Home Blog Page 19

ตลาดหลักทรัพย์ฯ รับจดทะเบียน 14 DR ใหม่ อ้างอิงหุ้นสหรัฐฯ ออกโดย KKPS เริ่มซื้อขาย 26 ก.ย. นี้

0

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รับจดทะเบียน DR 14 หลักทรัพย์ใหม่ อ้างอิงหุ้นชั้นนำในตลาดหลักทรัพย์แนสแด็ก (NASDAQ) และตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYSE) สหรัฐอเมริกา ออกโดย บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) (KKPS) เริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ไทย 26 กันยายน 2568 นี้

ชื่อย่อ DRหลักทรัพย์อ้างอิงรายละเอียดธุรกิจตลาดหลักทรัพย์ ที่จดทะเบียน
CRWD06CrowdStrike Holdings, Inc. (CRWD)บริษัทเทคโนโลยีความปลอดภัยทางไซเบอร์ ที่ใช้เทคโนโลยี AI และ Cloud ในการตรวจจับ ป้องกัน และตอบสนองแบบเรียลไทม์NASDAQ  
CSCO06Cisco Systems, Inc. (CSCO)ผู้นำในการพัฒนาและจัดจำหน่ายอุปกรณ์เครือข่ายคอมพิวเตอร์ รวมถึงบริการด้านไอที โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล และคลาวด์โซลูชัน
HOOD06Robinhood Markets Inc. (HOOD)ผู้ให้บริการซื้อขายหลักทรัพย์แบบไม่มีค่าคอมมิชชัน ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์และแอปพลิเคชัน โดยเน้นกลุ่มผู้ลงทุนรายย่อยในสหรัฐฯ
LULU06 Lululemon Athletica Inc. (LULU)บริษัทสัญชาติแคนาดา ที่เน้นการออกแบบและจำหน่ายเสื้อผ้าและอุปกรณ์ออกกำลังกาย ปัจจุบันขยายตลาดไปยังผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย
MELI06MercadoLibre Inc. (MELI)บริษัทอีคอมเมิร์ซและฟินเทคในละตินอเมริกา ให้บริการแพลตฟอร์มซื้อขายสินค้าออนไลน์ การชำระเงินดิจิทัล และบริการโลจิสติกส์แบบครบวงจร
MNST06Monster Beverage Corporation (MNST)ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มให้พลังงาน ภายใต้แบรนด์หลัก Monster Energy และแบรนด์ย่อย อาทิ Reign, NOS และ Full Throttle
NVDA06 NVIDIA Corporation (NVDA)บริษัทที่ออกแบบและพัฒนา GPU สำหรับเกม คอมพิวเตอร์มืออาชีพ และดาต้าเซ็นเตอร์ โดยเฉพาะด้าน AI และการประมวลผลประสิทธิภาพสูง ปัจจุบันเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์
PLTR06Palantir Technologies Inc. (PLTR)บริษัทซอฟต์แวร์ที่เชี่ยวชาญการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ โดยมีลูกค้าหลักทั้งภาครัฐ หน่วยงานความมั่นคง และองค์กรเอกชน
GSUS06Goldman Sachs Group, Inc. (GS)ธนาคารเพื่อการลงทุน ให้บริการด้านวาณิชธนกิจ การจัดการสินทรัพย์ การซื้อขายหลักทรัพย์ และการวางแผนการเงินทั้งลูกค้าบุคคลและองค์กรNYSE
ORCL06Oracle Corporation (ORCL)ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์สำหรับองค์กร อาทิ ระบบจัดการฐานข้อมูล, ซอฟต์แวร์ ERP, Cloud Infrastructure และบริการ SaaS ต่างๆ ที่ตอบโจทย์ธุรกิจหลากหลายขนาดทั่วโลกNYSE
RBLX06Roblox Corporation (RBLX)บริษัทผู้พัฒนาแพลตฟอร์มเกมออนไลน์และโซเชียลมีเดีย ที่ผู้ใช้สามารถสร้าง เล่น และแบ่งปันประสบการณ์เสมือนจริงได้ โดยมีฐานผู้เล่นหลักเป็นกลุ่มวัยรุ่นทั่วโลก
SNOW06 Snowflake Inc. (SNOW)ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มคลาวด์สำหรับจัดการ และวิเคราะห์ข้อมูล ช่วยให้องค์กรใช้ประโยชน์ในการตัดสินใจทางธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ
SPOT06Spotify Technology S.A. (SPOT)ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งเพลง และพอดแคสต์ชั้นนำ รองรับผู้ใช้งานทั่วโลก
UBER06  Uber Technologies Inc. (UBER)ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัลสำหรับเรียกรถรับส่ง การส่งอาหาร การขนส่งสินค้า และบริการขนส่งอื่นๆ ในหลายประเทศทั่วโลก

ผู้สนใจศึกษารายละเอียด DR ใหม่ได้ที่เว็บไซต์สำนักงาน ก.ล.ต. www.sec.or.th หรือบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์คือ บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) https://dr06.kkpfg.com หรือศึกษาผลิตภัณฑ์ DR เพิ่มเติมได้ที่ www.set.or.th/dr

“อีลิท เฮลท์ พลัส” จากเมืองไทยประกันชีวิต คว้ารางวัลสุดยอดผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพเหมาจ่ายระดับพรีเมี่ยม เวที “BUSINESS+ PRODUCT OF THE YEAR AWARDS 2025” 6 ปีซ้อน

