Home Blog Page 19

ตลาดหลักทรัพย์ฯ ครองใจคนรุ่นใหม่อยากทำงานด้วย คว้ารางวัล Top 50 Companies in Thailand 2025

0

รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า จิตติยา ธรรมสรณ์ ผู้ช่วยผู้จัดการ หัวหน้าสายงานทรัพยากรบุคคลและพัฒนาองค์กร ตลาดหลักทรัพย์ฯ รับรางวัล Top 50 Companies in Thailand 2025 โดย Work Venture ที่ปรึกษาและผู้นำด้านการสร้างแบรนด์นายจ้างให้แก่องค์กรชั้นนำของประเทศไทย ที่ได้รวบรวมผลสำรวจคนรุ่นใหม่และวัยทำงาน ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล กว่า 10,000 คน โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งใน 50 องค์กรที่คนรุ่นใหม่อยากร่วมงานด้วยมากที่สุด เป็นปีแรก

ความสำเร็จนี้ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่เน้นการพัฒนาและดูแลพนักงานให้มีความเป็นอยู่ที่ดี สนับสนุนการทำงานของพนักงาน ซึ่งสอดคล้องแผนกลยุทธ์สำคัญของตลาดหลักทรัพย์ฯ “สรรสร้างคนและอนาคต (Groom People & Our Future)” ในการเตรียมพร้อมคน ปรับวิถีงาน ตอบโจทย์อนาคต

ม.กรุงเทพ ยกระดับทักษะ AI ให้นศ. ผ่าน Coursera Gen-AI Academy ฟรี!

0

มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เดินหน้ายกระดับทักษะนักศึกษาให้ก้าวทันโลกยุคดิจิทัล โดยเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งแรกและแห่งเดียวในไทยที่เปิดโอกาสให้นักศึกษาเข้าถึง Coursera Gen-AI Academy เพื่อเสริมทักษะด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งเป็นทักษะแห่งอนาคตที่จำเป็นในทุกอุตสาหกรรม

ผศ.ดร.สมยศ วัฒนากมลชัย รองอธิการบดีสายนานาชาติ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เปิดเผยว่า โครงการนี้เปิดให้นักศึกษาทั้งระดับปริญญาตรีและโทสามารถเรียนหลักสูตรด้าน AI จากมหาวิทยาลัยและองค์กรชั้นนำระดับโลก เช่น Stanford University และ Google โดยไม่มีค่าใช้จ่าย พร้อมรับประกาศนียบัตรที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล เสริมความน่าเชื่อถือใน CV และเพิ่มโอกาสในการแข่งขันในตลาดแรงงาน

โครงการนี้เน้นการบูรณาการเนื้อหาจาก Coursera เข้ากับหลักสูตรของมหาวิทยาลัย นักศึกษาสามารถเข้าเรียนรายวิชาด้าน AI บนแพลตฟอร์ม Coursera ได้ฟรี โดยสามารถเลือกเรียนจากรายวิชาที่คณาจารย์คัดสรรให้ตรงกับความต้องการของตลาดงาน หรือเลือกเรียนเพิ่มเติมตามความสนใจของตนเอง ปัจจุบันมีหลักสูตรด้าน AI ให้เลือกมากกว่า 1,000 รายวิชา ครอบคลุมตั้งแต่พื้นฐานจนถึงระดับสูง เมื่อเรียนจบและผ่านเกณฑ์ที่กำหนด นักศึกษาจะได้รับใบประกาศนียบัตรรับรองความสำเร็จ ซึ่งสามารถนำไปใช้ประกอบการสมัครงานหรือเสริมความก้าวหน้าในการทำงานในอนาคต

นอกจากนี้ แพลตฟอร์ม Coursera ยังมีเครื่องมือวิเคราะห์ผลการเรียนรู้ที่ช่วยให้อาจารย์สามารถติดตามและประเมินผลได้อย่างแม่นยำ ทำให้การเรียนรู้มีประสิทธิภาพและตรงกับพฤติกรรมของผู้เรียนมากที่สุด มหาวิทยาลัยกรุงเทพเชื่อมั่นว่าโครงการนี้จะเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับการเรียนการสอน และเตรียมความพร้อมให้นักศึกษาก้าวสู่ตลาดแรงงานยุคใหม่อย่างมั่นใจ

มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ยังคงยืนหยัดในความเป็นผู้นำด้านการศึกษา ด้วยการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีการเรียนรู้ที่ทันสมัยมาใช้ เพื่อให้นักศึกษาได้รับประสบการณ์การเรียนรู้ที่ดีที่สุดและสามารถแข่งขันในระดับนานาชาติได้อย่างมั่นใจ.

