Home Blog Page 35

เมืองไทยประกันชีวิต เปิดตัวพรีเซนเตอร์ “ณเดชน์ คูกิมิยะ” พร้อมปล่อยแคมเปญ “ShieldLife” รับมือความเสี่ยงให้เบาใจได้มากขึ้น 

0

เมืองไทยประกันชีวิต ชวนคิดว่าชีวิตไม่แน่นอน…บางครั้งความเสี่ยงก็เดินมาหาเราในรูปแบบต่าง ๆ เช่น อุบัติเหตุ โรคภัยไข้เจ็บ หรือแม้แต่ภัยธรรมชาติ  เปิดมุมมองการบาลานซ์ชีวิตของคนยุคนี้ ที่ต้องวางแผนชีวิตไว้เพื่อคนข้างหลัง ด้วย ShieldLife   จากเมืองไทยประกันชีวิต  ตัวช่วยให้คนข้างหลังเดินหน้าต่อไปได้ ประกันชีวิตช่วยสร้างหลักประกันที่มั่นคงให้คนที่คุณรัก และได้ใช้ชีวิตในไลฟ์สไตล์ที่คุณเป็น ได้อย่างเบาใจมากยิ่งขึ้น พร้อมเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์ “ณเดชน์ คูกิมิยะ” ร่วมเปิดมุมมองการวางแผนชีวิตเพื่อคนข้างหลัง

นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)  เปิดเผยว่า เมืองไทยประกันชีวิต  ตอกย้ำกระแสความแรงแคมเปญ “ShieldLife” ตัวช่วยให้คุณเบาใจ ในวันที่คุณจากไป อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์ “ณเดชน์ คูกิมิยะ” พระเอกสุดฮอต มาร่วมเปิดมุมมองแบบใหม่ของการวางแผนชีวิตเพื่อคนข้างหลัง ชีวิตของคนยุคนี้ที่อยากบาลานซ์ชีวิตในหลากหลายบทบาทหน้าที่ ทั้งเรื่องงาน เรื่องส่วนตัว การดูแลครอบครัว อยากใช้ชีวิตในไลฟ์สไตล์ที่ชอบที่เป็นตัวเอง แต่ก็กังวลหากเกิดเหตุไม่คาดคิด หากจากไปก่อน  คนที่อยู่ข้างหลังจะเป็นอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว คู่ชีวิต พ่อแม่ ลูก หลาน และหากมีภาระหนี้สิน จะตกเป็นภาระของครอบครัวหรือไม่  ซึ่ง ShieldLife จากเมืองไทยประกันชีวิต เป็นตัวช่วยวางแผน ให้ทุกคนได้ใช้ชีวิตในแบบที่อยากใช้ได้อย่างเบาใจได้มากขึ้น

โดย ShieldLife  โดดเด่นในการเป็นตัวช่วยวางแผนการสร้างหลักประกันที่มั่นคงให้คนที่คุณรัก เพื่อสร้างและส่งต่อมรดกให้ครอบครัว เป็นตัวช่วยสภาพคล่องทางการเงิน เป็นตัวช่วยผ่อนภาระหนี้สิน ไม่ว่าจะเป็น หนี้บ้าน หนี้รถ หนี้ธุรกิจ หนี้อื่น ๆ หรือเป็นทุนการศึกษาสำหรับลูก จะคุ้มครองกรณีเสียชีวิตจากอุบัติเหตุและเจ็บป่วย ด้วยแบบประกันชีวิตที่คุณเลือกได้ ทั้งประกันชีวิตแบบตลอดชีพ  (Whole Life) ประกันชีวิตแบบคุ้มครองภายในระยะเวลา (Term) หรือประกันชีวิตแบบยูนิเวอร์แซลไลฟ์ (Universal Life)  วางแผนได้เอง ทั้งวงเงินความคุ้มครองที่เลือกได้ตามต้องการ  เลือกจ่ายเบี้ยแบบสั้นหรือแบบยาวก็ได้  ซื้อได้ถึงอายุ 90 ปี ระยะเวลาคุ้มครองสูงสุดถึงอายุ 99 ปี  เบี้ยประกันภัยยังสามารถนำไปใช้สิทธิลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้เปิดตัวโฆษณาชุดใหม่ ชีวิตที่เบาใจ ถ่ายทอดความเป็นตัวตนของ “ณเดชน์ คูกิมิยะ” ที่อยากบาลานซ์เรื่องงาน เรื่องส่วนตัว และครอบครัวให้ดีที่สุด เพื่อให้ชีวิตได้ก้าวไปในจุดที่สูงขึ้น และท้าทายยิ่งขึ้น แต่ก็ตระหนักได้ว่าชีวิตไม่มีอะไรแน่นอน เพราะแม้บางครั้งเราเลือกที่จะเสี่ยง แต่บางครั้งความเสี่ยงก็เดินมาหาเราเอง หากเกิดเหตุไม่คาดคิดและทำให้ต้องจากไปก่อน ครอบครัวจะอยู่อย่างไร ธุรกิจที่เริ่มไว้จะเดินหน้าไปต่อได้หรือไม่ และถ้ามีลูกอนาคตเขาจะเป็นอย่างไร  ดังนั้นแม้จะเป็นคนที่ชอบความท้าทาย แต่ต้องตระหนักไว้ว่าทุกความท้าทายมีความเสี่ยง ShieldLife จึงเป็นตัวช่วยให้คุณเบาใจได้มากขึ้น ช่วยให้คนข้างหลังเดินหน้าต่อไปได้  โดยการสร้างและส่งต่อมรดกให้ครอบครัว เป็นตัวช่วยแบ่งเบาภาระหนี้สิน หรือเป็นทุนการศึกษาให้กับลูก  ทั้งนี้สามารถติดตามโฆษณาชุดใหม่นี้ได้หลากหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ www.muangthai.co.th, YouTube,  Facebook, Instagram, X, LINE Official Account และ TikTok  เริ่มเผยแพร่ตั้งแต่วันที่ 16 เมษายน 2568 นี้เป็นต้นไป

โฆษณาชุด ชีวิตที่เบาใจ https://www.youtube.com/watch?v=wDRnJv7FvMQ

สำหรับผู้ที่สนใจผลิตภัณฑ์ “ShieldLife” สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ https://webmtl.co/3Eq52mK  หรือโทร.1766 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือติดต่อตัวแทนจากเมืองไทยประกันชีวิตทั่วประเทศ สาขา ธนาคารกสิกรไทย และ ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์  