0

นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)  ขึ้นรับรางวัลสุดยอดผลิตภัณฑ์แห่งปี  ประเภทผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพเหมาจ่ายระดับพรีเมี่ยม จากผลิตภัณฑ์ความคุ้มครองสุขภาพ “อีลิท เฮลท์ พลัส” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 6  จากงาน BUSINESSPRODUCT OF THE YEAR AWARDS 2025”  จัดโดย นิตยสาร Business+ ในเครือ บริษัท เออาร์ไอพี จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล (CMMU) โดยมี ฯพณฯ นุรักษ์  มาประณีต องคมนตรี ประธานในพิธีเป็นผู้มอบรางวัล งานจัดขึ้น ณ ห้องบอลรูม โรงแรมสวิสโฮเต็ล กรุงเทพฯ รัชดา

สำหรับการมอบรางวัลในปีนี้ จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “Reaching for the hearts เข้าถึงใจผู้บริโภค” เพื่อยกย่องและเชิดชูเกียรติให้แก่ผลิตภัณฑ์และบริการที่ได้รับความนิยมจากลูกค้า  ที่ผ่านการพิจารณารางวัลด้วยเกณฑ์ที่เข้มข้น ทั้งการสำรวจเชิงปริมาณและการประเมินเชิงคุณภาพโดยผู้ทรงคุณวุฒิ  และได้รับคัดเลือกให้เป็นสุดยอดผลิตภัณฑ์และบริการแห่งปี ที่พร้อมด้วยนวัตกรรม ความคิดสร้างสรรค์ในการพัฒนาสินค้าและบริการ  เพื่อชีวิตที่ดีและเพื่อโลกที่สดใส คำนึงถึงมิติสำคัญของความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนสังคมไทยไปสู่การบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน

โดยความคุ้มครองสุขภาพ  “อีลิท เฮลท์ พลัส (Elite Health Plus)” โดดเด่นด้วยการเป็นผลิตภัณฑ์ที่จะช่วยยกระดับความคุ้มครองให้เหมาะกับการใช้ชีวิตของแต่ละบุคคล ด้วยความคุ้มครองที่ยาวจนถึงวัยเกษียณ ครอบคลุมการรักษาด้วยวงเงินความคุ้มครองสูง ผู้เอาประกันภัยซื้อความคุ้มครองเพิ่มเติมได้ตามต้องการ เลือกวงเงินเหมาจ่ายค่ารักษาพยาบาลสูงถึง 20-100 ล้านบาทต่อปี คุ้มครองทั้งโรคระบาด โรคร้ายแรง โรคทั่วไป และอุบัติเหตุ ครอบคลุมการรักษาแบบผู้ป่วยใน (IPD) และผู้ป่วยนอก (OPD) ตามแผนความคุ้มครองที่ลูกค้าเลือก  รวมถึงการฟอกไต การรักษาโรคมะเร็งด้วยวิธีการเคมีบำบัด และแบบ Targeted Therapy ให้ลูกค้ามั่นใจในการเข้าถึงการรักษาด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย การวินิจฉัยโรคแบบ CT Scan และ MRI โดยไม่ต้องแอดมิต หรือกรณีเจ็บป่วยต้องนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาลด้วยห้องเดี่ยวมาตรฐานได้ทุกโรงพยาบาล  หรือค่าห้องเดี่ยวพิเศษ 10,000 – 25,000 บาทต่อวัน และห้องผู้ป่วยหนัก (ICU) เหมาจ่ายตามจริง รวมสูงสุด 365 วัน เข้ารักษาได้ทุกโรงพยาบาลทั่วไทย หรืออยากรักษาที่ไหน สามารถเลือกพื้นที่ความคุ้มครองได้จาก 4 พื้นที่ทั่วโลก สมัครได้ตั้งแต่อายุ 11 90 ปี คุ้มครองยาวถึงอายุ 99 ปี

อีกทั้งยังสามารถพลัสความคุ้มครองเพิ่มได้ตามต้องการ อาทิ ความคุ้มครองการคลอดบุตร พลัส (Maternity Plus) และสุขภาพดี พลัส (Well-Being Plus) ซึ่งประกอบด้วย ตรวจสุขภาพ ฉีดวัคซีน  ค่ารักษาทางทันตกรรม ค่ารักษาทางสายตา ก็พลัสเพิ่มได้ตามความต้องการอีกด้วย ทั้งนี้เงื่อนไขรายละเอียดต่าง ๆ เป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

จบแล้วต้องจารึก! AIS SIAM ชวนบัณฑิตจุฬาฯ และ Gen Z ฉลองกันให้สุดแชร์ภาพถ่ายสุดปัง ขึ้นจอยักษ์กลางสยาม!

