Home Blog Page 153

เมืองไทยประกันชีวิต จัดกิจกรรม “Zyndromes x MTL Station” สเตชันสุขภาพคนเจนใหม่ ชวนคนรักสุขภาพ กระทบไหล่ “บิวกิ้น-พีพี”

0

นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในโอกาสครบรอบ 72 ปีเมืองไทยประกันชีวิต เรายังคงเดินหน้าเปิดประสบการณ์แห่งความสุขและรอยยิ้ม เพื่อสร้างสังคมสุขภาพดีอย่างต่อเนื่อง ตอกย้ำกลยุทธ์ “Happiness Reinvented” เพราะความสุขคือทุกอย่าง…ร่วมสร้างความสุขสไตล์คุณไปกับเมืองไทยประกันชีวิต พร้อมเคียงข้างในฐานะคู่คิดด้านชีวิตและสุขภาพที่ลูกค้าวางใจ (No.1 Most Trusted Life & Health Partner) ด้วยผลิตภัณฑ์ บริการ และนวัตกรรม ที่ตอบโจทย์ ทุกความต้องการของผู้บริโภค

ล่าสุด เมืองไทยประกันชีวิต ได้จัดกิจกรรมงาน “ZYndromes x MTL Station สเตชันสุขภาพคนเจนใหม่” ชวนคนรักสุขภาพ เพิ่มความอุ่นใจด้วยความคุ้มครองสุขภาพที่ใช่จากเมืองไทยประกันชีวิต พร้อมชิงสิทธิ์ร่วมกระทบไหล่ “บิวกิ้น” พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล และ “พีพี” กฤษฏ์ อำนวยเดชกร ตัวแทนคนเจนใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพ เพราะอาการเจ็บป่วยเล็ก ๆ ก็อาจกลายเป็นโรคร้ายแรงได้ จึงต้องเตรียมรับมือกับปัญหาสุขภาพ ของคนเจนใหม่ไว้ พร้อมเตรียมพบกับกิจกรรมสุดฟิน และโมเม้นท์สุดประทับใจ ในวันที่ 22 สิงหาคม 2566 ณ ลาน Eden ชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์

สำหรับลูกค้าที่ต้องการเข้าร่วมแคมเปญเพื่อชิงสิทธิ์เข้าร่วมงาน เพียงซื้อแบบประกันชีวิตและสัญญาเพิ่มเติมสุขภาพแบบใดก็ได้ หรือจะเลือกความคุ้มครองสุขภาพมาแรงเหมาะสำหรับคนเจนใหม่ ดี เฮลท์ พลัส (D Health Plus) คุ้มครองเหมาจ่ายค่ารักษาสูงสุดถึง 5 ล้านบาท* ครอบคลุมตั้งแต่โรคเล็กโรคแรง ๆ โรคทั่วไป อุบัติเหตุ เบี้ยไม่แพง แอดมิตก็เหมาจ่ายในวงเงินเดียว ปรับเปลี่ยนแผนได้ ถ้ามีสวัสดิการเลือกแผนมีความรับผิดส่วนแรก เบี้ยถูกลงอีก และอัปเกรดได้เมื่อถึงวัยเกษียณ ซื้อง่ายได้ทุกช่องทางการขาย ไม่ว่าจะเป็นช่องทางตัวแทนเมืองไทยประกันชีวิต ช่องทางออนไลน์ ช่องทางธนาคารกสิกรไทย ช่องทางธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH Bank) หรือ สาขาเมืองไทยประกันชีวิต เป็นต้น ตั้งแต่วันนี้ – 15 กรกฎาคม 2566

และนำเลขกรมธรรม์ลงทะเบียนผ่าน Google Form ซึ่งจะเปิดให้ลงทะเบียนวันที่ 5 สิงหาคม 2566 เวลา 10.00 น. เป็นต้นไป โดยจะแชร์ลิงค์ทาง Line Open Chat : MTLxBKPP ZYndromes Facebook Twitter Official Account ของ Muang Thai Life โดยผู้โชคดี 190 ท่านแรก ที่ลงทะเบียนถูกต้องครบถ้วน ตามกติกาจะได้รับสิทธิ์เข้าร่วมงาน ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์เข้าร่วมงานในวันที่ 10 สิงหาคม 2566 เวลา 17.00 น. ผ่านทาง Line Open Chat : MTLxBKPP ZYndromes หรือ Facebook Muang Thai Life และ www.muangthai.co.th เท่านั้น

“การจัดกิจกรรมในครั้งนี้ ถือเป็นเครื่องตอกย้ำว่าเมืองไทยประกันชีวิตเราตระหนักถึงความสำคัญของการมีสุขภาพดี และเราพร้อมสนับสนุนให้คนเจนใหม่สามารถเข้าถึงความคุ้มครองสุขภาพได้อย่างทั่วถึง ผ่านกิจกรรมที่สร้างสรรค์ และความคุ้มครองสุขภาพ ที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อตอบโจทย์คนเจนใหม่ รวมทั้งคนทุกเพศทุกวัย ทุกไลฟ์สไตล์ ทุกบทบาทของชีวิตที่ต้องรับผิดชอบ ได้อย่างเหมาะสมและเข้าถึงได้จริง” นายสาระ กล่าว

สนใจความคุ้มครองสุขภาพ ดี เฮลท์ พลัส เพื่อเป็นการวางแผนสุขภาพของคุณวันนี้
โทรสอบถามที่ เมืองไทยประกันชีวิต 02-015-5447 (เวลาทำการ 09.00 – 17.00 น.)
คลิกแชท https://webmtl.co/3JOmakD หรือดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ทาง www.muangthai.co.th
พิเศษ! ซื้อเลย รับส่วนลดสูงสุด 15% สำหรับเบี้ยประกันปีต่ออายุ เพียงทำกิจกรรมผ่านแอปฯ MTL Fit

“เงินฝากเผื่อเรียกพิเศษ 8 เดือน” ดอกเบี้ยแรงท้าฝน ผลตอบแทนไว ไม่เสียภาษี

0

⛈️ เงินฝากดอกเบี้ยจัดเต็ม แรงท้าฝน!! ผลตอบแทนไว ไม่เสียภาษี* กับเงินฝากเผื่อเรียกพิเศษ 8 เดือน รับอัตราดอกเบี้ย 1.32% ต่อปี (เทียบเท่าเงินฝากประจำ 1.55% ต่อปี)
⏏️ เงื่อนไข

  • เปิดบัญชีขั้นต่ำ 10,000 บาท
  • ฝากเพิ่มครั้งละไม่ต่ำกว่า 1,000 บาท ไม่จำกัดวงเงินรับฝากสูงสุด
  • ฝากได้ทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล
  • *บุคคลธรรมดาไม่หักภาษี ณ ที่จ่าย
  • เงินฝากเผื่อเรียกพิเศษ 8 เดือน ถอนหรือปิดบัญชีก่อนครบกำหนด ได้รับดอกเบี้ยเผื่อเรียก

รายละเอียดเงินฝาก :

