Home Blog Page 209

โออาร์ เร่งช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่จ.ชัยภูมิ เปิดพื้นที่ใน พีทีที สเตชั่น เป็นหน่วยบริการฉุกเฉินรพ.บำเหน็จณรงค์

รายงานข่าว เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 26 ก.ย. 2564  ผู้แทนจำหน่ายสถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น ห้างหุ้นส่วนจำกัด เซ่งฮงปิโตรเลียม อ.บำเหน็จณรงค์ จ.ชัยภูมิ ได้เปิดพื้นที่ในสถานีบริการให้เป็นจุดหน่วยบริการฉุกเฉิน ของโรงพยาบาลบำเหน็จณรงค์ ซึ่งอยู่ในบริเวณใกล้เคียง และได้รับผลกระทบจากน้ำป่าไหลหลากฉับพลัน ทำให้ห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลได้รับความเสียหาย และไม่สามารถเคลื่อนย้ายผู้ป่วย รวมถึงอุปกรณ์การแพทย์และรถพยาบาลได้ทัน

นอกจากนี้ ยังได้ร่วมกับ บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์เร่งเตรียมความพร้อมเพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนอาหารกล่อง จัดเตรียมถุงยังชีพ และบริจาคเงินช่วยเหลือโรงพยาบาลบำเหน็จณรงค์ ซึ่งเป็นไปตามความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจตามแนวคิด Living Community ของ พีทีที สเตชั่น ที่จะอยู่เคียงข้างชุมชนในทุกสถานการณ์ สร้างความอุ่นใจ และเป็นศูนย์กลางที่จะร่วมเติมเต็มทุกความสุขกับทุกชุมชนตลอดไป

คาเฟ่ อเมซอน จับมือ นารายา ร่วมเติมพลัง ปันสุข กระจายรายได้สู่ชุมชน

นายสุชาติ ระมาศ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ธุรกิจค้าปลีก บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ พร้อมด้วย นางวาสนา ลาทูรัส ประธานกรรมการบริหาร บริษัท นารายณ์อินเตอร์เทรด จำกัด ร่วมเปิดตัว กระเป๋าผ้าและหน้ากากผ้า คอลเลกชันพิเศษ “Café Amazon x NaRaYa” การร่วมมือครั้งนี้เกิดจากแนวคิดร่วมกันของทั้ง 2 แบรนด์ ที่ต้องการสร้างรายได้ให้แก่กลุ่มแรงงานผู้ได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 รวมถึงความตั้งใจที่จะสนับสนุนให้ลูกค้าทุกคนลดความเสี่ยงจากการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสด้วยการใช้หน้ากากผ้าที่มีมาตรฐาน คาเฟ่ อเมซอน และ นารายา จึงดีไซน์กระเป๋าผ้าและหน้ากากผ้าคอลเลกชันพิเศษ Café Amazon x NaRaYa ซึ่งประกอบด้วย กระเป๋าผ้าขนาดพกพา ที่สามารถใช้ซ้ำได้หลายครั้ง ช่วยลดการใช้ถุงพลาสติก และหน้ากากผ้า ของใช้ประจำตัวของคนในยุคปัจจุบัน ด้วยลวดลายสุดเอ็กซ์คลูซีฟอิงธรรมชาติเป็นเอกลักษณ์ที่ออกแบบเฉพาะสำหรับ คาเฟ่ อเมซอน เท่านั้น  โดยสินค้าในคอลเลกชัน Café Amazon x NaRaYa จะมีวางจำหน่าย 2 คอลเลกชัน ได้แก่ ลาย Coffee bean สะท้อนถึงความอุดมสมบูรณ์ ที่สื่อผ่าน ลวดลายของต้นกาแฟ ดอกกาแฟ และเมล็ดเชอร์รี่สีแดงสุก แต่งแต้มพื้นหลังสีขาวและสีแดงระเรื่อของดอกกาแฟที่กำลังผลิบาน  และ ลาย Forest art แรงบันดาลใจจากป่าอเมซอน สะท้อนภาพผืนป่าสีเขียว ตัดด้วยสีส้มสดใส สื่อถึงคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม

นายสุชาติ เปิดเผยว่า “คาเฟ่ อเมซอน มีแนวคิดในการดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการดูแลสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อมเสมอมา โดยที่ผ่านมาได้ดำเนินโครงการเพื่อสนับสนุนชุมชนในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น การสนับสนุนให้เกษตรกรชาวเขามีช่องทางการจำหน่ายเมล็ดกาแฟ ตลอดจนการค้นคว้า วิจัย และพัฒนาการปลูกกาแฟระบบอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และการพัฒนาทักษะอาชีพผู้ปลูกกาแฟอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ ยังสนับสนุนสินค้าจากผู้ผลิต SMEs เข้ามาขายในร้านคาเฟ่ อเมซอนอีกด้วย ล่าสุด คาเฟ่ อเมซอน มีแนวคิดที่จะต่อยอดและสนับสนุนการสร้างงาน สร้างความรู้ กระจายรายได้ให้กับชุมชน เพื่อให้เกิดความเข้มแข็งของชุมชนอย่างยั่งยืน จึงได้ร่วมมือกับนารายา ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายกระเป๋าผ้าของไทยที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ ที่โดดเด่นทั้งในเรื่องของคุณภาพและมาตรฐานของสินค้า และยังมีความหลากหลาย  พร้อมกับฟังก์ชันการใช้งานที่ครบครัน และราคาที่สามารถจับต้องได้ในการออกแบบและผลิตสินค้าที่เป็นรวมความโดดเด่นของทั้ง 2 แบรนด์เข้าไว้ด้วยกัน โดยมุ่งหวังที่จะกระจายความรู้ กระจายรายได้ไปสู่ชุมชน โดยการสร้างเครือข่ายชุมชนในการทำงาน โดยมีการมอบทักษะองค์ความรู้ให้ชาวบ้านอย่างแท้จริง