0

AIS ชวนเหล่าบัณฑิตจบใหม่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปักหมุดจุดเช็กอินใหม่กับแคมเปญ “Haus of conGRADS” ณ AIS SIAM สยามสแควร์ ซอย 7 ร่วมเฉลิมฉลองโมเมนต์แห่งความภาคภูมิใจของเหล่าบัณฑิตใหม่อย่างมีสไตล์ เพื่อส่งต่อประสบการณ์ดีๆ ให้กับลูกค้าทุกเจเนอเรชัน ตอกย้ำจุดยืนของ AIS ที่เข้าถึงและเข้าใจคนรุ่นใหม่อย่างแท้จริง ตั้งแต่วันนี้ – 1 ตุลาคม 2568 โดยงานนี้ได้รับเกียรติจาก ศาสตราจารย์ ดร.วิเลิศ ภูริวัชร อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มาร่วมแสดงความยินดีกับ บัณฑิตจุฬาฯที่จบการศึกษาปีนี้ พร้อมเชิญชวนนิสิตจุฬาฯ เข้ามาสัมผัสประสบการณ์ที่ AIS ได้จัดเตรียมไว้ เพื่อเป็นอีกหนึ่งความทรงจำที่น่าประทับใจในวันแห่งความสำเร็จ

ศาสตราจารย์ ดร.วิเลิศ ภูริวัชร อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

พบกับกิจกรรมสุดพิเศษที่ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่โดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็น

  • โชว์รูปบนจอ LED กลางสยาม! ร่วมสนุกกับกิจกรรมแชร์ภาพความประทับใจขึ้นจอ Window of Siam ไม่ว่าจะเป็นภาพบัณฑิต หรือภาพร่วมยินดีกับเพื่อนๆ เพื่อเฉลิมฉลองความสำเร็จในแบบที่น่าจดจำกว่าที่เคย
  • รับฟรี! เครื่องดื่มเมนูพิเศษ “GRAD TO CU” AIS มอบความสดชื่นฉลองวันสำคัญ เพียงใช้ AIS Points 10 คะแนน พร้อมแสดงบัตรนิสิตจุฬาฯ แลกรับเครื่องดื่มมูลค่า 135 บาท ฟรี! (จำนวนจำกัดต่อวัน)
  • สตูดิโอถ่ายภาพแบบจัดเต็ม พร้อมช่างภาพมืออาชีพ พร้อมพร็อพ ฉาก แสง และวิว 360 องศาเหนือสยาม จัดเต็มเพื่อเก็บภาพช่วงเวลาที่น่าประทับใจ พิเศษ! บริการถ่ายภาพฟรี โดยช่างภาพมืออาชีพสำหรับบัณฑิตจุฬาฯ ในวันเสาร์ที่ 20 และ 27 กันยายน 2568 เวลา 15.00 – 18.00 น
  • DIY Workshop พบกับกิจกรรมเวิร์กช็อปทำของขวัญสุดพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นดอกไม้ เครื่องประดับ เพื่อมอบให้คนสำคัญหรือเก็บไว้เป็นที่ระลึก ระหว่างวันที่ 26 – 28 กันยายน 2568

AIS ขอร่วมแสดงความยินดีกับบัณฑิตใหม่ทุกคน และขอเชิญร่วมสัมผัสประสบการณ์เฉลิมฉลองช่วงรับปริญญาแบบใหม่กับแคมเปญ “Haus of conGRADS” ที่เต็มไปด้วยความประทับใจ ความสร้างสรรค์ และความแตกต่างในแบบที่เป็นตัวเองที่สุด พบกันได้ที่ AIS SIAM ตั้งแต่วันนี้ – 1 ตุลาคม 2568 เท่านั้น

ตลาดหลักทรัพย์ไลฟ์เอ็กซ์เช้นจ์ ต้อนรับ บมจ. เรียล สมาร์ท (REAL25) เริ่มซื้อขาย 25 ก.ย. นี้

0

นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ไลฟ์เอ็กซ์เช้นจ์ (LiVEx) เปิดเผยว่า LiVEx ยินดีต้อนรับ บมจ. เรียล สมาร์ท เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายใน LiVEx โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “REAL25” ในวันที่ 25 กันยายน 2568 ซึ่ง REAL25 เป็นหนึ่งในบริษัทที่ผ่านการเตรียมความพร้อมจาก LiVE Platform ที่ช่วยเสริมศักยภาพและสร้างความพร้อมให้แก่ผู้ประกอบการ

ประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ไลฟ์เอ็กซ์เช้นจ์

REAL25 ดำเนินธุรกิจพัฒนาซอฟต์แวร์และแพลตฟอร์มด้วยนวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) ปัจจุบันมีลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ของบริษัทจำนวน 14 นวัตกรรม ครอบคลุมระบบวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data Analytics), ระบบปัญญาประดิษฐ์เพื่อการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ (Strategic AI), ระบบ Machine Learning Automation และระบบวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคเชิงลึก ตัวอย่างสินค้าของบริษัท เช่น Real Vision เป็น AI Data Platform สำหรับธุรกิจขนาดใหญ่ ที่ออกแบบมาเพื่อประมวลผลและวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ Real Listening ซอฟต์แวร์วิเคราะห์ข้อมูลจากโซเชียลมีเดียแบบเรียลไทม์, RealSmart+ Application แอปพลิเคชันสำหรับการเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภค เป็นต้น โดยมีกลุ่มลูกค้าหลักเป็นองค์กรขนาดใหญ่ที่ต้องการนำเทคโนโลยี AI และ Big Data มาประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน การตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ และการขับเคลื่อนองค์กรในยุคดิจิทัล

