Home Blog Page 151

เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง ผนึก เมืองไทยประกันชีวิต​ เปิดตัวแคมเปญ “Living A Better Life” ให้ความคุ้มครองสุขภาพที่รู้ใจสำหรับผู้ซื้อบ้านทุกแบบ

0
เอ็น.ซี เฮ้าส์ซิ่ง จับมือ เมืองไทยประกันชีวิต จัดแคมเปญ “Living A Better Life” มอบสิทธิพิเศษแก่ผู้ซื้อบ้านทุกแบบ ครอบคลุม 10 โครงการ ด้วยความคุ้มครองสุขภาพโครงการ Smart Silver Plus โดดเด่นด้วยการเลือกความคุ้มครองได้ตรงใจ กังวลโรคไหนก็เลือกได้ ส่งมอบความอุ่นใจ พร้อมสร้างความสุขที่ยั่งยืนและความมั่นคงในทุกช่วงของชีวิต

นายสมนึก ตันฑเทอดธรรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เอ็น.ซี เฮ้าส์ซิ่ง เป็นผู้ดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ทั้งแนวราบ แนวสูง ภายใต้แนวคิด Home Expert Living Care : รู้จักบ้าน รู้ใจคุณ คุณภาพมาตรฐาน ISO รายแรกของไทย ดำเนินกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นการตอบโจทย์ลูกค้าแบบ Full Service และพัฒนาเทคโนโลยีบ้านเพื่อความสุข อีกทั้งการหาพันธมิตรเพื่อส่งมอบสิ่งดีๆ ให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับการมีสุขภาพที่ดี เพราะเป็นรากฐานสำคัญของชีวิต เพราะการมีร่างกายที่สมบูรณ์ มีจิตใจที่แจ่มใสเบิกบาน ทำให้ดำรงชีวิตอยู่ในสังคมเป็นไปอย่างมีความสุข 

อีกทั้งประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย (Aging Society) มีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญและในอนาคต จะเป็นยุค Super Aged Society  เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง จึงได้คำนึงถึงความสุขทุกครอบครัว พร้อมตอบรับความเชื่อมั่นให้กับผู้ซื้อบ้านแบรนด์เอ็น.ซี ด้วยการจับมือกับ เมืองไทยประกันชีวิต ซึ่งเป็นบริษัทประกันชีวิต ที่โดดเด่นด้านผลิตภัณฑ์ บริการ และนวัตกรรมความคุ้มครองสุขภาพ จัดแคมเปญ “Living A Better Life เพื่อมอบสิทธิพิเศษในการสร้างความอุ่นใจ  ด้วยความคุ้มครองสุขภาพกับโครงการ  Smart  Silver  Plus  (สมาร์ท ซิลเวอร์ พลัส)  พร้อมชำระค่าเบี้ยประกันภัยปีแรก* ให้ทุกครอบครัวที่ซื้อบ้านในโครงการทุกแบบบ้าน ตอบโจทย์การสร้างความสุขที่ยั่งยืนและความมั่นคงในทุกช่วงของชีวิต 

ด้านนายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เมืองไทยประกันชีวิตมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับ เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง ในแคมเปญ “Living A Better Life” ในการส่งมอบความอุ่นใจให้กับผู้ซื้อบ้าน ด้วยความคุ้มครอง “โครงการสมาร์ท ซิลเวอร์ พลัส”  ซึ่งโดดเด่นด้วยการเลือกความคุ้มครองได้ตรงใจ กังวลโรคไหนก็เลือกได้ ไม่ว่าจะเป็นความคุ้มครองโรคสมองเสื่อมชนิดอัลไซเมอร์และโรคหลอดเลือดสมองแตกหรืออุดตัน รวมถึงคุ้มครองกรณีเจ็บป่วยหรือบาดเจ็บ จนไม่สามารถปฏิบัติกิจวัตรประจำวันได้ด้วยตนเองอย่างถาวรตั้งแต่ 3 ใน 6 อย่าง ต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 180 วัน ประกอบด้วย 1.การเคลื่อนย้าย  2.การเดินหรือเคลื่อนที่  3.การแต่งกาย      4.การอาบน้ำชำระร่างกาย  5.การรับประทานอาหาร  และ  6.การขับถ่าย วงเงินความคุ้มครองสูงสุด        2 ล้านบาท อีกทั้งยังให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลกรณีกระดูกแตกหัก วงเงินสูงสุด 500,000 บาท

โดยสามารถเลือกรับผลประโยชน์เป็นเงินก้อน หรือแบบรายเดือน เดือนละเท่าๆ กัน สูงสุด 120 เดือน(1) รวมถึงสามารถเลือกจ่ายผลประโยชน์รายเดือนไปยัง Siri Arun Wellness ศูนย์ฟื้นฟูและดูแลผู้มีภาวะพึ่งพิง ในเครือของ เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง  หรือสถานให้บริการผู้ที่มีภาวะพึ่งพิง และโรงพยาบาลผู้สูงอายุ (Nursing Home) ที่มีรายชื่อเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับบริษัทฯ(2) โดยสมัครได้ตั้งแต่อายุ 40 – 80 ปี พร้อมให้ความคุ้มครองดูแลยาวถึงอายุ 81 ปี  ซึ่งจะช่วยคลายความกังวล สร้างความอุ่นใจ และแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลให้กับผู้ซื้อบ้านของ เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง ได้เป็นอย่างดี

สำหรับโครงการบ้าน เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง  ที่เข้าร่วมแคมเปญ Living A Better Life  ครอบคลุมบ้านทุกแบบ อาทิ บ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮม ทั้ง 10 โครงการคุณภาพ  ประกอบด้วย  โครงการโซนตะวันตก
1. โครงการบ้านฟ้ากรีนเนอรี่ ธีโอ ชัยพฤกษ์ บ้านเดี่ยวราคาพิเศษ  7.13 ล้านบาท บ้านแฝด ราคาเริ่มต้น 5.2  ล้านบาท 2.โครงการบ้านฟ้ากรีนเนอรี่ ธีโอ ปิ่นเกล้าเพชรเกษม Modern Art Deco Style ทาวน์โฮม ( RENE ) พื้นที่ใช้สอย 120 ตาราเมตร  ขนาด 20 ตารางวา  3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ ราคาเริ่ม 2.99 ล้าน  บ้านแฝดพื้นที่ใช้สอย 140 ตารางเมตร ที่ดินเริ่มต้น 38 ตารางวา ขนาด 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 1 ห้องอเนกประสงค์ 2 ที่จอดรถ ราคาเริ่ม 5.5 ล้านบาท  บ้านเดี่ยว (MERDITH ) พื้นที่ใช้สอย 155 ตารางเมตร ที่ดินเริ่มต้น 50 ตารางวา ขนาด 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 1 ห้องอเนกประสงค์ 1 ครัวไทย  2 ที่จอดรถ  ราคาเริ่มต้น 7.59 ล้าน  3.โครงการบ้านฟ้ากรีนเนอร์รี่ นีโอลา รังสิตคลอง 2  บ้านเดี่ยว พื้นที่ใช้สอย 200 ตารางเมตร ขนาดที่ดิน 84 ตารางวา  ราคาเริ่มต้น 7.89     ล้านบาท และบ้านแฝดสไตล์เหมือนบ้านเดี่ยว ขนาดพื้นที่ใช้สอย 140 ตารางเมตร ขนาดที่ดิน 39 ตารางวา ราคาช่วงแนะนำโครงการ 3.89 ล้านบาท 4. บ้านฟ้ากรีนเนอรี่ นีโอลา วงแหวน–ลำลูกกา คลอง 7  บ้านแฝด ขนาด 42 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 133.5 ตารางเมตร ขนาด 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ ราคาเริ่มต้น 4.29     ล้านบาท  

5.โครงการ NC On Green Palm Park 2  ทาวน์โฮม ขนาด 19-30 ตารางวา  พื้นที่ใช้สอย 120 ตารางเมตร 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ ราคาเริ่มต้น 2.29 ล้านบาท  แบบบ้านทาวน์โฮม ทรงอิสระ  ขนาด 27 -35 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 125 ตารางเมตร ขนาด 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ ราคาเริ่มต้น 3.29 ล้านบาท  และบ้านแฝด สไตล์บ้านเดี่ยว  ขนาดพื้นที่ 38-42 ตารางวา  พื้นที่ใช้สอย 140 ตารางเมตร ขนาด  3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ ราคาเริ่มต้น 3.99 ล้านบาท  6.โครงการ Nc On Green Charm Classic  ให้ความรู้สึกของความเป็นเจ้าของวิวสนามกอล์ฟขนาดใหญ่   บ้านเดี่ยวราคาเริ่มต้น  5.59-19 ล้านบาท บนพื้นที่ขนาด ตั้งแต่ 55-100 ตารางวา  พื้นที่ใช้สอย 155-400 ตารางเมตร  7.บ้านฟ้าปิยรมย์นอร์เดิร์น บ้านเดี่ยวนอร์ดิกสไตล์  ราคาเริ่ม 6.39-12  ล้านบาท ตามด้วยโครงการใหม่  8.บ้านฟ้ากรีนพาร์ค ธาม ลำลูกกา คลอง 7 ให้คุณภาพชีวิตดีๆ พร้อมพื้นที่ใช้สอย ฟังก์ชั่นลงตัวในราคาที่เอื้อมถึง ทาวน์โฮม ราคาเพียง 1.83 ล้านบาท พิเศษสุดโซนตะวันออก เมืองพัทยา 9. โครงการบ้านฟ้ากรีนเนอรี่ ลอฟท์ บ้านแฝด สไตล์บ้านเดี่ยว ดีไซน์ลอฟท์ ฟังก์ชั่นลงตัว 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ ใกล้แหล่งอำนวยความสะดวก บนนถนนชัยพรวิถี-พัทยาเหนือ ราคาสุดพิเศษ เริ่ม 3.99 ล้าน และโครงการใหม่ล่าสุดโซนบางนา  10.โครงการบ้านฟ้าทาวน์นี่ ศรีนครินทร์ เทพารักษ์ ไพเวททาวน์โฮม ราคาเริ่มต้น  2.49 ล้านบาท 

