Home Blog Page 28

เมืองไทยสไมล์คลับ ส่งมอบประสบการณ์แห่งความสุขและรอยยิ้ม แลกสิทธิพิเศษ “ช้อป กิน ฟิน ลุ้น” ใช้คะแนนน้อย ครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์

0

นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า   เมืองไทยประกันชีวิต โดย “เมืองไทยสไมล์คลับ” เดินหน้าส่งมอบความสุขและรอยยิ้มให้สมาชิกเมืองไทย สไมล์คลับพร้อม มอบประสบการณ์ ช้อป กิน ฟิน ลุ้น แก่สมาชิกเมืองไทยสไมล์คลับ เพียงใช้คะแนนสะสมเริ่มต้นที่ 1 Smile Point แลกรับสิทธิพิเศษจากกิจกรรมไฮไลท์ที่คัดสรรมาแบบครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์เพื่อให้ตอบโจทย์สมาชิกฯ ที่แม้ว่าจะมีคะแนนสะสม Smile Point น้อย แต่สามารถเลือกรับความสุขจากร้านค้าพันธมิตรชั้นนำพร้อมลุ้นรับรางวัลใหญ่ที่มีมูลค่ารวมกว่า 220,000 บาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้

·       ชื่นใจกับชาไทยแก้วโปรด Tuesday Smiley ชาตรามือ  

สมาชิกเมืองไทยสไมล์คลับ ใช้คะแนนสะสม 2 Smile Points แลกรับส่วนลด 20 บาท สำหรับซื้อเครื่องดื่ม   ทุกเมนูที่ร้านชาตรามือ สาขาที่ร่วมรายการกว่า 170 สาขา กดรับสิทธิ์เฉพาะวันอังคารและเก็บโค้ดไว้ใช้ได้ถึง 30 มิถุนายน 2568 จำกัด 2 สิทธิ์ /1 ท่าน / สัปดาห์ รวม 3,000 สิทธิ์ ตลอดโครงการ (สามารถใช้ได้  1 รหัสส่วนลดต่อ 1 ใบเสร็จเท่านั้น) รับสิทธิ์ทางแอปพลิเคชัน MTL Click แสดง QR Code (รหัสรับสิทธิ์) ณ ร้านค้า

ระยะเวลาการแลกสิทธิ์ : 1 เมษายน 2568 – 30 มิถุนายน 2568

·       อุ่นใจกับร้านยากรุงเทพทุกสาขา

สมาชิกเมืองไทยสไมล์คลับใช้คะแนนสะสม 1 Smile Point รับ E-Coupon 30 บาท เมื่อซื้อสินค้าครบ 300 บาท / ใบเสร็จ ที่ ร้านยากรุงเทพ ทุกสาขา จำกัดจำนวนการแลก  5 สิทธิ์ / 1 ท่าน / วัน  E-Coupon สามารถสแกนใช้ได้ 1 ครั้งต่อ 1 ใบเสร็จเท่านั้น รับสิทธิ์ทางแอปพลิเคชัน MTL Click แสดง Barcode ณ จุดชำระเงินร้านยากรุงเทพ ภายใน 30 นาที

ระยะเวลาการแลกสิทธิ์ : 16 ธันวาคม 2567 – 31 ธันวาคม 2568

·       ลุ้นรางวัลใหญ่ เมืองไทยสไมล์มอบโชค 2568 ครั้งที่ 1

สมาชิกเมืองไทยสไมล์ใช้คะแนนสะสม 2 Smile Points แลกคูปองชิงโชค 1 ใบ และเมื่ออัปเดตข้อมูลของสมาชิกเมืองไทยสไมล์คลับ รับคูปองชิงโชคเพิ่มอีก 2 ใบ ลุ้นรถจักรยานยนต์ Honda Giorno+ จำนวน 3 รางวัล มูลค่ารวมกว่า 220,000 บาทตั้งแต่วันที่ 7 มีนาคม 2568 – 15 กรกฎาคม 2568 จับรางวัลวันที่ 20 สิงหาคม 2568 แลกคะแนนสะสม Smile Point ลุ้นรับรางวัลใหญ่ผ่านช่องทางแอปพลิเคชัน  MTL Click  หรือ โทร. 1766 กด 4   หรือ ศูนย์บริการลูกค้า เมืองไทยประกันชีวิตทั่วประเทศ ทุกสาขา

ทั้งนี้ สมาชิกเมืองไทยสไมล์คลับ สามารถติดตามกิจกรรมและสิทธิประโยชน์สุดพิเศษตลอดทั้งปีได้ที่ เว็บไซต์เมืองไทยประกันชีวิต www.muangthai.co.th  หรือดาวน์ โหลดแอปพลิเคชัน MTL Click ได้ฟรีทั้งระบบปฏิบัติการ iOS และ Android หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 1766 ตลอด 24 ชั่วโมง

AIS ร่วมกับ ททท. ต้อนรับนักท่องเที่ยวจีนในโครงการ “สวัสดี หนีห่าว” สนับสนุน AIS LUCKY TOURIST SIM ให้สัมผัสเสน่ห์ไทย พร้อมสิทธิพิเศษจัดเต็ม

