Home Blog Page 23

เมืองไทยประกันชีวิต จัดแคมเปญ “Special Point วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่” สำหรับสมาชิกเมืองไทยสไมล์คลับและครอบครัว

0
สาระ ล่ำซำ

นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า   เมืองไทยประกันชีวิต โดย “เมืองไทยสไมล์คลับ” เดินหน้าส่งมอบความสุขและรอยยิ้มให้สมาชิกเมืองไทยสไมล์คลับพร้อมเพิ่มประสบการณ์สุดพิเศษ ล่าสุดบริษัทฯ ได้ร่วมกับเครือโรงพยาบาลกรุงเทพ จำนวน 21 แห่ง และเครือโรงพยาบาลสมิติเวช จำนวน 6 แห่ง สนับสนุนการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน แก่สมาชิกเมืองไทยสไมล์คลับ  ด้วยการจัดกิจกรรม Special Point วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์  เพื่อส่งความห่วงใยไปยังสมาชิกเมืองไทยสไมล์คลับและครอบครัว

โดยสมาชิกฯ สามารถใช้คะแนนสะสม 120 Smile Points (จากปกติ 240 Smile Points) แลกรับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์ จำนวน 1 สิทธิ์ ผ่าน MTL Click  Application เพื่อรับ E-Coupon และโชว์เมื่อเข้าใช้บริการฉีดวัคซีนที่เครือโรงพยาบาลกรุงเทพที่เข้าร่วมโครงการ หรือใช้คะแนนสะสม 125 Smile Points รับบัตรกำนัล (จัดส่งถึงบ้าน) เพื่อเข้ารับบริการฉีดวัคซีนที่เครือโรงพยาบาลกรุงเทพ และเครือโรงพยาบาลสมิติเวช ที่เข้าร่วมโครงการ   โดยมีระยะเวลาแลกคะแนนตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคม 2568 – 30 พฤศจิกายน 2568

ทั้งนี้ ไข้หวัดใหญ่ (Influenza) เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส ซึ่งสามารถแพร่กระจายได้ง่ายจากการไอหรือจามจากผู้ติดเชื้อ โดยวัคซีนไข้หวัดใหญ่ (Influenza vaccine) เป็นวัคซีนที่ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่จึงเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่และภาวะแทรกซ้อนจากโรคได้ อีกทั้งไวรัสไข้หวัดใหญ่มีการกลายพันธุ์และมีสายพันธุ์ใหม่ ๆ ระบาดในแต่ละปี ดังนั้นการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในทุกปีจึงเป็นสิ่งสำคัญ

นอกจากนี้  เมืองไทยประกันชีวิตยังได้ร่วมแคมเปญ “BDMS PREVENTIVE VACCINE”  มอบสิทธิพิเศษสำหรับผู้ถือกรมธรรม์ประกันสุขภาพ รับวัคซีนในราคาสุดพิเศษ (รวมค่าแพทย์) ครอบคลุม 4 กลุ่มโรคหลัก ได้แก่ วัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์ สำหรับผู้ใหญ่ราคา 500 บาท และเด็ก ราคา 700 บาท วัคซีนป้องกันโรคปอดอักเสบ   สำหรับผู้ใหญ่ ราคา 3,500 บาท วัคซีนป้องกันโรคไข้เลือดออกสำหรับผู้ใหญ่           (2 เข็ม) รวมราคา 3,900 บาท และวัคซีนป้องกันโรคงูสวัดสำหรับผู้ใหญ่ (2 เข็ม) รวมราคา 11,500 บาท โดยผู้ถือกรมธรรม์ประกันสุขภาพของเมืองไทยประกันชีวิต สามารถแสดงหลักฐานเพื่อเข้ารับบริการได้     ณ โรงพยาบาลในเครือ BDMS  ทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม 2568 – 30 มิถุนายน 2568  โดยผู้ที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่โรงพยาบาลในเครือ BDMS ทั่วประเทศ

สมาชิกเมืองไทยสไมล์คลับ สามารถติดตามกิจกรรมและอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ MTL Click Application ซึ่งดาวน์โหลดได้ฟรีทั้งระบบปฏิบัติการ iOS และ Android หรือเว็บไซต์ www.muangthai.co.th ตลอดจนสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 1766 กด 4 เมืองไทยประกันชีวิต หรือศูนย์บริการลูกค้าทั่วประเทศ #เมืองไทยประกันชีวิต #muangthailife #เมืองไทยสไมล์คลับ

AIS คว้า 2 รางวัลชนะเลิศเวทีระดับเอเชีย Twimbit Telecom Awards 2025 ตอกย้ำผู้นำโทรคมนาคมแห่งปีและสุดยอดโปรแกรมดูแลลูกค้า

0

AIS ฉายความเป็นเลิศในฐานะผู้นำอุตสาหกรรมสื่อสารและโทรคมนาคมไทย คว้ารางวัลชนะเลิศจากเวที Twimbit Telecom Awards 2025 จัดโดย Twimbit บริษัทวิจัยและที่ปรึกษาด้านธุรกิจและเทคโนโลยีระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ประเทศสิงคโปร์ โดยปีนี้ AIS ได้รับรางวัลใน 2 สาขา ได้แก่ รางวัลผู้ให้บริการโทรคมนาคมแห่งปีในตลาดที่มีการเติบโต และ รางวัลผู้ให้บริการที่มีโปรแกรมด้านการดูแลลูกค้ายอดเยี่ยม สะท้อนถึงความมุ่งมั่นขององค์กรในการขับเคลื่อนธุรกิจอย่างแข็งแกร่ง ควบคู่กับการส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้าผ่านงานบริการที่เหนือระดับในทุกมิติ

