Home Blog Page 174

รู้เก็บรู้ออม : หลักสูตรเรียนเพื่อวัยเก๋า

0
ที่มา คอลัมน์ "รู้เก็บรู้ออมรู้ใช้รู้ลงทุน..สู่ความมั่งคั่ง"  หน้าเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

การเตรียมตัวเตรียมใจให้ตัวเองพร้อมก้าวสู่วัยเกษียณ จะว่าง่ายก็ง่าย จะว่ายากก็ยาก ที่ว่าง่ายนั้น สำหรับคนที่เตรียมพร้อมรับกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะร่างกาย จิตใจ ตลอดจนสถานภาพการเงิน คนที่ไหวตัวและรู้ทัน รู้จักวางแผนและจัดการการออมตั้งแต่ก่อนเกษียณ ผลลัพธ์ที่ตามมาคือ เราจะสามารถก้าวผ่านสู่อีกช่วงอายุได้อย่างมีความพร้อม และดำเนินชีวิตแบบ “เกษียณสุข” มีสภาพคล่องทางการเงิน ไม่ติดๆขัดๆ เหมือนข้อเข่าแน่นอน

แต่สำหรับคนที่ไม่ได้เตรียมอะไรเลย ปล่อยเวลาให้ผ่านไป ไม่เห็นความสำคัญของการออม โดยเฉพาะการออมเพื่อวัยเกษียณด้วยแล้ว แน่นอนว่า คงเป็นเรื่องยากที่จะรับมือกับความเปลี่ยนแปลงและเปลี่ยนไปที่เกิดขึ้น ซึ่งก็เป็นเรื่องน่าเสียดายไม่น้อย เพราะการออมนั้น หากเริ่มต้นทำได้เร็วเท่าไร เริ่มลงมือออมแต่ตอนที่เรายังมีต้นทุนเวลาเหลือเฟือด้วยแล้ว ยิ่งเป็นเรื่องที่ดีต่อตัวเราเองมากเท่านั้น

“คุณนายพารวย” เองเพิ่งรับตำแหน่งใหม่ เข้าเป็นสมาชิกของสังคมผู้สูงวัย เลยขอชวนให้แฟนคอลัมน์ “รู้เก็บรู้ออมฯ” เริ่มลงมือออมตั้งแต่วันนี้ และยึดเรื่องวางแผนจัดการเรื่องเงินให้เป็นสิ่งสำคัญของชีวิต เพราะเวลานั้นมีค่า และแน่นอนว่าหากเสียไป ก็มีราคาที่ต้องจ่าย

ที่ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้สนับสนุนและส่งเสริมความรู้ด้านการเงินการลงทุนมาตลอด เพื่อให้คนไทยมีความรู้ทางการเงินขั้นพื้นฐาน สามารถยกระดับคุณภาพชีวิตให้มีความมั่นคงทางการเงินและเตรียมพร้อมสำหรับการใช้ชีวิตวัยเกษียณ และการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์

ล่าสุด SET e Learning ขอเอาใจวัยเก๋า เปิดหลักสูตรใหม่ เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือวัยเกษียณ เรียนรู้ขั้นตอนและเทคนิคบริหารจัดการเงินเตรียมเกษียณ เหมาะกับคนที่สนใจวางแผน การเงินและใกล้เกษียณ จัดเต็ม 2 หลักสูตร รวม 2 ชั่วโมง

หลักสูตรแรก “วัย 50+ เตรียมชีวิตมั่งคั่ง…รับวันเกษียณ” สำรวจสถานะการเงิน แหล่งเงินออมเพื่อวัยเกษียณ พร้อมเทคนิคการจัดการหนี้ และแนวทางการบริหารพอร์ตลงทุนในช่วงวัยใกล้เกษียณ กลุ่มเป้าหมายอย่างคุณนายพารวย เห็นแล้วต้องรีบคลิก https://elearning.set.or.th/SETGroup/courses/911/info พบกับเนื้อหาการเรียนที่น่าสนใจทั้งการ เตรียมพร้อมก่อนเข้าสู่วัยเกษียณ, เตรียมเกษียณอย่างมีแผน, สะสางภาระหนี้สินให้พร้อมก่อนวันเกษียณ และ ลงทุนทางเลือกไหน สบายใจวัยใกล้เกษียณ

และหลักสูตรที่สอง “วัย 60+ บริหารเงินหลังเกษียณ สไตล์วัยเก๋า” สำหรับผู้อาวุโสกว่าคุณนายพารวย ต้องถูกใจสิ่งนี้ เพราะว่าด้วยการเตรียมตัวรับมือกับการเปลี่ยนแปลงหลังเกษียณอายุ เรียนรู้ขั้นตอนการสำรวจสถานะการเงิน ทบทวนแหล่งรายได้หลังเกษียณ เทคนิคการวางแผนใช้จ่าย การบริหารหนี้สิน การบริหารพอร์ตลงทุน ประกอบไปด้วยบทเรียน การเริ่มต้นตั้งเข็มทิศ รับชีวิต “เกษียณสุข”, เกษียณอย่างมีแผน…You Can Do it!!!, เทคนิคบริหารเงินหลังเกษียณ และ สุขใจผู้ให้…อุ่นใจผู้รับ ด้วยการวางแผนมรดก สนใจเรียนแค่คลิก https://elearning.set.or.th/SETGroup/courses/912/info

แต่ละหลักสูตรใช้เวลาเรียนไม่นาน แถมเนื้อหาเข้าใจง่าย ที่สำคัญไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ เรียนจบยังได้วุฒิบัตรไว้บอกตัวเองว่า วันนี้เราได้ลงมือเตรียมตัวต้อนรับวัยเกษียณแล้ว!

คุณนายพารวย

เมืองไทยประกันชีวิต จับมือ โตโยต้า ซัมมิท ส่งมอบ “กรมธรรม์ประกันภัยกลุ่มแฮปปี้สงกรานต์ (ไมโครอินชัวรันส์)” รับเทศกาลสงกรานต์ 2566

0

นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) จับมือกับ นายวิฑูรย์ ชามาตย์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท โตโยต้า ซัมมิท จำกัด ร่วมส่งมอบความสุข ความอุ่นใจไปยังลูกค้าและประชาชนทั่วประเทศในช่วงเทศกาลสงกรานต์ประจำปี 2566 เพื่อสอดคล้องกับนโยบายของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ในการส่งเสริมให้ประชาชนมีหลักประกันความคุ้มครองอุบัติเหตุให้กับตนเองและครอบครัว สามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากระบบการประกันภัย เพื่อบริหารความเสี่ยงจากอุบัติเหตุได้สะดวก เข้าถึงได้ง่าย และรวดเร็วยิ่งขึ้น ผ่าน “กรมธรรม์ประกันภัยกลุ่มแฮปปี้สงกรานต์ (ไมโครอินชัวรันส์)” ประกันภัยอุบัติเหตุกลุ่มที่ให้ความคุ้มครองเพื่อมอบความอุ่นใจ

สำหรับลูกค้าของ บริษัท โตโยต้า ซัมมิท จำกัด เมื่อนำรถมารับบริการซ่อมทั่วไป ซ่อมตัวถังและสี ที่ศูนย์โตโยต้า ซัมมิททุกสาขา รับสิทธิ์ความคุ้มครองฟรี ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2566 – วันที่ 31 พฤษภาคม 2566 ผ่าน กรมธรรม์ประกันภัยกลุ่มแฮปปี้สงกรานต์ (ไมโครอินชัวรันส์) (จำนวน 2,000 สิทธิ์) สำหรับข้อตกลงความคุ้มครองที่ลูกค้าและประชาชนทั่วไปจะได้รับประกอบด้วย