0

AIS เดินหน้าสนับสนุนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยอย่างต่อเนื่อง ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “สวัสดี หนีห่าว” ซึ่งจัดโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เนื่องในโอกาสเฉลิมฉลอง ครบรอบ 50 ปีแห่งความสัมพันธ์ทางการทูตไทย–จีน โดยต้อนรับผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว สื่อมวลชน และอินฟลูเอนเซอร์จากประเทศจีนที่เดินทางมาเยือนไทยระหว่างวันที่ 28 พฤษภาคม – 1 มิถุนายน 2568 เพื่อผลักดันอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตอย่างยั่งยืน

ในโอกาสนี้ AIS ได้มอบ AIS LUCKY TOURIST SIM ซิมการ์ดแบบเติมเงินที่ออกแบบมาเพื่อนักท่องเที่ยวต่างชาติ อินเทอร์เน็ต 4G/5G ไม่อั้น เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ร่วมโครงการสามารถสื่อสารเชื่อมต่อ แชร์ประสบการณ์ และเข้าถึงข้อมูลได้อย่างราบรื่นตลอดทริปบนเครือข่าย AIS 5G พร้อมรับสิทธิประโยชน์ที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การเดินทาง อีกทั้งยังได้เปิดประสบการณ์สัมผัส Soft Power ไทยอย่างใกล้ชิด ทั้งส่วนลดบัตรเข้าชมสนามมวยราชดำเนิน, ส่วนลดเข้าชมสวนสัตว์เปิดเขาเขียว, รับฟรีประกันภัยการเดินทาง, รับเครื่องดื่ม และใช้ห้องรับรองพิเศษฟรีกับเซ็นทรัล, ส่วนลดช้อปปิ้งกับ King Power

นางเบญจพร กำเพ็ชร หัวหน้าส่วนงานการตลาดกลุ่มลูกค้าพรีเพด AIS กล่าวว่า “AIS มุ่งมั่นพัฒนาเครือข่ายและบริการดิจิทัลที่ตอบโจทย์ทั้งลูกค้าคนไทยและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการกระตุ้นเศรษฐกิจและภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศ ผ่านการทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ที่หลากหลาย โดยให้ความสำคัญกับการสนับสนุนการท่องเที่ยว วัฒนธรรม และผลักดัน Soft Power ของไทย เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวจากประเทศจีนในครั้งนี้ และหวังว่าทุกท่านจะได้สัมผัสกับเสน่ห์ของประเทศไทยอย่างเต็มที่ พร้อมรับสิทธิพิเศษที่จะเติมเต็มให้ทุกการเดินทางเต็มไปด้วยความประทับใจยิ่งขึ้น”

สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ AIS LUCKY TOURIST SIM Website, AIS eSIM TOURIST Website และ AIS 5G Official Account on Weibo platform   

ตลาดหลักทรัพย์ฯ จับมือ บล.เกียรตินาคินภัทร และ Bank of America นำ บจ. โรดโชว์สิงคโปร์

0

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ร่วมกับ บริษัทหลักทรัพย์เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) และ Bank of America จัดโรดโชว์ “SET Singapore Roadshow 2025” นำโดยอัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ฯ พาบริษัทจดทะเบียน 7 แห่ง จากหลายหมวดธุรกิจร่วมให้ข้อมูลแผนการดำเนินงาน แสดงศักยภาพและความแข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนไทย พร้อมด้วยภาครัฐ ศึกษิษฏ์ ศรีจอมขวัญ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และพลช หุตะเจริญ ผู้อำนวยการกองพัฒนาตลาดตราสารหนี้ รักษาการในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านตลาดตราสารหนี้ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ร่วมตอกย้ำนโยบายภาครัฐในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการลงทุนไทย โดยได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนสถาบันในสิงคโปร์เข้าร่วมงานกว่า 20 กองทุน เมื่อวันที่ 22-23 พฤษภาคม 2568

รู้เก็บรู้ออม : ย้าย LTF มา THAI ESGX ดีมั้ย!

0
ที่มา คอลัมน์ "รู้เก็บรู้ออมรู้ใช้รู้ลงทุน...สู่ความมั่งคั่ง" หน้าเศรษฐกิจ  หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

นักลงทุนที่กำลังวางแผนภาษี คงได้ตัดสินใจลงทุนซื้อกอง THAI ESGX กันแล้ว หลังเริ่มเปิดขายตั้งแต่วันที่ 2 พ.ค.68 ที่ผ่านมา ส่วนคนที่ยังไม่ตัดสินใจ ต้องไม่ลืมว่า มีเวลาซื้อกองทุนนี้จนถึง 30 มิ.ย.68 เป็นวันสุดท้าย

สำหรับนักลงทุนที่ถือกอง LTF อยู่ มีเวลาตัดสินใจที่จะย้ายหรือสับเปลี่ยนเป็น THAI ESGX ได้จนถึงสิ้นเดือน มิ.ย.นี้ เช่นเดียวกัน โดยเปิดให้แจ้งความต้องการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนได้แล้วตั้งแต่วันที่ 13 พ.ค.ที่ผ่านมา

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้ช่วยอำนวยความสะดวกแก่นักลงทุน โดยเปิดให้บริการตรวจสอบข้อมูลการถือหน่วยลงทุน LTF ทั้งหมดของตัวเอง และทุก บลจ. ผ่านเว็บ www.set.or.th/ltf ส่วนการให้ความรู้ความเข้าใจ เพื่อช่วยให้นักลงทุนตัดสินใจได้อย่างรอบคอบ เว็บไซต์ SET investnow คลังความรู้ด้านการลงทุนของตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้นำเสนอบทความที่ช่วยอธิบายและตอบข้อสงสัยของนักลงทุนได้ว่า ควรสับเปลี่ยนจาก LTF มา THAI ESGX ดีมั้ย, เงื่อนไขและสิทธิประโยชน์มีอะไรบ้าง และใครที่ควรสับเปลี่ยนกองทุนดังกล่าว

