Home Blog Page 186

‘ต๊อด’ ปิติ จับคู่แบมเบอร์ คว้าแชมป์รถยนต์ทางเรียบ ไทยแลนด์ ซูเปอร์ซีรีส์ 2021 สนามสี่

ปิติ ภิรมย์ภักดี นักขับทีมสิงห์ มอเตอร์ สปอร์ต ทีม ไทยแลนด์ และ เอิร์ล แบมเบอร์ เพื่อนร่วมทีมชาวนิวซีแลนด์ ผงาดแชมป์สนามสี่ หลังควบปอร์เช่ 991 จีที 3 อาร์ หมายเลข 12 เข้าคว้าธงตราหมากรุกโดยทิ้งอันดับสองถึง 31.448 วินาที ในการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบระดับอาเชียน “ไทยแลนด์ ซูเปอร์ ซีรีส์ 2021” สนามที่ 4 ที่ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 25 ธ.ค.ที่ผ่านมา

ไทยแลนด์ ซูเปอร์ซีรีส์ รายการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบรายการใหญ่สุดของอาเชียน โดยระหว่างวันที่ 25-26 ธ.ค.2564 เป็นการแข่งขันสามเรซสุดท้ายของฤดูกาลที่ ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต สนามความยาว 4.554 กม.ที่จังหวัดบุรีรัมย์ ไฮไลท์ของรายการอยู่ที่ไทยแลนด์ ซูเปอร์คาร์ จีที 3 แข่งขันกัน 60 นาทีด้วยรถในพิกัด เอฟไอเอ จีที3 จากโรงงานผู้ผลิตเต็มรูปแบบ

การแข่งขันสนามที่สี่ช่วงบ่ายของวันที่ 25 ธ.ค.ที่ผ่านมา เอิร์ล แบมเบอร์ นักขับชาวนิวซีแลนด์ของทีมสิงห์ มอเตอร์สปอร์ต ทีม ไทยแลนด์ ซึ่งออกสตาร์ตในอันดับสองแต่โชว์ผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมขยับนำตั้งแต่รอบแรกก่อนส่งต่อให้ ปิติ ภิรมย์ภักดี ควบปอร์เช่ 991 จีที 3 อาร์ หมายเลข 12 เข้าเส้นชัยเป็นอันดับหนึ่งด้วยเวลา 1 ชั่วโมง 3 นาที 08.702 วินาที ทิ้งห่างอันดับสองถึง 31.448 วินาที นับเป็นการคว้าแชมป์ครั้งแรกของการจับคู่ของนักขับคู่นี้พร้อมขยับขึ้นนำคะแนนสะสมแชมป์ประเทศไทย

อันดับสองเป็น มาร์ติน รัมพ์ และ แดเนียล บิลสกี สองนักขับของทีมบี-ควิก/แอบโซลูท ในรถออดี้ อาร์ 8 อีโว หมายเลข 26 เข้าเส้นชัยด้วยเวลา 1 ชั่วโมง 3 นาที 40.150 วินาที และอันดับสาม วรวุฒิ ภิรมย์ภักดี และ คาร์โล แวน แดม จากทีมสิงห์ มอเตอร์สปอร์ต ทีม ไทยแลนด์ กับเฟอร์รารี 488 จีที 3 ซึ่งจบการแข่งขันด้วยเวลา 1 ชั่วโมง 3 นาที 45.977 วินาที

ส่วนการแข่งขันสนามที่สามในช่วงเช้าของวันเดียวกัน ชาริยะ นุยา และ ภาสฤทธิ์ พรหมสมบัติ ในรถเมอร์เซเดส-เอเอ็มจี จีที 3 หมายเลข 7 จากทีมวายเค มอเตอร์สปอร์ตส์ บิลเลียนแนร์ บอย บาย ซูโนโค ซึ่งออกสตาร์ตในตำแหน่งโพลโพซิชั่นนำการแข่งขันแบบม้วนเดียวจบก่อนคว้าชัยชนะไปครองด้วยเวลา 1 ชั่วโมง 2 นาที 55.024 วินาที อันดับสองเป็น  ปิติ ภิรมย์ภักดี และ เอิร์ล แบมเบอร์ เพื่อนร่วมทีมชาวนิวซีแลนด์ในรถปอร์เช่ 991 จีที 3 อาร์ หมายเลข 12 สถิติ 1 ชั่วโมง 3 นาที 06.685 วินาที และอันดับสาม วรวุฒิ ภิรมย์ภักดี กับ คาร์โล แวน แดม นักขับชาวเนเธอร์แลนด์ ในรถเฟอร์รารี 488 จีที 3 หมายเลข 89 ของสิงห์ มอเตอร์สปอร์ต ทีม ไทยแลนด์ สถิติ 1 ชั่วโมง 3 นาที 38.859 วินาที

เสียงชาวใต้ขอบคุณเจ้าสัวธนินท์ จัดโครงการ “ซีพี ปันปลูก ฟ้าทะลายโจร”

รายงานข่าว เปิดเผยว่า บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ เดินหน้าส่งมอบยาฟ้าทะลายโจร โครงการ “ซีพี ปันปลูก ฟ้าทะลายโจร” ตามนโยบายของนายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโสเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) ถึงมือพี่น้องประชาชน 4 จังหวัดชายแดนใต้ สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส โดยทีมงานจิตอาสาห้าดาว (Five Star) ร้อยเรียงความดีส่งมอบผ่านกลุ่มและองค์กรพันธมิตร สู่ประชาชนกลุ่มเปราะบางอย่างต่อเนื่อง

สุนทร จักษุกรรฐ์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธุรกิจห้าดาว (Five Star)

นายสุนทร จักษุกรรฐ์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธุรกิจห้าดาว (Five Star) ในกลุ่มซีพีเอฟ เปิดเผยว่า จากนโยบายดังกล่าวของนายธนินท์ ต้องการเพิ่มโอกาสให้ประชาชนได้เข้าถึงยาสมุนไพรไทย โดยการผนึกกำลังของทุกลุ่มธุรกิจ ได้เริ่มปลูกต้นฟ้าทะลายและนำมาผลิตยาสมุนไพร แจกฟรี 30 ล้านแคปซูล ให้ประชาชนกลุ่มเปราะบางทั่วประเทศ สำหรับธุรกิจห้าดาว ที่มีการส่งเสริมการสร้างอาชีพแก่ประชาชนใน 4 จังหวัดชายแดนใต้ ในฐานะสมาชิกของชุมชน จึงขอมีส่วนร่วมสนับสนุนให้พี่น้องจังหวัดชายแดนภาคใต้

