Home Blog Page 185

OR ส่งความสุขให้คนไทย ประกาศไม่ปรับขึ้นราคาน้ำมันยาว 11 วัน

นางสาวจิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ เปิดเผยว่า ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2565 นี้ โออาร์ เตรียมจัดกิจกรรมเพื่อเติมเต็มรอยยิ้มและส่งความสุขให้ผู้บริโภคชาวไทย ด้วยกิจกรรมและโปรโมชั่นพิเศษสำหรับลูกค้าที่ใช้บริการสถานีบริการ พีทีที สเตชั่น และร้านค้าต่าง ๆ ในเครือ โออาร์ ได้แก่

·พีทีที สเตชั่น ไม่ปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันทุกชนิด เป็นระยะเวลา 11 วัน (25 ธันวาคม 2564 – 4 มกราคม 2565)  ถึงแม้ราคาน้ำมันในตลาดโลกจะปรับตัวสูงขึ้น และหากราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวลดลงก็จะปรับลดราคาน้ำมันลง  เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่าย และอำนวยความสะดวกผู้เดินทาง พร้อมจัดกิจกรรม เติมเต็มรอยยิ้มให้ชุมชน สร้างรายได้และความภาคภูมิใจให้ชุมชน โดยคัดเลือกผลิตภัณฑ์จากชุมชนและผลิตภัณฑ์จากโครงการไทยเด็ดกว่า 2,000,000 ชิ้น เพื่อนำมามอบเป็นของขวัญให้ลูกค้าที่เติมน้ำมันที่ พีทีที สเตชั่น ทั่วประเทศ  โดยเมื่อเติมน้ำมัน ครบ 300 บาท/ใบเสร็จ ระหว่างวันที่ 31 ธันวาคม 2564 – 1 มกราคม 2565 รับฟรีผลิตภัณฑ์จากชุมชนหรือผลิตภัณฑ์จากโครงการไทยเด็ด 1ชิ้น/ใบเสร็จ นอกจากนี้ อีวี สเตชั่น พลัส ยังได้ติดตั้งจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ใน พีทีที สเตชั่น กว่า 100 จุด และทยอยเปิดให้บริการตามเส้นทางสายหลักคลอบคลุมทั่วประเทศ ซึ่งมีแอพพลิเคชั่น EV Station PluZ ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกในการค้นหา จองเวลาและนำทางไปยังสถานีชาร์จไฟฟ้า พร้อมด้วย Call Center บริการช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมง

· ศูนย์บริการยานยนต์ ฟิต ออโต้ จัดแคมเปญ “FIT Auto Tune Up” ให้บริการตรวจสภาพรถยนต์ ฟรี 35 รายการ (ระหว่าง 15 พฤศจิกายน 2564 -15 มกราคม 2565) พร้อมโปรโมชั่น ซื้อน้ำมันเครื่องและไส้กรองราคาพิเศษ ก่อนออกเดินทางช่วงปีใหม่ ลดภาระค่าใช้จ่ายให้ผู้บริโภค 

· พิเศษสำหรับลูกค้า คาเฟ่ อเมซอน เมื่อซื้อเครื่องดื่มหรือสินค้าคาเฟ่อเมซอน ชนิดใดก็ได้ที่คาเฟ่ อเมซอน ใน พีทีที สเตชั่น 30 สาขาบนเส้นทางสายหลักขาออกจากกรุงเทพมหานครที่ร่วมรายการ ในวันที่ 30 ธันวาคม 2564 – 3 มกราคม 2565 รับฟรีกาแฟดริป คาเฟ่ อเมซอน (รสออริจินัล) 1 ซอง โดยสามารถตรวจสอบรายชื่อสาขาที่ร่วมรายการได้ที่ เฟสบุ๊คแฟนเพจ :  Café Amazon

นางสาวจิราพร กล่าวว่า โออาร์ ขอขอบคุณผู้บริโภคทุกท่านที่สนับสนุนผลิตภัณฑ์ของ โออาร์ อย่างดียิ่งตลอดปี 2564  โออาร์ พร้อมอยู่เคียงข้างคนไทยในทุกช่วงเวลาด้วยผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย บริการที่ครบครัน ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในทุกรูปแบบ และจะมุ่งมั่นปรับรูปแบบการดำเนินธุรกิจเพื่ออำนวยความสะดวกผู้เดินทาง รวมทั้งตอบโจทย์การใช้ชีวิตในทุกไลฟ์สไตล์ สำหรับในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ พีทีที สเตชั่น และร้านค้าต่าง ๆ ในเครือ โออาร์ พร้อมเป็นจุดแวะพักเพื่อผ่อนคลายความเมื่อยล้าจากการเดินทางสำหรับทั้งคนและรถเพื่อการเดินทางต่ออย่างปลอดภัย ขอให้ทุกท่านใช้ความระมัดระวังในการขับรถเพื่อความปลอดภัยในการเดินทางและถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพ และขอให้ทุกท่านมีความสุขกับเทศกาลปีใหม่นี้ 

กรมชลฯ เตรียมมอบของขวัญให้คนไทย ร่วมส่งสุขปีใหม่

นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ตามที่ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มอบหมายให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมกันจัดกิจกรรม “ส่งความสุขปีใหม่ มอบให้เกษตรกร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประจำปี พ.ศ.2565”  ผ่าน 3 กิจกรรมหลัก ได้แก่ มอบของขวัญเกษตรกรไทย มีกิน มีใช้ มีรายได้พอเพียง , เพิ่มพลังปีใหม่ จำหน่ายสินค้าราคาพิเศษ สินค้าเกษตรคุณภาพ และ ปีใหม่เที่ยวทั่วไทย สุขใจไปกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อมอบความสุขในช่วงเทศกาลปีใหม่ให้กับพี่น้องชาวไทยทุกคน