พิเศษ ซื้อวันนี้! ผ่อนเบี้ย 0% สบาย ๆ สำหรับบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ 

ก.ล.ต. ยกระดับปิดกั้นแพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัลเถื่อน หลังกม.ใหม่บังคับ ใช้ 13 เม.ย. 68

0

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) พร้อมเดินหน้าประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยกระดับปิดกั้นแพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัลต่างประเทศที่มีพฤติกรรมการชักชวนหรือโฆษณาการให้บริการ (solicit) กับผู้ลงทุนในประเทศไทย กระบวนการปิดกั้นทำได้รวดเร็วมากขึ้น หลังจากพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 (พ.ร.ก. สินทรัพย์ดิจิทัลฯ) และพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 (พ.ร.ก. อาชญากรรมทางเทคโนโลยีฯ) มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 13 เมษายน 2568

ตาม พ.ร.ก. สินทรัพย์ดิจิทัลฯ ฉบับแก้ไข กำหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ที่มีลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้ ถือว่าเป็นการให้บริการแก่บุคคลซึ่งอยู่ในราชอาณาจักร ที่ต้องได้รับอนุญาตตาม พ.ร.ก. สินทรัพย์ดิจิทัลฯ
(1) มีการแสดงผลโดยผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลทั้งหมดหรือบางส่วนเป็นภาษาไทย
(2) มีการจดทะเบียนผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลโดยใช้ชื่อโดเมน “th” หรือ “ไทย” หรือชื่ออื่นที่หมายถึงประเทศไทย ราชอาณาจักร หรือราชอาณาจักรไทย หรือใช้ชื่อโดเมนภาษาไทย
(3) มีการกำหนดโดยผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลให้ผู้ใช้บริการชำระเงินหรือสามารถเลือกชำระเงินเป็นสกุลเงินบาท หรือมีการรับชำระเงินผ่านบัญชีเงินฝากหรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ในประเทศไทย
(4) มีเงื่อนไขให้ใช้กฎหมายไทยเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับแก่ธุรกรรมซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลหรือกำหนดให้ดำเนินคดีในศาลไทย
(5) มีการจ่ายค่าบริการแก่ผู้ให้บริการสืบค้นแหล่งที่ตั้งของข้อมูลคอมพิวเตอร์เพื่อช่วยให้ผู้ใช้บริการในราชอาณาจักรไทยเข้าถึงบริการของผู้ประกอบธุรกิจเป็นการเฉพาะ
(6) มีการจัดตั้งสำนักงาน หน่วยงาน หรือมีบุคลากรเพื่อให้การสนับสนุนหรือช่วยเหลือผู้ใช้บริการในราชอาณาจักรไทย
(7) มีลักษณะอื่นตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด

พร้อมกันนี้ พ.ร.ก. อาชญากรรมทางเทคโนโลยีฯ กำหนดให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DE) สามารถดำเนินการปิดกั้นเว็บไซต์และแอปพลิเคชันของผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลต่างประเทศที่มีพฤติกรรมในลักษณะข้างต้น ซึ่งถือว่าเป็นการให้บริการแก่บุคคลซึ่งอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตตาม พ.ร.ก. สินทรัพย์ดิจิทัลฯ ได้

สำหรับผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล กฎหมายกำหนดให้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูล การคัดกรอง และระงับธุรกรรมหรือบัญชีที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีในลักษณะเดียวกับธนาคารพาณิชย์ รวมถึงอยู่ภายใต้กลไกการคืนเงินแก่ผู้เสียหายซึ่งจะทำให้ผู้เสียหายได้รับเงินคืนรวดเร็วยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังมีการกำหนดรายชื่อบุคคลหรือเลขที่กระเป๋าสินทรัพย์ดิจิทัล (wallet) ที่เกี่ยวข้องอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (blacklist) และห้ามผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลทำธุรกรรมกับบุคคลที่มีรายชื่อหรือกระเป๋าสินทรัพย์ดิจิทัลดังกล่าว*

นายเอนก อยู่ยืน รองเลขาธิการ และโฆษก ก.ล.ต. กล่าวว่า “หลังจากกฎหมายทั้ง 2 ฉบับมีผลใช้บังคับแล้วจะทำให้การปิดกั้นช่องทางการเข้าถึงแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่เข้าข่ายเป็นการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลโดยไม่ได้รับอนุญาต มีกระบวนการที่กระชับ รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากขึ้น สำหรับเจ้าของบัญชีม้าสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งเปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีสินทรัพย์ดิจิทัลในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ทั้งนี้ ก.ล.ต. สนับสนุนให้ผู้ลงทุนใช้บริการกับผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทยที่ได้รับใบอนุญาต เนื่องจากได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลและ ก.ล.ต. มีการติดตามตรวจสอบใกล้ชิด อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ลงทุนที่ใช้บริการแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในต่างประเทศต้องระมัดระวัง เพราะอาจมีความเสี่ยงที่จะถูกหลอกลวง (scam) รวมถึงความเสี่ยงในการเป็นเส้นทางผ่านเงินของผู้กระทำความผิดที่ต้องการฟอกเงิน”

ดัชนีหุ้นปันผล (SETHD Index) มุมมองเลือกลงทุนในหุ้นปันผล

0

ฝ่ายวิจัย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เผยแพร่บทความ SET NOTE เรื่อง “SETHD Index: ดัชนีหุ้นปันผลอีกหนึ่งมุมมองในการเลือกลงทุนในหุ้นปันผล” นำเสนอมุมมองในการลงทุนหุ้นกลุ่มปันผล โดยใช้ SETHD Index มีเนื้อหาว่า ในภาวะที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำอยู่ในระดับต่ำ การเลือกลงทุนในหุ้นปันผลที่ขณะนี้ที่ราคาหลักทรัพย์ปรับตัวลดลง อาจเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของนักลงทุนโดยอาจเลือกลงทุนในหลักทรัพย์ที่เป็นองค์ประกอบของ SETHD Index