กคช. จัดโปรโครงการ “บ้านคุ้มค่า ราคาโดนใจ รับปีใหม่ 2568” สำหรับคนอยากมีบ้าน ลดสูงสุด 20% พร้อมดอกเบี้ยพิเศษ

0

การเคหะแห่งชาติ (กคช.) มอบของขวัญปีใหม่ 2568 จัดแคมเปญพิเศษภายใต้โครงการ “บ้านคุ้มค่า ราคาโดนใจ รับปีใหม่ 2568” ยกทัพโครงการที่อยู่อาศัยครอบคลุมทั้งโครงการในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และภูมิภาค เปิดโอกาสให้ผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลางได้มีบ้านในราคาพิเศษ พร้อมส่วนลดสูงสุดถึง 20% ผู้ที่สนใจสามารถจับจองเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัย พร้อมรับข้อเสนอสุดพิเศษได้แล้ววันนี้ถึง 31 มีนาคม 2568 จำนวนกว่า 5,700 หน่วย

นายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ กล่าวว่า ในปี 2568 นี้การเคหะแห่งชาติได้มอบของขวัญรับปีใหม่ 2568 ให้กับประชาชน ตามภารกิจหลักในการพัฒนาที่อยู่อาศัย เพื่อให้คนไทยทุกคนมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง พร้อมกับการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัย และตามนโยบาย 5×5 ฝ่าวิกฤตประชากร ที่มุ่งเน้นบ้านสำหรับคนทุกช่วงวัย ทุกกลุ่มเป้าหมายสามารถเข้าถึงได้อยู่อย่างปลอดภัยและมีคุณภาพชีวิตที่ดี โดยได้จัดทำโครงการ “บ้านคุ้มค่า ราคาโดนใจ รับปีใหม่ 2568” ยกทัพโครงการที่อยู่อาศัยครอบคลุมทั้งโครงการในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และภูมิภาค จัดโปรโมชั่นส่วนลดราคาพิเศษ จำนวนกว่า 5,700 หน่วย โดยมีส่วนลดพิเศษตั้งแต่ 5-20% จากราคาขายมาตรฐาน จำนวน 102 โครงการ สำหรับมูลค่าส่วนลดจะแตกต่างกันตามประเภทโครงการ และโปรโมชั่นลดราคาขายโครงการบ้านเอื้ออาทร 47 โครงการ โดยห้องชุดขนาด 24 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 250,000 บาท และห้องชุดขนาด 33 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 390,000 บาท

นอกจากส่วนลดพิเศษแล้ว ยังมีอัตราดอกเบี้ยพิเศษสำหรับการเช่าซื้อ โดยลูกค้าที่ยื่นขอสินเชื่อกับสถาบันการเงินแล้วไม่ได้รับอนุมัติ สามารถยื่นขอสินเชื่อกับโครงการสินเชื่อเพื่อการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย (เช่าซื้อ คบส.) โดยลูกค้าทั่วไปรับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.5% ใน 4 ปีแรก และปีที่ 5 เป็นต้นไปรับอัตราดอกเบี้ย 2.25% ส่วนกลุ่มเปราะบาง (คนพิการ ผู้สูงอายุ พ่อแม่เลี้ยงเดี่ยว หรือบุตรที่ประสงค์จะซื้อที่อยู่อาศัยในโครงการที่พ่อแม่อาศัยอยู่เดิม หรือผู้ที่มีภาระต้องดูแลผู้ป่วยติดเตียง หรือผู้ทุพพลภาพ) ในช่วง 5 ปีแรกรับดอกเบี้ย 1.5% และปีที่ 6 เป็นต้นไป รับอัตราดอกเบี้ย 2.25% เช่นกัน โดยให้ระยะเวลาผ่อนนานถึง 40 ปี 

กรณีหากไม่ได้รับอนุมัติสินเชื่อโครงการสินเชื่อเพื่อการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย ลูกค้ายังสามารถยื่นขอทำสัญญาเช่าซื้อโดยตรงกับการเคหะแห่งชาติได้อีก (เช่าซื้อ กคช.) โดยลูกค้าทั่วไปได้รับอัตราดอกเบี้ย 4.25% ในช่วง 3 ปีแรก ปีที่ 4-5 อัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 5.25% ปีที่ 6-10 อัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 6.50% และปีที่ 11-40 อยู่ที่ 6.75%

ส่วนกลุ่มเปราะบางได้รับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 4.25% ในช่วง 5 ปีแรก ในปีที่ 6-10 อัตราดอกเบี้ย 6.50% และปีที่ 11 เป็นต้นไป อัตราดอกเบี้ย 6.75% ระยะเวลาผ่อนชำระสูงสุดไม่เกิน 40 ปี ทั้งนี้หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และโครงการที่เข้าร่วมโปรโมชั่นเป็นไปตามที่การเคหะแห่งชาติกำหนด