REAL25 มีทุนชำระแล้ว 34.18 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 32.47 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 1.71 ล้านหุ้น เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนครั้งแรก (IPO) ต่อผู้ลงทุนตามที่สำนักงาน ก.ล.ต. กำหนด โดยเสนอขายผู้ลงทุนวันที่ 22 กันยายน 2568 ในราคาหุ้นละ 21.13 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 36.12 ล้านบาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 722.17 ล้านบาท มีบริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน

นายภูกิจ ดิศธรานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เรียล สมาร์ท (REAL25) เปิดเผยว่า บริษัทมุ่งเน้นการออกแบบผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ตลาดยุคใหม่ที่ต้องการความรวดเร็ว ยืดหยุ่น และใช้งานง่าย โดยลงทุนต่อเนื่องด้านวิจัยและพัฒนา เพื่อสร้างนวัตกรรมและตอบโจทย์การใช้งานขององค์กรในหลายอุตสาหกรรม เพื่อให้บริษัทสามารถสร้างความแตกต่างและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในระดับโลกได้อย่างยั่งยืน สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้จะนำไปลงทุนพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้านเทคโนโลยี และลงทุนจ้างบุคลากรและเสริมสร้างทักษะด้านเทคโนโลยีให้กับบุคลากรเพื่อรองรับการขยายตัวทางธุรกิจ

REAL25 มีผู้ถือหุ้นใหญ่หลัง IPO คือ นายภูกิจ ดิศธรานนท์ ถือหุ้น 43.32% นายอุกฤษฎ์ ตั้งสืบกุล ถือหุ้น 20.98% และนายรุ่งโรจน์ โชคงามวงศ์ ถือหุ้น 15.96% โดยบริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 ของกำไรสุทธิตามงบการเงินของบริษัทฯ หลังหักเงินสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามที่กฎหมายกำหนดและตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับบริษัท

ผู้ลงทุนและผู้สนใจสามารถดูรายละเอียดจากหนังสือชี้ชวนของบริษัทได้ที่เว็บไซต์ของสำนักงาน ก.ล.ต. ที่ www.sec.or.th และข้อมูลทั่วไปของบริษัทที่ www.realsmart.co.th และ www.live-platforms.com/live-exchange

ตลาดหลักทรัพย์ฯ เปิดตัวกองทุน Leveraged และ Inverse ETF เพิ่มโอกาสสร้างกำไรและบริหารความเสี่ยง

0

นางสาวรินใจ ชาครพิพัฒน์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานการตลาด ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ เตรียมเปิดซื้อขายกองทุน ETF ประเภทใหม่ Leveraged และ Inverse ETF ซึ่งเป็นเครื่องมือในการสร้างโอกาสเพิ่มผลตอบแทนหรือบริหารจัดการความเสี่ยงพอร์ตในระยะสั้น

นางสาวรินใจ ชาครพิพัฒน์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานการตลาด ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

Leveraged และ Inverse ETF หรือ L&I ETF เป็นนวัตกรรมที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและกลยุทธ์ในการลงทุน โดย Leveraged ETF จะเป็น ETF ที่ให้ผลตอบแทนไปทางเดียวกับดัชนีอ้างอิง และเป็น “ตัวเพิ่มกำไร” โดยให้ผลตอบแทนเป็นจำนวนเท่าของผลตอบแทนรายวันของดัชนีอ้างอิง ซึ่งเหมาะกับกรณีที่คาดว่าตลาดจะมีแนวโน้มเป็นขาขึ้น ส่วน Inverse ETF จะเป็น ETF ที่ให้ผลตอบแทนไปทางตรงข้ามกับดัชนีอ้างอิง ทำหน้าที่เป็น “ตัวเสริมพอร์ต” ในการสร้างโอกาสการทำกำไรหรือใช้ป้องกันความเสี่ยง ในกรณีที่คาดว่าทิศทางตลาดจะปรับลง โดยผู้ลงทุนสามารถเลือกอัตราทดหรืออัตราทวีคูณของ ETF ให้เหมาะสมตามความต้องการและความสามารถในการรับความเสี่ยงของผู้ลงทุน

ทั้งนี้ ผู้ลงทุนที่สนใจซื้อขาย Leveraged และ Inverse ETF ควรศึกษาลักษณะและความเสี่ยงของผลิตภัณฑ์ให้เข้าใจก่อนตัดสินใจลงทุน โดย Leveraged และ Inverse ETF เหมาะกับการลงทุนระยะสั้น เนื่องจากการถือครองในระยะยาวผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากการที่ผลตอบแทนรวมของกองทุน ETF อาจแตกต่างไปบ้างจากผลตอบแทนทวีคูณของดัชนีอ้างอิง โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง

สำหรับ Leveraged และ Inverse ETF ที่จะซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ครั้งแรกนั้น จะมีจำนวน 3 กองทุน และอ้างอิงดัชนี SET50 Total Return Index (SET50 TRI) ออกโดย บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน บางกอกแคปปิตอล จำกัด (BCAP) และมีบริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดจำหน่ายและผู้ดูแลสภาพคล่อง โดย L&I ETF จะเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในวันที่ 26 กันยายน 2568 ทั้งนี้ ผู้สนใจลงทุนสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.set.or.th/th/market/product/etf/leveraged-and-inverse-etf

CPF ส่งต่อ ‘พลังแห่งการให้’ ร่วมซ่อมแซมอาคาร รพ.พนมดงรักเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา

0

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เดินหน้าสานต่อพันธกิจเคียงข้างสังคมไทย ส่งมอบเงินสนับสนุนจำนวน 244,412 บาท เพื่อสมทบทุนซ่อมแซมอาคารโรงพยาบาลพนมดงรักเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา จังหวัดสุรินทร์ โดยเงินจำนวนนี้มาจากการจัดกิจกรรม “ทุกการซื้อ คือพลังแห่งการให้” ที่เชิญชวนบุคคลทั่วไปร่วมอุดหนุนสินค้าคุณภาพในราคาพิเศษ เพื่อนำรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายไปช่วยเหลือสังคม โดยมี นายเอกอนันต์ ศรีอินทร์ นายอำเภอพนมดงรัก และ พญ.วรวรรณ กอปรกิจงาม ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพนมดงรักฯ เป็นผู้แทนรับมอบ

นายอำเภอพนมดงรัก กล่าวว่า การสนับสนุนจากซีพีเอฟมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อพี่น้องชาวอำเภอพนมดงรัก เพราะโรงพยาบาลพนมดงรักคือที่พึ่งหลักของประชาชนในยามเจ็บป่วย การที่ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนได้ร่วมมือกัน แสดงถึงความห่วงใยที่มีต่อโรงพยาบาลและคนในพื้นที่ ซึ่งช่วยเสริมศักยภาพในการดูแลรักษาได้ดียิ่งขึ้น ต้องขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่เข้ามาช่วยเหลือ เนื่องจากงบประมาณของภาครัฐเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ การได้รับแรงสนับสนุนเช่นนี้จึงมีความหมายอย่างมากต่อชุมชนของเรา

“อาคารที่พักเจ้าหน้าที่และอาคารบริการบางส่วนได้รับความเสียหาย หากได้รับการซ่อมแซมก็จะสามารถกลับมาให้บริการประชาชนได้อย่างเต็มศักยภาพและส่งผลต่อคุณภาพการดูแลผู้ป่วยโดยตรง ดิฉันขอขอบคุณ CPF ที่เล็งเห็นความสำคัญของโรงพยาบาล และเข้ามาช่วยสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องชาวพนมดงรักอย่างมาก” ผู้อำนวยการ รพ.พนมดงรักฯ กล่าว

ซีพีเอฟ ยืนหยัดเคียงข้างสังคมไทยในทุกสถานการณ์ ตามหลักปรัชญา “3 ประโยชน์” ของเครือเจริญโภคภัณฑ์ คือ ประโยชน์ต่อประเทศชาติ ประชาชน และองค์กร การจัดกิจกรรม “ทุกการซื้อ คือพลังแห่งการให้” ในครั้งนี้ เพื่อสนับสนุนการฟื้นฟูโรงพยาบาลพนมดงรักฯ ให้กลับมาให้บริการประชาชนได้อย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง.

กรมประมง ผนึก ซีพีเอฟ ใช้วิถีธรรมชาติ ปล่อย “ปลานักล่า ” ลดปลาหมอคางดำ ฟื้นสมดุลแหล่งน้ำ

0

การปล่อยปลานักล่า ช่วยลดปลาหมอคางดำได้ผล กรมประมงผนึกกำลังทุกภาคส่วนและชุมชน เดินหน้ามาตรการควบคุมและแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำในแหล่งน้ำธรรมชาติและบ่อเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำทั่วประเทศ ผ่านกิจกรรมการปล่อยพันธุ์ปลาผู้ล่าอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ร่วมสนับสนุนผลิตและส่งมอบลูกพันธุ์ปลากะพงขาว ขนาด 4–5 นิ้ว เพื่อปล่อยลงในจังหวัดต่างๆ

ตามที่ กรมประมงเปิดปฏิบัติการปล่อยปลาผู้ล่า เป็นมาตรการที่ 2 จาก 7 มาตรการภายใต้แผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดปลาหมอคางดำ ปี 2567 – 2570 เพื่อกำจัดลูกปลาหมอคางดำในแหล่งน้ำธรรมชาติ มุ่งเน้นการจัดหาพันธุ์ปลาผู้ล่า ประกอบด้วย ปลากะพงขาว ปลาอีกง ปลากดเหลืองที่มีความเหมาะสมกับบริบทของพื้นที่ ปฏิบัติการกำจัดปลาหมอคางดำในแหล่งน้ำธรรมชาติโดยการปล่อยปลาผู้ล่า โดยในปีนี้ ซีพีเอฟมีส่วนร่วมสนับสนุนผลิตและส่งมอบลูกพันธุ์ปลากะพงขาวจำนวน 400,000 ตัว ที่ผ่านมา ซีพีเอฟได้ทยอยส่งมอบพันธุ์ปลากะพงขาวให้แก่ประมงจังหวัดเพื่อปล่อยลงสู่แหล่งน้ำในพื้นที่ต่าง ๆ ตามแผนงานของกรมประมง อาทิ จังหวัดเพชรบุรี สมุทรสาคร สมุทรปราการ สมุทรสงคราม ฉะเชิงเทรา นครศรีธรรมราช เป็นต้น ซึ่งส่งมอบไปแล้วกว่า 80,000 ตัว

