Home Blog Page 48

แพทย์ชี้ “โปรไบโอติก” ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน ป้องกันภูมิแพ้

0

แพทย์เฉพาะทาง ชี้ “โปรไบโอติก” ช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันให้ดีขึ้น ควบคุมภูมิแพ้ ดูแลสุขภาพในสถานการณ์ที่ฝุ่น PM2.5 เกินค่ามาตรฐาน พร้อมช่วยระบบทางเดินอาหาร ปรับสมดุลลำไส้ ทำให้สุขภาพดี

นายแพทย์จิรวัฒน์ เชี่ยวเฉลิมศรี อาจารย์แพทย์อนุสาขาโรคภูมิแพ้และภูมิคุ้มกันทางคลินิก สาขาวิชาอายุรกรรม ศูนย์การแพทย์ปัญญานันทภิกขุ ชลประทาน มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ กล่าวว่า ในยุคที่มีปัญหามลพิษทางอากาศ จากฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) เกินค่ามาตรฐาน ส่งผลต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิต เป็นสาเหตุให้เกิดการระคายเคือง นำไปสู่การทำให้เกิดโรคต่างๆ โดยเฉพาะโรคกลุ่มทางเดินหายใจ ภูมิแพ้จมูก หอบหืด หรือระยะยาวอาจเกิดเป็นมะเร็งปอดได้ ดังนั้น จึงควรใส่ใจดูแลสุขภาพให้แข็งแรง

สำหรับการดูแลตัวเองให้เริ่มจากที่ตัวเรา เช่น ตรวจเช็คค่ามลพิษที่มือถือ หากมีปริมาณมากเกินไปควรหลีกเลี่ยงการออกพื้นที่กลางแจ้ง และสวมหน้ากากที่ป้องกัน PM2.5 ได้ดี โดยหน้ากาก N95 สามารถป้องกันฝุ่นได้ดีที่สุด กลับถึงบ้านให้ล้างจมูก หรือมีเครื่องกรองอากาศไว้ภายในบ้าน นอกจากนี้ เลือกรับประทานอาหารที่มี โปรไบโอติก เพื่อเสริมภูมิคุ้มกัน อาทิ โยเกิร์ต นมเปรี้ยว กิมจิ รวมถึง โปรไบโอติก ที่มาในรูปแบบผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร

โปรไบโอติก คือ แบคทีเรีย หรือ จุลินทรีย์ที่ดีมีชีวิต ส่วนใหญ่มักพบอยู่ในลำไส้ของมนุษย์ และสร้างสารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย โดยมีงานวิจัยหลายชิ้นรับรองว่าโปรไบโอติก เสริมภูมิคุ้มกันให้ดีขึ้น ช่วยในเรื่องการป้องกัน และช่วยให้ผู้ป่วยภูมิแพ้มีอาการดีขึ้น และยังพบว่าโปรไบโอติกช่วยเรื่องระบบทางเดินอาหาร ระบบย่อยดีขึ้น ลดลำไส้แปรปรวน รวมถึงเรื่องระบบขับถ่าย ช่วยให้ขับถ่ายดี ของเสียไม่สะสมในร่างกาย ไม่เกิดการอักเสบ ส่งผลให้สุขภาพดี

“ทุกคนมีจุลินทรีย์ที่มีชีวิตอยู่ในลำไส้ มีทั้งตัวที่ดีและตัวที่ไม่ดี กรณีร่างกายไม่สบายหรือติดเชื้อ และกินยาปฏิชีวนะเพื่อฆ่าเชื้อ ยาจะฆ่าจุลินทรีย์ทั้งที่ดีและไม่ดี จึงไม่ควรกินยาปฏิชีวนะเกินขนาด ซึ่งจะนำไปสู่การใช้ยาปฎิชีวนะหรือการใช้ยาฆ่าเชื้อโดยไม่จำเป็น และไปทำลายโปรไบโอติก นอกจากนี้ การใช้ชีวิตและพฤติกรรมต่างๆ เช่น พักผ่อนไม่เพียงพอ ไม่ออกกำลังกาย ไม่ดูแลตัวเอง ทำให้จุลินทรีย์ที่ดีเปลี่ยนแปลงไป” นายแพทย์จิรวัฒน์ กล่าว

นอกจากเลือกกินอาหารที่มีโปรไบโอติกแล้ว ควรเลือกกินอาหารที่มีพรีไบโอติกด้วย ซึ่งพรีไบโอติกเป็นอาหารของจุลินทรีย์ จะช่วยให้โปรไบโอติกทำงานได้ดียิ่งขึ้น หากกินโปรไบโอติกเข้าไปอย่างเดียว จะไม่มีอาหารหล่อเลี้ยงโปรไบโอติกในลำไส้ ทำให้เจริญได้ไม่ดี ทั้งนี้ อาหารที่มีพรีไบโอติก ได้แก่ อาหารที่มีไฟเบอร์ อาหารที่มีกากใย พวกธัญญพืชต่างๆ อาทิ ข้าวโอ๊ต ข้าวบาร์เล่ย์ ลูกเดือย ส่วนในผลไม้ อาทิ กล้วย มะเขือเทศ ดังนั้น จึงควรเลือกรับประทานอาหารที่มีโปรไบโอติกควบคู่กับอาหารที่มีพรีไบโอติก เพื่อประสิทธิภาพในการทำงานของจุลินทรีย์ที่ดี พร้อมทั้งดูแลตัวเอง พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพื่อลดความเสี่ยงการเกิดโรค