  • ความคุ้มครองการเสียชีวิต การสูญเสียมือ เท้า การสูญเสียสายตา หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง เนื่องจากอุบัติเหตุ ไม่รวมการถูกฆาตกรรมลอบทำร้ายร่างกาย และ/หรือ อุบัติเหตุขณะขับขี่หรือโดยสารรถจักรยานยนต์ จำนวนเงินเอาประกันภัย 100,000 บาท
  • ความคุ้มครองการเสียชีวิต การสูญเสียมือ เท้า การสูญเสียสายตา หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง จากการถูกฆาตกรรมลอบทำร้ายร่างกาย และ/หรือ อุบัติเหตุขณะขับขี่หรือโดยสารรถจักรยานยนต์ จำนวนเงิน เอาประกันภัย 50,000 บาท
  • ผลประโยชน์ค่าใช้จ่ายในการจัดการงานศพกรณีเสียชีวิตจากการเจ็บป่วย (ยกเว้นกรณีเสียชีวิตจากการเจ็บป่วยภายใน 14 วันแรก นับจากวันเริ่มต้นระยะเวลาประกันภัย) จำนวนเงินเอาประกันภัย 5,000 บาท
  • ผลประโยชน์ค่ารักษาพยาบาลเนื่องจากอุบัติเหตุตามจำนวนที่จ่ายจริง ไม่รวมค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการจ้างพยาบาลพิเศษ อุปกรณ์ค้ำยันต่าง ๆ (ยกเว้นไม้ค้ำยัน) รถเข็นผู้ป่วยอวัยวะเทียมภายนอกร่างกาย ค่ารักษาพยาบาลโดยแพทย์ทางเลือก (Alternative medicine) การฝังเข็มสูงสุด 5,000 บาท
    โดยกรมธรรม์ประกันภัยกลุ่มแฮปปี้สงกรานต์ (ไมโครอินชัวรันส์) มีระยะเวลาคุ้มครอง 30 วัน นับจากวันเริ่มต้นระยะเวลาเอาประกันภัย ซึ่งผู้ที่จะได้รับสิทธิ์จะต้องถือสัญชาติไทยเท่านั้น และมีอายุตั้งแต่ 15 ปีบริบูรณ์ ถึง 70 ปีบริบูรณ์ ณ วันที่ทำประกันภัย

นายวิฑูรย์ ชามาตย์กล่าวว่า ด้วยทางบริษัทโตโยต้าซัมมิท ต้องการส่งมอบความสุขให้กับกลุ่มลูกค้าที่ เข้าใช้บริการ ให้มีหลักประกันความคุ้มครองอุบัติเหตุให้กับตนเองและครอบครัว สามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากระบบการประกันภัย เข้าถึงได้ง่าย และรวดเร็วยิ่งขึ้น ในช่วงเทศกาลหยุดยาวมีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่มีแผนการเดินทางกลับภูมิลำเนา หรือเดินทางท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก บริษัทโตโยต้า ซัมมิท จึงได้ร่วมมือกับบริษัทเมืองไทยประกันชีวิต ส่งต่อความสุขผ่าน“กรมธรรม์ประกันภัยกลุ่มแฮปปี้สงกรานต์ (ไมโครอินชัวรันส์)” ประกันภัยอุบัติเหตุกลุ่มที่ให้ความคุ้มครองเพื่อมอบความอุ่นใจ ในครั้งนี้

แฮกเกอร์ก็ชอบวันหยุด

0
โดย ฝ่ายกำกับและตรวจสอบความเสี่ยงด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์

เมื่อถึงวันหยุดยาวต่อเนื่องหลายวัน มักเป็นช่วงเวลาที่สร้างรอยยิ้มให้กับคนทำงาน เพราะจะได้พักผ่อนและวางภาระหน้าที่จากการงานลง มีเวลาให้กับตัวเองและครอบครัวมากขึ้น หรือไปเที่ยวในสถานที่ต่าง ๆ

แต่รู้หรือไม่ว่า นอกจาก “พวกเรา” ที่ตั้งตารอวันหยุดอยางมีความสุขกันแล้ว “มิจฉาชีพ” ก็ชอบวันหยุดเช่นกัน เห็นได้จากข่าวอยู่บ่อย ๆ ว่า ในช่วงวันหยุดยาวที่เราหลายคนพักผ่อน มิจฉาชีพจะออกทำงาน เช่น โจรกรรมทรัพย์สิน สำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงมีโครงการ “ฝากบ้านไว้กับตำรวจ” เพื่อเฝ้าระวัง ป้องกันการเกิดเหตุ และสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน

ในช่วงวันหยุดยาวแบบนี้ก็เป็นเวลาทองของ “แฮกเกอร์” เช่นเดียวกัน จากข้อมูลของ Cybersecurity and Infrastructure Security Agency (CISA) และ Federal Bureau of Investigation (FBI) ระบุตรงกันว่า ในอดีตแฮกเกอร์มักจะโจมตีในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ คือ วันศุกร์และวันเสาร์ แต่ในปัจจุบันแฮกเกอร์จะเลือกโจมตีในช่วงวันหยุดยาวของเหยื่อในแต่ละประเทศ เช่น โจมตีเหยื่อในประเทศจีน ช่วงเทศกาลตรุษจีน โจมตีเหยื่อในประเทศญี่ปุ่น ช่วงเทศกาลโอบง เป็นต้น ส่วนในประเทศไทยอาจได้รับผลกระทบเช่นกัน ในช่วงเทศกาลสงกรานต์

ในปัจจุบันการโจมตีทางไซเบอร์ที่มักพบบ่อย ๆ คือ Ransomware ที่สามารถโจรกรรมข้อมูลสำคัญจากระบบคอมพิวเตอร์ของเหยื่อเพื่อเรียกค่าไถ่ ในระยะหลังมีการเรียกค่าไถ่เป็นสกุลเงินดิจิทัลเพื่อให้ติดตามได้ยากยิ่งขึ้น ทำให้ Ransomware มีจำนวนและความถี่เพิ่มขึ้นอย่างมากในแต่ละปี ในอดีต Ransomware ทำการโจมตีเพียงการแค่เข้ารหัสไฟล์ในเครื่องของเหยื่อเท่านั้น ถ้าเหยื่อไม่จ่ายเงินค่าไถ่ก็จะไม่สามารถใช้ไฟล์ได้ แต่ปัจจุบัน Ransomware มีการเข้ารหัสไฟล์ในเครื่องของเหยื่อ รวมถึงโจรกรรมไฟล์โดยนำออกจากระบบของเหยื่อ ซึ่งในไฟล์อาจจะมีข้อมูลสำคัญรวมอยู่ด้วย เช่น ข้อมูลของลูกค้า เอกสารลับขององค์กร เป็นต้น ถ้าเหยื่อไม่จ่ายเงินค่าไถ่ก็จะถูกข่มขู่ว่าจะเผยแพร่ข้อมูลสำคัญที่โจรกรรมมานั้นลงสู่อินเตอร์เน็ต ให้เป็นข้อมูลที่ใครก็เข้าถึงได้ ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่น่ากลัวอย่างมาก (ดังรูป)

จากการสังเกตของผู้เชี่ยวชาญ พบว่า Ransomware ส่วนใหญ่จะมีการบุกรุกเข้ามาในระบบล่วงหน้าและฝังตัวในระบบเป็นเวลานาน (เฉลี่ย 72.5 วัน) เพื่อรอเวลาในช่วงหยุดยาวก่อนที่จะลงมือ ด้วยการเข้ารหัสไฟล์หรือดำเนินการโจรกรรมข้อมูลออกไป จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลายครั้ง มักเริ่มต้นจากการโจมตีผ่าน Phishing Email หรือ Website (ที่มีช่องโหว่) โดยการใช้เทคนิค SQL Injection เพื่อให้ได้ webshell/cmdshell และจากนั้นใช้ Remote Desktop Protocol (RDP) เพื่อส่งและรันโปรแกรม Ransomware ในเครื่องของเหยื่อเพื่อโจรกรรมข้อมูลนำออกนอกระบบและทำการเข้ารหัสไฟล์ในเครื่องของเหยื่อต่อไป