ในส่วนของกรมชลประทาน ได้จัดกิจกรรม เพื่อร่วมส่งความสุขให้กับเกษตรกรและประชาชน กิจกรรมแรก เป็นการมอบของขวัญเกษตรกรไทย มีกิน มีใช้ มีรายได้พอเพียง พัฒนา/ปรับปรุง/ซ่อมแซมแหล่งน้ำและระบบชลประทาน อาทิ อ่างเก็บน้ำ แก้มลิง อาคารบังคับน้ำ สถานีสูบน้ำพร้อมระบบส่งน้ำ ฯลฯ ครอบคลุม 68 จังหวัด กว่า 2,479 รายการ  ปรับปรุงคันคลองและกำจัดวัชพืชคลองชลประทาน ปรับปรุงแก้มลิงและกำจัดวัชพืชในพื้นที่โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษา เพื่อให้คันคลองส่งน้ำใช้งานได้ดี สามารถส่งน้ำให้แก่พื้นที่เพาะปลูกได้ตามเป้าหมาย รวมทั้งสามารถใช้เป็นเส้นทางขนส่งผลผลิตทางการเกษตรออกสู่ตลาดได้สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย 

กิจกรรมที่สอง สินค้าราคาพิเศษ สินค้าเกษตรคุณภาพ เปิดสถานที่ให้เกษตรกรนำสินค้าทางการเกษตร อาทิ ผักปลอดสารพิษ มาขายในสำนักงานก่อสร้างชลประทานขนาดกลางที่ 13 ต.บ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี 

และกิจกรรมสุดท้าย เพิ่มสุขปีใหม่ เที่ยวทั่วไทย สุขใจไปกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดสถานที่ราชการ ปรับภูมิทัศน์รองรับนักท่องเที่ยว (ศูนย์ศึกษา/ศูนย์เรียนรู้/แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร) จำนวน 17 แห่ง เปิดสถานที่ท่องเที่ยวและแหล่งเรียนรู้ด้านการเกษตรให้ประชาชนเข้าชมฟรี จำนวน 3 แห่ง กรมชลประทาน ขอเชิญชวนให้พี่น้องประชาชน รวมทั้งนักท่องเที่ยว ที่เดินทางกลับภูมิลำเนาหรือท่องเที่ยวไปยังสถานที่ต่างๆ ทั่วประเทศ ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2565 แวะพักผ่อนตามสถานที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น อ่างเก็บน้ำ เขื่อนทดน้ำ หรือแหล่งน้ำต่างๆ ของกรมชลประทานที่เปิดให้บริการทั่วประเทศ ท้ายที่สุดนี้ กรมชลประทาน ขอให้นักท่องเที่ยวและประชาชนทุกท่าน เดินทางท่องเที่ยวและไปกลับภูมิลำเนาโดยสวัสดิภาพ และขอความสุขสวัสดีจงมีแด่ทุกท่านในเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ปี 2565 นี้  

สิงห์อาสา ผนึก หน่วยซีล พัฒนาอาสาสมัครกู้ภัย ปีที่ 4

รายงานข่าวเปิดเผยว่า สิงห์อาสา โดยมูลนิธิพระยาภิรมย์ภักดี และบริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ร่วมกับ หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ (หน่วยซีล) จัดอบรม “หลักสูตรกู้ภัยทางน้ำ ประจำปี 2564” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 เพื่อเสริมศักยภาพให้กับทีมอาสากู้ภัยทางน้ำ ให้มีความเชี่ยวชาญและมีความปลอดภัยในการปฏิบัติหน้าที่ สามารถช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางน้ำได้อย่างปลอดภัยและทันท่วงทีในพื้นที่ของตน

สำหรับหลักสูตรกู้ภัยทางน้ำ ประจำปี 2564 จัดที่ศูนย์ฝึกสงครามพิเศษทางเรือ หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ สัตหีบ โดยมีอาสาสมัครกู้ภัยในพื้นที่ภาคกลางและภาคใต้ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่อยู่ใกล้แม่น้ำและทะเล มีสถิติการเกิดอุบัติภัยทางน้ำจำนวนมาก เข้ารับการฝึกทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ โดยหลักสูตรการฝึก ประกอบด้วย การขับเรือยางเพื่อช่วยผู้ประสบภัยที่ในสายงานกู้ภัยพบเจอเป็นประจำ, ทักษะการจัดการเหตุฉุกเฉินซึ่งจะช่วยให้อาสาสมัครกู้ภัยที่กำลังช่วยเหลือผู้ประสบภัยใต้น้ำสามารถขึ้นถึงพื้นผิวได้อย่างปลอดภัยด้วยตัวเอง หรือ CESA (Control Emergency Swimming Ascent), การดำน้ำค้นหาผู้ประสบภัยใต้น้ำและบนผิวน้ำแบบเป็นทีม, การฝึก Skills Scuba และการถอด-แต่งกาย Scuba ใต้น้ำและบนผิวน้ำ

พล.ร.ต.ศุภชัย ธนสารสาคร ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ อธิบายว่า หลักสูตรกู้ภัยทางน้ำร่วมกับสิงห์อาสา ได้จัดอบรมต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 แล้ว ซึ่งทางซีลมีทีมครูฝึกที่เชี่ยวชาญด้านการกู้ภัยทางน้ำที่ช่วยพัฒนาศักยภาพของทีมอาสาสมัครกู้ภัยให้สามารถเข้าช่วยชีวิตผู้ประสบภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ซึ่งทีมอาสากู้ภัยถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะในแต่ละพื้นที่ทั่วประเทศเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน จำเป็นที่จะต้องมีทีมอาสาเหล่านี้เข้าช่วยเหลือประชาชนให้ทันท่วงที การอบรมหลักสูตรกู้ภัยทางน้ำจึงเป็นการเตรียมความพร้อมให้เหล่าอาสาสมัครก่อนออกไปปฏิบัติภารกิจ