ด้านนางวาสนา กล่าวว่า สินค้าคอลเลกชันนี้ได้แรงบันดาลใจมาจาก กลิ่นกาแฟอันหอมกรุ่นอันเป็นเอกลักษณ์ และบรรยากาศที่ร่มรื่นของ   คาเฟ่ อเมซอน ที่นำมาถ่ายทอดลงบนผืนผ้า ผ่านมุมมองของดีไซเนอร์จากนารายา กลายเป็นสินค้าพรีเมียมดีไซน์พิเศษ ทั้งกระเป๋าผ้ารักษ์โลก และหน้ากากผ้า ที่ไม่ลืมใส่ใจสิ่งแวดล้อม เป็นแฟชั่นไอเทมที่สวมใส่ได้จริงและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการลดการใช้ทรัพยากรช่วยให้โลกน่าอยู่มากขึ้น อีกทั้งการตัดเย็บสินค้าของเราเป็นการสนับสนุนการประกอบอาชีพของกลุ่มแรงงานในชนบทในหลายจังหวัดของประเทศไทย ซึ่งเป็นการส่งเสริมการสร้างรายได้ และสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจให้กับประชากรส่วนภูมิภาค ในระดับหมู่บ้าน ชุมชน รวมถึงมีการกระจายรายได้ให้ชาวบ้านมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

การจับมือกันระหว่าง คาเฟ่ อเมซอน และ นารายา ในครั้งนี้นับเป็นพลังของการร่วมมือครั้งสำคัญของภาคเอกชนเพื่อก่อให้เกิดการพัฒนาทักษะความเชี่ยวชาญ รวมทั้งการสร้างงาน สร้างอาชีพ และกระจายรายได้ให้กับชุมชน ซึ่งจะส่งผลให้เกิดชุมชนที่แข็งแรงและเศรษฐกิจชุมชนที่ยั่งยืนในอนาคต

ผู้สนใจสามารถเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนการสร้างรายได้ให้กับชุมชนด้วยการซื้อกระเป๋าและหน้ากากผ้า Café Amazon x NaRaYa ทั้งสองคอลเลกชันได้แล้วตั้งแต่วันที่ 29 กันยายน 2564 เป็นต้นไป หรือจนกว่าสินค้าจะหมด ที่ร้านคาเฟ่ อเมซอน ทุกสาขา

นายกฯ ตู่ ตรวจน้ำท่วมสุโขทัย สั่งทุกหน่วยงานเร่งระบายน้ำ

ผู้สื่อข่าว รายงานว่า เมื่อวันที่ 26 ก.ย. 2564 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยดร. เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดร.ทองเปลว กองจันทร์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และคณะ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำพื้นที่จังหวัดสุโขทัย โดยมี ดร. ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทานตลอดจนผู้เกี่ยวข้องร่วมให้การต้อนรับและบรรยายสรุปสถานการณ์น้ำและการบริหารจัดการน้ำเพื่อช่วยเหลือพื้นที่ประสบอุทกภัย

ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า จากอิทธิพลร่องมรสุม พาดผ่านภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับหย่อมความกดอากาศต่ำ กำลังแรงที่อ่อนกำลังจาก พายุโซนร้อน “เตี้ยนหมู่” ปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่งผลทำให้ประเทศไทย ตอนบนมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่งผลให้ในพื้นที่จังหวัดสุโขทัยมีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง ทำให้ปริมาณน้ำท่าในลำน้ำแม่มอกและคลองแม่รำพัน  เพิ่มสูงขึ้นไหลเข้าท่วมพื้นที่ อ.ทุ่งเสลี่ยม อ.บ้านด่านลานหอย อ.เมืองสุโขทัย ฝั่งขวาของแม่น้ำยม และอ.สวรรคโลก พื้นที่รวมประมาณ140,000ไร่

โครงการชลประทานสุโขทัย ได้จัดจราจรทางน้ำด้วยการใช้ระบบชลประทาน เร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ชุมชน ที่ประตูระบายน้ำ(ปตร.)บ้านหาดสะพานจันทร์ ควบคุมปริมาณน้ำไหลผ่าน 485.5 ลบ.ม./วินาที ส่วนด้านเหนือปตร.บ้านหาดสะพานจันทร์  ได้ผันน้ำเข้าคลองส่งน้ำฝั่งซ้ายผ่าน ปตร.คลองหกบาท ในอัตรา 177.27 ลบ.ม./วินาที  และระบายลงสู่แม่น้ำยมสายหลักที่สถานีวัดน้ำ Y.64 อ.บางระกำ อัตรา 356.60 ลบ.ม./วินาที เพื่อควบคุมให้แม่น้ำยมสายหลักมีระดับต่ำ ทำให้ปริมาณน้ำที่มาจากลำน้ำแม่มอกระบายลงได้สะดวกมากขึ้น นอกจากนี้ ยังได้ผันน้ำเข้าคลองเชื่อมแม่น้ำยม ผ่านคลองเล็กต่างๆ รวม 99.45 ลบ.ม./วินาที รวมไปถึงระบายน้ำผ่านปตร.บ้านยางซ้าย 277.15 ลบ.ม./วินาที ช่วยลดการระบายน้ำไปยังด้านท้าย ทำให้น้ำจากทุ่งทะเลหลวง และคลองแม่รำพัน สามารถระบายลงสู่แม่น้ำยมได้สะดวก พร้อมกับเร่งระบายน้ำในลำแม่มอกเข้าสู่แก้มลิงและพื้นที่ลุ่มต่ำ ได้แก่ แก้มลิงวังทองแดง และแก้มลิงทุ่งทะเลหลวง เข้าพื้นที่ลุ่มต่ำทุ่งปากพระ และส่วนหนึ่งไหลลงแม่น้ำยมต่อไป พร้อมกันนี้  ยังได้ทำการติดตั้งเครื่องสูบน้ำจำนวน 22 เครื่อง และเครื่องผลักดันน้ำอีกจำนวน 5 เครื่อง เพื่อช่วยสูบน้ำและเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ชุมชนให้เร็วที่สุด ซึ่งหลังจากที่ระดับน้ำกลับเข้าสู่ตลิ่งแล้ว จะทำการติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพิ่มเติมอีก เพื่อเร่งการระบายน้ำต่อไป คาดว่าหากไม่มีฝนตกเพิ่มในพื้นที่ สถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติภายใน 15 วัน