ผู้สนใจสามารถจองบ้านออนไลน์ได้ที่ https://house.nha.co.th หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 1615 ฝ่ายบริหารงานขาย สำนักงานใหญ่การเคหะแห่งชาติ Facebook: NHA marketing, Facebook: การเคหะแห่งชาติ หรือสำนักงานเคหะนครหลวงและสำนักงานเคหะจังหวัดทุกแห่งทั่วประเทศ

รู้เก็บรู้ออม : ลงทุนอย่างไรให้รอด

0
ที่มา คอลัมน์ "รู้เก็บรู้ออมรู้ใช้รู้ลงทุน...สู่ความมั่งคั่ง" หน้าเศรษฐกิจ  หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

สัปดาห์ที่แล้ว คอลัมน์ “รู้เก็บรู้ออมฯ” พูดถึงเทคนิคบริหารพอร์ตด้วยการแบ่งหรือกระจายลงทุน เพื่อปกป้องพอร์ตลงทุนของเราไม่ให้ขาดทุน ซึ่งเปรียบได้กับการไม่เอาไข่ทั้งหมดมาใส่ไว้ในตะกร้าใบเดียว เพราะหากเกิดเหตุสุดวิสัย ทำตะกร้าตกหล่น ไข่ของเราก็จะไม่แตกไปเสียทั้งหมด

เทคนิคนี้จะช่วยนักลงทุนสามารถบริหารความเสี่ยง ลดโอกาสที่จะขาดทุนหนักจากการลงทุนในสินทรัพย์ตัวเดียว นอกจากจะช่วยปกป้องพอร์ตลงทุนไม่ให้ได้รับความเสียหายแล้ว ยังเพิ่มโอกาสการเติบโตของพอร์ตจากผลตอบแทนที่ได้รับจากการลงทุนอีกด้วย

“คุณนายพารวย” มีข่าวดีมาบอกกับนักลงทุนและผู้สนใจเทคนิคการกระจายลงทุน ห้องเรียนนักลงทุน Live! โดย “ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย” ประเดิมปีใหม่ 2568 เอาใจนักลงทุน จัดเสวนาออนไลน์ เรื่อง “จับทิศเศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจไทย 2025 ลงทุนอย่างไรให้รอด” ชวนนักลงทุนมาเตรียมพร้อมลงทุน กระจายความเสี่ยง หาโอกาสการลงทุน เรียนรู้แนวโน้มเศรษฐกิจไทยและโลก พร้อมแนะกลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะสม เพื่อสร้างพอร์ตที่แข็งแกร่ง รับมือกับทิศทางของตลาด

งานจะจัดขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 30 มกราคม 2568 ตั้งแต่เวลา 18.00-20.00 น. ดูสดผ่านออนไลน์พร้อมกันหลายช่องทาง ทั้ง Facebook, YouTube, TikTok และ X : SET Thailand

ผู้ร่วมงานจะได้พบกับกูรูตัวจริง ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญการลงทุนและนักลงทุนมืออาชีพ ได้แก่ ดร.มิ่งขวัญ ทองพฤกษา Chief Economist ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงาน Fund Management บลจ.บัวหลวง จำกัด และคุณศุภอรรถ ตปนียากร นักลงทุนผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนหุ้นในตลาดทั่วโลก ที่จะมาถ่ายทอดประสบการณ์และความรู้เรื่องการลงทุน

ใครที่ไม่อยากพลาดงานดีๆแบบนี้ สามารถสมัครลงทะเบียนร่วมงานล่วงหน้าได้แล้วตั้งแต่วันนี้ที่ https://www.setinvestnow.com/th/investor-classroom-live แล้วรอชมไลฟ์สดวันงานจริง เพื่อจะได้ไม่พลาดความรู้และโอกาสการลงทุน พิเศษสำหรับผู้ร่วมกิจกรรมในไลฟ์สด มีสิทธิ์ลุ้นรับ e-Voucher มูลค่า 300 บาท จำนวน 5 รางวัล

รับประกันว่า งานนี้จะทำให้นักลงทุนและผู้สนใจได้เข้าใจสถานการณ์เศรษฐกิจโลก เพื่อเตรียมตัวรับมือได้อย่างมั่นใจ นอกจากนี้ยังสามารถวางแผนการลงทุนจากข้อมูลและแนวทางการลงทุนที่มีประโยชน์ ตลอดจนอัปเดตความรู้การลงทุนใหม่ๆที่ช่วยให้เราก้าวทันโลก และลงทุนรอดได้อย่างแน่นอน

และตลอดปี 68 นี้ ห้องเรียนนักลงทุน Live! จะมีหัวข้ออื่นๆที่น่าสนใจตามมาอีกมากมายให้ติดตาม ผู้สนใจสามารถดูข่าวสารได้ทางเว็บไซต์ SET Investnow หรือหากมีข้อสงสัย ก็สามารถโทร.สอบถามได้ที่ SET Contact Center 0-2009-9999.