ทั้งนี้ จากข้อมูล ณ สิ้นปี 2567 อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 12 เดือนฯ ส่วนใหญ่ปรับลดลงจากสิ้นปี 2566 มาอยู่ที่ระดับ 1.30% ถึง 2.35% ขณะที่ระดับเงินเฟ้อทั้งปีอยู่ที่ระดับ 0.4% และเมื่อพิจารณาผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) ณ สิ้นปี 2561 – 2567 ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย พบว่า ในทุกปีที่ทำการศึกษาผลตอบแทนจากเงินปันผลของบจ.ในตลาดหลักทรัพย์ฯ สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 12 เดือน และสูงประมาณ 1.37 – 2.48 เท่าของอัตราที่สูงที่สุดของอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 12 เดือนของธนาคารพาณิชย์ และพบว่า สิ้นปี 2567 บางอุตสาหกรรมให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงเกือบ 2 เท่าของอัตราที่สูงที่สุดของอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 12 เดือน ดังนั้น การลงทุนระยะยาวโดยการเลือกลงทุนในหุ้นของบริษัทจดทะเบียนที่จ่ายเงินปันผล อาจเป็นทางเลือกหนึ่งในการโยกย้ายเงินออม โดยนักลงทุนต้องพิจารณาจังหวะในการเข้าซื้อหุ้นเมื่อราคาหุ้นอยู่ในระดับที่เหมาะสม

SETHD Index เป็นดัชนีสะท้อนความเคลื่อนไหวราคาของกลุ่มหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าตามราคาตลาดและมีสภาพคล่องสูงอย่างสม่ำเสมอ และมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงและต่อเนื่อง เป็นอีกหนึ่งมุมมองในการเลือกลงทุนในหุ้นปันผล

ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ส่งเสริมการลงทุนในกลุ่มหุ้นปันผลโดยเผยแพร่ดัชนีราคา SET High Dividend 30 Index (SETHD) ตั้งแต่วันที่ 4 กรกฎาคม 2554 ซึ่ง SETHD Index เป็นดัชนีที่สะท้อนความเคลื่อนไหวราคาของกลุ่มหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าตามราคาตลาดสูง (Market Capitalization) มีสภาพคล่องสูงอย่างสม่ำเสมอ และมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงและต่อเนื่อง เป็นอีกหนึ่งมุมมองในการเลือกลงทุนในหุ้นปันผล

มีการประเมินผลตอบแทนจากการเปลี่ยนแปลงดัชนีของ SETHD Index เทียบกับ SET Index และ SET100 Index ในช่วง 5 ปีย้อนหลัง ที่ผ่านช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อโคโรน่าไวรัส (COVID-19) ตามตารางที่ 3 และภาพที่ 1 พบว่า SETHD Index ให้ผลตอบแทนดีกว่าทั้ง SET Index และ SET100 Index และหากพิจารณาผลตอบแทนของการเปลี่ยนแปลงดัชนีในช่วง 10 ปีย้อนหลัง พบว่า SETHD Index ลดลงน้อยกว่า Index และ SET100 Index

นอกจากนี้ ค่าเฉลี่ยผลตอบแทนจากเงินปันผลในช่วง 3 ปีล่าสุดของทุกหลักทรัพย์ที่องค์ประกอบ SETHD Index อยู่ที่ 5.58% โดยค่าเฉลี่ยฯ อยู่ในช่วง 2.45% ถึง 17.03% พบว่า 16 หลักทรัพย์จากทั้งหมด 30 หลักทรัพย์ มี Dividend Yield เฉลี่ย 3 ปี สูงกว่า 5% ต่อปี โดยมี Dividend Yield เฉลี่ย 3 ปีอยู่ในช่วง 5.43% ถึง 17.03%

หากนักลงทุนไม่ต้องการเลือกลงทุนในหุ้นรายตัวในองค์ประกอบของ SETHD Index อาจพิจารณาเลือกลงทุนใน “1DIV” ได้ โดยกองทุนเปิดไทยเด็กซ์ SET High Dividend ETF (1DIV) เป็นหน่วยลงทุนของกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นที่มีประวัติการจ่ายเงินปันผลดีและสม่ำเสมอ ซึ่งจะลงทุนในตราสารทุนโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 65% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยเน้นลงทุนในหลักทรัพย์ที่เป็นส่วนประกอบของดัชนีอ้างอิง (ดัชนี SET High Dividend 30 Index)

สรุปได้ว่า ในภาวะที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำอยู่ในระดับต่ำ การเลือกลงทุนในหุ้นปันผลที่ขณะนี้ที่ราคาหลักทรัพย์ปรับตัวลดลง อาจเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของนักลงทุนโดยอาจเลือกลงทุนในหลักทรัพย์ที่เป็นองค์ประกอบของ SETHD Index ที่เป็นหลักทรัพย์ที่สภาพคล่องสูงอย่างสม่ำเสมอ และมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงและต่อเนื่อง หรือเลือกลงทุนใน “1DIV” ที่เป็นหน่วยลงทุนของกองทุนที่เน้นการลงทุนในองค์ประกอบของ SETHD Index

อย่างไรก็ตาม การลงทุนมีความเสี่ยง นักลงทุนควรพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ประกอบการตัดสินใจลงทุนด้วย อาทิ ราคาตลาดของหลักทรัพย์ในขณะนั้นเมื่อเทียบกับราคาที่แท้จริง  ความผันผวนของราคาหลักทรัพย์ ภาวะเศรษฐกิจไทยและต่างประเทศ ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทจดทะเบียน สภาพคล่องในการซื้อขาย จังหวะเวลาในการเข้าลงทุนในหุ้นปันผลนั้น ๆ เป็นต้น

สมาคมปศุสัตว์-เอกชน ชื่นชมรัฐเข้าใจภาคเกษตร เชื่อมั่นทีมเจรจาข้อมูลครบด้าน ขอบคุณรัฐไม่นำเข้าหมู-เครื่องใน