หากเราเป็นคนที่มีฐานรายได้และภาษีสูง เช่น มีเงินเดือน 130,000-460,000 บาทขึ้นไป หรือต้องจ่ายภาษีเงินได้อัตราระหว่าง 25-35% การสับเปลี่ยนจาก LTF มา THAI ESGX เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะช่วยทำให้เราได้คืนภาษีถึงปีละ 5-7% ยิ่งฐานรายได้สูงก็ยิ่งควรโอนย้าย เพราะคุ้มกับการถือกองทุนต่อไปอีก 5 ปี โดยที่ไม่ต้องควักเงินลงทุนใหม่

ส่วนคนที่มีเงินลงทุนอยู่ใน LTF มากกว่า 500,000 บาท เช่น 1 ล้านบาท ซึ่งเกินเพดานใช้สิทธิลดหย่อน แต่ส่วนที่ใช้สิทธิได้ (500,000 บาทแรก) ก็ยังทำให้ได้รับเงินคืนภาษีเฉลี่ยปีละ 2.5-3.5% ของมูลค่า LTF ทั้งก้อน ก็ถือว่าคุ้มอยู่ดี ที่จะสับเปลี่ยนมาถือ THAI ESGX แทน

เรื่องของอายุก็มีความสำคัญ คนที่อายุน้อยกว่า 50 ปี หรือเพิ่งเริ่มต้นการทำงาน เช่น อายุ 30 ปี การถือ THAI ESGX เป็นทางเลือกที่น่าสนใจกว่า เพราะระยะเวลาถือครองสั้นแค่ 5 ปี ขณะที่หากลงทุนใน RMF ต้องรอถือยาวและลงทุนต่อเนื่องจนถึงอายุ 55 ปี

หากตัดสินใจว่าจะย้าย ก็ต้องศึกษาและเข้าใจเงื่อนไขให้ดีก่อน คือ 1.ต้องสับเปลี่ยน LTF ทุกกองทุน ทุก บลจ.ที่ถืออยู่ ไปยัง THAI ESGX ถ้าสับเปลี่ยนไม่ครบ ก็จะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ภาษี โดยต้องทำในช่วงวันที่ 13 พ.ค.-30 มิ.ย.68 เท่านั้น 2.ต้องไม่มีการขายคืนหรือสับเปลี่ยน LTF หลังวันที่ 11 มี.ค.68 ทั้งใน บลจ.เดียวกันหรือข้าม บลจ. ไม่งั้นจะหมดสิทธิ์ได้สิทธิประโยชน์ภาษี 3.ต้องถือครอง THAI ESGX ที่สับเปลี่ยนมาไม่น้อยกว่า 5 ปี (นับแบบวันชนวัน) หากขายก่อนกำหนด ต้องคืนสิทธิภาษีที่ได้ไป

สำหรับสิทธิประโยชน์ภาษีที่ได้ คือ วงเงินลดหย่อนภาษีสูงสุด 5 แสนบาท แบ่งเป็นปีแรก ปี 68 ได้ลดหย่อนภาษีสูงสุด 3 แสนบาท และปี 69–72 ได้ลดหย่อนปีละ 5 หมื่นบาท รวม 2 แสนบาท ค่อยๆเปรียบเทียบข้อมูลและตัดสินใจให้รอบคอบ แต่อย่าลืมว่า มีเวลาตัดสินใจจนถึง 30 มิ.ย.นี้ เท่านั้นค่ะ.

คุณนายพารวย

“ก้านธูปในพระสมเด็จวัดระฆัง ”

0

ตามรอยเซียน โดย เจี๊ยบ บางกรวย

อาทิตย์ที่ผ่านมาเปลี่ยนพระกริ่งใหญ่กับพระอาจารย์ เป็นองค์เดิมที่ได้จับครั้งแรกแล้วไปขายให้พระอาจารย์ หลายปีก่อน ตอนยังดูไม่เป็นหนุ่มน้อยอยู่ ได้องค์ใหม่สวยกว่าองค์เก่า ไปอวด พระอาจารย์ชอบ เลยขอแลกแถมพระกริ่งธรรมโกษาจารย์ สังฆราชแพ วัดสุทัศน์ ให้เซียนเจี๊ยบ1องค์ จบแบบฉ่ำๆ ก่อนกลับหยิยพระสมเด็จวัดระฆังโชว์ พระอาจารย์ถามองค์นี้ขายมั้ย ยังไม่ขายครับพระอาจารย์

มาดูพระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่องค์ที่พระอาจารย์อยากได้องค์นี้ สวยเต็มฟอร์ม มีรักทองติดอยู่หลายชิ้น เก่าเป็นธรรมชาติ ของรักร้อยปี เนื้อขาวอมเหลือง ส่วนที่รักร่อนหลุดเปิดผิวพระเห็นมวลสาร ก้อนดำเม็ดแดง เม็ดขาวหรือที่เรียกเม็ดพระธาตุ เนื้อจัดเห็นริ้วระแหงแตกลายงาบางๆ หลังแตกรายงาเซียนไม่ซื้อ แต่แบบนี้ของชอบพระอาจารย์ เพราะพระทารักมาทั้งองค์ด้วยเหตุนี้จึงเกิด ริ้วระแหงแตกรายงา รักร่อนออกหมดเหลือไว้ในหลุมบ่อและรอยลานของเนื้อพระ เป็นจุดจ่ายตังรับประกันความแท้ มีเศษก้านธูป อยู่หนึ่งชิ้นแบบนี้แท้เลยพระอาจารย์สอนมาจำไว้นะ แต่ไม้ต้องเก่าผุเป็นธรรมชาตินะเธอ ข้างตอกตัดแท้สไตส์เซียนเจี๊ยบบางกรวย ข้างต้องตอกตัดเท่านั้น


ก้านธูปถ้าเจอในพระสมเด็จ แท้เลยนะเธอ พระอาจารย์บอกมาเซียนเจี๊ยบบอกต่อจร้าาาาาา

AIS จับมือ หัวเว่ย เปิดตัวบริการ “AI Calling” ฟีเจอร์แปลภาษาแบบเรียลไทม์ระหว่างโทร

0

AIS เดินหน้าเสริมศักยภาพโครงข่ายอัจฉริยะ (Autonomous Network) ยกระดับการให้บริการเครือข่ายอย่างเหนือขีดจำกัดครั้งแรกของโลก เปิดตัวบริการ “AI Calling” ฟีเจอร์แปลภาษาแบบเรียลไทม์ระหว่างการโทร ใช้งานได้ทั่วโลกโดยไม่ต้องดาวน์โหลดแอปพลิเคชันเพิ่มเติม บนเครือข่าย AIS 5G เท่านั้น เปลี่ยนการสื่อสารข้ามภาษาสู่ประสบการณ์ไร้พรมแดน ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตอกย้ำการเป็นองค์กรเทคโนโลยีโทรคมนาคมอัจฉริยะ (Cognitive Tech-Co) ที่พร้อมนำนวัตกรรมแห่งอนาคตมาให้ลูกค้าได้สัมผัสก่อนใคร เตรียมเปิดให้บริการบนสมาร์ตโฟน HUAWEI Mate XT และ HUAWEI Mate X6 ภายในเดือนมิถุนายน 2568 นี้ และขยายสู่รุ่นอื่นๆ ในอนาคต

นายศรัณย์ ผโลประการ หัวหน้าฝ่ายงานผลิตภัณฑ์โทรศัพท์เคลื่อนที่กลุ่มลูกค้าทั่วไป AIS กล่าวว่า “AIS AI Calling เป็นบริการที่เราพัฒนาร่วมกับ Huawei พันธมิตรเทคโนโลยีระดับโลก เพื่อยกระดับการสื่อสารให้ล้ำสมัยและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยผู้ใช้งานสามารถพูดในภาษาของตนเอง ขณะที่ปลายสายจะได้ยินเป็นอีกภาษาหนึ่งทันที ช่วยลดข้อจำกัดด้านภาษาในการสื่อสารในชีวิตประจำวัน ทั้งด้านการท่องเที่ยว ธุรกิจ และงานบริการ ถือเป็นรายแรกของโลกที่ให้บริการแปลภาษาแบบ Voice-to-Voice Real-Time บนเครือข่ายโทรศัพท์ นับเป็นก้าวสำคัญในการนำนวัตกรรม AI ผสานกับโครงข่าย 5G เพื่อยกระดับการใช้งานของผู้ใช้ทุกกลุ่ม โดยเฉพาะในโลกที่การเชื่อมต่อไร้พรมแดนเป็นสิ่งจำเป็น”

AIS AI Calling มาพร้อมจุดเด่นที่ตอบโจทย์การใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็น การแปลภาษาในรูปแบบ Voice-to-Voice เรียลไทม์ระหว่างสนทนา, ใช้งานผ่านเครือข่าย AIS 5G ได้ทันที โดยไม่ต้องดาวน์โหลดแอปฯ เพิ่ม, รองรับการใช้งานหลากหลายสถานการณ์ นอกจากนี้ ยังสามารถแปลภาษาในรูปแบบ Voice-to-Text โดยจะแสดงคำแปลเป็นข้อความซับไตเติ้ลบนหน้าจอแบบคำต่อคำอย่างแม่นยำและต่อเนื่อง เติมเต็มประสบการณ์การสื่อสารที่ไร้รอยต่อ

ปัจจุบันฟีเจอร์ Voice-to-Voice รองรับ 3 ภาษา ได้แก่ ไทย อังกฤษ และจีน ส่วน Voice-to-Text จะรองรับภาษา อังกฤษและจีน โดยจะพร้อมใช้งานบนสมาร์ตโฟนรุ่น HUAWEI Mate XT | ULTIMATE DESIGN และ HUAWEI Mate X6 ภายในเดือนมิถุนายน 2568 และขยายสู่สมาร์ตโฟนรุ่นอื่นๆ พร้อมรองรับภาษาต่างๆ เพิ่มเติมต่อไป

เชียงใหม่คุมเข้มไฟป่า – ฝุ่น PM2.5 … ซีพีเอฟหนุนเต็มกำลัง!