จะเห็นได้ว่า “ภัยคุกคามทางไซเบอร์” เกิดขึ้นได้ทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการ ไม่ว่าจะเป็นบุคคลหรือองค์กรย่อมมีโอกาสถูกโจมตีได้ทุกเวลาเช่นกัน ดังนั้น เพื่อลดโอกาสการโจมตีจากผู้ไม่ประสงค์ดี หรือ “แฮกเกอร์” ในการสร้างความเสียหายแก่ระบบงานต่าง ๆ ก่อนวันหยุด วันเสาร์-อาทิตย์ หรือหยุดยาวในช่วงเทศกาล และเพื่อให้วันหยุดพักผ่อนดำเนินไปอย่างราบรื่น จึงควรเตรียมความพร้อมในการป้องกัน และลดความเสี่ยงจากภัยไซเบอร์ โดยมีข้อแนะนำในเบื้องต้น ดังนี้

  1. สำรองข้อมูลที่สำคัญทั้งหมด โดยแยกเก็บชุดข้อมูลสำรองไว้ และทดสอบการกู้คืนเพื่อให้มั่นใจได้ว่าจะสามารถนำข้อมูลที่สำรองไว้มาใช้กอบกู้ระบบงาน หรือแก้ไขสถานการณ์และดำเนินธุรกิจต่อไปได้ เมื่อจำเป็น
  2. เปลี่ยนรหัสผ่านบัญชีที่เข้าถึงระบบสำคัญ และเปิดใช้ MFA (Multi-Factor Authentication) รวมถึงทบทวนสิทธิ์ ข้อมูลผู้ใช้งานในระบบ โดยเฉพาะ User ที่มีสิทธิ์สูงในระบบ (High Privilege) เช่น Root หรือ Administrator เป็นต้น รวมทั้ง Test User หรือ Dummy User ที่เคยถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้งานเฉพาะ เมื่อไม่ได้ใช้งานแล้วควรปิดการใช้งาน หรือลบ User ที่ไม่ได้ใช้งานออกจากระบบ
  3. อัปเดต Anti-Malware และสแกนทั้งระบบ เพื่อกำจัด Malware ที่อาจฝังตัวอยู่ในระบบ
  4. อัปเดตโปรแกรม รวมถึงระบบปฏิบัติการให้เป็นปัจจุบัน เพื่อลดช่องโหว่ในระบบ
  5. ทบทวนการตั้งค่าการเปิดรีโมทคอมพิวเตอร์จากระยะไกล (Remote Access) ให้สิทธิ์เฉพาะผู้ที่จำเป็นในการใช้งานเท่านั้น เพื่อลดโอกาสที่ผู้ไม่ประสงค์ดี โดยอาจจะใช้เป็นช่องทางในการสั่ง Run Command ที่ฝั่งตัวอยู่ในระบบงาน
  6. ทบทวนตรวจสอบการตั้งค่า Firewall เพื่อทำการปิดกั้นการเชื่อมต่อที่ไม่ได้ใช้งาน
  7. ติดตามข่าวสาร Cybersecurity จากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ รวมถึงทบทวนและซักซ้อมแผนรับมือตาม Incident Response Handbook ขององค์กร กรณีเกิดเหตุภัยคุกคามทางไซเบอร์
  8. ตรวจสอบ Website ที่อยู่ในการดูแล/ที่เชื่อมโยงกับระบบงานภายในของบริษัท เพื่อไม่ให้ถูกใช้เป็นช่องทางในการเข้าถึงระบบงานภายในองค์กรได้ รวมถึงมีการเฝ้าระวังเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์โดยการ Monitor Network Traffic หรือ Log Files ที่ต้องสงสัย

ก.ล.ต. หวังว่าคำแนะนำเบื้องต้นทั้ง 8 ข้อนี้ จะช่วยลดโอกาสที่ “แฮกเกอร์” จะใช้ช่วงวันหยุดยาวเข้ามาสร้างความเสียหายและเดือดร้อนกับผู้ประกอบธุรกิจและผู้ใช้บริการในภาคตลาดทุนได้

AIS เตรียมพร้อมเครือข่ายมือถือ-เน็ตบ้าน รองรับการใช้งานช่วงสงกรานต์ และมอบประกันอุบัติเหตุให้ลูกค้าอุ่นใจช่วงเทศกาล

0

AIS เตรียมความพร้อมเครือข่ายมือถือและเน็ตบ้าน รองรับการใช้งานของลูกค้าและคนไทยในช่วงเทศกาลสงกรานต์ บริเวณสถานที่จัดงานสงกรานต์สำคัญทั่วประเทศ พร้อมเสริมทีมวิศวกรดูแลเครือข่าย และพนักงานให้บริการดูแลลูกค้าตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมจัดเต็มสิทธิพิเศษและมอบประกันภัยอุบัติเหตุแฮปปี้สงกรานต์ ให้กับลูกค้า AIS, AIS Serenade และ AIS Fibre เพียงใช้ AIS Points 10 คะแนน แลกรับกรมธรรม์ประกันภัยคุ้มครองการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุสูงสุด 100,000 บาท ให้ลูกค้าเดินทางท่องเที่ยววันหยุดยาวได้อย่างอุ่นใจและมั่นใจตลอดการเดินทาง

ปรัธนา ลีลพนัง หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าทั่วไป AIS

นายปรัธนา ลีลพนัง หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าทั่วไป AIS กล่าวว่า “สงกรานต์ปีนี้ เอไอเอสส่งความสุขให้ลูกค้าอุ่นใจในการท่องเที่ยวพักผ่อนในวันหยุดยาว เตรียมพร้อมเครือข่ายมือถือและเน็ตบ้านที่ครอบคลุมทั่วประเทศ ทั้งการเพิ่มสถานีฐานชั่วคราว เพิ่มความสามารถของสถานีฐานเดิม และจัดรถโมบายล์ในจุดหลักที่มีคนเดินทางเป็นจำนวนมาก รวมถึงสถานที่จัดงานสงกรานต์ในกรุงเทพฯ และสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ให้ลูกค้าสามารถติดต่อสื่อสาร แชร์ภาพกิจกรรมของครอบครัว บรรยากาศสงกรานต์คึกคักทั่วไทยผ่านโซเชียลมีเดีย หรือแม้แต่การชมคอนเทนต์ได้อย่างราบรื่น รวมถึงความพร้อมของบุคลากรด้านงานบริการในการดูแลลูกค้า ทั้งทีมวิศวกรเครือข่ายมือถือและเน็ตบ้าน และ Call Center ที่ให้บริการลูกค้าตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้ลูกค้าใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง พร้อมมอบสิทธิพิเศษให้ลูกค้าอุ่นใจในการท่องเที่ยวในวันหยุดยาว อาทิ