คุณนายพารวย

AIS ต้อนรับตรุษจีน 2568 เติมเต็มทุกไลฟ์สไตล์ จ่าย-ไหว้-เที่ยว ยกขบวนสิทธิพิเศษ AIS Points รับความปัง เฮง เฮง ตลอดปี

0

ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้! AIS ร่วมเฉลิมฉลองตรุษจีนปีมะเส็งยิ่งใหญ่ ส่งต่อพลังความมงคล จัดเต็มอั่งเปาส่วนลดพิเศษ AIS Points ให้ลูกค้า รวมถึงนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาใช้เวลาแห่งความสุขในประเทศไทย

นางสาวโอปอล เลิศอุทัย หัวหน้าฝ่ายงานบริหารข้อเสนอและความผูกพันลูกค้า AIS กล่าวว่า “เทศกาลตรุษจีนเป็นอีกช่วงเวลาสำคัญของปี ที่คนไทยจะออกมาจับจ่ายและเดินทางท่องเที่ยวกันอย่างคึกคัก จากข้อมูลการแลกรับสิทธิพิเศษของลูกค้า AIS ในช่วงตรุษจีนปีที่ผ่านมา พบว่าลูกค้าใช้คะแนนกับการช้อปปิ้งโตขึ้นถึง 47% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาปกติ โดยเฉพาะการแลกคะแนนเป็นส่วนลดซื้อสินค้ามงคลของไหว้ในช่วงวันจ่ายที่ห้างสรรพสินค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต และร้านค้าออนไลน์ ทำให้ในปีนี้เราได้นำอินไซต์ที่ได้มาออกแบบสิทธิพิเศษที่โดนใจยิ่งกว่าในทุกไลฟ์สไตล์ พร้อมจัดเต็ม ความพิเศษมั่งคั่งรับปีมะเส็ง ครอบคลุมตั้งแต่วันจ่าย วันไหว้ และวันเที่ยว ตลอดเทศกาลตรุษจีน อาทิ

  • ช้อปออนไลน์ จ่ายของไหว้ง่ายๆ ที่บ้าน กับดีลสุดคุ้มใช้ AIS Points 1 คะแนน แลกรับส่วนลดสูงสุด 200 บาท
    เมื่อซื้อสินค้าครบ 2,000 บาท ที่ Tops Shop Online และ Big C Shop Online
  • อิ่มท้องฉลองวันตรุษจีน กับร้านหม้อไฟรสเด็ด Shu Daxia ที่สาขา CDC และ MBK Center (ยกเว้นเซ็นทรัล ลาดพร้าว) เพียงใช้ AIS Points 9 คะแนน แลกรับฟรี เมนูกุ้งหยินหยาง 1 ที่ มูลค่า 248 บาท เมื่อมาเปิดโต๊ะหม้อไฟ หรือใช้ AIS Points 1 คะแนนแลกส่วนลดค่าอาหาร 10% ที่ร้านฮั่วหลงหมาล่าหม้อไฟ ราชพฤกษ์ เมื่อรับประทานที่ร้าน หรือสั่งกลับบ้าน
  • ต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติช่วงตรุษจีน AIS ร่วมกับ Central Retail เปิดตัวแคมเปญ ‘The Great Chinese New Year’ มอบสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าต่างชาติที่ใช้ AIS TOURIST SIM เพียงแสดงหน้าจอโทรศัพท์ที่มีสัญญาณ AISพร้อมแสดงหนังสือเดินทาง รับฟรีน้ำแตงโม เมื่อซื้อ Nutella Toast ที่ DESSERT BAR, LOFTER Central Chidlom และรับฟรี ขนมชั้นใบเตย เมื่อซื้อกล้วยทอด ที่ BAAN KANOM THAI, Eathai Central Embassy นอกจากนี้ยังสามารถแลกรับคูปองช้อปปิ้งมูลค่าสูงสุด 1,800 บาท พร้อมด้วยข้อเสนอพิเศษจากแบรนด์ชั้นนำระดับโลกกว่า 27 แบรนด์ อาทิ La Mer, Dyson, Marks & Spencer และ Adidas
  • สายมูเสริมพลังมงคล รับตรุษจีน ลูกค้าเอไอเอส เซเรเนด ใช้ AIS Points 20 คะแนน แลกรับฟรี! วอลเปเปอร์มงคล ลายพระแม่ลักษมี หรือ ท้าวเวสสุวรรณนาคา