0

ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ “นิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร” สั่งคุมเข้มป้องกันไฟป่า และฝุ่น PM2.5 ทั้งมาตรการหยุดเผาทุกชนิดในที่โล่ง ลาดตระเวนป้องกันไฟป่า ตรวจรถควันดำ และโรงงานอุตสาหกรรม

CPF หนุนภารกิจเต็มกำลัง ส่งอาหารทั้งไข่ไก่ หมูสด หมูคูโรบูตะ น้ำดื่ม CP และผลิตภัณฑ์ห้าดาว ให้ทีมอาสาดับไฟป่าทั่วเชียงใหม่ เติมพลังใจให้เดินหน้าภารกิจต่อเนื่อง

โดยก่อนหน้านี้ นายอำเภอสันกำแพง จับมือกับคอมเพล็กซ์ไก่ไข่ CPF สันกำแพง เปิดโครงการ “ตลาดใบไม้แลกไข่” ชวนชุมชน เลิกเผาใบไม้ แลกไข่ไก่ CP กลับบ้าน ได้อิ่มท้อง ลดค่าครองชีพ พร้อมลดฝุ่น PM2.5 อย่างสร้างสรรค์

ซีพีเอฟเคียงข้างคนไทย สู้ไฟป่า ลดฝุ่น PM2.5 เพื่ออากาศสะอาดของทุกคน

คลิกชมคลิป >> https://youtube.com/shorts/i1swPqCwQ6k?feature=share

ซีพีเอฟ สานต่อโครงการ SMEx ปรับตัวคู่ค้ารับยุคดิจิทัล ตอบโจทย์ผู้บริโภค ร่วมดูแลสิ่งแวดล้อม

0

ในสถานการณ์ที่เทคโนโลยีเข้ามามีผลต่อพฤติกรรมผู้บริโภค สภาพสังคมและสิ่งแวดล้อม ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ SME (Small and Medium Entrepreneurs ) จำเป็นต้องปรับตัวให้ทันและเร็วเพื่อที่จะสามารถดำเนินกิจการได้อย่างมั่นคง และเติบโตอย่างยั่งยืนในยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

แนวทางที่จะช่วยในการปรับตัวสำหรับธุรกิจ SME ในยุคที่มีความเปลี่ยนแปลงสูงและรวดเร็ว คือ การผสานเทคโนโลยีและนวัตกรรม ด้วยตระหนักถึง SME หลายแห่งยังมีข้อจำกัดด้านองค์ความรู้และปัจจัยต่างๆ ในการเพิ่มขีดความสามารถ ซีพีเอฟ หรือ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) จึงได้ดำเนินโครงการ SMEx ต้นทุนต่ำ นำรักษ์โลก ช่วยพัฒนาศักยภาพของคู่ค้าธุรกิจ SME ในห่วงโซ่อุปทาน ผ่านการถ่ายทอดความรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต รวมถึงมีผู้เชี่ยวชาญของบริษัทช่วยเป็นพี่เลี้ยงให้คำปรึกษาเจ้าของกิจการลงมือปรับปรุงกระบวนการดำเนินงาน ใช้ทรัพยากรและพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้มีผลผลิตที่สูงขึ้น ต้นทุนลดลง ส่งผลให้มีรายได้เพิ่มขึ้น

นายพีรพงศ์ กรินชัย ผู้บริหารสูงสุด สายงานวิศวกรรมกลาง ซีพีเอฟ กล่าวว่า SME เป็นพาร์ทเนอร์ของซีพีเอฟในการผลิตและส่งมอบสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคทั้งเรื่องคุณภาพ ความปลอดภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โครงการ SMEx จะช่วยสนับสนุนและถ่ายทอดความเชี่ยวชาญความรู้ของซีพีเอฟช่วยให้ SME มีศักยภาพปรับเปลี่ยนธุรกิจให้ทันกระแสโลก โดยเฉพาะการลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก

โครงการ SMEx ดำเนินการมาถึงรุ่นที่ 4 ในปีนี้ ซีพีเอฟยังได้จับมือกับพันธมิตรชั้นนำอย่าง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งจะมาช่วยเพิ่มพูนความรู้การพัฒนาที่ยั่งยืน องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ อบก. สนับสนุนให้ SME สามารถคำนวณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตลอดห่วงโซ่การผลิต สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า ช่วยส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล และสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจ ขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ สสว. ที่ให้ความช่วยเหลืออุดหนุนด้านเงินทุนแก่ ช่วยให้ SME เข้าถึงแหล่งทุนในการนำเทคโนโลยีดิจิทัลบริหารจัดการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกระบวนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยเตรียมความพร้อม SME ได้รับการรับรองเครื่องหมายคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร มีส่วนร่วมขับเคลื่อนสู่เป้าหมาย Net-Zero ด้วยกัน

นายจุลนภ ศานติพงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมและธุรกิจ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (ดีป้า) กล่าวว่า ดีป้ามองคาร์บอนฟรุตปริ้น เป็นความท้าทายต่อผู้ประกอบการ SME ซึ่งเป็นกำลังสำคัญหลักของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โครงการ SMEx ช่วยให้ SME ปรับตัวให้พร้อมรับความท้าทายต่างๆ สามารถแข่งขันได้บนเวทีระดับประเทศและระดับโลก