  • อุ่นใจกับประกันภัยคุ้มครองอุบัติเหตุให้แก่ลูกค้า AIS และลูกค้า AIS Fibre โดยร่วมมือกับเมืองไทยประกันชีวิต มอบประกันอุบัติเหตุให้กับลูกค้า ด้วยวงเงินคุ้มครองการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุสูงสุด 100,000 บาท โดยลูกค้าสามารถใช้ AIS Points 10 คะแนน เพื่อแลกรับสิทธิ์ผ่านทางแอป myAIS หรือกด 5503374# โทรออก ได้ตั้งแต่วันนี้จนถึง 31 พฤษภาคม 2566 จำนวนจำกัด 30,000 สิทธิ์เท่านั้น
  • อุ่นใจ แถมชาร์จความสดชื่น เป็นเพื่อนร่วมเดินทางของคุณตลอดทางกลับบ้านในช่วงเทศกาลนี้กับสิทธิพิเศษส่วนลดเครื่องดื่มในสถานีบริการน้ำมัน ทั้งบางจาก, พีที สเตชั่น, ปตท. และเอสโซ่ ครอบคลุมกว่า 5,400 สาขาทั่วประเทศ และโปรโมชันพิเศษรับหน้าร้อน “ซื้อ 1 แถม 1” จากร้านกาแฟพันธุ์ไทย คอฟฟี่เวิลด์ ชาตรามือ และคาซ่าลาแปง รวม 700 กว่าสาขาทั่วประเทศ และให้คุณดับกระหาย คลายร้อนกับส่วนลดพิเศษสูงสุด 50% ที่ร้าน Black Canyon Coffee, GAGA เป็นต้น
  • อุ่นใจและอิ่มท้องไปกับสิทธิพิเศษร้านอาหารยอดนิยม 4 ภาคทั่วไทยตลอดการเดินทาง และเอนจอยชีวิตในเมืองได้มากกว่าเดิม กับแหล่งรวมร้านอาหารสุดฮิต ย่านสยาม ทั้งหมดกว่า 30,000 ร้านค้า
  • อุ่นใจและเติมเต็มประสบการณ์การท่องเที่ยวให้คุณกับสิทธิพิเศษจากสายการบินชั้นนำ เช่น Air Asia, Bangkok Airway และ Cathey Pacific ที่มีส่วนลดห้องพัก ตั๋วเครื่องบิน และแพ็กเกจท่องเที่ยว นำคุณสู่จุดหมายปลายทางในสไตล์ที่ชื่นชอบ โดยสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่แอป myAIS
  • อุ่นใจกับสิทธิพิเศษที่ร้านค้าถุงเงิน โดยลูกค้าเอไอเอส สามารถนำคะแนนสะสม AIS Points มาแลกรับส่วนลดสินค้าและอาหารกับร้านค้าถุงเงินที่มีถึง 1.8 ล้าน ร้านค้าทั่วประเทศ บนแอป myAIS ทั้งร้านค้ารายย่อย ร้านค้าริมทาง ร้านอาหาร และร้านค้าในตลาดที่มีให้เลือกชิมและชอบกันอย่างจุใจ
  • อุ่นใจ ปิดท้ายสำหรับกลุ่มลูกค้าที่ชอบชอปปิ้ง โดยร่วมมือกับหลากหลายแบรนด์ชั้นนำ เช่น Jaspal, Sephora และ Robinhood Mart จัดทำส่วนลดพิเศษ Exclusive for Summer และยังขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการส่งมอบความรู้สึกดีๆและของขวัญในช่วงเวลาพิเศษนี้ โดยร่วมกับ Flash Express ทำสิทธิพิเศษส่งพัสดุที่ Flash shop หรือ บริการเรียกเข้ารับพัสดุ สำหรับลูกค้าเอไอเอส และ เอไอเอสเซเรเนดทั่วประเทศ จนถึง 30 มิถุนายน 2566
  • นายปรัธนา กล่าวเพิ่มเติมว่า “ผมขอเป็นตัวแทนของชาวเอไอเอส สวัสดีปีใหม่ไทยให้คนไทยทุกคน พร้อมส่งมอบความสุขและความปรารถนาดีให้ทุกคนเดินทางกลับภูมิลำเนาและฉลองสงกรานต์วิถีไทยด้วยความปลอดภัยและมั่นใจ โดยเอไอเอส มุ่งมั่นพัฒนาเครือข่ายและโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลให้แก่ประเทศไทยและอยู่เคียงข้างคนไทยในทุกสถานการณ์”

ลูกค้า AIS และ AIS Serenade สามารถติดตามรายละเอียดสิทธิพิเศษดีๆได้ตลอดทั้งปีที่แอป myAIS หรือ www.ais.co.th/serenade

Chef Cares เสิร์ฟเมนูใหม่ ‘ข้าวคลุกน้ำพริกลงเรือและหมูหวาน-บิบิมบับผสมไก่’ ร่วมคืนกำไร 100% สู่สังคม

0

เชฟแคร์ส (Chef Cares) เป็นวิสาหกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise) ภายใต้ชื่อ บริษัท เชฟแคร์ส โปรเจกต์ จำกัด เปิดตัว 2 เมนูใหม่ 2 สไตล์ ได้แก่ ‘ข้าวคลุกน้ำพริกลงเรือและหมูหวาน’ โดย เชฟโจ-ณพล จันทร์เกตุ และ ‘บิบิมบับผสมไก่’ พร้อมเสิร์ฟความอร่อยแก่ผู้บริโภคทุกกลุ่ม นอกจากคุณภาพของวัตถุดิบพรีเมียมที่นำมารังสรรค์แล้ว ยังมีคุณค่าโภชนาการที่ดีต่อสุขภาพ และร่วมคืนกำไร 100% ตอบแทนสังคมผ่านมูลนิธิเชฟแคร์สอีกด้วย วางจำหน่ายแล้ววันนี้ ที่ร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ทุกสาขาทั่วประเทศไทย

เมนูแรก ‘ข้าวคลุกน้ำพริกลงเรือและหมูหวาน’ เมนูไทยตำรับชาววัง รังสรรค์โดย เชฟโจ-ณพล จันทร์เกตุ เชฟระดับมิชลิน สไตล์ Fine Dining จาก ร้านสามล้อ (SAMLOR) ร้านอาหารไทยสตรีทฟู้ด ที่จัดเต็มเรื่องลูกเล่นและแรงบันดาลใจที่ได้มาจากเมนูกินเล่นชาติต่างๆ อย่าง อิซากายะ ทาปาส ฟิงเกอร์ฟู้ด ฯลฯ การันตีด้วยรางวัล Michelin Bib Gourmand ปี 2022 และ Thailand 50’s Best Restaurant ปี 2022 คัดเลือกข้าวหอมมะลิชั้นดี มาหุงและคลุกให้เข้ากับน้ำพริกลงเรือ ตำรับชาววังที่มีมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 โดยมีกะปิเป็นส่วนประกอบหลัก ปรุงให้ครบรสเปรี้ยว หวานเค็ม เสิร์ฟพร้อมกับหมูหวานคลุกซอส และผัก 3 สี ได้แก่ แครอท ถั่วแขก และข้าวโพดอ่อน ที่รับประทานทานแกล้มกันแล้วให้ความอร่อย ครบรส โภชนาการครบถ้วน ผ่านกระบวนการผลิตเป็นอาหารแช่เย็น (Chilled Food) อุ่นร้อนรับประทานง่าย สะดวกสบาย รับประกันความพิถีพิถันทุกขั้นตอน ในราคาเพียง 49 บาท

สำหรับเมนูที่สอง ‘บิบิมบับผสมไก่’ เมนูยอดนิยมต้นตำรับจากเกาหลี บิบิมบับหรือเรียกอีกชื่อว่า ข้าวยำเกาหลี มีข้าวญี่ปุ่นเป็นส่วนประกอบ ตกแต่งด้วย เนื้อไก่สับ ไข่เจียว เห็ดหอม ปวยเล้ง แครอท และซอสโคชูจัง โดยนำเครื่องทั้งหมดมาคลุกเคล้าให้เข้ากัน ทำให้รสชาติอร่อยกลมกล่อม อัดแน่นไปด้วยสารอาหารที่ดีต่อสุขภาพ จากนั้นนำมาผ่านกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐานสากลเป็นอาหารแช่แข็ง เพื่อคงคุณค่าอาหาร รสชาติและความสดใหม่ได้นานขึ้้น วางจำหน่ายในราคา 69 บาท