เงื่อนไขการฝาก

  1. เปิดบัญชีขั้นต่ำ 10,000 บาท
  2. บุคคลธรรมดาที่มีอายุตั้งแต่ 7 ปี ขึ้นไป
  3. นิติบุคคลทุกประเภท
  4. บุคคลธรรมดาและนิติบุคคลทุกประเภท ไม่จำกัดวงเงินรับฝากสูงสุด

การคิดดอกเบี้ย / ผลตอบแทน 

อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1.32 ต่อปี (เทียบเท่าเงินฝากประจำร้อยละ 1.55 ต่อปี)

ระยะเวลารับฝาก

  • ตั้งแต่วันที่ 1 – 31 กรกฎาคม 2566

เงื่อนไขการถอน

  • ถอนครั้งละเท่าใดก็ได้
  • ถอนหรือปิดบัญชีก่อนฝากครบ 8 เดือนนับตั้งแต่วันที่ฝาก จำนวนเงินที่ถอนจะได้รับดอกเบี้ยเผื่อเรียก

ภาษี ณ ที่จ่าย

  • บุคคลธรรมดาไม่เสียภาษี
  • นิติบุคคลหักภาษี ณ ที่จ่าย ตามประกาศกรมสรรพากร

? เปิดรับฝากวันที่ 1 – 31 ก.ค. 66 ที่ธนาคารออมสินทุกสาขา
รายละเอียดเพิ่มเติม > https://bit.ly/44uZXki
⚠ เงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด

AIS ผนึก Evolt และ MuvMi จัดเต็มสิทธิพิเศษให้ลูกค้าสายกรีน

0

รถยนต์ไฟฟ้า รถพลังงานทางเลือก หรือแม้แต่ระบบขนส่งสาธารณะ กลายเป็นเทรนด์ของคนรุ่นใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์สายกรีนที่หันมาให้ความสำคัญกับปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เห็นได้จากตัวเลขตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในไทยที่มีอัตราการเติบโตอย่างก้าวกระโดดสูงถึง 321.7% เพื่อเป็นการตอบโจทย์พฤติกรรมและไลฟ์สไตล์สายกรีนของผู้บริโภค ทำให้วันนี้ AIS ยังคงมุ่งมั่น เชื่อมต่อประสบการณ์และสิทธิพิเศษที่ดีที่สุดให้ทุกการเดินทางของลูกค้า สะดวกและยังมีส่วนช่วยลดการก่อเกิดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม ผ่านการทำงานร่วมกับ Green Mobility ที่มีเป้าหมายเดียวกัน

Evolt ผู้ให้บริการสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าแบบครบวงจรที่มีอยู่กว่า 200 แห่ง ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ และ MuvMi ผู้ให้บริการรถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้าปลอดมลพิษ ในระบบ Ride Sharing ที่ให้บริการครอบคลุมพื้นที่ 12 แห่งทั่วกรุงเทพฯ กับการมอบสิทธิพิเศษภายใต้แนวคิด AIS Go Green ที่ให้ลูกค้า AIS และ AIS Serenade ทั้งลูกค้ามือถือและไฟเบอร์ มอบเครดิตโบนัสให้ลูกค้าสูงสุด 200 บาท เมื่อเติมเงินผ่านแอปพลิเคชัน Evolt และรับส่วนลดสุดพิเศษเมื่อใช้คะแนนสะสม AIS Points กับบริการ MuvMi

นางสาวใจพร ศรีสกุล รักษาการ หัวหน้าหน่วยธุรกิจบริหารลูกค้าและการบริการ AIS กล่าวว่า “AIS มุ่งมั่นที่จะดูแลลูกค้าในทุกมิติ เพื่อค้นหาความต้องการและเป็นส่วนหนึ่งในไลฟ์สไตล์ของลูกค้า ซึ่งเราพบว่าเทรนด์เรื่องสิ่งแวดล้อมกลายมาเป็น Green Lifestyle ที่คนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญโดยจะเห็น การเติบโตของรถยนต์ EV ที่มีปริมาณการใช้งานมากขึ้นบนท้องถนน หรือแม้แต่บริการขนส่งสาธารณะที่ได้รับความนิยมจากลูกค้าเพิ่มมากขึ้นเช่นเดียวกัน วันนี้ AIS ได้ทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์เพื่อส่งมอบความพิเศษและประสบการณ์ที่เหนือกว่าสำหรับลูกค้าทุกท่าน เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้ ร่วมมือกับ 2 พาร์ทเนอร์ Green Mobility ที่เป็นตัวจริงในเรื่องสิ่งแวดล้อม อย่าง Evolt และ MuvMi มาร่วมกันเชื่อมประสบการณ์การเดินทางที่มีส่วนช่วยลดปัญหาสภาวะโลกร้อน”

โดย AIS ได้ส่งมอบสิทธิพิเศษภายใต้แนวคิด AIS Go Green ให้ทั้งลูกค้า AIS และ AIS Serenade ไม่ว่าจะเป็น

  • สุดยอดความพิเศษกับสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าแบบครบวงจรจาก Evolt ที่มีให้บริการกว่า 200 แห่ง ครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาค กระจายอยู่ตามห้างสรรพสินค้า คอมมูนิตี้มอลล์ โรงแรม ร้านอาหาร คาเฟ่ จุดพักรถ มอบสิทธิพิเศษให้ลูกค้า Serenade รับโบนัสเครดิตชาร์จเพิ่มสูงสุดถึง 300 บาท เมื่อเติมเงินตั้งแต่ 500 บาทขึ้นไปผ่านแอปพลิเคชัน Evolt
  • เปิดประสบการณ์การเดินทางด้วยรถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้าจาก MuvMi ที่มีบริการกว่า 12 แห่งทั่วกรุงเทพ อาทิ จุฬาลงกรณ์-สามย่าน, อารีย์–ประดิพัทธ์, รัตนโกสินทร์, สุขุมวิท, พหลโยธิน, บางซื่อ, และอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เป็นต้น ให้ลูกค้าใช้ AIS Points 20 คะแนน รับส่วนลดค่าเดินทาง 20 บาท จำกัด1สิทธิ์ / เดือน และพิเศษ! สำหรับลูกค้า AIS Serenade ใช้ 50 คะแนน รับฟรี Top up โบนัสเติมเงินบนแอปพลิเคชัน MuvMi เพิ่ม 50 บาท เมื่อเติมเงินขั้นต่ำ 250 บาทขึ้นไป

ด้าน นายธนกร คติวิชชา Head of Business Development ผู้บริหารบริษัท อีโวลท์ เทคโนโลยี จำกัด กล่าวว่า “ขอขอบคุณ AIS ที่ชวน Evolt ในฐานะผู้ให้บริการสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าแบบครบวงจรได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการมอบความพิเศษให้กับลูกค้า เพราะวันนี้แนวโน้มรถยนต์ไฟฟ้ามีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเมื่อเทียบจากตัวเลขผู้ใช้งานบนแอปEvolt ทำให้ส่วนแบ่งทางการตลาดของบริษัทมีกว่า 42% จาก User Active จึงมองว่าจุดชาร์จเป็นอีกหนึ่งบริการที่มีความสำคัญกับผู้ใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าด้วยเช่นกัน เราเชื่อว่านอกเหนือจากที่ลูกค้าจะได้รับสิทธิพิเศษแล้ว ความร่วมมือครั้งนี้จะเป็นอีกหนึ่งจุดเริ่มต้นที่จะช่วยส่งเสริมให้ทุกคนเห็นความสำคัญและเข้ามามีส่วนร่วมกันแก้ไขปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมผ่านการเดินทางได้เป็นอย่างดี”