0

รายงานข่าวจากที่ประชุมแนวทางเจรจาของประเทศไทยต่อนโยบายการค้าของสหรัฐ ซึ่งมีนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลัง ในฐานะหัวหน้าคณะเจรจา เป็นประธานที่ประชุม ระบุว่า เป็นการประชุมที่เปิดโอกาสให้ สภาอุตสาหกรรม หอการค้าไทย สมาคมภาคปศุสัตว์และผู้ประกอบการเอกชน ตลอดจนทุกภาคส่วนในห่วงโซ่การผลิตอาหาร ได้เข้าให้ข้อมูลอย่างรอบด้าน โดยรองนายกฯ รับฟังอย่างตั้งใจ และประเมินสถานการณ์ด้วยความเข้าใจระบบอุตสาหกรรมเกษตรของประเทศ ซึ่งจะนำไปสู่การเจรจาที่เป็นประโยชน์กับชาติ  ด้านเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูคลายกังวลและขอบคุณรัฐที่ประกาศไม่นำหมู-เครื่องในหมู เข้าเป็นสินค้าต่อรองสหรัฐ  

นายสิทธิพันธ์ ธนาเกียรติภิญโญ นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ กล่าวว่า รู้สึกคลายกังวลกับสถานการณ์ หลังจากก่อนหน้านี้เข้ายื่นหนังสือขอความเห็นใจจากท่านรองนายกฯและคณะ  ซึ่งท่านรับฟังและเข้าใจในข้อมูลที่นำเรียนอย่างรอบด้านชัดเจน ในฐานะผู้แทนเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูทั่วประเทศ ตลอดจนเกษตรกรผู้ปลูกพืชไร่ และห่วงโซ่การผลิตทั้งหมดต้องขอขอบคุณท่านรองนายกฯ ที่มีมติว่าจะไม่นำชิ้นส่วนและเครื่องในหมูไปอยู่ในรายการสินค้าที่ใช้ต่อรองกับสหรัฐฯ แต่จะนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และกากถั่วเหลือง เนื่องจากปัจจุบันการผลิตหมูในไทยมีปริมาณเหลือจนสามารถส่งออกได้จึงไม่เข้าเงื่อนไขสินค้าที่ต้องนำเข้าเพิ่ม แตกต่างจากข้าวโพดที่เป็นสินค้าที่ไทยขาดแคลน (Net Importer)

ขณะเดียวกัน ท่านยังมีวิสัยทัศน์ที่จะพัฒนาภาคเกษตรและห่วงโซ่การผลิตหมูในประเทศให้มีขีดความสามารถทางการแข่งขันเพิ่มขึ้น ลดต้นทุนการเลี้ยงสัตว์ให้ได้ในอนาคต เพื่อการส่งออกได้ในระยะยาว ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลที่ทุกๆประเทศปฏิบัติต่อภาคเกษตร ซึ่งจะทำให้ภาคเกษตรของไทยเติบโตได้อย่างยั่งยืน เป็นผลดีต่อทั้งเกษตรกรและผู้บริโภค ตลอดจนความมั่นคงทางอาหารของประเทศ

เกษตรกร สมาคมภาคปศุสัตว์และผู้แทนผู้ประกอบการเอกชน รวมถึงห่วงโซ่ผลิตอาหารของไทย พร้อมให้ความร่วมมือเดินหน้ายกระดับและพัฒนากระบวนการผลิตอย่างเต็มที่ เพื่อผลิตอาหารคุณภาพให้ประชาชนไทยบริโภคได้อย่างปลอดภัย รวมถึง ส่งออกสร้างรายได้เข้าประเทศ  รักษาไว้ซึ่งความมั่นคงทางอาหารของประเทศตลอดไป
สำหรับแผนการเจรจาของรัฐบาลไทยในครั้งนี้ มีความชัดเจนค่อนข้างมาก มีการกล่าวถึงสินค้าอื่นๆ ในอุตสาหกรรมต่างๆ อย่างรอบด้าน  แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลมีข้อมูลในการเจรจาครบถ้วน เชื่อได้ว่าทีมประเทศไทยจะสามารถต่อรองให้สหรัฐลดภาษีโต้ตอบลงให้เหลือใกล้เคียงกับประเทศคู่แข่งได้

ปรับเกณฑ์ชอร์ตเซล อนุญาตเฉพาะหุ้นกลุ่ม SET100 มีผล 16 เม.ย.68

0

ตลาดหลักทรัพย์ฯ จัดให้มีมาตรการใหม่เพิ่มเติมในการดูแลการซื้อขายหลักทรัพย์ หลังสิ้นสุดมาตรการชั่วคราว เพื่อสร้างเสถียรภาพตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง

เนื่องด้วยเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อการซื้อขายหลักทรัพย์ได้เริ่มคลี่คลายลงแล้ว ดังนั้น หลังจากสิ้นสุดมาตรการชั่วคราวซึ่งได้มีผลใช้บังคับในช่วงระหว่างวันที่ 8-11 เมษายน 2568 ตลาดหลักทรัพย์ฯ และ บมจ. ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (ประเทศไทย) (TFEX) จะกลับไปใช้เกณฑ์เกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ตามปกติ ตั้งแต่วันที่ 16 เมษายน 2568 เป็นต้นไป  ทั้งนี้ หากมีความจำเป็น ตลาดหลักทรัพย์ฯ และ TFEX ก็พร้อมที่จะพิจารณาทบทวนปรับใช้เกณฑ์เกี่ยวกับการซื้อขายให้มีความเหมาะสมกับสถานการณ์

อย่างไรก็ดี แม้มาตรการชั่วคราวดังกล่าวข้างต้นจะสิ้นสุดลง แต่เพื่อให้การดูแลความผันผวนของราคาหลักทรัพย์ และการสร้างเสถียรภาพตลาดหุ้นไทยเป็นไปอย่างต่อเนื่อง คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้เห็นชอบให้มีมาตรการใหม่เพิ่มเติมอีก 2 มาตรการ ดังนี้

  1. กำหนดหุ้นที่อนุญาตให้ขายชอร์ตได้ เป็นเฉพาะหุ้นในกลุ่ม SET100 ซึ่งจะมีผลใช้บังคับทันที ตั้งแต่ 16 เมษายน 2568 เป็นต้นไป โดยได้ผ่านการรับฟังความคิดเห็นจากผู้เกี่ยวข้อง และได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการ ก.ล.ต. แล้ว ทั้งนี้ การขายชอร์ตหลักทรัพย์ดังกล่าว ยังคงต้องเป็นไปตามเกณฑ์ uptick คือให้ใช้ราคาที่สูงกว่าราคาซื้อขายครั้งสุดท้าย
  2. กำหนดให้การซื้อขายหุ้นของผู้ลงทุนกลุ่ม HFT จำกัดอยู่เพียงเฉพาะหุ้นในกลุ่ม SET100 เพื่อลดความผันผวนของหุ้นขนาดกลางและเล็ก ซึ่งคาดว่าจะเริ่มใช้ได้ภายในเดือนพฤษภาคมนี้ หลังจากที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีการประสานงานกับผู้เกี่ยวข้องเพื่อเตรียมความพร้อม