เชฟแคร์ส สร้างรายได้ด้วยตัวเองและนำรายได้ไปช่วยเหลือสังคมอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน โดย เชฟแคร์ส โปรเจกต์ จะร่วมมือกับเชฟระดับแถวหน้าของประเทศไทยและของโลก ผลิตอาหารพร้อมรับประทานที่ครบถ้วนด้านคุณค่าทางโภชนาการ และนำกำไรทั้ง 100% คืนสู่สังคม นอกจากนี้ ยังมุ่งสร้างโอกาสและมอบแนวทางประกอบอาชีพในวงการอาหารให้แก่เด็กและเยาวชนผู้ห่างไกลและด้อยโอกาสได้มีคุณภาพชีวิตที่ดี

เกษตรกรโชว์ความสำเร็จปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์แบบปลอดเผา ผลผลิตดีขึ้น ตอบโจทย์ “ไม่เผา ไม่เขา เราซื้อ”

0

เกษตรกรเพาะปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ใน จ.ชัยนาท จ.กาญจนบุรี จ.ขอนแก่น จ.นครสวรรค์ จ.สระแก้ว และ จ.เพชรบูรณ์ โชว์ความสำเร็จในการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ด้วยวิธีการไถกลบตอซังหลังเก็บเกี่ยวแทนการเผา มีส่วนเพิ่มประสิทธิภาพการเพาะปลูก รักษาธาตุอาหารในดิน ช่วยลดค่าใช้จ่าย เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น สร้างความมั่นใจผลิตสินค้าสอดคล้องความต้องการตลาด พร้อมแบ่งปันองค์ความรู้การยกระดับการเพาะปลูกพืชที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลดฝุ่นละออง ช่วยให้สิ่งแวดล้อมชุมชนดีขึ้น สอดคล้องตามนโยบาย “ไม่เผา ไม่เขา เราซื้อ”

นายสมควร บอกดำเนิน เกษตรกรต้นแบบการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ กล่าวว่า ปัจจุบัน ตลาดรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หันมาให้ความสำคัญกับแหล่งปลูกเป็นพื้นที่ไม่บุกรุกพื้นที่ป่าไม้ และไม่ใช้วิธีการเผาตอซังมากขึ้น ประกอบกับแนวโน้มของผู้บริโภคใส่ใจสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมีเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เกษตรกรเพาะปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เป็นส่วนหนึ่งในห่วงโซ่การผลิตอาหารจึงจำเป็นต้องมีความรู้ในการเพาะปลูกที่มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ลดค่าใช้จ่าย เพิ่มคุณภาพและปริมาณการผลิต เพื่อมีรายได้เพิ่มขึ้น จึงนำความรู้จากการเข้าร่วมโครงการกับบริษัท เจริญโภคภัณฑ์โปรดิ๊วส จำกัด และ บริษัท สวนสมบูรณ์ จำกัด ในการผลิตข้าวโพดที่สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ มาแบ่งปันให้กับเพื่อนเกษตรกรได้มีการเพาะปลูกตามหลักวิชาการ ใช้เทคโนโลยีมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และที่สำคัญสนับสนุนวิธีไถกลบแทนการเผาหลังเก็บเกี่ยว ส่งผลดีต่อประสิทธิภาพการเพาะปลูกและต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมในชุมชน

“การไถกลบตอซังข้าวโพด เป็นแนวทางที่เกษตรกรปลูกข้าวโพดในอ.สรรบุรี จ.ชัยนาท ยึดมาตลอดทดแทนการเผา เพราะช่วยปรับปรุงคุณภาพดิน ดินมีธาตุอาหารและความชื้นที่ช่วยผลผลิตข้าวโพดเพิ่มขึ้น ช่วยลดการใช้ปุ๋ย และค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น มีรายได้เพิ่มขึ้น เป็นสินค้าเกษตรที่ได้รับการยอมรับจากผู้บริโภค และช่วยลดฝุ่นละออง PM 2.5 คุณภาพสิ่งแวดล้อมในชุมชนดีต่อเนื่อง” นายสมควรกล่าว

นายสมควร เป็นเกษตรกรเข้าร่วมโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการเพาะปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ พร้อมลงทะเบียนตรวจสอบย้อนกลับข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เพื่อยืนยันว่าข้าวโพดเพาะปลูกบนแปลงที่ไม่บุกรุกพื้นที่ป่า และไม่ใช้วิธีการเผาหลังเก็บเกี่ยว และแบ่งปันความสำเร็จในการเพาะปลูกที่มีประสิทธิภาพสูง เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแก่เกษตรกรที่สนใจ เพื่อเป็นหลักประกันให้ผลผลิตมีตลาดรับซื้อที่กำหนดราคาตามความเป็นธรรม สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคเป็นข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ถึงแหล่งปลูกที่ปลอดการเผา

หุ้น IPO ก่อนเสนอขายประชาชนต้องผ่านอะไรมาบ้าง

0
ที่มา ฝ่ายพัฒนาและส่งเสริมความรู้ตลาดทุน สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์

ปัจจุบันตลาดการลงทุนมีทางเลือกที่หลากหลายสำหรับผู้ลงทุนที่มีความสนใจและการรับความเสี่ยงที่แตกต่างกัน ซึ่ง “หุ้น” เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ได้รับความสนใจและเป็นที่รู้จักแพร่หลาย ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะหุ้น มีโอกาสให้ผลตอบแทนสูง ทั้งจากเงินปันผลและส่วนต่างกำไร (capital gain) แต่ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงที่สูงด้วยเช่นกัน ตามหลักของ High Risk, High Expected Return

รู้หรือไม่ ตลาดหุ้นไทยมีศักยภาพเป็นอันดับต้น ๆ ของอาเซียนเลยทีเดียว โดยข้อมูล ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2565 มีมูลค่าระดมทุนและมูลค่าการซื้อขายต่อวันสูงเป็นอันดับหนึ่งของอาเซียน ด้วยมูลค่าตลาด (Market Capitalization) ที่ 581,063.32 ล้านบาท ขณะที่จำนวนบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (SET) และตลาด MAI อยู่ที่ 809 บริษัท โดยในปี 2565 มีการระดมทุนเสนอขายหุ้นครั้งแรกต่อประชาชน (Initial Public Offering: IPO) ไปแล้ว 42 หลักทรัพย์ คิดเป็นมูลค่าเสนอขาย 127,835.82 ล้านบาท

ข้อมูลข้างต้น แสดงให้เห็นว่า ตลาดทุนเป็นแหล่งทุนที่สำคัญ ในด้านหนึ่งเป็นช่องทางให้ผู้ประกอบการ รวมถึง SMEs เข้ามาระดมทุนผ่านตลาดทุนได้อย่างต่อเนื่อง และอีกด้านหนึ่ง ก็เป็นทางเลือกการลงทุนที่หลากหลายสำหรับประชาชน และผู้ลงทุน

เพราะการลงทุนในหุ้นเป็นเรื่องที่ผู้ลงทุนจะเข้าไปร่วมเป็นเจ้าของกิจการ  ดังนั้น บริษัทที่จะระดมทุนจึงต้องเป็นบริษัทที่มีการบริหารงานที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ กรรมการมีความสามารถในการบริหารงาน และมีการเปิดเผยข้อมูลที่ถูกต้อง ครบถ้วน เพื่อให้ผู้ลงทุนใช้ตัดสินใจก่อนลงทุน จึงจะสามารถเสนอขายหุ้นให้ประชาชนทั่วไปได้