ขณะที่ นายศุภพงษ์ กิติวัฒนศักดิ์ Co-founder / Chief Business Development ผู้บริหาร เออร์เบิน โมบิลิตี้ เทค หรือ มูฟมี กล่าวว่า “ที่ผ่านมา MuvMi ทำงานร่วมงานร่วมกับ AIS มาอย่างต่อเนื่องทั้งในการผลักดันบริการรถตุ๊กตุ๊กแบบ EV ให้บริการรับ ส่งผู้โดยสารตามแนวรถไฟฟ้าในย่านต่างๆ ทั่วกรุงเทพฯ ภายใต้แนวคิด Ride Sharing ซึ่งได้ผลตอบรับเป็นอย่างดี มียอดดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน MuvMi กว่า 4 แสนครั้ง ให้บริการผู้โดยสารมาแล้วกว่า 5.6 ล้านคน และครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งความพิเศษที่มาร่วมกันส่งมอบให้กับลูกค้า ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นและทำให้เกิดพฤติกรรมของการเดินทางที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม”

สามารถติดตามข้อมูลและรายละเอียดสิทธิพิเศษในทุกการเดินทางที่ทำให้ลดปัญหาที่ก่อให้เกิดสภาวะด้านสิ่งแวดล้อมได้ที่ แอปพลิเคชัน myAIS

“ธุรกิจห้าดาว” สร้างอาชีพมั่นคง สานฝันผู้ประกอบการ “กุลวัฏ แซ่จึง” มั่นใจเดินหน้าสู่ร้านห้าดาว 6 สาขา

0

สถานการณ์โควิด-19 สำหรับใครหลายๆคนอาจหมายถึงวิกฤติที่ต้องฟันฝ่า แต่ไม่ใช่กับ “เต้ย-กุลวัฏ แซ่จึง” เจ้าของธุรกิจแฟรนไชส์ห้าดาว 6 สาขา ที่บอกได้อย่างเต็มปากว่า “โควิดเป็นโอกาสสำหรับธุรกิจอาหารที่รู้จักปรับตัวอย่างแท้จริง”

กุลวัฏ ในวัย 31 ปี เล่าย้อนไปถึงจุดเริ่มต้นก่อนเข้าสู่วงการธุรกิจแฟรนไชส์ว่า ก่อนนี้เขาเป็นพนักงานบริษัททำงานประจำเหมือนมนุษย์เงินเดือนทั่วไป อยู่ในแผนกจัดซื้อและซัพพลายเชน ของหลายบริษัทโดยเฉพาะบริษัทด้านเทคโนโลยี และด้วยความฝันที่อยากเป็นเจ้าของธุรกิจในระหว่างที่ทำงานกินเงินเดือนก็เก็บออมเพื่อเริ่มธุรกิจหลายๆอย่าง แต่ด้วยขาดประสบการณ์และไม่ถนัดด้านการตลาด จึงล้มลุกคลุกคลานหลายครั้ง

จนมาเจอกับธุรกิจห้าดาวด้วยความบังเอิญ เมื่อปลายปี 2562 จึงเริ่มลงทุนในธุรกิจแฟรนไชส์นี้ เพราะใช้เงินลงทุนไม่มาก ตอนนั้นลงทุนเพียง 1 แสนบาท ก็เป็นเจ้าของร้าน 2 สาขา บนทำเลทองหน้าห้างแม็คโครบางบอนกับแม็คโครกัลปพฤกษ์ ทำให้มียอดขายดีมาก ขณะนั้นคิดว่าน่าจะปรับมาทำร้านไก่ย่างห้าดาวเพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภค จึงต่อยอดกำไรที่ได้จากร้านน้ำมาเป็นเงินทุนในการเปิดร้านห้าดาวในสาขาถัดๆไป

“ตอนที่เริ่มทำธุรกิจนี้ยังไม่เกิดการระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งตอนนั้นยอดขายปังมาก ทำให้มีกำไรเป็นทุนเปิดร้านไก่ย่างห้าดาวสาขาต่อๆไป จนเมื่อเกิดโควิด-19 ลูกค้าปรับเปลี่ยนรูปแบบการรับประทานอาหาร งดการออกไปทานอาหารนอกบ้าน บางคนบอกว่าเป็นวิกฤติของร้านอาหาร แต่กลับเป็นโอกาสของไก่ย่างห้าดาว ที่ยังขายของได้ โดยเฉพาะแบบซื้อกลับ เพราะตอบโจทย์ผู้บริโภค เรียกว่ายอดขายพุ่ง กำไรค่อนข้างดี จนสามารถขยายได้ถึง 6 สาขาได้ภายใน 1 ปี” กุลวัฏ กล่าว

เมื่อถามถึงเคล็ดลับความสำเร็จ กุลวัฏบอกว่า ธุรกิจอาหารมีการแข่งขันค่อนข้างสูง แต่ด้วยความแข็งแกร่งของแบรนด์ห้าดาวที่เปิดมากว่า 38 ปีแล้ว และเชื่อว่าห้าดาวคือหนึ่งในแบรนด์ที่อยู่ในใจผู้บริโภค ทำให้การขายเป็นไปได้ไม่ยาก เมื่อผนวกกับความแข็งแรงของระบบหลังบ้าน ที่มีซีพีเอฟเป็นบริษัทผู้ผลิตวัตถุดิบคุณภาพที่ไม่มีวันขาด มีการนำระบบ POS (Point of sale system) หรือระบบขายหน้าร้าน มาใช้ ช่วยให้สามารถดูยอดขายแบบทันที (Real Time) ดูระบบสต๊อกเข้าออกได้รวดเร็ว ทำให้ทราบจำนวนสินค้าคงคลัง สามารถตรวจสอบรายรับได้ตลอดเวลา และนำข้อมูลมาวิเคราะห์สินค้าขายดี เพื่อนำไปวางแผนการสั่งซื้อสินค้าล่วงหน้าให้เหมาะสมกับจุดขายแต่ละจุดได้ดีขึ้น

นอกจากนี้ อีกตัวแปรสำคัญ คือการดูแลที่ดีของทั้งผู้บริหารและทีมงานห้าดาว ที่มีรูปแบบการอบรมก่อนการเปิดร้าน ด้วยการส่งไปอบรมที่ร้านครูฝึก ช่วยให้ผู้ประกอบการมือใหม่สามารถเริ่มต้นดำเนินกิจการได้ตามมาตรฐาน มีการตรวจสอบให้รักษามาตรฐานและการบริการที่ดี ที่สำคัญห้าดาวไม่เคยตกกระแสทันยุคทันเหตุการณ์ มีความแปลกใหม่ตลอดเวลา โดยเน้นคุณภาพ ความอร่อย มุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ มีการสื่อสารกับลูกค้าที่ดี และจัดโปรโมชันเหมาะสม และยังช่วยติดต่อผู้ให้บริการ Food Delivery ซึ่งช่วยผู้ประกอบการได้มาก

