Home Blog Page 17

สศค. – ก.ล.ต. – ตลาดหลักทรัพย์ฯ – FETCO เปิดตัว “ชุดมาตรการสร้างเสน่ห์ตลาดทุนไทย” เดินหน้าขับเคลื่อน 4 มาตรการหลัก

0

สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลาดหลักทรัพย์ฯ) และสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) ร่วมแถลงข่าวเปิด “ชุดมาตรการสร้างเสน่ห์ตลาดหุ้นไทย” พร้อมเดินหน้าผลักดัน 4 มาตรการหลัก ได้แก่ Quality DemandAttractive SupplyTrusted MarketSupportive Ecosystem เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ลงทุน ยกระดับขีดความสามารถ และเพิ่มความน่าสนใจของตลาดทุนไทยในระดับสากล

จากการประชุมร่วมของคณะทำงานเพื่อพิจารณามาตรการปฏิรูปตลาดทุนไทย (Taskforce) ซึ่งประกอบด้วยผู้แทนจาก สศค. ก.ล.ต. ตลาดหลักทรัพย์ฯ และ FETCO เพื่อระดมความเห็น วิเคราะห์ปัญหา และหาแนวทางส่งเสริมความสามารถของตลาดหุ้นไทย ให้แข่งขันได้และยืดหยุ่นต่อความท้าทาย เพื่อยังคงบทบาทสำคัญในการสนับสนุนเศรษฐกิจไทย โดยคณะทำงาน Taskforce ได้ข้อสรุปร่วมกันและเสนอ “ชุดมาตรการสร้างเสน่ห์ตลาดหุ้นไทย” ซึ่งมี 4 มาตรการหลัก พร้อมแผนการดำเนินการที่สำคัญเร่งด่วนในแต่ละมาตรการ ดังนี้

Quality Demand ประกอบด้วย (1) การสร้างวัฒนธรรมการลงทุนระยะยาวผ่านบัญชีการลงทุนส่วนบุคคล (Individual Investment Account) เพื่อให้ผู้ลงทุนสามารถเปลี่ยนเงินออมเป็นเงินลงทุนระยะยาวและกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลาย มีการขยายฐานผู้ลงทุนกลุ่มใหม่ เพิ่มการให้บริการการลงทุนในตลาดหุ้นและผลิตภัณฑ์ของบริษัทหลักทรัพย์ รวมถึงสร้างศูนย์รวมข้อมูลพอร์ตของผู้ลงทุน (wealth aggregator) และ (2) การส่งเสริมบทบาทผู้ลงทุนสถาบันในประเทศ เพื่อเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในตลาดทุนไทย

Attractive Supply ประกอบด้วย (1) การดึงดูดกิจการที่มีศักยภาพและคุณภาพเข้าสู่ตลาดทุนไทย (2) การยกระดับคุณภาพของบริษัทจดทะเบียนในปัจจุบัน ผ่านโครงการ Jump+ และ Value Up Program (3) การปรับขั้นตอนการออกและเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ให้มีประสิทธิภาพและทำให้ตลาดทุนไทยเป็นที่น่าสนใจและสามารถแข่งขันในระดับภูมิภาคได้ (4) การปรับปรุงเกณฑ์การเข้าถึงแหล่งระดมทุนของ SMEs และ New Economy ให้น่าสนใจ และ (5) การเปิดเผยข้อมูล ESG ตามมาตรฐาน ISSB และมุ่งผลให้เกิดการปฏิบัติจริง เพื่อดึงดูดผู้ลงทุนที่คำนึงถึงความรับผิดชอบด้าน ESG ในระดับสากล

Trusted Market ประกอบด้วย (1) การสร้างความเข้มแข็งในการกำกับดูแลกิจการของบริษัทจดทะเบียนและการบังคับใช้กฎหมาย (2) การยกระดับการกำกับดูแลผู้ประกอบวิชาชีพในตลาดทุน (gatekeepers) เพื่อป้องปรามการกระทำที่ไม่เหมาะสม และ (3) การใช้เทคโนโลยีเพิ่มช่องทางเข้าถึงข้อมูลทางการเงินของบริษัทขนาดกลางและเล็ก

Supportive Ecosystem ประกอบด้วย (1) การเพิ่มศักยภาพของผู้ประกอบธุรกิจในตลาดทุนในการสร้างผลิตภัณฑ์การลงทุนที่หลากหลาย (2) นำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อเพิ่มการเข้าถึงการลงทุนของผู้ลงทุนรายย่อยและเปลี่ยนผ่านตลาดทุนสู่ตลาดทุนดิจิทัล (3) ทบทวนหลักเกณฑ์การซื้อขายให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้ลงทุน และ (4) การให้ผู้ลงทุนต่างประเทศสามารถใช้สิทธิ e-proxy ได้สะดวกยิ่งขึ้น  

ดร.วโรทัย โกศลพิศิษฐ์กุล ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ สศค. กล่าวว่า “ชุดมาตรการสร้างเสน่ห์ตลาดทุนไทยนี้ ไม่ได้เป็นเพียงการเสริมสร้างศักยภาพให้ตลาดทุนไทยมีความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้นเท่านั้น แต่ยังเป็นการวางรากฐานที่มั่นคงต่อการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในระยะยาว เพราะเมื่อตลาดทุนสามารถดึงดูดธุรกิจที่มีศักยภาพให้เข้ามาระดมทุน จะช่วยเพิ่มโอกาสของประเทศในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในด้านต่าง ๆ รวมทั้งเพิ่มจำนวนนักลงทุนในตลาดมากขึ้น ซึ่งจะทำให้ตลาดทุนไทยมีประสิทธิภาพในการเป็นแหล่งระดมทุนเพื่อพัฒนาประเทศต่อไป ซึ่งมาตรการเหล่านี้ยังสอดคล้องกับแผนพัฒนาตลาดทุนไทย ฉบับที่ 4 (พ.ศ. 2565 – 2570) ที่หน่วยงานด้านตลาดทุนได้ดำเนินการมาโดยตลอด และขณะเดียวกันก็ถือเป็นมาตรการ Quick Win ที่จะก่อให้เกิดผลลัพธ์เชิงประจักษ์ในระยะสั้น แต่ส่งผลต่อการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจในระยะยาว สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะหน่วยงานที่มีภารกิจด้านนโยบายเศรษฐกิจของประเทศ รวมถึงการพัฒนาตลาดทุนในภาพรวม พร้อมที่จะร่วมมือและสนับสนุนการดำเนินการกับทุกภาคส่วน เพื่อผลักดันและสานต่อมาตรการที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป”