ติดตามรายละเอียดพร้อมแลกรับสิทธิพิเศษได้ที่แอปพลิเคชัน myAIS

AIS ร่วมเฉลิมฉลอง “สมรสเท่าเทียม” ผ่านบริการดิจิทัลและขบวนสิทธิพิเศษ ตอกย้ำแบรนด์ที่เคียงข้าง และเข้าใจทุกไลฟ์สไตล์ความแตกต่างหลากหลาย

0

บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS ตอกย้ำความเชื่อขององค์กรที่โอบกอดและเคารพในทุกความหลากหลายที่แตกต่าง ภายใต้การสร้างคุณค่าให้กับคนไทยและสังคมไทยทุกกลุ่มด้วยนโยบาย Digital Inclusion สนับสนุนความเท่าเทียมทางสังคม ด้วยโครงสร้างพื้นฐาน สินค้าและบริการดิจิทัลที่หลากหลาย พร้อมยืนยันสร้างวัฒนธรรมองค์กรแบบ Inclusive Culture ให้พนักงานทุกคนรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร

เปิดโอกาสให้ทุกคนได้โชว์ศักยภาพอย่างเต็มที่ เพื่อพัฒนาสินค้าและบริการออกมาให้กับลูกค้าและคนไทย ไม่ปิดกั้นความหลากหลายทางเพศและวัยสามารถแสดงความคิดเห็นได้อย่างเปิดกว้างและปฏิบัติงานได้ทุกตำแหน่ง ส่งเสริมความมั่นใจในการให้บริการลูกค้า ด้วยยูนิฟอร์มใหม่สำหรับ AIS Serenade Ambassador ที่ให้ความรู้สึกถึงความทันสมัยภายใต้แนวคิด ‘Genderless’ ที่ผสมผสานสไตล์องค์ประกอบของเสื้อผ้าชายและหญิงมาผสมผสานกันอย่างอิสระ เน้นความสบายและฟังก์ชันการใช้งานให้พนักงานสามารถเลือกสวมใส่ในสไตล์ที่เป็นตัวเอง เพื่อสร้างความมั่นใจ และพร้อมในการส่งต่องานบริการอย่างมีคุณภาพ

พร้อมกันนี้ AIS ยังขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับการเริ่มต้นใช้กฎหมายสมรสเท่าเทียม ด้วยการประกาศสวัสดิการใหม่ให้โอกาสพนักงานทุกเพศรับเงินสนับสนุนในงานแต่งงาน และมอบสิทธิในการลากิจเพื่อเปลี่ยนเพศสภาพในแบบที่เป็นตัวเอง  และยังส่งมอบประสบการณ์ดิจิทัลที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ความแตกต่างและหลากหลายของลูกค้า ทุกเพศ ทุกวัย
ทุกเจเนอเรชั่น

  • เพลิดเพลินไปกับสุดยอดคอนเทนต์บน AIS PLAY ที่เป็นศูนย์รวมความบันเทิงที่มีความหลากหลาย ของผู้คน ทั้งไทย และนานาชาติ
  • จัดเต็มกับสิทธิพิเศษให้ลูกค้าได้เริ่มต้นชีวิตคู่ในวันสำคัญ เพียงใช้ AIS Points 1 คะแนน แลกซื้อแหวนเพชรราคาพิเศษรับส่วนลดสูงสุด 5,000 บาท หรือเลือกรับสิทธิซื้อแหวนเพชร 1 ฟรี 1 ที่ ร้านยูบิลลี่ ไดมอนด์ โซนพลาซ่า ทุกสาขา หรือจะใช้ AIS Points 1 คะแนน แลกรับส่วนลดแหวนเพชรสูงสุดถึง 10,000 บาท ที่ ร้านดิลาวี ทุกสาขาได้เช่นกัน
  • เฉลิมฉลองกับทริปฮันนีมูนสุดสวีท ก็สามารถใช้ AIS Points 1 คะแนน แลกรับส่วนลดเพิ่ม 6% เมื่อจองที่พักทั่วโลกที่ร่วมรายการ หรือ ส่วนลด 2% เมื่อจองตั๋วเครื่องบิน ผ่าน Trip.com

AIS ขอเป็นส่วนหนึ่งกับวาระพิเศษครั้งนี้ ด้วยคำมั่นสัญญาในการทำงานเพื่อให้ลูกค้าและคนไทยได้เข้าถึงบริการดิจิทัลอย่างดีที่สุดต่อไป