สำหรับรางวัลผู้ให้บริการโทรคมนาคมแห่งปีในตลาดที่มีการเติบโต หรือ Telco of the Year (Growth Markets)มอบให้แก่ผู้ให้บริการโทรคมนาคมที่สามารถรับมือกับสภาพตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ขยายการเชื่อมต่อ ส่งเสริมการเข้าถึงดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยคัดเลือกจากการเติบโตของรายได้, การเติบโตของ EBITDA (ความสามารถในการทำกำไรของธุรกิจโดยไม่รวมต้นทุนทางการเงินและค่าใช้จ่ายที่ไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานหลัก), การเติบโตของกำไรสุทธิ, การเติบโตของส่วนแบ่งทางการตลาด รวมถึงการประเมินความสามารถในการคิดค้นหรือพัฒนาเทคโนโลยี ผลิตภัณฑ์ บริการ หรือโมเดลธุรกิจใหม่ๆ ที่สร้างความแตกต่างและเพิ่มมูลค่าให้กับทั้งบริษัทและลูกค้า

นอกจากนี้ AIS ยังได้รับ รางวัลผู้ให้บริการที่มีโปรแกรมด้านการดูแลลูกค้ายอดเยี่ยม หรือ Telco to Ace Loyalty Program”ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 เป็นรางวัลที่ยกย่องผู้ให้บริการที่ออกแบบโปรแกรม Loyalty Program ได้โดดเด่นสามารถนำเสนอสิทธิประโยชน์ที่ตรงใจลูกค้าเฉพาะบุคคล (Personalization) โดยคัดเลือกจากอัตราการรักษาฐานลูกค้า, การออกแบบโปรแกรม, การเชื่อมโยงและให้บริการในทุกช่องทางอย่างไร้รอยต่อ รวมถึงสร้างการมีส่วนร่วมและความผูกพันกับลูกค้าได้อย่างยั่งยืน

นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AIS กล่าวถึงความสำเร็จในครั้งนี้ว่า “การได้รับรางวัลอันทรงเกียรติทั้งสองรางวัล เป็นบทพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นของ AIS ในการพัฒนาองค์กรอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านกลยุทธ์ การเติบโตในตลาดที่มีการแข่งขันสูง และศักยภาพความพร้อมในการแข่งขันในระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก อีกทั้งยังสะท้อนถึงความเข้าใจลูกค้าอย่างลึกซึ้ง และการมุ่งมั่นสร้างความสัมพันธ์ที่มั่นคง ด้วยการส่งมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดในทุกมิติ

รางวัลนี้จะเป็นแรงผลักดันสำคัญให้เรายังคงเดินหน้าองค์กรสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนในทุกด้าน พร้อมทั้งนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ในการยกระดับประสบการณ์ที่ล้ำสมัย และตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่ดียิ่งขึ้นต่อไป”

ศูนย์ฯ สิริกิติ์ เปิดตัว แดชบอร์ดคำนวณคาร์บอนแบบเรียลไทม์ ครั้งแรกของศูนย์ประชุมไทย ยกระดับมาตรฐานไมซ์ไทยสู่ความยั่งยืน

0

ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (QSNCC) เปิดตัว “Real-Time Carbon Footprint Tracking Dashboard” นำร่องใช้แดชบอร์ดคำนวณคาร์บอนแบบเรียลไทม์ในงานไมซ์ ซึ่งเป็นครั้งแรกของศูนย์ประชุมในประเทศไทย ในงาน Asia Sustainable Energy Week 2025 และ International Engineering Expo 2025 ที่จะจัดขึ้นในเดือนกรกฎาคมนี้ หวังเป็นต้นแบบสู่การจัดงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน และยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมไมซ์ไทยให้ทัดเทียมระดับสากล

การนำ Real-Time Carbon Footprint Tracking Dashboard  จากบริษัท อัลโต้เทค โกลบอล จำกัด มาใช้นี้  อยู่ภายใต้โครงการ Winnovation ซึ่งได้รับการสนับสนุนโดย สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ หรือทีเส็บ ที่ส่งเสริมการใช้นวัตกรรมในอุตสาหกรรมไมซ์ไทย โดยเป็นแพลตฟอร์มดิจิทัลที่สามารถวัด และแสดงผลการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Carbon Footprint) โดยใช้ข้อมูลจริงจากแหล่งต่าง ๆ เช่น การใช้พลังงาน การบริโภคอาหาร  บรรจุภัณฑ์ และการเดินทางของผู้เข้าร่วมงาน เพื่อให้ผู้จัดงาน และผู้เข้าร่วมงานสามารถรับรู้ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากกิจกรรมในงานได้อย่างโปร่งใส และทันที พร้อมนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้วางแผนลด หรือชดเชยคาร์บอน (Carbon Offset) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นำไปสู่การจัดงานแบบ Carbon Neutral อย่างแท้จริง

สุรพล อุทินทุ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กล่าวว่า “ในฐานะผู้นำด้านความยั่งยืนที่มุ่งมั่นพัฒนาในทุกมิติ จากจุดเริ่มต้นที่เราได้ดำเนินการจัดทำระบบมาตรฐาน ISO 14064-1 และCarbon Footprint for Organization (CFO) ซึ่งล้วนเป็นมาตรฐานสำหรับการวัดปริมาณ และการรายงานปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กร เราจึงต่อยอดสู่การจัดทำคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของอิเวนต์ (Carbon Footprint of Event-CFE) อย่างเป็นระบบ การเปิดตัว Real-Time Carbon Footprint Tracking Dashboard ในครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญในการวางรากฐานสู่การจัดงานอิเวนต์ ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนโดยเรามุ่งหวังให้งาน Asia Sustainable Energy Week 2025 และ International Engineering Expo 2025 เป็นต้นแบบสำหรับงานอื่น ๆ ที่ต้องการยกระดับมาตรฐานด้านความยั่งยืน ซึ่งจะเป็นการช่วยสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมไมซ์ไทย”