นายประจวบ เจี้ยงยี่ ประมงจังหวัดเพชรบุรี กล่าวว่า การปล่อยปลาผู้ล่าเป็นมาตรการที่ 2 จากทั้งหมด 7 มาตรการ ภายใต้ “แผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดปลาหมอคางดำ ปี 2567–2570” ที่กรมประมงวางแนวทางไว้อย่างเป็นระบบ โดยมาตรการนี้เน้นการใช้วิธีทางธรรมชาติ เป็นกลไกสำคัญในการควบคุมการระบาดของปลาหมอคางดำ ซึ่งดำเนินการต่อเนื่องกับการลงแขกลงคลอง เพื่อลดจำนวนปลาต่างถิ่นขนาดใหญ่ออกจากแหล่งน้ำ ปลาผู้ล่าจะทำหน้าที่ช่วยกำจัดลูกปลาหมอคางดำ เพื่อตัดวงจรการแพร่ระบาดไม่ให้ขยายวงกว้าง

ด้านนายสมพร เกื้อสกุล ประมงจังหวัดสมุทรปราการ กล่าวว่า การปล่อยปลานักล่าเห็นผลช่วยควบคุมประชากรปลาหมอคางดำได้อย่างมีประสิทธิภาพจริง จากการสำรวจหลังปล่อยปลากะพงขาว ทำให้ปริมาณปลาหมอคางดำลดลงอย่างมีนัยสำคัญ และยังมีส่วนช่วยเพิ่มพันธุ์ปลาในแหล่งน้ำ เมื่อปลากะพงขาวเติบโตเต็มที่ เกษตรกรสามารถจับมาบริโภคหรือจำหน่ายเป็นรายได้เสริม นอกจากนี้ การจัดกิจกรรมงปล่อยปลายังช่วบสร้างการรับรู้ให้กับประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการอนุรักษ์และฟื้นฟูความสมดุลของระบบนิเวศของแหล่งน้ำในท้องถิ่นตนเอง

นอกจากการสนับสนุนพันธุ์ปลาเพื่อปล่อยในแหล่งน้ำธรรมชาติแล้ว ซีพีเอฟยังได้ร่วมมือกับสำนักงานประมงจังหวัดใน 5 พื้นที่ ได้แก่ เพชรบุรี สมุทรสงคราม นครศรีธรรมราช สมุทรปราการ และสมุทรสาคร ดำเนินโครงการ “กองทุนปลากะพง” เพื่อสนับสนุนเกษตรกรรายย่อยเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำสามารถจัดการปัญหาปลาหมอคางดำในบ่อเลี้ยง ลดความเสียหายต่อผลผลิต สร้างโอกาสทางอาชีพ และเสริมรายได้ให้กับชุมชน โดยที่ผ่านมา ได้ดำเนินการส่งมอบลูกพันธุ์ปลากะพงขาวให้เกษตรกรในจังหวัดเพชรบุรี สมุทรสงคราม และนครศรีธรรมราชแล้วรวม 30,000 ตัว.

“สาระ ล่ำซำ” คว้ารางวัลเกียรติยศ “THE BEST CEO 2025” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2จากเวทีประกาศรางวัลยิ่งใหญ่แห่งปี DAILYNEWS TOP CEO 2025

0

นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)  คว้ารางวัลอันทรงเกียรติ “THE BEST CEO 2025” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 จากเวที DAILYNEWS TOP CEO 2025  การประกาศรางวัลครั้งสำคัญซึ่งจัดโดยหนังสือพิมพ์ เดลินิวส์ เพื่อเชิดชูผู้บริหารสูงสุดที่สร้างผลงานโดดเด่นเป็นที่ประจักษ์ในด้านการขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน ท่ามกลางบริบทเศรษฐกิจและสังคมที่เต็มไปด้วยความท้าทาย อีกทั้งยังเป็นแรงบันดาลใจแก่ผู้ประกอบการรุ่นใหม่และสังคมไทย โดยพิธีจัดขึ้น  ณ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์

รางวัล THE BEST CEO 2025 ถือเป็นรางวัลเกียรติยศที่ผ่านการพิจารณาอย่างเข้มข้นจากกองบรรณาธิการเดลินิวส์ ซึ่งเป็นผู้ทรงคุณวุฒิและมากประสบการณ์ โดยใช้เกณฑ์การคัดเลือกที่ครอบคลุมผลงานด้านการบริหาร วิสัยทัศน์ การสร้างนวัตกรรม ตลอดจนบทบาทในการสร้างคุณค่าและประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ

โดย นายสาระ ล่ำซำ ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้นำที่มีคุณสมบัติครบถ้วน ทั้งความสามารถในการกำหนดทิศทางธุรกิจด้วยวิสัยทัศน์อันกว้างไกล ความมุ่งมั่นพัฒนาองค์กรอย่างต่อเนื่อง และการบริหารจัดการที่ยึดหลักความยั่งยืน ส่งผลให้เมืองไทยประกันชีวิตก้าวสู่การเป็นองค์กรที่มีความแข็งแกร่ง มั่นคง และสร้างคุณค่าเชิงบวกต่อธุรกิจ รวมทั้งเป็นแบบอย่างของผู้นำที่สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงและความสำเร็จอย่างยั่งยืน