คุณอรรถสิทธิ์ พรหมสุข ผู้จัดการส่วนงานกิจกรรมเพื่อสังคม บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด เปิดเผยว่า ที่ผ่านมา สิงห์อาสาได้ทำงานร่วมกับกลุ่มอาสาสมัครกู้ภัยทั่วประเทศ ในการช่วยเหลือประชาชนมาโดยตลอด ซึ่งในยามที่เกิดอุบัติภัยอาสาสมัครกู้ภัยคือกลุ่มคนสำคัญที่พร้อมเสียสละตนเองเข้าให้การช่วยเหลือประชาชนที่กำลังเดือดร้อน การสนับสนุนให้กลุ่มอาสาสมัครกู้ภัยมีทักษะการกู้ชีพและกู้ภัยขั้นสูง จะช่วยให้ทีมกู้ภัยสามารถรับมือและแก้ไขสถานการณ์วิกฤตได้อย่างดี ผู้ประสบภัยมีโอกาสรอดชีวิตสูงขึ้น ลดการบาดเจ็บและอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับทีมกู้ภัยเองด้วย ซึ่งตลอด 4 ปี ต้องขอขอบคุณหน่วยซีลที่ร่วมกันจัดอบรมจนสร้างทีมอาสาสมัครกู้ภัยมากกว่า 100 คน ที่จะเข้าไปช่วยเหลือพี่น้องประชาชนทั่วประเทศได้อย่างทันท่วงที

ทิพยประกันภัย​-สกพอ. เซ็น MOU นำประกันภัยเสริมแกร่งภาคธุรกิจและประชาชนในพื้นที่เขต​ EEC

รายงานข่าว​ เปิดเผยว่า​ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) หรือ อีอีซี โดย นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก และบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) โดย ดร.สมพร สืบถวิลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ และ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ทิพยประกันภัย ร่วมกัน ลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) ความร่วมมือการส่งเสริมการลงทุน และบริการทางการเงินเพื่อพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ให้มีการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ทันสมัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยตามหลักการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยส่งเสริมให้มีผลิตภัณฑ์หรือบริการทางประกันวินาศภัยให้กับผู้ประกอบการ นักลงทุน ประชาชนและชุมชนในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ตลอดจนกิจกรรมที่เกี่ยวเนื่องที่สามารถตอบสนองความต้องการของนักลงทุน ผู้ประกอบการ ประชาชนและชุมชนในพื้นที่ได้อย่างทั่วถึง เหมาะสม เพียงพอและต่อเนื่อง รวมทั้งสนับสนุนและส่งเสริมให้เกิดความรู้และความเข้าใจในการประกันวินาศภัย และส่งผลให้เกิดการบริหารจัดการความเสี่ยงภัยในการประกอบธุรกิจและดำเนินกิจกรรมที่เกี่ยวข้องอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถยกระดับความมั่นคงทางเศรษฐกิจ สังคม และรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นระบบ บรรลุเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ เกิดผลดีมีความยั่งยืนตลอดไป  ทั้งนี้ยังได้รับเกียรติจาก นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มาเป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือดังกล่าวด้วย ณ ห้องประชุมวายุภักษ์ กระทรวงการคลัง

มูลนิธิแอสเสท เวิรด์ เพื่อการกุศล จับมือพันธมิตร​ เดินหน้าโครงการ “GIVE GREEN CBD: SYNERGY POWER 2022” ปีที่ 9

มูลนิธิแอสเสท เวิรด์ เพื่อการกุศล ภายใต้ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จํากัด (มหาชน) หรือ AWC จับมือพันธมิตรจากบริษัทชั้นนำสานต่อโครงการ “GIVE GREEN CBD: SYNERGY POWER 2022” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 9 โดยเริ่มต้นที่การร่วมเปิดต้นคริสต์มาส กับ บริษัทมาสเตอร์ แอด จำกัด (มหาชน) หรือ MACO และพันธมิตรเป็นงานแรกภายใต้แนวคิด “Light of Happiness 2022” หรือ “แสงแห่งความสุข” ด้วยแนวคิดส่งเสริมการสร้างคุณค่าในระยะยาวร่วมกัน โดยสร้างประโยชน์เพื่อดูแลชุมชน สังคม สิ่งแวดล้อม และเศรษฐกิจในองค์รวม โดยจัดขึ้นระหว่างเดือนธันวาคม 2564  ถึงมกราคม 2565 

นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ AWC กล่าวว่า “ ในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ AWC ขอร่วมรวมพลังกับพันธมิตร ส่งต่อความสุขและความดีงามตลอดปี 2565 ด้วยการนำงบประมาณที่ได้จากการบริจาคในครั้งนี้ไปทำกิจกรรมต่างๆ อาทิ AWC Charity Market Around ตลาดเพื่อชุมชน ภายใต้คอนเซ็ปต์เศรษฐกิจหมุนเวียน กิจกรรมปันฝันเพื่อสร้างศูนย์การเรียนรู้ให้แก่โรงเรียนที่ขาดแคลน เพื่อร่วมสร้างโอกาสในการต่อเติมความฝันและความรู้ให้กับเยาวชนไทย รวมถึงกิจกรรม “Empire Tower We Run” ชวนนักวิ่งพลังสีเขียวร่วมสร้างจิตสำนึกรักษ์สิ่งแวดล้อมตลอดการวิ่ง 