สำหรับผู้ที่เลือกรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร โปรไบโอติก แนะให้เลือกจากผู้ผลิต หรือผู้นำเข้า ที่มีมาตรฐาน น่าเชื่อถือ มีการตรวจสอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) มีวันเดือนปีหมดอายุ ระบุชัดเจน หากหมดอายุแล้วจุลินทรีย์ดีอาจตายแล้ว แม้กินเข้าไปก็ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์กับร่างกาย

นายแพทย์จิรวัฒน์ ย้ำว่า ปัญหามลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะ PM 2.5 เป็นวิกฤติที่ต้องอาศัยการจัดการแบบบูรณาการ นอกจาก ภาครัฐมีความมุ่งมั่นและกำหนดแนวทางที่ชัดเจน ประชาชนเองต้องเพิ่มการตระหนักรู้และรับมือให้เกิดการแก้ไขปัญหาที่ครอบคลุม เพื่ออากาศสะอาดและสุขภาพที่ยั่งยืน.

ตามรอยเซียน โดย เจี๊ยบ บางกรวย “สมเด็จบางขุนพรหมพิมพ์์ใหญ่ ”

0

วันอังคารที่ผ่านมาเจอเฮียเชียร เจ้าของร้านบะหมี่รุ่งเรือง ร้านดังตลาดนางเลิ้ง เจอที่ไร ถามทุกทีพระสมเด็จเฮียแท้มั้ย พระอาจารย์เคยดูบอกแท้แต่ไม่สวย ถามราคาบอกแก3ล้านขึ้น ไม่สวยพระมีเม็ดพระธาตุก้อนใหญ่อยู่ที่ใบหน้าพระ แต่พระอาจารย์บอกนี่คือมาร์คแท้ในพระสมเด็จ”จำไว้เลยนะเธอ”มีแบบนี้แท้เลย

มาดูพระสมเด็จบางขุนพรหมพิมพ์ใหญ่ตื้นของเฮียเชียร องค์นี้เห็นเส้นบังคับพิมพ์ ขวามือเราซ้ายองค์พระ จรดซุ้มด้านล่าง ฝ่าขี้กรุออกขาว จากการแช่ทำน้ำมนต์ เฮียเชียรบอกลุงที่ให้มาใช้ทำน้ำมนต์ แช่หลาย10ปี ปีใหม่ไม่มีอะไรให้ เลยเอาพระสมเด็จมาให้เกิน20ปีมาแล้ว มีพระสมเด็จจะได้ขายของดีๆรวยๆเจริญรุ่งเรือง ตั้งแต่นั้นมาเฮียเชียรก็ขายดีรุ่งเรืองตลอดมา แต่ที่ถามบ่อยเรื่องพระสมเด็จองค์นี้มีคนดูแท้ดูเก๊ บอกเฮียเชียรว่า พระนับคนดูไม่ได้ ต้องดูที่คนนั้นดูพระเป็นมั้ย พระสมเด็จองค์นี้ดูไม่ยาก ถ้าเราเคยเห็นเคยจับสัมผัสพระแท้มา

เนื้อออกขาวอมเหลืองคุณสมยัติ ของพระสมเด็จบางขุนพรหม ปูนย์เปลือกหอยเยอะ มวลสารน้อยเพราะรีบสร้างปัจจุกรุ 84,000องค์ คราบกรุด้านหน้า ติดกับเนื้อเป็นชิ้นเดียวกัน มีคราบกรุน้ำขึ้นใหม่ เป็นคุณสมบัติของพระสมเด็จ ถูกแช่ทำน้ำมนค์ชื้นเนื้องอกได้ไม่ละลายน้ำ มีแต่เนื้องอกขึ้น ข้างตอกตัด ด้านหลังมีรอยปูนเดือดเป็นธรรมชาติ ของพระบรรจุลงกรุ
พระสมเด็จวัดบางขุนพรหมตอนบรรจุลงกรุ เนื้อยังไม่แห้งดี เมื่ออยู่ในกรุเกิดความร้อนชื้น ทำให้ปูนเดือดหรือที่เรียกฟองเต้าหู้ เป็นธรรมชาติถ้าเจอดีกว่าไม่มี ยืนยันความแท้ เราดูจากคราบกรุพระสมเด็จบางขุนพรหม ถ้าเราขูดขี้กรุออก เนื้อจะหลุดติดมาด้วย เนื้อพระเป็นเนื้อเดียวกัน ของเก๊ ลอกขี้กรุออกเนื้อพระก็ยังเหมือนเดิม ขี้กรุไม่กินเข้าไปในเนื้อพระ พระอาจารย์สอนมา จำไว้นะเธอ
พระสมเด็จบางขุนพรหมพิมพ์ใหญ่ตื้นองค์นี้ แท้นะเฮีย เซียนเจี๊ยบบางกรวยบอกมานะ