นายสมนึก กล่าวปิดท้าย  เอ็น.ซี. ขอมอบทางเลือกการเป็นเจ้าของบ้าน ทั้ง 10 โครงการด้วยสิทธิพิเศษที่ได้ร่วมผนึก กับ เมืองไทยประกันชีวิต และถือเป็นแคมเปญใหญ่ ไตรมาส 3 ของปีนี้  เพื่อสนับสนุนมอบโอกาส สำหรับผู้ที่อยากมีบ้าน เพื่อเริ่มต้นสร้างครอบครัว อย่างมีความสุข 

หมายเหตุ

        *     บริษัท เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ชำระเบี้ยประกันภัยปีแรก และผู้ซื้อบ้านเป็นผู้ชำระเบี้ย  ประกันภัยปีต่ออายุ

  1. สำหรับความคุ้มครองโรคสมองเสื่อมชนิดอัลไซเมอร์ และโรคหลอดเลือดสมองแตกหรืออุดตัน และความคุ้มครองทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิงเท่านั้น
  2. เป็นสถานให้บริการผู้มีภาวะพึ่งพิงหรือโรงพยาบาลผู้สูงอายุคู่สัญญาที่ได้รับมาตรฐาน ผ่านการจดทะเบียนรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข โดยตรวจสอบรายชื่อได้ที่ www.muangthai.co.th 
  • โครงการสมาร์ท ซิลเวอร์ พลัส เป็นชื่อทางการตลาดของ สัญญาเพิ่มเติมสมาร์ท แคร์ พลัส 
  • ความคุ้มครองของสัญญาเพิ่มเติมต้องไม่เกินระยะเวลาเอาประกันภัยของกรมธรรม์ประกันชีวิต ที่สัญญาเพิ่มเติมนี้แนบท้าย
  • การพิจารณารับประกันภัยเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของ บมจ.เมืองไทยประกันชีวิต
  • เบี้ยประกันภัยสามารถนำไปใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ ทั้งนี้หลักเกณฑ์เป็นไปตามที่กรมสรรพากรกำหนด
  • ผลประโยชน์ เงื่อนไข และความคุ้มครองโดยละเอียด เป็นไปตามข้อกำหนดและเงื่อนไขที่ระบุไว้ในกรมธรรม์
  • เงื่อนไขสิทธิพิเศษเป็นไปตามที่ บริษัท เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด (มหาชน) กำหนด 

คำเตือน : ผู้ซื้อควรทำความเข้าใจในรายละเอียดความคุ้มครองและเงื่อนไขก่อนตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้ง

เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง ผนึก เมืองไทยประกันชีวิต ส่งมอบความสุขที่ยั่งยืน 

ผ่านแคมเปญ “Living A Better Life”

เพิ่มความอุ่นใจด้วยความคุ้มครองสุขภาพที่รู้ใจสำหรับผู้ซื้อบ้านทุกแบบ

เอ็น.ซี เฮ้าส์ซิ่ง จับมือ เมืองไทยประกันชีวิต จัดแคมเปญ “Living A Better Life มอบสิทธิพิเศษแก่ผู้ซื้อบ้านทุกแบบ ครอบคลุม 10 โครงการ ด้วยความคุ้มครองสุขภาพโครงการ Smart Silver Plus โดดเด่นด้วยการเลือกความคุ้มครองได้ตรงใจ กังวลโรคไหนก็เลือกได้ ส่งมอบความอุ่นใจ พร้อมสร้างความสุขที่ยั่งยืนและความมั่นคงในทุกช่วงของชีวิต

นายสมนึก ตันฑเทอดธรรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เอ็น.ซี เฮ้าส์ซิ่ง เป็นผู้ดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ทั้งแนวราบ แนวสูง ภายใต้แนวคิด Home Expert Living Care : รู้จักบ้าน รู้ใจคุณ คุณภาพมาตรฐาน ISO รายแรกของไทย ดำเนินกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นการตอบโจทย์ลูกค้าแบบ Full Service และพัฒนาเทคโนโลยีบ้านเพื่อความสุข อีกทั้งการหาพันธมิตรเพื่อส่งมอบสิ่งดีๆ ให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับการมีสุขภาพที่ดี เพราะเป็นรากฐานสำคัญของชีวิต เพราะการมีร่างกายที่สมบูรณ์ มีจิตใจที่แจ่มใสเบิกบาน ทำให้ดำรงชีวิตอยู่ในสังคมเป็นไปอย่างมีความสุข 

อีกทั้งประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย (Aging Society) มีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญและในอนาคต จะเป็นยุค Super Aged Society  เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง จึงได้คำนึงถึงความสุขทุกครอบครัว พร้อมตอบรับความเชื่อมั่นให้กับผู้ซื้อบ้านแบรนด์เอ็น.ซี ด้วยการจับมือกับ เมืองไทยประกันชีวิต ซึ่งเป็นบริษัทประกันชีวิต ที่โดดเด่นด้านผลิตภัณฑ์ บริการ และนวัตกรรมความคุ้มครองสุขภาพ จัดแคมเปญ “Living A Better Life เพื่อมอบสิทธิพิเศษในการสร้างความอุ่นใจ  ด้วยความคุ้มครองสุขภาพกับโครงการ  Smart  Silver  Plus  (สมาร์ท ซิลเวอร์ พลัส)  พร้อมชำระค่าเบี้ยประกันภัยปีแรก* ให้ทุกครอบครัวที่ซื้อบ้านในโครงการทุกแบบบ้าน ตอบโจทย์การสร้างความสุขที่ยั่งยืนและความมั่นคงในทุกช่วงของชีวิต 

ด้านนายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เมืองไทยประกันชีวิตมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับ เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง ในแคมเปญ “Living A Better Life” ในการส่งมอบความอุ่นใจให้กับผู้ซื้อบ้าน ด้วยความคุ้มครอง “โครงการสมาร์ท ซิลเวอร์ พลัส”  ซึ่งโดดเด่นด้วยการเลือกความคุ้มครองได้ตรงใจ กังวลโรคไหนก็เลือกได้ ไม่ว่าจะเป็นความคุ้มครองโรคสมองเสื่อมชนิดอัลไซเมอร์และโรคหลอดเลือดสมองแตกหรืออุดตัน รวมถึงคุ้มครองกรณีเจ็บป่วยหรือบาดเจ็บ จนไม่สามารถปฏิบัติกิจวัตรประจำวันได้ด้วยตนเองอย่างถาวรตั้งแต่ 3 ใน 6 อย่าง ต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 180 วัน ประกอบด้วย 1.การเคลื่อนย้าย  2.การเดินหรือเคลื่อนที่  3.การแต่งกาย      4.การอาบน้ำชำระร่างกาย  5.การรับประทานอาหาร  และ  6.การขับถ่าย วงเงินความคุ้มครองสูงสุด        2 ล้านบาท อีกทั้งยังให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลกรณีกระดูกแตกหัก วงเงินสูงสุด 500,000 บาท

โดยสามารถเลือกรับผลประโยชน์เป็นเงินก้อน หรือแบบรายเดือน เดือนละเท่าๆ กัน สูงสุด 120 เดือน(1) รวมถึงสามารถเลือกจ่ายผลประโยชน์รายเดือนไปยัง Siri Arun Wellness ศูนย์ฟื้นฟูและดูแลผู้มีภาวะพึ่งพิง ในเครือของ เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง  หรือสถานให้บริการผู้ที่มีภาวะพึ่งพิง และโรงพยาบาลผู้สูงอายุ (Nursing Home) ที่มีรายชื่อเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับบริษัทฯ(2) โดยสมัครได้ตั้งแต่อายุ 40 – 80 ปี พร้อมให้ความคุ้มครองดูแลยาวถึงอายุ 81 ปี  ซึ่งจะช่วยคลายความกังวล สร้างความอุ่นใจ และแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลให้กับผู้ซื้อบ้านของ เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง ได้เป็นอย่างดี

