า OTOP หรือค่าบริการจากวิสาหกิจชุมชนและวิสาหกิจเพื่อสังคม
  • กระตุ้นเศรษฐกิจ: การใช้จ่ายผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและส่งเสริมการทำธุรกรรมแบบดิจิทัล

เงื่อนไขการใช้สิทธิ

  • ต้องมีใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice) หรือใบรับอิเล็กทรอนิกส์ (e-Receipt) เพื่อเป็นหลักฐานในการยืนยันค่าใช้จ่าย
  • จำกัดวงเงิน: สามารถลดหย่อนได้สูงสุดไม่เกิน 50,000 บาท โดยแบ่งเป็น
    • 30,000 บาท สำหรับค่าซื้อสินค้าหรือบริการทั่วไปจากผู้ประกอบการทั้งจดและไม่จด Vat
    • 20,000 บาท สำหรับค่าซื้อสินค้า OTOP ,ค่าสินค้าบริการของวิสาหกิจชุมชน และ ค่าสินค้าบริการของวิสาหกิจเพื่อสังคม

โครงการนี้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายที่หลากหลาย เช่น

  • ค่าซื้อสินค้าทั่วไป: ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า เครื่องใช้ หรือสินค้าอุปโภคบริโภค
  • ค่าบริการ: เช่น ค่าตัดผม ค่าซ่อมรถ ค่าทำความสะอาด
  • ค่าสินค้า OTOP: สนับสนุนสินค้าชุมชนไทย
  • ค่าบริการจากวิสาหกิจชุมชนและวิสาหกิจเพื่อสังคม: ช่วยเหลือชุมชนและสังคม
  • ค่าหนังสือ: ทั้งหนังสือปกติและหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e-Book)

เงื่อนไขสำคัญ

  • ต้องมีใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice) หรือใบรับอิเล็กทรอนิกส์ (e-Receipt): เพื่อเป็นหลักฐานในการยืนยันค่าใช้จ่าย และต้องระบุชื่อ-นามสกุล และเลขประจำตัวประชาชนของผู้ซื้อ
  • สินค้าและบริการที่ใช้สิทธิไม่ได้: เช่น ค่าสุรา เบียร์ ไวน์ ยาสูบ, ค่าน้ำมัน, ค่าสาธารณูปโภค เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า ค่าบริการโทรศัพท์, ค่าเบี้ยประกันวินาศภัย, ค่าซื้อรถยนต์ รถจักรยานยนต์

วิธีการตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติม

  • เว็บไซต์กรมสรรพากร: www.rd.go.th
  • ศูนย์สารนิเทศสรรพากร (RD Intelligence Center): โทร. 1161

สิ่งที่ผู้ประกอบการควรทราบ

  • ร้านค้าที่ต้องการเข้าร่วมโครงการ: สามารถติดต่อสำนักงานสรรพากรพื้นที่เพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการออกใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์และใบรับอิเล็กทรอนิกส์

กองทุนรวม ThaiESG ความยั่งยืนที่อยู่รอบตัวเรา

0

🌱ธุรกิจที่คำนึงถึง ESG อาจจะฟังดูเหมือนเป็นเรื่องไกลตัว แต่ในความเป็นจริงธุรกิจที่มุ่งหน้าสู่ความยั่งยืนนั้น อยู่รอบตัวคุณแล้ววันนี้ 🥰
.
“ThaiESG” กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืนลงทุนในธุรกิจที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล 💚เพิ่มวงเงินลดหย่อนภำษีได้สูงสุด 300,000 บาท 💚ลดระยะเวลาถือครองเหลือแค่ 5 ปี 📈
.
เริ่มลงทุนพร้อมลดหย่อนภาษีกับ ThaiESG ได้แล้ววันนี้ ผ่านบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนธนาคารหรือตัวแทนขายหน่วยลงทุน 💰💰
.
.
🔍ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.ThailandESG.com