*เจี๊ยบบางกรวยเดินตามรอยพระอาจารย์ 087 0030897*

ตามรอยเซียน โดย เจี๊ยบ บางกรวย “รอยม้วนในเส้นหวายฝ่าซีกของพระสมเด็จ วัดระฆัง ”

0

เพิ่งเจอพระอาจารย์ตัวเป็นๆหลังปีใหม่ นัดเจอที่ตลาดอตก.หลังพระอาจารย์เปลี่ยพระกับ2หนุ่มสาวสุพรรณ ได้กินก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟเจ๊ตาหวาน อร่อยเหมือนเดิม กินเสร็จกลับเข้าโรงพิมพ์ เซียนเจี๊ยบงัดของชอบพระอาจารย์ พระสมเด็จ1กล่องใหญ่ให้ชม เลือกได้10องค์ ได้ทุนคืนก่อนพระอาจารย์บอกเคล็ดลับ พระสมเด็จวัดระฆัง ดูพิมพ์เนื้อมวลสาร เก่าเป็นธรรมชาติ ก้อนดำ เม็ดแดง ก้านธูป บ่อน้ำตา รอยปูไต่ ฝ้าแดง รักดำใต้เนื้อพระที่มีเศษทองติดอยู่ เส้นซุ้มหวายฝ่าซีกในพระสมเด็จวัดระฆัง ถ้าม้วนพับเข้าใน เจอแท้เลยนะเธอจำไว้นะ

มาดูพระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่องค์นี้ ย่อมหน่อยตัดได้ส่วน ผิวแห้งเห็นรักดำเป็นชิ้นเล็กๆในซอกแขน มีฝ้ารักในเนื้อออกดำ “เส้นหวายผ่าซีกที่ม้วนเข้าส่วนโคล้งเหนือพระเกศซ้ายขวาแบบนี้ที่พระอาจารย์บอกถ้าเจอแท้เลย” จำไว้นะเธอ หลังเป็นคลื่นแบบนี้เรียกหลังสังขยา มีฝ้าสีน้ำตาลเข้มกลางหลัง ผิวสีไม่เหมือนกันมีด่างดวงเหลืองดำ มีเนื้อเกินก้อนนึงด้านบน ข้างตอกตัด แบบนี้แท้ตาเปล่า เหมือนเปิดถ้วยไฮโลแทง ฟอร์มเต็ม200เปอร์เซ็นต์

เดินเจอแบบนี้อย่าปล่อยให้หลุดมือพระสมเด็จมาโปรดพลิกชีวิตได้นะจ๊ะ เซียนเจี๊ยบบางกรวยบอกมา

ผลประกอบการ AIS ปี 67 กำไรพุ่ง 3.5 หมื่นล. เตรียมทุ่มงบลงทุนปีนี้ 2.7 หมื่นล.

0

AIS ประกาศผลประกอบการปี 2567 ตอกย้ำความเป็นผู้นำอุตสาหกรรมโทรคมนาคมในทุกมิติ ผ่านกลุ่มธุรกิจหลัก ทั้งโทรศัพท์เคลื่อนที่, อินเทอร์เน็ตบ้าน และธุรกิจบริการลูกค้าองค์กร ที่มุ่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลของประเทศให้มีความแข็งแรง สามารถเชื่อมต่อและตอบโจทย์การใช้งานของลูกค้าทุกกลุ่ม ตามวิสัยทัศน์การเป็นองค์กรเทคโนโลยีโทรคมนาคมอัจฉริยะหรือ Cognitive Tech-Co 

นายมนตรี คงเครือพันธุ์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน AIS กล่าวว่า “ปี 2567 ที่ผ่านมา นับเป็นอีกความท้าทายในการดำเนินธุรกิจทั้งสภาวะความผันผวนของเศรษฐกิจโลก สถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ และอัตราดอกเบี้ย ในขณะที่เศรษฐกิจภายในประเทศยังต้องเผชิญกับหนี้ครัวเรือนยังอยู่ในระดับสูงส่งผลให้ภาพรวมก็ยังไม่ได้เติบโตเท่าที่ควร แน่นอนว่า AIS พยายามปรับตัวเพื่อสู้กับความท้าทายที่เกิดขึ้น โดยมุ่งส่งประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า ประกอบกับดำเนินธุรกิจด้วยความรอบคอบ ทำให้ในปี 2567 ที่ผ่านมาบริษัทฯ สามารถรักษาการเติบโตของผลประกอบการได้ตามเป้าหมาย โดยทำรายได้รวม 213,570 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 35,075 ล้านบาท พร้อมเตรียมงบลงทุนในปี 2568 ไว้ที่ 26,000 – 27,000 ล้านบาท เพื่อยกระดับขีดความสามารถของ Digital Infrastructure ของประเทศไทยไปอีกขั้น ทั้งโครงข่ายมือถือและเน็ตบ้าน ยกระดับการใช้ชีวิตคนไทยให้มีคุณภาพอย่างทั่วถึง เท่าเทียม รวมถึงระบบคลาวด์ และดาต้าเซ็นเตอร์ ที่เป็น Backbone สำคัญของภาคธุรกิจในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ”

ธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ ให้บริการรวมอยู่ที่ 45.8 ล้านเลขหมาย เพิ่มขึ้น 1.1 ล้านเลขหมายจากปี 2566 จากความต้องการใช้งานที่เพิ่มขึ้น และการนำเสนอบริการดิจิทัลที่หลากหลายจนสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ทุกกลุ่ม ขณะที่ผู้ใช้งาน 5G เพิ่มขึ้นเป็น 12 ล้านเลขหมาย เติบโต 31% จากปีก่อนหน้า ตอกย้ำความมุ่งมั่นตั้งใจในการขยายโครงข่ายอัจฉริยะ AIS 5G ที่วันนี้มีความครอบคลุมแล้วมากกว่า 95% ของพื้นที่ประชากร และยังได้รับการการันตีเป็นโครงข่าย 5G อันดับ 1 ของไทย กวาด 12 รางวัลยอดเยี่ยมจาก Ookla®

ธุรกิจบรอดแบนด์ ผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ภายใต้ AIS 3BB FIBRE3 มีผู้ใช้บริการรวมอยู่ที่ 5 ล้านราย เติบโตขึ้น 243,000 รายจากปีที่ผ่านมา นับเป็นการเติบโตอย่างแข็งแกร่งจากการรับรู้รายได้ของ 3BB ที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งและการมุ่งนำเสนอนวัตกรรมเน็ตบ้าน เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานที่เหนือกว่าสำหรับผู้ใช้งาน อาทิ นวัตกรรมเน็ตบ้าน Home FibreLAN ที่ทำให้ทุกห้องภายในบ้านสามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตด้วยความเร็วระดับ 1 Gbps และ AI-powered Smart Router เราเตอร์อัจฉริยะ ที่ตอบโจทย์ทุกฟังก์ชันการใช้งานได้อย่างสมบูรณ์แบบ

ธุรกิจบริการลูกค้าองค์กร มีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 22% จากปีที่ผ่านมา เป็นผลมาจากความมุ่งมั่นนำนวัตกรรมและโซลูชันมาตอบโจทย์ภาคธุรกิจไทย โดยเฉพาะบริการคลาวด์และโครงข่ายข้อมูล ซึ่งในปีที่ผ่านมา AIS ได้ทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ระดับโลก อาทิ Oracle Cloud ร่วมกันเปิด Hyperscale Cloud บริการคลาวด์ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการในการทำดิจิทัลทรานสฟอร์เมชัน มีความปลอดภัยและการปกป้องข้อมูลเป็นไปตามข้อกำหนดด้านการจัดเก็บข้อมูลของประเทศไทย สอดคล้องกับการเติบโตดิจิทัลของภาคธุรกิจไทย รวมถึงโครงการ GSA Data Center ดาต้าเซ็นเตอร์ระดับโลกที่เชื่อมต่อด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยอย่างครบวงจร เน้นใช้พลังงานสะอาด และมีระบบการเก็บรักษาข้อมูลที่ปลอดภัยสูงสุด

เมืองไทยประกันชีวิต-มูลนิธิเมืองไทยยิ้ม มอบผ้าห่มกันหนาวให้กระทรวงพัฒนาสังคมฯ ช่วยบรรเทาภัยหนาวพี่น้องปชช.

0

นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) และ นางพิตราภรณ์ บุณยรัตพันธุ์ รองประธานกรรมการ มูลนิธิเมืองไทยยิ้ม เข้าพบนายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ส่งมอบผ้าห่มกันหนาว ให้แก่ พม. สานต่องาน พม.หนึ่งเดียว เพื่อบรรเทาทุกข์และรับมือภัยหนาวให้แก่ประชาชนในหลายพื้นที่

ตามที่ บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) และ มูลนิธิเมืองไทยยิ้ม ได้ติดตามสถานการณ์ภัยหนาวในประเทศไทย ตั้งแต่ปลายปี 2567 พบว่าพี่น้องคนไทยในหลายพื้นที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ดังนั้นเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการบริหารจัดการของทางภาครัฐ ตามแนวนโยบายของ กระทรวง พม. เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชน นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) และ นางพิตราภรณ์ บุณยรัตพันธุ์ รองประธานกรรมการ มูลนิธิเมืองไทยยิ้ม ส่งมอบผ้าห่มกันหนาว จำนวน 300 ผืน มอบให้แก่  นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์  พร้อมด้วยนางจตุพร โรจนพานิช รองปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์  นางสาวแรมรุ้ง  วรวัธ  อธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว  นายกันตพงศ์ รังษีสว่าง อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ  นางสาวสนธยา บุณยภูษิต หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์  และคณะผู้บริหารกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ร่วมรับมอบเพื่อบรรเทาทุกข์และรับมือภัยหนาวให้แก่กลุ่มเปราะบางที่มีเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และคนพิการในหลายพื้นที่  กิจกรรมดังกล่าว จัดขึ้น ณ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

