Home Blog Page 30

ออมสิน เร่งเพิ่มสภาพคล่องด้วย 4 สินเชื่อพิเศษ ดอกเบี้ย 0% นาน 3 เดือนแรก เยียวยาเหตุชายแดน-น้ำท่วม ขานรับนโยบายรัฐ เคียงข้างคนไทยทุกวิกฤต

0

นายวีระชัย อมรถกลสุเวช รองผู้อำนวยการธนาคารออมสินอาวุโส รักษาการผู้อำนวยการธนาคารออมสินเปิดเผยว่า ธนาคารมีความห่วงใยอย่างยิ่งต่อสถานการณ์ความไม่สงบบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา และอุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือ ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายทั้งต่อทรัพย์สิน การดำรงชีวิต และส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสภาพจิตใจของพี่น้องประชาชน ธนาคารได้ดำเนินมาตรการให้ความช่วยเหลืออย่างเป็นรูปธรรม โดยสอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงการคลัง ออกมาตรการทางการเงินเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน

👉 สินเชื่อเงื่อนไขพิเศษ 4 ประเภท โดยทุกประเภทคิดอัตราดอกเบี้ย 0% นาน 3 เดือนแรก ไม่ต้องรับภาระดอกเบี้ยในช่วงเริ่มต้น เพื่อช่วยเหลือประชาชน ให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนและฟื้นคืนสู่สภาวะปกติได้เร็วขึ้น

🚩 มาตรการสินเชื่อเงื่อนไขพิเศษ ดังนี้

✅ สินเชื่อฉุกเฉิน เพื่อเสริมสภาพคล่อง ไม่ต้องใช้หลักประกัน

✅ สินเชื่อฟื้นฟูบ้าน เพื่อต่อเติมซ่อมแซมที่อยู่อาศัย

✅ สินเชื่อฟื้นฟูรายย่อย เพื่อเป็นเงินทุนหรือซ่อมแซมสถานประกอบการ ไม่ต้องใช้หลักประกัน

✅ สินเชื่อฟื้นฟู SME เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการในการฟื้นฟูกิจการ ยื่นกู้ได้ตั้งแต่บัดนี้ ที่ธนาคารออมสินทุกสาขา*ทั้งนี้ ให้กู้เท่าที่จำเป็นและความสามารถในการชำระคืน เงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด

✨ ธนาคารออมสิน ยังคงยึดมั่นบทบาท “ธนาคารเพื่อสังคม” ที่อยู่เคียงข้างคนไทยในทุกสถานการณ์ และพร้อมเป็นพลังทางการเงินในการฟื้นฟูชีวิตความเป็นอยู่และขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ

พ่อค้าแม่ค้าถูกใจ! โหลดและใช้งาน “แอปออมสินมหาเฮง”ได้ลุ้นทองรวมกว่า 2 ล้าน

0

ออมสิน มหาเฮง #แอปใหม่คู่ใจร้านค้า รับสแกนง่าย ได้เงินชัวร์
โหลดแล้วใช้งานวันนี้ ลุ้นทองเป็นล้าน!
คลิกดูรายละเอียดเพิ่มเติม https://to.gsb.or.th/Sh5BG

ออมสิน มหาเฮง”” ผู้ช่วยใหม่ พ่อค้าแม่ขายทั่วไทย รับเงินได้คล่องกว่าเดิม
✅เสียงแจ้งเตือนชัดทุกการชำระเงิน ไม่พลาดสักยอดขาย เงินเข้าปุ๊บ รู้ปั๊บ ไม่ต้องเช็กสลิป ปิดหน้าจอก็ได้ยิน!
✅ สร้าง QR Code ได้ทั้งแบบระบุ และไม่ระบุยอดเงิน
✅ รองรับการสแกนผ่านแอปทุกธนาคาร ลูกค้าจากธนาคารไหนก็จ่ายได้ สะดวก ครบ จบในแอปเดียว
✅ สรุปยอดขายให้ทุกวัน ดูยอดได้ทันที หรือย้อนหลังก็ง่าย จัดการเงินสะดวกสุดๆ

โหลดแอป “”ออมสิน มหาเฮง””และใช้งาน รับสิทธิ์ลุ้นทองรวมมูลค่า 2 ล้านบาท
(ทองคำแท่ง 10 บาท จำนวน 1 รางวัล และทองคำแท่ง 1 สลึง จำนวน 98 รางวัล)
✅ เป็นผู้ใช้แอปตลอดกิจกรรม รับ 10 สิทธิ์
✅ รับแสกนจ่าย 30-500 รายการ/เดือน รับ 10 สิทธิ์
✅ รับแสกนจ่าย 501-1,000 รายการ/เดือน รับ 20 สิทธิ์
✅ รับแสกนจ่าย 1,001 รายการขึ้นไป/เดือน รับ 30 สิทธิ์

รับสิทธิ์สูงสุด 30 สิทธิ์/เดือน หรือสูงสุด 100 สิทธิ์ตลอดกิจกรรม
ยิ่งรับสแกนมาก ยิ่งมีสิทธิ์มาก!
ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. – 30 ก.ย. 68 นี้เท่านั้น !

