Home Blog Page 136

รู้เก็บรู้ออม : ตามล่าขุมทรัพย์กับ INVESTORY

0

คุณสมบัติข้อหนึ่งที่นักลงทุนและผู้สนใจเรื่องการเงินการลงทุนต้องมี คือการหมั่นเติมความรู้เรื่องการเงินการลงทุนให้กับตัวเอง ซึ่งในยุคสมัยปัจจุบันนี้การเข้าถึงแหล่งความรู้ต่างๆ ทำได้ง่ายกว่าแต่ก่อนมาก

“คุณนายพารวย” เคยแนะนำให้คุณผู้อ่านรู้จักแหล่งเรียนรู้สำคัญที่หนึ่ง นั่นคือ “INVESTORY พิพิธภัณฑ์เรียนรู้การลงทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย” ซึ่งได้มีการเปลี่ยนลุค ปรับโฉมใหม่ให้ดูสดใส ทันสมัย และปรับปรุงพื้นที่ให้กว้างขวางขึ้น จนที่ผ่านมามีผู้คนให้ความสนใจ แวะเวียนไปเยี่ยมชมสถานที่นี้เป็นจำนวนมากทีเดียว

INVESTORY ตั้งอยู่ที่ชั้นใต้ดินของอาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย บนถนนรัชดาภิเษก สามารถเดินทางไปสะดวกสบายด้วยรถไฟใต้ดิน MRT ลงสถานีศูนย์วัฒนธรรมฯ ใช้ทางออกหมายเลข 3 ที่นี่เปิดให้บริการทุกวัน ยกเว้นวันจันทร์ ตั้งแต่เวลา 09.30-17.00 น.

พิพิธภัณฑ์เรียนรู้การลงทุนแห่งแรกของประเทศไทยแห่งนี้ นอกจากจะทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ที่สำคัญแล้ว ยังเป็นสถานที่ที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจในการวางแผน การเงินและการลงทุนให้กับเยาวชนและประชาชนทั่วไปที่สนใจเรื่องการลงทุนอีกด้วย

โดยนำเสนอความรู้ด้วยการเล่าเรื่องผ่านตัวละครที่มีทั้งฮีโร่ และศัตรูตัวร้ายทางการเงิน เพื่อถ่ายทอดเนื้อหาความรู้ในเรื่องของหุ้น ตราสารหนี้ กองทุนรวม และอนุพันธ์ ตลอดจนการใช้สื่อการเรียนรู้ และเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาสร้างความน่าสนใจ และสนุกสนานเพลิดเพลินไปกับการเรียนรู้

ล่าสุด INVESTORY กำลังจะมีกิจกรรมพิเศษ Online INVESTORY Mobile Exhibition on Schools ปี 2566 ภายใต้แนวคิด “INVESTORY Investment Adventure ตามล่าขุมทรัพย์ลงทุน” ตลาดหลักทรัพย์ฯจึงอยากชักชวนให้สถาบันการศึกษาและครูอาจารย์พานักเรียนระดับมัธยมศึกษาและอาชีวศึกษาทั่วประเทศมาเปิดประสบการณ์เรียนรู้ด้านการเงินการลงทุนกับกิจกรรมครั้งนี้

เพราะความรู้และประสบการณ์ด้านการออม การลงทุนนั้น ถือว่าเป็นทักษะสำคัญที่เราควรส่งเสริมและปลูกฝังให้กับเยาวชนไทย เพื่อที่จะได้เติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่มีวินัยการเงิน รู้จักวางแผนการเงินการลงทุนให้กับตัวเองได้ต่อไป

กิจกรรมครั้งนี้จัดขึ้นในรูปแบบออนไลน์ น้องๆนักเรียนสามารถเข้าร่วมอบรมผ่านโปรแกรม Zoom ระหว่างวันที่ 15–25 ส.ค.2566 โดยจะได้พบกับฮีโร่ทางการเงินที่จะมาให้ความรู้ผ่านควิซและเกมที่หลากหลาย เพื่อเรียนรู้และทำความเข้าใจอย่างสนุกสนาน ตลอดกิจกรรม 90 นาที พร้อมลุ้นรับของรางวัลมากมาย