แล้วใครมาดูแลคัดกรองบริษัทที่จะขายหุ้นให้เราบ้าง

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)  เป็นผู้ที่มีบทบาทหน้าที่หลักในการพิจารณาอนุญาตให้บริษัทเสนอขายหุ้นต่อประชาชน   ก.ล.ต. จะพิจารณาอนุญาตการเสนอขายหุ้น IPO โดยพิจารณาจากเกณฑ์ด้านคุณสมบัติเชิงคุณภาพของระบบบริหารจัดการ เช่น มีโครงสร้างการถือหุ้นที่ชัดเจน กรรมการและผู้บริหารต้องมีความรู้ ไม่มีลักษณะต้องห้าม และมีกรรมการอิสระที่ทำหน้าที่ในฐานะตัวแทนผู้ถือหุ้นรายย่อย งบการเงินเป็นไปตามมาตรฐานการรายงานทางการเงินและมีความน่าเชื่อถือ มีระบบควบคุมภายในที่เหมาะสมเพียงพอ รวมทั้งดูแลให้บริษัทเปิดเผยข้อมูลที่เป็นสาระสำคัญเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจอย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นการบริหารจัดการความเสี่ยง การขับเคลื่อนธุรกิจเพื่อความยั่งยืน การวิเคราะห์งบการเงิน รวมทั้งที่มาของการกำหนดราคาเสนอขาย (ราคา IPO) ในแบบแสดงรายการข้อมูลและหนังสือชี้ชวน อีกทั้งต้องมีระบบงานที่มั่นใจได้ว่าจะสามารถเปิดเผยข้อมูลตามที่กำหนดได้อย่างต่อเนื่อง เช่น งบการเงิน หรือแบบ 56-1 One report เป็นต้น เพื่อให้ผู้ลงทุนมีข้อมูลที่เพียงพอสำหรับใช้ประกอบการวิเคราะห์และตัดสินใจลงทุน

เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้ข้อมูลที่เปิดเผยต่อผู้ลงทุน  จึงมีผู้เกี่ยวข้องอีกหลายส่วนที่มีส่วนร่วมในการคัดกรองคุณภาพ อาทิ

·      ที่ปรึกษาทางการเงิน (Financial Advisor) คือ ผู้ที่ได้รับความเห็นชอบจาก ก.ล.ต. มีความเป็นอิสระจากบริษัท ทำหน้าที่ให้คำปรึกษา และช่วยเตรียมความพร้อมให้แก่บริษัท เช่น การจัดโครงสร้างธุรกิจหรือการบริหารจัดการให้มีความชัดเจนและโปร่งใส รวมทั้งการจัดเตรียมเอกสารการเปิดเผยข้อมูล และตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลในหนังสือชี้ชวนที่จะเปิดเผยกับประชาชนด้วย

·      ผู้สอบบัญชี คือ ผู้สอบบัญชีรับอนุญาตที่ได้รับความเห็นชอบจาก ก.ล.ต. ทำหน้าที่ตรวจสอบและรับรองงบการเงินของบริษัทให้เป็นไปตามมาตรฐานบัญชี เพื่อให้มั่นใจว่า งบการเงินของบริษัทมีความน่าเชื่อถือ

·      ผู้ตรวจสอบภายใน คือ ผู้ที่ทำหน้าที่ตรวจสอบระบบการดำเนินงานของบริษัท เพื่อให้มั่นใจว่า บริษัทมีระบบควบคุมภายในที่เหมาะสมและเพียงพอ

·      กรรมการตรวจสอบ (Audit Committee) คือผู้ที่จะช่วยตรวจสอบการดำเนินงานบริษัทและให้ความเห็นในเรื่องที่สำคัญ เช่น ความสมเหตุสมผลของการทำรายการกับบุคคลที่เกี่ยวข้อง หรือ

ความเพียงพอของระบบควบคุมภายใน เป็นต้น โดยมีการทำงานร่วมกับผู้สอบบัญชีและผู้ตรวจสอบภายในอย่างใกล้ชิด

อย่างไรก็ดี การที่บริษัทผ่านเกณฑ์คุณสมบัติข้างต้นไม่ได้เป็นการการันตีว่า ภายหลังจากระดมทุนแล้ว  บริษัทจะมีผลกำไรเสมอไป เนื่องจากความสามารถในการทำกำไรของบริษัทจะมาจากหลายปัจจัย และการดำเนินธุรกิจย่อมมีความเสี่ยง หรือความเชื่อที่ผิด ๆ ที่ว่าถ้าสามารถจองซื้อหุ้น IPO ได้ จะสามารถทำกำไรจากส่วนต่างของราคาซื้อขายเมื่อหุ้นเข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้อย่างแน่นอน เพราะการกำหนดราคา IPO เป็นการกำหนดราคาโดยอ้างอิงหลักทฤษฎีทางการเงินหรือจากการสำรวจ demand/supply ก่อนการเสนอขายหุ้น แต่เมื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แล้ว สถานการณ์หรือความต้องการอาจเปลี่ยนแปลงไป การขึ้นลงของราคาหุ้นเป็นผลมาจากหลายปัจจัย ทั้งจากปัจจัยภายในบริษัท รวมถึงสภาพเศรษฐกิจ สภาวะของตลาดทุน ทั้งในและต่างประเทศ

ก่อนตัดสินใจลงทุนศึกษาข้อมูลในหนังสือชี้ชวนอย่างละเอียด และติดตามข้อมูลที่เปิดเผยอย่างต่อเนื่อง เพราะเมื่อเวลาและสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไป อาจส่งผลกระทบต่อบริษัทแตกต่างกันไป และอย่าลืมกระจายความเสี่ยง โดยการลงทุนในหุ้นหลายอุตสาหกรรม หรือลงทุนในสินทรัพย์หลายประเภท

AIS จ่ายค่าคลื่นความถี่ 700 MHz งวดสาม 1.8 พันล้านบาท เดินหน้าสร้างเศรษฐกิจแบบร่วมกัน

0
บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด (เอดับบลิวเอ็น) ในกลุ่ม บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) ชำระเงินค่าคลื่น 700 ชุดที่ 1 งวด 3 เป็นเงิน 1,835,478,000 บาท (หนึ่งพันแปดร้อยสามสิบห้าล้านสี่แสนเจ็ดหมื่นแปดพันบาท) รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว ให้แก่ กสทช. เพื่อนำส่งเงินเป็นรายได้ของแผ่นดิน ต่อยอดการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลของประเทศ

นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AIS กล่าวว่า “จากความมุ่งมั่นตั้งใจในการนำคลื่นความถี่ที่ได้จากการประมูลมาพัฒนาเพื่อสร้างประโยชน์ให้กับลูกค้า คนไทย และประเทศชาติอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อนับรวมจำนวนคลื่นความถี่ในมือที่เกิดจากความร่วมมือกับพันธมิตรอย่าง NT (ซึ่งอยู่ระหว่างรอการอนุมัติจาก กสทช.) จะทำให้มีคลื่น 700 MHz รวมเป็น 40 MHz (Downlink 20 MHz และ Uplink 20 MHz) และเมื่อรวมกับคลื่นความถี่เดิม ส่งผลให้ AIS ยังคงยืนหยัดในฐานะผู้นำที่มีคลื่นความถี่ในการให้บริการ 4G และ 5G มากที่สุดในอุตสาหกรรม คือ 1460 MHz ซึ่งครอบคลุมการใช้งานทุกรูปแบบทั้งกลุ่มลูกค้าทั่วไป และกลุ่มลูกค้าองค์กรภาคธุรกิจ”