นายแพทย์ชัยวัฒน์ พัฒนาพิศาลศักดิ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดยะลา กล่าวขอบคุณเครือซีพีที่ห่วงใยคนไทยโดยเฉพาะในพื้นที่ 4 จังหวัดภาคใต้ ยาสมุนไพรที่ได้รับช่วยให้ลดภาระแก่บุคลากรด้านสาธารณสุข ในการดูแลสุขภาพของประชาชนกลุ่มเปราะบาง และผู้ที่มีความเสี่ยงโรคโควิด-19 ได้อย่างทั่วถึงมากขึ้น

นายแพทย์วิเศษ สิรินทรโสภณ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่าเครือซีพีได้ริเริ่มโครงการดีๆเพื่อพี่น้องประชาชน และขอบคุณที่มอบยาฟ้าทะลายโจรให้กับโรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข เพื่อแจกจ่ายให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ทั้งยังช่วยสนับสนุนพี่น้องในพื้นที่ห่างไกล ได้มีโอกาสเข้าถึงยาเพื่อช่วยป้องกันโรคโควิดได้

ด้าน นายแพทย์อนุรักษ์ สารภาพ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดปัตตานี ที่รับมอบยาฟ้าทะลายโจร เพื่อนำไปแจกจ่ายแก่ประชาชนและผู้ป่วยโควิด กล่าวว่า การสนับสนุนสมุนไพรไทยในวันนี้ ถือเป็นกำลังใจและการส่งต่อสิ่งดีๆให้กับสังคม ที่มีซีพีดำเนินการอย่างต่อเนื่องมาตลอด ร่วมเดินเคียงข้างคนไทยฝ่าวิกฤตมาโดยตลอด

นายสมบูรณ์ ปัญญาธนกร นายกเทศมนตรีเมืองควนลัง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา กล่าวว่าในฐานะตัวแทนพี่น้องชาวควนลัง ขอขอบคุณเครือซีพีที่ให้ความสำคัญกับการสนับสนุนประชาชนได้เข้าถึงสมุนไพรไทย โดยนำยาฟ้าทะลายโจรมามอบให้ชาวควนลัง ซึ่งสามารถใช้ป้องกันและเป็นทางเลือกในการรักษาโรคโควิด-19 ในเบื้องต้นได้

โครงการ “ซีพี ปันปลูก ฟ้าทะลายโจร” ได้รับเสียงชื่นชมและขอบคุณจากพี่น้องชาวใต้ นายอดุล ชินยูโชย กล่าวว่าเป็นโครงการที่ดี ที่ช่วยเหลือประชาชนซึ่งได้รับผลกระทบจากปัญหาโควิด-19 ให้ได้มียาสมุนไพรใช้ดูแลตัวเอง ด้าน นายอาฟิส นิโด กล่าวขอบคุณโครงการที่เป็นประโยชน์และช่วยประชาชนในวิกฤตเช่นนี้ นางรุสณี มะ ฝากขอบคุณประธานอาวุโสเครือซีพี ที่มีโครงการสนับสนุนคนไทยได้เข้าถึงยาสมุนไพรฟ้าทะลายต่อสู้กับโรคระบาด ด้าน นายอิสฮัม หวังแอ บอกว่ายาสมุนไพรที่ได้รับนี้เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ในการดูแลรักษาโรคและเป็นทางเลือกเพื่อสุขภาพ สอดคล้องกับ นายนิอดุลย์ ดายะ บอกว่า ฟ้าทะลายโจรที่บริษัทมอบให้แก่ชาวใต้ สะท้อนความห่วงใยของเครือซีพีที่มีต่อทุกคน นางสาวรศนา ศาสน์พิสุทธิกุล ขอบคุณเครือซีพีที่คิดถึงชาวใต้ โดยมอบสิ่งที่ดีจากยาสมุนไพรไทย เพื่อให้ทุกคนปลอดภัย ต่อสู้กับเชื้อโรคได้เป็นอย่างดี

รองนายกฯ และ รมว.สธ. มอบโล่ขอบคุณ CPF สนับสนุนอาหาร ให้ทีมแพทย์-ปชช.

ผู้สื่อข่าว​รายงานว่า​ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานในพิธีมอบโล่ประกาศเกียรติคุณให้แก่หน่วยงาน องค์กรต่างๆ 100 หน่วยงาน ที่ให้การสนับสนุนการดำเนินงานของศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ ซึ่ง บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ร่วมสนับสนุนอาหารและเครื่องดื่มให้บุคลากรทางการแพทย์ จิตอาสา และประชาชน โดยมี นางสาวพิมลรัตน์ รีพัฒนาวิจิตรกุล ประธานผู้บริหาร ทรัพยากรบุคคล เครือซีพี-ซีพีเอฟ เป็นผู้แทนบริษัทฯ รับมอบ รวมถึง นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ และ แพทย์หญิงมิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนังและผู้อำนวยการศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ ร่วมด้วย ณ ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ กรุงเทพมหานคร 

รมว.สาธารณสุข กล่าวถึงสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ในไทย ได้เห็นถึงน้ำใจและความร่วมมือของภาคส่วนต่างๆ ในการช่วยเหลือสนับสนุนการรับมือกับโรคระบาดนี้อย่างเต็มที่ โดยซีพีเอฟ เป็นหนึ่งในภาคเอกชนที่ให้ความช่วยเหลือสังคมในยามวิกฤตมาอย่างต่อเนื่อง 

“ผมขอเป็นตัวแทนของรัฐบาล ขอบคุณทุกภาคส่วน ที่มีส่วนร่วมให้การบริการฉีดวัคซีนแห่งนี้มีประสิทธิภาพ ประชาชนได้รับความสะดวกสบาย เปิดให้บริการทุกวันไม่มีวันหยุดต่อเนื่องกว่า 8 เดือน ขอบคุณประชาชนที่รับบริการที่ศูนย์แห่งนี้ กว่า 3.5 ล้านโดส และอีกกว่า 100 ล้านโดสทั่วประเทศ รวมทั้งภาคเอกชนต่างๆ อย่าง ซีพีเอฟ ที่สนับสนุนอาหารเครื่องดื่มต่างๆ เติมพลังกาย-กำลังใจให้บุคลากรทางการแพทย์และจิตอาสา ผมเชื่อมั่นว่าด้วยศักยภาพของเราทุกคน จะทำให้ประเทศไทยสามารถก้าวผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปด้วยกัน”