จารุวรรณ สุวรรณศาสน์  ผู้ทรงคุณวุฒิ (Chief Information Officer: CIO) สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ หรือทีเส็บ กล่าวว่า “มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ และ บริษัทอัลโต้เทค โกลบอล ได้จับคู่ธุรกิจผ่านโครงการ MICE Winnovation ของทีเส็บ ถือเป็นการยกระดับอุตสาหกรรมไมซ์ไทยในเรื่องผลประกอบการด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งเราได้มีการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่คือ  Real-Time Carbon Footprint Tracking Dashboard ของบริษัทอัลโต้เทค โกลบอล มาใช้ติดตามวัดผลการดำเนินงานของศูนย์ฯ สิริกิติ์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ในเรื่องความยั่งยืนที่วัดผลได้จริง สอดรับกับยุทธศาสตร์ของทีเส็บ ที่มุ่งผลักดันเรื่องเทคโนโลยี และความยั่งยืนเพื่อทำให้อุตสาหกรรมไมซ์ไทยมีจุดขาย  และจุดแข็งในประเด็นสากล ซึ่งจะทำให้อุตสาหกรรมไมซ์ไทยมีขีดความสามารถในการแข่งขันระหว่างประเทศต่อไป”

สรรชาย นุ่มบุญนำ ผู้จัดการทั่วไป อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย ผู้จัดงาน Asia Sustainable Energy Week 2025 กล่าวว่า “ขอขอบคุณศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ และทีเส็บ สำหรับการสนับสนุน และความร่วมมือที่ทำให้โครงการ  Real-Time Carbon Footprint Tracking Dashboard เกิดขึ้นจริงในงานของเรา การได้เห็นข้อมูลคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของงานแบบเรียลไทม์ ช่วยให้เราเข้าใจ และเห็นคุณค่าของการจัดงานอย่างยั่งยืน พร้อมเปิดโอกาส ในการพัฒนาแนวทางการลด และชดเชยคาร์บอนได้อย่างมีระบบ  ซึ่งสอดคล้องอย่างยิ่งกับธีมงานของเราในปีนี้  “Empowering Digital Transformation in Sustainable Energy Towards Net Zero  ขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านพลังงานที่ยั่งยืนด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล สู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์” นี่คือก้าวสำคัญสู่การจัดงาน ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง และเราหวังว่าแนวคิดนี้จะขยายไปสู่งานอื่น ๆ ในอนาคต”

“ศูนย์ฯ สิริกิติ์ ยังคงมุ่งมั่นที่จะผลักดันให้อุตสาหกรรมไมซ์ก้าวสู่การจัดงานที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน โดยมีการวางแผนที่จะนำ Real-Time Carbon Footprint Tracking Dashboard มาเป็นหนึ่งในบริการพิเศษในโครงการ Loyalty Program ที่ผู้เป็นสมาชิกสามารถใช้คะแนนที่สะสมแลกใช้บริการนี้ได้ ซึ่งเราเชื่อว่าจะเป็นอีกแนวทางหนึ่งในการช่วยส่งเสริมให้เกิดการจัดงานที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม และยกระดับมาตรฐานไมซ์ไทยสู่ความยั่งยืนในที่สุด” สุรพล กล่าวทิ้งท้าย

ตลาดหลักทรัพย์ฯ ชวน 5 นักวาดคาแรคเตอร์ ให้ความรู้ทางการเงินทุกช่วงวัยกับโครงการ “The Art of Happy Money การเงินดีต้องมีศิลป์”

0

นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ภารกิจสำคัญประการหนึ่งของตลาดหลักทรัพย์ฯ คือการเสริมสร้างรากฐานความรู้ด้านการเงินและการลงทุนแก่ประชาชนของประเทศ โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์ฯ ส่งต่อความรู้แก่ประชาชนให้เข้าถึงองค์ความรู้ที่จำเป็นเพื่อความมั่นคงทางการเงิน

“ล่าสุด ตลาดหลักทรัพย์ฯ เปิดตัวแคมเปญ “The Art of Happy Money การเงินดีต้องมีศิลป์” เพื่อเผยแพร่ความรู้ด้านการเงินและการลงทุนสำหรับทุกช่วงวัย ด้วยการนำเสนอเนื้อหาที่เข้าใจง่าย เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ ๆ และสอดรับกับบริบทของแต่ละช่วงชีวิต โดยมี 5 ศิลปินรุ่นใหม่มาร่วมกันตีโจทย์ทางการเงินให้กลายเป็นงานศิลป์ตามมุมมองของแต่ละท่าน เพราะเชื่อว่าภาพวาดงานศิลป์จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจ เข้าใจเนื้อหาได้ง่ายขึ้นและทำให้ความรู้เผยแพร่ออกไปในวงกว้างมากขึ้น สอดรับแผนกลยุทธ์และแนวคิด 50 ปี ตลาดหลักทรัพย์ฯ ร่วมสร้างอนาคต เพื่อโอกาสของทุกคน”
นายศรพล กล่าว

แคมเปญ “The Art of Happy Money การเงินดีต้องมีศิลป์” ประกอบด้วยคู่มือซีรีส์ 5 เล่ม นำเสนอเนื้อหาการเงินผ่าน ภาพวาด โดยแต่ละผลงานจะรวบรวมเป็นเล่มในรูปแบบดิจิทัลพร้อมดาวน์โหลด แต่ละเล่มนำเสนอองค์ความรู้ด้านการบริหารเงินในบริบทและเป้าหมายของแต่ละช่วงชีวิต ได้แก่ 1) Young & Wise วางแผนการเงินตั้งแต่ก้าวแรก โดย นัทพล โกมลารชุน @Kamogallery 2) Sandwich Gen เสาหลักของบ้าน จัดการเงินให้สมดุล โดย สาลินี รัตนชัยสิทธิ์ @CyranoDesign 3) Retire Happily ชีวิตดีทั้งก่อนและหลังเกษียณ โดย นิวัต เพียรภัณฑวณิช @AbigBurger 4) Wealthy Worker มนุษย์เงินเดือนก็มั่งคั่งได้ โดย ชายแดน เทียมไสย์ @SHITTAK และ 5) Happy Jobbers ชีวิตอิสระ งานโปร เงินปัง โดย สัณห์สินี ชวนฐิติพร @KaptorStore