หมายเหตุ :

  • เงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด
  • ใบอนุญาตจัดให้มีการเล่นการพนัน การเล่นแถมพกหรือรางวัลในการเสี่ยงโชค โดยวิธีใด ๆ ในการประกอบกิจการค้าหรืออาชีพ เลขที่ 934/2568 จากกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย
  • ศึกษารายระเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.gsb.or.th

AIS ผนึก GC ดันภารกิจ “Green University ทิ้ง เทิร์น ให้โลกจำ Upvel 3” ปลุกพลังเด็กไทยโชว์ไอเดียธุรกิจรักษ์โลก-ลดขยะ E-Waste พร้อมสานต่อเครือข่ายมหาวิทยาลัยสีเขียว

0

ก้าวสู่ปีที่ 3 ของความร่วมมือระหว่าง AIS และ GC ในการสานต่อพันธกิจด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนกับโครงการ “Green University ทิ้ง เทิร์น ให้โลกจำ Upvel 3 ซึ่งจัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 เพื่อร่วมกันสร้างการตระหนักรู้ถึงปัญหาขยะที่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อม โดยมุ่งสร้างเครือข่ายมหาวิทยาลัยสีเขียวผ่านกิจกรรมหลายรูปแบบที่กระตุ้นการมีส่วนร่วมของนิสิต-นักศึกษา บุคลากร รวมถึงชุมชนในพื้นที่ใกล้เคียง ให้สามารถบริหารจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ (E-Waste) และขยะพลาสติกอย่างถูกวิธี โดยปีนี้ได้ขยายความร่วมมือสู่ 50 มหาวิทยาลัย พร้อมเปิดเวทีให้นิสิตและนักศึกษาได้แสดงพลังความคิดสร้างสรรค์อย่างเต็มที่ ชิงทุนการศึกษาและถ้วยรางวัล มูลค่ารวมกว่า 100,000 บาท เพื่อร่วมขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงด้านสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นรูปธรรม

นางสายชล ทรัพย์มากอุดม หัวหน้าหน่วยธุรกิจสื่อสารองค์กรและรัฐกิจสัมพันธ์ AIS กล่าวว่า “AIS รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับ GC ในการสานต่อโครงการ ‘Green University ทิ้ง เทิร์น ให้โลกจำ” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3
ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนด้านสิ่งแวดล้อมของประเทศไทย ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา เราได้เห็นพลังของสถาบันการศึกษาและเยาวชนทั่วประเทศ ที่ทำให้สามารถรวบรวม E-Waste และพลาสติกใช้แล้วรวมกว่า 1.6 ล้านชิ้น เข้าสู่กระบวนการจัดการได้อย่างถูกต้อง ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้มากกว่า 35 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า หรือเทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้กว่า 3,700 ต้นเลย ซึ่งเป็นผลลัพธ์ที่จับต้องได้และสร้างแรงบันดาลใจให้เราสานต่อโครงการ อย่างต่อเนื่อง

สำหรับปีนี้ เราได้ยกระดับความเข้มข้นของโครงการ ทั้งภารกิจเก็บขยะเพื่อโลกที่ขยายพื้นที่การจัดการขยะครอบคลุมทั่วประเทศ ร่วมกับ 50 มหาวิทยาลัย พร้อมเพิ่มกิจกรรมใหม่ที่เปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้แสดงศักยภาพและความคิดสร้างสรรค์ นำเสนอโมเดลธุรกิจจากขยะอิเล็กทรอนิกส์และขยะพลาสติก โดยเราเชื่อมั่นว่าความร่วมมือในครั้งนี้
จะเป็นการวางรากฐานที่แข็งแกร่งสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืนในอนาคต”

คุณกิจชัย เฉลิมสุขสันต์  ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่สายงานการตลาดและการขาย กลุ่มลูกค้าแพลตฟอร์มอุตสาหกรรม บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GCกล่าวว่า “ความสำเร็จของโครงการ Green University “ทิ้ง เทิร์น ให้โลกจำ” ตลอด ปีที่ผ่านมา เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนสามารถนำไปใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน เราสามารถลดขยะพลาสติกและขยะอิเล็กทรอนิกส์สู่หลุมฝังกลบได้มากกว่า 1 ล้านชิ้น และปีนี้เรายินดีอย่างยิ่งที่ได้ต่อยอดและขยายความร่วมมือเป็นปีที่ 3 กับ 50 มหาวิทยาลัยทั่วประเทศ ภายใต้โครงการ Green University “ทิ้ง เทิร์น ให้โลกจำ Upvel 3” โดยนอกจากการแข่งขันเก็บขยะแล้ว เรายังเปิดเวทีกิจกรรมสร้างสรรค์ที่ให้น้องๆ คนรุ่นใหม่ได้แสดงศักยภาพ สร้างเครือข่าย และเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ผมขอเชิญชวนเยาวชนทั่วประเทศ มาร่วม ‘อัปเวลความคิด’ เปลี่ยนขยะให้เป็นคุณค่า และร่วมสร้างโลกที่ดีขึ้นไปด้วยกันตั้งแต่ในรั้วมหาวิทยาลัย”

โครงการ “Green University ทิ้ง เทิร์น ให้โลกจำ Upvel 3” ร่วมปลุกพลังคนรุ่นใหม่ผ่าน 3 ภารกิจ ได้แก่