โดยผ้าห่มกันหนาวอัปไซคลิง ขานรับนโยบายภาครัฐในการลดปริมาณขยะจากขวดน้ำพลาสติกที่มีปริมาณเพิ่มขึ้นในปัจจุบัน เป็นการผลิตผ้าห่มขึ้นใหม่ที่ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม  เพราะผ้าห่ม 1 ผืน ผลิตจากขวดพลาสติกที่ใช้แล้วขนาด 1.5 ลิตร  จำนวน 11 ขวด ซึ่งเป็นการให้ความสำคัญกับการนำวัสดุที่ไม่ได้ใช้แล้วกลับมามีคุณค่า ในการใช้งานอีกครั้งอย่างมีคุณภาพมากขึ้น และยังสามารถส่งต่อความอบอุ่นให้กับประชาชนที่ประสบภัยหนาว

เมืองไทยประกันชีวิต จัดสัมมนา Muangthai Wealth Master 2025 หัวข้อ “โอกาสและความเสี่ยง ในยุคของการเปลี่ยนแปลง”

0

บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) จัดงานสัมมนา Muangthai Wealth Master 2025 หัวข้อ “โอกาสและความเสี่ยง ในยุคของการเปลี่ยนแปลง” ในวันอังคาร ที่ 18 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 14.00 – 15.30 น. ในรูปแบบออนไลน์ Live Streaming ผ่านทาง Facebook : Muang Thai Life เพื่ออัปเดตภาวะเศรษฐกิจ มุมมองการลงทุนทั่วโลก พร้อมชี้โอกาสและความเสี่ยงการลงทุนในปี 2025 โดยได้รับเกียรติจากคุณวิน พรหมแพทย์ ประธานกรรมการบริหาร บลจ. กสิกรไทย เป็นแขกรับเชิญพิเศษ ร่วมด้วยคุณอุมาพันธุ์ เจริญยิ่ง รองกรรมการผู้จัดการ และคุณชนกานต์ ตั่งธนาพร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บมจ.เมืองไทยประกันชีวิต

ท่านที่สนใจสามารถลงทะเบียนเพื่อรับลิงก์ในวันงานได้ที่ https://forms.gle/T281M4hBfhQGGMz29 ลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันนี้ ถึง 16 กุมภาพันธ์ 2568 สอบถามเพิ่มเติม โทร 1766 ทุกวัน ตลอด 24 ชม. หรือ [email protected] 

ตามรอยเซียน โดย เจี๊ยบ บางกรวย “นางพญาเนื้อนิ่ม ดีนะจ๊ะ”

0

พระอาจารย์สอนไว้ นางพญาเนื้อนิ่ม ว่านนุ่ม มีนะเธอ เนื้อละเอียดมาก ดูแล้วนุ่มตา นวลใจ มักมีราดำติดในเนื้อ เจอเก็บไว้ให้ดี เคล็ดไม่รับมักเจอราดำในเนื้อพระนางพญาที่โดนไฟไม่มากนัก หรือเรียกพอสุก สีจะออกแดงอ่อนอมเหลืองถ้าเขียวไม่มีรานะเพราะจะเป็นหินแล้วเนื้อแข็งมาก เนื้อพระนางพญามีกรวดทราย หลายสี ขนาดใหญ่เล็กไม่เท่ากัน เจอด้านหลังขึ้นเป็นเม็ดผด คือก้อนกรวดขึ้นไม่เต็มเม็ด จมในเนื้อโผล่มานิดนึง มีลายมือ หลังเหี่ยวย่น ข้างตอกตัด เอามือจับด้านข้าง เว้าตรงกลางเป็นแอ่ง แบบนี้พระอาจารย์ บอกนางพญาวัดนางพญา พิษณุโลก ที่สำคัญ มีเสน่ห์มากและเหนียวสุดๆ มีติดตัวตลอดเลยนะเธอ

มาดูนางพญาเนื้อนิ่ม แก่ว่านนุ่มพิมพ์ใหญ่เข่าตรงองค์นี้ สวยนุ่ม ซึ้งตาซึ้งใจ ส่องแล้วนุ่มตานุ่มใจ สบายตาสบายใจ ตัดได้สัดส่วนพอดี เซียนใหญ่บอกมีจุด3เหลี่ยมลึกลงไปในเนื้อ หรือเรียกตำหนิแม่พิมพ์ บนเส้นสังฆาฏิ ที่ขึ้นไปตรงซอกรักแร้ด้านขวามือองค์พระ มีแบบนี้พระนางพญาพิมใหญ่เข่าตรง จำไว้เป็นจุดจ่ายตังค์ แท้จบเลย ดูหน้าหลังไม่เห็นเม็ดกรวดทรายหลากสี ส่องดูด้านข้างมีสองสามเม็ด ตอกตัดเว้ากลาง เป็นธรรมชาติของพระหลายร้อยปี หลังมีคราบราดำในเนื้อ เนื่องจากโดนไฟไม่เต็มที่ จำไว้นะพระอาจารย์สอนเซียนเจี๊ยบมา เจอแบบองค์นี้กำไว้จ่ายตังค์คล้องคอสบายใจครับ