ตลาดหลักทรัพย์ฯ คาดว่าความร่วมมือกับศิลปินทั้ง 5 ท่าน เพื่อจัดทำคู่มือซีรีส์นี้ จะเป็นแกลเลอรีความรู้การเงินและการลงทุนที่สำคัญ สร้างแรงบันดาลใจให้เกิดความเข้าใจในการสร้างชีวิตทางการเงินที่สมดุลและมีความสุขอย่างยั่งยืน สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดตามคู่มือซีรีส์ The Art of Happy Money การเงินดีต้องมีศิลป์ ได้ที่ www.set.or.th/theartofhappymoney

เปิดผลการคัดเลือกหลักทรัพย์ที่ใช้คำนวณดัชนีของตลาดหลักทรัพย์ฯ ครึ่งปีหลัง พ.ศ. 2568

0

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยประกาศผลการคัดเลือกหลักทรัพย์ที่ใช้สำหรับคำนวณดัชนี SET50 SET50FF* SET100 SET100FF* sSET SETCLMV SETHD SETESG และ SETWB ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2568 (1 กรกฎาคม – 31 ธันวาคม 2568)

– ดัชนี SET50/ SET50FF มีหลักทรัพย์เข้าใหม่ 4 หลักทรัพย์ ประกอบด้วย บมจ. บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) บมจ. ธนาคารเกียรตินาคินภัทร (KKP) บมจ. ทุนธนชาต (TCAP) บมจ. ติดล้อ โฮลดิ้งส์ (TIDLOR)

– ดัชนี SET100/ SET100FF มีหลักทรัพย์เข้าใหม่ 6 หลักทรัพย์ ประกอบด้วย บมจ. ออโรร่า ดีไซน์ (AURA) บมจ. จัสมิน เทคโนโลยี โซลูชั่น (JTS) บมจ. เอ็ม บี เค (MBK) บมจ. ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป (TFG) บมจ. ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) (TOA) บมจ. ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ (WHAUP)

– ดัชนี sSET มีหลักทรัพย์เข้าใหม่ 27 หลักทรัพย์ ประกอบด้วย บมจ. ไทย โคโคนัท (COCOCO) บมจ. จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก (EASTW) บมจ. ฟู้ดโมเม้นท์ (FM) บมจ. จีเอเบิล (GABLE) บมจ. อินเทอร์เน็ตประเทศไทย (INET) บมจ. คาร์มาร์ท (KAMART) บมจ. อสมท (MCOT) บมจ. เมดีซ กรุ๊ป (MEDEZE) บมจ. เอ็ม เอฟ อี ซี (MFEC) บมจ. ปลูกผักเพราะรักแม่ (OKJ) บมจ. เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ (PCE) บมจ. พฤกษา โฮลดิ้ง (PSH) บมจ. พีทีจี เอ็นเนอยี (PTG) บมจ. สวนอุตสาหกรรมโรจนะ (ROJNA) บมจ. เซ็ปเป้ (SAPPE) บมจ. ศรีสวัสดิ์ แคปปิตอล 1969 (SCAP) บมจ. สตาร์เฟล็กซ์ (SFLEX) บมจ. สกาย ไอซีที (SKY) บมจ. เอส เอ็น ซี ฟอร์เมอร์ (SNC) บมจ. ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง (SNNP) บมจ.สเตลล่า เอ็กซ์ (STELLA) บมจ. ไทยคม (THCOM) บมจ. ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป (THG) บมจ. ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (TIPH) บมจ. ที.แมน ฟาร์มาซูติคอล (TMAN) บมจ. ทีคิวเอ็ม อัลฟา (TQM) บมจ. เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล (XPG)

– ดัชนี SETCLMV มีหลักทรัพย์เข้าใหม่ 5 หลักทรัพย์ ประกอบด้วย บมจ. เอเชีย เอวิเอชั่น (AAV) บมจ. นีโอ คอร์ปอเรท (NEO) บมจ. โรงพยาบาลพระรามเก้า (PR9) บมจ. ทีพีไอ โพลีน (TPIPL) บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE)

– ดัชนี SETESG มีหลักทรัพย์เข้าใหม่ 3 หลักทรัพย์ ประกอบด้วย บมจ. พรีเมียร์ มาร์เก็ตติ้ง (PM) บมจ. ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป (TFG) บมจ. ทีพีไอ โพลีน (TPIPL) – ดัชนี SETHD มีหลักทรัพย์เข้าใหม่ 5 หลักทรัพย์ บมจ. ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น (ITC) บมจ. เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ (KCE) บมจ. เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป (M) บมจ. เอสซีบี เอกซ์ (SCB) บมจ. ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ (WHAUP)

– ดัชนี SETWB มีหลักทรัพย์เข้าใหม่ 4 หลักทรัพย์ ประกอบด้วย บมจ. ออโรร่า ดีไซน์ (AURA) บมจ. โรงพยาบาลพระรามเก้า (PR9) บมจ.อาร์ ซี แอล (RCL) บมจ. ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป (TFG)

การทบทวนรายชื่อหลักทรัพย์ที่ใช้สำหรับคำนวณดัชนีดังกล่าวของตลาดหลักทรัพย์ฯ จะดำเนินการทุกครึ่งปี และเป็นไปตามหลักเกณฑ์การคัดเลือกหลักทรัพย์ที่ได้กำหนดไว้ ทั้งนี้ การทบทวนรายชื่อหลักทรัพย์ในครั้งนี้ใช้ข้อมูลระหว่างวันที่ 1 มิถุนายน 2567 ถึง 31 พฤษภาคม 2568