พร้อมกันนี้ มูลนิธิแอสเสท เวิรด์ เพื่อการกุศล ร่วมกับ บริษัทมาสเตอร์ แอด จำกัด (มหาชน)  เชิญพันธมิตรร่วมเปิด  LED RIBBON CHRISTMAS TREE  ต้นคริสต์มาสแอลอีดี ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ภายใต้แนวคิด “Light of Happiness 2022” หรือ “แสงแห่งความสุข” ที่ได้ประดับต้นคริสต์มาสด้วยจอ LED อันเกิดจากความตั้งใจภายใต้ Circlular Economy โดยสามารถนำจอ LED และขวดน้ำช้าง พร้อมอุปกรณ์ที่ตกแต่งโดยรอบไปทำประโยชน์ต่อได้อีกในภายหลัง โดยขอเชิญชวนทุกคนมาร่วมบริจาคกับมูลนิธิ แอสเสท เวิรด์ เพื่อการกุศล ผ่านหมายเลขบัญชี 857-7-08878-7 ธนาคารกรุงเทพ เพื่อนำไปทำโครงการสร้างคุณค่าอย่างต่อเนื่องสืบไป

“เรามีความตั้งใจที่อยากส่งต่อแนวคิดให้ทุกภาคส่วนร่วมใส่ใจสิ่งแวดล้อมไปด้วยกัน เนื่องจากความท้าทายที่เราต่างร่วมเผชิญกันทั้งในด้านสิ่งแวดล้อมและสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19  เรายิ่งเล็งเห็นความสำคัญของการรวมพลังของทุกภาคส่วน ในนามตัวแทนของพันธมิตรจากบริษัทชั้นนำจึงเดินหน้าต่อเนื่องด้วยความเชื่อมั่นว่าความร่วมมือที่เริ่มต้นจากผู้ประกอบการภาคเอกชน จะช่วยส่งเสริมการสร้างคุณค่าพร้อมสามารถขยายผลและนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ให้กับเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมของกรุงเทพฯ ตลอดจนทั้งประเทศไทย”

ทั้งนี้มูลนิธิแอสเสท เวิรด์ เพื่อการกุศล ได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตรที่เป็นบริษัทชั้นนำประกอบด้วย บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท เคพีเอ็มจี ภูมิไชย สอบบัญชี จํากัด (KPMG) บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) (KTAM) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) น้ำแร่ธรรมชาติตราช้าง (Chang Water) บริษัท เพอร์เฟค คอมพาเนียน กรุ๊ป จำกัด (Smart Heart, Me-O) บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท อิปซอสส์ (ไทยแลนด์) จำกัด บริษัท มาซาร์ส (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) (AIS) บริษัท บีแอลไอ (ไทยแลนด์) จำกัด (BLI) และบริษัท โจนส์ แลง ลาซาลล์ แมนเนจเม้นท์ จำกัด

สามารถติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวของโครงการ GIVE GREEN CBD: SYNERGY POWER 2022 รวมทั้งกลุ่มมูลนิธิแอสเสท เวิรด์ เพื่อการกุศล ภายใต้ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จํากัด (มหาชน) เพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.assetworldcorp-th.com หรือ Facebook และ IG อย่างเป็นทางการที่ AssetWorldCorporation

ยาฟ้าทะลายโจรของ’เจ้าสัวธนินท์​’ ถึงมือชาวสงขลา

รายงานข่่าว​ เปิดเผยว่า​ ยาสมุนไพรฟ้าทะลายโจรแจกฟรี 30 ล้านแคปซูล เพื่อเพิ่มโอกาสคนไทยเข้าถึงยาสมุนไพร ตามนโยบายของนายธนินท์ เจียรวนนท์​ ประธานอาวุโสเครือเจริญโภคภัณฑ์ ที่ให้จัดทำโครงการ “ซีพี ปันปลูก ฟ้าทะลายโจร” ภายใต้แนวคิด “ร้อยเรียงความดีซีพี 100 ปี” ผลิตโดยซีพีเอฟ​ ให้แจกจ่ายถึงกลุ่มเปราะบางอย่างทั่วถึงโดยเร็วที่สุด ล่าสุดซีพีเอฟส่งมอบยาฟ้าทะลายโจรแก่ชาวสงขลา ผ่านเทศบาลบ้านไร่ รพ.สต.บ้านพรุ และรพ.สต.คลองยางแดง อ.หาดใหญ่

นายจรัส อัศวชาญชัยสกุล รองกรรมการผู้จัดการ ซีพีเอฟ นำทีมงานจิตอาสาโรงงานผลิตอาหารสัตว์น้ำบ้านพรุ เดินหน้าส่งมอบยาฟ้าทะลายโจรจากเครือซีพี เพื่อชาวหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ผ่าน นายนิวอง รัตนพันธ์ รองนายกเทศมนตรีตำบลบ้านไร่ เป็นผู้แทนรับมอบยาฟ้าทะลายโจร และเดินสายมอบแก่ นางสาวกัญเปมฐิษา แกล้วทนงค์ ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านพรุ จัดสรรส่งต่อให้แก่ประชาชนกลุ่มเปราะบาง มีโอกาสได้เข้าถึงยาเพื่อใช้ในการดูแลต่อไป