สำหรับโครงการบ้าน เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง  ที่เข้าร่วมแคมเปญ Living A Better Life  ครอบคลุมบ้านทุกแบบ อาทิ บ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮม ทั้ง 10 โครงการคุณภาพ  ประกอบด้วย  โครงการโซนตะวันตก
1. โครงการบ้านฟ้ากรีนเนอรี่ ธีโอ ชัยพฤกษ์ บ้านเดี่ยวราคาพิเศษ  7.13 ล้านบาท บ้านแฝด ราคาเริ่มต้น 5.2  ล้านบาท 2.โครงการบ้านฟ้ากรีนเนอรี่ ธีโอ ปิ่นเกล้าเพชรเกษม Modern Art Deco Style ทาวน์โฮม ( RENE ) พื้นที่ใช้สอย 120 ตาราเมตร  ขนาด 20 ตารางวา  3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ ราคาเริ่ม 2.99 ล้าน  บ้านแฝดพื้นที่ใช้สอย 140 ตารางเมตร ที่ดินเริ่มต้น 38 ตารางวา ขนาด 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 1 ห้องอเนกประสงค์ 2 ที่จอดรถ ราคาเริ่ม 5.5 ล้านบาท  บ้านเดี่ยว (MERDITH ) พื้นที่ใช้สอย 155 ตารางเมตร ที่ดินเริ่มต้น 50 ตารางวา ขนาด 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 1 ห้องอเนกประสงค์ 1 ครัวไทย  2 ที่จอดรถ  ราคาเริ่มต้น 7.59 ล้าน  3.โครงการบ้านฟ้ากรีนเนอร์รี่ นีโอลา รังสิตคลอง 2  บ้านเดี่ยว พื้นที่ใช้สอย 200 ตารางเมตร ขนาดที่ดิน 84 ตารางวา  ราคาเริ่มต้น 7.89     ล้านบาท และบ้านแฝดสไตล์เหมือนบ้านเดี่ยว ขนาดพื้นที่ใช้สอย 140 ตารางเมตร ขนาดที่ดิน 39 ตารางวา ราคาช่วงแนะนำโครงการ 3.89 ล้านบาท 4. บ้านฟ้ากรีนเนอรี่ นีโอลา วงแหวน–ลำลูกกา คลอง 7  บ้านแฝด ขนาด 42 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 133.5 ตารางเมตร ขนาด 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ ราคาเริ่มต้น 4.29     ล้านบาท  

5.โครงการ NC On Green Palm Park 2  ทาวน์โฮม ขนาด 19-30 ตารางวา  พื้นที่ใช้สอย 120 ตารางเมตร 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ ราคาเริ่มต้น 2.29 ล้านบาท  แบบบ้านทาวน์โฮม ทรงอิสระ  ขนาด 27 -35 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 125 ตารางเมตร ขนาด 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ ราคาเริ่มต้น 3.29 ล้านบาท  และบ้านแฝด สไตล์บ้านเดี่ยว  ขนาดพื้นที่ 38-42 ตารางวา  พื้นที่ใช้สอย 140 ตารางเมตร ขนาด  3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ ราคาเริ่มต้น 3.99 ล้านบาท  6.โครงการ Nc On Green Charm Classic  ให้ความรู้สึกของความเป็นเจ้าของวิวสนามกอล์ฟขนาดใหญ่   บ้านเดี่ยวราคาเริ่มต้น  5.59-19 ล้านบาท บนพื้นที่ขนาด ตั้งแต่ 55-100 ตารางวา  พื้นที่ใช้สอย 155-400 ตารางเมตร  7.บ้านฟ้าปิยรมย์นอร์เดิร์น บ้านเดี่ยวนอร์ดิกสไตล์  ราคาเริ่ม 6.39-12  ล้านบาท ตามด้วยโครงการใหม่  8.บ้านฟ้ากรีนพาร์ค ธาม ลำลูกกา คลอง 7 ให้คุณภาพชีวิตดีๆ พร้อมพื้นที่ใช้สอย ฟังก์ชั่นลงตัวในราคาที่เอื้อมถึง ทาวน์โฮม ราคาเพียง 1.83 ล้านบาท พิเศษสุดโซนตะวันออก เมืองพัทยา 9. โครงการบ้านฟ้ากรีนเนอรี่ ลอฟท์ บ้านแฝด สไตล์บ้านเดี่ยว ดีไซน์ลอฟท์ ฟังก์ชั่นลงตัว 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ ใกล้แหล่งอำนวยความสะดวก บนนถนนชัยพรวิถี-พัทยาเหนือ ราคาสุดพิเศษ เริ่ม 3.99 ล้าน และโครงการใหม่ล่าสุดโซนบางนา  10.โครงการบ้านฟ้าทาวน์นี่ ศรีนครินทร์ เทพารักษ์ ไพเวททาวน์โฮม ราคาเริ่มต้น  2.49 ล้านบาท 

นายสมนึก กล่าวปิดท้าย  เอ็น.ซี. ขอมอบทางเลือกการเป็นเจ้าของบ้าน ทั้ง 10 โครงการด้วยสิทธิพิเศษที่ได้ร่วมผนึก กับ เมืองไทยประกันชีวิต และถือเป็นแคมเปญใหญ่ ไตรมาส 3 ของปีนี้  เพื่อสนับสนุนมอบโอกาส สำหรับผู้ที่อยากมีบ้าน เพื่อเริ่มต้นสร้างครอบครัว อย่างมีความสุข 

หมายเหตุ

        *     บริษัท เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ชำระเบี้ยประกันภัยปีแรก และผู้ซื้อบ้านเป็นผู้ชำระเบี้ย  ประกันภัยปีต่ออายุ

  1. สำหรับความคุ้มครองโรคสมองเสื่อมชนิดอัลไซเมอร์ และโรคหลอดเลือดสมองแตกหรืออุดตัน และความคุ้มครองทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิงเท่านั้น
  2. เป็นสถานให้บริการผู้มีภาวะพึ่งพิงหรือโรงพยาบาลผู้สูงอายุคู่สัญญาที่ได้รับมาตรฐาน ผ่านการจดทะเบียนรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข โดยตรวจสอบรายชื่อได้ที่ www.muangthai.co.th 
  • โครงการสมาร์ท ซิลเวอร์ พลัส เป็นชื่อทางการตลาดของ สัญญาเพิ่มเติมสมาร์ท แคร์ พลัส 
  • ความคุ้มครองของสัญญาเพิ่มเติมต้องไม่เกินระยะเวลาเอาประกันภัยของกรมธรรม์ประกันชีวิต ที่สัญญาเพิ่มเติมนี้แนบท้าย
  • การพิจารณารับประกันภัยเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของ บมจ.เมืองไทยประกันชีวิต
  • เบี้ยประกันภัยสามารถนำไปใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ ทั้งนี้หลักเกณฑ์เป็นไปตามที่กรมสรรพากรกำหนด
  • ผลประโยชน์ เงื่อนไข และความคุ้มครองโดยละเอียด เป็นไปตามข้อกำหนดและเงื่อนไขที่ระบุไว้ในกรมธรรม์
  • เงื่อนไขสิทธิพิเศษเป็นไปตามที่ บริษัท เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด (มหาชน) กำหนด ฃง​ๆ

AIS​ – ARV​ ยกระดับวงการ​โดรน​สู่​ AI Autonomous Drone System บนโครงข่ายอัจฉริยะ 5G ครั้งแรกในไทย​

0

จากการทำงานร่วมกันอย่างต่อเนื่องระหว่าง AIS 5G และ กลุ่ม ปตท. ตั้งแต่ปี 2561 ในการนำ 5G และ​ แพลตฟอร์มมาเป็นโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล เพื่อประยุกต์ใช้กับการดำเนินงานในพื้นที่วังจันทร์วัลเลย์ พัฒนาโดยกลุ่ม ปตท.​และเป็นฐานที่ตั้งสำคัญของเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EECi ผ่านการทำงานอย่างใกล้ชิดกับบริษัท ARV ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาและให้บริการเทคโนโลยีหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์ของไทย ภายใต้ ปตท.สผ. เพื่อพัฒนาแพลตฟอร์ม อากาศยานไร้คนขับ หรือ โดรน เพื่อนำมาใช้ในภาคอุตสาหกรรม วันนี้ได้ยกระดับการทำงานของโดรนไปอีกขั้นสู่ 5G AI Autonomous Drone System (Horrus) ครั้งแรกของไทยที่พัฒนาโดยฝีมือคนไทย ซึ่งนำเทคโนโลยี AI หรือ ปัญญาประดิษฐ์ มีความฉลาดและอัจฉริยะเข้ามาเสริมขีดความสามารถการทำงาน