นอกจากนี้ คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังได้เห็นชอบให้คงมาตรการ Minimum Resting Time (MRT) ต่อไป เพื่อป้องกันการใส่ถอนคำสั่งซื้อขายที่รวดเร็วเกินไปอีกด้วย

รู้เก็บรู้ออม : ธรรมะ ทำดี 50 ปี ตลาดหลักทรัพย์ฯ

0
ที่มา คอลัมน์ “รู้เก็บรู้ออมรู้ใช้รู้ลงทุน…สู่ความมั่งคั่ง” หน้าเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

วัย 50 ปี สำหรับเราแล้ว เป็นเวลาเหมาะสมที่จะได้นั่งคิดทบทวนถึงสิ่งต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตที่เดินทางมาได้ครึ่งทางแล้ว ตอนที่เราอายุน้อย ความสุขในวันเกิดของเราอาจเป็นความสนุกสนานที่ได้สังสรรค์ เฮฮาปาร์ตี้กับเพื่อนๆ แต่เมื่ออายุมากขึ้น เราจะมองหาความสุขกายสบายใจ จากการไม่เจ็บป่วย และการมีจิตใจที่สุขสงบ

เช่นเดียวกับ “ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย” ที่ดำเนินงานครบ 50 ปีในปี พ.ศ.2568 นี้ ก็ถือว่า ได้ผ่านร้อนผ่านหนาว จนมีพัฒนาการและเติบโตขึ้น สร้างความมั่นคงและเป็นรากฐานที่แข็งแรงในการเป็นกลไกสำคัญของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศมาอย่างยาวนาน

ในโอกาสสำคัญนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯจึงจัดกิจกรรม “โครงการธรรมะ ทำดี” เพื่อความเป็นสิริมงคล และส่งเสริมสุขภาวะทางใจ พร้อมกับเป็นการสนับสนุนและสร้างกำลังใจในการดำเนินงานด้วยความเพียรและซื่อตรงตามแนวทางธรรมาภิบาล โดยจัดการบรรยายธรรม เพื่อภาคธุรกิจ ภาคตลาดทุน รวมถึงประชาชนทั่วไปได้เรียนรู้และเข้าใจหลักธรรมอย่างถูกต้อง และนำไปเป็นแนวทางในการเจริญสติและดำเนินชีวิตอย่างมีสัมมาทิฏฐิ สร้างสังคมที่มีศีลธรรมและคุณธรรม นอกจากนี้ ยังส่งเสริมการทำความดี ด้วยการเชิญชวนผู้เข้าร่วมงานบริจาคเงินเพื่อการสาธารณกุศลและสาธารณประโยชน์

กิจกรรม “โครงการธรรมะ ทำดี” ครั้งที่ 1 จะจัดขึ้นในวันอังคารที่ 29 เมษายน 2568 ตั้งแต่เวลา 09.00-14.00 น. ที่หอประชุมศาสตราจารย์สังเวียน อินทรวิชัย ชั้น 7 ตลาดหลักทรัพย์ฯขอเชิญชวนมารับฟังการบรรยายธรรมจากพระพรหมพัชรญาณมุนี (พระอาจารย์ชยสาโร) ในหัวข้อธรรม “มรรคใหญ่ ใฝ่สูง” พร้อมร่วมกิจกรรม “ทำดี” เพื่อสนับสนุนองค์กรหรือโครงการเพื่อการสาธารณกุศลและสาธารณประโยชน์ รวมทั้งอุดหนุนสินค้าจากวิสาหกิจเพื่อสังคมและวิสาหกิจชุมชน

นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรม “สร้างพลังบวก” รับฟังดนตรีจาก “วงปล่อยแก่” ภายใต้โครงการดนตรีพลังบวกของมูลนิธิอาจารย์สุกรี เจริญสุข ที่นำกลุ่มผู้สูงอายุมาร้องเพลงประสานเสียง  เพื่อร่วมส่งพลังบวกและความสุขผ่านเสียงเพลง

กิจกรรมครั้งนี้ เราจะได้ทั้งการเจริญสติด้วย “ธรรมะ” สร้างสรรค์สังคมด้วยการ “ทำดี” และรับ “พลังบวก” จากเสียงเพลงที่อบอุ่น ใครอยากร่วมกิจกรรมดีๆครั้งนี้ สามารถลงทะเบียนร่วมงานได้ที่  https://set.group/dharma สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ SET Contact Center 0-2009-9999.


คุณนายพารวย

AIS จับมือ เวทีมวยราชดำเนิน เปิดตัวแคมเปญมอบสิทธิพิเศษส่งเสริมการท่องเที่ยว นำมวยไทยสู่สายตาชาวโลก

0

AIS 5G ร่วมกับเวทีมวยราชดำเนินเปิดตัวแคมเปญกระตุ้นการท่องเที่ยวไทย ชวนนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกร่วมสัมผัสมนต์เสน่ห์ของมวยไทยในมิติใหม่ มอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดกับ AIS LUCKY TOURIST SIM ให้นักท่องเที่ยวสามารถแชร์ทุกความประทับใจได้แบบเรียลไทม์ เชื่อมต่อการสื่อสารได้แบบไร้รอยต่อบนโครงข่าย 5G พร้อมมอบสิทธิพิเศษรับส่วนลดทันที 10% สำหรับบัตรชมการแข่งขันมวยไทยรายการ RAJADAMNERN WORLD SERIES (RWS) ทุกวันเสาร์ ผ่านช่องทางเวทีมวยราชดำเนิน ทั้งนักท่องเที่ยวที่ซื้อบัตรออนไลน์ เพียงนำโค้ดส่วนลดกรอกผ่านเว็บไซต์ RAJADAMNERN.COM และผู้ที่ซื้อบัตรที่หน้า Ticket office กด *545# เพื่อยืนยันรับสิทธิส่วนลดหน้างาน ตั้งแต่วันที่ 12 เมษายน – 11 ตุลาคม 2568