นพ.​สมศักดิ์ กล่าวว่า นับตั้งแต่โรคโควิด-19 แพร่ระบาด กรมการแพทย์มอบหมายให้สถาบันโรคผิวหนังให้บริการช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มความสามารถ เพื่อเป็นศูนย์กลางการให้บริการอย่างแท้จริง นอกจากนี้ ยังได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ถือเป็นความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะช่วยกันสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้ประเทศไทย

นางสาวพิมลรัตน์ รีพัฒนาวิจิตรกุล ประธานผู้บริหาร ทรัพยากรบุคคล เครือซีพี-ซีพีเอฟ

ด้าน นางสาวพิมลรัตน์ กล่าวว่า การสนับสนุนภารกิจศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของสังคมและแบ่งเบาภาระของโรงพยาบาลหลัก ถือเป็นภารกิจเพื่อชาติที่จำเป็นอย่างยิ่งในสถานการณ์การแพร่ระบาดระลอกใหม่ ตามนโยบายประธานอาวุโสธนินท์ เจียรวนนท์ ตามหลักปรัชญา 3 ประโยชน์ ทางซีพีเอฟ ได้ร่วมสนับสนุนอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพมาโดยตลอด สะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจของบริษัทฯ ที่อาสาเป็นอีกแรงหนึ่งในการช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนคนไทย และแบ่งเบาภาระหน้าที่ของทางภาครัฐ เพื่อให้ประเทศไทยฝ่าวิกฤตโควิด-19 ไปได้โดยเร็ว

นับตั้งแต่ปี 2563 จนถึงปัจจุบัน ที่ประเทศไทยเผชิญวิกฤตโควิด-19 ซีพีเอฟ ได้นำความเชี่ยวชาญด้านอาหารไปช่วยเหลือสังคม โดยริเริ่มโครงการ “CPF ส่งอาหารจากใจ ร่วมต้านภัยโควิด-19” ภายใต้โครงการ “ซีพีร้อยเรียงใจ สู้ภัยโควิด-19” นับจากวันแรก…ถึงวันนี้ ซีพีเอฟ มอบอาหารพร้อมรับประทาน เพื่อบุคลากรทางการแพทย์และพี่น้องคนไทยแล้วหลายล้านแพ็ค รวมถึงน้ำดื่มและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพหลายล้านขวด ตลอดจนวัตถุดิบอาหารสดและเครื่องปรุงรส สำหรับนำไปปรุงอาหาร แก่โรงพยาบาลหลัก โรงพยาบาลสนาม กลุ่มเปราะบาง ศูนย์ฉีดวัคซีน จุดตรวจโควิด และหน่วยงานต่างๆ  มากกว่า 500 แห่งทั่วประเทศ เพื่อให้เข้าถึงอาหารคุณภาพดี อร่อย ปลอดภัย และถูกสุขอนามัย บริษัทฯ มุ่งมั่นช่วยเหลือประเทศชาติ ประชาชน ให้ก้าวผ่านวิกฤตโควิด-19 ไปด้วยกัน

มอบความสุขส่งท้ายปี โครงการ “TIP@พีทีทีสเตชั่น Christmas Festival 2021”`

ดร.ปราโมทย์ วิบูลย์กิจโชติ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ด้านการขายและการตลาด 1 บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ คุณสมยศ คงประเวช รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ธุรกิจค้าปลีก บมจ.ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก หรือ โออาร์  และคุณพิมพ์พร บูรณ์ลอม ประธานที่ปรึกษา สมาคมการค้าผู้แทนจำหน่ายสถานีบริการน้ำมันพลังไทย ร่วมจัดโครงการ “TIP@พีทีทีสเตชั่น Christmas Festival 2021″ มอบความสุขส่งท้ายปี จัดกิจกรรมที่ พีทีทีสเตชั่น พร้อมกัน 17 สาขาทั่วประเทศ ภายในงานพบกับของรางวัลและกิจกรรมมากมาย โดยรับฟรี! เครื่องดื่ม Café Amazon  1 แก้ว เมื่อซื้อประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ (พรบ.)  หรือ เมื่อซื้อประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ ได้รับฟรี! บัตร OR Gift Card มูลค่า 300 บาท จำนวน 1 ใบ ตั้งแต่วันที่ 24-26 ธันวาคม 2564 (เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด)

AWC จัด 4 แพ็กเกจสุดคุ้มจากโรงแรมในเครือ รับเทศกาลปีใหม่

รายงานข่าว เปิดเผยว่า บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC นำเสนอของขวัญสุดพิเศษในช่วงเทศกาลแห่งความสุขส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ด้วยแพ็คเกจพิเศษ “AWC Infinite Lifestyle Lite” ที่จะได้พบกับประสบการณ์การพักผ่อนเหนือระดับ 4 รูปแบบที่พร้อมตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์แบบไร้ขีดกำจัดจากกลุ่มโรงแรมในเครือ AWC ทั่วประเทศด้วยราคาสุดคุ้มเริ่มต้นเพียง 1,099 – 6,099 บาท พร้อมเพลิดเพลินกับสิทธิประโยชน์ต่างๆ มากมาย เพียงดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน AWC CONNEXT จากทั้งระบบ iOS และ Android  โดยสามารถสั่งซื้อแพ็กเกจได้ตั้งแต่วันนี้จนถึง 30 มิถุนายน 2565

“AWC Infinite Lifestyle Lite Package” จัดแพ็กเกจเพื่อตอบโจทย์การท่องเที่ยวและพักผ่อนในโรงแรมและร้านอาหารในเครือ AWC กว่า 18 แห่งที่ตั้งอยู่ใน 6 จังหวัดท่องเที่ยวสำคัญ อาทิ กรุงเทพฯ ภูเก็ต สมุย กระบี่ เชียงใหม่ และหัวหิน โดยมีรายละเอียดแพ็คเกจให้เลือกสรร ดังนี้