  • ภารกิจที่ 1 ภารกิจเฟ้นหามหาวิทยาลัยสีเขียวกับการแข่งขันเก็บขยะอิเล็กทรอนิกส์และขยะพลาสติก โดยขยายพื้นที่การจัดการขยะครอบคลุมทั่วประเทศ ร่วมกับมหาวิทยาลัยกว่า 50 มหาวิทยาลัย ชวนนิสิต นักศึกษา บุคลากร ร่วมกันนำขยะอิเล็กทรอนิกส์และขยะพลาสติกมาทิ้งที่จุดรับทิ้งขยะภายในมหาวิทยาลัย โดยมหาวิทยาลัยที่รวบรวมได้มากที่สุดจะเป็นผู้ชนะรับเงินสนับสนุนมูลค่า 30,000 บาท พร้อมถ้วยรางวัล Upcycle
  • ภารกิจที่ 2  ประกวดแข่งขันคลิป TikTok “Green Creator “ทิ้ง เทิร์น ให้โลกจำ” ประกวดรายบุคคลและทีม โดยนิสิตนักศึกษาสามารถรวมกลุ่มคณะหรือมหาวิทยาลัย ไม่จำกัดจำนวนสมาชิกในทีม ออกแบบการเล่าเรื่องผ่านคลิปวีดีโอในหัวข้อ “Green Creator ทิ้ง เทิร์น ให้โลกจำ” เพื่อรณรงค์การทิ้ง E-Waste และขยะพลาสติกใช้แล้วอย่างถูกวิธี
    ชิงทุนการศึกษามูลค่าสูงสุด 10,000 บาท พร้อมเกียรติบัตร
  • ภารกิจที่ 3 Waste to Wealth: Business Model Pitching Contest 2025” อัปเวลด้วยกิจกรรมใหม่ เปิดโอกาสให้นักศึกษาจากทุกคณะในมหาวิทยาลัยรวมทีมละ 1–5 คน (ไม่จำเป็นต้องอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกัน) นำเสนอไอเดียธุรกิจสร้างสรรค์ที่สามารถนำไปต่อยอดได้จริง โดยมุ่งเน้นไปที่การสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อปัญหาขยะ
    ชิงทุนการศึกษามูลค่าสูงสุด 10,000 บาท พร้อมเกียรติบัตร

โครงการ Green University “ทิ้ง เทิร์น ให้โลกจำ Upvel 3” ไม่ได้เป็นเพียงแค่กิจกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมทั่วไป แต่คือเวทีเปิดกว้างให้คนรุ่นใหม่ได้เรียนรู้ ลงมือทำ และสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งในระดับมหาวิทยาลัย ชุมชน เพื่ออนาคตของโลก โดยผสานทั้งเทคโนโลยี นวัตกรรม และไอเดียสร้างสรรค์ เพื่อสร้างพลังบวกในการจัดการขยะ โดย AIS และ GC เชื่อว่า “ความยั่งยืน” จะเกิดขึ้นจริงได้ เมื่อทุกคนมีส่วนร่วม และ “ความแตกต่าง” จะเป็นพลังสร้างอนาคตได้ เมื่อเริ่มลงมือทำตั้งแต่วันนี้

สำหรับนิสิต นักศึกษา บุคลากร และประชาชนที่สนใจโครงการ “Green University ทิ้ง เทิร์น ให้โลกจำ Upvel 3” สามารถติดตามรายละเอียด กติกา และระยะเวลาของแต่ละกิจกรรม ได้ที่ https://www.facebook.com/ais.sustainability/ และ https://www.facebook.com/YOUTURNPLATFORM

เคียงข้างทุกวิกฤต! ‘CPF ส่งต่อพลังแห่งการให้’ ฟื้นฟูโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า – ส่งกำลังใจให้ทหารกล้า

0

ด้วยหัวใจที่เชื่อมั่นใน “พลังแห่งการให้” บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เดินหน้าสานต่อภารกิจเพื่อสังคม มอบเงินบริจาคจำนวน 200,000 บาท จากกิจกรรม “ทุกการซื้อ คือพลังแห่งการให้” เพื่อสมทบทุนซ่อมแซมและฟื้นฟูอาคารหลักของโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ซึ่งได้รับความเสียหายจากเหตุแผ่นดินไหวที่ผ่านมา

การสนับสนุนครั้งนี้ สะท้อนถึงเจตนารมณ์ขององค์กรเอกชนไทยที่ไม่เพียงดำเนินธุรกิจเพื่อเติบโตอย่างยั่งยืน แต่ยังพร้อมเคียงข้างประชาชนในยามยาก เพื่อให้โรงพยาบาลกลับมาปฏิบัติภารกิจดูแลผู้ป่วยได้อย่างเต็มประสิทธิภาพอีกครั้ง โดยมี พลตรี สุขไชย สาทถาพร ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เป็นผู้รับมอบ ณ อาคารเฉลิมพระเกียรติ ชั้น 11 โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า