“สำหรับผู้ที่สนใจธุรกิจอาหาร ผมอยากให้มาเริ่มต้นกับธุรกิจห้าดาว ที่เป็นทางลัดของความสำเร็จ โดยเฉพาะเรื่องการตลาดที่ตอบโจทย์ความต้องการของผมมาก เพราะห้าดาวเป็นผู้ช่วยในการปิดจุดอ่อนของตนเอง ที่ไม่ถนัดด้านการตลาด โดยมีทีมงานเป็นผู้การวางแผนการตลาดแต่ละช่วงเวลาอย่างเหมาะสม ทำให้ร้านเป็นที่รู้จัก และยังมีสินค้าตรงตามความต้องการของผู้บริโภค ราคาจับต้องได้ ผลกำไรก็เพิ่มตามไปด้วย เมื่อไม่ต้องเสียเวลากับเรื่องที่ไม่ถนัดแล้ว ก็มีเวลาในการบริหารจัดการหน้าร้าน การบริการ การดูแลลูกค้าได้อย่างทั่วถึง และการรักษามาตรฐาน” กุลวัฏ กล่าว

วันนี้ห้าดาวสำหรับกุลวัฏแล้ว ไม่ใช่เพียงคู่ค้าทางธุรกิจ แต่เป็นเหมือน “ครอบครัว” จากร้านห้าดาวเล็กๆ ที่สามารถขยายสาขาเพิ่มขึ้น ช่วยให้น้องๆทีมงานมีอาชีพ ช่วยให้อีก 10 ครอบครัวมีรายได้ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น การจ้างงานในพื้นที่ทำให้พวกเขาไม่ต้องทิ้งครอบครัวเข้าเมืองหางานทำ นี่คือสิ่งที่เขาภูมิใจที่ได้เป็นหนึ่งใน “ครอบครัวห้าดาว”

แพทย์ย้ำกินเนื้อไก่ ไม่ทำให้เป็นโรคเก๊าท์ คนเป็นเก๊าท์ยังกินไก่ได้ แต่ในปริมาณที่พอดี

0

“หมอนุ้ย” ย้ำการบริโภคเนื้อไก่ ไม่ได้ทำให้เป็นโรคเก๊าท์ ผู้ที่เป็นเก๊าท์ยังกินไก่ได้ โดยแนะนำให้ควบคุมให้อยู่ในปริมาณที่พอดี

แพทย์หญิงศศพินทุ์ วงษ์โกวิท (หมอนุ้ย) ศัลยแพทย์หญิง เจ้าของเพจ หมอนุ้ย และช่อง TikTok doctor nuiz กล่าวว่า เนื้อไก่ เป็นเนื้อสัตว์กลุ่มเนื้อขาว โปรตีนสูง ไขมันน้อย แคลลอรี่ต่ำ มีวิตามินและแร่ธาตุ มีเส้นใยละเอียดที่ดีต่อสุขภาพ ย่อยง่าย กลิ่นคาวน้อย สามารถรับประทานได้ทุกคน เหมาะกับทุกช่วงวัย

แพทย์หญิงศศพินทุ์ วงษ์โกวิท (หมอนุ้ย)

“สำหรับผู้ที่กังวลว่าการบริโภคเนื้อไก่ จะทำให้เป็นโรคเก๊าท์ ขอยืนยันว่า โรคเก๊าท์ ไม่ได้เกิดจากการกินไก่” แพทย์หญิงศศพินทุ์ กล่าวย้ำ

โรคเก๊าท์ เกิดจากการที่กรดยูริกไปตกผลึกอยู่ตามข้อต่างๆ และเกิดการอักเสบ ทำให้เกิดอาการปวด บวม แดงบริเวณข้ออย่างเฉียบพลัน จึงเรียกว่า เป็นโรคเก๊าท์ การวินิจฉัยโรคเก๊าท์ ไม่ใช่การเจาะเลือดแล้วเจอกรดยูริกสูง แต่จะพบได้จากการเจาะน้ำไขข้อ แล้วเจอการตกผลึกของกรดยูริกในข้อ ซึ่งข้อที่มักจะเกิดการตกผลึกและเป็นเก๊าท์ จะเป็นข้อที่อยู่ในที่เย็น เช่น ข้อนิ้วโป้งเท้า แม้แต่หลังหูก็สามารถเป็นได้

อาหารที่ทำให้กรดยูริกสูงไม่ได้ทำให้เป็นโรคเก๊าท์ แต่อาหารบางประเภทกระตุ้นให้อาการของโรคเก๊าท์กำเริบขึ้นมาได้ อันดับแรก คือ แอลกอฮอล์ โดยเฉพาะ เบียร์ แนะนำให้เลิก อันดับสองคือ อาหารที่มีพิวรีนสูง เช่น เครื่องในสัตว์ อย่างตับ รวมถึงอาหารทะเล โดยเฉพาะอย่างยิ่งหอยทะเล ที่จะมีพิวรีนสูงมาก ส่วนเนื้อไก่แม้จะมีพิวรีนแต่อยู่ในระดับต่ำกว่าอาหารที่กล่าวมา และอันดับสาม แนะนำให้เลี่ยงคือ กลุ่มน้ำตาลอุตสาหกรรม ไฮฟรุกโตสคอร์นไซรัป ซึ่งเป็นน้ำตาลที่อยู่ในน้ำอัดลมและขนมขบเคี้ยว

อย่างไรก็ตามไม่จำเป็นต้องหลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้กรดยูริกสูงทั้งหมด เพราะร่างกายของแต่ละคนมีการตอบสนองที่แตกต่างกัน โดยให้สังเกตตนเองว่า เมื่อรับประทานอาหารพิวรีนสูงชนิดใดแล้วทำให้อาการเก๊าท์กำเริบแนะนำให้เลี่ยงเฉพาะอาหารชนิดนั้น

“สำหรับผู้ที่เป็นเก๊าท์ หากกินไก่แล้วไม่ได้มีอาการกำเริบก็ยังสามารถรับประทานได้ โดยแนะนำให้ควบคุมให้อยู่ในปริมาณที่พอดี”

ทั้งนี้โรคเก๊าท์ เป็นโรคที่ต้องปรับสมดุลกรดยูริกตลอดเวลา อาหารที่ควรบริโภคคือ คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน แป้งไม่ขัดสี เช่น ข้าวกล้อง ถั่ว ธัญพืช ผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ และควรออกกำลังกายสม่ำเสมอควบคุมน้ำหนักอย่างเหมาะสม ก็จะช่วยให้น้ำหนักไม่ไปกดตรงข้อที่เป็นโรคได้