“พระเนื้อดินเผามีลายในเนื้อเป็นจุดชี้ขาดพระแท้เชื่อเซียนเจี๊ยบนะ” พระอาจารย์บอกมาจร้าาาา

เจี๊ยบบางกรวยเดินตามรอยพระอาจารย์ 087 0030897

รู้เก็บรู้ออม : อย่าหลงเชื่อ! มิจฉาชีพ

0
ที่มา คอลัมน์ "รู้เก็บรู้ออมรู้ใช้รู้ลงทุน...สู่ความมั่งคั่ง"  หน้าเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา หน่วยงานรัฐหลายแห่งได้ออกมาตรการต่างๆ เพื่อจัดการกับปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ไม่ว่าจะเป็น ครม.ผ่านร่าง พ.ร.ก.ไซเบอร์ฯ ที่บังคับให้ธนาคาร บริษัทผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ และแพลตฟอร์มโซเชียล ต้องร่วมรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดกับประชาชนที่โดนหลอก

กระทรวงดิจิทัลฯกำหนดให้ชื่อผู้จดทะเบียนซิมโทรศัพท์ต้องตรงกับชื่อของเจ้าของ mobile banking เริ่มดีเดย์ตั้งแต่ 1 ก.พ.68 เพื่อปราบบัญชีม้า ขณะที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ก.พาณิชย์ฯสั่งเพิ่มความเข้มงวดในการรับจดทะเบียนบริษัท เพื่อป้องกันไม่ให้เลขที่บ้านของประชาชนถูกนำไปจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทผี แล้วใช้เป็นบัญชีม้าหลอกลวงประชาชนอีกทอด

ต้องยอมรับว่า ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์เป็นภัยคุกคามและสร้างความเสียหายให้กับประชาชนและเศรษฐกิจของประเทศ รวมถึงภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือของประเทศไทยในสายตาชาวโลก หน่วยงานต่างๆตระหนักถึงความร้ายแรงของปัญหานี้ และได้พยายามดำเนินมาตรการหลายด้านเพื่อจัดการกับปัญหามาโดยตลอด รวมทั้งการป้องกันไม่ให้ประชาชนต้องตกเป็นเหยื่อโดนหลอก ไม่ว่าจะเป็นการหลอกลงทุน หลอกให้โอนเงิน ผ่านกลอุบายต่างๆ ที่นับวันจะแนบเนียนมากยิ่งขึ้น เป็นการใช้ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีไปในทางที่ผิด

“ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย” ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าว ที่ผ่านมาได้มีความพยายามในการให้ความรู้ และเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารไปยังประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง เกี่ยวกับกลโกงต่างๆ และวิธีป้องกันไม่ให้ต้องตกเป็นเหยื่อโดนหลอก

ตลาดหลักทรัพย์ฯเองก็ตกเป็นเป้าหมายของพวกมิจฉาชีพ ถูกแอบอ้างชื่อหน่วยงาน ชื่อผู้บริหาร ตลอดจนมีความพยายามใช้โลโก้ ภาพผู้บริหารของตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อนำไปหลอกลวงชักชวนเพื่อให้ประชาชนและนักลงทุนหลงเชื่อ โดนหลอกลงทุน หรือให้ข้อมูลส่วนตัวกับพวกมิจฉาชีพในที่สุด

ตลาดหลักทรัพย์ฯขอเตือนและแนะนำว่า อย่าหลงเชื่อบัญชีไลน์ปลอม เพจปลอม และโซเชียลมีเดียต่างๆ ที่มีการแอบอ้างชื่อ โลโก้ และภาพผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์ฯ ตลอดจนบุคคลที่มีชื่อเสียงในตลาดทุน เพื่อชักชวนให้เข้าร่วมลงทุนหรือรับข้อมูลการลงทุน ขอให้สันนิษฐานได้เลยว่า เรากำลังโดนมิจฉาชีพหลอกเข้าให้แล้ว ให้จบการสนทนาไปเลย ไม่ต้องเสียเวลาพูดคุยหรือสื่อสารต่อ

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าตลาดหลักทรัพย์ฯและหน่วยงานอื่นๆจะมีมาตรการด้านต่างๆ ออกมา แต่สำหรับภาคประชาชนเอง ก็จำเป็นต้องมีสติ หมั่นติดตามข่าวสาร เพื่อจะได้รู้ทันกลโกงต่างๆ รวมทั้งตระหนักถึงอันตรายของภัยอาชญากรรมออนไลน์ จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อได้โดยง่าย

ประชาชนและนักลงทุนที่มีข้อสงสัยสามารถสอบถามโดยตรงได้ที่ SET Contact Center 0-2009-9999 หรืออีเมล [email protected]


คุณนายพารวย

หนุนเกษตรกรเข้มแข็ง! ประมงเพชรบุรี และซีพีเอฟ เปิดกองทุนปลากะพง สู้ภัยปลาหมอคางดำ