ผู้สนใจสามารถติดตามรายชื่อหลักทรัพย์ทั้งหมดที่อยู่ในแต่ละดัชนีข้างต้น รวมทั้งหลักเกณฑ์การคัดเลือกหลักทรัพย์เพื่อเป็นองค์ประกอบของดัชนีและวิธีการคำนวณดัชนี ได้ที่เว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์ฯ www.set.or.th

ยอดนักลงทุนเกือบหมื่นคน ทะลักงาน SET in the City 2025 ตื่นตัวอัปสกิลลงทุนล้นหลาม

0

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ร่วมกับพันธมิตรตลาดทุน เผยประสบความสำเร็จอย่างยิ่งจากการจัดมหกรรม “SET in the City 2025” ภายใต้แนวคิด “อัปสกิลให้แกร่ง รับการเปลี่ยนแปลงของโลกการลงทุน” เมื่อวันที่ 14-15 มิถุนายนที่ผ่านมา มีผู้สนใจเข้าร่วมงานกว่า 9,000 คน สะท้อนความตื่นตัวของผู้ลงทุนที่ต้องการพัฒนาทักษะรับมือตลาดผันผวน โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่สนใจเริ่มต้นลงทุนและใช้เครื่องมือลงทุนยุคใหม่

กิจกรรมภายในงานได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนอย่างมากตลอด 2 วัน ทั้งบูธจากกลุ่มตลาดหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ และบริษัทจัดการกองทุน ที่ให้ข้อมูลผลิตภัณฑ์และบริการลงทุนที่หลากหลาย การแนะนำ AomWise แอปลงทุนสำหรับมือใหม่ และ Options Wizard เครื่องมือเทรด SET50 Options ในตลาด TFEX ซึ่งมีผู้สนใจลงทุนอนุพันธ์เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนในปีนี้ ด้านกองทุนรวมมีผู้ลงทุนให้ความสนใจลงทุนเพื่อวางแผนภาษีผ่าน Thai ESG และ Thai ESGX รวมถึงการสับเปลี่ยนกองทุน LTF มาลงทุนใน Thai ESGX

เช่นเดียวกับเวทีสัมมนา เวิร์กชอป และการสาธิตเครื่องมือลงทุนกว่า 50 หัวข้อ ก็ได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม ทั้งการลงทุนและเลือกหุ้นสำหรับมือใหม่ เจาะลึกโอกาสลงทุนในหุ้นไทยและหุ้นต่างประเทศผ่าน DR รวมถึงแนวคิดการใช้ผลิตภัณฑ์ใน TFEX เสริมพอร์ตลงทุน สำหรับผู้ที่พลาดโอกาสเข้าร่วมงาน สามารถติดตามชมสัมมนาย้อนหลังได้ทาง YouTube SET Thailand

เมืองไทยประกันชีวิต ฉลอง Pride Month ส่งแคมเปญ “ห่วงใยกันมายาวนาน” ระบุคู่ชีวิตให้เป็นผู้รับประโยชน์ได้ ไม่ต้องแสดงเอกสารความสัมพันธ์

0

นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เมืองไทยประกันชีวิตยังคงเดินหน้าตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในทุกกลุ่มและทุกไลฟ์สไตล์ได้อย่างต่อเนื่อง  เพื่อเน้นย้ำจุดยืนที่พร้อมเดินเคียงข้างในทุกช่วงของชีวิต  เพื่อส่งมอบความสุขและรอยยิ้มให้กับทุกคน   พร้อมร่วมเฉลิมฉลอง Pride Month โดยใช้การสื่อสารภายใต้แคมเปญ “ห่วงใยกันมายาวนาน”  แสดงให้เห็นแนวคิดของเมืองไทยประกันชีวิตที่ใส่ใจ ให้ความสำคัญและรับรองความรักทุกรูปแบบมาอย่างยาวนาน  

ทั้งนี้ เมืองไทยประกันชีวิตมีประกันดีดี ที่ใส่ใจทุกความหลากหลาย ตอบโจทย์ทุกรูปแบบของความรักและการใช้ชีวิตให้แก่ลูกค้าทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นประกันชีวิตเพื่อส่งต่อหลักประกันให้คนที่คุณรัก ด้วย ShieldLife จากเมืองไทยประกันชีวิต ที่โดดเด่นด้วยวงเงินคุ้มครองที่เลือกเองได้  จ่ายเบี้ย สั้น – ยาว เลือกเองได้  ซื้อได้สูงสุดถึงอายุ 90 ปี คุ้มครองยาวถึงอายุ 99 ปี หรือความคุ้มครองสุขภาพ การวางแผนทางการเงินอย่างการออมทรัพย์ รวมถึงการวางแผนเพื่อการเกษียณ ให้ทุก ๆ ความรักสามารถเข้าถึงทุกบริการได้อย่างเท่าเทียม พร้อมส่งต่อความรักและความสุขให้กับคนที่คุณรักอย่างมั่นคง โดยสามารถระบุผู้รับประโยชน์เป็นคนที่คุณรัก เพียงระบุความสัมพันธ์ ด้วยคำว่า “คู่ชีวิต”  โดยไม่มีการขอเอกสารแสดงความสัมพันธ์เพิ่มเติม  พร้อมกิมมิคช่องวงเล็บสีรุ้ง อันเป็นสัญลักษณ์ที่สื่อว่า ผู้ขอเอาประกันกลุ่ม LGBTQ สามารถใส่ชื่อคนรัก เป็นผู้รับประโยชน์ได้