นายนิวอง รัตนพันธ์ เปิดเผยว่า พื้นที่ตำบลบ้านไร่ยังคงมีผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 อยู่ การที่เครือซีพีมามอบยาแคปซูลในโครงการ “ซีพี ปันปลูก ฟ้าทะลายโจร” ให้กับเทศบาลบ้านไร่ เป็นสื่อกลางในการแจกจ่ายให้กับชุมชนในพื้นที่ผ่านอสม. ผู้ใหญ่บ้าน ในกลุ่มผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 และผู้ที่มีความเสี่ยงในครั้งนี้นับว่าเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อชาวตำบลบ้านไร่ ขอขอบคุณในความห่วงใยที่บริษัทมีต่อพี่น้องประชาชนเสมอมา

ด้าน นางสาวกัญเปมฐิษา แกล้วทนงค์ กล่าวว่า รพ.สต.บ้านพรุ จะนำยาฟ้าทะลายโจรนี้ไปมอบแก่พี่น้องชาวบ้านพรุ สรรพคุณทางยาช่วยบรรเทาอาการเบื้องต้นในผู้ป่วยโควิด-19 ในกลุ่มที่ยังไม่มีอาการรุนแรง ถือว่าเป็นโครงการที่ดีและน่าชื่นชมมากที่ซีพีห่วงใยไม่เคยทอดทิ้งประชาชน ขอขอบคุณน้ำใจของบริษัทเป็นอย่างมาก

นายเชิดพงศ์ ไตรแก้ว ตัวแทนชาวบ้านไร่ กล่าวขอบคุณซีพีและซีพีเอฟ ที่ส่งมอบยาสมุนไพรที่มีสรรพคุณที่ดีให้กับชาวบ้านในพื้นที่ แสดงถึงความห่วงใยที่บริษัทมีให้ โดยเฉพาะในช่วงวิกฤตโควิด-19 เช่นนี้ ทางด้าน นายอนุสรณ์ สุนทรสวัสดิ์ กล่าวเสริมว่า โครงการนี้ถือว่าช่วยบรรเทาความกังวลแก่พี่น้องประชาชน โดยเฉพาะผู้ติดเชื้อโควิด-19 และคนในกลุ่มเสี่ยง ขอขอบคุณอีกครั้งที่จัดโครงการดีๆแบบนี้ให้กับคนไทย

ส่วน นายจรัส อัศวชาญชัยสกุล กล่าวว่า ด้วยดำริของประธานอาวุโสเครือซีพี ธนินท์ เจียรวนนท์ ที่เล็งเห็นว่าในสถานการณ์ปัจจุบันการดูแลตัวเองเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง จึงประกาศจัดทำโครงการ “ซีพี ปันปลูก ฟ้าทะลายโจร” ภายใต้แนวคิด “ร้อยเรียงความดีซีพี 100 ปี” เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2564 โดยปลูกฟ้าทะลายโจรในพื้นที่ 100 ไร่ ใช้เวลา 100 วัน เพื่อผลิตยาฟ้าทะลายโจร 30 ล้านแคปซูล แจกฟรีให้กับพี่น้องประชาชนและชุมชน ให้คนไทยมีโอกาสเข้าถึงยาฟ้าทะลายโจร โดยมีทุกกลุ่มธุรกิจในเครือฯร่วมกันกระจายความห่วงใยนี้ เพื่อช่วยเหลือสังคมให้ก้าวผ่านวิกฤตไปด้วยกัน สำหรับซีพีเอฟร่วมส่งมอบในจังหวัดสงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส นครราชสีมา และกรุงเทพฯ

ทางด้าน นายสนต์นา รัตนพงศ์ ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลส่งเสริมตำบลคลองยางแดง อ.รัตภูมิ จ.สงขลา รับมอบยาสมุนไพรฟ้าทะลายโจรจากซีพีเอฟ โดยมี นายรัชชวัฒน์ นพภา ผู้แทนซีพีเอฟส่งมอบ เพื่อนำไปมอบแก่ชาวคลองยางแดง นายสนต์นา กล่าวขอขอบคุณแทนประชาชนชาวต.ท่าชะมวง ที่เครือซีพีสนับสนุนการใช้สมุนไพรไทยฟ้าทะลายโจร ที่มีสรรพคุณช่วยป้องกันไข้หวัด ใช้ดูแลสุขภาพสร้างภูมิคุ้มกัน โดยจะมอบฟ้าทะลายโจรให้กับผู้ที่มาใช้บริการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพต.คลองยางแดง และมอบให้กับชาวชุมชนต่อไป

ขณะที่ นางสาวอาอีฉ๊ะ หมัดศรี ตัวแทนชาวชุมชนที่มารับมอบยาสมุนไพรฟ้าทะลายโจร กล่าวว่า ดีใจมากที่ได้รับมอบฟ้าทะลายโจรจากเครือซีพี ซึ่งในชุมชนยังคงมีผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ยาที่ได้รับจะช่วยให้พี่น้องประชาชนอุ่นใจมีสมุนไพรป้องกันตนเองได้ เช่นเดียวกับ นางสาวสิริโฉม เต๊ะหมาด บอกว่า โครงการนี้เป็นผลดีต่อประชาชน โดยเฉพาะในพื้นที่หมู่ 4 ที่ยังคงมีผู้ป่วยและมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโควิด-19 ด้าน นางสมพร เอียดแก้ว กล่าวขอบคุณความห่วงใยที่ซีพีและซีพีเอฟมอบให้กับชาวสงขลามาตลอด

AIS 5G x NOK AIR กระตุ้นท่องเที่ยวไทย มอบส่วนลดค่าตั๋วเดินทางสูงสุด 500 บาท

รายงานข่าว​ เปิดเผยว่า​ AIS จับมือกับสายการบินนกแอร์ จัดกิจกรรมสุดพิเศษต้อนรับผู้โดยสารที่เดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ​ กับแคมเปญ “ทั่วไทยอุ่นใจ บินไปกับนกแอร์”