ซีพีเอฟ ซีพี-เมจิ ร่วมหนุนสระบุรีแซนด์บ๊อกซ์ “รวมพลังสร้างเมืองคาร์บอนต่ำแห่งแรกของประเทศไทย”

0

นายบัญชา เชาวรินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี เป็นประธานเปิดงาน สระบุรีแซนด์บ็อกซ์ “รวมพลังสร้างเมืองคาร์บอนต่ำแห่งแรกของประเทศไทย” และเยี่ยมชมบูธ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ ที่นำเสนอแนวทางขับเคลื่อนการดำเนินงานสู่การลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net-Zero ) อาทิ การจัดหาวัตถุดิบอย่างรับผิดชอบ ส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียน ทั้งพลังงานชีวมวล พลังงานชีวภาพ พลังงานแสงอาทิตย์ นำเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์และนวัตกรรม มาพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารที่ดีต่อสุขภาพกายและใจ โดยให้ความสำคัญกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตลอดห่วงโซ่คุณค่า ภายใต้เป้าหมายสู่ Net- Zero ซีพีเอฟ ยังเป็นบริษัทผลิตอาหารแห่งแรกของโลกที่ได้รับการอนุมัติเป้าหมายระยะสั้น และระยะยาว ตามหลักวิทยาศาสตร์ จากองค์กร Science Based Targets Initiative (SBTi)

สำหรับความร่วมมือในโครงการสระบุรีแซนด์บ็อกซ์ ซีพี-เมจิ บริษัทร่วมทุนของซีพีเอฟ ดำเนินโครงการแยกขวด-ลดขยะ สร้างมูลค่าจากวัสดุเหลือใช้ โดยสนับสนุนให้นักเรียน ครู และชุมชน เรียนรู้และเข้าใจกระบวนการจัดการขยะ ตั้งแต่การคัดแยก และส่งเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลอย่างถูกวิธี ลดการปนเปื้อนและการกำจัดโดยการเผา สามารถสร้างรายได้จากการจำหน่ายขยะ ปัจจุบันมีสมาชิกร่วมโครงการกว่า 5,000 ครัวเรือน มีเป้าหมายคัดแยกผลิตภัณฑ์เข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลไม่ต่ำกว่า 1 ล้านชิ้น และตั้งเป้าขยายโครงการธนาคารขยะ 10 แห่ง ภายในปี 2568 เป็นการสนับสนุนการพัฒนาระบบนิเวศเมืองนวัตกรรม Net Zero Emission และขับเคลื่อนอุตสาหกรรมสีเขียวด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี โดยเชื่อมโยงภาคอุตสาหกรรม ภาคเกษตร และชุมชน ผลักดันสระบุรีเป็นเมืองต้นแบบแห่งแรกในไทยที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์.

ฉะเชิงเทราปล่อยปลากะพงขาวเสริมทัพ คุมปลาหมอคางดำต่อเนื่อง ชูกินได้-อร่อยด้วย

0

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 21 ม.ค. 2568 นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา และ นายคนึง คมขำ ประมงจังหวัดฉะเชิงเทรา พร้อมกับผู้บริหารในพื้นที่ นายอำเภอบางคล้า นายกองค์การบริหารตำบลบางกระเจ็ด กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อาสาหมู่บ้าน และประชาชนในพื้นที่ ร่วมกันปล่อยลูกพันธุ์ปลากะพงขาวขนาด 4-5 นิ้วจำนวน 5,000 ตัวลงในคลองบางกะพ้อ หมู่ที่ 4 ตำบลบางกระเจ็ด อำเภอบางคล้าเพื่อช่วยตัดวงจรปลาหมอคางดำ ย้ำสถานการณ์ปลาหมอคางดำในจังหวัดฉะเชิงเทราลดลงอย่างชัดเจน และยังดำเนินการมาตรการ “เจอ แจ้ง จับ” เพื่อป้องกันไม่ให้ปลาหมอคางดำกลับมาเพิ่มจำนวนอีกครั้ง

นายขจรเกียรติเปิดเผยว่า คณะทำงานจังหวัดฉะเชิงเทรา ร่วมมือกับหน่วยงานและประชาชนทุกภาคส่วน ได้ร่วมกันควบคุมและกำจัดปลาหมอคางดำตาม 7 มาตรการของกรมประมงตลอดปี 2567 ที่ผ่านมา จนความชุกชุมของปลาหมอคางดำในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทราลดลงอย่างเป็นรูปธรรม สำหรับในปีนี้ จังหวัดฉะเชิงเทรายังคงร่วมแรงร่วมใจกำจัดควบคุมปลาหมอคางดำในพื้นที่ทุกแห่งต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถจัดการปัญหาได้อย่างยั่งยืน จังหวัดขอเชิญชวนประชาชนร่วมกันเป็นหูเป็นตา หากพบปลาหมอคางดำให้ช่วยกันจับ หรือแจ้งกรมประมงทันที ตามมาตรการ “เจอ แจ้ง จับ” โดยขอความร่วมมือประชาชนแจ้งกรมประมงทันทีเมื่อพบปลาชนิดนี้