ตลท. และพันธมิตร เปิดตัว DIF Web Portal บริการออกตราสารหนี้ดิจิทัล

0

ตลาดหลักทรัพย์ฯ สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย และสมาคมธนาคารไทย (Main Operator) ร่วมกับ ก.ล.ต. CMDF และสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย ให้บริการ Digital Infrastructure for Capital Market โดยเริ่มจากระบบ Web Portal รองรับการเสนอขายตราสารหนี้ภาคเอกชนในตลาดแรกด้วยดิจิทัลตลอดทั้งกระบวนการเป็นครั้งแรกในไทย ตั้งแต่การออกเสนอขาย ซื้อขาย ตลอดจนการชำระราคาและส่งมอบ โครงการนี้อยู่ในระยะนำร่องของสำนักงาน ก.ล.ต. (Sandbox) ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความโปร่งใสในการให้บริการของตลาดทุนไทย ลดต้นทุน และเพิ่มความสะดวกในการเข้าถึงตลาดทุนของผู้ระดมทุนและผู้ลงทุน ตลอดจนเพิ่มประสิทธิภาพการกำกับดูแล พลิกโฉมตลาดทุนไทยสู่ตลาดทุนดิจิทัลรับกระแสโลกที่เปลี่ยนอย่างรวดเร็ว

นายธวัชชัย พิทยโสภณ รองเลขาธิการ รักษาการเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า ความสำเร็จในวันนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของตลาดทุนในการเชื่อมโยงการทำงานของผู้ร่วมตลาดที่จะเปลี่ยนแปลงกระบวนการในตลาดทุนเป็นดิจิทัล 100% เพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขัน เพิ่มประสิทธิภาพให้กับตลาดทุนไทย และส่งเสริมให้ตลาดทุนสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนต่อไป

ทั้งนี้ ก.ล.ต. จะร่วมกับทุกภาคส่วนในการพัฒนาโครงการอย่างต่อเนื่อง ทั้งการขยายการพัฒนาโครงการ การผลักดันการแก้ไขกฎหมายกฎเกณฑ์ที่เป็นอุปสรรคต่ออุตสาหกรรม การส่งเสริมการใช้งานระบบ และการนำข้อมูลมาต่อยอดในการพัฒนาตลาดทุนต่อไป

นางสาวจอมขวัญ คงสกุล รองประธานกรรมการ กองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน (CMDF) เปิดเผยว่า การจัดสรรทรัพยากรเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุนนั้น เป็นหนึ่งในพันธกิจหลักของ CMDF และการให้ทุนสนับสนุนการพัฒนา DIF Web Portal ที่ผ่านมา เป็นหนึ่งตัวอย่างสำคัญของการสนับสนุนในด้านดังกล่าว โดย CMDF มีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนโครงการ เพราะนอกจากจะเป็นการพัฒนาระบบที่เห็นประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรมแล้วนั้น ยังเป็นข้อพิสูจน์ถึงประสิทธิภาพในการร่วมมือของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในตลาดทุน อันจะเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันการพัฒนาตลาดทุนสู่ความยั่งยืนต่อไป”

ภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

ดร. ภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในฐานะผู้แทน Main Operator เปิดเผยว่า “DIF Web Portal เป็นระบบให้บริการออกเสนอขายตราสารหนี้ในตลาดแรกในรูปแบบดิจิทัลตลอดทั้งกระบวนการ เริ่มตั้งแต่การออกเสนอขาย ซื้อขาย ตลอดจนการชำระราคาและส่งมอบตราสารหนี้ในรูปแบบไร้ใบ (Scripless) ระบบนี้ได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากกองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน (CMDF) โดยได้จัดตั้ง บริษัท ซีเอ็มดีเอฟ โครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัล จำกัด เป็นเจ้าของระบบ และสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) เป็นหน่วยงานปฏิบัติการของระบบ”

ดร. สมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) ในฐานะฝ่ายปฏิบัติการของโครงการ DIF กล่าวว่า “ThaiBMA มีส่วนร่วมในโครงการ DIF ในสองบทบาท คือ ในฐานะผู้รับขึ้นทะเบียนตราสารหนี้ ซึ่งเป็นหนึ่งในพันธกิจหลักของสมาคมอยู่แล้ว และที่สำคัญยังได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่เป็นผู้ปฏิบัติการธุรกิจของโครงการ DIF

DIF Web Portal นำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้เชื่อมต่อกับระบบการทำธุรกรรมการเสนอขายตราสารหนี้ดิจิทัลระหว่างผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนเข้าด้วยกันอย่างครบวงจรด้วยมาตรฐานข้อมูลเดียวกันในรูปแบบดิจิทัล (Standard Messages) ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการส่งต่อข้อมูลได้อย่างสะดวก รวดเร็ว โปร่งใส ลดต้นทุน ลดการใช้กระดาษ และลดกระบวนการทำงานที่ซ้ำซ้อน การส่งข้อมูลอยู่ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งนำข้อมูลไปประมวลผลต่อได้ (Machine readable) และผลักดันให้เกิดโครงสร้างพื้นฐานในตลาดทุนไทยที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของระบบนิเวศการลงทุน และรองรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์การลงทุนใหม่ในอนาคต

ในเดือนพฤษภาคม 2566 มีผู้ออกหลักทรัพย์เสนอขายตราสารหนี้ดิจิทัลผ่านระบบดังกล่าวกลุ่มแรก จำนวน 4 ราย คือ (1) บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (2) บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (3) บริษัท โตโยต้าลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด (4) ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) คิดเป็นมูลค่ากว่า 6.7 พันล้านบาท

จากความร่วมมือของทุกภาคส่วนที่ร่วมกันผลักดันพัฒนา DIF Web Portal ให้เสร็จสมบูรณ์ ได้นำร่องให้บริการออกตราสารหนี้ดิจิทัลภาคเอกชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมเปิดกว้างรับผู้ออกหลักทรัพย์และผู้ร่วมตลาดรายอื่นเข้ามาร่วมกันทดสอบและสร้างนวัตกรรมการลงทุนใหม่แก่ผู้ลงทุน โดยปัจจุบันมีผู้เข้าร่วม Sandbox ที่ร่วมทดสอบระบบแล้วจำนวน 16 ราย และจะมุ่งเดินหน้าพัฒนาต่อยอดสู่กระบวนการและผลิตภัณฑ์การลงทุนประเภทอื่นต่อไป

CPF-มูลนิธิ SOS เปลี่ยนอาหารส่วนเกินเป็นมื้อโภชนาการ สานต่อ”Circular Meal มื้อนี้เปลี่ยนโลก” ปีที่ 3

0

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เดินหน้าขับเคลื่อนการจัดการอาหารส่วนเกิน เปลี่ยนเป็นเมนูมื้ออร่อยและมีโภชนาการ ในโครงการ “Circular Meal มื้อนี้ เปลี่ยนโลก” ปีที่ 3 จับมือมูลนิธิสโกลารส์ ออฟ ซัสทีแนนซ์ (มูลนิธิ SOS สาขาประเทศไทย) ส่งมอบอาหารคุณภาพ สะอาด ปลอดภัย รสชาติอร่อย ส่งเสริมการเข้าถึงอาหารอย่างเท่าเทียม อิ่มท้องด้วยอาหารคุณภาพ ทั้งกลุ่มที่มีรายได้น้อย เด็ก ผู้สูงอายุ และผู้พิการ ตามแนวทางลดขยะอาหารเป็นศูนย์ (Zero Food Waste) และเก็บกลับบรรจุภัณฑ์ สนับสนุนการผลิตและการบริโภคอย่างมีความรับผิดชอบตามเป้าหมายความยั่งยืน SDGs