เพราะเวทีนี้ไม่มีพื้นที่ให้ผู้แพ้! AIS จัดเต็มถ่ายทอดสด ช้าง เอฟเอคัพ ตั้งแต่รอบคัดเลือกจนถึงรอบชิงฯ

0

AIS เตรียมถ่ายทอดสดศึกฟุตบอล “ช้าง เอฟเอ คัพ 2025/26” ฟุตบอลถ้วยน็อกเอาท์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศไทย รายการที่ไม่มีเวทีให้กับผู้แพ้ รวมถึงเป็นเวทีสร้าง “แจ็คผู้ฆ่ายักษ์” มาแล้วนักต่อนัก โดย AIS PLAY เตรียมถ่ายทอดสดแบบจุใจให้ชมตั้งแต่รอบคัดเลือก รอบแรก จนถึงรอบชิงชนะเลิศ

ฟุตบอลช้าง เอฟเอ คัพ ถือว่าเป็นฟุตบอลถ้วยรายการที่เก่าแก่ที่สุดของไทยรายการหนึ่งที่ยังหลงเหลือในปัจจุบัน เริ่มแข่งขันมาตั้งแต่ พ.ศ.2517 จนถึงปัจจุบัน โดยยังเป็นฟุตบอลถ้วยที่เปิดโอกาสให้ทุกทีมของประเทศไทย สามารุถส่งทีมเข้าแข่งขันได้ รวมถึงสร้างตำนาน “แจ็คผู้ฆ่ายักษ์” ที่ทีมเล็กสามารถเอาชนะทีมใหญ่มาได้มากมาย นอกจากนี้ยังมีรางวัลใหญ่ก็คือ ทีมชนะเลิศจะได้รับเงินรางวัล 5 ล้านบาท พร้อมสิทธิเข้าร่วมแข่งขันฟุตบอลเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก อีกด้วย

นางสาวรุ่งทิพย์ จารุศิริพิพัฒน์ หัวหน้าฝ่ายงานธุรกิจเอนเตอร์เทนเมนท์ AIS กล่าวว่า ฟุตบอลช้าง เอฟเอ คัพ นับเป็นอีกหนึ่งฟุตบอลถ้วยรายการสำคัญที่อยู่คู่กับคนไทยมาอย่างยาวนาน ซึ่งฟุตบอลรายการนี้ยังเต็มไปด้วยความสนุกสนาน และน่าติดตาม เพราะหลายครั้งเราได้เห็นทีมเล็ก สามารถพลิกล็อกเอาชนะทีมใหญ่ได้ เนื่องจากเป็นฟุตบอลแบบน็อคเอาท์ แพ้คัดออก นอกจากนี้เวลาทีมเล็กๆ ได้ต้อนรับทีมใหญ่ๆ ก็ช่วยปลุกกระแสให้กับจังหวัดนั้นๆ ได้เป็นอย่างดี

“ซึ่งความพิเศษในปีนี้ ทาง AIS จัดเต็มด้วยการถ่ายทอดสดตั้งแต่รอบคัดเลือก ให้ได้ติดตามทุกทีมที่เข้าร่วมแข่งขัน และลุ้นหาทีมที่จะผ่านเข้าสู่รอบ 64 ทีมสุดท้ายกัน โดยแฟนบอลสามารถติดตามเชียร์ได้ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ผ่านแอพพลิเคชั่น AIS PLAY” นางสาวรุ่งทิพย์ กล่าว

สำหรับ การแข่งขันฟุตบอล “ช้าง เอฟเอ คัพ 2025/26” จะเริ่มเปิดฉากรอบคัดเลือก รอบที่ 1 ในวันที่ 24 กันยายน 2568 จากนั้นจะแข่งขันรอบคัดเลือก รอบ 2 ในวันที่ 1 ตุลาคม 2568 ก่อนจะได้ 64 ทีมสุดท้ายเข้าสู่รอบแรก ที่จะเริ่มมีทีมจากไทยลีก 1 ทั้ง 16 ทีมเข้าร่วมแข่งขัน เริ่มตั้งแต่ 29-30 ตุลาคม 2568 ไปจนถึงรอบชิงชนะเลิศ ในวันที่ 31 พฤษภาคม 2569

AIS ขอเชิญแฟนฟุตบอลชาวไทยทุกคน ร่วมส่งแรงเชียร์ผ่านช่องทางรับชมที่ถูกลิขสิทธิ์ เพื่อสนับสนุนวงการฟุตบอลไทยอย่างสร้างสรรค์โดยสามารถชมได้ฟรีทุกเครือข่าย ถ่ายทอดสดครบทุกลีก ที่แอปพลิเคชัน AIS PLAY กล่อง AIS PLAYBOX, Smart TV, Android TV, Apple TV สามารถดาวน์โหลด AIS PLAY ได้ที่ App store และ Google Play Store และถ่ายทอดสดทาง 3BB แฟนบอลไทยห้ามพลาด! สามารถรับชมไฮไลท์และรีรัน ครบทุกช็อตความมันส์ จัดเต็มความสนุกให้คุณได้ติดตามแบบเต็มอิ่ม

สมาคมผู้เลี้ยงสุกรฯ เปิดแผนพยุงราคาหมูไทยช่วยเกษตรกร  ผนึก 6 ภูมิภาคเดินหน้ามาตรการคู่ขนาน  หวังดึงตลาดกลับสู่สมดุล 