และเป็นครั้งแรกของโดรนที่ทำงานจริงบนโครงข่ายอัจฉริยะ 5G ผ่านเทคโนโลยี Autonomous Network มาใช้ในการบริหารจัดการระบบ Network ได้อย่างคล่องตัว ช่วยให้บริหารจัดการระบบการรักษาความปลอดภัยได้ตลอด 24 ชม. ในพื้นที่เมืองอัจฉริยะวังจันทร์วัลเลย์ มีความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานของ Smart City พร้อมทั้ง Regulatory & Innovation Sandbox หรือ พื้นที่ผ่อนปรนกฎระเบียบสำหรับการพัฒนานวัตกรรม ทั้งหมด 4 ด้าน ได้แก่ ด้านอากาศยานไร้คนขับ ด้านยานยนต์อัตโนมัติ ด้านนวัตกรรมพลังงาน และด้านคลื่นความถี่พิเศษ ซึ่งเป็นจุดแข็งของพื้นที่วังจันทร์วัลเลย์ ทำให้พื้นที่นี้มีความพร้อมและเหมาะสมอย่างยิ่งต่อการพัฒนานวัตกรรมแห่งอนาคต นับเป็นการพลิกโฉมการทำงานของโดรนที่จะเข้ามามีบทบาทต่อภาคอุตสาหกรรม ช่วยลดความเสี่ยงจากการปฏิบัติงานในพื้นที่เสี่ยงหรือมีข้อจำกัด

นายธนพงษ์ อิทธิสกุลชัย หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าองค์กร AIS กล่าวว่า “จากเป้าหมายการทำงานของ AIS ที่มุ่งสู่การเป็นองค์กรเทคโนโลยีโทรคมนาคมอัจฉริยะหรือ Cognitive Tech-Co ผ่านแนวคิด Ecosystem Economy ด้วยการสร้างการเติบโตแบบร่วมกัน ผ่านการทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ที่หลากหลายเพื่อส่งเสริมการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันของภาคอุตสาหกรรมและองค์กรภาคธุรกิจของประเทศ โดยเฉพาะการทำงานร่วมกับ กลุ่ม ปตท. ในฐานะ Strategic Partner ที่ร่วมทำงานกันเพื่อพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยีใหม่สำหรับภาคอุตสาหกรรมในหลากหลายพื้นที่รวมถึงการลงทุนสร้างโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลเพื่อสนับสนุนการพัฒนานวัตกรรม ในพื้นที่โครงการวังจันทร์วัลเลย์และ EECi ให้เป็นศูนย์กลางการพัฒนาและทดสอบโซลูชัน โดยมุ่งเน้นการขยายผลเพื่อการใช้งานจริงมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ทีมวิศวกรของ AIS ได้จัดเตรียมโครงสร้างพื้นฐานไว้อย่างสมบูรณ์ อาทิ การออกแบบ Network Architecture หรือ สถาปัตยกรรมโครงข่าย 5G SA (Standalone) บนคลื่น 2600 MHz โดยใช้ศักยภาพของเทคโนโลยีAutonomous Network ซึ่งมีความอัจฉริยะในการจัดการระบบได้ด้วยตัวเอง, การใช้ Network Slicing เพื่อตอบสนองแอปพลิเคชันที่ต้องการคุณสมบัติทางเครือข่ายที่แตกต่างกัน รวมถึงบริการ MEC (Multi-access EDGE Computing) และ PARAGON Platform เพื่อรองรับการบริหารจัดการ และพัฒนาโซลูชันที่ต้องการความหน่วงต่ำด้วย ถือเป็น 5G Testbed พื้นที่สำหรับทดสอบทดลองที่เปิดกว้างให้องค์กรธุรกิจและอุตสาหกรรมไทยในการพัฒนาโซลูชันเพื่อการใช้งานจริง

ครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จของทีมงานทุกฝ่ายที่ สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถของคนไทยในการพัฒนาแพลตฟอร์มอัตโนมัติสำหรับโดรน ด้วยการผสานเทคโนโลยี AI และขีดความสามารถของ 5G เป็นครั้งแรก เพื่อรองรับและตอบโจทย์การทำงานของ AI Autonomous Drone System(Horrus) ที่พัฒนาโดยบริษัท ARV ในด้านต่างๆ ที่ต้องครอบคลุมเส้นทางการบินให้มีความเสถียรและปลอดภัย สามารถทำงานได้อย่างอัจฉริยะในการตรวจสอบ รับและส่งต่อข้อมูลทั้งภาพ เสียง และวีดีโอ กลับมายังศูนย์ควบคุมได้แบบรวดเร็วและ Real time นับเป็นการยืนยันถึงความมุ่งมั่นตั้งใจของ AIS ในการนำขุมพลังของ 5G เข้ามาสร้างโอกาสใหม่ให้กับภาคอุตสาหกรรม และนำไปสู่การสร้างจุดแข็งให้กับประเทศต่อไป”

ด้าน ดร.ธนา สราญเวทย์พันธุ์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอไอ แอนด์ โรโบติกส์ เวนเจอร์ส จำกัด (ARV) ในเครือ ปตท. สผ. กล่าวเสริมว่า “ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาและให้บริการเทคโนโลยีหุ่นยนต์ และปัญญาประดิษฐ์ของไทย เรามุ่งสร้างความเชี่ยวชาญด้านปัญญาประดิษฐ์และหุ่นยนต์เพื่อยกระดับโครงสร้างพื้นฐานและสนับสนุนความเป็นอยู่ของผู้คนในทุกระดับ โดย 5G AI Autonomous Drone System (Horrus) เป็นอีกหนึ่งใน Use Case ที่ประสบความสำเร็จ สามารถใช้งานได้จริงแล้วในพื้นที่วังจันทร์วัลเลย์ที่มีความพร้อมด้านพื้นที่เพื่อการทดสอบทดลอง จากการผ่อนปรนกฎระเบียบพิเศษ สำหรับทดลองทางวิทยาศาสตร์และนวัตกรรม หรือ UAV Regulatory Sandbox และความพร้อมทางด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล 5G ซึ่งเป็นเทคโนโลยีสำคัญที่นำมาใช้พัฒนา Solution นี้  ถือเป็นครั้งแรกที่มีการพัฒนาโดรนอัจฉริยะฝีมือคนไทยที่มีระบบ AI เข้ามาเป็นหัวใจหลักในการทำงานด้วยเครือข่ายไร้สายอัจฉริยะ”

5G และ Network Slicing ช่วยเพิ่มความเร็วในการรับส่งข้อมูล ลดความหน่วงในการสั่งการควบคุมโดรน อีกทั้งยังรองรับการควบคุมระยะไกลที่เสถียรมากกว่าสัญญาณวิทยุและ Wifi  การทำงานร่วมกับ AIS ในครั้งนี้เป็นการยกระดับศักยภาพการทำงานของโดรนให้ก้าวไปอีกขั้น ด้วยการทำงานได้แบบอัตโนมัติตามเวลาและเส้นทางการบินที่กำหนด นอกจากนี้ยังสามารถตรวจจับสิ่งผิดปกติและส่งแจ้งเตือนกลับมาที่ศูนย์ควบคุมได้แบบ Real time ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในการบริหารจัดการความปลอดภัย และยังลดความเสี่ยงจากการปฏิบัติงานในพื้นที่เสี่ยงหรือมีข้อจำกัด อาทิ การใช้โดรนตรวจสอบการทำงานในพื้นที่โรงงาน หรือในพื้นที่สำรวจแหล่งก๊าซธรรมชาติ และโรงแยกก๊าซธรรมชาติ ในธุรกิจของกลุ่ม ปตท. ดังนั้นการทำงานร่วมกันในครั้งนี้จึงเป็นการเชื่อมโยงกับภารกิจหลักของบริษัท ARV และที่สำคัญยังสอดคล้องกับเป้าหมายใหญ่ของเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกที่ต้องการสร้าง New
S-Curve ด้วยนวัตกรรมและดิจิทัลเทคโนโลยี

AIS และ ARV พร้อมร่วมผลักดันการพัฒนานวัตกรรมให้กับองค์กรทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคอุตสาหกรรม เพื่อร่วมขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่โลกยุคดิจิทัลอย่างยั่งยืน  ผู้สนใจสามารถตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อมูลโครงการวังจันทร์วัลเลย์ได้ที่ www.wangchanvalley.com หรือ ข้อมูลการพัฒนานวัตกรรมและโซลูชั่นบน 5G ได้ที่  https://business.ais.co.th/5g/

กุมารแพทย์ ย้ำไก่ไม่ได้ทำให้เด็กเป็นสาวก่อนวัย

0

กุมารแพทย์โรคระบบต่อมไร้ท่อ ย้ำไก่ไม่ได้เป็นสาเหตุที่ทำให้เด็กโตไวหรือเป็นสาวก่อนวัย เด็กสามารถกินไก่ได้ตามปกติ แต่ให้เลี่ยงวิธีการทอดเพราะมีไขมันสูง และให้กินอาหารที่หลากหลาย ไม่กินอาหารอย่างใดอย่างหนึ่งซ้ำๆ