โครงการ “Circular Meal มื้อนี้ เปลี่ยนโลก”ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2563 โดยตั้งแต่ต้นปี 2564 ถึงเดือนพฤษภาคม 2566 ส่งมอบ อาหารส่วนเกินให้ชุมชนเปราะบางในกรุงเทพฯและปริมณฑลไปแล้วรวม 130,000 มื้อ ช่วยลดขยะอาหารได้รวม 31.19 ตัน และลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก 23.84 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า หรือเทียบเท่าการปลูกต้นไม้ 2,492 ต้น

สำหรับกิจกรรมในครั้งนี้ นายทวิช ทัฬหะกาญจนากุล ผู้อำนวยการโลจิสติกส์และศูนย์กระจายสินค้า บริษัท ซีพีเอฟ โกลบอล ฟู้ด โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CPFGS เป็นหนึ่งในผู้นำด้านการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์และอาหาร กิจการร้านอาหารและธุรกิจขนมสัตว์เลี้ยง ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของซีพีเอฟ นำวัตถุดิบที่มาจากการบริหารจัดการอาหารส่วนเกิน ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่มีคุณภาพ สด สะอาดปลอดภัย สู่การปรุงเป็นมื้ออร่อยตามหลักโภชนาการ อาทิ ขาเป็ด เนื้อเป็ดหมักสวรรค์พร้อมปรุง เนื้อเลาะโครงอก และคั่วกลิ้งไก่ นำมาปรุงอาหารเป็นเมนูต่างๆ เช่น ขาเป็ดพะโล้ ผัดกะเพรา เพื่อแจกจ่ายให้กับผู้ที่อาศัยในชุมชนคลองลัดภาชี และนำวัตถุดิบแจกจ่ายให้ชุมชนใกล้เคียง ได้แก่ ชุมชนคลองตาแป้น ชุมชนซอยเพชรเกษม 40 ชุมชนสิรินทร์และเพื่อน ชุมชนหมู่ 5 บางแวก ชุมชนเพชรเกษม 46 ชุมชนวัดโคนอน โดยมีจิตอาสาซีพีเอฟ เจ้าหน้าที่มูลนิธิ SOS สาขาประเทศไทย และผู้บริหาร บริษัท จีอีพีพี สะอาด จำกัด (GEPP)

นายทวิช ทัฬหะกาญจนากุล ผู้อำนวยการโลจิสติกส์และศูนย์กระจายสินค้า CPFGS กล่าวว่า CPFGS เป็นบริษัทในกลุ่มของซีพีเอฟ ที่จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูปของซีพีเอฟภายในประเทศไทยและจำหน่ายไปยังต่างประเทศ ดำเนินธุรกิจสนับสนุนเป้าหมายการสร้างความมั่นคงทางอาหาร และแนวนโยบาย Zero Food Waste to Landfill มุ่งลดปริมาณขยะสู่การฝังกลบ ตามเป้าหมาย CPF 2030 Sustainability in Action การที่เราเข้าร่วมกับโครงการ SOS อย่างต่อเนื่อง เป็นการส่งเสริมการเข้าถึงอาหารอย่างเท่าเทียม ด้วยการนำอาหารส่วนเกินที่ถือว่าเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการที่ดีต่อร่างกาย มีสารอาหารครบถ้วน และเป็นอาหารที่มีโปรตีนมากกว่า 90 % ของปริมาณทั้งหมด ให้พลังงานเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้นของกลุ่มเปราะบาง

นอกจากนี้ ซีพีเอฟ ในฐานะพันธมิตรผู้ผลิตอาหารที่สนับสนุนการดำเนินโครงการฯ เพื่อส่งเสริมการเข้าถึงอาหารอย่างเท่าเทียม ทำให้ในปี 2565 มูลนิธิ SOS มอบรางวัล SOS Awards 2022 ประเภท “OUTSTANDING FOOD RESCUE AWARD – BIG MANUFACTURING GROUP” ให้ซีพีเอฟ ที่ร่วมสร้างความมั่นคงทางอาหารอย่างยั่งยืนให้กับประเทศไทย

ทั้งนี้ ในการขับเคลื่อนเป้าหมายลดขยะอาหารเป็นศูนย์ โดยส่วนหนึ่งเป็นการดำเนินการผ่านโครงการ Circular Meal มื้อนี้เปลี่ยนโลก ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างซีพีเอฟโดย CPFGS และ SOS ยังมีพันธมิตร คือ บริษัท จีอีพีพี สะอาด จำกัด (GEPP) ช่วยเก็บกลับพลาสติกและกระดาษ (Take-back system)เข้าสู่กระบวนการจัดการรีไซเคิลอย่างมีระบบ ถือเป็นต้นแบบการจัดการอาหารส่วนเกินและความรับผิดชอบต่อบรรจุภัณฑ์เก็บกลับแบบครบวงจร (Closed-loop system) ซึ่งตั้งแต่ปีต้นปี 2564 ถึงเดือนพฤษภาคม 2566 บริษัท จีอีพีพี สะอาด จำกัด เก็บกลับบรรจุภัณฑ์ไปแล้วมากกว่า 7,000 ชิ้น

AIS Business ปลื้ม คว้ารางวัลสุดยอดพาร์ทเนอร์แห่งปีจาก ไมโครซอฟท์ 2 ปีซ้อน

0

AIS Business ในฐานะผู้ให้บริการดิจิทัลและโซลูชันที่ได้รับการยอมรับสูงสุดจากกลุ่มผู้ประกอบการภาคธุรกิจ ภาคอุตสาหกรรม และ SME ผ่านการทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ทั้งในระดับประเทศและระดับโลกเพื่อส่งมอบนวัตกรรม บริการดิจิทัลและไอซีทีโซลูชัน ที่สร้างความปลอดภัย มั่นใจ ตอบโจทย์การเติบโตของลูกค้า ดังเช่นการทำงานร่วมกับ ไมโครซอฟท์ ผู้นำระดับโลกในด้านการพัฒนาแพลตฟอร์มและบริการคลาวด์ในฐานะพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ ทำให้ที่ผ่านมา AIS Business สามารถส่งมอบบริการและนวัตกรรมโซลูชันจากไมโครซอฟท์ เพื่อสร้างการเติบโตให้กับองค์กรในไทยไม่ว่าจะเป็น องค์กรภาครัฐ, องค์กรเอกชน, ผู้ประกอบ SME และภาคอุตสาหกรรม ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ บวกกับความเชี่ยวชาญของบุคลากรที่มีประสบการณ์และมีความรู้ความเข้าใจ จึงสามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างตอบโจทย์ในทุกมิติ จากเหตุผลดังกล่าวทำให้ AIS Business เป็นองค์กรเดียวในประเทศไทยที่ได้รับการการันตีจากไมโครซอฟท์ให้ได้รับรางวัล 2023 Microsoft Thailand Partner of the Year ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2