ในโอกาสเดียวกัน ซีพีเอฟ ได้ร่วมกับคณะนักศึกษาหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่นที่ 67 เข้าเยี่ยมและให้กำลังใจทหารกล้าซึ่งได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา พร้อมมอบผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ เพื่อเสริมพลังใจให้แก่ผู้เสียสละที่ปกป้องผืนแผ่นดินไทยด้วยหัวใจเปี่ยมศรัทธาและความกล้าหาญ

“ภายใต้การนำของท่านประธานอาวุโส ธนินท์ เจียรวนนท์ เครือซีพีและซีพีเอฟ ยึดมั่นในหลักปรัชญา ‘3 ประโยชน์’ เพื่อประเทศชาติ ประชาชน และองค์กร เราเชื่อว่าทุกการสนับสนุนจากหัวใจ จะกลายเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ในการเยียวยาและฟื้นฟูให้สังคมไทยเดินหน้าต่อได้อย่างมั่นคง เราขอขอบคุณทหารทุกนายที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเสียสละ และขอเป็นอีกหนึ่งพลังใจให้ทุกท่านกลับมาแข็งแรงในเร็ววัน” นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร ซีพีเอฟ กล่าว

ที่ผ่านมา ซีพีเอฟ ยังคงยืนหยัดเคียงข้างพี่น้องชายแดนอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งการเปิดโอกาสให้บุตร คู่สมรส หรือบุคคลในครอบครัวของทหารและตำรวจตระเวนชายแดนที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร เพื่อสานต่อคุณค่าความกล้าหาญ รวมถึงการส่งมอบอาหาร น้ำดื่ม และของใช้จำเป็น เพื่อสนับสนุน ครัวพระราชทาน ครัวกลาง และครัวจิตอาสา ในการปรุงมื้ออาหารแทนความห่วงใย ส่งต่อกำลังใจสู่ประชาชนใน 5 จังหวัดชายแดน ได้แก่ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และตราด อย่างทั่วถึง

นี่คืออีกหนึ่งบทพิสูจน์ของ “พลังแห่งการให้” ที่ซีพีเอฟยึดมั่นและพร้อมเคียงข้างคนไทยในทุกวิกฤต… เราจะผ่านเหตุการณ์นี้ไปด้วยกัน!

บอร์ดตลาดหลักทรัพย์ฯ มีมติเลือก “กิติพงศ์” เป็นประธานบอร์ดต่ออีกวาระ

0

ผุ้สื่อข่าวรายงายว่า ที่ประชุมคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย วาระพิเศษในวันนี้ (5 สิงหาคม 2568) ได้มีมติเลือก ศาสตราจารย์พิเศษ กิติพงศ์ อุรพีพัฒนพงศ์ ให้ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ ต่ออีกวาระหนึ่ง โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 5 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป

ศาสตราจารย์พิเศษ กิติพงศ์ อุรพีพัฒนพงศ์ เป็นผู้มีความรู้และประสบการณ์ในภาคธุรกิจทั้งตลาดเงินตลาดทุน และมีความเชี่ยวชาญด้านกฎหมาย ซึ่งในช่วงที่ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการครั้งล่าสุด ศาสตราจารย์พิเศษ กิติพงศ์ ได้ผลักดันงานสำคัญหลายด้าน อาทิ การปรับปรุงและเพิ่มเติมมาตรการกำกับดูแลการซื้อขายและคุ้มครองผู้ลงทุน การส่งเสริมธุรกิจครอบครัวให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนผ่านกลไกตลาดทุน การผลักดันการดำเนินงานของตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้ตอบโจทย์ความเปลี่ยนแปลงในโลกยุคใหม่ด้วยการนำ AI มาปรับใช้ในการยกระดับการพัฒนาตลาดทุน การสนับสนุนการสร้างมูลค่าเพิ่มบริษัทจดทะเบียนผ่านโครงการ Jump+ รวมถึงการให้ความสำคัญกับการส่งเสริมบรรษัทภิบาลและสร้างความโปร่งใส และที่สำคัญคือ การผลักดันให้ประสานการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในกระบวนการยุติธรรมเพื่อบังคับการใช้กฎหมายอย่างเข้มแข็ง อันนำมาซึ่งความเชื่อมั่นต่อตลาดทุนไทย (Trust and Confidence) ทั้งนี้ ศาสตราจารย์พิเศษ กิติพงศ์ ได้เคยดำรงตำแหน่งกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ ในหลายวาระ ในช่วงเวลาต่าง ๆ ตั้งแต่ปี 2557 ซึ่งการดำรงตำแหน่งกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ ครั้งนี้ นับเป็นวาระที่ 5

ศาสตราจารย์พิเศษ กิติพงศ์ อุรพีพัฒนพงศ์ จบการศึกษานิติศาสตรบัณฑิต (เกียรตินิยม) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, นิติศาสตรมหาบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, เนติบัณฑิตไทยแห่งสำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา สมัยที่ 29, นิติศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยบริติชโคลัมเบีย (LL.M.) ประเทศแคนาดา, ปริญญาบัตรหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่นที่ 48 โดยวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร และนิติศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขานิติศาสตร์ ประเภทวิชาการ มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ ปัจจุบันยังดำรงตำแหน่งสำคัญทั้งในหน่วยงานภาครัฐและเอกชนอีกหลายแห่ง

คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ ชุดปัจจุบัน มีจำนวน 11 ท่าน ประกอบด้วย ศาสตราจารย์พิเศษ กิติพงศ์ อุรพีพัฒนพงศ์ (ประธานกรรมการ), นายพิเชษฐ สิทธิอำนวย (รองประธานกรรมการ), นายคมกฤช เกียรติดุริยกุล, ม.ล. ทองมกุฎ ทองใหญ่, นายธนพิศาล คูหาเปรมกิจ, นางสาวเพ็ญจันทร์ จริเกษม, นายไพบูลย์ นลินทรางกูร, นายรวินทร์ บุญญานุสาสน์, นายวราห์ สุจริตกุล, นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ และนายอัสสเดช คงสิริ (กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ฯ)

กรุงเทพโปรดิ๊วส เปิดรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ทั่วประเทศ เกษตรกรมั่นใจ ผลผลิตไม่บุกรุกป่าและปลอดเผาแปลง มีตลาดรองรับแน่นอน

0

บริษัท กรุงเทพโปรดิ๊วส จำกัด (มหาชน) หรือ บีเคพี ผู้จัดหาวัตถุดิบอาหารสัตว์ให้กับ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ พร้อมเปิดรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์โดยตรงจากเกษตรกรทั่วประเทศ รองรับผลผลิตของเกษตรกรที่กำลังเก็บเกี่ยวของฤดูกาลใหม่ในเดือนสิงหาคมนี้ ทั้ง โรงงานอาหารสัตว์บกของซีพีเอฟทั่วประเทศ โดยเริ่มเปิดรับซื้อตั้งแต่วันที่ 29 กรกฎาคมเป็นต้นไป และเพื่ออำนวยความสะดวกให้เกษตรกรได้จำหน่ายผลผลิตใกล้กับแหล่งปลูก บริษัทยังได้เปิดจุดรับซื้อพิเศษเพิ่มเติมอีก 4 จุดในจังหวัดเพชรบูรณ์ อุทัยธานี อุตรดิตถ์ และนครราชสีมา ทั้งนี้ บริษัทยืนยันรับซื้อผ่านระบบตรวจสอบย้อนกลับเท่านั้น

บริษัทสร้างความมั่นใจกับเกษตรกรโดยมีระบบ Fast Track ช่วยเกษตรกรรายย่อยสามารถขายผลผลิตของตนเองได้ทันทีไม่ต้องรอต่อคิวกับรถขนส่งผลผลิตของผู้ประกอบการรายใหญ่ และในทุกจุดรับซื้อยังมีทีมงานและคู่ค้าช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรลงทะเบียนพื้นที่เพาะปลูกเพื่อขายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ผ่านระบบตรวจสอบย้อนกลับ บริษัทรับซื้อเฉพาะผลผลิตที่ปลูกมาจากพื้นที่มีเอกสารสิทธิ์ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ได้บุกรุกพื้นที่ป่า และไม่เผาตอซัง ตามนโยบายของเครือซีพี ไม่รับซื้อและไม่นำเข้าผลผลิตข้าวโพดจากพื้นที่รุกป่าและพื้นที่เผาแปลง

ฐิติ ลุจินตานนท์ ประธานคณะผู้บริหาร กลุ่มธุรกิจการวัตถุดิบอาหารสัตว์ บีเคพี กล่าวว่า ซีพีให้ความสำคัญกับการจัดหาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ภายในประเทศ โดยสนับสนุนคู่ค้าและเกษตรกรด้วยการรับซื้อข้าวโพดในประเทศ โดยเฉพาะผลผลิตที่กำลังเก็บเกี่ยวในช่วงเดือนสิงหาคมนี้ โดยบริษัทรับซื้อเฉพาะผลผลิตที่ไม่มาจากพื้นที่บุกรุกพื้นที่ป่า และไม่เผาแปลง

“พี่น้องเกษตรกรที่กำลังเก็บเกี่ยวและผู้รวบรวมผลผลิต มั่นใจได้ว่า ผลผลิตข้าวโพดที่ปลอดการบุกรุกพื้นที่ป่า และไม่เผาแปลง มีตลาดรองรับแน่นอน กรุงเทพโปรดิ๊วสรับซื้อผลผลิตผ่านระบบตรวจสอบย้อนกลับ มีมาตรฐาน โปร่งใสและยุติธรรม ทั้งในเรื่องราคารับซื้อ การวัดความชื้น และ การตรวจสอบคุณภาพผลผลิต” ฐิติกล่าว

ทั้งนี้ โรงงานอาหารสัตว์และจุดรับซื้อทั้ง 9 แห่งที่เริ่มเปิดรับซื้อตั้งแต่วันที่ 29 กรกฎาคม เป็นต้นไป ได้แก่