  • Infinite Business Lite Package ราคา 1,099 บาท (สุทธิ) สำหรับท่านที่ต้องการ Work from Anywhere และ Work From Hotel กับสิทธิประโยชน์ในการใช้บริการคลับเลานจ์และบริการเครื่องดื่มภายในโรงแรมที่เข้าร่วม
  • Infinite Wellness Lite Package ราคา 2,099 บาท (สุทธิ) สำหรับท่านที่ใส่ใจในการดูแลสุขภาพกับสิทธิประโยชน์ในการใช้บริการสปาทรีตเมนต์ 90 นาที รวมถึงบริการฟิตเนสและสระว่ายน้ำ ภายในโรงแรมที่เข้าร่วม
  • Infinite Leisure Lite Package ราคา 2,999 บาท (สุทธิ) สำหรับท่านที่ชื่นชอบการพักผ่อนหย่อนใจและเพลิดเพลินกับกิจกรรมต่างๆ กับสิทธิประโยนช์ห้องพัก 1 คืน บริการอาหารเช้า และชุดน้ำชายามบ่าย ภายในโรงแรมที่เข้าร่วม
  • Blissful Stay Lite Package ราคา 6,099 บาท (สุทธิ) พักผ่อนเติมเต็มความสุขต่อเนื่องกับสิทธิประโยชน์ห้องพัก 2 คืน พร้อมรับ Infinite Point 100 คะแนน ใช้แลกสิทธิพิเศษต่างๆ รวมถึงส่วนลด พร้อมฟรีอัพเกรดห้องพัก และบริการเลทเช็คเอาท์ ภายในโรงแรมที่เข้าร่วม

ผู้ที่สนใจสามารถตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับการใช้งานแอปพลิเคชัน AWC CONNEXT รวมถึงรายละเอียดของ “AWC Infinite Lifestyle Lite Package” และโรงแรมที่เข้ารวมโครงการของแต่ละโปรโมชั่นได้ที่เว็บไซต์ https://www.assetworldcorp-th.com/th/newsroom/news-activities/426/awc-infinite-lifestyle-lite-package หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ผ่าน โทร 065-978-0287 และ 084-137-3839 หรืออีเมล์ info.awcinfinitelifestyle@assetworldcorp-th.com หรือ Line Official Account ที่ @AWClifestyle

AIS คว้าสุดยอดองค์กรด้านนวัตกรรมชั้นนำระดับโลก MIKE Award 2021 สองปีซ้อน

นางสาวกานติมา เลอเลิศยุติธรรม หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านทรัพยากรบุคคล กลุ่มบริษัท AIS และกลุ่มอินทัช เปิดเผยว่า AIS ได้รับรางวัล MIKE Award 2021 จากหน่วยงานชั้นนำระดับโลกอย่าง International Global MIKE Study Group หรือ GMSG ซึ่งได้มีการจัดอันดับองค์กรชั้นนำทั่วโลก ในด้านการจัดการองค์ความรู้และนวัตกรรม โดย AIS เป็นองค์กรด้านเทเลคอมของไทยรายเดียวที่ได้รับถึง 2 รางวัลคือ Winners of the Global MIKE Award 2021 สองปีซ้อน และรางวัล MIKE Thailand Gold Award 2021

สะท้อนถึงความมุ่งมั่นตั้งใจของพวกเราชาว AIS ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีเพื่อส่งมอบนวัตกรรมดิจิทัลให้กับคนไทยได้สัมผัส ที่เกิดจากการมีวัฒนธรรมองค์กรที่ชัดเจนพร้อมการเรียนรู้ในสิ่งใหม่ๆ สามารถปรับตัวในการเปลี่ยนแปลงต่อสถานการณ์ทุกรูปแบบ

สำหรับรางวัล MIKE Award 2021 เป็นรางวัลที่ยกย่ององค์กรที่มีส่งเสริมพนักงาน ด้านนวัตกรรม และมีการบริหารจัดการองค์ความรู้ด้านนวัตกรรม จนเป็นที่ยอมรับทั้งในระดับประเทศและระดับโลก ที่จัดมาอย่างยาวนาน โดย International Global MIKE Study Group หรือ GMSG ร่วมกับ Hong Kong Polytechnic University และในปีนี้ AIS ได้รับรางวัล MIKE Thailand Gold Award 2021 ในด้าน Most Innovative Knowledge Enterprise ซึ่ง AIS เป็นองค์กรด้านเทคโนโลยีและโทรคมนาคมหนึ่งเดียวที่ได้รับรางวัลในระดับ Gold ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของการมอบรางวัลระดับประเทศ ทำให้มีสิทธิ์ในการนำเสนอรางวัลระดับโลกอย่าง Winners of the Global MIKE Award ที่ AIS สามารถคว้ามาครองได้สำเร็จเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน

โดยทั้งสองรางวัลดังกล่าว มีเกณฑ์ในการพิจารณาตัดสิน 2 หมวด ทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ ดังนี้ หมวด 1 การเปิดโอกาสให้พนักงานได้เพิ่มพูนความรู้ใหม่ๆอยู่เสมอ สามารถกำหนดกลยุทธ์ในการรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ได้ดี องค์กรมีวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแรง มีความพร้อมที่จะพัฒนาสินค้าและบริการอยู่เสมอ รวมทั้งพร้อมเปิดโอกาสให้พนักงานได้มีความคิดสร้างสรรค์ โดยพิจารณาร่วมกัน 8 องค์ประกอบหลักคือ

  • การบริหารจัดการนวัตกรรมและองค์ความรู้ในองค์กรที่ดี เสริมพลังให้พนักงานเพิ่มความรู้เพื่อนวัตกรรม โดยนำความรู้ เทคโนโลยี และความคิดสร้างสรรค์มาประยุกต์ใช้เพื่อให้เกิดคุณค่าสูงสุด
  • การพัฒนาเครือข่ายภายในและภายนอก และการเชื่อมต่อการแบ่งปันความรู้
  • การวางกลยุทธ์วิสัยทัศน์และความเป็นผู้นำ การเปลี่ยนแปลง
  • การปลูกฝังวัฒนธรรมองค์กรที่เป็นนวัตกรรม
  • การลงทุนและการส่งมอบผลิตภัณฑ์ / บริการ / โซลูชันที่อิงความรู้เพิ่มมูลค่า
  • การบังคับใช้การปฏิบัติความรู้และระบบสำหรับการ สร้างความรู้
  • การใช้พื้นที่สร้างสรรค์และเสมือนจริงเพื่อสร้างมูลค่า ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
  • การสร้างความคาดหวัง / ความต้องการ / ประสบการณ์ของลูกค้าและผู้ใช้

หมวดที่ 2 หลักเกณฑ์การพิจารณาด้านนวัตกรรม ทั้งการพัฒนาสินค้าและบริการ หรือสร้างธุรกิจใหม่อยู่เสมอ มีผลประกอบการ รายได้ และยอดขายดี สามารถชี้วัดความพึงพอใจของลูกค้าได้ มีรางวัลสะท้อนความสำเร็จของการทำงาน