ผศ.พญ.กัลย์สุดา อริยะวัตรกุล กุมารแพทย์ (โรคระบบต่อมไร้ท่อ) ศูนย์การแพทย์ปัญญานันทภิกขุ ชลประทาน มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ กล่าวว่า มีผู้ปกครองหลายท่านที่ยังกังวลว่า การกินไก่ เป็นสาเหตุที่ทำให้เด็กโตไวหรือเป็นสาวก่อนวัย เรื่องนี้ “ไม่เป็นความจริง” การที่เด็กโตไวหรือเป็นสาวก่อนวัย เกิดได้จากหลายสาเหตุ อาจเกิดจากเรื่องของพันธุกรรมหรือยีนที่เกิดความผิดปกติ และหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เด็กเป็นสาวก่อนวัยเพิ่มขึ้นในปัจจุบัน พบว่าเกิดจากภาวะอ้วนในเด็ก ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญแต่สามารถป้องกันและแก้ไขได้

ผศ.พญ.กัลย์สุดา อริยะวัตรกุล กุมารแพทย์

“จากงานวิจัยล่าสุดในเด็กไทยกว่า 8 พันคน พบว่า “ไก่” ไม่ได้เกี่ยวข้องกับภาวะเป็นสาวก่อนวัย เด็กสามารถกินไก่ได้ แต่ให้เลี่ยงวิธีการทอดเพราะมีไขมันสูง และกินอาหารที่หลากหลาย ครบ 5 หมู่ ไม่กินอาหารอย่างใดอย่างหนึ่งซ้ำๆ” ผศ.พญ.กัลย์สุดา กล่าว

นอกจากนี้ ข้อมูลที่ผู้ปกครองต้องเข้าใจเป็นอันดับแรกคือ ปัจจุบันเด็กเป็นประจำเดือนเร็วขึ้น อายุเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 11 ปี และเริ่มมีเต้านมที่อายุประมาณ 8 ปีปลายๆ จนถึง 9 ปีต้นๆ ซึ่งเป็นอายุปกติในปัจจุบัน จากภาวะโภชนาการและสุขภาพอนามัยของเด็กที่ดีขึ้นกว่าในอดีต เด็กจึงมีแนวโน้มเป็นสาวเร็วขึ้น แต่ไม่ใช่เป็นสาวก่อนวัย ขณะที่ในอดีตเด็กผู้หญิงจะโตเป็นสาวและเริ่มมีประจำเดือนที่อายุประมาณ 12-13 ปี

ผศ.พญ.กัลย์สุดา กล่าวย้ำว่า “ภาวะโรคอ้วนในเด็กที่เป็นปัจจัยทำให้เด็กมีการเจริญเติบโตรวดเร็วเกินวัย เกิดจากการกินเยอะ ทั้งแป้ง และไขมัน ทำให้เด็กได้รับปริมาณแคลอรี่ที่มากเกินไป แต่เป็นสิ่งที่ป้องกันได้ โดยฝากถึงพ่อแม่ผู้ปกครอง ดูแลน้ำหนักตัวบุตรหลานให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม ไม่ตามใจปาก และอย่าคิดว่าให้เด็กกินเยอะๆ เดี๋ยวเด็กโตขึ้นจะผอมลงเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่เข้าใจผิดและจะทำร้ายสุขภาพเด็กโดยที่ไม่รู้ตัว ทั้งเรื่องโรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคไขมันโลหิตสูง และโรค NCDs (non-communicable diseases) กลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง แบบที่ผู้ใหญ่เป็นจะตามมาในอนาคต”

รับชมคลิป :
https://youtu.be/9KIH7b0L2do

เมืองไทยประกันชีวิต ร่วมกับ มูลนิธิเมืองไทยยิ้ม และกรมกิจการผู้สูงอายุ พาคณะผู้สูงอายุบ้านบางแค และ บ้านปทุมธานี เหมารอบดูละครเวที พิษสวาท

0

นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) และ นางพิตราภรณ์ บุณยรัตพันธุ์ รองประธานกรรมการ มูลนิธิเมืองไทยยิ้ม พร้อมด้วยนางสาวแรมรุ้ง วรวัธ อธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุ และนางสาวชวนชม จันทะวงษ์ รองอธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นำคณะผู้สูงอายุจากศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุบ้านบางแค และศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุจังหวัดปทุมธานี ที่ผ่านการลอกต้อกระจกในโครงการแสงแก้ว ร่วมกิจกรรมเหมารอบชมละครเวที “พิษสวาท”

โดยกิจกรรมดังกล่าวฯ ถือเป็นการต่อยอดโครงการคืนโลกสดใสให้ผู้สูงอายุที่ผ่านการลอกต้อกระจกในโครงการแสงแก้วให้กลับมาพบความสุขจากการมองเห็นที่ชัดเจนอีกครั้ง อีกทั้งยังตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นขององค์กรในการให้ความสำคัญกับสังคมผู้สูงอายุในประเทศไทย และสนับสนุนการใส่ใจ ดูแลผู้สูงอายุ ผ่านกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อสร้างความสุขและรอยยิ้มให้กับให้ผู้สูงอายุอย่างต่อเนื่อง โดยกิจกรรมดังกล่าว จัดขึ้น ณ เมืองไทยรัชดาลัยเธียเตอร์ ศูนย์การค้าเอสพละนาด รัชดาภิเษก

“ซีพีเอฟ – พม. – UNDP” ร่วมเวที CPF Spreading Pride 2023 มุ่งสู่องค์กรแห่งความหลากหลายและสร้างสรรค์พลังบวกคืนสู่สังคม

0

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เดินหน้าส่งเสริมให้พนักงานยอมรับความหลากหลายความแตกต่าง และความเท่าเทียมในองค์กร (Diversity, Equity และ Inclusion: DEI) พร้อมเปิดโอกาสให้ทุกคนได้แสดงศักยภาพสร้างสรรค์พลังบวกแก่องค์กรและสังคม ล่าสุด บริษัทได้จัดงานเสวนา “CPF Spreading Pride 2023” ภายใต้แนวคิด Put Our Heat Into Diversity พร้อมเชิญตัวแทนจากภาครัฐ และองค์กรชั้นระดับโลก จาก กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และ United Nations Development Programme (UNDP) มาแบ่งปันองค์ความรู้ มุมมอง และประสบการณ์ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้พนักงานทุกระดับได้นำไปปฏิบัติใช้จริงในการทำงานและการดำเนินชีวิต

นางสาวพิมลรัตน์ รีพัฒนาวิจิตรกุล ประธานผู้บริหาร ทรัพยากรบุคคล เครือซีพี-ซีพีเอฟ กล่าวว่า ที่ผ่านมา เครือซีพี-ซีพีเอฟ ได้ดำเนินโครงการและกิจกรรมต่างๆ เพื่อส่งเสริมความหลากหลายและความเท่าเทียมของพนักงานในองค์กรครอบคลุมทุกมิติ อาทิ เพศ สัญชาติ ศาสนา และความทุพพลภาพ เช่น การจัดตั้งชมรม LGBTQ+ การจัดจ้างคนพิการทั่วประเทศจำนวนทั้งสิ้น 728 ราย เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น ทั้งการทำงานในฟาร์มและโรงงานของบริษัทฯ โครงการไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน สพฐ. และ ตชด. โครงการนักกีฬา Wheel Chair และสนับสนุนอาหารให้ทัพนักกีฬาคนพิการทีมชาติไทยในการแข่งขันพาราลิมปิกเกมส์อีกด้วย

นโยบายด้าน DEI ของซีพีเอฟ ครอบคลุมกลุ่มแรงงานต่างด้าว ซึ่งมีประมาณ 10,000 ราย ทำให้แรงงานกลุ่มนี้ สามารถเข้าถึงสวัสดิการต่างๆ เช่น หอพัก รถรับ-ส่ง ค่ารักษาพยาบาล ภาษา/ล่าม ผลตอบแทนเท่าเทียมกับคนไทย รวมทั้งโอกาสในการก้าวหน้า พร้อมเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ของพนักงานได้โดยไม่เลือกปฏิบัติ ส่งผลทำให้แรงงานต่างด้าวกลับมาทำงานกับบริษัทฯ อย่างต่อเนื่อง

ความมุ่งมั่นการดำเนินงานด้านการสนับสนุนความเท่าเทียมในองค์กรของบริษัทฯ ส่งผลให้ซีพีเอฟได้รับการยกย่องในระดับสากล อาทิ รางวัล “UN Women 2022 Thailand WEPs Awards” ในสาขาสถานที่ทำงานที่มีการบริหารจัดการด้านความเสมอภาคทางเพศอย่างเป็นรูปธรรม จากองค์การเพื่อการส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศและเพิ่มพลังของผู้หญิงแห่งสหประชาชาติ (UN Women)

“ซีพีเอฟ ดำเนินธุรกิจโดยยึดหลัก 3 ประโยชน์สู่ความยั่งยืน ได้แก่ ประโยชน์ต่อประเทศชาติ สังคม และองค์กร การสร้างแรงบันดาลใจ ความรู้ ความเข้าใจ กับพนักงานทุกระดับเรื่องการยอมรับความแตกต่าง จะทำให้สังคมของเราน่าอยู่ยิ่งขึ้น ยิ่งไปกว่านี้ การรับฟังมุมมองจากผู้ที่มีความแตกต่างจากเรา จะทำให้เกิดมุมมองใหม่ๆ นวัตกรรมที่หลากหลาย ช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น นำไปสู่การเติบโตของธุรกิจได้อย่างยั่งยืน” นางสาวพิมลรัตน์ กล่าว