นายสมชัย ย้ำว่า “เรายังคงลงทุนอย่างต่อเนื่องในการพัฒนาและเสริมขีดความสามารถของคลื่นความถี่ เพื่อก้าวสู่เป้าหมาย Cognitive Tech-Co หรือการเป็นผู้ให้บริการโทรคมนาคมอัจฉริยะ ด้วยการมุ่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลให้มีความแข็งแรงตามมาตรฐานโครงข่ายระดับโลก โดยในปีนี้ได้ตั้งงบประมาณการลงทุนไว้ที่ 27,000 – 30,000 ล้านบาท อันจะนำไปสู่การเติบโตของเศรษฐกิจแบบร่วมกันหรือ ECOSYSTEM ECONOMY ซึ่งจะทำให้เราสามารถส่งมอบประสบการณ์ดิจิทัลที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าได้อย่างสมบูรณ์แบบ”

เมืองไทยประกันชีวิต – แมกซ์ โซลูชัน มอบความอุ่นใจช่วงสงกรานต์ ผ่าน “กรมธรรม์ประกันภัยกลุ่มแฮปปี้สงกรานต์ (ไมโครอินชัวรันส์)” แก่สมาชิก Max Card

0

นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) จับมือ นายพร้อมศักดิ์ จรัญญากรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แมกซ์ โซลูชัน เซอร์วิส จำกัด ร่วมส่งมอบความสุข ความอุ่นใจในช่วงเทศกาลสงกรานต์ประจำปี 2566 เพื่อสอดคล้องกับนโยบายของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ในการส่งเสริมให้ประชาชนมีหลักประกันความคุ้มครองอุบัติเหตุให้กับตนเองและครอบครัว สามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากระบบการประกันภัย เพื่อบริหารความเสี่ยงจากอุบัติเหตุ ได้สะดวก เข้าถึงได้ง่าย และรวดเร็วยิ่งขึ้น ผ่าน “กรมธรรม์ประกันภัยกลุ่มแฮปปี้สงกรานต์ (ไมโครอินชัวรันส์)” ประกันภัยอุบัติเหตุกลุ่มที่ให้ความคุ้มครอง เพื่อมอบความอุ่นใจ ให้กับสมาชิก Max Card เพียงใช้คะแนน 100 คะแนน แลกรับสิทธิ์ผ่านช่องทางแอปพลิเคชัน Max Me

นายสาระ กล่าวว่า บริษัทฯ มีความตั้งใจที่จะมอบของขวัญเพื่อแทนคำขอบคุณให้กับลูกค้าจึงได้ร่วมกับ แมกซ์ โซลูชัน เซอร์วิส จัดโครงการขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ในการส่งเสริมให้ประชาชนมีหลักประกันความคุ้มครองอุบัติเหตุให้กับตนเองและครอบครัว และเพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากระบบการประกันภัยเพื่อบริหารความเสี่ยง จากอุบัติเหตุได้สะดวก เข้าถึงได้ง่าย และรวดเร็วยิ่งขึ้น อันจะเป็นประโยชน์ต่อระบบการประกันภัยและประเทศโดยรวม เพื่อมอบความอุ่นใจให้มากขึ้น

ด้านนายพร้อมศักดิ์ จรัญญากรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แมกซ์ โซลูชัน เซอร์วิส จำกัด กล่าวว่า แมกซ์ โซลูชัน เราตระหนักถึงความสำคัญและห่วงใยประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์เป็นประจำทุกปี ซึ่งปีนี้เราร่วมมือกับเมืองไทยประกันชีวิต พันธมิตรที่เหนียวแน่น เพื่อเติมเต็มความมั่นใจในทุกเส้นทางแก่สมาชิก Max Card ยิ่งขึ้น ด้วย กรมธรรม์ประกันภัยกลุ่มแฮปปี้สงกรานต์ (ไมโครอินชัวรันส์) ซึ่งมองว่ากรมธรรม์นี้มีจุดเด่นที่มอบความคุ้มครองได้อย่างครอบคลุม พร้อมทั้งคุ้มครองชีวิตสูงสุด 100,000 บาท ยาวนานถึง 30 วัน

โดยเราเชื่อว่า กรมธรรม์ประกันภัยกลุ่มแฮปปี้สงกรานต์ (ไมโครอินชัวรันส์) จะได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากสมาชิก Max Card เพราะสามารถรับความคุ้มครองแบบจัดเต็มนี้ ได้สะดวกและรวดเร็ว เพียงใช้คะแนน 100 คะแนน แลกรับสิทธิ์ผ่านช่องทางแอปพลิเคชัน Max Me ทั้งหมดนี้เป็นเพียงอีกหนึ่งในความพิเศษที่แมกซ์ โซลูชัน ตั้งใจสร้างสรรค์สิทธิประโยชน์แก่ลูกค้าสมาชิก Max Card อย่างจุใจตลอดทั้งปี

ทั้งนี้ ความคุ้มครอง “กรมธรรม์ประกันภัยกลุ่มแฮปปี้สงกรานต์ (ไมโครอินชัวรันส์)” ที่ลูกค้าจะได้รับประกอบด้วย

  • ความคุ้มครองการเสียชีวิต การสูญเสียมือ เท้า การสูญเสียสายตา หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง เนื่องจากอุบัติเหตุ ไม่รวมการถูกฆาตกรรมลอบทำร้ายร่างกาย และ/หรือ อุบัติเหตุขณะขับขี่หรือโดยสารรถจักรยานยนต์ จำนวนเงินเอาประกันภัย 100,000 บาท
  • ความคุ้มครองการเสียชีวิต การสูญเสียมือ เท้า การสูญเสียสายตา หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง จากการ ถูกฆาตกรรมลอบทำร้ายร่างกาย และ/หรือ อุบัติเหตุขณะขับขี่หรือโดยสารรถจักรยานยนต์ จำนวนเงิน เอาประกันภัย 50,000 บาท
  • ผลประโยชน์ค่าใช้จ่ายในการจัดการงานศพกรณีเสียชีวิตจากการเจ็บป่วย (ยกเว้นกรณีเสียชีวิตจากการเจ็บป่วยภายใน 14 วันแรก นับจากวันเริ่มต้นระยะเวลาประกันภัย) จำนวนเงินเอาประกันภัย 5,000 บาท
  • ผลประโยชน์ค่ารักษาพยาบาลเนื่องจากอุบัติเหตุตามจำนวนที่จ่ายจริง ไม่รวมค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการ จ้างพยาบาลพิเศษ อุปกรณ์ค้ำยันต่าง ๆ (ยกเว้นไม้ค้ำยัน) รถเข็นผู้ป่วยอวัยวะเทียมภายนอกร่างกาย ค่ารักษาพยาบาลโดยแพทย์ทางเลือก (Alternative medicine) การฝังเข็มสูงสุด 5,000 บาท

โดยกรมธรรม์ประกันภัยกลุ่มแฮปปี้สงกรานต์ (ไมโครอินชัวรันส์) มีระยะเวลาคุ้มครอง 30 วัน นับจากวันเริ่มต้นระยะเวลาเอาประกันภัย ซึ่งผู้ที่จะได้รับสิทธิ์จะต้องถือสัญชาติไทยเท่านั้น และมีอายุตั้งแต่ 15 ปีบริบูรณ์ ถึง 70 ปีบริบูรณ์ ณ วันที่ทำประกันภัย โดยสมาชิก Max Card ที่สนใจสามารถแลกคะแนนได้ตั้งแต่วันที่ 5 เมษายน 2566 – 31 พฤษภาคม 2566 (จำนวนสิทธิ์ 5,000 สิทธิ์)