นางเบญจพร กำเพ็ชร หัวหน้าส่วนงานการตลาดกลุ่มลูกค้าพรีเพด AIS กล่าวว่า “AIS มุ่งมั่นพัฒนาเครือข่ายและบริการดิจิทัลที่ตอบโจทย์ทั้งลูกค้าคนไทยและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการกระตุ้นเศรษฐกิจและภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศ ผ่านการทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ที่หลากหลาย โดยให้ความสำคัญกับการสนับสนุนการท่องเที่ยว วัฒนธรรม และนโยบาย Soft Power ของไทย เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก จึงได้ร่วมมือกับเวทีมวยราชดำเนิน จัดแคมเปญ “AIS x RAJADAMNERN STADIUM GET CLOSER TO WORLD-CLASS FIGHTERS” ด้วยเป้าหมายการส่งเสริมมวยไทยให้เป็นที่รู้จักในระดับสากล โดยนักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับวัฒนธรรมไทยและมวยไทยที่มีชื่อเสียงระดับโลก ผ่านประสบการณ์ที่ทันสมัยและน่าตื่นตาตื่นใจ พร้อมเติมเต็มดิจิทัลไลฟ์สไตล์ด้วย AIS LUCKY TOURIST SIM CARD ที่มาพร้อมสิทธิพิเศษที่จะอำนวยความสะดวกตลอดการท่องเที่ยวที่ประเทศไทย

การร่วมมือครั้งนี้ไม่เพียงแค่สร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำให้กับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก แต่ยังเป็นการสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ AIS ในการเสริมสร้างภาพลักษณ์ประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางของการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและกีฬา พร้อมส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีเพื่อเชื่อมโยงโลกเข้าด้วยกันอย่างไร้รอยต่อ เราหวังว่าความร่วมมือในครั้งนี้จะเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและการเผยแพร่วัฒนธรรมไทยในเวทีโลก”

นายเธียรชัย พิสิฐวุฒินันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โกลเบิล สปอร์ต เวนเจอร์ส จำกัด (GSV) ประธานรายการ RWS – Rajadamnern World Series และกรรมการบริหารเวทีมวยราชดำเนิน กล่าวว่า “เรารู้สึกยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส ความร่วมมือในครั้งนี้เป็นความร่วมมือระหว่าง ผู้นำด้านกีฬามวยไทย กับ ผู้นำด้านโทรคมนาคมไทย จึงเป็นการผสานจุดแข็งระหว่าง “พลังของศิลปะการต่อสู้” กับ “พลังของนวัตกรรม” เพื่อยกระดับการเข้าถึงมวยไทยทั้งในรูปแบบของประสบการณ์จริงในสนาม และในช่องทางดิจิทัลผ่านสื่อและเทคโนโลยีสมัยใหม่ ไม่เพียงเท่านั้น เรายังเชื่อว่าความร่วมมือในครั้งนี้จะช่วยเปิดประตูสู่ผู้ชมรุ่นใหม่ และนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ให้สามารถเข้าถึงมวยไทยได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดในโลกก็ตาม นี่คืออีกหนึ่งก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนมวยไทยจากเวทีประจำถิ่น ไปสู่เวทีระดับโลกอย่างมั่นคงและยั่งยืน

ขอบคุณเอไอเอสที่เล็งเห็นคุณค่าของศิลปะมวยไทย และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสืบสานและต่อยอดความภาคภูมิใจของคนไทยไปสู่สายตาชาวโลก”

สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ AIS LUCKY TOURIST SIM Website, AIS eSIM TOURIST Website และ AIS 5G Official Account on Weibo platform   

เมืองไทยประกันชีวิต ผนึกกำลัง AIS ส่ง “กรมธรรม์ประกันภัยสุขใจสงกรานต์ (ไมโครอินชัวรันส์)” ร่วมเติมเต็มความสุขและรอยยิ้ม

0

เมืองไทยประกันชีวิต ผนึกกำลัง AIS มอบความอุ่นใจให้กับลูกค้า AIS ทั้งมือถือและเน็ตบ้าน ได้สนุก มีความสุขอย่างเต็มที่ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2568 ผ่าน “กรมธรรม์ประกันภัยสุขใจสงกรานต์ (ไมโครอินชัวรันส์)” ประกันภัยอุบัติเหตุกลุ่มที่ให้ความคุ้มครองครอบคลุมทั้งด้านชีวิตและค่ารักษาพยาบาล อันเนื่องมาจากอุบัติเหตุ เพียงลูกค้าใช้  AIS Points 10 คะแนน แลกรับสิทธิ์ผ่านทางแอปพลิเคชัน myAIS หรือ กด *550*3374#  ตั้งแต่วันที่ 5 เมษายน 2568 – 31 พฤษภาคม 2568 นี้  (จำนวนจำกัด 20,000 สิทธิ์)

นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เนื่องในเทศกาลแห่งความสุขวันสงกรานต์ปี 2568 นี้ เมืองไทยประกันชีวิตได้ผนึกกำลังกับ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS ส่งมอบความอุ่นใจผ่าน กรมธรรม์ประกันภัยสุขใจสงกรานต์ (ไมโครอินชัวรันส์) ประกันภัยอุบัติเหตุกลุ่มที่ให้ความคุ้มครองครอบคลุมทั้งด้านชีวิตและค่ารักษาพยาบาล อันเนื่องมาจากอุบัติเหตุ  ด้วยความมุ่งมั่นในการส่งมอบความสุขและรอยยิ้ม พร้อมเดินหน้าสร้างการเข้าถึงได้ของประกันชีวิตให้กับทุกคนในสังคม (Democratizing Insurance)  เพื่อเป็นส่วนช่วยให้ทุกคนได้มีหลักประกันที่มั่นคงและมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน  

โดยความร่วมมือกับ AIS ครั้งนี้ ยังถือเป็นการขานรับกับนโยบายของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ในการส่งเสริมให้ประชาชนมีหลักประกันความคุ้มครองอุบัติเหตุให้กับตนเองและครอบครัว สามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากระบบการประกันภัย เพื่อบริหารความเสี่ยงจากอุบัติเหตุได้สะดวก เข้าถึงได้ง่าย และรวดเร็วยิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยสร้างความอุ่นใจจากการเดินทางให้กับลูกค้าของ AIS ทั้งมือถือและเน็ตบ้าน ได้ทำกิจกรรมร่วมกับครอบครัวในช่วงเทศกาลแห่งความสุขนี้ได้เป็นอย่างดี