สถาบันการศึกษาที่สนใจสามารถสมัครเข้าร่วมฟรี!! ได้แล้วตั้งแต่วันนี้-15 ส.ค. 2566 โดยเข้าไปเลือกรอบวันและเวลาอบรมได้ที่ https://gowatch.live/INVESTORYregister หรือหากมีข้อสงสัย ต้องการสอบถามเพิ่มเติมติดต่อได้ที่อีเมล [email protected]

คุณนายพารวย

ที่มา คอลัมน์ "รู้เก็บรู้ออมรู้ใช้รู้ลงทุน...สู่ความมั่งคั่ง"   หน้าเศรษฐกิจ  หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ก.ล.ต. สั่งเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของบล. เอเชีย เวลท์

0

คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (คณะกรรมการ ก.ล.ต.) มีคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า แบบ ส-1 ของบริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ จำกัด โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคม 2566 ด้วยเหตุที่ไม่สามารถดำรงคุณสมบัติการเป็นผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าได้ตามกฎหมายที่กำหนด

ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ตรวจสอบพบข้อเท็จจริงว่า บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ จำกัด (บริษัท) ไม่สามารถดำรงคุณสมบัติการเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า แบบ ส-1 จากกรณีที่บริษัทไม่สามารถดำรงเงินกองทุนสภาพคล่องสุทธิ (NC) ได้ตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. กำหนด ตั้งแต่วันที่ 14 พฤศจิกายน 2565 เป็นต้นมา และบริษัทไม่สามารถแก้ไขปัญหาการดำรง NC ได้ อันเป็นการไม่ปฏิบัติตามข้อ 9(3) ของประกาศคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่ กธ/น/ข. 14/2551 เรื่อง การอนุญาตการประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ลงวันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551 เป็นผลให้บริษัทไม่สามารถดำรงคุณสมบัติการเป็นผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า แบบ ส-1 ได้ตามข้อ 13(3) ของประกาศฉบับเดียวกัน 

คณะกรรมการ ก.ล.ต. จึงมีคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า แบบ ส-1 ของบริษัท เนื่องจากบริษัทไม่สามารถดำรงคุณสมบัติการเป็นผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า แบบ ส-1 โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคม 2566 เป็นต้นไป

ทั้งนี้ ก.ล.ต. มีบทบาทในการกำกับดูแลให้ผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าปฏิบัติเป็นไปตามกฎหมายและกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง โดยผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าจะต้องดำรงคุณสมบัติตามที่กฎหมายกำหนดตลอดเวลาที่ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า รวมทั้งมีความพร้อมในการรองรับการประกอบธุรกิจเพื่อการให้บริการโดยยึดหลักประโยชน์ของผู้ลงทุนเป็นสำคัญ

ตลาดหลักทรัพย์ฯ จับมือ เอกชน-หน่วยงานรัฐภาคตลาดทุน ประกาศเจตนารมณ์ “ร่วมมือ-จับปลอมหลอกลงทุน”

0

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จับมือพันธมิตรภาคตลาดทุน องค์กรธุรกิจ และหน่วยงานรัฐ ได้แก่ ก.ล.ต. สภาธุรกิจตลาดทุนไทย สมาคมธนาคารไทย สมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย สมาคมบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย สมาคมบริษัทจัดการลงทุน กองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ประเทศไทย กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ประกาศเจตนารมณ์ “ร่วมมือ-จับปลอมหลอกลงทุน” 24 ก.ค. 2566 แลกเปลี่ยนข้อมูล ตรวจสอบและชี้เป้าข่าวปลอม พร้อมรณรงค์เตือนตอกย้ำประชาชนสร้างภูมิคุ้มกันด้วยสติ เพื่อไม่ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพหลอกลงทุน พร้อมเชิญวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์เพื่อหาทางออกในการจับปลอมหลอกลงทุน ในเสวนา “รู้ทันหลอกลงทุน ด้วยภูมิคุ้มกันความลวง” โดย นายเวทางค์ พ่วงทรัพย์ รองปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) นายวิกรม กรมดิษฐ์ ประธานกรรมการ บมจ. อมตะ คอร์ปอเรชัน นายพิเชษฐ สิทธิอำนวย นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย นางชวินดา หาญรัตนกูล นายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน นายรองรักษ์ พนาปวุฒิกุล รองผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

ภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากสถานการณ์ปัจจุบันปัญหามิจฉาชีพชักชวนลงทุนผ่านสื่อโซเชียลมีเดียมีเป็นจำนวนมาก มีการแอบอ้างองค์กร ชื่อ ภาพ ผู้บริหารของหลายหน่วยงาน ร่วมทั้งบุคคลที่มีชื่อเสียง เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ หลอกลวงให้มาลงทุน สร้างความเสียหายแก่ประชาชน ส่งผลกระทบต่อทั้งเศรษฐกิจและสังคมในวงกว้าง ตลาดหลักทรัพย์ฯ ในฐานะแพลตฟอร์มการลงทุนของประเทศ จึงได้ร่วมกับหน่วยงานภาคตลาดทุน ริเริ่มโครงการ “ร่วมมือ-จับปลอมหลอกลงทุน” โดยในเฟสแรก จะร่วมกันสื่อสารโดยตีแผ่ข้อเท็จจริง ชี้เป้าข่าวเท็จ ควบคู่ไปกับการให้ความรู้สร้างภูมิคุ้มกันให้ผู้ลงทุนและประชาชนไม่ให้เป็นเหยื่อมิจฉาชีพ ผ่านช่องทางของพันธมิตร และสื่อในหลากหลายรูปแบบที่เข้าถึงประชาชนในวงกว้าง และในเฟสถัดไปจะมีการบูรณาการการทำงานร่วมกันทั้งภาคตลาดทุนและหน่วยงานภาครัฐ เพื่อพัฒนากระบวนการในการจับปลอมหลอกลงทุนได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

นายธวัชชัย พิทยโสภณ รองเลขาธิการ รักษาการแทนเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า กลโกงหลอกให้ลงทุนทางออนไลน์เป็นหนึ่งในภัยคุกคามซึ่งสร้างความเสียหายต่อประชาชนจำนวนมาก โดยมักแอบอ้างชื่อหรือโลโก้ของ ก.ล.ต. หน่วยงาน บริษัท รวมถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องในภาคตลาดทุน ผ่านโซเชียลมีเดียต่างๆ ทั้งนี้ ก.ล.ต. ตระหนักถึงปัญหาของภัยหลอกลวงที่ขยายวงกว้างมากขึ้นในปัจจุบันและที่ผ่านมา
ได้ดำเนินการในหลายมิติเพื่อคุ้มครองผู้ลงทุนและประชาชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ได้รับข้อมูลที่เพียงพอและสามารถปกป้องตนเองจากภัยดังกล่าว โดย ก.ล.ต. มีความยินดีอย่างยิ่งกับการริเริ่มโครงการ “ร่วมมือ-จับปลอมหลอกลงทุน” ซึ่งแสดงให้
เห็นถึงความเอาจริงเอาจังของทุกภาคส่วนที่จะช่วยกันป้องปรามการหลอกลงทุน

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย กล่าวว่า ปัญหามิจฉาชีพหลอกลงทุนเริ่มมีมากขึ้นเรื่อย ๆ การแก้ไขปัญหาและการป้องกันไม่สามารถจัดการได้โดยบุคคลหรือองค์กรที่ถูกแอบอ้างโดยลำพัง หรือเป็นปัญหาขององค์กรใดองค์กรหนึ่งเท่านั้น แต่ต้องทำทั้งกระบวนการตั้งแต่การป้องปรามและปราบปรามไปพร้อมกัน การที่องค์กรต่าง ๆ ในตลาดทุนและภาครัฐ ร่วมกันขับเคลื่อนโครงการ “ร่วมมือ-จับปลอมหลอกลงทุน” นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการช่วยกันแก้ไขปัญหา ลดความสูญเสียทางเศรษฐกิจ ไม่ให้ประชาชนตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ

นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า สมาคมธนาคารไทยและธนาคารสมาชิก ตระหนักถึงผลกระทบจากภัยทางการเงิน และการหลอกลงทุน โดยเฉพาะ “แชร์ลูกโซ่” ที่แฝงมาในชื่อ “การออม” หรือ “การลงทุน” สร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจร้ายแรง จึงได้ร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ออกมาตรการป้องกันภัยทางการเงินอย่างต่อเนื่อง ทั้งมาตรการป้องกัน เช่น ยกเลิกส่ง SMS อีเมลล์ แนบลิงก์ แจ้งเตือนผู้ใช้บริการ Mobile Banking ก่อนทำธุรกรรมทุกครั้ง สแกนใบหน้ายืนยันตัวตนก่อนโอนเงินเกิน 5 หมื่นบาทขึ้นไปต่อครั้ง หรือ ยอดโอนสะสมครบทุก 2 แสนบาทต่อวันต่อบัญชี หรือ ปรับเพิ่มวงเงินโอนตั้งแต่ 5 หมื่นบาทขึ้นไป มาตรการตรวจจับและติดตาม พัฒนาระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลทุจริตในภาคธนาคาร (Central Fraud Registry) เพื่อตรวจสอบธุรกรรมต้องสงสัยและบัญชีม้า ช่วยป้องกันและจำกัดความเสียหายได้เร็วขึ้น และมาตรการตอบสนองและรับมือ โดยจัดให้มีช่องทางติดต่อเร่งด่วน (Hotline) 24 ชั่วโมง ตลอด 7 วัน เพื่อจัดการปัญหาให้ผู้เสียหายได้เร็วขึ้น นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับการสร้างเกราะป้องกันภัย ด้วย “การให้ความรู้ทางการเงิน” กับประชาชนทุกกลุ่ม อย่างไรก็ตาม การป้องกันภัยต้อง “เริ่มต้นที่ตัวเรา” ประชาชนต้องหมั่นเช็กข้อมูลธุรกรรมการเงินของตัวเองสม่ำเสมอ วิเคราะห์และตรวจสอบข้อมูลให้รอบด้านทุกครั้งก่อนลงทุน ติดตามข่าวสารภัยทางการเงินอย่างต่อเนื่อง เพื่อรู้เท่าทันกลโกง ไม่ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ

นางสาวอังคณา เทพประเสริฐวังศา เลขาธิการและผู้อำนวยการ สมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย กล่าวว่า บริษัทจดทะเบียนถูกมิจฉาชีพนำไปแอบอ้างในการหลอกลงทุน สร้างความเสียหายแก่ประชาชนที่หลงเชื่อ ขณะเดียวกัน บริษัทจดทะเบียนก็นับเป็นผู้เสียหายเช่นกัน โดยเฉพาะในเชิงความน่าเชื่อถือ สมาคมฯ ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าวและจะสื่อสารไปยังบริษัทจดทะเบียนให้ร่วมรณรงค์สร้างความเข้าใจแก่ประชาชน ควบคู่ไปกับการดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมาย

นายวิรัฐ สุขชัย นายกสมาคมบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ กล่าวว่า จากสถานการณ์มิจฉาชีพหลอกลงทุนในปัจจุบัน ด้านผู้ประกอบการที่ถูกแอบอ้างไปหลอกเงินจากประชาชน ต้องมีแนวทางป้องกันไม่ให้ใครมาแอบอ้างโดยประกาศให้สาธารณชนได้รับทราบ รวมถึงดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด ขณะเดียวกันประชาชนก็ต้องปกป้องเงินของตนเองไม่ให้ใครมาหลอกลวง โดยสังเกตข้อพิรุธต่าง ๆ จากการโฆษณาชวนเชื่อสัญญาผลตอบแทนที่ไม่มีทางเป็นไปได้ ซึ่งสมาคมฯ จะร่วมสร้างภูมิคุ้มกันให้ทั้งบริษัทจดทะเบียนและประชาชนทั่วไปเพื่อลดความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นจากภัยหลอกลงทุนดังกล่าว

นายพิเชษฐ สิทธิอำนวย นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย กล่าวว่า ปัจจุบัน ประชาชนมีความสนใจเรียนรู้และลงทุนเพิ่มขึ้นเพื่อเป้าหมายทางการเงิน ซึ่งเป็นเรื่องดีเพียงแต่ต้องเลือกลงทุนอย่างระมัดระวัง เนื่องจากในโลกออนไลน์โดยเฉพาะสื่อโซเชียลมีมิจฉาชีพแฝงตัวอยู่จำนวนมาก ประชาชนต้องพิจารณาว่าเป็นบริษัทที่มีการรับรองอย่างถูกต้อง รวมทั้งวิเคราะห์ข้อมูลและผลตอบแทนที่เชิญชวนว่าน่าเชื่อหรือไม่ โดยสมาคมฯ และบริษัทหลักทรัพย์จะร่วมสื่อสารแจ้งเตือนประชาชนผ่านช่องทางต่างๆ ต่อเนื่อง