โดยมอบประสบการณ์การท่องเที่ยวสุดคุ้ม 2 ต่อ คือ 1.รับส่วนลดค่าตั๋วเดินทางสำหรับลูกค้า AIS และ AIS Serenade โดยลูกค้า AIS รับส่วนลด 300 บาท เมื่อจอง Nok X-tra (ที่นั่ง+น้ำหนักกระเป๋า 15 กก.) ด้านลูกค้า Serenade ลด 500 บาท เมื่อจอง Nok Max (ที่นั่ง+น้ำหนักกระเป๋า 20 กก.) และรับน้ำหนักกระเป๋าเพิ่มฟรีอีก 10 กก. พร้อมสิทธิ์ขึ้นเครื่องก่อนใคร (Priority Boarding)

ต่อที่ 2.ลุ้นรับรางวัลจากการร่วมกิจกรรม ผู้โดยสารสามารถร่วมสนุกไปกับกิจกรรม เซลฟี่ภาพคู่กับ น้องอุ่นใจบนเครื่องบินนกแอร์ หรือกับพนักงาน นกอุ่นใจ (ที่มีที่คาดผมอุ่นใจ) หรือ สื่อ AIS 5G บนเครื่องบินนกแอร์และโพสลงบน Facebook หรือ Instagram พร้อมใส่ Hashtag #ทั่วไทยอุ่นใจบินไปกับนกแอร์และAIS5G และตั้งค่าโพสเป็นสาธารณะ ลุ้นรับของรางวัลสุดพิเศษตลอดโครงการ อาทิ ตุ๊กตาน้องอุ่นใจแบบฉบับนกแอร์ และรางวัลบัตรแทนเงินสดเพื่อซื้อสินค้าและบริการในอนาคต

โดยสิทธิพิเศษนี้ สามารถรับสิทธิ์ได้ทาง myAIS app ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้ (เลือกเมนู สิทธิพิเศษ > พิมพ์ สิทธิพิเศษที่ต้องการ ใน Search Box / เลือกบริการที่ท่านต้องการ และกดรับสิทธิ์เพื่อรับหมายเลข Voucher และ PIN ต่อมา Copy หมายเลข Voucher และ PIN จากนั้นเข้าเว็บไซต์ www.nokair.com เพื่อจองตั๋ว และกรอกหมายเลข Voucher และ PIN เพื่อรับสิทธิ์  โดยแคมเปญดังกล่าว สามารถรับสิทธิ์และเข้าร่วมกิจกรรมได้ตั้งแต่วันที่ 24 ธ.ค. 2564 ไปจนถึงวันที่ 30 มิ.ย. 2565

แฟลช จับมือก.พาณิชย์ มอบของขวัญปีใหม่ แจกคูปองส่งฟรีส่งท้ายปี


รายงานข่าว เปิดเผยว่า แฟลช เอ็กซ์เพรส ร่วมกับ กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ภายใต้โครงการ “พาณิชย์ลดราคา!ช่วยประชาชน New Year Grand Sale 2022” มอบของขวัญปีใหม่ให้คนไทย ด้วยคูปองส่วนลดค่าจัดส่งพัสดุ ฟรี! จำนวน 45,000 สิทธิ์ ตั้งแต่วันนี้ จนถึง 31 มกราคม 2565

ทั้งนี้ การเข้าร่วมโครงการดังกล่าว ถือเป็นโอกาสดีที่แฟลช เอ็กซ์เพรส จะได้ตอบแทนลูกค้าที่ให้ความไว้วางใจมาตลอดทั้งปี และยังเป็นการสนับสนุนนโยบายภาครัฐ ด้วยการช่วยลดภาระค่าครองชีพ ในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ 2565 อีกด้วย

สำหรับลูกค้าผู้ใช้บริการที่สนใจ สามารถลงทะเบียนรับสิทธิ์ผ่าน QR Code หรือ คลิกที่ลิ้งก์ https://bit.ly/3snpVX7 จากนั้นจะได้รับ คูปองส่วนลดค่าจัดส่งพัสดุ 30 บาท ฟรี! ผ่านทางแอปพลิเคชั่น โดยลูกค้าสามารถทำการบุ๊คกิ้งผ่าน Flash Express Application เพื่อเรียกให้เจ้าหน้าที่เข้ารับพัสดุได้ถึงหน้าบ้าน ตั้งแต่วันนี้ จนถึง 31 มกราคม 2565 สอบถามรายละเอียด หรือ เงื่อนไขเพิ่มเติมได้ที่ FaceBook Fanpage: Flash Express

“ทัตพงศ์” แชมป์ปิดซีซั่น รับ 1 แสน สวิงสิงห์-เซท ทีดีที ขอนแก่น

ทัตพงศ์ ชุติมาภรณ์ นักกอล์ฟหนุ่มจากสงขลา ฮึดทำ 2 เบอร์ดี้จาก 3 หลุมสุดท้ายพลิกสถานการณ์กลับมาคว้าถ้วยสำเร็จด้วยสกอร์รวม 6 อันเดอร์พาร์ 138 หลังจบรอบนี้ด้วยสกอร์ 5 อันเดอร์พาร์ 67 รับแชมป์ในศึก ไทยแลนด์ ดีเวลลอปเม้นท์ ทัวร์ รายการ “สิงห์-เอสเอที ทีดีที ขอนแก่น 2021” ณ สนามสิงห์ปาร์ค ขอนแก่น กอล์ฟ คลับ แบบพาร์ 72 ระยะ 7,550 หลา จ.ขอนแก่น เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.2564 รับถ้วยแชมป์พร้อมเงินรางวัล 1 แสนบาท ขณะที่ จาตุรนต์ ดวงไพชุม และ กันตปวิชญ์ พันธรักษ์ คว้าอันดับ 2 ร่วม ที่สกอร์รวม 4 อันเดอร์พาร์ 140