นางนภาสิริ ใจแสง บริษัท อินทราพรแพค จำกัด คู่ค้าผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติก กล่าวว่า ผู้ประกอบการขนาดเล็กจำเป็นต้องมีความรู้และปรับปรุงด้านต่างๆ การนำเทคโนโลยีดิจิทัลช่วยเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิตควบคู่กับการคำนวณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ซึ่งเป็นเทรนด์ที่ผู้บริโภคทั่วโลกต้องการ โครงการ SMEx ช่วยให้ธุรกิจขนาดเล็กมีความรู้และสามารถปรับตัวได้เร็วก่อนคนอื่น และสามารถผลิตสินค้าได้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าทั้งในแง่คุณภาพ มาตรฐาน และดูแลสิ่งแวดล้อม

นายณัฐพงศ์ สหชัยพัฒนา บริษัท สหชัยกิจการพิมพ์ จำกัด ผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์อาหาร กล่าวว่า บริษัทร่วมกับซีพีเอฟพัฒนาบรรจุภัณฑ์อาหารร่วมกันอย่างต่อเนื่อง ผู้ประกอบการ SME เป็นองค์กรขนาดเล็ก การร่วมโครงการ SMEx สร้างโอกาสให้ SME ได้เรียนรู้จากองค์กรขนาดใหญ่ในการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน อย่างเช่น การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลมาช่วยลดเวลาในการทำงานที่ เป็นระบบอัตโนมัติ ช่วยธุรกิจมีเวลาไปพัฒนาองค์กรและบุคลากรมากขึ้น

นางสุภาวดี วชิระเธียรชัย บริษัท เอื้ออารีฟู้ด โปรดักส์ จำกัด กล่าวว่า เอื้ออารีฟู้ดเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าเครื่องปรุงรสวัตถุดิบในการผลิตอาหารของซีพีเอฟมากว่า 25 ปี SME รุ่นใหม่ตื่นตัวเรื่องสิ่งแวดล้อม การเข้าร่วมโครงการ SMEx จะช่วยให้ธุรกิจขนาดเล็กลดต้นทุน มีกำไรเพิ่มขึ้น และได้ดำเนินงานดีต่อสิ่งแวดล้อมด้วย สามารถตอบโจทย์จัดการปัญหาได้ตรงจุด ไม่ต้องเสียเวลาลองผิดลองถูก

โครงการ SMEx เป็นอีกหนึ่งความมุ่งมั่นของซีพีเอฟภายใต้โครงการ “Partner to Grow” มีเป้าหมายเสริมสร้างความร่วมมือกับคู่ค้า SME ยกระดับขีดความสามารถทางการแข่งขัน ดำเนินงานด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม สนับสนุนการเติบโตไปด้วยกัน.

ประมงสมุทรสงคราม ปูพรมจับปลาหมอคางดำแบบไม่พัก ปลื้มกรมประมงยก “สิบหยิบหนึ่ง” เป็นโมเดลขยายผลในจังหวัดอื่น

0

ท่ามกลางแนวทางการจัดการควบคุมปลาหมอคางดำในบ่อเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ “ปลากะพงขาว” เป็นฮีโร่ของเกษตรกรไทยมาช่วยกำจัด “ปลาหมอคางดำ” จากไอเดียนอกกรอบของประมงจังหวัดสมุทรสงคราม ที่ริเริ่มและดำเนินกิจกรรม “สิบหยิบหนึ่ง” ด้วยหลักการที่เรียบง่าย นำปลากะพงขาวมาเป็นตัวช่วยตัดวงจรปลาหมอคางดำในบ่อเลี้ยงสัตว์น้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเปลี่ยนปัญหาเป็นโอกาสให้เกษตรกร

กรมประมงจึงยกเป็นโมเดลขยายผลไปสู่จังหวัดอื่น สำหรับในปีนี้ สมุทรสงครามยังรุกกำจัดปลาหมอคางดำอย่างต่อเนื่องด้วยการจัดการแข่งขันชิงรางวัลชวนคนไทยมาร่วมภารกิจจับปลาหมอคางดำมาใช้ประโยชน์กันมากขึ้น

ประมงสมุทรสงครามเริ่มกิจกรรม “สิบหยิบหนึ่ง” ขึ้นเมื่อปี 2567 โดยร่วมกับเอกชนจัดหาลูกพันธุ์ปลากะพงขาวมาแจกจ่ายให้เกษตรกรรนำไปเลี้ยงและเป็นนักล่าธรรมชาติช่วยกำจัดปลาหมอคางดำในบ่อเลี้ยงสัตว์น้ำ เมื่อปลากะพงขาวโตได้ขนาดนักล่า เกษตรกรจะจับปลา 10% ของอัตราปลาที่ได้รับสนับสนุน เพื่อส่งคืนให้จังหวัดสำหรับนำไปปล่อยลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติต่อไป ซึ่งเกษตรกรได้ทั้งประโยชน์จากจำนวนปลาหมอคางดำในบ่อเลี้ยงสัตว์น้ำลดลง ช่วยให้ผลผลิตดีขึ้น และยังมีผลพลอยได้จากปลากะพงเป็นรายได้เสริม พร้อมทั้งช่วยฟื้นฟูและอนุรักษ์แหล่งน้ำธรรมชาติในคราวเดียวกัน