“เกณฑ์ในการพิจารณารางวัลในมิติต่างๆ เป็นเครื่องยืนยันว่า แนวทางการทำงานด้านการบริหารงานทรัพยากรบุคคลของ AIS ที่ถือปฏิบัติมาได้มาถูกทางและเป็นที่ยอมรับ แต่เหนือสิ่งอื่นใดเป้าหมายของ AIS คือการทำให้พนักงานรวมถึงบุคลากรของเรากว่า 12,000 คน มีความพร้อมในการรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงในทุกรูปแบบ พร้อมทำงานเพื่อยกระดับองค์กรสู่การเป็น Cognitive Telco หรือ องค์กรอัจฉริยะ ที่พัฒนาดิจิทัลแพลตฟอร์มไปอีกขั้นให้สามารถตอบสนองความต้องการ (Interact) ของผู้ใช้บริการได้ในเชิงลึกถึงระดับที่สามารถออกแบบบริการเพื่อลูกค้าแต่ละท่าน (personalization) อย่างทันต่อความต้องการในทุกเวลา (real time) ทั้งนี้เพื่อคุณภาพชีวิตของคนไทย จากโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลเทคโนโลยีที่มั่นคงของประเทศ” 

มูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์ฯ สานต่อโครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน ปีที่ 33

“โครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน ” ภายใต้การดำเนินงานของมูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท และ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ เป็นโครงการที่มีส่วนร่วมแก้ปัญหาทุพโภชนาการของเด็กและเยาวชนไทย ตลอด 32 ปีที่ผ่านมา โดยน้อมนำแนวพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงห่วงใยภาวะโภชนาการของเด็กนักเรียนและเยาวชนในชนบทและพื้นที่ห่างไกลมาดำเนินงาน

จากจุดเริ่มต้นเมื่อปี 2532 เพื่อมีส่วนเสริมสร้างโภชนาการที่ดีแก่เด็กและเยาวชนในชนบททุกภาคของประเทศไทย ผ่านกิจกรรมการเลี้ยงไก่ไข่ และนำผลผลิตไข่ไก่ มาประกอบอาหารกลางวันสำหรับนักเรียน ผลผลิตไข่ไก่อีกส่วนหนึ่งที่เกินจากการนำมาเป็นอาหารกลางวัน ถูกนำมาบริหารจัดการด้วยการจำหน่ายให้แก่ชุมชน มีรายได้จากการจำหน่ายไข่ไก่นำกลับมาหมุนเวียนเพื่อให้สามารถดำเนินโครงการไปได้อย่างต่อเนื่อง

นอกจากผลผลิตไข่ไก่ที่เด็กๆได้รับประทานตลอดช่วงเปิดเทอมแล้ว มูลนิธิฯ วางโมเดลระบบบริหารจัดการโครงการฯ เพื่อให้แต่ละโรงเรียนสามารถดำเนินโครงการได้อย่างยั่งยืน และยังเป็นเสมือน“ห้องเรียนสังคม” หรือ Social Lab ให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้ ทั้งด้านการผลิต การจัดการการเลี้ยงไก่ไข่ในเชิงอาชีพ การเลี้ยงไก่ไข่ที่ถูกหลักวิชาการ เรียนรู้เรื่องของการจัดการผลผลิต การทำบัญชี ระบบสหกรณ์ รวมไปถึงการสร้างทักษะอาชีพ จุดประกายและสร้างแรงบันดาลใจให้เด็ก ๆ นำไปเป็นทางเลือกอาชีพได้ในอนาคต โดยมีพี่ ๆ สัตวบาลจาก บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร หรือ ซีพีเอฟ ช่วยเป็นพี่เลี้ยงให้คำแนะนำ ถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับครูและนักเรียน

มูลนิธิฯ ดำเนินโครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน จากการสนับสนุนโครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวันในโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน ภายใต้การดูแลของสำนักงานโครงการส่วนพระองค์ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ขยายผลไปยังโรงเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือ สพฐ. และสังกัดอื่น ๆ จนถึงปัจจุบัน เข้าสู่ปีที่ 33 มีโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการ ฯ 880 โรงเรียน อยู่ในพื้นที่ภาคเหนือ 231 โรงเรียน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 342 โรงเรียน ภาคกลาง 138 โรงเรียน ภาคตะวันออก 56 โรงเรียน และภาคใต้ 113 โรงเรียน โดยมีซีพีเอฟเป็นภาคีเครือข่ายร่วมสนับสนุนโครงการ และหอการค้าญี่ปุ่น-กรุงเทพฯ หรือ JCC-B (Japanese Chamber of Commerce -Bangkok) บมจ.สยามแม็คโคร หรือ Makro เน้นช่วยเหลือโรงเรียนในทุกภูมิภาคที่มีเด็กนักเรียนและเยาวชนมีปัญหาทุพโภชนาการ

ภายใต้หลักการในการบริหารจัดการโครงการฯ มีมูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท เป็นผู้บริหารจัดการโครงการและงบประมาณ อาทิ การก่อสร้างโรงเรือนเลี้ยงไก่ไข่ อุปกรณ์การเลี้ยง พันธุ์สัตว์ อาหารสัตว์ และปัจจัยการผลิต และร่วมกับซีพีเอฟคัดเลือกโรงเรียน ถ่ายทอดองค์ความรู้ เทคนิควิชาการการเลี้ยงไก่ไข่ พร้อมทั้งติดตามประสิทธิภาพการเลี้ยงของแต่ละโรงเรียนเพื่อร่วมแก้ปัญหาได้อย่างทันท่วงที

โรงเรียนป่าไม้อุทิศ 4 จ.ตาก เป็นโรงเรียนที่เปิดการเรียนการสอนตั้งแต่ชั้นอนุบาล 2 -มัธยมศึกษาปีที่ 6 มีจำนวนนักเรียน 1,908 คน “ดร.ศิรภัสสร ชุมภูเทพ “ผู้อำนวยการโรงเรียน กล่าวว่า โรงเรียนฯเข้าร่วมโครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน ตั้งแต่ปี 2559 จำนวนไก่ไข่ที่เลี้ยง 300 ตัว เด็กๆได้บริโภคไข่ไก่เป็นอาหารมื้อกลางวันสัปดาห์ละ 2 มื้อ ต้องขอขอบคุณมูลนิธิฯ และซีพีเอฟ ที่ส่งมอบโครงการดีๆ ช่วยให้เด็กเติบโตสมวัย และยังได้ความรู้เรื่องการดูแลไก่ไข่ โรงเรียนสามารถนำมาบูรณาการการเรียนการสอน เป็นแหล่งเรียนรู้ของเด็ก ชุมชนเองก็ได้บริโภคไข่ไก่ในราคาย่อมเยา นอกจากนี้ โครงการนี้ ยังตอบโจทย์การผลิตอาหารที่ปลอดภัย การสร้างแหล่งอาหารที่ยั่งยืน ส่งเสริมการมีสุขภาพที่ดี