ทั้งนี้ กรมชลประทาน ได้บริหารจัดการน้ำเพื่อบรรเทาอุทกภัยควบคู่ไปกับการเก็บกักเพื่อสำรองไว้ใช้ในฤดูแล้งหน้าให้ได้มากที่สุด ตามนโยบาย ของรัฐบาล ด้วยการงดการระบายน้ำจากอ่างเก็บน้ำในพื้นที่ตอนบน พร้อมผันน้ำเข้าไปเก็บกักไว้ในพื้นที่แก้มลิงธรรมชาติบึงบอระเพ็ด ที่ปัจจุบัน(26ก.ย.64)มีปริมาณเก็บกักแล้วกว่า 58% ส่วนพื้นที่ลุ่มต่ำทุ่งบางระกำ  ปัจจุบัน(26ก.ย.64) รับน้ำเข้าทุ่งไปแล้ว กว่า 60 % ทั้งนี้ ยังสามารถรับน้ำเข้าทุ่งได้อีกกว่า 200 ล้าน ลบ.ม.

รายงานข่าว เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการร่วมกัน ในการแก้ไขปัญหาทางด้านน้ำในลุ่มน้ำยมอย่างเป็นระบบ  เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพเป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี

กรมชลฯ ขานรับกอนช. รับมือน้ำหลากลุ่มน้ำชี-มูล

นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า จากปริมาณฝนที่ตกหนักสะสมในพื้นที่ลุ่มน้ำชีและสถานการณ์น้ำล้นตลิ่งและน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มน้ำชีตอนบน ส่งผลให้มีน้ำไหลลงมายังแม่น้ำชีตอนกลางและลำน้ำสาขา ประกอบกับในช่วง 1 – 2 วันที่ผ่านมา ลุ่มน้ำมูล ในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี มีปริมาณฝนตกสะสมประมาณ 150 มิลลิเมตร ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำมูลเพิ่มสูงอย่างต่อเนื่อง คาดการณ์ว่า ระดับน้ำบริเวณสถานีวัดน้ำ M.7 (บริเวณสะพานเสรีประชาธิปไตย) อำเภอเมืองอุบลราชธานี จะเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและอาจล้นตลิ่งได้ รวมทั้งระดับน้ำในแม่น้ำชี แม่น้ำมูล และลำน้ำสาขา จะมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น จากปัจจุบันประมาณ 0.5 – 1 เมตร ในช่วงวันที่ 26 กันยายน – 2 ตุลาคม 2564 ซึ่งจะส่งผลให้พื้นที่โดยรอบได้รับผลกระทบ

สำหรับพื้นที่ใกล้เคียงแม่น้ำซีและลำน้ำสาขาที่อาจได้รับผลกระทบ ได้แก่ ในพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ บริเวณที่ลุ่มต่ำริมสองฝั่งแม่น้ำชี ในเขตอำเภอบ้านเขว้า อำเภอจัตุรัส อำเภอคอนสวรรค์ และอำเภอเมือง ลำปะทาว ในเขตอำเภอเมือง ลำคันฉู ในเขตอำเภอบำเหน็จณรงค์ และอำเภอจัตุรัส ลำน้ำพรม ในเขตอำเภอเกษตรสมบูรณ์ ส่วนในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น จะได้รับผลกระทบในพื้นที่ลุ่มต่ำบริเวณริมสองฝั่งแม่น้ำชี ในเขตอำเภอแวงน้อย อำเภอแวงใหญ่ และอำเภอมัญจาคีรี ลำน้ำเชิญ ในเขตอำเภอภูผาม่าน และอำเภอชุมแพ ด้านจังหวัดร้อยเอ็ด จะมีพื้นที่ได้รับผลกระทบในลำน้ำยัง ในเขตอำเภอเสลภูมิ ส่วนจังหวัดยโสธร มีพื้นที่ได้รับผลกระทบจากแม่น้ำชี บริเวณอำเภอเมือง อำเภอมหาชนะชัย อำเภอค้อวัง และอำเภอคำเขื่อนแก้ว

ในส่วนของพื้นที่ใกล้แม่น้ำมูลและลำน้ำสาขาที่อาจได้รับผลกระทบ ได้แก่ จังหวัดอุบลราชธานี มีพื้นที่ได้รับผลกระทบบริเวณที่ลุ่มต่ำริมสองฝั่งแม่น้ำมูล ในเขตเมืองอุบลราชธานี อำเภอวารินชำราบ อำเภอสว่างวีรวงค์ อำเภอดอนมดแดง อำเภอตาลสุม และอำเภอพิบูลมังสาหาร ลำเซบาย ในเขตอำเภอม่วงสามสิบ อำเภอเขื่องใน และอำเภอเมือง ลำเซบก ในเขตอำเภอตระการพืชผล อำเภอม่วงสามสิบ อำเภอตาลสุม และอำเภอเหล่าเสือโก๊ก ลำโดมใหญ่ ในเขตอำเภอทุ่งศรีอุดม อำเภอนาเยีย อำเภอน้ำขุ่น อำเภอเดชอุดม อำเภอนาจะหลวย และอำเภอน้ำยืน

จึงขอให้ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่จุดเสี่ยงและพื้นที่ที่ยังคงมีสถานการณ์น้ำท่วมขังอยู่ พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ข้อมูลและแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณพื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำชี แม่น้ำมูล และลำน้ำสาขา ให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และเตรียมเฝ้าระวังผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งปรับแผนระบายน้ำจากเขื่อนและประตูระบายน้ำ เพื่อพร่องน้ำและบริหารพื้นที่ลุ่มต่ำให้เป็นแก้มลิงหน่วงน้ำ เร่งระบายน้ำในลำน้ำ แม่น้ำ เพื่อรองรับน้ำหลากจากพื้นที่ตอนบน ลดผลกระทบความรุนแรงของอุทกภัย การจัดจราจรน้ำในแม่น้ำชีตอนบน ด้วยลดการระบายน้ำจากเขื่อนอุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น เพื่อเร่งระบายน้ำจากจังหวัดชัยภูมิ และเขื่อนชนบท จังหวัดขอนแก่น