นายธนพงษ์ อิทธิสกุลชัย หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าองค์กร AIS กล่าวว่า “การทำงานร่วมกับ Microsoft อย่างต่อเนื่องในฐานะพารท์เนอร์เชิงกลยุทธ์ เพื่อร่วมส่งเสริมและสนับสนุนการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลให้กับองค์กรภาคธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีด้าน Cloud, ความปลอดภัยด้านไซเบอร์และการใช้งาน, เทคโนโลยี IoT และการใช้โครงข่าย 5G กับ Edge computing หลากหลายรูปแบบ อีกทั้งยังพัฒนาบริการที่มีแตกต่างเป็นรายเดียวในประเทศไทย โดยการต่อยอดเทคโนโลยีของ Microsoft บนโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของ AIS อาทิ การให้บริการแพลตฟอร์ม Azure Arc บน AIS Cloud X และบริการ Operator Connect สำหรับลูกค้าที่ใช้งาน Microsoft Teams เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และสร้างโอกาสใหม่ๆ ในการทำธุรกิจ รวมถึงวันนี้เรายังมุ่งพัฒนาทักษะของบุคลากรให้มีความเชี่ยวชาญ พร้อมทั้งสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์และโซลูชันจากไมโครซอฟท์ได้ตรงตามโจทย์ของลูกค้าที่มีความหลากหลายและแตกต่างตามความต้องการของแต่ละองค์กร

นั่นจึงเป็นเหตุผลที่วันนี้เราเป็นพันธมิตรหนึ่งเดียวจากไทยที่ได้รับความไว้วางใจจากไมโครซอฟท์ให้เป็น Microsoft Thailand Partner of the Year Awards ซึ่งนอกเหนือจากจะตอกย้ำภาพของการเป็นพาร์ทเนอร์ที่มีความเหนียวแน่นแล้ว ยังเป็นการยืนยันถึงมาตรฐานการทำงานของ AIS ที่มีความพร้อมในทุกด้านเพื่อส่งมอบบริการดิจิทัลและโซลูชันจากไมโครซอฟท์”

นายธนวัฒน์ สุธรรมพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เราได้ทำงานร่วมกับ AIS มาอย่างต่อเนื่อง ภายใต้จุดมุ่งหมายเพื่อขับเคลื่อนกลุ่มลูกค้าธุรกิจให้เสริมศักยภาพเชิงดิจิทัลด้วยเทคโนโลยีของไมโครซอฟท์ รางวัลนี้จึงเป็นเหมือนตัวแทนของความสำเร็จในภารกิจนี้ สำหรับพาร์ทเนอร์ที่มีความโดดเด่นในด้านการส่งมอบนวัตกรรมดิจิทัลบนแพลตฟอร์มคลาวด์ของเราให้กับลูกค้า”

โดยรางวัล Microsoft Thailand Partner of the Year Awards มอบให้กับพาร์ทเนอร์ของที่ได้พัฒนา นำเสนอ หรือแม้แต่สามารถส่งมอบ แอปพลิเคชัน บริการ เครื่องมือต่างๆ ของไมโครซอฟท์ให้กับลูกค้าได้อย่างตอบโจทย์และสร้างสรรค์ โดยเป็นการคัดเลือกมาจากบริษัทพาร์ทเนอร์กว่า 100 ประเทศทั่วโลก ซึ่ง AIS เป็นองค์กรเดียวจากประเทศไทยที่รับรางวัลนี้

AIS Fibre คว้ารางวัลสุดยอดนวัตกรรมเทคโนโลยี เวที Stevie® Awards 2023

0

AIS Fibre ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านการให้บริการบรอดแบนด์ในไทย ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจขยายโครงข่ายเน็ตบ้านให้ครอบคลุมพื้นที่การใช้งาน ควบคู่ไปกับการพัฒนาคุณภาพเพื่อส่งมอบนวัตกรรมเน็ตบ้าน และบริการที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าและคนไทย ด้วยการโชว์ศักยภาพสะเทือนวงการเน็ตบ้านอีกครั้ง ด้วยการคว้ารางวัลระดับโลก สุดยอดธุรกิจบรอดแบนด์ที่สร้างนวัตกรรมเทคโนโลยีและงานบริการลูกค้า “Award for The Innovative Use of Technology in Customer Service -Telecommunications industries” จากเวที Stevie® Awards 2023 สำหรับรางวัล Stevie® Awards เป็นเวทีด้านธุรกิจที่มีชื่อเสียงที่สุดของโลก จากประเทศสหรัฐอเมริกา ก่อตั้งขึ้นในปี 2002 เพื่อเชิดชูองค์กรที่มีผลงานโดดเด่นด้านการใช้เทคโนโลยี การตลาด และการบริการลูกค้า นับเป็นอีกหนึ่งเครื่องยืนยันถึงเป้าหมายการทำงานของ AIS Fibre ที่มีมาตรฐานระดับสากล

นางสาวสุนีย์ โรจนโอฬารรัตน์ หัวหน้าแผนกงานบริหารการตลาด ธุรกิจฟิกซ์ บรอดแบนด์ AIS กล่าวว่า “การได้รับรางวัล Award for The Innovative Use of Technology in Customer Service -Telecommunications Industries” จากเวที Asia – Pacific Stevie® Awards 2023 ในครั้งนี้ เป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจของ AIS Fibre ที่ไม่เคยหยุดตั้งคำถามเพื่อนำสร้างมาตรฐานใหม่ให้ตลาด และส่งมอบให้กับลูกค้าอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็น ด้านนวัตกรรม อย่างการนำเทคโนโลยี AI มาใช้ร่วมกับเราท์เตอร์ เพื่อเสริมศักยภาพและความสามารถในการส่งสัญญาณ รวมถึง WiFi อัจฉริยะ ที่สามารถจัดสรรความเร็วการใช้งานให้สอดรับกับพฤติกรรมที่หลากหลากหลายของผู้บริโภค หรือแม้แต่ในด้านผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ด้วยการเปิดตัวบริการ 1 Gbps Every Room รายแรกในไทย ส่งมอบโครงข่ายไฟเบอร์ออฟติก ด้วยความเร็วแรงระดับ 1 Gbps ตรงถึงทุกห้องในบ้าน

รวมถึงความตั้งใจในด้านการให้บริการ AIS Fibre ก็ยังคงเป็นผู้ให้บริการรายแรกที่กล้าการันตีพร้อมดูแลลูกค้าในการแก้ไขปัญหาภายใน 24 ชั่วโมง และวันนี้ยังก้าวไปอีกขั้นด้วยการนำเทคโนโลยี Intelligent Service ที่นำ AI เข้ามาเป็นหนึ่งในผู้ช่วยในการให้บริการแก้ไขปัญหากับลูกค้าแบบ Proactive อย่างต่อเนื่อง”

“นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ AIS Fibre ให้รับรางวัลนวัตกรรมเทคโนโลยีงานบริการลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมโทรคมนาคม Awards For The Innovative Use of Technology in Customer Service – Telecommunications Industries จากเวที Asia – Pacific Stevie® Awards 2023 นับเป็นผู้ให้บริการเน็ตบ้านรายเดียวในไทย จากการเสนอชื่อมากกว่า 10,000 ราย จากองค์กรต่างๆ กว่า 29 ประเทศ ในเอเชีย-แปซิฟิก โดยได้รับการพิจารณาจากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในหลายสาขาจากทั่วโลก ในปีนี้ได้สำเร็จ นับเป็นความภาคภูมิใจที่เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จของ AIS Fibre ที่จะเป็นแรงผลักดันให้พวกเราเดินหน้าทำงานเพื่อส่งมอบเน็ตบ้านที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าและคนไทยต่อไป”

เมืองไทยประกันชีวิต จัดกิจกรรม Muang Thai Smile Exclusive Health : Personalized Vitamin Check Up ดูแลสุขภาพสมาชิกจากภายในสู่ภายนอก

0

นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปี 2566 นี้ ถือเป็นปีสำคัญของเมืองไทยประกันชีวิต ในการอยู่เคียงข้างสร้างรอยยิ้มแก่คนไทยครบ 72 ปี และได้ตั้งเป้าหมายเป็นองค์กรที่มุ่งเน้นการส่งมอบความสุขและรอยยิ้มให้แก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ผ่านกลยุทธ์ “Happiness Reinvented” เพราะความสุขคือทุกอย่าง…ร่วมสร้างความสุขสไตล์คุณไปกับเมืองไทยประกันชีวิต พร้อมเป็นคู่คิดด้านชีวิตและสุขภาพที่ลูกค้าวางใจ (No.1 Most Trusted Life & Health Partner) ด้วยผลิตภัณฑ์ บริการ และนวัตกรรม ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้บริโภค ครอบคลุมทุกเพศทุกวัย ทุกกลุ่มเป้าหมาย ทุกไลฟ์สไตล์ และทุกบทบาทของชีวิตที่ต้องรับผิดชอบ เพื่อสร้างการเข้าถึงได้ของประกันชีวิตให้กับทุก ๆ คน ผ่านกิจกรรมเมืองไทยสไมล์คลับ

เมืองไทยประกันชีวิต ยังคงมีเป้าหมายในการเดินหน้าสร้างความสัมพันธ์ ส่งมอบความสุขและรอยยิ้มให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้จัดกิจกรรมเพื่อมอบประสบการณ์เหนือระดับสุด Exclusive แก่สมาชิกเมืองไทยสไมล์คลับ ผ่านกิจกรรม Muang Thai Smile Exclusive Health : Personalized Vitamin Check Up ณ บีดีเอ็มเอส เวลเนส คลินิก (BDMS Wellness Clinic) ที่ให้สมาชิกฯ ได้รับการดูแล และรับคำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพทั้งภายในและภายนอก ด้วยการตรวจโปรแกรม BWC Antioxidants ซึ่งเป็นการตรวจวิเคราะห์ปริมาณวิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระ 10 ชนิด พร้อมทั้งรับคำแนะนำด้านโภชนาการที่ถูกหลักเหมาะสมกับเพศและวัย จากทีมนักโภชนาการอาหาร รวมถึงบริการตรวจวิเคราะห์สภาพผิวหน้า (BWC Skin Analysis) เพื่อให้ทราบถึงปัญหาที่แท้จริงของผิว ทั้งผิวชั้นบนและผิวชั้นที่ลึกลงไปด้วยกล้องที่มีความละเอียดสูงในการช่วยประเมินการเกิดปัญหาผิวต่างๆ ได้

โดยภายในงานได้รับเกียรติจาก แพทย์หญิงพิชชาพร ธนาพงศธร ผู้ช่วยผู้อำนวยการบีดีเอ็มเอส เวลเนส คลินิก และผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บรรยายให้ความรู้แก่สมาชิกฯ เรื่อง INSPIRE WELLNESS : REBOOT YOUR HEALTH & REVERSE AGING สำหรับสมาชิกฯ ที่พลาดการเข้าร่วมกิจกรรม Muang Thai Smile Exclusive Health : Personalized Vitamin Check Up ในครั้งนี้ สามารถรับสิทธิ์พิเศษดังกล่าวได้ด้วยการแลกคะแนนสะสม 2,400 Smile Points เพื่อแลกรับโปรแกรม BWC Antioxidants ตรวจวัดระดับวิตามินและแร่ธาตุในร่างกายได้ ซึ่งสามารถใช้สิทธิ์แลกคะแนนสะสมได้ผ่านทางแอปพลิเคชัน MTL Click ทั้งนี้ สมาชิกฯ สามารถนัดหมายวันที่สะดวกเข้ารับบริการด้วยตนเองได้ที่บีดีเอ็มเอส เวลเนส คลินิก (BDMS Wellness Clinic) นอกจากนี้ สมาชิกฯ ระดับ The Ultimate สามารถแสดงบัตรสมาชิกฯ ในรูปแบบ Digital Card บนแอปพลิเคชัน MTL Click ที่เคาน์เตอร์ชั้น 2 เพื่อรับสิทธิ์ในการเข้าใช้บริการห้องรับรอง Lounge ชั้น 2 ที่บีดีเอ็มเอส เวลเนส คลินิก (BDMS Wellness Clinic) พร้อมรับบริการเครื่องดื่มรับรอง สำหรับสมาชิกฯ และผู้ติดตาม 1 ท่าน โดยสำรองสิทธิ์ล่วงหน้าก่อนเข้ารับบริการอย่างน้อย 1 วันทำการ โทร 02-8269999

“ทุกประสบการณ์แห่งการดูแล การสร้างสรรค์กิจกรรม สิทธิประโยชน์และแคมเปญต่างๆ ที่ตอบรับกับ Lifestyle ของลูกค้าและสมาชิกเมืองไทยสไมล์คลับ ในการสร้างความสุขและรอยยิ้ม ที่ทุกท่านสามารถเข้าร่วมได้ตลอดทั้งปี 2566 โดยการรับสิทธิพิเศษฟรี ส่วนลดร้านค้า และการแลกคะแนนสะสม Smile Point เพื่อให้ลูกค้าสัมผัสได้ถึงความรู้สึกคุ้มค่ามากกว่าแค่คุ้มครอง ผ่านสิทธิประโยชน์ และกิจกรรมที่ตอบโจทย์ทุก Gen ตอบรับทุก Lifestyle ยกระดับการใช้ชีวิตของคุณสู่ Digital Lifestyle โดยลูกค้าเมืองไทยประกันชีวิต สามารถติดตามกิจกรรมรวมถึงสิทธิประโยชน์อื่นๆ ที่มีให้เลือกหลากหลายครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์ ทั้งด้านสุขภาพ ท่องเที่ยว ช็อปปิ้ง ส่วนลดร้านอาหาร สปา โรงแรมระดับ 5 ดาว และอีกมากมายได้ที่ MTL Click Application ซึ่งดาวน์โหลดได้ฟรีทั้งระบบปฏิบัติการ iOS และ Android หรือเว็บไซต์ www.muangthai.co.th ตลอดจนสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่โทร. 1766 กด 4 เมืองไทยประกันชีวิต หรือศูนย์บริการลูกค้าทั่วประเทศ” นายสาระกล่า