0

ราคาหมูร่วงจากกำลังซื้อหด–เศรษฐกิจซบ–แรงงานต่างชาติหาย สมาคมฯ ผนึกกำลัง 6 ภูมิภาคเดินหน้ามาตรการคู่ขนาน ทั้งขายหมูราคาพิเศษ ตัดวงจรลูกสุกร เก็บหมูเข้าห้องเย็น และจำกัดน้ำหนักเข้าเชือด หวังดึงตลาดกลับสู่สมดุล

ราคาสุกรขุนหน้าฟาร์มปรับตัวลดลงต่อเนื่องตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ปัจจุบันเหลือเพียง 52-64 บาท/กก.กำลังกลายเป็นปัญหาที่สร้างแรงกดดันต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรทั่วประเทศ ล่าสุด นายสิทธิพันธ์ ธนาเกียรติภิญโญ นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ ออกมาตรการเร่งด่วนหลายด้านเพื่อสร้างเสถียรภาพตลาด 

นายสิทธิพันธ์เปิดเผยว่า ภาวะราคาหมูตกต่ำครั้งนี้เกิดจากหลายปัจจัย ทั้งภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว กำลังซื้อของประชาชนที่ลดลงต่อเนื่อง การหดตัวของภาคการท่องเที่ยวและร้านอาหาร รวมถึงการที่แรงงานกัมพูชาจำนวนมากเดินทางกลับประเทศ ส่งผลให้การบริโภคลดลง ขณะที่ฝนตกยาวนานยิ่งทำให้การจับจ่ายไม่คึกคัก ผลที่ตามมาคือปริมาณสุกรมีมากเกินความต้องการบริโภค ราคาขายหน้าฟาร์มตกต่ำลงจนต่ำกว่าต้นทุนการผลิต เกษตรกรจำนวนไม่น้อยเริ่มประสบภาวะขาดทุน

สมาคมฯ จึงวางมาตรการสำคัญหลายด้าน ได้แก่ การจัดกิจกรรม หมู 2 โล 100 เพื่อกระตุ้นการบริโภค ซึ่งจะจัดพร้อมกันทั่วประเทศในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ นอกจากนี้ยังมีมาตรการเพื่อเร่งลดปริมาณสุกรในตลาด ได้แก่ โครงการตัดวงจรลูกสุกร นำมาทำหมูหันทันทีจำนวน 100,000 ตัว เพื่อลดซัพพลายในช่วง 4 เดือนข้างหน้า การขอความร่วมมือบริษัทผู้เลี้ยง 4 รายใหญ่ให้เก็บหมูเข้าห้องเย็นนาน 6 เดือน เพื่อลดปริมาณเนื้อหมูเข้าสู่ตลาด รวมถึงกำหนดน้ำหนักสุกรเข้าเชือด ตัวละไม่เกิน 110 กิโลกรัม เพื่อชะลอปริมาณเนื้อหมูส่วนเกิน
กิจกรรมดังกล่าวเป็นความร่วมมือระหว่างสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ สมาคมผู้เลี้ยงสุกร 6 ภูมิภาค ได้แก่ จังหวัดราชบุรีและเขต 7, สหกรณ์ผู้เลี้ยงสุกรชลบุรี, สมาคมผู้เลี้ยงสุกรภาคตะวันออกเฉียงเหนือ, สมาคมผู้เลี้ยงสุกรภาคกลางตอนบนเพื่อการค้า, สมาคมผู้เลี้ยงสุกรภาคเหนือ และสมาคมการค้าผู้เลี้ยงสุกรภาคใต้ โดยได้รับการสนับสนุนจากกรมการค้าภายในและกรมปศุสัตว์

ด้าน น.สพ.นพลิศ เสริมศักดิ์ศศิธร นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ และผู้ประกอบการในจังหวัดชลบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่นำร่องกิจกรรมหมู 2 โล 100 กล่าวว่า กิจกรรมนี้จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 23 และ 26 กันยายนนี้ โดยมีจังหวัดราชบุรี และชลบุรีเป็นพื้นที่นำร่อง ก่อนจะทยอยกระจายไปยังพื้นที่อื่น ๆ และขยายผลเป็นกิจกรรมใหญ่ทั่วประเทศในวันที่ 1 ตุลาคม โดยตั้งเป้าจำหน่ายหมูปลอดสารเร่งเนื้อแดงกว่า 100,000 กิโลกรัมพร้อมกันทุกภูมิภาค

“การขายหมูราคาพิเศษเช่นนี้ไม่เพียงช่วยกระตุ้นการบริโภค แต่ยังทำให้ผู้บริโภคมีส่วนช่วยเหลือเกษตรกรโดยตรง ช่วยพยุงชีวิตเกษตรกรได้อีกทางหนึ่ง “ น.สพ.นพลิศกล่าว 
สมาคมฯคาดว่าหากมาตรการดังกล่าวดำเนินไปตามแผนจะช่วยลดปริมาณสุกรส่วนเกินในตลาดได้ทันที ขณะเดียวกันกิจกรรมหมูราคาพิเศษจะช่วยกระตุ้นการบริโภคให้กลับมามีชีวิตชีวา ทั้งหมดนี้จะช่วยคลี่คลายปัญหาและค่อย ๆ ดึงตลาดหมูให้กลับเข้าสู่สมดุลได้ในที่สุด