0

สำนักงานประมงจังหวัดเพชรบุรี ร่วมมือกับกลุ่มเกษตรกรตำบลน้ำเค็ม อำเภอเขาย้อย จัดตั้ง “กองทุนปลากะพง” ขึ้นเพื่อให้เกษตรกรสามารถมีปลานักล่าเพื่อจัดการปลาหมอคางดำในบ่อเลี้ยงกึ่งธรรมชาติอย่างมีประสิทธิภาพ สร้างความมั่นคงให้ผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ มีผลผลิตเพิ่มขึ้น คิกออฟสนับสนุนลูกพันธุ์ปลากะพงขาวจำนวน 5,000 ตัวแก่เกษตรกร 24 ราย

นายประจวบ เจี้ยงยี่ ประมงจังหวัดเพชรบุรี เปิดเผยว่า โครงการนี้เกิดขึ้นจากความต้องการของพี่น้องเกษตรกรในการจัดการปลาหมอคางดำในบ่อเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ประมงเพชรบุรีร่วมมือกับกลุ่มเกษตรกรตำบลเขาย้อย จัดตั้ง “กองทุนปลากะพง” ช่วยให้เกษตรกรเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในเขาย้อยมีเงินทุนหมุนเวียนในการจัดหาปลานักล่า เริ่มต้นจากเกษตรกร 24 ราย และจะขยายผลไปให้เกษตรกรรายอื่นต่อไป โดยมีบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) ร่วมสนับสนุนลูกพันธุ์ปลากะพงเป็นทุนตั้งต้นสำหรับการเปิดตัวโครงการครั้งนี้

“กองทุนปลากะพง เกษตรกรรุ่นแรกนำปลานักล่าที่เลี้ยงเพื่อเป็นปลานักล่าในบ่อมาจำหน่ายเพื่อนำเงินมาต่อยอดเป็นกองทุนหมุนเวียน ใช้ซื้อปลานักล่าขนาดเล็กสำหรับนำไปปล่อยในบ่อของเกษตรกรรายอื่นๆ ในกลุ่มต่อไป เพื่อให้เกษตรกรได้มีผลผลิตจากการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำดีขึ้น นับเป็นอีกก้าวสำคัญในการช่วยเหลือเกษตรกรให้สามารถฟื้นฟูอาชีพและรักษาสมดุลระบบนิเวศในพื้นที่อย่างยั่งยืน” นายประจวบกล่าว

ประมงเพชรบุรี ดำเนินโครงการ “กองทุนปลากะพง” เพื่อแก้ปัญหาปลาหมอคางดำแบบครบวงจร โดยดำเนินการควบคู่กับการควบคุมปลาหมอคางดำในแหล่งน้ำธรรมชาติ อาทิ กิจกรรม “ลงแขกลงคลอง” การปล่อยปลานักล่า การส่งเสริมการใช้ประโยชน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การทำปลาร้าหมอคางดำ การทำน้ำปลาหับเผย ที่ประมงเพชรบุรีตั้งเป้าผลักดันให้เป็นสินค้าประจำจังหวัดต่อไป ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกร เศรษฐกิจของชุมชน รวมถึงการฟื้นฟูระบบนิเวศ

ด้าน นางกาญจนา โชติช่วง ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านตำบลบางเค็ม กล่าวว่า พันธุ์ปลากะพงขาวที่ได้รับการสนับสนุนจำนวน 5,000 ตัวจะแจกจ่ายให้เกษตรกรรายละประมาณ 200-220 ตัว สำหรับนำไปปล่อยในบ่อดินที่ใช้เลี้ยงกุ้งและปู เพื่อช่วยลดจำนวนปลาหมอคางดำ ช่วยฟื้นฟูระบบนิเวศของบ่อเลี้ยงสัตว์น้ำ ช่วยให้เกษตรกรมีผลผลิตที่ดี

ขณะที่ นายพล ป้านสุวรรณ เกษตรกรเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในพื้นที่ กล่าวว่า “ปลากะพงขาวจะถูกนำไปปล่อยในบ่อเลี้ยงกุ้ง ปลากะพงสามารถหากินเองได้ โดยจัดการลูกปลาหมอคางดำ ช่วยลดต้นทุนอาหารสัตว์ของเกษตรกร และมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการนำปลากะพงมาจำหน่ายอีกด้วย”

นอกจากนี้ กรมประมงยังเดินหน้าส่งเสริมองค์ความรู้ให้กับกลุ่มเกษตรกรเกี่ยวกับแนวทางการจัดการปลาหมอคางดำ ควบคู่กับการพัฒนาเพาะพันธุ์ปลาหมอคางดำ 4n เพื่อกระจายไปยังพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ รวมถึงผลักดันให้เกิดการใช้วิธีธรรมชาติในการควบคุมประชากรปลาหมอคางดำ ผ่านความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ

เทคโนโลยี “4n” ความหวังในการจัดการปลาหมอคางดำ

0

บทความโดย นิกร ประกอบดี

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา หลายภาคส่วนทั้งรัฐ เอกชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต่างร่วมมือกัน เพื่อลดประชากรปลาหมอคางดำอย่างจริงจัง เห็นได้จากมาตรการต่าง ๆ ที่ภาครัฐเป็นแกนกลางนำดำเนินการ เช่น กิจกรรมลงแขกลงคลองกำจัดปลาหมอคางดำขนาดใหญ่ การอนุญาตให้ใช้เครื่องมือจับปลาบางชนิดที่ผิดกฎหมาย จากนั้นปล่อยปลานักล่าตามกำจัดลูกปลาหมอคางดำทันที ฯลฯ หลากหลายความพยายามที่เกิดขึ้น กำลังสร้างผลกระทบเชิงบวก นำไปสู่การผลลัพธ์ในการลดพื้นที่ระบาดของปลาหมอคางดำจาก 19 จังหวัด เหลือ 17 จังหวัดในปัจจุบัน

อีกหนึ่งมาตรการสำคัญและจะเป็นการแก้ไขปัญหาระยะยาวในการควบคุมประชากรปลาหมอคางดำ คือการใช้เทคโนโลยีเหนี่ยวนำโครโมโซม เพื่อทำให้ปลาเป็นหมัน เป็นไปตามมาตรการที่ 6 จากทั้งหมด 7 มาตรการในการควบคุมและกำจัดปลาหมอคางดำของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ วิธีนี้เป็นการนำหลักพันธุศาสตร์มาประยุกต์ใช้ เพื่อการควบคุมการแพร่ขยายพันธุ์ของมัน

เทคนิคนี้จะเหนี่ยวนำชุดโครโมโซม จากเดิมที่มีจำนวนชุดโครโมโซมตามธรรมชาติ 2 ชุด หรือ 2n ให้เป็นปลาหมอคางดำที่มีชุดโครโมโซม 4 ชุด หรือ 4n โดยใช้ความร้อนที่อุณหภูมิ 40 °C เป็นระยะเวลา 5 นาที จากนั้นจะนำปลาหมอคางดำ 4n เพศผู้ ปล่อยลงสู่แหล่งน้ำเพื่อให้ไปผสมพันธุ์กับปลาหมอคางดำซึ่งมีชุดโครโมโซม 2n ในธรรมชาติ โดยลูกปลาหมอคางดำที่ได้จากการผสมในลักษณะนี้จะเป็นลูกปลา ที่มีชุดโครโมโซม 3 ชุด หรือ 3n และเป็นปลาที่มีลักษณะเป็นหมัน ไม่สามารถสืบพันธุ์ต่อไปได้

กระบวนการทางวิทยาศาสตร์นี้ไม่เพียงแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่เป็นการวางรากฐานการจัดการระบบนิเวศอย่างยั่งยืน เมื่ออธิบดีกรมประมงประกาศความสำเร็จเมื่อ 4 กุมภาพันธ์ 2568 มันไม่ใช่แค่ข่าวดี แต่เป็นสัญญาณแห่งความหวังที่จับต้องได้

“มาตรการนี้จะช่วยลดจำนวนปลาชนิดนี้ลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ นับเป็นก้าวสำคัญในการควบคุมประชากรของปลาชนิดนี้ในอนาคต” อธิบดีกรมประมงกล่าว ขณะปล่อยปลาหมอคางดำที่ได้รับการเหนี่ยวนำโครโมโซมให้เกิดลูกเป็นหมันลงในแหล่งน้ำ

อย่างไรก็ตาม ยังจำเป็นต้องใช้งบประมาณในการสร้างปลา 4n จำนวนมากให้เพียงพอ และยังต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง ซึ่งคาดว่า โครงการนี้จะสัมฤทธิ์ผล ควบคุมประชากรปลาหมอคางดำให้อยู่หมัดได้ภายใน 3 ปี

เทคโนโลยีนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยในการควบคุมปลาหมอคางดำ แต่ยังมีศักยภาพในการนำไปประยุกต์ใช้ในสถานการณ์อื่น ๆ ที่ต้องการควบคุมประชากรสัตว์น้ำที่ก่อให้เกิดปัญหาในระยะยาวได้อย่างเป็นระบบยิ่งขึ้น การปล่อยปลา 4n ลงในแหล่งน้ำที่มีการระบาดอยู่ ถือเป็นการเดินหน้าอย่างมั่นคง ช่วยสร้างความสมดุลให้กับระบบนิเวศ และจะตามด้วยการปล่อยปลาพื้นถิ่นฟื้นฟูระบบนิเวศในแต่ละพื้นที่ต่อไป

ความสำเร็จในการแก้ไขปัญหาปลาหมอคางดำที่เกิดขึ้นตลอดช่วงที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามและความร่วมมือจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง และหนึ่งในความร่วมมือที่น่าสนใจคือ การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ที่ประกาศรับซื้อปลาหมอคางดำในเฟส 2 จำนวน 600,000 กิโลกรัม โดยจะนำไปผลิตเป็นน้ำหมักชีวภาพที่ใช้ในสวนยางพารา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด นี่คือตัวอย่างที่ดีในการทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ ที่ทุก ๆ คนสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการแก้ไขปัญหานี้ได้ ซึ่งไม่ใช่เรื่องเกินจริง ขอเพียงอย่าให้เสียงจากคนบางกลุ่มที่พยายามสร้างกระแสสวนทาง มาบั่นทอนกำลังใจของคนทำงานได้เท่านั้นพอ.