นายวิรัตน สนิทมัจโร ประมงจังหวัดสมุทรสงคราม กล่าวว่า ปีนี้ ประมงสมุทรสงครามเร่งปฏิบัติการเชิงรุกในทุกมิติตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ โดยจะมีการปูพรมจัดกิจกรรม “ลงแขกลงคลอง” ทุกเดือนเพื่อจับปลาหมอคางดำให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ ทั้งในแหล่งน้ำธรรมชาติ และบ่อเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำของเกษตรกร ตั้งเป้าอีก 3 เดือนข้างหน้าประชากรปลาหมอคางดำเบาบางลงอย่างเป็นรูปธรรม ต่อจากนั้นจะปล่อยพันธุ์ปลานักล่าช่วยตัดวงจรการแพร่พันธุ์ของปลาหมอคางดำ ควบคู่กับการเดินหน้ากิจกรรม “สิบหยิบหนึ่ง” ต่อเนื่อง พร้อมกับเพิ่มกิจกรรมใหม่ๆ ที่ช่วยกระตุ้นประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมใช้ประโยชน์ปลาหมอคางดำมากขึ้น ผ่านการจัดกิจกรรมการประกวดเมนูอาหารปลาหมอคางดำ และการแข่งขันจับปลา เป็นกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้ประชาชนช่วยกันปูพรมจับปลาหมอคางดำขึ้นจากแหล่งน้ำและบ่อเลี้ยงมาจำหน่าย เพื่อเป็นการกวาดล้างปลาหมอคางดำออกจากระบบนิเวศของสมุทรสงครามมากที่สุด

ล่าสุด ประมงจังหวัดสมุทรสงครามได้จัดกิจกรรมปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ (ผู้ล่า) ปลากะพงขาว ภายใต้กิจกรรม “สิบหยิบหนึ่ง” รุ่นแรกที่ปล่อยปลาหมอคางดำไปแล้ว โดยมีตัวแทนเกษตรกรในพื้นที่ตำบลบางแก้ว อำเภอเมืองสมุทรสงคราม ส่งมอบ “ปลากะพงขาว” ที่โตขนาด 7-8 นิ้ว (200-350 กรัม) จำนวน 250 ตัว แก่นางนิศากร วิศิษฏ์สรอรรถ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม และปล่อยลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ ณ ท่าน้ำวัดเจริญสุนทราราม (วัดบางบ่อ) หมู่ที่ 5 ตำบลบางแก้ว อำเภอเมืองสมุทรสงคราม ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 3 ที่ประมงสมุทรสงครามปล่อยปลากะพงขาวที่ได้รับคืนจากเกษตรกรที่ร่วมกิจกรรมนี้

“จากโมเดลจัดการปัญหาที่ช่วยเยียวยาเกษตรกรเจ้าของบ่อเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ และสร้างโอกาสเพิ่มรายได้จากปลากะพงขาว ซึ่งเป็นปลาเศรษฐกิจ ส่งผลให้กรมประมงบรรจุ “สิบหยิบหนึ่ง” เป็นโมเดลที่ส่งเสริมให้จังหวัดอื่นนำไปขยายผลเพื่อดูแลเกษตรกรและสิ่งแวดล้อมควบคู่กัน” นายวิรัตนกล่าว
นอกจากนี้ ประมงสมุทรสงครามได้จัดตั้ง “ทีมไล่ล่าเฉพาะกิจ” ทำหน้าที่สำรวจปลาหมอคางดำให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ เพิ่มความสำเร็จในการจัดการปลาหมอคางดำ และอยู่ระหว่างประชาสัมพันธ์และเปิดรับสมัครเกษตรกรมาเข้าร่วมโครงการ “สิบหยิบหนึ่ง” เพิ่มขึ้น โดยเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับลูกพันธุ์ปลากะพงขาว 30 ตัวต่อไร่ (สูงสุด 1,000 ตัวต่อเกษตรกร 1 ราย) พร้อมได้รับการสนับสนุนอุปกรณ์จับปลาและกากชา

“ประมงสมุทรสงครามเดินหน้าสร้างสรรค์กิจกรรมใหม่อย่างต่อเนื่อง บูรณาการ 3 ประสานระหว่างภาครัฐ เอกชน และเกษตรกร เพื่อรับมือกับปัญหาการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำเหมือนกับ “สิบหยิบหนึ่ง” ที่นอกจากจะช่วยตอบโจทย์ของเกษตรกรได้โดยตรงแล้ว ยังเป็นการคืนความสมดุลให้ธรรมชาติในระยะยาว” นายวิรัตน กล่าวปิดท้าย.

“คลีนเล้าด้วยใจ ปันไข่ให้น้อง” สานต่อความห่วงใยจากฟาร์มถึงโรงเรียนมูลนิธิซีพี และ ซีพีเอฟ เดินหน้าหนุนโภชนาการเด็กไทยอย่างยั่งยืน

0

ด้วยความมุ่งมั่นในการยกระดับคุณภาพชีวิตของเด็กนักเรียนในพื้นที่ห่างไกล มูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท (มูลนิธิซีพี) และ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ จึงน้อมนำแนวพระราชดำริสร้างความมั่นคงทางอาหารของ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารีตาม “โครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน” มาดำเนินการ “โครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน” ตั้งแต่ปี 2532