กรณีที่หากเกิดน้ำหลากในพื้นที่ลุ่มน้ำยัง ให้จัดจราจรน้ำแม่น้ำชีตอนกลาง โดยเร่งระบายน้ำจากเขื่อนยโสธร จังหวัดยโสธร และพิจารณาจัดจราจรน้ำในแม่น้ำชีตอนล่างและแม่น้ำมูล โดยแม่น้ำชีให้ปรับลดการระบายน้ำจากอ่างเก็บน้ำลำปาว จังหวัดกาฬสินธุ์ รวมไปถึงการชะลอน้ำในลำน้ำสาขา ส่วนแม่น้ำมูลให้ชะลอน้ำที่เขื่อนหัวนา จังหวัดศรีสะเกษ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ด้านท้ายน้ำ เพื่อลดผลกระทบต่อพื้นที่ด้านท้ายน้ำด้วย ลดการระบายน้ำเขื่อนสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี เร่งระบายน้ำแม่น้ำมูลตอนล่าง ให้ไหลลงแม่น้ำโขงให้รวดเร็วมากขึ้น พร้อมกับเฝ้าระวังปริมาณน้ำในแม่น้ำมูลที่ไหลผ่านสถานีวัดน้ำ M.7 อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี อย่างใกล้ชิด 24 ชั่วโมง

ทั้งนี้ กรมชลประทานได้เตรียมพร้อมแผนเผชิญเหตุรับสถานการณ์น้ำหลาก ทั้งด้านบุคลากร เครื่องจักร เครื่องมือต่างๆ รวมไปถึงความพร้อมของระบบสื่อสารสำรอง เพื่อบูรณาการความพร้อมให้ความช่วยเหลือและบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนได้ทันที จนกว่าสถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว โดยสามารถติดตามสถานการณ์น้ำได้จากเฟสบุ๊ก กรมชลประทาน และโครงการชลประทานใกล้บ้าน หรือติดต่อสายด่วนกรมชลประทาน 1460

AIS ส่งกำลังใจให้ผู้ประสพอุทกภัย ดูแลเครือข่ายสื่อสารในพื้นที่เต็มกำลัง

รายงานข่าวจากบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ของพายุโซนร้อน “เตี้ยนหมู่” พาดผ่านภาคเหนือ รวมถึงพื้นที่ต่างๆ ของประเทศ ทำให้เกิดเหตุน้ำท่วมและน้ำป่าไหลหลากส่งผลกระทบในหลายพื้นที่ ส่งผลให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก เอไอเอสมีความห่วงใยประชาชน และเจ้าหน้าที่ในภาคส่วนต่างๆ ที่ทำงานเพื่อช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ จึงได้เตรียมความพร้อมในทุกๆ ด้าน เพื่อให้ลูกค้าสามารถใช้งานโทรศัพท์มือถือได้อย่างต่อเนื่องในมิติต่างๆ อาทิ

1. ด้านสัญญาณเครือข่าย ทีมงานวิศวกร ได้เตรียมความพร้อมในทุกด้าน พร้อมเข้าดูแลสถานีฐานในพื้นที่ประสบภัยอย่างใกล้ชิด เพื่อดูแลเครือข่ายให้ยังคงพร้อมบริการติดต่อสื่อสารได้อย่างดีที่สุด

2. ทีมงานพนักงานอุ่นใจอาสา ร่วมสนับสนุนการทำงานของหน่วยงานภาครัฐ โดยล่าสุดได้มอบน้ำดื่มต่อกองบัญชาการกองพลพัฒนาที่ 3 เพื่อนำไปช่วยเหลือประชาชนที่ประสบเหตุอุทกภัยในพื้นที่ต่างๆ พร้อมลงพื้นที่ในจังหวัดสุโขทัย เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน พร้อมยินดีสนับสนุนการทำงานของหน่วยงานภาครัฐอย่างต่อเนื่อง

3. ด้านความสะดวกของการใช้งาน เพื่อให้ลูกค้าสามารถติดต่อสื่อสารได้อย่างต่อเนื่อง เอไอเอส ดำเนินการขยายระยะเวลาชำระค่าบริการสำหรับลูกค้ารายเดือน และลูกค้า AIS Fibre พร้อมกับขยายเวลาการใช้งานให้กับลูกค้าระบบเติมเงินด้วย

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์พายุฝนอาจจะยังมีมาอย่างต่อเนื่อง ทีมงานจะยังคงเฝ้าติดตามสถานการณ์และเตรียมความพร้อม ให้ความช่วยเหลือ เคียงข้างประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนในพื้นที่อื่นๆที่อาจเกิดอุทกภัยได้อย่างทันท่วงทีต่อไปทั้งนี้ เอไอเอสขอส่งกำลังใจให้แก่พี่น้องผู้ประสบภัยทุกท่าน และเราพร้อมเคียงข้างเพื่อร่วมก้าวผ่านช่วงเวลานี้ไปด้วยกัน

เศรษฐี คว้าแชมป์กอล์ฟ สิงห์ ออล ไทยแลนด์ฯ ที่บลูแคนยอน ภูเก็ต

ผู้สื่อข่าว รายงานว่า เศรษฐี ประคองเวช โปรวัย 27 ปีจากชลบุรี คว้าแชมป์ที่ 2 ในศึก ออล ไทยแลนด์ กอล์ฟ ทัวร์ สำเร็จ ในการแข่งขันรายการ “สิงห์ ออล ไทยแลนด์ แชมเปี้ยนชิพ 2021” หลังหวดสี่วันสกอร์รวม 10 อันเดอร์พาร์ 278 พร้อมรับเงินรางวัล 4.5 แสนบาท ที่สนามกอล์ฟ บลูแคนยอน คันทรี คลับ จ.ภูเก็ต เมื่อ 26 ก.ย.64  โดยมี อจิรุจ วินัยเจริญชัย, สุทธิพัทธ์ ประทีปเทียนชัย และ ศรัณย์ ศิริธร คว้าอันดับ 2 ร่วม ที่ 8 อันเดอร์พาร์ 280