นางชวินดา หาญรัตนกูล นายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน กล่าวว่า ปัจจุบันมีการโฆษณาเชิญชวนหลอกให้มาลงทุนในกองทุนรวมจำนวนมากโดยให้ผลตอบแทนสูงเกินจริงภายในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งการโฆษณาดังกล่าวไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับบริษัทจัดการลงทุนแต่อย่างใด โดยผู้ประกอบธุรกิจการจัดการลงทุนต้องได้รับอนุญาตจากสำนักงาน ก.ล.ต. เท่านั้น และการโฆษณาเชิญชวนให้คนมาลงทุนในกองทุนรวมต้องอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ที่ ก.ล.ต. กำหนด ดังนั้น ประชาชนผู้พบเห็นโฆษณาหลอกลงทุนในกองทุนรวมต่าง ๆ ไม่ว่าจะแอบอ้างบริษัทหรือผู้บริหารท่านใด อย่าได้หลงเชื่อเป็นอันขาด

นายชนันต์ ชาญชัยณรงค์ ผู้จัดการกองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน (CMDF) กล่าวว่า หนึ่งในพันธกิจสำคัญของ CMDF คือการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับตลาดทุน การลงทุน และการพัฒนาตลาดทุนให้แก่ผู้ลงทุนและประชาชน โดย CMDF สนับสนุนทุนในโครงการให้ความรู้ประชาชนผ่านสื่อหลากหลายรูปแบบที่เข้าถึงประชาชนทุกเพศทุกวัย รวมทั้งโครงการเกี่ยวกับการเสริมภูมิคุ้มกันในเรื่องหลอกลงทุนแก่ประชาชนในวงกว้างที่จะเริ่มเผยแพร่ในเร็วๆ นี้

ขอเชิญประชาชน “ร่วมมือ-จับปลอมหลอกลงทุน” เช็ก ชี้ แฉ หากพบเห็นการเชิญชวนลงทุนโดยให้ผลตอบแทนสูงเกินจริงภายในระยะเวลาสั้น ๆ หรือแอบอ้างองค์กรและบุคคลที่มีชื่อเสียง อย่าเพิ่งหลงเชื่อร่วมลงทุน และตรวจสอบข้อมูลอย่างรอบคอบ โดยโปรดสอบถามที่องค์กรที่ถูกอ้างถึงโดยตรง หรือตรวจสอบรายชื่อบุคคล ผู้ประกอบธุรกิจหรือบริการทางการเงินว่าได้รับอนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแล

AIS – GC เฟ้นหาสุดยอด มหาวิทยาลัยสีเขียว กับโครงการ “Green University ทิ้ง เทิร์น ให้โลกจำ”

0
ชวนนิสิต นักศึกษา 11 สถาบันชั้นนำ ร่วมภารกิจรักษ์โลก เก็บ E-waste และขยะพลาสติก ชิงทุนการศึกษาพร้อมถ้วยรางวัล Upcycling ที่ผลิตจากพลาสติกใช้แล้วและขยะ E-waste
จากความร่วมมือระหว่าง AIS และ GC ในการเป็นพันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์เพื่อนำดิจิทัลเทคโนโลยีเข้ายกระดับและสร้างต้นแบบองค์กรที่ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนในทุกมิติตามแนวคิด ESG ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม วันนี้ทั้ง 2 องค์กรได้สานต่อความร่วมมือ มุ่งสร้างการมีส่วนร่วมส่งต่อไปยังเครือข่ายมหาวิทยาลัยด้วยเทคโนโลยีโซลูชันสีเขียว กับโครงการ “Green University ทิ้ง เทิร์น ให้โลกจำ” ชวนนิสิต นักศึกษา และบุคลากรจากมหาวิทยาลัยชั้นนำ 11 แห่ง จากกรุงเทพฯ และเขตปริมณฑล เข้าร่วมการแข่งขันภารกิจเก็บขยะเพื่อโลกทั้งขยะอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านแอปพลิเคชัน E-Waste + และขยะพลาสติกผ่าน GC YOUเทิร์น ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการบริหารจัดการพลาสติกใช้แล้ว เพื่อลดปัญหาขยะพลาสติกอย่างครบวงจร เฟ้นหาสุดยอดสถาบันสีเขียว ชิงทุนการศึกษา พร้อมถ้วยรางวัล Upcycling ที่สร้างคุณค่าจากพลาสติกใช้แล้ว และขยะ E-waste