  • โรงงานผลิตอาหารสัตว์ซีพีเอฟ กบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี เปิดรับซื้อตั้งแต่ วันที่ 29 กรกฎาคม 2568
  • โรงงานผลิตอาหารสัตว์ซีพีเอฟ ท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดรับซื้อตั้งแต่ วันที่ 4 สิงหาคม 2568
  • โรงงานผลิตอาหารสัตว์ซีพีเอฟ ศรีราชา จังหวัดชลบุรี เปิดรับซื้อตั้งแต่ วันที่ 4 สิงหาคม 2568
  • โรงงานผลิตอาหารสัตว์ซีพีเอฟ บางนา เปิดรับซื้อตั้งแต่ วันที่ 7 สิงหาคม 2568
  • โรงงานผลิตอาหารสัตว์ซีพีเอฟ โคกกรวด จังหวัดนครราชสีมา เปิดรับซื้อตั้งแต่ วันที่ 7 สิงหาคม 2568

จุดรับซื้อพิเศษที่เปิดใกล้กับแหล่งปลูกของเกษตรกร

  • จุดรับซื้อ ลานธนากรพืชผล อำเภอชนแดน จังหวัด เพชรบูรณ์ เริ่มเปิดรับซื้อตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2568
  • จุดรับซื้อ ลาน สหกรณ์การเกษตรปฎิรูปที่ดินหนองกอก อำเภอทองแสนขัน จังหวัดอุตรดิตถ์ เปิดรับซื้อ ต้นเดือน กันยายน 2568
  • จุดรับซื้อ ลาน พ พืชผล อำเภอด่านขุนทด จังหวัด นครราชสีมา เปิดรับซื้อต้นเดือนตุลาคม 2568
  • จุดรับซื้อ ลาน ท.เจริญลานสัก อำเภอลานสัก จังหวัด อุทัยธานี เปิดรับซื้อตั้งแต่กลางเดือนตุลาคม 2568

ทั้งนี้ โรงงานผลิตอาหารสัตว์ของซีพีเอฟทุกแห่งทั่วประเทศจะทยอยเปิดรับซื้อผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เพื่อให้สอดคล้องกับช่วงเวลาและปริมาณการเก็บเกี่ยวผลผลิตของเกษตรกรในแต่ละพื้นที่ โดยสามารถติดตามข่าวสารการเปิดรับซื้อผลผลิตของโรงงานผลิตอาหารสัตว์ของซีพีเอฟ และราคารับซื้อประจำวันได้ทุกวันที่แอปพลิเคชัน ฟ.ฟาร์ม ซึ่งเป็นช่องทางสื่อสารหลักในการให้ข้อมูลที่ถูกต้องและทันสถานการณ์.

เอไอเอส และไทยคม สนับสนุนภารกิจความมั่นคงชายแดนไทย–กัมพูชาเสริมกำลังโครงข่าย และการสื่อสารในพื้นที่ปฏิบัติการแนวชายแดน

0

ท่ามกลางเหตุการณ์ความไม่สงบบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา ที่ยังคงต้องเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง เอไอเอส และไทยคม ในฐานะผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสารและโทรคมนาคมของประเทศ เดินหน้าสนับสนุนการปฏิบัติภารกิจของเจ้าหน้าที่และทหารชายแดนอย่างเต็มกำลัง เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางด้านการสื่อสารในพื้นที่ชายแดน โดยการเสริมขีดความสามารถของเครือข่ายทั้ง 4G/5G  รวมถึงติดตั้งสถานีฐานชั่วคราวในพื้นที่ปฏิบัติการ

เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการสื่อสารให้กับเจ้าหน้าที่ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ชายแดน พร้อมเสริมประสิทธิภาพในการประสานงานและติดตามสถานการณ์แบบเรียลไทม์ โดยได้ดำเนินการในพื้นที่แนวชายแดน 4 จังหวัด ได้แก่ อุบลราชธานี, สุรินทร์, ศรีสะเกษ และบุรีรัมย์ รวมถึงฐานปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ความมั่นคงในจุดสำคัญบริเวณชายแดน

นอกจากนี้ ไทยคม ซึ่งเป็นผู้ให้บริการดาวเทียมสื่อสารชั้นนำของประเทศไทยได้ให้การสนับสนุนภารกิจของเจ้าหน้าที่ความมั่นคงในพื้นที่ห่างไกลที่ไม่สามารถเข้าถึงโครงข่ายสื่อสารรูปแบบปกติได้ ด้วยการให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงผ่านระบบดาวเทียมของไทยคม ทั้งแบบจานติดตั้งประจำ (Fixed Satellite Terminals) สำหรับศูนย์ปฏิบัติการตามแนวชายแดน และจานแบบเคลื่อนที่ (Mobile Terminals) สำหรับหน่วยปฏิบัติการเคลื่อนที่อีกด้วย

AIS และไทยคม ยังคงมุ่งมั่นในการสนับสนุนภารกิจสำคัญของชาติในทุกสถานการณ์ ด้วยศักยภาพของเครือข่ายและเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อร่วมสร้างความมั่นคงและความปลอดภัยให้กับสังคมไทยอย่างยั่งยืน

รู้เก็บรู้ออม : SME ต้องรอด 2025!!