สมาคมกีฬากอล์ฟอาชีพแห่งประเทศไทย ร่วมกับ การกีฬาแห่งประเทศไทย, กองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติ และ บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด จัดการแข่งขันระหว่างวันที่ 21-22 ธ.ค.25644 แข่งขันแบบสโตรคเพลย์ออฟ 2 วัน 54 หลุม แชมป์รับเงินรางวัล 1 แสนบาท โดยเป็นแมตช์สุดท้ายของศึก ไทยแลนด์ ดีเวลลอปเมนท์ ทัวร์ 2021 ณ สนามสิงห์ปาร์ค ขอนแก่น กอล์ฟ คลับ แบบพาร์ 72 ระยะ 7,550 หลา ได้รับเกียรติจาก คุณจิตติศักดิ์ แต้มประเสริฐ เลขาธิการ และกรรมการกฏข้อบังคับสมาคมฯ และ ผู้อำนวยการจัดการแข่งขัน พร้อมด้วยคุณภานุ อนามบุตร ผู้จัดการทั่วไปสนามสิงห์ปาร์ค ขอนแก่น กอล์ฟ คลับ ร่วมในพิธีมอบรางวัลแชมป์

จบการแข่งรอบสุดท้าย ทัตพงศ์ ชุติมาภรณ์ นักกอล์ฟดาวรุ่งวัย 23 ปีจาก สงขลา พลิกจากตามหลัง 4 แต้ม ก่อนเริ่มเล่นรอบนี้ ด้วยการเก็บเข้ามาอีก 5 อันเดอร์พาร์ 67 จากผลงาน 4 เบอร์ดี้ 1 โบกี้กับอีก 1 อีเกิ้ล ที่หลุม 11 พาร์ 5 และรวมถึงการทำ 2 เบอร์ดี้จาก 3 หลุมสุดท้าย ก่อนจะจบการแข่งขันด้วยสกอร์รวม 6 อันเดอร์พาร์ 138 คว้าแชมป์รายการนี้ พร้อมรับเงินรางวัล 1 แสนบาท และยังเป็นแชมป์ระดับอาชีพรายการที่ 2 ของเจ้าตัวด้วย

ทีดีที ทัวร์

ทัตพงศ์ ที่ประสบความสำเร็จ ในการเล่น ไทยแลนด์ ดีเวลลอปเม้นท์ทัวร์ (ทีดีที ทัวร์) เป็นรายการที่สองภายหลังเทิร์นโปรมาร่วมสองปี ครั้งแรกทำได้ ณ สนาม ชาเทรียมฯ จันทบุรี เมื่อปีที่ผ่านมา กล่าวว่า “คุ้นเคยกับสนามสิงห์ปาร์คฯ เล่นได้ดีตลอด เกือบคว้าแชมป์ที่นี่มาแล้วครั้งหนึ่ง แต่แพ้รอบเพลย์ออฟ ชอบสนามนี้มากๆ และลงแข่งขันมาตลอด วันนี้ทำผลงานอย่างมั่นใจ แถมพัตต์ได้ดีด้วย เมื่อทำอีเกิ้ลที่หลุม 11 พาร์ 5 คิดว่าน่ามีโอกาส จึงพยายามเน้นเกมการเล่นมากขึ้น มาพลาดออกโบกี้ที่หลุม 13 พาร์ เพราะทำสามพัตต์ ยอมรับว่าหลุมนี้ผมไม่ชอบเลยเสียโบกี้มาตลอดทุกวัน แต่ทำอีกสองเบอร์ดี้ได้ ดีใจ และภูมิใจกับตัวเองมากๆ สำหรับความสำเร็จครั้งนี้”

จาตุรนต์ ดวงไพชุม จากอุดรฯ ทำสกอร์เพิ่มอีก 2 อันเดอร์พาร์ 70 และ กันตปวิชญ์ พันธรักษ์ คว้าอันดับ 2 ร่วม ที่สกอร์รวม 4 อันเดอร์พาร์ 140 แบ่งเงินรางวัลไปคนละ 52,500 บาท ด้านอันดับ 4 ร่วม พล เขมรัตน์ สวิงจากศรีสะเกษ และ ธนพล เจริญสุุข ทำสกอร์มาเท่ากันที่ 3 อันเดอร์พาร์ 141 แบ่งเงินรางวัลไปคนละ 25,500 บาท

สรุปผลการแข่งขัน

  • 138 (-6) ทัตพงศ์ ชุติมาภรณ์ 71-67 (เงินรางวัล 100,000 บาท)
  • 140 (-4) จาตุรนต์ ดวงไพชุม 70-70, กันตปวิชญ์ พันธรักษ์ 69-71 (เงินรางวัล 52,500 บาท)
  • 141 (-3) พล เขมรัตน์ 68-73, ธนพล เจริญสุข 67-74 (เงินรางวัล 25,500 บาท)
  • 142 (-2) ปิยชาติ อยู่สบาย 71-71, พิจิตร เพ็ชรเกษม 71-71, ณัฐดนัย เนื่องจากนิล 71-71, จักรภัทร ฮ้อแสงชัย 70-73 (เงินรางวัล 22,150 บาท)