นางสายชล ทรัพย์มากอุดม รักษาการหัวหน้าหน่วยธุรกิจประชาสัมพันธ์และธุรกิจสัมพันธ์ AIS กล่าวว่า “นอกเหนือจากการทำงานร่วมกันระหว่างเราและ GC ในด้านการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนแล้ว วันนี้เรายังมีภารกิจร่วมกันในการสร้างการมีส่วนร่วมกับผู้บริโภคและลูกค้าเพื่อขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาด้านการจัดการขยะทั้งขยะพลาสติกและขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่ AIS ให้ความสำคัญมาอย่างต่อเนื่อง ผ่านแคมเปญ Green University ทิ้ง เทิร์น ให้โลกจำ ที่วันนี้เราได้ชวนกรีนพาร์ทเนอร์กับมหาวิทยาลัยชั้นนำทั้ง 11 แห่ง มาเข้าร่วมแข่งขันการเก็บรวบรวมขยะอิเล็กทรอนิกส์และพลาสติกที่ใช้แล้ว นับเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่เราไม่ได้ต้องการผลลัพธ์ในเชิงปริมาณจากจำนวนขยะที่น้องๆ นิสิต นักศึกษา เก็บได้เท่านั้น แต่เราต้องการสร้างจิตสำนึกและส่งเสริมให้คนรุ่นใหม่ตระหนักและเข้าใจถึงปัญหาด้านการจัดการขยะอย่างอย่างยั่งยืน ทั้งกระบวนการคัดแยก ไปจนถึงการรีไซเคิลอย่างถูกวิธี ซึ่งจะมีส่วนช่วยในการแก้ไขปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน”

ขณะที่ ดร.ชญาน์ จันทวสุ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานความยั่งยืน บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC กล่าวว่า “การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนของ GC นั้น เราให้ความสำคัญกับสมดุล ESG มาอย่างต่อเนื่อง โดยได้นำหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน หรือ Circular Economy มาปรับใช้ในธุรกิจ และยกระดับสร้างแนวทางปฏิบัติไปสู่ภาคสังคม พร้อมร่วมมือกับพันธมิตรที่มีเป้าหมายเดียวกันอย่าง AIS ในการต่อยอดพัฒนาด้านความยั่งยืนด้วยการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาเป็นหนึ่งในเครื่องมือสู่เป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ หรือ Net Zero ในปี 2593 จนถึงความร่วมมือในวันนี้เป็นการต่อยอดความร่วมมือด้านความยั่งยืนของทั้ง AIS และ GC ภายใต้โครงการ “Green University ทิ้ง เทิร์น ให้โลกจำ” จึงเป็นการขยายเครือข่าย ส่งต่อแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน สร้างการมีส่วนร่วมให้กับน้องๆ นิสิต -นักศึกษา และบุคลากรของทั้ง 11 มหาวิทยาลัย ในการจัดการพลาสติกใช้แล้วผ่าน GC YOUเทิร์น แพลตฟอร์ม สนับสนุนการนำพลาสติกใช้แล้วจากครัวเรือน ส่งกลับมาเป็นวัตถุดิบและกลับเข้าสู่วงจรการผลิตอีกครั้ง ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และลดโลกร้อนไปพร้อมๆกัน”

โครงการ “Green University ทิ้ง เทิร์น ให้โลกจำ” เป็นกิจกรรมที่ AIS และ GC ชวนมหาวิทยาลัยชั้นนำในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลทั้ง 11 แห่งได้แก่ มหาวิทยาลัยมหิดล,มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ , มหาวิทยาลัยสวนดุสิต, มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ, สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง,มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี, มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม, มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช, มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

เพื่อเข้าร่วมการแข่งขันการเก็บรวบรวมขยะ ทั้งขยะอิเล็กทรอนิกส์ผ่านแอปพลิเคชัน ทั้ง E-Waste + และขยะพลาสติกผ่าน YOUเทิร์น แพลตฟอร์ม ซึ่ง นิสิต นักศึกษา สามารถนำขยะอิเล็กทรอนิกส์และพลาสติกใช้แล้วมาทิ้งที่จุดรับทิ้งขยะ โดยมีอาสาสมัครอย่าง Green Agent เป็นผู้บันทึกผลการเก็บขยะรวมถึงยังให้คำแนะนำในการคัดแยกขยะอย่างถูกวิธี