ซีพีเอฟ โดย ชมรม LGBTQ+ จัดเวทีเสวนา CPF Spreading Pride 2023 เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งขับเคลื่อนการยอมรับความหลากหลายและแตกต่าง และส่งเสริมความเท่าเทียม (Diversity, Equity, Inclusion) ส่งเสริมการนำศักยภาพสร้างสรรค์พลังบวกคืนสู่สังคม โดยมี นางสาวพิมลรัตน์ รีพัฒนาวิจิตรกุล ประธานผู้บริหาร ทรัพยากรบุคคล เครือซีพี-ซีพีเอฟ พร้อมผู้เชี่ยวชาญจากองค์กรชั้นนำ ได้แก่ นางสราญภัทร อนุมัติราชกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (ก.พม.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และตัวแทนจาก United Nations Development Programme (UNDP) ร่วมแบ่งปันมุมมอง ประสบการณ์ และแนวปฏิบัติที่ดีในการอยู่ร่วมกันด้วยความเคารพซึ่งกันและกัน แก่สมาชิกชมรมฯ และประชาชนที่สนใจ ณ ทรูสเฟียร์ สาขาไอคอนสยาม พร้อมทั้งถ่ายทดสดผ่านระบบออนไลน์ด้วย

ออมสิน ตอบทุกความต้องการเรื่องบ้านด้วย “สินเชื่อเคหะ”

0

การมี “บ้าน” เป็นของตัวเอง นับเป็นความใฝ่ฝันของคนจำนวนไม่น้อย ซึ่งการจะเป็นจริงได้นั้น ต้องอาศัยความตั้งใจ ความอดทน และระยะเวลา เพราะบ้าน ถือเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าสูงสุดในชีวิต การตัดสินใจซื้อ หรือปลูกสร้างบ้าน ย่อมต้องเป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่และสำคัญของชีวิตเลยทีเดียว อีกทั้ง การดูแลรักษา ซ่อมแซม และต่อเติมบ้านที่อยู่อาศัย ถือเป็นภาระค่าใช้จ่ายที่สูงของเจ้าของบ้าน ทำให้ ต้องมีการวางแผนบริหารจัดการเงินให้ดี เพื่อไม่ให้กระทบกับการสถานะทางการเงิน จนเกิดเป็นปัญหาทางด้านการเงินตามมา

นับเป็นโอกาสดีของ เจ้าของบ้าน และคนรักบ้าน ที่ปัจจุบันนี้ได้รับประโยชน์จากเครื่องมือทางการเงินต่างๆ ที่เข้ามาเป็นทางเลือก ช่วยทำให้ความต้องการมีบ้านเป็นของตัวเอง ตลอดจนการซ่อมแซม ต่อเติมบ้าน เป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น

เช่นเดียวกับ “สินเชื่อเคหะ” ของธนาคารออมสิน ซึ่งเข้าใจคนรักบ้าน และตระหนักดีถึงภาระทางการเงินจากบ้าน จึงออกผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ตอบครบทุกความต้องการเรื่องบ้าน โดยเป็นสินเชื่อบ้านที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการทั้งซื้อ / ปลูกสร้าง / ต่อเติมซ่อมแซม ด้วยเงื่อนไขพิเศษให้ผ่อนต่ำ ล้านละ 3,555 บาท/เดือน ระยะเวลานาน 6 เดือนแรก พร้อมอัตราดอกเบี้ยปีแรก 3.140% (MRR-3.855%)

สำหรับผู้กู้ต้องมีคุณสมบัติ คือ มีอายุครบ 20 ปีขึ้นไป และเมื่อรวมอายุผู้กู้กับระยะเวลาที่ชำระเงินกู้ต้องไม่เกิน 70 ปี ประกอบอาชีพและมีรายได้แน่นอน กรณีกู้ร่วมกับบุคคลอื่น มีเงื่อนไขเพิ่มเติม ดังนี้ คือ หากกู้ร่วมกับบุคคลอื่นที่มีความสัมพันธ์เป็นคู่สมรส บุตร บิดา มารดา หรือ พี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน ไม่จำเป็นต้องถือกรรมสิทธิ์ร่วมในหลักประกันทุกคนก็ได้ แต่หากกู้ร่วมกับบุคคลอื่นที่นอกเหนือจากข้างต้นแล้ว ต้องถือกรรมสิทธิ์ร่วมในหลักประกันทุกคน

สามารถติดต่อยื่นกู้สินเชื่อเคหะได้แล้ว เริ่มตั้งแต่วันนี้ – 15 ตุลาคม 2566 อนุมัติและจัดทำนิติกรรมสัญญาแล้วเสร็จ ภายในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2566

ผู้สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/43Pd008 ติดต่อสอบถาม และสมัครขอสินเชื่อได้ที่ธนาคารออมสินทุกสาขา หรือทาง www.gsb.or.th

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ GSB Contact Center โทร. 1115 หรือติดตามข้อมูลข่าวสารได้ที่ www.gsb.or.th และ Facebook: GSB Society

ชัชชาติ ชวนคนไทยส่งใจเชียร์ภารกิจระดับโลกของซีพีเอฟ ‘CP Mission to Space… #ไก่ไทยจะไปอวกาศกับซีพี’

0

กรุงเทพมหานคร และ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ ร่วมเปิดงาน “CP Space Fest – Mission to Space” ชวนคนไทยและคนรุ่นใหม่ย่านสยามสแควร์ ร่วมภาคภูมิใจและส่งพลังใจในภารกิจระดับโลก ‘CP Mission to Space…ไก่ไทยจะไปอวกาศ’ ภารกิจยกระดับมาตรฐานไก่ไทย สู่ มาตรฐานระดับอวกาศ (Space Safety Standard) ซึ่งเป็นมาตรฐานความปลอดภัยด้านอาหารขั้นสูงตามหลักเกณฑ์ความปลอดภัยด้านอาหารขององค์การ NASA โดยกิจกรรมในวันนี้ได้รับเกียรติจาก นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และนายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร ซีพีเอฟ เป็นประธานเปิดในพิธี

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า การที่จะนำอาหารขึ้นไปบนอวกาศไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะนักบินอวกาศต้องการอาหารที่มีความปลอดภัยสูงสุด ผ่านการคัดเลือกอย่างถี่ถ้วนทุกขั้นตอน การนำไก่ไทยขึ้นไปพิชิตอวกาศ นับเป็นก้าวเล็กๆ ที่สำคัญสำหรับอนาคตอาหารของประเทศไทยด้วย เป็นจุดแข็งของคนไทยเรื่องการผลิตอาหารที่มีคุณภาพสูงให้คนทั่วโลก ฉะนั้นการส่งอาหารขึ้นไปบนอวกาศจึงเรื่องที่น่าภูมิใจมาก และขอแสดงความยินดีกับซีพีเอฟในการพัฒนานวัตกรรมเนื้อไก่ไทยแก่นักบินอวกาศช่วยสร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทย และให้ผู้บริโภคทุกคนมั่นใจว่าอาหารไทยมีคุณภาพปลอดภัยสูง

ประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร ซีพีเอฟ

นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร ซีพีเอฟ กล่าวว่า ทางซีพีเอฟ จัดงาน CP Space Fest – Mission to Space ต้องการแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของคนไทย และตอบโจทย์เป้าหมายเป็น “ครัวของโลก” ของประเทศไทย และวันนี้เราจะก้าวต่อไปสู่ เป้าหมายมาตรฐานอวกาศ ที่จะช่วยสร้างชื่อเสียงอาหารไทยเป็นที่รู้จักมากขึ้น เป็นการเพิ่มขีดความสามารถของคนไทย โดยซีพีเอฟขอเป็นต้นแบบในการทำภารกิจส่งไก่ไทยไปอวกาศสำเร็จให้ได้ จึงอยากขอพลังชาวไทยทุกท่านสร้างความภาคภูมิใจในภารกิจนี้ร่วมกัน

ไฮไลท์ของงานซึ่งจัดขึ้น ณ ลาน Block I สยามสแควร์ (Siam Walking Street) เป็นการรวมพลังของคนไทยร่วมแปรอักษรส่งข้อความถึงนักบินอวกาศ และกิจกรรมความสนุกอีกหลากหลาย อาทิ แต่งตัวจัดเต็มตามธีมอวกาศ แชร์และติดแฮชแท็ก #ไก่ไทยจะไปอวกาศ เล่นเกมส์ลุ้นรับรางวัล กิจกรรม Random Dance วงดนตรีเปิดหมวก ขบวนพาเหรดอวกาศโดยเหล่า Drag Queen ที่มาร่วมสร้างสีสัน เรียกความสนใจเป็นอย่างมาก พร้อม 5 Landmark มุมถ่ายภาพแนวอวกาศสุดปัง มินิคอนเสิร์ตจากศิลปินชื่อดังขวัญใจวัยรุ่น ‘โต้ง Twopee’ ‘โอ๊ต-ปราโมทย์ ปาทาน’ จับคู่มากับ ‘ซานิ- นิภาภรณ์ ฐิติธนการ’ และ คู่จิ้นสุดฟิน ‘ซี-พฤกษ์ พานิช’ และ ‘นุนิว-ชวรินทร์ เพริศพิริยะวงศ์’