0
บทความ "รู้เก็บรู้ออมรู้ใช้รู้ลงทุน..สู่ความมั่งคั่ง" หน้าเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

มีคำกล่าวว่า “รู้สิ่งใดไม่สู้รู้วิชา รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี” ซึ่งหมายถึง ความรู้ เป็นอาวุธสำคัญที่จะทำให้เราอยู่รอดปลอดภัย พ้นจากภัยอันตราย เช่นเดียวกับการดำเนินกิจการ หรือทำธุรกิจให้อยู่รอดท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน ถือเป็นความท้าทายที่ผู้ประกอบการต้องปรับตัว ตลอดจนเรียนรู้ประสบการณ์และความรู้ เพื่อทำให้กิจการหรือธุรกิจของตัวเอง “ต้องรอด” ต่อไป

ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขอติดอาวุธความรู้ให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ด้วยการจัดสุดยอดสัมมนา SME แห่งปี “SME ต้องรอด 2025” เพื่อปลดล็อกศักยภาพธุรกิจไทย พลิกเกมฝ่าวิกฤติเศรษฐกิจ ไปด้วยกัน โดยงานจัดขึ้นวันอาทิตย์ที่ 31 ส.ค.68 นี้ ที่อาคารตลาดหลักทรัพย์ฯ ถนนรัชดาภิเษก ตั้งแต่ 10.00-17.00 น. งานนี้ระดมผู้เชี่ยวชาญแถวหน้าของไทย ที่จะมาเปิดทุกมุมมอง พร้อมเสิร์ฟกลยุทธ์ที่ “ใช้ได้จริง” แบบไม่มีกั๊ก เพื่อให้ผู้ประกอบการ SME และผู้เข้าชมงานได้เข้าใจทุกเทรนด์ ทั้งเศรษฐกิจ เทคโนโลยี การเงิน การเข้าถึงแหล่งทุนและการบริหารคนแบบทันเกม ไม่มีตกขบวน!!

พบกับ 4 เวทีเจาะลึกทุกแง่มุมธุรกิจ 1.Main Stage เวทีหลักที่จะพา SME อัปเดตเทรนด์เศรษฐกิจ ผู้บริโภค และเทคโนโลยี พร้อมเปิดมุมมองใหม่ในการคิดแบบเจ้าของตัวจริง  2.Empower Stage เวทีที่ช่วยเสริมพลังติดอาวุธให้กับ SME ให้พร้อมรอดและโตด้วยเทคนิคการบริหารคน คุมต้นทุน และการใช้ AI 3.Breakthrough Stage เวทีสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการปรับตัว พาธุรกิจไปต่อ ที่ไม่ใช่แค่รอด แต่ต้องรุ่ง 4. SurviveStage เวทีที่พาเจ้าของกิจการเข้าใจเกมการเงิน การบริหารทุน และเทคนิคการเข้าถึงแหล่งเงินทุน

ผู้เข้าร่วมงานจะได้ฟังความรู้และประสบการณ์ในการทำธุรกิจจากเจ้าของธุรกิจและกูรูกว่า 20 ชีวิตจากหลากหลายวงการที่หมุนเวียนมาถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์บนเวที เช่น ธุรกิจต้องรอด ที่ Main Stage พบกับ คมสันต์ แซ่ลี จาก FlashExpress, เทคโนโลยีต้องรอด ที่ Empower Stage กับ ปัทมาวลัย รัตนพล จาก S&P, กลยุทธ์ต้องรอด ที่ Breakthrough Stage กับ ธนัย ชรินทร์สาร (Podcaster Strategy Clinic), การเงินต้องรอด ที่ Survive Stage กับ ทรงพล ชัญมาตรกิจ จากบริษัท ต้นหอม

นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรม Pitching Showcases : ก้าวข้ามขีดจำกัดสู่ High-Value SME จากผู้ประกอบการ 11 บริษัท พร้อมบูธและกิจกรรมมากมาย ภายในงานยังมีสิทธิพิเศษสำหรับผู้เข้าร่วมงาน ทั้งบริการจาก Service provider (Business Strategy/HR/MarTech/AI & Digital) ในราคาพิเศษเฉพาะงานนี้, ข้อมูลจากหน่วยงานรัฐและเอกชนที่สนับสนุนเงินทุน สำหรับ SMEs/Startups ในไทย, บริการเข้าถึง แหล่งทุนจาก SME D Bank ดอกเบี้ยต่ำ, รับคำปรึกษา การสนับสนุน ทุนจากหน่วยงานรัฐ และโอกาสเข้าถึงแหล่งทุน และการลงทุนบนไลฟ์เอ็กซ์เช้นจ์ (LiVEx)

งานเดียว ครบจบทุกบทเรียนสำคัญ ผู้ประกอบการ SME, สตาร์ตอัพ, ผู้บริหาร ตลอดจนสายงานการตลาดและ HR ห้ามพลาด! ลงทะเบียนเข้าร่วมงานฟรีได้ที่ https://set–event–registration.setgroup.or.th/e/SMEDay2025

คุณนายพารวย

AIS ACADEMY ผนึก พม. เปิดสนามไอเดีย “JUMP THAILAND HACKATHON 2025” ชวนนิสิต-นักศึกษาปั้นนวัตกรรม AI พลิกชีวิตผู้สูงอายุและผู้พิการ สู่การทำงานและสร้างรายได้ ชิงรางวัลกว่า 200,000 บาท