ศาสตราจารย์ ดร.พรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า “ก.ล.ต. ได้ริเริ่มจัดตั้งคณะทำงาน Taskforce ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างหน่วยงานของภาครัฐและหน่วยงานภาคเอกชน เพื่อร่วมกันผลักดันมาตรการพัฒนาตลาดทุนไทยอย่างเป็นรูปธรรม ส่งเสริมศักยภาพการแข่งขันระยะยาวอย่างยั่งยืน สอดรับกับสภาพเศรษฐกิจและบริบทโลกที่เปลี่ยนแปลงไป พร้อมทั้งยกระดับความเชื่อมั่นให้กับตลาดทุนไทย โดยเชื่อมั่นว่าการผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นระบบต้องอาศัยความร่วมมือทำงานของทุกภาคส่วนในตลาดทุน โดยชุดมาตรการสร้างเสน่ห์ตลาดหุ้นไทย ที่เสนอโดยคณะทำงาน Taskforce ครอบคลุมทั้งฝั่งอุปสงค์และอุปทาน ซึ่งจะมีการตั้งคณะทำงานย่อย (Working Group) ในการติดตามและผลักดันมาตรการต่อเนื่อง เพื่อเร่งขับเคลื่อนให้เกิดผลเป็นรูปธรรมในระยะสั้น พร้อมกันนี้ ในระยะถัดไป ก.ล.ต. จะเดินหน้าพัฒนาตลาดทุนในส่วนอื่น ทั้งตลาดตราสารหนี้ หน่วยลงทุน ตลอดจนการเปลี่ยนผ่านตลาดทุนสู่ตลาดทุนดิจิทัล โดยจะมีการจัดตั้งคณะทำงานชุดอื่นเพิ่มเติมต่อไป ซึ่ง ก.ล.ต. พร้อมทำหน้าที่เป็นกลไกสำคัญในการสร้างความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรมระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ”

นายอัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ฯ กล่าวว่า “ความร่วมมือของคณะทำงาน Taskforce ครั้งนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการยกระดับศักยภาพ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และความน่าสนใจของตลาดทุนไทย  ตลาดหลักทรัพย์ฯ พร้อมผลักดันมาตรการสร้างเสน่ห์ตลาดทุนไทยอย่างเต็มที่ ตั้งแต่การดึงดูดกิจการ New Economy ที่มีศักยภาพเข้าจดทะเบียน การยกระดับคุณภาพบริษัทจดทะเบียนผ่านโครงการ Jump+ การใช้เทคโนโลยีเพิ่มการเข้าถึงข้อมูลของผู้ลงทุน ไปจนถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์การลงทุนที่หลากหลายตอบโจทย์ผู้ลงทุนทุกกลุ่ม ตลอดจนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น  ตลาดหลักทรัพย์ฯ มุ่งมั่นให้ตลาดทุนไทยเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง พร้อมรับมือความผันผวนของเศรษฐกิจโลก และการแข่งขันระดับภูมิภาค โดยเน้นการพัฒนาคุณภาพตลาด สร้างความน่าเชื่อถือ และยกระดับมาตรฐานการกำกับดูแล เพื่อให้ตลาดทุนไทยเป็นแหล่งระดมทุนที่มีประสิทธิภาพ”

ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย กล่าวว่า “การขับเคลื่อน ‘ชุดมาตรการสร้างเสน่ห์ตลาดหุ้นไทย’ เป็นความร่วมมือสำคัญจากทุกภาคส่วนในตลาดทุน ซึ่งจะช่วยเสริมศักยภาพการแข่งขันของตลาดหุ้นไทยให้แข็งแกร่ง พร้อมรับต่อความท้าทาย และยังคงบทบาทสำคัญในการสนับสนุนเศรษฐกิจไทยต่อไป โดยเฉพาะการมุ่งเน้นการสร้าง Quality Demand ให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมนั้น จะเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างวัฒนธรรมการลงทุนระยะยาว ทั้งการพัฒนาบัญชีการลงทุนส่วนบุคคล ซึ่งจะช่วยให้ผู้ลงทุนสามารถเปลี่ยนเงินออมเป็นการลงทุนระยะยาวให้เพียงพอพร้อมรองรับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ รวมถึงการสร้างศูนย์รวมข้อมูลพอร์ตเพื่อการบริหารความมั่งคั่งของผู้ลงทุนอย่างครบวงจร นอกจากนี้ การส่งเสริมบทบาทของผู้ลงทุนสถาบันในประเทศ ถือเป็นอีกแรงขับเคลื่อนสำคัญที่จะช่วยเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในตลาดทุนไทยให้มีเสถียรภาพและยั่งยืนยิ่งขึ้น เราเชื่อมั่นว่ามาตรการเหล่านี้จะทำให้ตลาดหุ้นไทยเป็นหนึ่งในเสาหลักของการเติบโตของเศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืนในอนาคต”

AIS คว้า 3 รางวัล HR Asia 2025 ต่อเนื่อง 7 ปีซ้อน ยืนหนึ่งผู้นำด้านบริหารบุคลากรการันตีสถานะองค์กรน่าทำงานที่สุดในเอเชีย

0

เอไอเอสคว้า 3 รางวัลจากเวที HR Asia Best Companies to Work for in Asia Awards 2025 ตอกย้ำความเป็นเลิศด้านการดูแลบุคลากรแบบครอบคลุมทุกมิติด้วยการสร้างสภาพแวดล้อมที่ยอมรับคุณค่าของความแตกต่างของพนักงานแต่ละคน พร้อมยกระดับประสบการณ์การทำงานด้วยเทคโนโลยี  และพัฒนาศักยภาพคนให้เติบโตเคียงข้างธุรกิจ สู่การเป็น Cognitive Tech-Co  โดยเฉพาะ Best Companies to Work for in Asia 2025 (Gold Winner) ที่ครองรางวัลนี้ต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 และเป็นองค์กรเดียวในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมของไทยที่รักษามาตรฐานนี้อย่างต่อเนื่อง  พร้อมส่งต่อคุณค่าสู่สังคม ผ่านพลังของบุคลากรและเทคโนโลยี เพื่อความยั่งยืนของประเทศ

สำหรับรางวัลแห่งความภาคภูมิใจที่เอไอเอสได้รับจากเวที HR Asia Best Companies To Work For In Asia Awards 2025 ในครั้งนี้คือ