การแข่งขันกอล์ฟอาชีพสะสมคะแนนอันดับโลก ออล ไทยแลนด์ กอล์ฟ ทัวร์ 2021 จัดแข่งขันตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) จากการสนับสนุนโดย บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด, การกีฬาแห่งประเทศไทยและกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ, กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, จังหวัดภูเก็ต, บลูแคนยอน คันทรี คลับ รวมถึงสปอนเซอร์ของออลไทยแลนด์กอล์ฟทัวร์ ร่วมกันจัดแข่งขัน แซนด์บ็อกซ์ สวิง รายการ “สิงห์ ออลไทยแลนด์ แชมเปี้ยนชิพ 2021” ชิงเงินรางวัลรวม 3 ล้านบาท ระหว่างวันที่ 23-26 กันยายน 2564 ณ สนามกอล์ฟ บลูแคนยอน คันทรี คลับ ฝั่งแคนยอน คอร์ส จ.ภูเก็ต ระยะ 7,183 หลา พาร์ 72 ผู้ชนะจะรับเงินรางวัลไปครอง 450,000 บาท และคะแนนอันดับโลก 5 แต้ม

ผลการแข่งรอบสุดท้ายผลเมื่อวันที่ 26 ก.ย.64 ปรากฏว่า “โปรเบนซ์” เศรษฐี ประคองเวช นักกอล์ฟจากชลบุรี วัย 27 ปี กัดฟันสู้หลังทำ 5 เบอร์ดี้ไม่เสียโบกี้เลย ได้ 5 อันเดอร์พาร์ 67 ทำสกอร์รวมสี่วัน 10 อันเดอร์พาร์ 278 คว้าแชมป์พร้อมเงินรางวัล 450,000 บาท และเป็นการครองแชมป์รายการที่ 2 ของเขาในทัวร์ หลังทำสำเร็จในการแข่งขันรายการผม สิงห์ออลไทยแลนด์เมมโมเรียล เมื่อปี 2019 ที่ จ.จันทบุรี

ส่วนอันดับ 2 ร่วมเป็นของ “โปรดราก้อน” อจิรุจ วินัยเจริญชัย, “โปรตี้” สุทธิพัทธ์ ประทีปเทียนชัย และ ศรัณย์ ศิริธร ที่ทำสกอร์มาเท่ากันที่ 8 อันเดอร์พาร์ 280 โดยมี โวลเมอร์ มูรีลโญ่ จากเวเนซูเอล่า, “โปรแต๊ป” ชนะโชค เดชภิรัตนมงคลกุล และ “น้องทีเค” รัชชานนท์ ฉันทนานุวัฒน์ นักกอล์ฟสมัครเล่นวัย 14 ปี รั้งอันดับ 5 ร่วม ที่ 7 อันเดอร์พาร์ 281 ซึ่ง รัชชานนท์ เป็นนักกอลืฟสมัครเล่นที่ทำผลงานดีที่สุด คว้าแชมป์ประเภทสมัครเล่นไปครองอีกด้วย

ด้าน โคสุเก ฮามาโมโต้, สดมภ์ แก้วกาญจนา และ บวร ชัยศรี หวดมาเท่ากันที่ 6 อันเดอร์พาร์ 282 รั้งอันดับ 8 ร่วม และ วรัญญู รัตนไพบูลย์กิจ รั้งอันดับ 11 จากผลงานรวม 5 อันเดอร์พาร์ 283

สำหรับรายการต่อไปของศึก ออลไทยแลนด์ กอล์ฟ ทัวร์ 2021 จะเป็นการแข่งขันในรายการ “สิงห์ ลากูน่า ภูเก็ต โอเพ่น 2021” ชิงเงินรางวัล 3 ล้านบาท ระหว่างวันที่ 7-10 ต.ค.นี้ ณ สนามกอล์ฟ ลากูน่า กอล์ฟ ภูเก็ต แบบพาร์ 70 ระยะ 6,674 หลาต่อไป

รู้เก็บรู้ออม : แกะรอยหุ้นจากข้าวกะเพราไก่ไข่ดาว!!

เคยมั้ยเวลาหาของบางอย่างจะรื้อค้นทั่วบ้าน หมดเวลาไปครึ่งค่อนวัน หายังไงก็ไม่เจอ แต่พอถอดใจ เลิกหา ซื้อใหม่แล้ว จู่ๆสิ่งของที่อันตรธานหายไปแล้ว ดันปรากฏให้เจอแบบง่ายๆ

บางครั้งสิ่งที่เราค้นหา อาจไม่ได้อยู่ในที่ที่เราคิดว่าควรจะอยู่ตรงนั้นตรงนี้ แล้วใครจะไปคิดว่ามื้ออาหารตรงหน้าเรา จะกลายเป็นลายแทง บอกให้รู้ว่าหุ้นตัวไหน น่าซื้อลงทุนเพื่อทำให้เงินเรางอกเงย

เมนูสิ้นคิดอย่างข้าวกะเพราไก่ไข่ดาว สำหรับคุณนายพารวยแล้ว เป็นเมนูโปรดที่เรียกว่า นั่งร้านอาหารตามสั่งที่ไหน คิดอะไรไม่ออกก็ต้องสั่งเมนูนี้ไว้ก่อน ด้วยรสชาติที่จัดจ้าน หอมเครื่องปรุง ทั้งกะเพรา พริก กระเทียม เหยาะพริกน้ำปลาลงไข่ดาวนิดหน่อย อร่อยเหาะ!!