นอกจากนี้ เมืองไทยประกันชีวิต ยังสื่อสารแคมเปญผ่านช่องทาง Social Media รวมถึง KOLs ผู้เป็นตัวแทนกลุ่ม LGBTQ เช่น คุณ Ampsupa ,คุณบอมมีน เพจคนจะไปก็ต้องไป, น้องพีพี่เฟิส และ KOLs อีกหลายท่าน ที่จะพูดคุยและแชร์มุมมองต่าง ๆ เกี่ยวกับเส้นทางชีวิต การเติบโต และการวางแผนชีวิตของคู่ LGBTQ  เล่าย้อนจุดเริ่มต้นการเปิดใจคุยและการยอมรับจากคนในครอบครัว อีกทั้งยังมี Online Activity ให้ทุกคนระบุคู่ชีวิต พร้อมแชร์ต่อผ่าน Template Add your บน Instagram Story ของ @Muangthailife   ซึ่งสามารถติดตามได้จากทุกช่องทางสื่อสารของเมืองไทยประกันชีวิต ได้ที่เว็บไซต์ www.muangthai.co.th, YouTube,  Facebook, Instagram, X, LINE Official Account และ TikTok 

ผู้ที่สนใจแบบประกันภัยเพื่อวางแผนส่งต่อความมั่นคงให้คนที่คุณรัก และแบบประกันอื่น ๆ จากเมืองไทยประกันชีวิต สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.muangthai.co.th  หรือโทร.1766  ตลอด 24 ชั่วโมง  หรือติดต่อตัวแทนจากเมืองไทยประกันชีวิตทั่วประเทศ หรือสาขา ธนาคารกสิกรไทย และ ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ #เมืองไทยประกันชีวิต #MuangThaiLife

AIS จ้าวแรกในอาเซียน เปิด5G+ สปีดเร็วแรงกว่าใครด้วยเทคโนโลยี5G 3CC ผสาน 3 คลื่นความถี่

0

AIS ก้าวล้ำไปอีกขั้น นำร่องรายแรกในอาเซียน มอบประสบการณ์เครือข่ายอัจฉริยะ 5G+ ให้คนไทยได้สัมผัสแล้ววันนี้ ด้วยเทคโนโลยี 5G 3CC (3 Component Carrier Aggregation) ผสานการทำงาน 3 คลื่นความถี่ 5G ได้แก่ 2600 MHz, 2100 MHz และ 700 MHz เข้าด้วยกันแบบไร้รอยต่อ เพิ่มความเร็วเฉลี่ยในการใช้งานมากกว่า 16% และรองรับปริมาณการใช้งานเพิ่มขึ้นถึง 23% โดยเริ่มเปิดให้บริการในย่านสาทร ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการใช้งาน 5G หนาแน่นที่สุดของกรุงเทพฯ และมีแผนขยายครอบคลุมพื้นที่ที่มีความต้องการสูงทั่วประเทศต่อไป

นายวสิษฐ์ วัฒนศัพท์ หัวหน้าหน่วยธุรกิจปฏิบัติการและสนับสนุนด้านเทคนิคทั่วประเทศ AIS กล่าวว่า “AIS ไม่เคยหยุดนิ่งในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลของประเทศ ให้ก้าวล้ำอยู่เสมอ เดินหน้าเสริมศักยภาพเครือข่าย 5G อย่างต่อเนื่อง ด้วยนวัตกรรมล้ำสมัย เพื่อตอบโจทย์การใช้งานของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไปในทุกช่วงเวลา วันนี้นับเป็นอีกก้าวสำคัญของการเปิดตัว 5G+ ด้วยเทคโนโลยี 5G 3CC ที่ช่วยให้สมาร์ทโฟนที่รองรับสามารถเชื่อมต่อกับหลายคลื่นความถี่ได้พร้อมกัน ทำให้ผู้ใช้งานสัมผัสได้ถึงประสิทธิภาพการใช้งานที่ดีขึ้น ทั้งความเร็ว แรง และเสถียร แม้ในพื้นที่ที่มีผู้ใช้งานหนาแน่น โดยเริ่มนำร่องในพื้นที่ย่านสีลม และสาทร เป็นจุดแรก เนื่องจากพบว่าเป็นย่านที่มีการใช้งาน 5G สูง ก่อนจะขยายไปยังพื้นที่อื่นๆ ต่อไป”

โดย AIS ได้ทำงานร่วมมือกับผู้ผลิตสมาร์ทโฟนชั้นนำมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เทคโนโลยี 5G+ เข้าถึงผู้ใช้งานได้จริง ด้วยการทดสอบและพัฒนาซอฟต์แวร์ให้รองรับการทำงานแบบ 3CC ทำให้ปัจจุบันมีอุปกรณ์รวมกว่า 600,000 เครื่องที่ได้รับการอัปเดตให้รองรับเทคโนโลยีดังกล่าว ได้แก่ Samsung: Galaxy S24 / S24 FE / S24+ / S24 Ultra, Galaxy S25 / S25 Ultra / S25+, Z Flip6 / Z Fold6 และยังมีสมาร์ทโฟนรุ่นที่สามารถแสดงสัญลักษณ์ “5G+” บนหน้าจอทันทีเมื่อเชื่อมต่อกับเครือข่าย AIS ได้แก่ Honor: 400 Pro, Magic 7 Pro iQOO: 13, Neo 10, Z10 5G OPPO: Find N5, X8, X8 Pro, Reno 13 Series Realme: GT 7T และ vivo: V40 5G, V50

พร้อมกันนี้ AIS ยังเดินหน้าขยายการให้บริการเครือข่าย 5G แบบ SA (Standalone) อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งเป็นโครงข่าย 5G ที่ไม่รวมกับการใช้งาน 4G ทำให้สามารถลดความหน่วง (Latency) ได้อย่างชัดเจน และเพิ่มความเร็วและความเสถียรของสัญญาณ อีกทั้งยังรองรับเทคโนโลยีล้ำสมัยในอนาคต เช่น AI, AR/VR, Cloud Gaming, ยานยนต์ไร้คนขับ และ Network Slicing สำหรับแยกส่วนเครือข่ายเฉพาะทาง ซึ่งไม่สามารถทำได้บนโครงข่าย NSA (Non-Standalone)