นักวิชาการย้ำ เลือกเนื้อสัตว์ปลอดสาร ปลอดภัย ลดเสี่ยงเชื้อดื้อยา

นักวิชาการ สัตวแพทย์ จุฬาฯ ย้ำปัญหาเชื้อดื้อยาเป็นเรื่องที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกัน ตั้งแต่ฟาร์มที่ให้ความสำคัญกับการใช้ยาต้านจุลชีพอย่างสมเหตุผล  ควบคู่กับการจัดการด้านหลักสวัสดิภาพสัตว์ แนะผู้บริโภคตระหนักรู้เลือกเนื้อสัตว์ที่มาจากแหล่งผลิตและจำหน่ายที่ได้มาตรฐาน เพื่อความปลอดภัย

รองศาสตราจารย์ น.สพ.ดร. ณุวีร์ ประภัสระกูล รองคณบดีวิจัย นวัตกรรม และสื่อสารองค์กร คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เผยว่า เชื้อดื้อยานับว่าเป็นวิกฤตของทุกคนทั่วโลก ซึ่งปัญหานี้เกิดจากการพยายามปรับตัวของเชื้อแบคทีเรียให้สามารถอยู่บนโลกนี้ได้ การเกิดเชื้อดื้อยาจากการใช้ยาปฏิชีวนะที่ไม่จำเป็น จนยาปฏิชีวนะใช้รักษาแล้วไม่ได้ผล ทำให้ผู้ป่วยมีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตมากขึ้น ขณะที่องค์การสหประชาชาติ (United Nation; UN) คาดการณ์ว่าหากไม่มีการป้องกันและจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้น ภายในอีก 30 ปีข้างหน้า (ค.ศ. 2050) จะมีผู้เสียชีวิตจากปัญหาเชื้อดื้อยาสูงถึง 10 ล้านคนต่อปี สำหรับ การใช้ยาปฏิชีวนะในการเลี้ยงสัตว์ ยังมีความจำเป็นในการรักษา ตามหลักสวัสดิภาพสัตว์ (animal welfare) เมื่อมีสัตว์เจ็บป่วย และช่วยลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อในฝูงของสัตว์ โดยอยู่ในการควบคุมของสัตวแพทย์ และตามมาตรฐานของการใช้ยาปฏิชีวนะควบคุมโดยกรมปศุสัตว์ ที่กำหนดให้มีการใช้อย่างสมเหตุสมผลและเหมาะสม

“หลักที่สำคัญคือ ระยะการหยุดยาปฏิชีวนะที่เหมาะสมก่อนส่งเข้าสู่กระบวนการผลิตถัดไป เพื่อลดโอกาสเสี่ยง และยังไม่มีหลักฐานชี้นำว่าเชื้อดื้อยาเป็นผลจากการบริโภคอาหารที่มาจากกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐานส่งผลต่อสุขภาพผู้บริโภค” รองศาสตราจารย์ น.สพ.ดร. ณุวีร์ กล่าว

สำหรับการใช้ยาปฏิชีวนะอย่างถูกต้องสมเหตุผลในสัตว์ ควรเลือกใช้ยาปฏิชีวนะที่อนุญาตให้ใช้โดยกรมปศุสัตว์ ซึ่งจะมีมาตรการและข้อกำหนดต่างๆในการใช้ยาให้เหมาะสมกับชนิดของสัตว์ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์น้ำ สัตว์เลี้ยง และปศุสัตว์ และควรเลือกให้เหมาะสมกับชนิดของยา คุณภาพของยา ความถี่ของการใช้ ควรจะใช้ให้ถูกต้องตามข้อแนะนำของฉลากยา

นอกจากนี้ กรมปศุสัตว์ยังมีข้อห้ามไม่ให้ใช้กลุ่มของยาที่ใช้รักษามนุษย์มาใช้ในสัตว์ ปัจจุบันวงการปศุสัตว์ไทยตื่นตัวกันมากในการลดใช้ยาปฏิชีวนะ และหาสารทางเลือกอื่นๆ มาใช้การทดแทนยาปฏิชีวนะ ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของชาติที่กรมปศุสัตว์กำหนดเป้าหมายมุ่งลดการใช้ยาปฏิชีวนะ 30% ในวงการเลี้ยงสัตว์ ซึ่งภาครัฐและภาคเอกชนได้ร่วมมือกันดำเนินการเพื่อ ยกระดับความปลอดภัยอาหารให้กับผู้บริโภค

รองศาสตราจารย์ น.สพ.ดร. ณุวีร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การตระหนักรู้ ของผู้บริโภคเป็นเรื่องที่ดี และมีส่วนสำคัญในการลดปัญหาเชื้อดื้อยา โดยผู้บริโภคต้องให้ความสำคัญกับการเลือกซื้อเนื้อสัตว์ การดูสีรวมถึงลักษณะของเนื้อเป็นหลัก เนื้อสุกรต้องเป็นสีชมพู ไม่มีสิ่งแปลกปลอม ไม่มีรอยเลือดจ้ำ หรือสีของเนื้อผิดปกติ และเลือกซื้อจากร้านจำหน่ายที่สะอาด ได้มาตรฐาน เชื่อถือได้ โดยสังเกตสัญลักษณ์ “ปศุสัตว์ OK” ซึ่งเป็นสถานที่จำหน่ายเนื้อสัตว์ที่ได้รับการรับรองจากกรมปศุสัตว์ว่าจำหน่ายเนื้อสัตว์ที่ถูกสุขลักษณะ มีกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐานทุกขั้นตอน และตรวจสอบย้อนกลับได้เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคว่าได้เลือกซื้อเนื้อสัตว์ที่ปลอดสารปนเปื้อน และปลอดภัยจากเชื้อดื้อยา