เมืองไทยประกันชีวิต – เคาน์เตอร์เซอร์วิส ให้ลูกค้าอุ่นใจช่วงสงกรานต์ 2566 ด้วย “กรมธรรม์ประกันภัยกลุ่มแฮปปี้สงกรานต์”

0

นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) และนายวีรเดช อัครผลพานิช กรรมการผู้จัดการ บริษัท เคาน์เตอร์เซอร์วิส จำกัด ร่วมส่งมอบความสุข ความอุ่นใจไปยังลูกค้าและประชาชนทั่วประเทศในช่วงเทศกาลสงกรานต์ประจำปี 2566 เพื่อสอดคล้องกับนโยบายของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ในการส่งเสริมให้ประชาชนมีหลักประกันความคุ้มครองอุบัติเหตุให้กับตนเองและครอบครัว สามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากระบบการประกันภัย เพื่อบริหารความเสี่ยงจากอุบัติเหตุได้สะดวก เข้าถึงได้ง่าย และรวดเร็วยิ่งขึ้น ผ่าน “กรมธรรม์ประกันภัยกลุ่มแฮปปี้สงกรานต์ (ไมโครอินชัวรันส์)” ประกันภัยอุบัติเหตุกลุ่มที่ให้ความคุ้มครอง เพื่อมอบความอุ่นใจ

นายสาระ กล่าวว่า สำหรับลูกค้าและประชาชนทั่วไปที่สนใจสามารถรับความคุ้มครองได้ง่ายๆ ผ่าน“กรมธรรม์ประกันภัยกลุ่มแฮปปี้สงกรานต์ (ไมโครอินชัวรันส์)” ที่จุดให้บริการเคาน์เตอร์เซอร์วิส ในร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ที่เปิดให้บริการผ่าน 2 รูปแบบคือ 1. ลูกค้าและประชาชนทั่วไปสามารถแจ้งความประสงค์เพื่อซื้อกรมธรรม์ประกันภัยกลุ่มแฮปปี้สงกรานต์ (ไมโครอินชัวรันส์) หรือใช้แต้ม ALL member ในการแลกสิทธิ์ เพียงระบุเลือกบริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) พร้อมใช้บัตรประชาชนเพื่อแสดงตัวตน ชำระเงิน รับสลิปยืนยันการทำรายการ ซึ่งจะระบุวันเริ่มต้นคุ้มครองและวันสิ้นสุดความคุ้มครองอย่างชัดเจน (จำนวนสิทธิ์ 100,000 สิทธิ์) โดยผู้ที่สนใจสามารถซื้อได้ตั้งแต่วันที่ 5 เมษายน 2566 – ถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2566 2.สำหรับลูกค้าและประชาชนทั่วไปชำระค่าสาธารณูปโภค บิลค่าน้ำ ค่าไฟ ที่เคาน์เตอร์เซอร์วิส ในร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven สามารถรับกรมธรรม์ประกันภัยกลุ่มแฮปปี้สงกรานต์ (ไมโครอินชัวรันส์) ได้ฟรี (จำนวนสิทธิ์ 100,000 สิทธิ์) รับสิทธิ์ฟรีได้ตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน 2566 – ถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2566 สำหรับข้อตกลงความคุ้มครองที่ลูกค้าและประชาชนทั่วไปจะได้รับประกอบด้วย

  • ความคุ้มครองการเสียชีวิต การสูญเสียมือ เท้า การสูญเสียสายตา หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง เนื่องจากอุบัติเหตุ ไม่รวมการถูกฆาตกรรมลอบทำร้ายร่างกาย และ/หรือ อุบัติเหตุขณะขับขี่หรือโดยสารรถจักรยานยนต์ จำนวนเงินเอาประกันภัย 100,000 บาท
  • ความคุ้มครองการเสียชีวิต การสูญเสียมือ เท้า การสูญเสียสายตา หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง จากการถูกฆาตกรรมลอบทำร้ายร่างกาย และ/หรือ อุบัติเหตุขณะขับขี่หรือโดยสารรถจักรยานยนต์ จำนวนเงิน เอาประกันภัย 50,000 บาท
  • ผลประโยชน์ค่าใช้จ่ายในการจัดการงานศพกรณีเสียชีวิตจากการเจ็บป่วย (ยกเว้นกรณีเสียชีวิตจากการเจ็บป่วยภายใน 14 วันแรก นับจากวันเริ่มต้นระยะเวลาประกันภัย) จำนวนเงินเอาประกันภัย 5,000 บาท
  • ผลประโยชน์ค่ารักษาพยาบาลเนื่องจากอุบัติเหตุตามจำนวนที่จ่ายจริง ไม่รวมค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการจ้างพยาบาลพิเศษ อุปกรณ์ค้ำยันต่าง ๆ (ยกเว้นไม้ค้ำยัน) รถเข็นผู้ป่วยอวัยวะเทียมภายนอกร่างกาย ค่ารักษาพยาบาลโดยแพทย์ทางเลือก (Alternative medicine) การฝังเข็ม สูงสุด 5,000 บาท

โดยกรมธรรม์ประกันภัยกลุ่มแฮปปี้สงกรานต์ (ไมโครอินชัวรันส์) มีระยะเวลาคุ้มครอง 30 วัน นับจากวันเริ่มต้นระยะเวลาเอาประกันภัย ซึ่งผู้ที่จะได้รับสิทธิ์จะต้องถือสัญชาติไทยเท่านั้น และมีอายุตั้งแต่ 15 ปีบริบูรณ์ ถึง 70 ปีบริบูรณ์ ณ วันที่ทำประกันภัย

นายวีรเดช กล่าวว่า ทางเคาน์เตอร์เซอร์วิสยินดีเป็นอย่างมาก ที่ได้เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยส่งเสริมให้ประชาชนเข้าถึงหลักประกัน อีกทั้งยังสามารถยกระดับคุณภาพชีวิต โดยให้ประกันภัยอุบัติเหตุเป็นตัวช่วยในการจัดการความเสี่ยง สร้างความมั่นคงทั้งความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้กับประชาชน เราพร้อมที่จะส่งมอบความสุข ความอุ่นใจนี้ผ่านแผนประกัน “กรมธรรม์ประกันภัยกลุ่มแฮปปี้สงกรานต์ (ไมโครอินชัวรันส์) ในราคาที่คุ้มค่าเพียงในราคา 10 บาท ผ่านช่องทางที่สะดวกและครอบคลุม มีจุดบริการเข้าถึงได้ในทุกชุมชนที่เคาน์เตอร์เซอร์วิส ในร้าน 7-Eleven เปิดทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง กว่า 13,700 สาขาทั่วประเทศ โดยสมาชิก ALL member สามารถแลกซื้อโดยใช้คะแนน ALL member point 1,000 คะแนน แลกซื้อได้กรมธรรม์ประกันภัยกลุ่มแฮปปี้สงกรานต์ (ไมโครอินชัวรันส์) หรือซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ได้ที่ https://insurance.counterservice.co.th หรือ 7App และโปรโมชันพิเศษ เพื่อเป็นของขวัญสำหรับลูกค้าของเคาน์เตอร์เซอร์วิส ที่มาชำระบิลค่าไฟ-ค่าน้ำ ได้แก่ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การไฟฟ้านครหลวง การประปาส่วนภูมิภาค และการประปานครหลวง ที่ร้าน 7-Eleven รับฟรี! กรมธรรม์ประกันภัยกลุ่มแฮปปี้สงกรานต์ (ไมโครอินชัวรันส์) ในรูปแบบ QR Code ท้ายใบเสร็จ สำหรับลงทะเบียนรับกรมธรรม์ได้ทันที