  1. รางวัล Best Companies To Work For in Asia 2025 (Gold Winner) นับเป็นปีที่ 7 ติดต่อกันที่เอไอเอสได้รับการยกย่องให้เป็นองค์กรที่น่าร่วมงานที่สุดในเอเชีย และเป็นองค์กรเดียวในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมของไทยที่ได้รับรางวัลนี้อย่างต่อเนื่อง สะท้อนถึงศักยภาพด้านการบริหารทรัพยากรบุคคลของเอไอเอส ที่มุ่งเน้นการดูแลพนักงานในทุกมิติ
  2. รางวัล HR Asia DEI Award รางวัลที่สะท้อนถึงความสำเร็จในการวางนโยบายด้านการบริหารคนอย่างรอบด้าน เพื่อส่งเสริมความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการยอมรับความแตกต่าง (Diversity, Equity, and Inclusion: DEI) ภายในองค์กร 
  3. รางวัล HR Asia Tech Empowerment Award เป็นการยืนยันถึงความสามารถของเอไอเอสในการใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือสำคัญในการยกระดับประสิทธิภาพการทำงาน สร้างความพึงพอใจและความผูกพันของพนักงาน พร้อมผลักดันนวัตกรรมด้านการบริหารงานบุคคล ซึ่งส่งผลต่อการปรับปรุงประสิทธิภาพองค์กรโดยรวมและความสุขในการทำงานของบุคลากร

นางสาวกานติมา เลอเลิศยุติธรรม รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ด้านธุรกิจองค์กร กล่าวว่า  “การได้รับรางวัลจากเวที HR Asia ติดต่อกัน 7 ปี สะท้อนมาตรฐานและศักยภาพของเอไอเอสในฐานะผู้นำด้านการบริหารทรัพยากรบุคคล เรามุ่งพัฒนาสภาพแวดล้อมการทำงานให้เอื้อต่อการเติบโตของพนักงานอย่างต่อเนื่อง ภายใต้ความเชื่อที่ยึดมั่นมากว่า 10 ปี ว่าความหลากหลายและความเท่าเทียมคือพลังขององค์กร พนักงานทุกคนคือหัวใจสำคัญ การเปิดรับมุมมองและประสบการณ์ที่ต่างกันหล่อหลอมเป็นวัฒนธรรมที่แข็งแรง  นอกจากรางวัล Best Companies to Work for in Asia 2025 (Gold Winner)  แล้ว เรายังได้รับอีก 2 รางวัลในด้าน DEI (Diversity, Equity, Inclusion) และ Tech Empowerment ที่นำเทคโนโลยีมายกระดับประสบการณ์ทำงาน ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญในการก้าวสู่การเป็น Cognitive Tech-Co ที่เติบโตอย่างยั่งยืนในยุคดิจิทัล

“นอกจากการพัฒนาศักยภาพภายในองค์กร  เอไอเอสยังมุ่งมั่นในการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคม ผ่านเครือข่าย “อุ่นใจอาสา” ที่รวมพลังพนักงานจากหลากหลายสายงานและความเชี่ยวชาญ ร่วมกันขับเคลื่อนโครงการ AIS ACADEMY for THAIs ภายใต้แนวคิด  “ภารกิจคิดเผื่อ” เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีและทักษะดิจิทัลให้คนไทยทุกเพศทุกวัยสามารถปรับตัวและสร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้กับชีวิตได้อย่างมั่นใจท่ามกลางการเปลี่ยนแปลง ตลอดจนเปิดพื้นที่ให้เยาวชนได้แสดงศักยภาพผ่านโครงการ JUMP THAILAND Hackathon 2025 โดยเปิดโอกาสให้นักศึกษาร่วมพัฒนาแนวคิดและนวัตกรรมที่ช่วยลดความเหลื่อมล้ำ และยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุและผู้พิการ  เอไอเอสยังคงเดินหน้าพัฒนาแนวทางการทำงานอย่างต่อเนื่อง โดยยึดมั่นในหลักการ DEI  และ Tech Empowerment เพื่อใช้เป็นพลังขับเคลื่อนองค์กรสู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืน พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสังคมไทยที่แข็งแกร่งและเท่าเทียม”

เมืองไทยประกันชีวิต เป็นห่วงสมาชิกเมืองไทยสไมล์คลับ จัดกิจกรรมตรวจสุขภาพประจำปี “Smile Morning Check up” 

0

บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) โดย เมืองไทยสไมล์คลับ  ร่วมกับโรงพยาบาลกรุงเทพ  ห่วงใยและใส่ใจด้านสุขภาพ จัดกิจกรรมตรวจสุขภาพประจำปี Smile Morning Check up” ให้กับสมาชิกเมืองไทยสไมล์คลับ  เพื่อให้ทุกคนได้รู้ถึงสุขภาพของตนเองและเตรียมพร้อมในการดูแลตัวเองได้อย่างถูกต้อง  งานจัดขึ้น ณ โรงพยาบาลกรุงเทพ สำนักงานใหญ่ (ซ.ศูนย์วิจัย) โดยในงานมีนางสาวพรทิวา พฤกสถิตย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) พร้อมนายแพทย์ชยพล ชีถนอม อายุรแพทย์ Cardio-metabolic และนายแพทย์ชาติทนง ยอดวุฒิ อายุรศาสตร์เฉพาะทางโรคหัวใจ โรงพยาบาลกรุงเทพ  ร่วมให้การต้อนรับ

โดยงานดังกล่าวได้รับการตอบรับจากสมาชิกเมืองไทยสไมล์คลับเป็นอย่างดี  บรรยากาศเต็มไปด้วยความสุขและรอยยิ้ม  ซึ่งในงานสมาชิกฯ สามารถใช้คะแนนสะสม Smile Point แลกรับโปรแกรมตรวจสุขภาพประจำปี พร้อมรับฟรีรายการตรวจสารบ่งชี้ มะเร็งตับ (Alpha fetoprotein) มูลค่า 1,200 บาท พร้อมเลือกซื้อรายการตรวจเพิ่มเติมในราคาพิเศษลดสูงสุดถึง 40%  และโปรโมชันพิเศษ!  