สำหรับ โครงการ ‘Thai food – Mission to Space’ ซีพีเอฟได้ร่วมมือกับ 2 พันธมิตร คือ บริษัท นาโนแรคส์ (Nanoracks) บริษัทด้านเทคโนโลยีอวกาศสัญชาติอเมริกัน และ บริษัท มิว สเปซ แอนด์ แอดวานซ์ เทคโนโลยี จำกัด (mu Space) ผู้เชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมอวกาศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ความสำเร็จของภารกิจนี้จะเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ว่ามาตรฐานความปลอดภัยของเนื้อไก่แบรนด์ CP ของไทย จะก้าวสู่มาตรฐานความปลอดภัยที่ไม่ใช่แค่ระดับโลก แต่จะเป็นมาตรฐานความปลอดภัยระดับอวกาศ (Space Food Safety Standard) ซึ่งเป็นมาตรฐานตามหลักเกณฑ์ความปลอดภัยด้านอาหารขององค์การ NASA ฝากคนไทยเอาใจช่วยและร่วมภาคภูมิไปกับครั้งแรกของคนไทยที่ผลิตภัณฑ์ของไทยจะไปพิชิตมาตรฐานอวกาศ มาตรฐานความปลอดภัยขั้นสูงสุด

SET in the City 2023 ปักหมุดสามย่าน ดึงคนรุ่นใหม่เรียนรู้การลงทุน

0

รายงานข่าว เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดฉากมหกรรมการลงทุน SET in the City 2023 ชวนมือใหม่ลงทุนเพื่อเป้าหมายในสไตล์ที่เป็นคุณ

สำหรับงานปีนี้ปักหมุดสามย่าน ดึงคนรุ่นใหม่ New Gen เรียนรู้และหาข้อมูลการลงทุน จัดเต็มด้วยเวิร์กชอป วางแผน ตั้งเป้าหมาย การใช้เครื่องมือช่วยเทรด พร้อมอัปเดตผลิตภัณฑ์และพัฒนาการตลาดทุน รวมถึงแชร์ประสบการณ์ตรงจากกูรูผู้รู้จริง และร่วม 40 บูธให้ข้อมูลคำปรึกษาการลงทุน เพื่อเริ่มต้นลงทุนได้อย่างมั่นใจนำไปสู่เป้าหมายได้ตามที่ตั้งใจ โดยมี ภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ฯ เปิดงาน พร้อมด้วยผู้บริหารบริษัทหลักทรัพย์และหน่วยงานที่ร่วมจัดแสดง พบกันที่ SET in the City 2023 วันที่ 8-9 ก.ค. 2566 เวลา 10.00-19.00 น. ชั้น 5 สามย่านมิตรทาวน์ รายละเอียดเพิ่มเติม www.set.or.th/setinthecity

เปิดความสำเร็จ “ธเนศฟาร์ม” เกษตรกรคอนแทรคฟาร์มซีพีเอฟ เลี้ยงหมูขุนพลิกชีวิต สร้างงานสร้างอาชีพมั่นคง

0

“เมื่อก่อนมีอาชีพทำนา กำไรบ้าง ขาดทุนบ้าง แต่ละปีกำหนดไม่ได้ว่าจะได้เงินมากหรือน้อย ขึ้นกับฟ้าฝนน้ำท่าในปีนั้น จนเมื่อเปลี่ยนมาทำฟาร์มหมูขุน ความเป็นอยู่ก็ดีขึ้น มีเงินใช้จ่ายไม่ลำบาก ถ้าไม่ก้าวจากจุดนั้นครอบครัวก็คงไม่มีคุณภาพชีวิตดีแบบนี้” ธเนศ นาคะนิวิษฐ์ เล่าย้อนที่มาก่อนจะมาเป็นเกษตรกรในโครงการส่งเสริมการเลี้ยงสุกรขุน หรือ คอนแทรคฟาร์มมิ่ง (Contract Farming) กับ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ

จากชาวนาที่ยึดอาชีพทำนาหาเลี้ยงครอบครัวมาตลอด และได้หันมาทำฟาร์มเลี้ยงไก่เนื้อเป็นอีกอาชีพเสริมก่อน จนกระทั่งลูกทั้งสองคนเรียนจบนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม แต่ด้วยแนวคิดที่อยากเป็นเจ้าของธุรกิจของตนเอง และเห็นว่าการเลี้ยงหมูเป็นอีกอาชีพที่น่าสนใจจากที่ญาติเลี้ยงหมูกับซีพีเอฟอยู่ก่อน และให้ข้อมูลว่าการเลี้ยงหมูไม่ยุ่งยาก จึงสนใจเปิดฟาร์มหมู โดยมีพ่อธเนศเป็นผู้สนับสนุนลงทุนสร้างโรงเรือนเลี้ยงหมู 2 หลัง ความจุหมู 1,500 ตัว เมื่อปี 2559 และยกให้ลูกทั้งสองรับผิดชอบดูแล ซึ่งการเลี้ยงมีประสิทธิภาพการผลิตดี รายได้น่าพอใจ ทำให้คิดเรื่องการขยายการผลิต แต่ด้วยข้อจำกัดของพื้นที่ จึงตัดสินใจขายโรงเรือนเลี้ยงหมูและโรงเรือนเลี้ยงไก่ให้กับญาติที่เลี้ยงอยู่ก่อนแล้ว เพื่อไปเริ่มต้นสร้าง “ธเนศฟาร์ม” บนพื้นที่กว่า 19 ไร่ ที่ ต.หนองประตู่ อ.เลาขวัญ จ.กาญจนบุรี สร้างฟาร์มหมูขุนจำนวน 5 หลัง ความจุหมูรวม 4,000 ตัว เมื่อปี 2563 โดย พ่อธเนศ และ แม่นุชรี ล้อมวงศ์ มาช่วยกันบริหารงาน

เมื่อถามถึงการตัดสินใจลงทุนทำฟาร์มหมูเป็นเฟสใหญ่เช่นนี้ ธเนศให้เหตุผลว่า เมื่อเทียบกันแล้วการลงทุนเฟสใหญ่จะใช้ต้นทุนต่อตัวถูก ต่ำกว่าเลี้ยงหมูเฟสเล็ก เมื่อผลผลิตที่ได้มากขึ้น ผลตอบแทนจากการลงทุนครั้งใหญ่นี้ก็ปรากฏผลที่น่าพอใจอย่างที่คิดไว้จริงๆ จากนั้นจึงสร้างโรงเรือนเพิ่มอีก 1 หลัง รวมความจุหมูทั้ง 6 โรงเรือนเป็น 4,800 ตัว และยังมีแผนขยายการเลี้ยงต่อไปอีกหากมีพื้นที่ที่เหมาะสม เพราะเห็นแล้วว่าอาชีพนี้มั่นคงและสร้างรายได้ที่น่าพอใจ

“ตลอด 7 ปี ในการเป็นเกษตรกรเลี้ยงหมู ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง ช่วยพลิกชีวิตอดีตชาวนาอย่างผมจากหน้ามือเป็นหลังมือ เราไม่มีกรอบข้อจำกัดเรื่องการเงินก็เพราะอาชีพเลี้ยงหมู ผมกับภรรยา และลูกๆ ช่วยกันปั้นธเนศฟาร์มให้เป็นฟาร์มหมูมาตรฐาน ใส่ใจความปลอดภัยอาหาร การเลี้ยงและการป้องกันโรคที่เข้มงวด อย่างเช่นการคุมเข้มโรค ASF ในหมู ตามมาตรฐานที่บริษัทแนะนำ ทำให้ที่ฟาร์มไม่มีปัญหาเรื่องโรค ความเสียหายในการเลี้ยงต่ำ ได้ผลผลิตที่ดีทำให้รายได้ก็มั่นคงตามไปด้วย ที่สำคัญคือมีบริษัทเข้ามารับความเสี่ยงทั้งหมดและเป็นตลาดรับซื้อผลผลิตให้” ธเนศ กล่าว

ทางด้าน ธนารีย์ นาคะนิวิษฐ์ และ สุภัสสรา มะลิคง ที่รับผิดชอบดูแลกิจการฟาร์มหมูมาตั้งแต่ต้น เล่าเสริมว่า การตัดสินใจทำฟาร์มหมูจากความคิดที่อยากเป็นเจ้านายตัวเอง วันนี้พิสูจน์แล้วว่าอาชีพนี้ตอบโจทย์ความต้องการได้อย่างแท้จริง และการบริหารจัดการฟาร์มก็ไม่ยากนัก แม้ตนเองจะไม่เคยทำมาก่อน แต่ด้วยการเรียนรู้ และได้รับคำปรึกษาจากทีมงานซีพีเอฟ ทำให้สามารถเลี้ยงหมูจนมีผลผลิตที่ดีมาตลอด