ล่าสุด มูลนิธิซีพี และซีพีเอฟ เดินหน้า Kick off กิจกรรมล่าสุด “คลีนเล้าด้วยใจ ปันไข่ให้น้อง” เพื่อยกระดับสุขอนามัยในโรงเรียน และส่งเสริมให้นักเรียนได้รับสารอาหารที่ดีควบคู่กับทักษะชีวิต อันเป็นรากฐานสำคัญของการเติบโตอย่างมีคุณภาพทั้งกายและใจ

“คลีนเล้าด้วยใจ ปันไข่ให้น้อง” ยกระดับสุขอนามัยโรงเรียน

กิจกรรม “คลีนเล้าด้วยใจ ปันไข่ให้น้อง” เป็นการยกระดับมาตรฐานความสะอาดของโรงเรือนเลี้ยงไก่ในโรงเรียน โดยมีพนักงาน “ซีพีอาสา” จากโรงเพาะฟักลูกกุ้ง ซีพีเอฟ จังหวัดตราด ร่วมมือกันทำความสะอาดและปรับปรุงโรงเรือนให้มีความสะอาดและปลอดภัยยิ่งขึ้น เพื่อให้นักเรียนได้รับไข่ที่สด สะอาด และปลอดภัย

ขณะเดียวกัน ยังเป็นการสนับสนุนให้พนักงานในเครือซีพีได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาและตอบแทนสังคมอย่างเป็นรูปธรรม โดยนำร่องที่ โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนสิงค์โปร์แอร์ไลน์ อำเภอสอยดาว จังหวัดจันทบุรี ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างความตระหนักเรื่องความสำคัญของสุขอนามัยในโรงเรือนเลี้ยงไก่ไข่

เดินหน้าเลี้ยงไก่ไข่ในโรงเรียนสร้างโภชนาการที่ดี

พีธนทัศ วีรงคเสนีย์ ผู้บริหารโครงการ “เลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน” กล่าวว่า โครงการฯนี้ไม่เพียงแค่ให้ความสำคัญกับผลผลิตไข่ไก่ แต่ยังรวมไปถึงการพัฒนาสุขอนามัยและสภาพแวดล้อมของโรงเรือน ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพของนักเรียน โดยกิจกรรม “คลีนเล้าด้วยใจ ปันไข่ให้น้อง” นับเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยยกระดับมาตรฐานความสะอาดของโรงเรือน และจะขยายผลไปยังโรงเรียนอื่นๆ ในอนาคต

ทางด้าน พรทิพย์ ธนะประสพ ผู้ชำนาญการงานธุรการและความยั่งยืนภาคกลางตะวันออก ซีพีเอฟ กล่าวถึงความรู้สึกที่ได้เข้าร่วมกิจกรรมว่า ดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในกิจกรรมครั้งนี้ ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยให้เด็กๆ มีโภชนาการที่ดีขึ้น แต่ยังช่วยให้พวกเขามีสุขอนามัยที่ดีและเติบโตอย่างแข็งแรง เพื่อเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศในอนาคต

ผลสำเร็จสู่เป้าหมายในอนาคต

โครงการฯนี้ไม่เพียงช่วยสร้างโภชนาการที่ดีให้กับเด็กๆ ในชนบท ยังส่งเสริมการพัฒนาทักษะอาชีพในโรงเรียน โดยมีหลักสูตรการเลี้ยงไก่ไข่ที่ให้นักเรียนได้เรียนรู้ตั้งแต่การเลี้ยง การจัดการฟาร์ม ไปจนถึงการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากไข่ไก่ ซึ่งสามารถนำไปใช้ภายในโรงเรียน ขยายเป็นธุรกิจเสริมรายได้ให้กับโรงเรียนและชุมชน รวมถึงเป็นทักษะอาชีพของเด็กๆต่อไป

ตั้งแต่เริ่มดำเนินโครงการจนถึงปัจจุบัน มูลนิธิซีพี และซีพีเอฟ จับมืมอกับเครือข่ายร่วมอุดมการความดีทั้ง สพฐ. ตชด. หอการค้าญี่ปุ่น-กรุงเทพฯ (JCC) เครือซีพี เจียไต๋ ซีพี ออลล์ ซีพี แอ็กซ์ตร้า Makro Lotus’s และ ทรู ร่วมสนับสนุนเด็กและเยาวชนอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด จนถึงปัจจุบัน โครงการฯนี้ได้ขยายไปแล้วกว่า 988 โรงเรียน ครอบคลุม 75 จังหวัดทั่วประเทศ ช่วยให้เด็กๆ มากกว่า 223,000 คน ได้รับโภชนาการจากไข่ไก่อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังมีครูและบุคลากรในโรงเรียนอีกกว่า 16,500 คน ที่ได้รับประโยชน์จากโครงการฯ

มูลนิธิซีพี และซีพีเอฟ มุ่งหวังที่จะขยายโครงการไปยัง 1,000 โรงเรียนทั่วประเทศภายในปี 2573 เพื่อสร้างโอกาสทางโภชนาการและพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับนักเรียนในพื้นที่ห่างไกล

โครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน จึงไม่เพียงแต่เป็นโครงการเพื่อเยาวชน และขยายผลสู่การเรียนการสอนนอกห้องเรียน แต่ยังเป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตในระดับชุมชน ด้วยบทบาทการเป็น “คลังอาหารที่ยั่งยืนของชุมชน” โดยหวังว่าจะสามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกและการพัฒนาที่ยั่งยืนของสังคมไทยในอนาคต.