นอกจากนี้สมาชิกฯ ยังได้เข้าร่วมบูธสุขภาพ NCDs Alert! เช็กก่อน ห่างไกลโรคเรื้อรัง” อาทิ บูธให้คำปรึกษาเฉพาะบุคคลด้านสุขภาพเชิงป้องกัน กับทีมแพทย์ พยาบาล และผู้ชำนาญการเฉพาะทางด้านโรค Cardio Metabolic  บูธประเมินความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด โดยเจ้าหน้าที่พยาบาลหัวใจ กรณี Moderate-High Risk พร้อมรับสิทธิ์หมุนวงล้อรับรางวัลของพรีเมียมจากโรงพยาบาล บูธให้คำปรึกษาโรคเบาหวานและโรคอ้วน  บูธ CGM เครื่องตรวจระดับน้ำตาลในเลือด แบบ Real-time  บูธให้คำปรึกษาเรื่องโภชนบำบัด บูธวัคซีนไข้เลือดออก/วัคซีนงูสวัด/RSV /วัคซีนปอดอักเสบ/วัคซีนไข้หวัดใหญ่ บูธตรวจตาเบื้องต้นอาชีวอนามัย บูธตรวจมวลกระดูกเบื้องต้น และช้อปสินค้าเพื่อสุขภาพอีกมากมาย

สำหรับสมาชิกเมืองไทยสไมล์คลับ ที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรม Smile Morning Check up”  ตรวจสุขภาพประจำปี พร้อมรับฟรีโปรแกรมพิเศษ  สามารถพบกับกิจกรรมในครั้งถัดไป ได้ที่  “โรงพยาบาลกรุงเทพเชียงใหม่” ในวันเสาร์ที่ 1 พฤศจิกายน 2568  โดยสามารถติดตามกิจกรรมและอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ MTL Click Application ซึ่งดาวน์โหลดได้ฟรีทั้งระบบปฏิบัติการ iOS และ Android หรือเว็บไซต์ www.muangthai.co.th ตลอดจนสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่โทร. 1766 กด 4 เมืองไทยประกันชีวิต หรือศูนย์บริการลูกค้าทั่วประเทศ

AIS PLAY เดินเกมคอนเทนต์กีฬาเต็มพิกัด!จับมือNBAยิงสดศึกบาสระดับโลก ฤดูกาล2025-26ทุกแมตช์สำคัญเริ่มต้นแค่249 บาท/เดือนฟาดฟันทุกความมันส์แบบสดๆ

0

AIS PLAY ตอกย้ำจุดยืนการเป็นศูนย์กลางความบันเทิงและกีฬาอันดับ 1 ของไทย มอบประสบการณ์รับชมการแข่งขัน NBA แบบจัดเต็ม เปิดให้บริการแพ็กเกจ “NBA 2025-26” ราคาเริ่มต้นเพียง 249 บาทต่อเดือน (ไม่รวม VAT) ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรักกีฬาและคอสตรีมมิ่ง ให้สามารถรับชมศึกบาสระดับโลก พร้อมด้วยความบันเทิงระดับพรีเมียมในราคาสุดคุ้ม ด้วยการรวมสิทธิ์การถ่ายทอดสดจากทั้ง NBA และ Prime Video เข้ากับสิทธิ์การถ่ายทอดสดโดยตรงของ AIS PLAY ไว้ในแพ็กเกจเดียว ให้ลูกค้า AIS และแฟนบาสเกตบอลได้ชมทุกแมตช์สำคัญ มากกว่า 290 แมตช์ พร้อมบรรยายไทยเต็มอรรถรส ตั้งแต่ฤดูกาลปกติ เพลย์ออฟ All-Star Weekend ไปจนถึง NBA Finals โดยฤดูกาล NBA 2025-26 มีกำหนดเปิดฉากในวันพุธที่ 22 ตุลาคม 2568 (ตามเวลาไทย)

นางสาวรุ่งทิพย์ จารุศิริพิพัฒน์ หัวหน้าฝ่ายงานธุรกิจเอนเตอร์เทนเมนท์ AIS กล่าวว่า “ที่ผ่านมา AIS เดินหน้ายกระดับ AIS PLAY ให้ก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางความบันเทิงครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย บนเครือข่ายที่ดีที่สุด ด้วยการคัดสรรคอนเทนต์คุณภาพจากทั่วโลก เพื่อส่งมอบประสบการณ์ความบันเทิงและกีฬาอย่างต่อเนื่อง เราเชื่อว่าการนำคอนเทนต์ระดับโลกอย่าง NBA เข้ามาเสริมทัพในครั้งนี้ ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของการขยายฐานผู้ชมให้กว้างขึ้น พร้อมยกระดับประสบการณ์การรับชมให้แฟนบาสเกตบอลได้สัมผัสทุกแมตช์สำคัญผ่าน AIS PLAY ควบคู่กับสิทธิ์การรับชม NBA และความบันเทิงระดับโลกจาก Prime Video เพื่อเติมเต็มไลฟ์สไตล์แฟนกีฬายุคใหม่ให้สนุก ตื่นเต้น เข้าถึงได้ง่ายทุกที่ทุกเวลา และยังมีส่วนสำคัญในการผลักดันและยกระดับวงการบาสเกตบอลในประเทศไทยให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น”

พิเศษ! ลูกค้าเอไอเอสรับสิทธิ์ชมฟรีถ่ายทอดสด NBA Pre-Season ในวันที่ 4, 6, 10,12  และ 16 ตุลาคม 2568 อุ่นเครื่องความมันส์ก่อนเปิดศึกฤดูกาลที่ AIS PLAY และสำหรับแฟนบาสเกตบอลที่ต้องการรับชมความมันส์แบบจัดเต็ม ทุกแมตช์สำคัญตลอดฤดูกาล สามารถเลือกสมัครแพ็กเกจใหม่ในราคาสุดคุ้ม ประกอบด้วย  

  • แพ็กเกจ NBA 2025-26 รายเดือน ราคา 249 บาทต่อเดือน (ไม่รวม VAT) ดูสดทุกแมตช์สำคัญ ทั้งฤดูกาลปกติ รอบเพลย์ออฟ และอีเวนต์พิเศษ All-Star Weekend ผ่าน AIS PLAY แพ็กเกจนี้ยังมาพร้อม Prime Video ให้คุณเข้าถึงความบันเทิงระดับโลก พร้อมชมการแข่งขันในฤดูกาลปกติ และแมตช์ใหญ่สุดเอ็กซ์คลูซีฟ รวมถึง Emirates NBA Cup, Play-In Tournament และ NBA Finals สมัครกด *678*23# โทรออก (รับชมได้ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2569)
  • แพ็กเกจ PLAY SPORTS ราคา 599 บาทต่อเดือน (ไม่รวม VAT) รับชมช่องพรีเมียมและรายการกีฬาระดับโลก รวมถึงการแข่งขันกีฬาสุดมันส์ที่ทุกคนรอคอย ไม่ว่าจะเป็น พรีเมียร์ลีก, NFL และ NBA ผ่าน AIS PLAY พร้อมเต็มอิ่มกับคอนเทนต์จาก Prime Video และ Monomax สมัครกด *678*88# โทรออก (เปิดให้สมัครตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป)
  • แพ็กเกจ PLAY ULTIMATE+SPORTS รายเดือน ราคา 1,499 บาทต่อเดือน นาน 12 เดือน หลังจากนั้นค่าบริการ 1,799 บาท (ไม่รวม VAT) รวมที่สุดของความบันเทิงและกีฬาครบจบในแพ็กเกจเดียว จัดเต็มช่องพรีเมียมระดับโลกและคอนเทนต์ รวมถึงรายการกีฬาชั้นนำอย่าง พรีเมียร์ลีก, NFL และ NBA ที่สามารถรับชมได้บน AIS PLAY และความบันเทิงจากสตรีมมิงแพลตฟอร์มชั้นนำ ทั้ง, Netflix, HBO Max, Disney+ Hotstar, Prime Video, iQIYI, Viu, WeTV, AIS KARAOKE, Monomax และ oneD สมัครกด *678*1# โทรออก