สำหรับมหาวิทยาลัยที่เข้าร่วมโครงการฯ จะได้เรียนรู้กระบวนการจัดการขยะทั้งขยะอิเล็กทรอนิกส์และขยะพลาสติกอย่างถูกต้องผ่านการอบรมให้ความรู้ กิจกรรม Workshop รวมถึงการศึกษาดูงานด้านสิ่งแวดล้อม โดยมหาวิทยาลัยที่สามารถเก็บขยะทั้ง E-Waste และพลาสติกใช้แล้วได้จำนวนสูงสุดจะได้รับรางวัลทุนการศึกษา รวมกว่า 60,000 บาท พร้อมถ้วยรางวัล Upcycling ผลิตจากขยะพลาสติก และขยะ E-waste โดยการแข่งขันจะเริ่มตั้งแต่วันนี้ – 15 ตุลาคม 2566 สามารถติดตามและอัพเดทผลการแข่งขันของน้องจากทั้ง 11 มหาวิทยาลัยได้ทาง https://web.facebook.com/YOUTURNPLATFORM

ออมง่าย ทุนไม่หาย แถมลุ้นรางวัล ผ่าน Mymo กับ “สลากออมสินดิจิทัล 1 ปี”

0

? เริ่มต้นออมเงินง่ายๆ ทุนไม่หาย แถมได้รับดอกเบี้ยเพิ่ม พร้อมให้ลุ้นรับเงินรางวัลกันแบบยาวๆ กับสลากออมสินดิจิทัล 1 ปี ฝากเลยง่ายๆที่ MyMo…

? รับดอกเบี้ยเพิ่ม 0.25% ต่อปี
? ลุ้นเพิ่ม รางวัลพิเศษ รางวัลละ 100,000 บาท จำนวน 20 รางวัล (ออกรางวัลทุกๆ 3 เดือน รวม 40 รางวัล)
? พร้อมลุ้นรางวัลที่ 1 มูลค่า 3 ล้านบาท

? ดอกเบี้ยและเงินรางวัลไม่เสียภาษี
? ออกรางวัลพิเศษ รวม 2 ครั้ง ครั้งละ 20 รางวัล (ในวันที่ 16 ส.ค. 66 และ 16 พ.ย. 66)

จุดเด่น

สลากดิจิทัล อายุ 1 ปี งวดที่ 18 หน่วยละ 20 บาท มีสิทธิถูกรางวัลทุกเดือนเป็นเวลา 12 เดือน รางวัลที่ 1 มูลค่ารางวัล 3 ล้านบาท และรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย เงินรางวัลและดอกเบี้ยของบุคคลธรรมดา ไม่เสียภาษีฝากครบอายุจะโอนเงินต้นและดอกเบี้ยเข้าบัญชีเงินฝากที่เป็นบัญชีคู่โอนโดยอัตโนมัติ

ครบอายุได้รับเงินต้นคืน

ลุ้นรางวัลได้ทุกเดือน รางวัลที่ 1 : 3 ล้านบาท และรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย

มูลค่าการลงทุนต่อหน่วยไม่มาก

สามารถตั้งชื่อนามแฝงได้ตามที่ต้องการ (ไม่เกินจำนวนตัวอักษรและวรรคที่ธนาคารกำหนด)

? ฝากเลยที่ MyMo
ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 66 เป็นต้นไป หรือจนกว่าธนาคารจะมีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขที่กำหนดไว้ภายหลัง

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม > https://bit.ly/43tRjSd
? เงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด ?

เมืองไทยประกันชีวิต จับมือ ท็อปส์ ชวนสมาชิกเมืองไทยสไมล์คลับ ช้อปคุ้ม ลดทุกวัน

0

นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการตอกย้ำเป้าหมายในการเป็นองค์กรที่มุ่งเน้นการส่งมอบความสุขและรอยยิ้มให้แก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ผ่านกลยุทธ์ “Happiness Reinvented” เพราะความสุขคือทุกอย่าง…ร่วมสร้างความสุขสไตล์คุณไปกับเมืองไทยประกันชีวิต พร้อมเป็นคู่คิดด้านชีวิตและสุขภาพที่ลูกค้าวางใจ ด้วยผลิตภัณฑ์ บริการ และนวัตกรรม ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้บริโภค ครอบคลุมทุกเพศทุกวัย ทุกกลุ่มเป้าหมาย ทุกไลฟ์สไตล์ และทุกบทบาทของชีวิตที่ต้องรับผิดชอบ