อีกหนึ่งนวัตกรรมที่เปิดให้บริการควบคู่กัน คือ VoNR (Voice over New Radio) หรือการโทรด้วยเสียงผ่านเครือข่าย 5G โดยตรง ซึ่งช่วยให้เสียงสนทนาคมชัดระดับ HD โทรติดเร็วขึ้น และใช้งานอินเทอร์เน็ตไปพร้อมกันได้อย่างไม่มีสะดุด
AIS ถือเป็นผู้ให้บริการรายแรกในประเทศไทยที่เปิดใช้ VoNR อย่างสมบูรณ์บนโครงข่าย 5G SA ซึ่งนอกจากจะยกระดับคุณภาพเสียงและความต่อเนื่องในการใช้งานแล้ว ยังโดดเด่นด้วยความสามารถ Dual SIM Dual Active (DSDA) ที่ทำให้สมาร์ทโฟน 2 ซิมสามารถใช้งานดาต้าจากซิมหนึ่งและรับสายจากอีกซิมได้พร้อมกันโดยไม่มีสะดุด

“การเปิดตัว AIS 5G+ พร้อมทั้งการขยายเครือข่าย 5G SA และบริการ VoNR ในครั้งนี้ สะท้อนบทบาทของ AIS ในฐานะผู้นำด้านเทคโนโลยีการสื่อสาร ที่มุ่งยกระดับโครงข่ายสู่มาตรฐานใหม่ของประเทศ พร้อมก้าวสู่ยุคใหม่ของการสื่อสารที่รวดเร็ว ทรงพลัง และครอบคลุมทุกพื้นที่การใช้งาน ด้วยแนวคิด “ทุกจุดที่มีคนใช้งาน ต้องมีสัญญาณคุณภาพให้บริการ” โดยมุ่งเน้นการให้บริการที่ครอบคลุม ให้ผู้ใช้งานเชื่อมต่อและสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเสริมสร้างประสบการณ์ดิจิทัลที่สมบูรณ์แบบให้กับลูกค้าในทุกมิติ” นายวสิษฐ์ กล่าวสรุป

แจ่วบองปลาหมอคางดำ ตราใบโพธ์ เมนูอร่อยสร้างรายได้ของชุมชนโพพระ

0

การมีส่วนร่วมของชุมชนเป็นแนวทางหนึ่งในการแก้ปัญหาปลาหมอคางดำที่เป็นระบบ และช่วยให้ ตั้งแต่การเข้ามาช่วยกันติดตามเฝ้าระวัง ตลอดจนการส่งเสริมการใช้ประโยชน์หรือแปรรูปนำมาทำเป็นผลิตภัณฑ์อาหารต่างๆ เพื่อใช้บริโภคช่วยลดค่าครองชีพในครัวเรือน และเป็นโอกาสร้างรายได้เสริมให้ชุมชน อย่าง แจ่วบอง ตราใบโพธ์ สินค้ายอดนิยม ของ วิสาหกิจชุมชนกลุ่มแปรรูปสัตว์น้ำ ตำบลโพพระ อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี เป็นตัวอย่างของการสร้างความมีส่วนร่วมของชุมชนเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส

นายอดิเรก แก้วเจริญ ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มแปรรูปสัตว์น้ำตำบลโพพระ เล่าให้ฟังว่า กลุ่มแปรรูปสัตว์น้ำสัตว์น้ำ ตำบลโพพระ มีสมาชิกอยู่ 28 คน ได้รับการส่งเสริมจากประมงจังหวัดนำปลาหมอคางดำมาทำผลิตภัณฑ์อาหาร เพิ่มมูลค่าเกิดประโยชน์สูงสุด ในแต่ละสัปดาห์สมาชิกจะนำปลาหมอคางดำที่จับได้มาหมักเป็นปลาร้า ปัจจุบัน กลุ่มหมักปลาร้าไว้ได้ 50 ถัง แต่ถังละบรรจุปลาร้าน้ำหนัก 80 กิโลกรัม นอกจากนี้ ชาวบ้านยังนำภูมิปัญญาท้องถิ่นมาคิด และต่อยอด สร้างสรรค์เป็นผลิตภัณฑ์อาหารได้อย่างหลากหลาย ทั้ง น้ำปลาร้าปรุงรส ปลาร้าส้มทอด ปลาหมอแดดเดียว หรือแม้แต่ของทานเล่น เช่น ข้าวเกรียบผสมปลาหมอคางดำ ไม่เพียงแต่จะมีหน้าตาที่น่ารับประทาน รสชาติยังอร่อย และชิ้นส่วนของปลาหมอคางดำยังนำมาใช้ประโยชน์ได้หมด หัวและไส้ปลายังมาทำเป็นน้ำหมักชีวภาพใช้รดแปลงผัก

“ผลิตภัณฑ์ “ตราใบโพธิ์” การันตีคุณภาพและความสะอาดด้วยเครื่องหมายรับรองมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารหรือ “Q” โดย น้ำพริกแจ่วบอง เป็นสินค้าที่ขายดีเป็นอันดับ 1 เพราะประทานง่าย รสชาติจัดจ้าน สามารถซื้อกลับไปรับประทานที่บ้าน หรือเลือกซื้อเป็นของฝากได้ การมาช่วยอุดหนุนสินค้าของทุกคน มีส่วนร่วมช่วยกันปราบปลาหมอคางดำ คืนความสมดุลของธรรมชาติ และคนในชุมชนยังมีรายได้อีกด้วย ท่านที่สนใจเลือกซื้อสินค้าช่วยชุมชน ได้ที่ตลาดเกษตรกรบ้านลาด และตลาดชุมชนหลังเทศบาล หรือโทรศัพท์ติดต่อ 081-014-7109″ นายอดิเรกกล่าว