นายประจักสิน บึงมุม ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านคลองเรือ ต.เทพนคร อ.เมือง จ. กำแพงเพชร กล่าวว่า โรงเรียนเข้าร่วมโครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียนมา 1 ปี สิ่งที่ได้รับจากโครงการฯหลายด้าน คือ นักเรียนมีโภชนาการที่ดีขึ้น จากการที่ได้บริโภคไข่ไก่ เป็นอาหารมื้อกลางวันทุกวัน เป็นโครงการที่ส่งเสริมเข้าถึงโปรตีนคุณภาพ ได้เรียนรู้ และมีทักษะในการเลี้ยงไก่ไข่ ซึ่งสามารถนำไปใช้เป็นทางเลือกในการประกอบอาชีพในอนาคต นอกจากนี้ ยังได้เรียนรู้ว่าการน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้สู่การปฏิบัติเพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ได้จริงนั้น ต้องมีการบริหารจัดการที่เป็นระบบ มีวิธีการ มีขั้นตอน ซึ่งเราได้รับการถ่ายทอดความรู้และคำแนะนำจากซีพีเอฟและมูลนิธิฯ เช่น โครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน ที่เราต้องรู้จักบริหารจัดการผลผลิตไข่ไก่ ระบบบัญชี การคำนวณจุดคุ้มทุน เป็นต้น

นางลักษณา พรหมพล อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านห้วยลาด อ.น้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์ กล่าวว่า โรงเรียนเปิดการเรียนการสอนตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึงมัธยมศึกษาปีที่ 6 มีจำนวนนักเรียน 300 คน เดิมโรงเรียนมีการเลี้ยงไก่ไข่อยู่แล้ว เพื่อนำผลผลิตมาเป็นอาหารกลางวัน แต่ก็ได้เพียงสัปดาห์ละ 1 มื้อ หลังจากที่โรงเรียนเข้าร่วมโครงการในปีนี้เป็นปีแรก เริ่มเลี้ยงไก่ล็อตแรก 200 ตัว เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ผลผลิตไข่ไก่ทำให้เด็กนักเรียนได้บริโภคไข่ไก่เป็นอาหารกลางวันสัปดาห์ละ 2 มื้อ โรงเรียนมีโรงเรือนที่เลี้ยงไก่ไข่ที่ได้รับการดูแลด้านสุขาภิบาลที่ดี ไม่มีกลิ่นรบกวน นักเรียนมีความรับผิดชอบ ได้เรียนรู้วิธีการเลี้ยงไก่ไข่ที่ถูกต้อง ชุมชนรอบข้างได้บริโภคไข่ไก่ที่สดและราคาย่อมเยา

นายเสกสรร ณ น่าน ผู้อำนวยการโรงเรียนพระพุทธบาทวิทยา ตำบลพระพุทธบาท อำเภอเชียงกลาง จังหวัดน่าน กล่าวว่า โรงเรียนเข้าร่วมโครงการเลี้ยงไก่ไข่ฯ เมื่อปี 2560 เป็นโครงการที่เกิดประโยชน์ทั้งต่อนักเรียน ตั้งแต่ชั้นอนุบาล-มัธยมศึกษาปีที่ 3 รวม 240 คน รวมถึงโรงเรียนและชุมชน ก็ได้รับประโยชน์ด้วย นักเรียนได้บริโภคไข่ไก่ที่สดใหม่เป็นอาหารกลางวัน มีผลผลิตไข่ไก่จากแม่ไก่ 150 ตัว เป็นวัตถุดิบประกอบอาหารกลางวัน ส่งเสริมโภชนาการที่ดีให้กับนักเรียน นักเรียนได้เรียนรู้เกี่ยวกับกระบวนการเลี้ยงไก่ไข่ที่มีมาตรฐาน ได้ความรู้และทักษะที่เป็นพื้นฐานอาชีพในอนาคต โรงเรียนมีคลังอาหารมั่นคง ชุมชนได้บริโภคผลผลิตไข่ไก่สดๆ จากโครงการที่นำมาจำหน่ายในราคาย่อมเยา ช่วยลดค่าครองชีพ เป็นแหล่งศึกษาดูงานการเลี้ยงไก่ไข่

ตลอด 32 ปี ของโครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน ส่งเสริมเด็กและเยาวชน 180,000 คนเข้าถึงโปรตีนคุณภาพ ได้บริโภคไข่ไก่เป็นอาหารมื้อกลางวันอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 มื้่อ โรงเรียนฯ มีกองทุนสะสมเพื่อใช้หมุนเวียนในโครงการฯ เกิดความร่วมมือระหว่าง ครู นักเรียน และผู้ปกครอง ผ่านกิจกรรม Co-production ชุมชนมีแหล่งเรียนรู้อาชีพเกษตรธุรกิจ รวมทั้งผลผลิตจากโครงการเอื้อประโยชน์ให้สมาชิกของ 1,972 ชุมชนรอบโรงเรียน สามารถเข้าถึงอาหารโปรตีนคุณภาพจากไข่ไก่สด สะอาดและปลอดภัย ในราคาที่เหมาะสม การเลี้ยงไก่ไข่ยังเป็นอาชีพทางเลือกสำหรับนักเรียนและผู้ปกครองด้วย

โครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน ช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตเด็กและเยาวชน ชุมชน เป็นโครงการที่มีโอกาสขยายผลไปสู่การสร้างเป็น Social Enterprise และสอดรับกับเป้าหมายเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ SDGs (Sustainable Development Goals) ของสหประชาชาติ ในข้อ 2 – Zero Hunger ขจัดความหิวโหย และ ข้อ 3 Good health and well-being สร้างหลักประกันการมีสุขภาวะที่ดีและส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีสำหรับทุกคนในทุกช่วงวัย