อาหารที่รสชาติดี ทานอร่อย มีวัตถุดิบที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ก็ไม่ต่างกับความรู้ที่คุณนายพารวยได้จากเว็บ SETinvestNow ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่พร้อมเสิร์ฟเมนูอาหารสมอง มีประโยชน์ แถมยังย่อยความรู้ให้เข้าใจง่ายอีกต่างหาก เช่นเดียวกับบทความเรื่องนี้ “ไอเดียค้นหาหุ้นในข้าวกะเพราไก่ไข่ดาว”

เชฟแห่งตลาดหลักทรัพย์ฯพาไปแกะสูตรทำอาหาร สแกนหุ้นจากวัตถุดิบแต่ละตัวในอาหารจานนี้ ว่ามีหุ้นตัวไหนบ้าง และน่าลงทุนมั้ย เริ่มจาก “เนื้อไก่และไข่ไก่” ในตลาดหุ้นมีบริษัทจดทะเบียนที่ทำธุรกิจแปรรูปสินค้าทางการเกษตรเนื้อไก่เนื้อสัตว์ เช่น หุ้น CPF, GFPT, TFG ตามด้วยผักสด “ใบกะเพรา พริก กระเทียม” ก็มีหุ้น RBF ซึ่งเป็นผู้ประกอบธุรกิจแปรรูปผักสดและสร้างกลิ่น-รสอาหาร

เครื่องปรุงอย่าง “น้ำตาล” ก็มีหุ้นหลายตัวอยู่ เช่น BRR น้ำตาลบุรีรัมย์, KBS น้ำตาลครบุรี, KSL น้ำตาลขอนแก่น และ KTIS เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ ส่วน “ซอสปรุงรส” ที่คุ้นๆ ชื่อกันก็มีทั้งหุ้น SAUCE เจ้าของเครื่องปรุงแบรนด์ภูเขาทอง, หุ้น NRF ที่มีแบรนด์ซอสปรุงรสในเครืออย่าง พ่อขวัญ, Lee Brand และ SABZU รวมทั้งหุ้น XO ซึ่งมี Exotic Food เป็นแบรนด์หลัก

หุ้นกลุ่มผู้ผลิต “น้ำมันพืช” ก็มีหลายตัว ไม่ว่าจะเป็นหุ้น CPI น้ำมันพืชตราลีลา, หุ้น TVO น้ำมันพืชตราองุ่น, หุ้น AIE น้ำมันพืชพาโมลา, หุ้น UVAN ของกลุ่มยูนิวานิชน้ำมันปาล์ม และหุ้น LST ของน้ำมันพืชตราหยก

และสุดท้ายข้าวสวยร้อนๆ ซึ่งในตลาดหุ้นมีบริษัทที่ผลิตและจำหน่าย “ข้าวสารบรรจุถุง” เช่น ข้าวตราเกษตรของหุ้น KASET, ข้าวมาบุญครอง หุ้น PRG เป็นต้น

แค่เมนูอาหารธรรมดาจานนี้ ทำให้เราได้รู้จักบริษัทหรือหุ้นที่ทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับกะเพราไก่ไข่ดาวหลายตัว มาให้เราได้พิจารณาเลือกลงทุน

แล้วไม่ได้ให้ตัวหุ้นเฉยๆจบแล้วแยกย้าย แต่บทความนี้ยังมีการวิเคราะห์ให้เข้าใจธรรมชาติของหุ้นในอุตสาหกรรมอาหาร แถมเรายังสามารถใช้ตัวช่วย SETSMART วิเคราะห์ข้อมูลของแต่ละบริษัทเพื่อช่วยเราคัดกรองหุ้นที่มีความสามารถในการทำกำไรโดดเด่นด้วยเครื่องมือ Stock Screening อีกต่างหาก

ทีนี้พอได้รู้จักหุ้นใกล้ตัวที่ซ่อนอยู่ข้าวกะเพราไก่ไข่ดาว รวมถึงเทคนิควิเคราะห์หุ้นเบื้องต้นไปแล้ว ตอนนี้ตลาดหลักทรัพย์ฯ เปิดโอกาสให้นักลงทุนทดลองใช้งาน SETSMART ฟรี 15 วัน แค่สมัครเป็นสมาชิก SET Member ก่อนเท่านั้น

คุณนายเชื่อว่า ต่อจากนี้ไปหลายคนจะไม่มองข้าวกะเพราไก่ไข่ดาวเป็นเมนูสิ้นคิดอีกต่อไปแล้วนะคะ แต่จะได้เจอหุ้นดีๆให้ศึกษาและเริ่มต้นลงทุน!!

คุณนายพารวย

ที่มา คอลัมน์ รู้เก็บรู้ออมรู้ใช้รู้ลงทุน..สู่ความมั่งคั่ง หน้าเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

แฟลช ได้รับเลือกเป็นบริษัทต้นแบบ ‘อยุธยาโมเดล’ ด้านป้องกันโควิด

นางจรัสพักตร์ การปลื้มจิตต์ Group Partner กลุ่มธุรกิจแฟลช (Flash Group) เปิดเผยว่า บริษัท แฟลช เอ็กซ์เพรส จำกัด โดยศูนย์กระจายพัสดุ สาขาวังน้อย ได้รับเลือกเป็น 1 ใน 10 สถานประกอบกิจการที่ดีเยี่ยมจากสถานประกอบการทั้งหมด 2,700 แห่งในจังหวัดอยุธยา ที่มีส่วนร่วมการพัฒนาจัดการป้องกันและควบคุมโรคCovid-19 จากโครงการ “อยุธยาโมเดล” สถานประกอบกิจการต้นแบบมาตรฐานในการจัดการป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(COVID-19)ในสถานประกอบกิจการ โดยกรมควบคุมโรค ร่วมกับจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ,สภาอุตสาหกรรมจังหวัด และหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง ทำแผนที่จะพัฒนาแนวทางในการสร้างโรงงานต้นแบบ ที่มีการควบคุมโรคป้องกันการแพร่ระบาดเพื่อที่จะสร้าง SOP (Standard Operation Procedure) ขึ้นมา และคาดหวังให้สถานประกอบการทั้งหมดภายในจังหวัดพระนครศรีอยุธยานำไปเป็นตัวอย่าง ตลอดจนจะได้เป็นแนวทางที่จังหวัดอื่นๆได้นำไปใช้ต่อได้