สมัครได้ทั้งลูกค้ามือถือระบบรายเดือน, เติมเงิน และลูกค้าเน็ตบ้าน AIS 3BB FIBRE3 รับชมได้ทุกที่ ทุกเวลา ผ่าน AIS PLAY ทั้งทางสมาร์ตโฟน แท็บเล็ต หรือสมาร์ตทีวี บนเครือข่ายที่ดีที่สุด ตอกย้ำบทบาทผู้นำดิจิทัลแพลตฟอร์มที่รวบรวมคอนเทนต์กีฬาและความบันเทิงครบวงจรของไทย ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ Link https://www.ais.th/consumers/entertainment/sport/nba

รู้เก็บรู้ออม : TSD e–Document

0
ที่มา คอลัมน์ "รู้เก็บรู้ออมรู้ใช้รู้ลงทุน...สู่ความมั่งคั่ง"  หน้าเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

สำหรับนักลงทุนที่ซื้อขายหลักทรัพย์ คงจะรู้จักคุ้นเคยกับชื่อของ TSD เป็นอย่างดี แต่สำหรับคนที่เป็นนักลงทุนมือใหม่ หรือยังไม่รู้จัก TSD ต้องได้ทำความรู้จักกันแน่นอน เพราะเอกสารต่างๆที่ต้องส่งตรงให้นักลงทุน ไม่ว่าจะเป็นหนังสือเชิญประชุมผู้ถือหุ้น, แจ้งเงินปันผลเข้าบัญชีธนาคาร และสิทธิประโยชน์อื่นๆที่เกี่ยวข้องกับหุ้นที่เราลงทุน ล้วนเป็นงานของ TSD หรือชื่อเต็มว่า บริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด โดยธุรกรรมต่างๆที่นักลงทุนต้องใช้บริการจาก TSD จะครอบคลุมตั้งแต่บริการฝาก ถอน โอนหุ้น ตลอดจนบริการด้านข้อมูลสิทธิประโยชน์ต่างๆของหลักทรัพย์

ตลอดเวลาที่ผ่านมา TSD ได้มีการพัฒนาและยกระดับงานบริการเพื่อให้เป็นระบบที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการอำนวยความสะดวกแก่นักลงทุน และสอดคล้องกับการลงทุนในยุคใหม่ ไม่ว่าจะเป็นบริการ e-service ต่างๆ อาทิ การส่งเอกสารแบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-Document แทนการส่งไปรษณีย์ และยังชวนให้บริษัทจดทะเบียนใช้ QR Code Sealer ในการส่งหนังสือ เชิญประชุมผู้ถือหุ้น ซึ่งคุณนายพารวยเคยพูดถึงเรื่องนี้ไปเมื่อสัปดาห์ก่อน

สำหรับบริการ TSD e–Document ถือเป็นบริการที่เป็นประโยชน์สำหรับนักลงทุน ขณะเดียวกันก็เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมจากการช่วยลดปริมาณการใช้กระดาษ ด้านนักลงทุนเองก็จะได้รับ เอกสารสิทธิประโยชน์ เกี่ยวกับหุ้นอย่างสะดวกสบาย ปลอดภัย รวดเร็ว แต่ที่ดีกว่าเดิม คือ หมดปัญหาเรื่องเอกสารสูญหายระหว่างทาง หรือได้รับแล้วแต่ไม่รู้ไปเก็บไว้ที่ไหน เวลาต้องการใช้ก็หาไม่เจอ จนอาจทำให้พลาดสิทธิประโยชน์ หรือข่าวสารที่สำคัญ

นักลงทุนจะได้รับเอกสารสำคัญต่างๆที่เป็นสิทธิประโยชน์ของผู้ถือหุ้นผ่านทางอีเมลโดยตรง ต้องการดูเอกสารเมื่อไหร่ ตอนไหน ก็เปิดอีเมลดูเอกสารได้เลยทุกที่ทุกเวลา สามารถเข้าถึงข้อมูลได้แบบตรงเวลาและปลอดภัย เรียกได้ว่าดีต่อเราและดีต่อโลก นอกจากนี้ ในภาพรวม ยังเป็นการทำให้ตลาดทุนเป็นเรื่องที่สะดวกและง่ายขึ้นต่อนักลงทุน

สำหรับเอกสารที่นักลงทุนจะได้รับผ่านบริการ TSD e–Document อาทิ รายงานการถือหุ้นที่อยู่ในบัญชีบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์ แจ้งให้เรารู้ว่าถือหุ้นอะไรอยู่ และมีอยู่จำนวนเท่าไร, หนังสือเชิญประชุมผู้ถือหุ้น และเอกสารประกอบการประชุมในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ผ่าน QR Code ที่ช่วยให้เข้าถึงข้อมูลได้ง่ายดาย ผู้ถือหุ้นอย่างเราๆท่านๆ ซึ่งมีฐานะเป็นเจ้าของบริษัท จะได้ไม่พลาดการประชุม เพื่อร่วมตัดสินใจเรื่องสำคัญต่างๆ หนังสือรับรองภาษีหัก ณ ที่จ่าย (50 ทวิ) ตลอดจนการแจ้งข่าวดีสำหรับนักลงทุนอย่างหนังสือแจ้งโอนเงินปันผลเข้าบัญชีธนาคาร หรือ e–Dividend

นักลงทุนที่สนใจอยากใช้บริการ TSD e-Document สามารถสมัครใช้บริการฟรีได้ที่เว็บไซต์ http://www.set.or.th/tsd   

สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย แถมเอกสารไม่หาย ไม่ลืม แบบนี้ ต้องรีบสมัครกันแล้ว!