องค์กรภาคตลาดทุนรวมพลังแสดงเจตนารมณ์มุ่งมั่นยกระดับธรรมาภิบาลบริษัทจดทะเบียนไทย

0

องค์กรภาคตลาดทุนมีเจตนารมณ์ร่วมกันเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของผู้ลงทุนและผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย และรักษาไว้ซึ่งมาตรฐานธรรมาภิบาลที่ดีของบริษัทจดทะเบียนในตลาดทุนไทย อันจะนำไปสู่การพัฒนาตลาดทุนไทยอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นไปตามเนื้อหาของแถลงการณ์ร่วม เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2567 ดังนี้

  1. จะติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิดและดำเนินการตามความเหมาะสมและตามอำนาจหน้าที่
  2. จะร่วมกันยกระดับมาตรฐานการกำกับดูแลกิจการที่ดีของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งรวมถึงการทำรายการที่อาจมีความขัดแย้งทางผลประโยชน์
  3. มุ่งมั่นที่จะส่งเสริมธรรมาภิบาลของบริษัทจดทะเบียน รวมถึงจะดำเนินการเชิงรุกในการป้องกันและแก้ไขปัญหาที่อาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้ลงทุน 

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) และอุปนายก สมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย กล่าวว่าสภาธุรกิจตลาดทุนไทยให้ความสำคัญกับการส่งเสริมความโปร่งใสในการดำเนินธุรกิจ และการพัฒนาธรรมาภิบาลในบริษัทจดทะเบียนอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ลงทุน นำไปสู่การเติบโตที่มั่นคงยั่งยืน และความสามารถในการแข่งขันในระดับโลกของตลาดทุนไทย

นายกุลเวช เจนวัฒนวิทย์ กรรมการผู้อำนวยการ สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (Thai IOD) กล่าวว่า ความยั่งยืนขององค์กรเริ่มที่ความเชื่อถือไว้วางใจจากประชาชน (Public Trust) สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (Thai IOD) หวังเป็นอย่างยิ่งว่าคณะกรรมการบริษัททุกท่านจะทำหน้าที่เป็นสติให้กับองค์กร ทำงานร่วมกับผู้บริหารในการปลูกจิตสำนึกการมีธรรมาภิบาลที่ดีถ่ายทอดสู่พนักงานทุกระดับเพื่อสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ปฏิบัติตามกฎหมาย กฎเกณฑ์ และมาตรฐานการกำกับดูแลกิจการที่ดี โดยสมาคมฯ คาดหวังให้ประธานคณะกรรมการเป็นผู้นำขององค์กรในการสร้างวัฒนธรรมการทำงานของคณะกรรมการ เปิดโอกาสให้มีส่วนร่วมและรับฟังความคิดเห็นของกรรมการทุกคนอย่างรอบคอบ เราอยากเห็นกรรมการอิสระทำหน้าที่สะท้อนความคาดหวังและรักษาผลประโยชน์ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกลุ่มต่าง ๆ เพื่อให้บริษัทสามารถบรรลุเป้าหมายตามความคาดหวังที่แท้จริง

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร นายกสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน กล่าวว่า นักวิเคราะห์ให้ความสำคัญอย่างมากกับการมองเรื่องสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) เพราะผู้ลงทุนแสวงหาการลงทุนที่ตอบโจทย์ทั้งการเงินและการทำให้สังคมดีขึ้น ESG ส่งผลต่อทั้งความเสี่ยงและโอกาสทางธุรกิจ ความโปร่งใสเป็นหัวใจสำคัญของตลาดทุน หากบริษัทจดทะเบียนมองเห็นคุณค่าของกำไรระยะสั้น โดยไม่ได้คำนึงถึงผลกระทบในระยะยาวก็จะถูกจับตาหรือถูกต่อต้าน ส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงและผลการดำเนินงานในที่สุด

นางชวินดา หาญรัตนกูล นายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน และประธานคณะอนุกรรมการ ESG Collective Action กล่าวว่า ในฐานะผู้ลงทุนสถาบันที่ยึดมั่นในหลักความซื่อสัตย์สุจริต ระมัดระวังปกป้องผลประโยชน์สูงสุดของผู้ถือหน่วยลงทุนเป็นสำคัญ ย้ำถึงความกังวลของผู้บริหารและผู้จัดการกองทุนของ บลจ. ต่อประเด็นความเสี่ยงด้าน ESG โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นที่ บลจ. ให้ความสำคัญสูงสุดควบคู่ไปกับผลประกอบการที่ดี คือด้านธรรมาภิบาลของบริษัทจดทะเบียนไทยที่มีกรณีเกิดขึ้นหลายครั้งในปีนี้ ซึ่ง บลจ. ทุกแห่งได้รวมตัวกันอย่างเข้มแข็ง เพื่อยกระดับการดำเนินการด้าน ESG Collective Action ให้กระชับและมีประสิทธิภาพ เพื่อตรวจสอบติดตามข้อเท็จจริง ตั้งคำถาม ประเมินผลกระทบและกำหนดแนวทางการลงทุนในหุ้นที่มีประเด็นปัญหาดังกล่าวในทุก ๆ กรณี และคาดหวังว่าจะเป็นพลังที่เข้มแข็งส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนตลาดทุนไทยอย่างมีคุณภาพ

นายอัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า การสื่อสารที่รวดเร็วและทั่วถึงถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งในปัจจุบัน ซึ่งบริษัทจดทะเบียนต้องเปิดเผยข้อมูลโดยคำนึงถึงผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม โดยเฉพาะผู้ลงทุน เพื่อให้ได้รับข้อมูลที่จำเป็นต่อการตัดสินใจลงทุนในเวลาที่ทันเหตุการณ์ ซึ่งเกณฑ์การเปิดเผยข้อมูลเป็นความจำเป็นพื้นฐานที่บริษัทจดทะเบียนต้องดำเนินการ แต่หากมีข้อมูลสำคัญที่ผู้ลงทุนซึ่งเป็นผู้ที่มีส่วนได้เสียสำคัญต่อบริษัทอาจได้รับผลกระทบ ก็ควรสื่อสารให้ผู้ลงทุนและสาธารณชนได้รับรู้ด้วย ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ มุ่งส่งเสริมให้บริษัทจดทะเบียนเปิดเผยข้อมูลแก่ผู้ลงทุนอย่างเท่าเทียม ทั่วถึง ทันต่อการนำข้อมูลประกอบการตัดสินใจลงทุน

AIS ปักธงพื้นที่ราบลุ่มแม่น้ำภาคกลาง ศูนย์กลางการเกษตร และแหล่งท่องเที่ยว One Day Trip ครอบคลุมมากสุด ลึก สูง กว้าง ไกล พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 

0

บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS ตอกย้ำที่ 1 ตัวจริง โครงข่ายสื่อสาร AIS 5G ครอบคลุมมากที่สุดในพื้นที่ภาคกลาง ยืนยันไม่ประนีประนอมกับทุกข้อจำกัด เดินหน้าก้าวข้ามความท้าทายเพื่อตอบโจทย์การใช้งานดิจิทัลของคนไทยและลูกค้าทุกกลุ่มในพื้นที่จังหวัดภาคกลาง พร้อมชวนสัมผัสกับอารยธรรม วัฒนธรรมริมฝั่งแม่น้ำ รวมถึงความสวยงามของแหล่งท่องเที่ยวใกล้กรุง