นายคนึง คมขำ ประมงจังหวัดฉะเชิงเทรา กล่าวว่า คณะทำงานจังหวัดฉะเชิงเทราได้ขับเคลื่อนตามนโยบายของกรมประมงในการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งการจับปลาออกจากแหล่งน้ำเพื่อนำมาบริโภค และการปล่อยปลานักล่า โดยได้รับความร่วมมือจากประชาชนที่มาช่วยกันจับปลาหมอคางดำเพื่อนำไปบริโภคหรือจำหน่าย ซึ่งเป็นอีกแนวทางซึ่งช่วยให้ควบคุมประชากรปลาหมอคางดำในระยะยาวฃ

“การปล่อยปลากะพงขาวในครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรก ก่อนหน้านี้มีการปล่อยปลาอีกงในแหล่งน้ำธรรมชาติมาแล้วหลายครั้ง ปลากะพงขาวขนาด 4-5 นิ้วที่ได้รับการสนับสนุนจากซีพีเอฟจะช่วยควบคุมลูกปลาหมอคางดำ นอกจากนี้ปลากะพงขาวยังเป็นปลาพื้นถิ่นที่ช่วยฟื้นฟูระบบนิเวศและรวมถึงเป็นปลาเศรษฐกิจที่ชาวบ้านสามารถบริโภคและจับไปจำหน่ายได้” นายคนึงกล่าว

จังหวัดฉะเชิงเทราได้ดำเนินการควบคุมและกำจัดปลาหมอคางดำตามมาตรการของกรมประมง รวมถึง การปล่อยปลานักล่าลงในแหล่งน้ำ ปลาอีกงและปลากะพงขาวจะทำหน้าที่สำคัญในการช่วยกำจัดปลาหมอคางดำขนาดเล็ก เพื่อตัดวงจรการระบาดของปลาได้ และยังช่วยฟื้นฟูความหลากหลายให้กับระบบนิเวศ และช่วยสร้างความมั่นคงทางอาหารให้กับจังหวัดอีกด้วย.

ห้าดาว คว้า 3 รางวัลใหญ่ ‘แฟรนไชส์ยอดเยี่ยมแห่งปี 2024’ พร้อมเคียงข้างผู้ประกอบการสู่ธุรกิจมั่นคง

0

‘ห้าดาว’ (FIVE STAR) ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านแฟรนไชส์อาหารในประเทศไทยมากว่า 40 ปี คว้า 3 รางวัลใหญ่ จากเวที Thailand Franchise Award 2024 (TFA 2024) จัดโดย กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ได้แก่ รางวัลแฟรนไชส์ไทยอาหารยอดเยี่ยม (BEST FOOD FRANCHISE), รองชนะเลิศอันดับ 1 สุดยอดแฟรนไซส์ไทยแห่งปี (FRANCHISE OF THE YEAR 2024) และรองชนะเลิศอันดับ 1 แฟรนไชส์ไทยโกอินเตอร์ยอดเยี่ยม (BEST EXPORT FRANCHISE) การันตีความสำเร็จที่สะท้อนถึงคุณภาพ ความคุ้มค่า และความยั่งยืนที่ห้าดาวส่งมอบแก่ผู้บริโภคและนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง ภายใต้แนวคิด ‘อาหารเป็นยา’ ในทุกมื้ออาหาร

นายสุนทร จักษุกรรฐ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพีเอฟ เรสเทอรองท์ แอนด์ ฟู้ดเชน จำกัด กล่าวว่า ห้าดาว มุ่งมั่นพัฒนาธุรกิจอย่างต่อเนื่อง และการที่เราได้รับ 3 รางวัลจากกระทรวงพาณิชย์ในครั้งนี้ เป็นสิ่งยืนยันความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการต่อธุรกิจ ที่พร้อมส่งมอบ ‘คุณค่า’ ผ่านเมนูคุณภาพ ควบคู่กับความสุขในทุกมื้อจนถึงโต๊ะอาหารทุกครอบครัว เพราะเราเชื่อว่า ความสำเร็จที่แท้จริงคือ ผู้บริโภคต้องได้รับประทานอาหารที่มีคุณภาพ คุ้มค่า ดีต่อสุขภาพ และผู้ประกอบการเติบโตไปพร้อมกัน