คุณนายพารวย

ตามรอยเซียน โดย เจี๊ยบ บางกรวย “ปิดตาวัดทองยันต์น่อง ”

0

พระอาจารย์สอนเซียนเจี๊ยบดูพระปิดตาวัดทอง มีหลายเนื้อ สำริดดำ แดง เหลือง ตะกั่ว กระทั่งเนื้อชินหรือเนื้อดีบุก ไปจนถึงเนื้อผง แต่ ตลาดแทบไม่พูดถึงเนื้ออื่น เนื้อเหลือง ไม่เล่น เล่นแต่เนื้อดำนะเธอ ถ้าเจอเนื้อเหลืองมักแท้ไม่ค่อยรู้กัน หวานเจี๊ยบเสร็จเรา

มาดูปิดตาวัดทองยันต์หน่องวันนี้เนื้อเหลืองเก่าจัด คราบขี้เบ้าดำ มีให้เห็นในซอกแขน ในยันต์เก่าจัดเป็นธรรมชาติ ยันต์ต้องเดินเส้นสายไม่ขาดเหมือนเส้นขนมจีนม้วนกลมไปตลอด แบบนี้ใช่เลย จุดจ่ายตังค์ ด้านก้น นอกจากสองมือสอดประสานรองก้นแล้ว รอบสองมือ จะมีร่องรอยแต่งชนวนบางๆ ถ้ามีรอยตะไบหนัก หรือรอยแต่งไม่เรียบร้อย ไม่เก่าเป็นธรรมชาติรอยเหี่ยวย่นไม่มี ไม่ดีนะเธอ

พระอาจารย์สอนเซียนเจี๊ยบบอกต่อ หวานเจี๊ยบ

เจี๊ยบบางกรวยเดินตามรอยพระอาจารย์ 087 0030897

“สิงห์อาสา” เร่งช่วยชาวอุตรดิตถ์! ผนึกกำลังมูลนิธิเพชรเกษม ฝ่าน้ำท่วมจาก ‘พายุบัวลอย’

0

สิงห์อาสา ร่วมกับ เครือข่ายกู้ภัยมูลนิธิเพชรเกษม พร้อมด้วยตัวแทนจำหน่าย บริษัท อุตรดิตถ์เล็กย่งหลี จำกัด เร่งให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในจังหวัดอุตรดิตถ์กว่า 2,500 ครัวเรือน หลังพื้นที่ได้รับผลกระทบหนักจากอิทธิพลของพายุ “บัวลอย” อย่างรุนแรง ลงพื้นที่แรกช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำป่าไหลลาก หมู่ 2 ต.บ้านแก่ง อ.ตรอน จ.อุตรดิตถ์ ซึ่งมีผู้ได้รับความเดือดร้อนจำนวน 300 หลังคาเรือน และมอบน้ำดื่มสนับสนุนทีมแพทย์และพยาบาล โรงพยาบาลตรอน จ. อุตรดิตถ์ จัดตั้งโรงพยาบาลสนาม ณ ที่ว่าการอำเภอตรอน จ.อุตรดิตถ์

ผลกระทบจากอิทธิพลพายุ “บัวลอย” ทำให้เกิดฝนตกหนักต่อเนื่อง น้ำป่าไหลหลาก และน้ำท่วมฉับพลันในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่ในริมแม่น้ำท้ายเขื่อนสิริกิติ์, ริมคลองตรอน, อ่างห้วยแมง และริมแม่น้ำน่าน ที่มีระดับน้ำเพิ่มสูงอย่างรวดเร็ว พร้อมสนับสนุนอาสาสมัครกู้ภัยในการอพยพผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง และประชาชนในพื้นที่ที่ถูกตัดขาดออกจากพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบโดยเร็ว

โดยจากข้อมูลล่าสุดเมื่อ พบว่ามีประชาชนกว่า 2,500 ครัวเรือน ในหลายตำบลของอำเภอน้ำปาด อำเภอทองแสนขัน อำเภอท่าปลา และอำเภอตรอน ได้รับผลกระทบมากที่สุด บ้านเรือนหลายร้อยหลังถูกน้ำท่วมสูงเกิน 1–2 เมตร ถนนหลายสายไม่สามารถสัญจรด้วยรถยนต์ได้ ส่งผลให้การช่วยเหลือเป็นไปอย่างยากลำบาก รวมไปถึงพื้นที่การเกษตรหลายพันไร่ ที่ถูกน้ำท่วมเสียหายอย่างหนัก และยังมีรายงานผู้สูงอายุและผู้ป่วยติดเตียงจำนวนมากต้องอาศัยการช่วยเหลือจากหน่วยกู้ภัยและทีมอาสาสมัครเพื่อความปลอดภัย เนื่องจากกรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่าในช่วง 1 สัปดาห์ข้างหน้า พื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง เช่น อุตรดิตถ์ พิษณุโลก และสุโขทัย ยังมีความเสี่ยงที่จะเกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากอีกครั้ง

สิงห์อาสา ยืนยันพร้อมอยู่เคียงข้างประชาชนในทุกพื้นที่ภัยพิบัติ และจะยังคง ปักหลักสนับสนุน เจ้าหน้าที่กู้ภัยและทีมแพทย์อย่างใกล้ชิด เพื่อให้ความช่วยเหลือเป็นไปอย่างทันท่วงที และบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องชาวอุตรดิตถ์ท่ามกลางสถานการณ์ที่ยากลำบาก รวมไปถึงจังหวัดใกล้เคียงที่ต้องเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

เปิดรายชื่อ 19 ซีอีโอเข้าชิงรางวัล SET Awards 2568 ประกาศผล 30 ต.ค. นี้ 

0

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ร่วมกับวารสารการเงินธนาคาร ยกระดับคุณภาพตลาดทุนไทย สนับสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืน จัดงาน SET Awards ประจำปี 2568 เชิดชูองค์กรและผู้นำธุรกิจที่มีความโดดเด่น โดยปีนี้มี 19 ซีอีโอเข้าชิงรางวัล CEO Awards และ 92 บริษัทเข้าชิงกลุ่มรางวัล Business Excellence และ 45 บริษัทเข้าชิงกลุ่มรางวัล Sustainability Excellence สะท้อนถึงความสามารถ ความแข็งแกร่ง และการปรับตัวขององค์กรท่ามกลางความท้าทายรอบด้าน และความมุ่งมั่นในการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนของภาคธุรกิจไทย ประกาศผลและมอบรางวัล 30 ต.ค. นี้

นายอัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า งาน SET Awards เป็นเวทีสำคัญที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อยกย่องเชิดชูบริษัทจดทะเบียน บริษัทหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน บริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ และผู้บริหารสูงสุดของบริษัทจดทะเบียน ที่มีความโดดเด่นในด้านต่าง ๆ ให้เป็นต้นแบบแก่ภาคธุรกิจในการพัฒนาองค์กร สร้างนวัตกรรม และสร้างผลประกอบการที่ดี ควบคู่กับการดำเนินงานที่รับผิดชอบต่อผู้มีส่วนได้เสียนำไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน

อัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

“SET Awards ในปีนี้ มีผู้บริหารระดับสูง 19 ราย และบริษัทที่เข้าชิงทั้งกลุ่มรางวัล Business Excellence 92 บริษัท และกลุ่มรางวัล Sustainability Excellence 45 บริษัท ซึ่งภายใต้กลุ่มรางวัล Business Excellence บริษัทจดทะเบียนให้ความสนใจในด้านนวัตกรรมและการจัดการนวัตกรรมภายในองค์กร รวมทั้งพัฒนาการด้านนักลงทุนสัมพันธ์ โดยได้มีการสมัครรับการพิจารณารางวัลมากขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา สะท้อนการให้ความสำคัญกับการยกระดับการดำเนินธุรกิจ ทั้งนี้ ภายใต้การทำงานของตลาดหลักทรัพย์ฯ ตลอด 50 ปี ยังคงมุ่งมั่นส่งเสริมและขับเคลื่อนภาคธุรกิจไทยและผู้เกี่ยวข้องในตลาดทุนพัฒนาไปข้างหน้าไปพร้อมๆ กัน”  นายอัสสเดชกล่าว

นายสันติ วิริยะรังสฤษฎ์ ประธานบรรณาธิการ วารสารการเงินธนาคาร ผู้ร่วมก่อตั้งรางวัล SET Awards และหนึ่งในคณะทำงานผู้ทรงคุณวุฒิ กล่าวว่า รางวัล SET Awards ได้รับความสนใจจากบริษัทในตลาดทุนที่สมัครเข้าชิงรางวัลต่างๆ อย่างต่อเนื่อง สะท้อนถึงความน่าเชื่อถือและการยอมรับรางวัล SET Awards จากทุกภาคส่วนในตลาดทุน เชื่อว่ารางวัล SET Awards จะเป็นแรงจูงใจที่สำคัญให้บริษัทในทุกภาคส่วนพัฒนาความเป็นเลิศทางด้านธุรกิจควบคู่ไปกับการพัฒนาความยั่งยืนในทุกมิติต่อไป และในปีนี้ได้เพิ่มรางวัลใหม่ด้านการให้บริการ Digital Wealth Service ภายใต้รางวัล Best Securities Company Awards เพื่อยกย่องบริษัทหลักทรัพย์ที่มีความโดดเด่นด้านการให้บริการแก่ผู้ลงทุนรายบุคคลผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล เพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมผู้ลงทุนยุคใหม่

รางวัล SET Awards แบ่งเป็น 2 กลุ่มรางวัล ได้แก่ กลุ่มรางวัล Business Excellence สำหรับบริษัทที่มีความโดดเด่นในการดำเนินธุรกิจ และมีกลไกในการสร้างนวัตกรรมภายในองค์กรอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงธุรกรรมทางการเงินในตลาดทุนที่โดดเด่น และกลุ่มรางวัล Sustainability Excellence สำหรับบริษัทที่มุ่งสร้างธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (ESG) ที่สำคัญยังมีรางวัลเกียรติยศแห่งความสำเร็จ SET Awards of Honor สำหรับบริษัทหรือบุคคลที่สามารถรักษาความยอดเยี่ยมได้อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป

พิธีประกาศผลและมอบรางวัล SET Awards ประจำปี 2568 จะจัดขึ้นในวันที่ 30 ตุลาคม 2568 ตั้งแต่เวลา 14.30 น. เป็นต้นไป      ที่อาคารตลาดหลักทรัพย์ฯ ผู้สนใจสามารถรับชมการถ่ายทอดสดผ่านช่องทางออนไลน์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ Facebook & Youtube: SET Thailand ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.set.or.th/setawards

ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ต้อนรับ บมจ. 88(ไทยแลนด์) (88TH) เริ่มซื้อขาย 3 ต.ค. นี้

0

นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ mai ยินดีต้อนรับ บมจ. 88(ไทยแลนด์) เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายใน mai ภายใต้กลุ่มอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภค โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “88TH” ในวันที่ 3 ตุลาคม 2568

ประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai)

88TH ดำเนินธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพและความงาม แบ่งเป็น 1) ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมและหนังศีรษะ ลดผมร่วง ปิดผมขาว ผลิตภัณฑ์จากสารสกัดสมุนไพร “ไลโอ” 2) ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว “โฮน” และ 3) เครื่องสำอาง “เวอร์.88” โดยจัดหาผลิตภัณฑ์ผ่านการว่าจ้างบริษัทย่อยและผู้รับจ้างผลิตรายอื่น ทั้งนี้ บริษัทย่อยที่ 88TH ถือหุ้น 100% มีโรงงานตั้งอยู่ที่อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร ดำเนินธุรกิจสนับสนุนการผลิตผลิตภัณฑ์ให้บริษัท ตลอดจนรับจ้างผลิตแก่ลูกค้าภายนอก บริษัทมีช่องทางการจัดจำหน่ายที่หลากหลาย ทั้งผ่านตัวแทนจำหน่ายกว่า 80 ราย ร้านค้าปลีกสมัยใหม่ 14 ราย กว่า 10,000 สาขาทั่วประเทศ โฮมชอปปิ้ง และช่องทางออนไลน์ สำหรับครึ่งแรกปี 2568 บริษัทมีสัดส่วนรายได้จากผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม : ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว : เครื่องสำอางและอื่นๆ ในสัดส่วน 91 : 6 : 3 ตามลำดับ โดยมีสัดส่วนการจัดจำหน่ายผ่านตัวแทนจำหน่าย : ร้านค้าปลีกสมัยใหม่ : โฮมชอปปิ้ง : ช่องทางออนไลน์ ในสัดส่วน 44 : 30 : 4 : 22