นายกิตติ งามเจตนรมย์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านเทคโนโลยี AIS กล่าวว่า “ภาคกลางเป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่มีความท้าทายอย่างมากในการขยายโครงข่ายสื่อสาร เนื่องจากลักษณะทางภูมิศาสตร์ค่อนข้างมีความหลากหลาย ทั้งความเป็นพื้นที่เมืองที่มีประชากรอาศัยหนาแน่น อีกทั้งยังมีพื้นที่ราบลุ่มที่มีการทำไร่ทำสวนของเกษตรกร มีแม่น้ำสายหลักอย่างเจ้าพระยาไหลผ่านในหลายจังหวัด นอกจากนี้ยังมีบางพื้นที่ที่มีทิวเขาและเทือกเขาสูงในอีกหลายพื้นที่เช่นกัน ทำให้ที่ผ่านมา AIS ได้ใช้ศักยภาพของเทคโนโลยีประกอบกับความทุ่มเทของทีมงานส่งมอบประสบการณ์การใช้งานสื่อสารและดิจิทัลให้รองรับความต้องการได้เป็นอย่างดี ทั้งพื้นที่เดิมที่เคยครอบคลุมอยู่แล้ว และพื้นที่ใหม่ให้ดีและครอบคลุมยิ่งขึ้นจากรูปแบบพฤติกรรมความต้องการที่หลากหลายและเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาของลูกค้าและคนไทย”

นายกรกฤษณ์ เสียงใส รักษาการหัวหน้างานปฏิบัติการภูมิภาค ภาคกลาง AIS กล่าวเสริมว่า “สำหรับพื้นที่ภาคกลาง มีลักษณะของพื้นเป็นที่ราบลุ่ม ประชาชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรทั้งการปลูกข้าว ปลูกพืชไร่ การเลี้ยงสัตว์ และประมงน้ำจืด ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของแหล่งน้ำ ในขณะเดียวกันก็ยังมีพื้นที่ที่เป็นแหล่งอุตสาหกรรมสำคัญ เนื่องจากอยู่ใกล้กับกรุงเทพฯ และยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมและธรรมชาติที่สวยงามซึ่งเดินทางสะดวก สามารถเที่ยวได้แบบ One Day Trip หรือเที่ยวแบบทริปสั้นๆ ได้ ทำให้ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ

โดยวันนี้ AIS ได้วางโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลที่มีความแข็งแรงและมีความพร้อมต่อการเชื่อมต่อกับลูกค้าทุกกลุ่ม ทั้งประชาชนในพื้นที่ กลุ่มเกษตรกร ภาคอุตสาหกรรม และภาคการท่องเที่ยว เพื่อรองรับการเดินทางและต้อนรับนักเที่ยวที่จะมาเปิดประสบการณ์สัมผัสมนต์เสน่ห์อารยธรรมแห่งขุนเขาภาคกลาง ด้วยศักยภาพของโครงข่ายที่มีความฉลาดและสามารถพัฒนาตัวเองได้ หรือ Self-Evolving Network (SEN) เพื่อให้ทุกคนได้มาสัมผัสธรรมชาติอันงดงามของแหล่งท่องเที่ยวที่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น อาทิ เขากระโจม และ จุดชมวิวห้วยคอกหมู จ.ราชบุรี รวมถึงจุดเช็กอินยอดฮิตอย่างถ้ำกระแซ เส้นทางรถไฟสายมรณะ, ห้วยแม่ขมิ้น, น้ำพุร้อนหินดาด, น้ำตกผาตาด และปิล็อก จ.กาญจนบุรี หรือแม้กระทั่งจุดลานกางเต็นท์ต่างๆ พร้อมส่งต่อภาพความประทับใจทั้งโพสต์ โหลด แชร์  ได้อย่างไม่มีสะดุดในช่วงเทศกาลปีใหม่และการท่องเที่ยวตลอดทั้งปี

เราขอยืนยันถึงความพร้อมของโครงข่ายสื่อสาร AIS 5G ตัวจริงภาคกลาง ทุกพื้นที่ดียิ่งกว่าเดิม เที่ยวได้อุ่นใจ ครอบคลุม ลึก สูง กว้าง ไกล ด้วยโครงข่ายที่ดีที่สุดของเอไอเอส”