“ปัจจุบัน ห้าดาวต่อยอดอาชีพสร้างรายได้ที่มั่นคง แก่ผู้ประกอบการธุรกิจร้านอาหารกว่า 4 ทศวรรษ ขยายสาขาไปกว่า 10,000 แห่งทั่วโลก ในประเทศไทยมีจำนวน 5,000 สาขา และอีก 5,000 สาขาในต่างประเทศ โดยมุ่งเน้นการสานต่อความสำเร็จ สร้างเถ้าแก่ที่เข้มแข็งมีคุณภาพ ส่งต่ออาหารคุณภาพปลอดภัยสู่ผู้บริโภค โดยมีบริษัทฯ เป็น “เพื่อนแท้ทางธุรกิจ” ช่วยสร้างโอกาสและสนับสนุนงานในทุกด้าน ด้วยกลยุทธ์ที่โดดเด่น ประกอบกับความน่าเชื่อถือในการดำเนินธุรกิจแฟรนไชส์ที่มีมาอย่างยาวนาน สามารถตอบโจทย์ผู้ประกอบการให้เติบโตทางธุรกิจอย่างมั่นคง” นายสุนทร กล่าว

ห้าดาว เป็นแบรนด์ร้านอาหารแฟรนไชส์ที่ครองใจทั้งผู้ประกอบการและผู้บริโภคมาอย่างยาวนาน พร้อมยึดมั่นใน 4 ความคุ้มค่า ประกอบด้วย 1.) คุ้มรสชาติ : การปรุงไก่และเมนูต่างๆ ด้วยสูตรเฉพาะที่ให้ความ ‘นุ่ม หอม กลมกล่อม’ อร่อยอย่างลงตัว 2.) คุ้มคุณภาพ : ทุกกระบวนการผลิตได้รับการดูแลด้วยมาตรฐานระดับสากล เพื่อส่งมอบอาหารที่มีประโยชน์ และสร้างสุขภาพที่ดีแก่ผู้บริโภค 3.) คุ้มปริมาณ : ยึดมั่นในความเต็มที่ โดยไม่ลดปริมาณหรือคุณภาพสินค้าลง แม้ในภาวะวิกฤติหรือภัยพิบัติต่างๆ และ 4.) คุ้มราคา : มอบอาหารที่ ‘คุ้มค่าที่สุด’ ในราคาที่ทุกคนเข้าถึงได้

ทั้งนี้ ห้าดาว เปิดโอกาสให้นักลงทุนรุ่นใหม่ที่กำลังมองหาธุรกิจในอุตสาหกรรมอาหาร เป็นธุรกิจแฟรนไชส์ที่สามารถเข้าถึงและเริ่มต้นได้ง่าย ด้วยรูปแบบการลงทุนที่ยืดหยุ่นตามความต้องการของผู้ประกอบการ และมีการสนับสนุนจากทีมงานมืออาชีพ ผู้ที่สนใจเป็นเจ้าของธุรกิจแฟรนไชส์ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://fivestar.in.th หรือ โทร. 02-800-8000 .

ตลาดหลักทรัพย์ฯ เตือนนักลงทุน ระวังพี่มิจฯ ปลอมบัญชีหลอกเป็นผู้บริหาร เตือนอย่าหลงเชื่อ

0

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามที่มีกลุ่มมิจฉาชีพได้แอบอ้างชื่อและภาพของผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อนำไปใช้ในการชักชวนหรือหลอกลวงประชาชนทั่วไปให้มาร่วมลงทุน หรือรับข้อมูลการลงทุน ผ่านช่องทาง LINE Application นั้น

ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขอเตือนและแนะนำว่า อย่าหลงเชื่อบัญชีปลอม เพจปลอมและโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ที่มีการนำเอาชื่อและภาพของผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์ฯ ไปแอบอ้าง ซึ่งล้วนแต่เป็นข้อมูลเท็จที่ต้องการหลอกลวง

ทั้งนี้ หากพบบัญชีปลอม เพจปลอม หรือโซเชียลมีเดียใด ๆ ที่มีการแอบอ้างโลโก้และชื่อของตลาดหลักทรัพย์ฯ รวมถึงชื่อและภาพผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์ฯ ตลอดจนบุคคลที่มีชื่อเสียงในตลาดทุน เพื่อชักชวนให้เข้าร่วมลงทุนหรือรับข้อมูลการลงทุน ขอให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า อาจเป็นการหลอกลวงโดยมิจฉาชีพ โดยหากมีข้อสงสัยหรือประสงค์ที่จะสอบถามข้อมูลประการใด สามารถติดต่อโดยตรงได้ที่ SET Contact Center 0 2009 9999 หรือ email: [email protected]