สำหรับการบริหารจัดการป้องกัน และควบคุมโรคCovid-19 ในรูปแบบ Bubble and Seal ภายในศูนย์กระจายพัสดุสาขาวังน้อย ที่ทางแฟลช เอ็กซ์เพรส ได้พัฒนาจนได้รับเลือกเป็นบริษัทฯต้นแบบในครั้งนี้ ประกอบไปด้วย การบริหารจัดการด้านพนักงาน ที่ให้พนักงานทุกคนที่จะเข้าปฏิบัติหน้าที่ต้องมีการวัดอุณหภูมิทุกครั้ง จัดให้มีจุดล้างมือด้วยสบู่ และก่อนเข้าพื้นที่ต้องสวมหน้ากาก สวมถุงมือ พกน้ำดื่มส่วนตัว พร้อมทั้งกำหนดจุดระยะห่างเพื่อลดความแออัดในขณะปฎิบัติหน้าที่เพื่อไม่ให้ปะปนกัน เช่นเดียวกับบริเวณที่พักผ่อน พักรับประทานอาหารที่มีการเว้นระยะห่างมีที่กั้น และกำหนดที่นั่งอย่างชัดเจนแต่ละคน อีกทั้งมีการพ่นฆ่าเชื้อทุกช่วงพักเปลี่ยนกะทำงาน และมีจุดแอลกอฮอล์ให้สำหรับล้างมือทั่วคลังสินค้า นอกจากนี้พื้นที่ภายในศูนย์มีการจัดการเรื่องการถ่ายเทของอากาศภายในโดยกำหนดจุดพัดลมในทิศทางเดียวกัน และมีการแยกประเภทของขยะให้ชัดเจนโดยเฉพาะขยะที่ติดเชื้อ ในส่วนรถขนส่งพัสดุมีการบริหารจัดการรถที่เข้ามาในพื้นที่ต้องมีการตรวจวัดอุณหภูมิพนักงานขับรถทุกคนทุกคันก่อนเข้ามาภายในศูนย์ พร้อมทั้งต้องมีใบยืนยันผลการตรวจก่อนเข้ามาในศูนย์กระจายพัสดุอีกด้วย

แฟลช เอ็กซ์เพรส ยังได้นำมาตรฐานการเป็นโรงงานต้นแบบ “อยุธยาโมเดล” ดังกล่าวไปใช้ในสาขาอื่นๆทั่วประเทศ เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่น ให้แก่ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ ด้วยคำนึงว่าพัสดุทุกชิ้นที่ส่งโดยบริษัทฯจะมีความปลอดภัยในด้านสุขอนามัยอย่างแน่นอน

คปภ. คุมเข้ม เอเชียประกันภัย สั่งหยุดรับประกันภัยชั่วคราว

ดร. สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ( คปภ.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมบอร์ด คปภ. เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2564 มีมติเห็นชอบให้บริษัท เอเชียประกันภัย 1950 จำกัด (มหาชน) หยุดรับประกันวินาศภัยเป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 23 กันยายน 2564 เป็นต้นไป

ทั้งนี้ จากปรากฏพฤติการณ์และหลักฐานต่อนายทะเบียนว่า บริษัทเอเชียประกันภัย มีฐานะการเงินไม่มั่นคง โดยมีประมาณการหนี้สินเกินกว่าทรัพย์สิน มีสภาพคล่องไม่เพียงพอสำหรับการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน และปรากฏว่าอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุนอาจจะต่ำกว่าเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด ทำให้ไม่สามารถมั่นใจได้ว่าบริษัท มีความสามารถในการชำระหนี้ตามภาระผูกพันที่มีต่อผู้เอาประกันภัยหรือประชาชนได้ มีการจ่ายค่าสินไหมทดแทนล่าช้า อันเข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และระยะเวลาที่ถือว่าเป็นการประวิงการจ่ายค่าสินไหมทดแทนหรือประวิงการคืนเบี้ยประกันภัยของบริษัทประกันวินาศภัย และยังคงมีจำนวนค่าสินไหมทดแทนค้างจ่ายจำนวนมากจนส่งผลกระทบต่อฐานะและการดำเนินการของบริษัท ตลอดจนชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือของธุรกิจประกันภัย มีการกระทำที่เป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย โดยเสนอขายกรมธรรม์ประกันภัยไม่เป็นไปตามแบบและข้อความที่ได้รับความเห็นชอบจากนายทะเบียน

จากข้อเท็จจริงที่ปรากฏหลักฐาน นายทะเบียนจึงเห็นว่า บริษัท เอเชียประกันภัย 1950 จำกัด (มหาชน) มีฐานะหรือการดำเนินการอยู่ในลักษณะอันอาจเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ผู้เอาประกันภัยหรือประชาชน เพื่อให้การกำกับดูแล และติดตามการแก้ไขปัญหาฐานะและการดำเนินการของบริษัทให้เป็นไปอย่างรอบด้าน ครอบคลุมทั้งการติดตามความมั่นคงทางการเงินและธุรกรรมการดำเนินงานที่ถูกต้องโปร่งใส อันจะทำให้บริษัทดำเนินธุรกิจได้อย่างยั่งยืน รวมถึงป้องกันมิให้เกิดความเสียหายต่อผู้เอาประกันภัยและประชาชนในอนาคต

คณะกรรมการ คปภ. พิจารณาแล้ว เห็นชอบให้นายทะเบียนใช้อำนาจตามมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย พ.ศ. 2535 และแก้ไขเพิ่มเติม โดยสั่งให้บริษัท เอเชียประกันภัย 1950 จำกัด (มหาชน) หยุดรับประกันวินาศภัยเป็นการชั่วคราว ห้ามเคลื่อนย้ายหรือจำหน่ายทรัพย์สิน และให้บริษัทเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาฐานะการเงินและการดำเนินงาน โดยกำหนดเงื่อนไขต่าง ๆ ให้บริษัทดำเนินการ ดังนี้

  1. เพิ่มทุนหรือแก้ไขฐานะการเงินให้เพียงพอต่อภาระผูกพัน และให้มีอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุนเพียงพอตามที่กฎหมายกำหนดภายใน 30 วันนับแต่วันได้รับคำสั่ง ให้รายงานความคืบหน้าในการดำเนินการทุก 7 วัน
  2. จัดทำรายงานสรุปรายละเอียดของกรมธรรม์ประกันภัยที่บริษัทจะต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เอาประกันภัย เช่น หมายเลขกรมธรรม์ประกันภัย ชื่อผู้เอาประกันภัย จำนวนเงินที่ต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทน และจัดส่งรายงานให้สำนักงาน คปภ. ทุกวันทำการนับแต่วันที่รับทราบคำสั่ง และให้บันทึกรายการในสมุดทะเบียน สมุดบัญชี คำนวณและดำรงเงินสำรองประกันภัย ให้ถูกต้อง ครบถ้วนตามกฎหมาย
  3. บันทึกรายการทางทะเบียนแสดงรายการค่าสินไหมทดแทนให้ถูกต้อง ครบถ้วน เป็นปัจจุบัน ภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด
  4. เร่งรัดการจ่ายค่าสินไหมทดแทนตามสัญญาประกันภัยให้แก่ผู้เอาประกันภัยให้ครบถ้วนภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด

การออกคำสั่งนายทะเบียนดังกล่าวจะช่วยให้สำนักงาน คปภ. สามารถคุ้มครองสิทธิประโยชน์ประชาชนได้เต็มที่โดยสามารถเข้าไปควบคุมบริษัทฯ ได้เต็มพิกัด และจัดการเคลียร์ปัญหาการจ่ายค่าสินไหมทดแทนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยได้สั่งการไปยังสายตรวจสอบและสายคุ้มครองสิทธิประโยชน์ ตลอดจนสำนักงาน คปภ. ทั่วประเทศ ตรวจสอบสาขา/สำนักงานตัวแทนของบริษัท เอเชียประกันภัย 1950 จำกัด (มหาชน) ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่รับผิดชอบ และให้ดำเนินการแจ้งการสั่งหยุดรับประกันวินาศภัยเป็นการชั่วคราว เพื่อป้องกันไม่ให้บริษัท/ตัวแทน/นายหน้าประกันภัยขายกรมธรรม์รายใหม่ในระหว่างการหยุดรับประกันภัย พร้อมทั้ง ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะเจ้าหน้าที่เข้าไปประจำที่บริษัท เพื่อควบคุมดูแลให้บริษัทดำเนินการตามเงื่อนไข ที่นายทะเบียนกำหนดแล้ว สำหรับการปฏิบัติหน้าที่ของกรรมการและผู้บริหารของบริษัทฯ สำนักงาน คปภ. จะตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ต่อไป หากพบว่า มีการกระทำความผิด จะดำเนินการตามมาตรการทางกฎหมายอย่างเคร่งครัด จึงขอให้ประชาชนไม่ต้องวิตกกังวล เนื่องจากบริษัทยังต้องจ่ายค่าสินไหมทดแทนตามปกติ และอุตสาหกรรมประกันภัยโดยภาพรวมไม่มีความเสี่ยง ในเชิงระบบ ทั้งนี้ หากประชาชนมีข้อสงสัยหรือไม่ได้รับความเป็นธรรม ติดต่อสายด่วน คปภ. 1186 หรือ www.oic.or.th

AIS พร้อมร่วมมือ สกัดสายโทรศัพท์ และ SMS มิจฉาชีพ

บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส เผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์ว่า จากกรณีที่ปัจจุบัน กลุ่มมิจฉาชีพ ได้ใช้ช่องทางโทรศัพท์ หรือ SMS ในการส่งข้อความที่มีเนื้อหาหลอกลวง อันอาจทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการสูญเสียทรัพย์สิน หรือ เสี่ยงต่อการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล ของประชาชน นั้น เอไอเอส ขอเรียนยืนยันว่า เราให้ความสำคัญกับการป้องกันลูกค้าเกี่ยวกับกรณีนี้เป็นอย่างยิ่ง โดยที่ผ่านมาได้เร่งดำเนินการใน 2 ส่วน ประกอบด้วย

1. ทำการคัดกรอง ผู้ประกอบการที่ซื้อบริการแพ็คเกจ SMS เพื่อส่งประชาสัมพันธ์หาลูกค้าอย่างเข้มงวด โดยหากพบว่า ผู้ประกอบการรายใดมีการละเมิดข้อกำหนดที่ระบุว่า จะต้องไม่ส่ง SMS ที่สร้างการรบกวน หรือ หลอกลวงให้แก่ลูกค้า  ทาง AIS จะทำการสกัดการส่ง SMS และ ขึ้นทะเบียนต้องห้ามผู้ประกอบการรายดังกล่าวทันที (Black List)

2. ประสานงานกับ operator รายอื่นๆ เพื่อดำเนินการอย่างเข้มงวดเช่นกันในการคัดกรอง รวมถึงสกัดการส่ง SMS กวนใจ ดังกล่าวทันที  ในกรณี หากพบว่า มีการส่ง SMS กวนใจมายังลูกค้าเอไอเอส จากเครือข่ายอื่นๆ

เอไอเอส พร้อมสนับสนุนและให้ความร่วมมือกับ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และทุกหน่วยงานอย่างเต็มที่ เพื่อเป็นการปกป้องลูกค้าและสร้างมาตรฐานการให้บริการโทรคมนาคม พร้อมกันนี้จะได้สื่อสารให้ข้อมูลกับประชาชน เพื่อให้รู้เท่าทันกลุ่มมิจฉาชีพด้วยเช่นกัน

สำหรับลูกค้าที่ได้รับ SMS กวนใจ หรือ เข้าข่ายก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญ สามารถแจ้งเข้ามาได้ที่ AIS Call Center หรือ กด *137 โทรออกฟรี  เพื่อสกัด (Block) การได้รับ SMS ดังกล่าวทันที รวมถึงกรณีหากมีโทรศัพท์ที่โทรเข้ามาสร้างความรำคาญใจ หรือ ก่อให้เกิดความเสี่ยง สามารถโทรแจ้งที่ AIS Call Center ที่จะให้คำแนะนำในการสกัด (Block) การรับสายดังกล่าวได้ด้วยตนเองจากตัวเครื่องของท่าน รวมถึงเอไอเอสจะดำเนินการตรวจสอบหมายเลขที่โทรเข้ามารบกวนอย่างเต็มที่ พร้อมประสานกับ Operator ที่เป็นโครงข่ายต้นทางของเบอร์ดังกล่าว เพื่อตรวจสอบร่วมกัน  โดยหากพบว่า ทำผิดเงื่อนไขการใช้บริการ เอไอเอส ก็จะดำเนินการสกัด (Block) การใช้งานของเบอร์ดังกล่าวทันทีเช่นกัน