ด้านนางนวมินท์ เหล่าธรรมทัศน์ หัวหน้าฝ่ายงานธุรกิจข้อมูล เอไอเอส  กล่าวว่า “AIS พร้อมอยู่เคียงข้างลูกค้าในทุกเทศกาลสำคัญ เราจึงมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับทางสำนักงานคปภ. และเมืองไทยประกันชีวิต เพื่อมอบของขวัญแทนความห่วงใยให้กับลูกค้า ด้วยการมอบกรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุ ให้ลูกค้าอุ่นใจทุกการเดินทางในช่วงวันหยุดยาวนี้ เพียงลูกค้าใช้  AIS Points 10 คะแนน ก็สามารถแลกรับสิทธิ์ “กรมธรรม์ประกันภัยสุขใจสงกรานต์ (ไมโครอินชัวรันส์)” ผ่านทางแอปพลิเคชัน myAIS หรือ กด *550*3374# ก็รับวงเงินคุ้มครองสูงสุด 100,000 บาท ได้ตั้งแต่วันที่ 5 เมษายน 2568 – 31 พฤษภาคม 2568 นี้  (จำนวนจำกัด 20,000 สิทธิ์)

โดยลูกค้าสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่แอปพลิเคชัน myAIS  ซึ่งผู้ที่จะได้รับสิทธิ์จะต้องถือสัญชาติไทยเท่านั้น และมีอายุตั้งแต่  15 ปีบริบูรณ์ ถึง 70 ปีบริบูรณ์ ณ วันที่ทำประกันภัย สำหรับข้อตกลงความคุ้มครองที่ลูกค้าและประชาชนทั่วไปจะได้รับ ประกอบด้วย

– ความคุ้มครองการเสียชีวิต การสูญเสียมือ เท้า การสูญเสียสายตา หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง เนื่องจากอุบัติเหตุ ไม่รวมการถูกฆาตกรรมลอบทำร้ายร่างกาย และ/หรือ อุบัติเหตุขณะขับขี่หรือโดยสารรถจักรยานยนต์ จำนวนเงินเอาประกันภัย 100,000 บาท 

– ความคุ้มครองการเสียชีวิต การสูญเสียมือ เท้า การสูญเสียสายตา หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง จากการถูกฆาตกรรมลอบทำร้ายร่างกาย และ/หรือ อุบัติเหตุขณะขับขี่หรือโดยสารรถจักรยานยนต์ จำนวนเงินเอาประกันภัย 50,000 บาท

– ความคุ้มครองการเสียชีวิต การสูญเสียมือ เท้า การสูญเสียสายตา หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง เนื่องจากอุบัติเหตุสาธารณะ จำนวนเงินเอาประกันภัย 100,000 บาท 

– ผลประโยชน์ค่ารักษาพยาบาลเนื่องจากอุบัติเหตุ ไม่รวมค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการจ้างพยาบาลพิเศษ อุปกรณ์ค้ำยันต่าง ๆ (ยกเว้นไม้ค้ำยัน) รถเข็นผู้ป่วย อวัยวะเทียมภายนอกร่างกาย ค่ารักษาพยาบาลโดยแพทย์ทางเลือก (Alternative medicine) การฝังเข็ม จำนวนเงินเอาประกันภัยตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 5,000 บาท

สำหรับผู้ที่สนใจหรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เมืองไทยประกันชีวิต โทร. 1766 สำหรับภาษาไทย ตลอด 24 ชั่วโมง

AIS ผนึก TGI และภาคีเครือข่าย เดินหน้าขยายศูนย์ออกแบบและพัฒนานวัตกรรมดิจิทัล5G ในEEC

0

AIS Business ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านบริการเทคโนโลยีดิจิทัลสำหรับองค์กรภาคธุรกิจในประเทศไทย ร่วมกับ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa), สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และสถาบันไทย-เยอรมัน (TGI) เปิดตัว 5G Solution Development Center หรือ ศูนย์ออกแบบและพัฒนานวัตกรรมดิจิทัล 5G เป็นแห่งที่ 3 ใน EEC ซึ่งเป็นการขยายความร่วมมือเพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการอุตสาหกรรมไทยในการพัฒนาโซลูชันและเทคโนโลยีดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง พร้อมยกระดับขีดความสามารถสู่อุตสาหกรรม 4.0 อย่างยั่งยืน

นายภูผา เอกะวิภาต  รักษาการหัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าองค์กร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS กล่าวว่า “ในวันนี้ที่โรงงานอุตสาหกรรมไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายจากการแข่งขันในระดับโลก โดยเฉพาะการปรับตัวนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพ AIS มุ่งมั่นที่จะนำเทคโนโลยีดิจิทัลขั้นสูง เช่น 5G, Edge Computing และ Cloud มาเสริมสร้างศักยภาพและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคธุรกิจไทย ความร่วมมือในครั้งนี้ นับเป็นอีกก้าวสำคัญที่จะช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการไทยได้เข้าถึงเทคโนโลยีระดับโลก และสร้างโอกาสใหม่ในการแข่งขันให้กับอุตสาหกรรมไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะกลุ่มโรงงานและอุตสาหกรรมการผลิตที่ถือเป็นแกนหลักสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย

และเราเชื่อมั่นว่าการทำงานร่วมกับ TGI ซึ่งเป็นองค์กรอิสระภายใต้การกำกับของกระทรวงอุตสาหกรรมที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีอัตโนมัติและหุ่นยนต์ ภายใต้การสนับสนุนของ depa และนโยบายการพัฒนาบุคลากรเพื่ออุตสาหกรรมใหม่จากสำนักงาน EEC จะสามารถเสริมสร้างอีโคซิสเต็มที่แข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรมไทยในระยะยาว และช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศได้อย่างแท้จริง”