ยิ่งปัจจุบันการเลี้ยงมีระบบที่ช่วยสนับสนุนอย่างดี ทั้งเครื่องควบคุมอุณหภูมิ มีการติดตั้งกล้องวงจรปิด CCTV ทั้งภายในและภายนอก ที่สามารถดูความเป็นอยู่ของหมูตลอด 24 ชั่วโมง การให้อาหารด้วยระบบอัตโนมัติ ฟาร์มมีการจัดระเบียบแยกส่วนบ้านพักกับส่วนเลี้ยง เรื่องกลิ่นก็ไม่ต้องกังวลเพราะของเสียในระบบการเลี้ยงทั้งหมด ถูกส่งเข้าระบบไบโอแก๊ส ผ่านกระบวนการหมักจนได้ก๊าซชีวภาพมาเปลี่ยนเป็นกระแสไฟฟ้าใช้ในฟาร์ม ช่วยลดต้นทุนด้านไฟฟ้าในฟาร์มหมูได้ถึง 70-80% ของค่าไฟฟ้าทั้งหมด เรียกว่าทั้งประหยัด ลดกลิ่น และลดโลกร้อนเพราะไม่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกออกสู่บรรยากาศ

“ขอบคุณซีพีเอฟ ที่ผลักดันโครงการคอนแทรคฟาร์ม ที่ช่วยสร้างงานสร้างอาชีพที่มั่นคงให้กับเกษตรกร บริษัทสนับสนุนทุกอย่าง ทั้งเรื่องพันธุ์หมู อาหาร วัคซีนป้องกันโรค ให้ความรู้ และถ่ายทอดเทคโนโลยี เพื่อให้เกษตรกรดูแลให้ผลผลิตออกมาดีที่สุด ซึ่งความสำเร็จจะเกิดได้ก็จากความทุ่มเทของตัวเจ้าของที่ต้องใส่ใจ ขยัน มานะ อดทน มีความรู้เกี่ยวกับงาน และศึกษาให้ถ่องแท้ รวมทั้งทีมงานของเราก็ต้องเป็นทีมเดียวกัน ร่วมกันทำงานให้ได้เป้าหมายที่ตั้งไว้ เชื่อว่าความสำเร็จย่อมเกิดขึ้นได้ไม่ยาก วันนี้พูดได้เต็มปากว่าการเลี้ยงหมูเป็นอาชีพที่ยั่งยืน อยู่กับซีพีเอฟมีความมั่นคง” ธนารีย์ กล่าวอย่างภูมิใจ

ความสำเร็จของ “ธเนศฟาร์ม” เกษตรกรที่ตัดสินใจเลี้ยงหมูขุน จนสามารถพลิกชีวิต สร้างอาชีพมั่นคง เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของเกษตรกรกว่า 5,200 ราย ในโครงการคอนแทรคฟาร์มมิ่งของซีพีเอฟ ที่ถือเป็นข้อต่อสำคัญในห่วงโซ่การผลิตเนื้อสัตว์ปลอดภัย ด้วยมาตรฐานการผลิตที่บริษัทผลักดันให้เกษตรกรทุกคนดำเนินการมาโดยตลอด ทำให้การผลิตเป็นไปอย่างมีขั้นตอน ถูกต้องตามหลักวิชาการ สู่ผลลัพธ์เนื้อสัตว์และอาหารคุณภาพเพื่อผู้บริโภคทุกคน

รู้เก็บรู้ออม : งาน SET IN THE CITY 2023

0

มือใหม่ห้ามพลาด! งาน SET IN THE CITY 2023 สัปดาห์นี้ ไม่พูดถึงไม่ได้ สำหรับงานใหญ่อย่างมหกรรมการเงิน  SET IN THE CITY 2023 ที่ปีนี้ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จัดขึ้น 2 วัน คือวันที่ 8 และ 9 กรกฎาคม 2566 ที่ชั้น 5 สามย่านมิตรทาวน์ฮอลล์

งาน SET IN THE CITY ในแต่ละปี จะจัดในคอนเซปต์ที่แตกต่างกันไป สำหรับคอนเซปต์งานปีนี้ คือ “เริ่มลงทุนเพื่อเป้าหมาย ในสไตล์ที่เป็นคุณ” เพื่อทำให้เรารู้จักตัวเอง กำหนดเป้าหมาย วางแผนการเงิน และแนวทางการลงทุนที่ตรงกับสไตล์ตัวเอง

สาเหตุที่ทำให้งาน SET IN THE CITY ครองใจนักลงทุนมายาวนานและทุกปีมีผู้สนใจเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก ก็เพราะว่าเป็นงานที่ให้ความรู้ด้านการเงินการลงทุนกันแบบจัดเต็ม ตอบโจทย์ความต้องการของนักลงทุนได้ดี ผ่านการจัดสัมมนาในหัวข้อที่น่าสนใจ ตลอดจนกิจกรรมต่างๆภายในงานที่จัดขึ้นอย่างเข้าใจถึงความต้องการของผู้เข้าชมงาน

นอกจากนี้ ยังเป็นการรวมตัวของเหล่าบรรดาตัวจริงเสียงจริงที่เป็นกูรูในแวดวงการเงินการลงทุนมาถ่ายทอดความรู้ แชร์ประสบการณ์การลงทุนให้ฟังกัน

และแน่นอนว่า ปีนี้ SET in the City 2023 ก็ไม่พลาดที่จะนำผู้เชี่ยวชาญในหลากหลายสาขา มาพบปะ พูดคุย ผู้เข้าชมงานจะได้พบกับคุณเอ ศักดา จาก A Academy & Avenger Planner, เคน จักรกฤษณ์ จากเพจ Money Buffalo, เฟิร์น ศิรัถยา จากเพจ Wealth Me Up, สุรเชษฐ์ เศรษฐพัชรกุล (เคน PV Trader), นิ้งโป้ง อธิป กีรติพิชญ์ นักลงทุน VI, เนย Stock JourNoey, โอมสิริ วีระกุล เพจออฟฟิศ 0.4, ยศสรัล พิเชียรสุนทร (ยศ เด็กการเงิน), พี่หนู แม่บ้านเงินล้าน , ดร.มานะ นิมิตรวานิช KTB, ทีน่า สุภัททกิต, คริส TraderKP ผ่านการสัมมนา-เสวนา ที่อัดแน่นเนื้อหาความรู้เรื่องลงทุนตลอดงาน 2 วันเต็ม

“คุณนายพารวย” ขอบอกว่า มาเดินงานนี้ต้องไม่กลับไปมือเปล่าแน่นอน เพราะ บล. และ บลจ. ชั้นนำทั่วไทยจะยกทัพนักวิเคราะห์มาแนะหุ้น-กองทุนเด่น แนะนำทางลัดช่วยเทรด รู้จักเครื่องมือลงทุนง่ายๆใน 20 นาที

และยังจะได้พบกับ 35 บูธการลงทุนที่นำผู้เชี่ยวชาญมาช่วยแนะนำทำให้เราเริ่มลงทุนได้อย่างมั่นใจ พร้อมกับโปรโมชันพิเศษเฉพาะงานนี้สำหรับผู้ที่เปิดบัญชีลงทุนอีกด้วย

นอกจากสายลงทุนที่ห้ามพลาดแล้ว สายรีวิว ก็ต้องมา ยิ่งปีนี้ ผู้จัดงานจัดกิจกรรมพิเศษ “รีวิวดี มีรางวัล” เพียงโพสต์วิดีโอรีวิวงาน SET IN THE CITY 2023 แชร์เรื่องราวการลงทุนดีๆ บน Facebook IG หรือ TikTok แล้วติดแท็ก @setthailand และ #SETinthecity2023 คลิปไหนยอดวิวสูงสุดมีสิทธิ์ได้รับรางวัล โดยรางวัลที่ 1 เป็น AirPods (3rd gen) มูลค่า 6,990 บาท 1 รางวัล, รางวัลที่ 2 ลำโพง Marshall Willen Black and Brass มูลค่า 3,990 บาท 1 รางวัล และรางวัลที่ 3 Gift Voucher Central มูลค่า 500 บาท 5 รางวัล

เสาร์อาทิตย์นี้ 8-9 กรกฎาคม 2566 ไปเติมความรู้และหาโอกาสการลงทุนให้กับตัวเองได้ในงาน SET in the City 2023 ที่สามย่านมิตรทาวน์ฮอลล์ ชั้น 5 ตั้งแต่เวลา 10.00-19.00 น. สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมและลงทะเบียนล่วงหน้าได้ที่ http://www. set.or.th/setinthecity

สำหรับผู้ที่ลงทะเบียนล่วงหน้า รับฟรี หนังสือ Wealth Design และกระเป๋า #investnow.

คุณนายพารวย

ที่มา คอลัมน์ "รู้เก็บรู้้ออมรู้ใช้รู้ลงทุน..สู่ความมั่งคั่ง"  หน้าเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