88TH มีทุนชำระแล้วหลัง IPO 212.5 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 170 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 42.5 ล้านหุ้น โดยมีหุ้นจัดจำหน่ายรวม 59.5 ล้านหุ้น จากหุ้นสามัญเพิ่มทุนดังกล่าว และหุ้นเดิม 17 ล้านหุ้น โดยเสนอขายต่อบุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ และผู้ลงทุนสถาบัน ไม่น้อยกว่า 48.875 ล้านหุ้น ผู้มีอุปการคุณของบริษัทไม่เกิน 6.375 ล้านหุ้น กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัทและบริษัทย่อย ไม่เกิน 4.25 ล้านหุ้น ระหว่างวันที่ 25-29 กันยายน 2568 ในราคาหุ้นละ 5.45 บาท คิดเป็นมูลค่าการเสนอขาย IPO 324.275 ล้านบาท มูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 1,158.125 ล้านบาท ทั้งนี้ การกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E ratio) ที่ประมาณ 12.91 เท่า คำนวณกำไรสุทธิต่อหุ้นจากผลกำไรสุทธิในช่วง 4 ไตรมาสล่าสุดตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2567 ถึง 30 มิถุนายน 2568 ซึ่งเท่ากับ 89.72 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ (fully diluted) คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.42 บาท โดยมีบริษัท ไพโอเนีย แอดไวเซอรี่ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และมีบริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญ

นางณัฐฐินี ชวนะนิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. 88(ไทยแลนด์) (88TH) เปิดเผยว่า บริษัทมุ่งเน้นการสร้างสรรค์ วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและนวัตกรรม เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลายและเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้จะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ตามแผนในการพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์เดิม พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ขยายช่องทางการจัดจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ ตลอดจนใช้เป็นค่าใช้จ่ายการตลาด การประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์ และค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจ

 88TH มีผู้ถือหุ้นใหญ่หลัง IPO คือ นายล้ำพันธุ์ พรรธนประเทศ ถือหุ้น 32.67% Ilkano Pte. Ltd. ถือหุ้น 8.0% และนางสาวนพรัตน์ มาลัยวงค์ ถือหุ้น 8.0% โดยบริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการภายหลังหักเงินสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามที่กฎหมายกำหนดและตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับบริษัท

 ผู้ลงทุนและผู้สนใจสามารถดูรายละเอียดจากหนังสือชี้ชวนของบริษัทได้ที่เว็บไซต์ของสำนักงาน ก.ล.ต. ที่ www.sec.or.th และข้อมูลทั่วไปของบริษัทที่ www.88thailand.co.th และ www.set.or.th

ตลาดหลักทรัพย์ฯ รับจดทะเบียน 10 DR ใหม่ อ้างอิงหุ้นสหรัฐฯ ออกโดย PI เริ่มซื้อขาย 1 ต.ค. นี้

0

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รับจดทะเบียน DR 10 หลักทรัพย์ใหม่ อ้างอิงหุ้นชั้นนำในตลาดหลักทรัพย์แนสแด็ก (NASDAQ) และตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYSE) สหรัฐอเมริกา ออกโดย บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) (PI) เริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ไทย 1 ตุลาคม 2568 นี้

ชื่อย่อ DRหลักทรัพย์อ้างอิงรายละเอียดธุรกิจตลาดหลักทรัพย์ ที่จดทะเบียน
AAPL03Apple Inc. (AAPL)บริษัทเทคโนโลยีที่ออกแบบ ผลิต และจัดจำหน่ายสมาร์ตโฟน คอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต และอุปกรณ์เสริม รวมถึงซอฟต์แวร์และบริการดิจิทัลครบวงจรNASDAQ
ADBE03Adobe, Inc. (ADBE)ผู้นำด้านนวัตกรรมดิจิทัลโดยนำเสนอโซลูชันที่ครอบคลุมการสร้างสรรค์คอนเทนต์ การตลาด และการบริหารประสบการณ์ลูกค้าอย่างครบวงจร
BKNG03Booking Holdings Inc. (BKNG)ผู้นำด้านบริการจองออนไลน์ในธุรกิจท่องเที่ยว เน้นใช้นวัตกรรมเทคโนโลยีเพื่อมอบประสบการณ์ที่ครบวงจรให้ผู้ใช้ทั่วโลก อาทิ Booking.com และ Agoda
GOOGL03Alphabet Inc. (GOOGL)ผู้ให้บริการเทคโนโลยีที่ช่วยจัดระเบียบข้อมูลให้เข้าถึงง่าย อาทิ Google Search, Google Map, YouTube ยังเป็นผู้นำด้าน AI และ Cloud Computing
NVDA03NVIDIA Corporation (NVDA)บริษัทที่ออกแบบและพัฒนา GPU สำหรับเกม คอมพิวเตอร์มืออาชีพ และดาต้าเซ็นเตอร์ โดยเฉพาะด้าน AI และการประมวลผลประสิทธิภาพสูง
PLTR03Palantir Technologies Inc. (PLTR)บริษัทซอฟต์แวร์ที่เชี่ยวชาญการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ โดยมีลูกค้าหลักทั้งภาครัฐ หน่วยงานความมั่นคง และองค์กรเอกชน
TSLA03Tesla Inc. (TSLA)ผู้นำด้านการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่ครอบคลุมการออกแบบ พัฒนา ผลิต และจำหน่าย รวมทั้งนำเสนอโซลูชันด้านการผลิตและกักเก็บพลังงาน
BAC03Bank of America Corporation (BAC)สถาบันการเงินชั้นนำที่มีเครือข่ายการดำเนินงานทั้งในสหรัฐฯ และต่างประเทศ ให้บริการทางการเงินครบวงจร ในรูปแบบแบงก์และนอนแบงก์NYSE
JNJ03Johnson & Johnson (JNJ)บริษัทด้านสุขภาพที่ดำเนินธุรกิจ 2 กลุ่มหลัก คือ Pharmaceutical และ MedTech ครอบคลุมการวิจัย พัฒนา ผลิต และจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์
ONON03On Holding AG (ONON)บริษัทกีฬาชั้นนำจากสวิตเซอร์แลนด์ เชี่ยวชาญด้าน รองเท้าวิ่งและเสื้อผ้ากีฬา ได้รับความนิยมทั่วโลกด้วยดีไซน์และเทคโนโลยีการรองรับแรงกระแทกที่เป็นเอกลักษณ์

ผู้สนใจศึกษารายละเอียด DR ใหม่ได้ที่เว็บไซต์สำนักงาน ก.ล.ต. www.sec.or.th หรือบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์คือ บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) www.pi.financial หรือศึกษาผลิตภัณฑ์ DR เพิ่มเติมได้ที่ www.set.or.th/dr