นายธนพงษ์ อิทธิสกุลชัย หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าองค์กร AIS กล่าวว่า “หนึ่งใน Sector ของภาคธุรกิจที่มีส่วนสำคัญต่อการเติบโตของประเทศ คือ SME หรือ กลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลาง และขนาดย่อม ที่ปัจจุบันมีผู้ประกอบการกว่า 3.18 ล้านราย ซึ่งเป็น 1 ในเครื่องยนต์หลักขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจ ในขณะเดียวกันกลุ่ม SME ก็ยังมีส่วนร่วมในการสร้าง GDP ให้กับประเทศถึง 34.2% ดังนั้นการเพิ่มขีดความสามารถให้กับการดำเนินธุรกิจผ่านการทำ Digital Transformation ก็ยังคงเป็นหัวใจสำคัญที่จะทำให้ SME มีอาวุธใหม่ๆ ในการสร้างโอกาสและการเติบโตในอนาคตได้อย่างยั่งยืน”
จากข้อมูลพบว่า สิ่งที่ผู้ประกอบการ SME ส่วนใหญ่ต้องการ อาทิ เครื่องมือหรือแพลตฟอร์มด้านดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง, แพลตฟอร์มค้าขาย online หรือ E-Commerce เพื่อให้เสริมศักยภาพ เพิ่มความคล่องตัวในการทำงาน สามารถลดต้นทุนการดำเนินงาน ขยายช่องทางการขาย หรือแม้กระทั่งการขยายฐานลูกค้าและการเข้าถึงตลาดใหม่ๆ ดังนั้น AIS Business ที่เข้าใจถึงความต้องการดังกล่าว จึงขอเป็นหนึ่งในฟันเฟืองที่จะช่วยผลักดันและสนับสนุนการเติบโตให้กับผู้ประกอบการ SME ด้วย กลยุทธ์ 7S
AIS SME Mobile Services บริการโทรศัพท์เพื่อการสื่อสาร AIS SME Internet Services บริการอินเทอร์เน็ต AIS SME Digital Marketing Services เครื่องมือด้านการตลาดออนไลน์ AIS SME IT & Digital Solutions พัฒนาระบบไอทีหลังบ้าน AIS SME Full e-Services งานบริการแบบ E-Service ที่อำนวยความสะดวกให้แก่นิติบุคคล AIS SME Special Privileges สิทธิพิเศษที่ทำให้การทำธุรกิจง่ายขึ้นด้วย AIS SME BIZ UP AIS SME Strategic Partnership การผนึกกำลังกับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศเพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการ
นอกจากนี้ AIS Business ยังเน้นการสนับสนุน 4 อุตสาหกรรมหลัก SME ได้แก่ การค้า, การผลิต, บริการ, ดิจิทัล/เทคโนโลยี โดย AIS SME ได้จัดทำแพ็คเกจสำหรับผู้ค้า SME ออนไลน์ ให้ได้ใช้แอปถุงเงิน หรือแอป TikTok ในราคาประหยัด, รวมถึงแพ็กเกจ AIS Fibre พร้อมระบบกล้องวงจรปิด เป็นต้น
“หากเป้าหมายของ SME คือ การสร้างการเติบโตด้านยอดขาย และอยากให้สินค้ามีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง สิ่งที่ SME ต้องมองหาคือพันธมิตรที่มีช่องทางการจัดจำหน่ายขนาดใหญ่ และมีองค์ความรู้ด้านต่างๆ ที่จะนำมาช่วยพัฒนาสินค้า เสริมศักยภาพการแข่งขัน ซึ่งบริษัทก็มีเป้าหมายเช่นนั้น จึงเลือกที่จะเป็นพันธมิตรกับร้านเซเว่น อีเลฟเว่น จนเกิดมาเป็นสินค้าร่วมพัฒนาภายใต้แบรนด์ EZY SWEET โดยสินค้าตัวล่าสุดที่เพิ่งวางจำหน่ายคือ เยลลี่บ๊วยน้ำมะนาว เจาะกลุ่มลูกค้าตั้งแต่วัยประถมขึ้นไป ถือเป็นการขยายฐานลูกค้าใหม่สู่กลุ่ม Gen Z จากเดิมกลุ่มลูกค้าหลักจะเป็นกลุ่ม Gen X, Gen Y และ Baby Boomer ที่มีความคุ้นเคยกับสินค้าอยู่แล้ว”
นายหลอ บุญ ไช้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ เปิดเผยว่า “การเปิดการซื้อขาย DR อ้างอิงหลักทรัพย์จดทะเบียนไทยในครั้งนี้ นับเป็นความสำเร็จจากการต่อยอดความร่วมมือ ภายใต้โครงการ DR Linkage ไทย-สิงคโปร์ (Thailand-Singapore DR Linkage) ที่จะช่วยเพิ่มโอกาสการเข้าถึงการลงทุนของผู้ลงทุนและเห็นถึงศักยภาพการเติบโตของตลาดทุนอาเซียน ซึ่งนับเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการเชื่อมโยงของทั้งสองประเทศให้สามารถเข้าถึงการลงทุนในตลาดภูมิภาคที่โดดเด่นและมีศักยภาพ นำไปสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์การลงทุนที่หลากหลายเชื่อมโยงต่างประเทศ”
ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ และตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ (SGX) ได้เปิดตัวโครงการ DR Linkage ไทย-สิงคโปร์ (Thailand-Singapore DR Linkage) ตั้งแต่เดือนกันยายน 2564 โดยเป็นความร่วมมือครั้งแรกระหว่างตลาดหลักทรัพย์อาเซียนที่มี การเชื่อมโยง DR ระหว่างกัน โดยผู้ลงทุนสามารถซื้อขาย DR ผ่านบริษัทสมาชิกของตลาดหลักทรัพย์ในประเทศ ด้วยเงินสกุลท้องถิ่น ซึ่งการซื้อขายจะเป็นไปตามกฎระเบียบของประเทศที่ DR เข้าจดทะเบียน