OR ส่งความสุขให้คนไทย ประกาศไม่ปรับขึ้นราคาน้ำมันยาว 11 วัน

นางสาวจิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ เปิดเผยว่า ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2565 นี้ โออาร์ เตรียมจัดกิจกรรมเพื่อเติมเต็มรอยยิ้มและส่งความสุขให้ผู้บริโภคชาวไทย ด้วยกิจกรรมและโปรโมชั่นพิเศษสำหรับลูกค้าที่ใช้บริการสถานีบริการ พีทีที สเตชั่น และร้านค้าต่าง ๆ ในเครือ โออาร์ ได้แก่

·พีทีที สเตชั่น ไม่ปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันทุกชนิด เป็นระยะเวลา 11 วัน (25 ธันวาคม 2564 – 4 มกราคม 2565)  ถึงแม้ราคาน้ำมันในตลาดโลกจะปรับตัวสูงขึ้น และหากราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวลดลงก็จะปรับลดราคาน้ำมันลง  เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่าย และอำนวยความสะดวกผู้เดินทาง พร้อมจัดกิจกรรม เติมเต็มรอยยิ้มให้ชุมชน สร้างรายได้และความภาคภูมิใจให้ชุมชน โดยคัดเลือกผลิตภัณฑ์จากชุมชนและผลิตภัณฑ์จากโครงการไทยเด็ดกว่า 2,000,000 ชิ้น เพื่อนำมามอบเป็นของขวัญให้ลูกค้าที่เติมน้ำมันที่ พีทีที สเตชั่น ทั่วประเทศ  โดยเมื่อเติมน้ำมัน ครบ 300 บาท/ใบเสร็จ ระหว่างวันที่ 31 ธันวาคม 2564 – 1 มกราคม 2565 รับฟรีผลิตภัณฑ์จากชุมชนหรือผลิตภัณฑ์จากโครงการไทยเด็ด 1ชิ้น/ใบเสร็จ นอกจากนี้ อีวี สเตชั่น พลัส ยังได้ติดตั้งจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ใน พีทีที สเตชั่น กว่า 100 จุด และทยอยเปิดให้บริการตามเส้นทางสายหลักคลอบคลุมทั่วประเทศ ซึ่งมีแอพพลิเคชั่น EV Station PluZ ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกในการค้นหา จองเวลาและนำทางไปยังสถานีชาร์จไฟฟ้า พร้อมด้วย Call Center บริการช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมง

· ศูนย์บริการยานยนต์ ฟิต ออโต้ จัดแคมเปญ “FIT Auto Tune Up” ให้บริการตรวจสภาพรถยนต์ ฟรี 35 รายการ (ระหว่าง 15 พฤศจิกายน 2564 -15 มกราคม 2565) พร้อมโปรโมชั่น ซื้อน้ำมันเครื่องและไส้กรองราคาพิเศษ ก่อนออกเดินทางช่วงปีใหม่ ลดภาระค่าใช้จ่ายให้ผู้บริโภค 

· พิเศษสำหรับลูกค้า คาเฟ่ อเมซอน เมื่อซื้อเครื่องดื่มหรือสินค้าคาเฟ่อเมซอน ชนิดใดก็ได้ที่คาเฟ่ อเมซอน ใน พีทีที สเตชั่น 30 สาขาบนเส้นทางสายหลักขาออกจากกรุงเทพมหานครที่ร่วมรายการ ในวันที่ 30 ธันวาคม 2564 – 3 มกราคม 2565 รับฟรีกาแฟดริป คาเฟ่ อเมซอน (รสออริจินัล) 1 ซอง โดยสามารถตรวจสอบรายชื่อสาขาที่ร่วมรายการได้ที่ เฟสบุ๊คแฟนเพจ :  Café Amazon

นางสาวจิราพร กล่าวว่า โออาร์ ขอขอบคุณผู้บริโภคทุกท่านที่สนับสนุนผลิตภัณฑ์ของ โออาร์ อย่างดียิ่งตลอดปี 2564  โออาร์ พร้อมอยู่เคียงข้างคนไทยในทุกช่วงเวลาด้วยผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย บริการที่ครบครัน ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในทุกรูปแบบ และจะมุ่งมั่นปรับรูปแบบการดำเนินธุรกิจเพื่ออำนวยความสะดวกผู้เดินทาง รวมทั้งตอบโจทย์การใช้ชีวิตในทุกไลฟ์สไตล์ สำหรับในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ พีทีที สเตชั่น และร้านค้าต่าง ๆ ในเครือ โออาร์ พร้อมเป็นจุดแวะพักเพื่อผ่อนคลายความเมื่อยล้าจากการเดินทางสำหรับทั้งคนและรถเพื่อการเดินทางต่ออย่างปลอดภัย ขอให้ทุกท่านใช้ความระมัดระวังในการขับรถเพื่อความปลอดภัยในการเดินทางและถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพ และขอให้ทุกท่านมีความสุขกับเทศกาลปีใหม่นี้ 

กรมชลฯ เตรียมมอบของขวัญให้คนไทย ร่วมส่งสุขปีใหม่

นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ตามที่ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มอบหมายให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมกันจัดกิจกรรม “ส่งความสุขปีใหม่ มอบให้เกษตรกร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประจำปี พ.ศ.2565”  ผ่าน 3 กิจกรรมหลัก ได้แก่ มอบของขวัญเกษตรกรไทย มีกิน มีใช้ มีรายได้พอเพียง , เพิ่มพลังปีใหม่ จำหน่ายสินค้าราคาพิเศษ สินค้าเกษตรคุณภาพ และ ปีใหม่เที่ยวทั่วไทย สุขใจไปกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อมอบความสุขในช่วงเทศกาลปีใหม่ให้กับพี่น้องชาวไทยทุกคน

ในส่วนของกรมชลประทาน ได้จัดกิจกรรม เพื่อร่วมส่งความสุขให้กับเกษตรกรและประชาชน กิจกรรมแรก เป็นการมอบของขวัญเกษตรกรไทย มีกิน มีใช้ มีรายได้พอเพียง พัฒนา/ปรับปรุง/ซ่อมแซมแหล่งน้ำและระบบชลประทาน อาทิ อ่างเก็บน้ำ แก้มลิง อาคารบังคับน้ำ สถานีสูบน้ำพร้อมระบบส่งน้ำ ฯลฯ ครอบคลุม 68 จังหวัด กว่า 2,479 รายการ  ปรับปรุงคันคลองและกำจัดวัชพืชคลองชลประทาน ปรับปรุงแก้มลิงและกำจัดวัชพืชในพื้นที่โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษา เพื่อให้คันคลองส่งน้ำใช้งานได้ดี สามารถส่งน้ำให้แก่พื้นที่เพาะปลูกได้ตามเป้าหมาย รวมทั้งสามารถใช้เป็นเส้นทางขนส่งผลผลิตทางการเกษตรออกสู่ตลาดได้สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย 