นายประจวบ เจี้ยงยี่ ประมงจังหวัดเพชรบุรี กล่าวว่า การมีส่วนร่วมของชุมชน เป็น หัวใจสำคัญในการกำจัดและลดจำนวนปลาหมอคางดำได้อย่างมีประสิทธิภาพและครบวงจร ตั้งแต่ การจับจนถึงการนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด กลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มแปรรูปสัตว์น้ำตำบลโพพระ เป็น 1 ใน 4 ของชุมชนในจังหวัดเพชรบุรี ที่ประมงจังหวัดเพชรบุรีเข้ามาสนับสนุน ทั้งงบประมาณในการรับซื้อปลาหมอคางดำ การสนับสนุนอุปกรณ์ รวมถึงองค์ความรู้ในการแปรรูป เริ่มต้นจากการสอนทำปลาร้าจากปลาหมอคางดำ เพื่อการันตีให้ผู้บริโภคมั่นใจได้ว่า ผลิตภัณฑ์ของวิสาหกิจชุมชนแห่งนี้ มีดีทั้งรสชาติ กระบวนการผลิตสะอาดถูกสุขอนามัย และคุณภาพได้มาตรฐาน สร้างรายได้เสริมให้กับชุมชน นอกจากนี้ โครงการยังช่วยลดจำนวนปลาหมอคางดำในแหล่งน้ำธรรมชาติไปกว่า 40,000 กิโลกรัม ฟื้นคืนความหลากหลายชีวภาพ ควบคู่การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

การมีส่วนร่วมของชุมชนทั้ง 4 ชุมชน ในการแปรรูปปลาหมอคางดำทำเป็นปลาร้า มีส่วนช่วยลดปริมาณปลาหมอคางดำได้ทั้งสิ้น 40,000 กิโลกรัม เป็น ตัวอย่างของการใช้ศักยภาพชุมชนเปลี่ยนวิกฤต เป็นโอกาสสร้างงาน สร้างรายได้ และขับเคลื่อนสู่การอยู่ร่วมกันกับธรรมชาติอย่างสมดุลในระยะยาว

AIS One-2-Call! 5G จับมือ Good Money by GSB แอปฯ สินเชื่อถูก กฏหมาย มอบโบนัสอินเทอร์เน็ตฟรี! สำหรับลูกค้าที่ได้รับการอนุมัติสินเชื่อ

0

AIS One-2-Call! 5G ร่วมกับ Good Money by GSB แพลตฟอร์มสินเชื่อดิจิทัลในเครือธนาคารออมสิน ให้บริการสินเชื่อถูกกฎหมายภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย มุ่งบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันของคนไทย ด้วยการสนับสนุนการเข้าถึงบริการกู้สินเชื่อแบบถูกกฎหมาย ในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ เพื่อช่วยเกื้อหนุนภาวะทางด้านการเงินของผู้บริโภคทุกกลุ่มอาชีพ พร้อมมอบสิทธิพิเศษอีกขั้นให้กับลูกค้า AIS ระบบเติมเงินที่ผ่านการอนุมัติวงเงินสินเชื่อจาก Good Money รับโบนัส ฟรี! อินเทอร์เน็ต 5GB ใช้งานได้ 7 วัน ตั้งแต่วันนี้ – 31 สิงหาคม 2568

นางเบญจพร กำเพ็ชร หัวหน้าส่วนงานการตลาดกลุ่มลูกค้าพรีเพด AIS กล่าวว่า “ปัจจุบันลูกค้ากลุ่มระบบเติมเงินของเรามีมากกว่า 32.5 ล้านคน ซึ่งประกอบอาชีพที่หลากหลาย ทั้งพนักงานประจำ พ่อค้าแม่ค้า ลูกจ้างรายวัน รวมถึงอาชีพอิสระอื่นๆ ที่อาจมีรายได้ไม่แน่นอน และประสบปัญหาขาดสภาพคล่องทางการเงินจากสถานการณ์เศรษฐกิจที่มีความผันผวน และค่าครองชีพที่สูงขึ้น เราเล็งเห็นถึงโอกาสของการร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับลูกค้า
จึงได้ร่วมมือกับ Good Money มอบสิทธิพิเศษให้กับลูกค้า AIS One-2-Call! 5G ที่ขอสินเชื่อและได้รับการอนุมัติ จะได้รับโบนัสอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงสุด จำนวน 5GB ใช้งานได้ 7 วัน เพื่อร่วมสนับสนุนให้คนไทยสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่เชื่อถือได้ ปลอดภัย และเข้าถึงได้สำหรับทุกอาชีพ รวมถึงการเข้าถึงบริการดิจิทัลขั้นพื้นฐานอย่างอินเทอร์เน็ตอีกด้วย”

นางสาวสิรินันท์ จิรดิลก กรรมการผู้จัดการ บริษัทเงินดีดี จำกัด กล่าววว่า “Good Money by GSB มุ่งมั่นที่จะให้บริการสินเชื่อที่โปร่งใส ถูกกฎหมาย และเข้าถึงได้ง่ายสำหรับประชาชนไทย การร่วมมือกับ AIS ในครั้งนี้จะช่วยยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า โดยมอบบริการอินเทอร์เน็ตฟรี ซึ่งเราหวังว่าโครงการนี้จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินและการเชื่อมต่อออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

AIS มุ่งมั่นเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนสังคมไทยให้เดินหน้าอย่างมั่นคง ด้วยการส่งเสริมให้คนไทยมีความมั่นคงทางการเงินและสร้างสภาพคล่องที่เพียงพอในชีวิตประจำวัน พร้อมสนับสนุนการใช้งานผ่านเทคโนโลยีและบริการดิจิทัลที่ทันสมัย ครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์ ลูกค้าที่สนใจสามารถสมัครสินเชื่อได้ด้วยตนเองผ่านแอปพลิเคชัน Good Money by GSB หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ https://www.ais.th/consumers/package/prepaid แนะนำให้กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว  สินเชื่อส่วนบุคคลกู๊ดมันนี่ ดอกเบี้ย 19% – 25% ต่อปี และสินเชื่อนาโนกู๊ดมันนี่ ดอกเบี้ย 19% – 33% ต่อปี