0

AIS ACADEMY จับมือ กรมกิจการผู้สูงอายุและกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ภายใต้ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เดินหน้าสานต่อพันธกิจเคียงข้างสังคมไทย ผ่านการเปิดตัวโครงการ JUMP THAILAND HACKATHON 2025 ภายใต้แนวคิด “ภารกิจคิดเผื่อ ขับเคลื่อนอนาคตด้วยนวัตกรรม” เชิญชวนนิสิต นักศึกษาทั่วประเทศ ร่วมแสดงศักยภาพด้านเทคโนโลยีและความคิดสร้างสรรค์ ภายใต้โจทย์ “ร่วมคิดร่วมสร้างนวัตกรรมเทคโนโลยีในยุคปัญญาประดิษฐ์เพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับผู้สูงอายุหรือคนพิการให้สามารถมีงานทำ มีรายได้ อย่างยั่งยืน” ในการพัฒนาโซลูชันที่ช่วยเพิ่มโอกาสทางอาชีพและรายได้ให้แก่ผู้สูงอายุและคนพิการ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม โดยมีผู้เชี่ยวชาญจาก AIS ทำหน้าที่เมนเทอร์ให้คำปรึกษาและถ่ายทอดองค์ความรู้ตลอดระยะเวลาโครงการ

นายสรรเพชญ สรรพศิริ หัวหน้าฝ่ายงานการบริหารความเป็นเลิศด้านงานทรัพยากรบุคคล AIS กล่าวว่า “AIS ACADEMY มุ่งเป็นศูนย์กลางแห่งการเรียนรู้เพื่อพัฒนาคนอย่างยั่งยืน จึงให้ความสำคัญกับการทำงานอย่างต่อเนื่องร่วมกับพันธมิตรทุกภาคส่วน โดยเฉพาะกระทรวง พม. ที่มีบทบาทสำคัญในการดูแลกลุ่มประชากรที่เปราะบาง การจัดโครงการ JUMP THAILAND HACKATHON 2025 ครั้งนี้ ไม่เพียงเป็นเวทีให้นิสิต นักศึกษาได้แสดงความสามารถด้านนวัตกรรมเท่านั้น แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นในการพัฒนาโซลูชันที่นำไปต่อยอดใช้งานจริง เพื่อเปลี่ยนชีวิตผู้สูงอายุและคนพิการในสังคมไทย โดยมี AIS ร่วมเป็นแรงสนับสนุนทั้งในด้านเทคโนโลยีและบุคลากรผู้เชี่ยวชาญอย่างเต็มที่ ซึ่งสะท้อนบทบาทของเราในฐานะองค์กรโทรคมนาคมอัจฉริยะ (Cognitive Tech-Co) ที่พร้อมใช้ศักยภาพในการร่วมขับเคลื่อนสังคมให้เดินหน้าอย่างยั่งยืน”

สำหรับนิสิต นักศึกษาที่สนใจสามารถสมัครเข้าร่วมแข่งขันได้ ตั้งแต่วันนี้ ถึง วันที่ 30 สิงหาคม 2568 เพื่อชิงรางวัลรวมมูลค่ากว่า 200,000 บาท โดยทีมชนะเลิศจะได้รับเงินรางวัล 100,000 บาท และโอกาสในการต่อยอดโครงการให้เกิดขึ้นจริงร่วมกับ AIS และกระทรวง พม. ดูรายละเอียดเพิ่มเติมและสมได้ที่ www.jumpthailand.com หรือ Facebook: AIS Jump Thailand

ตามรอยเซียน โดย เจี๊ยบ บางกรวย “พระสมเด็จวัดระฆังเกศบัวตูม ”

0

วันอาทิตย์เดินดูพระกับพระอาจารย์ คุยกันเรื่องรักในพระสมเด็จ ถ้าเจอสีดำบนรักแดงแท้ แต่ถ้าเจอแดงสีเดียวเก๊ รักแท้อายุเป็นร้อยปีจะหลุดเป็นชิ้นเป็นแผ่น ถ้ารักละลาย ไม่ดีเป็นรักใหม่ จำไว้นะเธอ ถ้าเดินเจอพระสมเด็จในกรอบ พระอาจารย์บอก มีพระหลุดนะยิ่งมีกรอบยิ่งดี แสดงว่าคนขายดูดี ตั้งใจขายแพงพร้อมกรอบ ถ้าเจอดูพระสว่างทั้งองค์คราบแป้งนวลๆ พิมพ์ดีมีโอกาสได้พระสมเด็จไว้ใช้

อาจารย์สอนเซียนเจี๊ยบหาตาม ได้มา 1องค์จากหลายร้อยองค์ จาก 20-30 แผงในสนามพระ เสร็จสิ้นการเดินแวะกินข้าว จบที่ร้านกาแฟ ได้เวลาโชว์พระ ให้พระอาจารย์ดู วัดระฆังเกศบัวตูมแท้ดูง่าย หวานเจี๊ยบ ใช้ได้แล้วนี่หาพระได้ พามาดูพระด้วยกันไม่ได้เดี๋ยวแย่งพระฉันหมด
พระอาจารย์สอนเซียนเจี๊ยบบอกต่อ พระสมเด็จแท้ ยังรอเราอยู่นะเธอ

เจี๊ยบบางกรวยเดินตามรอยพระอาจารย์ 087 0030897