ศูนย์ออกแบบและพัฒนานวัตกรรมดิจิทัล 5G แห่งนี้ จะเป็นกลไกสำคัญที่ตอบโจทย์ภาคธุรกิจและภาคอุตสาหกรรมไทย โดยเฉพาะในพื้นที่ EEC มีเป้าหมายสำคัญใน 3 ด้าน คือ

  • การฝึกอบรมและสัมมนา (Training & Seminar) ถ่ายทอดองค์ความรู้เทคโนโลยี 5G, Edge Computing และระบบ Cloud เพื่อพัฒนาบุคลากรไทยให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีระดับโลก
  • การทดสอบและทดลองโซลูชันบนโครงข่าย 5G (5G Testbed) โดยมีทีมผู้เชี่ยวชาญด้าน OT (Operational Technology) จาก TGI ร่วมดำเนินการ เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถทดลองการใช้งานจริงของโซลูชันก่อนนำไปใช้ในโรงงาน เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดต้นทุน และเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันระดับสากล
  • การให้คำปรึกษาด้าน Digital AI & 5G Solution (Consultancy) เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถนำเทคโนโลยีไปประยุกต์ใช้งานได้จริง รวมถึงเป็นศูนย์กลางในการเชื่อมโยงเครือข่ายผู้ประกอบการ ผู้เชี่ยวชาญ และพันธมิตรเพื่อร่วมสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ในการยกระดับอุตสาหกรรมไทย

ทั้งนี้ ศูนย์ฯ ดังกล่าวถือเป็นศูนย์ทดสอบแห่งที่ 3 ในพื้นที่ EEC ต่อจากศูนย์ 5G Testbed ที่ EECi วังจันทร์วัลเล่ จ.ระยอง และ AIS EEC ในโครงการ Thailand Digital Valley จ.ชลบุรี สะท้อนถึงความมุ่งมั่นและบทบาทของ AIS ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลและเสริมสร้างขีดความสามารถการแข่งขันของอุตสาหกรรมไทยให้เติบโตอย่างมั่นคงต่อไป

เมืองไทยประกันชีวิต ร่วมรณรงค์ความปลอดภัยการเดินทาง ส่งเสริมการประกันภัยช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2568

0

บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) นำโดย นางสาวนิรัตน์ บูชาสุข  รองกรรมการผู้จัดการ เป็นผู้แทนบริษัทฯ ร่วมกิจกรรมรณรงค์ความปลอดภัยการเดินทางและการส่งเสริมการประกันภัยในช่วงเทศกาลสงกรานต์ประจำปี 2568 ซึ่งจัดขึ้นโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ร่วมกับภาคอุตสาหกรรมประกันภัย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง  ภายใต้แนวคิด “สงกรานต์ สร้างสุข ส่งต่อความห่วงใย ส่งเสริมวัฒนธรรมประกันภัย” ซึ่งคำว่า “สร้างสุข” ในที่นี้ คือ การเสริมสร้างสุขภาวะ ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรการเชิงที่สำคัญ  เพื่อช่วยลดความเสี่ยงและความสูญเสียต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น   โดยในงานได้รับเกียรติจากนายชูฉัตร ประมูลผล  เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ร่วมเยี่ยมชมบูธกิจกรรมของเมืองไทยประกันชีวิต  งานจัดขึ้น ณ ตลาดยอดพิมาน ปากคลองตลาด กรุงเทพมหานคร

นอกจากนี้เมืองไทยประกันชีวิต ยังได้ร่วมพัฒนารูปแบบและความคุ้มครองกรมธรรม์ประกันภัยให้ตอบโจทย์ประชาชน พร้อมผนึกกำลังกับพันธมิตร ประกอบด้วย บริษัท เคาน์เตอร์เซอร์วิส จำกัด  บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน)  และบริษัท แมกซ์ โซลูชัน เซอร์วิส จำกัด บริษัทในเครือพีทีจี        ส่งมอบ  กรมธรรม์ประกันภัยสุขใจสงกรานต์ (ไมโครอินชัวรันส์)”   เพื่อมุ่งเน้นให้การประกันภัยสามารถเข้าถึงประชาชนกลุ่มเป้าหมายได้ครอบคลุมและหลากหลายช่องทางมากยิ่งขึ้น โดยความคุ้มครอง ที่จะได้รับประกอบด้วย  

1. ความคุ้มครองการเสียชีวิต การสูญเสียมือ เท้า การสูญเสียสายตา หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง เนื่องจากอุบัติเหตุ ไม่รวมการถูกฆาตกรรมลอบทำร้ายร่างกาย และ/หรือ อุบัติเหตุขณะขับขี่หรือโดยสารรถจักรยานยนต์ จำนวนเงินเอาประกันภัย 100,000 บาท 

2. ความคุ้มครองการเสียชีวิต การสูญเสียมือ เท้า การสูญเสียสายตา หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง จากการถูกฆาตกรรมลอบทำร้ายร่างกาย และ/หรือ อุบัติเหตุขณะขับขี่หรือโดยสารรถจักรยานยนต์ จำนวนเงินเอาประกันภัย 50,000 บาท

3. ความคุ้มครองการเสียชีวิต การสูญเสียมือ เท้า การสูญเสียสายตา หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง เนื่องจากอุบัติเหตุสาธารณะ จำนวนเงินเอาประกันภัย 100,000 บาท 

4. ผลประโยชน์ค่ารักษาพยาบาลเนื่องจากอุบัติเหตุ ไม่รวมค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการจ้างพยาบาลพิเศษ อุปกรณ์ค้ำยันต่าง ๆ (ยกเว้นไม้ค้ำยัน) รถเข็นผู้ป่วย อวัยวะเทียมภายนอกร่างกาย ค่ารักษาพยาบาลโดยแพทย์ทางเลือก (Alternative medicine) การฝังเข็ม จำนวนเงินเอาประกันภัยตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 5,000 บาท

โดย กรมธรรม์ประกันภัยสุขใจสงกรานต์ (ไมโครอินชัวรันส์)”  มีระยะเวลาคุ้มครอง 30 วัน   นับจากวันเริ่มต้นระยะเวลา เอาประกันภัย ซึ่งผู้ที่จะได้รับสิทธิ์จะต้องถือสัญชาติไทยเท่านั้น และมีอายุตั้งแต่  15 ปีบริบูรณ์ ถึง 70 ปีบริบูรณ์ ณ วันที่ทำประกันภัย