กิจกรรมที่สอง สินค้าราคาพิเศษ สินค้าเกษตรคุณภาพ เปิดสถานที่ให้เกษตรกรนำสินค้าทางการเกษตร อาทิ ผักปลอดสารพิษ มาขายในสำนักงานก่อสร้างชลประทานขนาดกลางที่ 13 ต.บ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี 

และกิจกรรมสุดท้าย เพิ่มสุขปีใหม่ เที่ยวทั่วไทย สุขใจไปกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดสถานที่ราชการ ปรับภูมิทัศน์รองรับนักท่องเที่ยว (ศูนย์ศึกษา/ศูนย์เรียนรู้/แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร) จำนวน 17 แห่ง เปิดสถานที่ท่องเที่ยวและแหล่งเรียนรู้ด้านการเกษตรให้ประชาชนเข้าชมฟรี จำนวน 3 แห่ง กรมชลประทาน ขอเชิญชวนให้พี่น้องประชาชน รวมทั้งนักท่องเที่ยว ที่เดินทางกลับภูมิลำเนาหรือท่องเที่ยวไปยังสถานที่ต่างๆ ทั่วประเทศ ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2565 แวะพักผ่อนตามสถานที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น อ่างเก็บน้ำ เขื่อนทดน้ำ หรือแหล่งน้ำต่างๆ ของกรมชลประทานที่เปิดให้บริการทั่วประเทศ ท้ายที่สุดนี้ กรมชลประทาน ขอให้นักท่องเที่ยวและประชาชนทุกท่าน เดินทางท่องเที่ยวและไปกลับภูมิลำเนาโดยสวัสดิภาพ และขอความสุขสวัสดีจงมีแด่ทุกท่านในเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ปี 2565 นี้  

สิงห์อาสา ผนึก หน่วยซีล พัฒนาอาสาสมัครกู้ภัย ปีที่ 4

รายงานข่าวเปิดเผยว่า สิงห์อาสา โดยมูลนิธิพระยาภิรมย์ภักดี และบริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ร่วมกับ หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ (หน่วยซีล) จัดอบรม “หลักสูตรกู้ภัยทางน้ำ ประจำปี 2564” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 เพื่อเสริมศักยภาพให้กับทีมอาสากู้ภัยทางน้ำ ให้มีความเชี่ยวชาญและมีความปลอดภัยในการปฏิบัติหน้าที่ สามารถช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางน้ำได้อย่างปลอดภัยและทันท่วงทีในพื้นที่ของตน

สำหรับหลักสูตรกู้ภัยทางน้ำ ประจำปี 2564 จัดที่ศูนย์ฝึกสงครามพิเศษทางเรือ หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ สัตหีบ โดยมีอาสาสมัครกู้ภัยในพื้นที่ภาคกลางและภาคใต้ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่อยู่ใกล้แม่น้ำและทะเล มีสถิติการเกิดอุบัติภัยทางน้ำจำนวนมาก เข้ารับการฝึกทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ โดยหลักสูตรการฝึก ประกอบด้วย การขับเรือยางเพื่อช่วยผู้ประสบภัยที่ในสายงานกู้ภัยพบเจอเป็นประจำ, ทักษะการจัดการเหตุฉุกเฉินซึ่งจะช่วยให้อาสาสมัครกู้ภัยที่กำลังช่วยเหลือผู้ประสบภัยใต้น้ำสามารถขึ้นถึงพื้นผิวได้อย่างปลอดภัยด้วยตัวเอง หรือ CESA (Control Emergency Swimming Ascent), การดำน้ำค้นหาผู้ประสบภัยใต้น้ำและบนผิวน้ำแบบเป็นทีม, การฝึก Skills Scuba และการถอด-แต่งกาย Scuba ใต้น้ำและบนผิวน้ำ

พล.ร.ต.ศุภชัย ธนสารสาคร ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ อธิบายว่า หลักสูตรกู้ภัยทางน้ำร่วมกับสิงห์อาสา ได้จัดอบรมต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 แล้ว ซึ่งทางซีลมีทีมครูฝึกที่เชี่ยวชาญด้านการกู้ภัยทางน้ำที่ช่วยพัฒนาศักยภาพของทีมอาสาสมัครกู้ภัยให้สามารถเข้าช่วยชีวิตผู้ประสบภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ซึ่งทีมอาสากู้ภัยถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะในแต่ละพื้นที่ทั่วประเทศเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน จำเป็นที่จะต้องมีทีมอาสาเหล่านี้เข้าช่วยเหลือประชาชนให้ทันท่วงที การอบรมหลักสูตรกู้ภัยทางน้ำจึงเป็นการเตรียมความพร้อมให้เหล่าอาสาสมัครก่อนออกไปปฏิบัติภารกิจ

คุณอรรถสิทธิ์ พรหมสุข ผู้จัดการส่วนงานกิจกรรมเพื่อสังคม บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด เปิดเผยว่า ที่ผ่านมา สิงห์อาสาได้ทำงานร่วมกับกลุ่มอาสาสมัครกู้ภัยทั่วประเทศ ในการช่วยเหลือประชาชนมาโดยตลอด ซึ่งในยามที่เกิดอุบัติภัยอาสาสมัครกู้ภัยคือกลุ่มคนสำคัญที่พร้อมเสียสละตนเองเข้าให้การช่วยเหลือประชาชนที่กำลังเดือดร้อน การสนับสนุนให้กลุ่มอาสาสมัครกู้ภัยมีทักษะการกู้ชีพและกู้ภัยขั้นสูง จะช่วยให้ทีมกู้ภัยสามารถรับมือและแก้ไขสถานการณ์วิกฤตได้อย่างดี ผู้ประสบภัยมีโอกาสรอดชีวิตสูงขึ้น ลดการบาดเจ็บและอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับทีมกู้ภัยเองด้วย ซึ่งตลอด 4 ปี ต้องขอขอบคุณหน่วยซีลที่ร่วมกันจัดอบรมจนสร้างทีมอาสาสมัครกู้ภัยมากกว่า 100 คน ที่จะเข้าไปช่วยเหลือพี่น้องประชาชนทั่วประเทศได้อย่างทันท่วงที