ล่าสุด “เมืองไทยประกันชีวิต” ร่วมกับ “ท็อปส์” พันธมิตรชั้นนำด้านการช้อปปิ้ง มอบสิทธิพิเศษแด่สมาชิกเมืองไทยสไมล์คลับ ชวนเปิดประสบการณ์ช้อปแบบรู้ใจ หรือเลือกช้อปแบบราคาประหยัดแลกคะแนนสะสมรับส่วนลดแทนเงินสดบน MTL Click Application โดยมีรายละเอียดดังนี้
• ช้อปแบบรู้ใจ ช้อปให้เฉพาะคุณ สิทธิพิเศษสำหรับสมาชิกฯ ที่ช้อปสินค้าราคาปกติครบ 1,500 บาทขึ้นไป/ใบเสร็จ ผ่านบริการผู้ช่วยนักช้อปส่วนตัว (Personal Shopper) รับส่วนลด 5% พร้อมฟรีค่าจัดส่ง สามารถรับสิทธิ์ได้ทาง MTL Click Application แบบไม่ต้องใช้คะแนนสะสม Smile Point และใช้สิทธิ์ได้ที่ Line Personal Shopper ของ Tops, Tops Food Hall และ Tops Fine Food สาขาที่ให้บริการ ระยะเวลารับสิทธิ์ วันนี้ – 15 กันยายน 2566 จำกัดจำนวน 500 สิทธิ์ ตลอดโครงการเท่านั้น
• ช้อปแบบชิลๆ เน้นคุ้มค่าราคาประหยัด สิทธิพิเศษสำหรับสมาชิกฯ สามารถแลกคะแนนสะสมเพื่อรับส่วนลดแทนเงินสดสำหรับซื้อสินค้าในราคาประหยัดได้ เพียงใช้ 35 Smile Points แลกรับ E-Voucher 100 บาท หรือใช้ 175 Smile Points แลกรับ E-Voucher 500 บาท โดยสมาชิกฯ สามารถแลกคะแนนสะสม Smile Point ได้ทาง MTL Click Application และนำรหัสรับสิทธิ์ (บาร์โค้ด) ที่ได้รับมาแสดง ณ เคาน์เตอร์ชำระเงิน ภายในระยะเวลาที่กำหนดเพื่อใช้สิทธิ์ได้ที่ Tops, Tops Food Hall, Tops Fine Food และ Tops CLUB ทุกสาขา (ยกเว้น Tops Online ไม่เข้าร่วมรายการ) ระยะเวลาแลกสิทธิ์ วันนี้ – 31 มีนาคม 2567

นอกจากนี้ เมืองไทยสไมล์คลับยังมีกิจกรรมและสิทธิพิเศษอีกมากมายที่ตั้งใจคัดสรรมาเพื่อให้ตรงตามไลฟ์สไตล์ และความต้องการในปัจจุบันของสังคม โดยลูกค้าเมืองไทยประกันชีวิต สมาชิกเมืองไทยสไมล์คลับ สามารถติดตามกิจกรรม และสิทธิพิเศษเพิ่มเติมได้ที่ MTL Click Application ซึ่งดาวน์โหลดได้ฟรีทั้งระบบปฏิบัติการ iOS และ Android หรือเว็บไซต์ www.muangthai.co.th ตลอดจนสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่โทร. 1766 กด 4 เมืองไทยประกันชีวิต หรือศูนย์บริการลูกค้าทั่วประเทศ

เมืองไทยประกันชีวิต สนับสนุนการจัดงาน “อะเมซิ่งไทยแลนด์ พัทยามาราธอน 2023” ส่งเสริมสังคมสุขภาพดี

0
เมืองไทยประกันชีวิต ร่วมส่งเสริมการสร้างสังคมสุขภาพดีและแข็งแรง สนับสนุนการจัดการแข่งขัน “อะเมซิ่งไทยแลนด์ พัทยามาราธอน 2023” พร้อมส่ง “MTL Fit” แอปพลิเคชันด้านสุขภาพ ร่วมงาน เพื่อสร้างสังคมแห่งการดูแลสุขภาพที่ครบวงจร โดยงานจัดขึ้นในวันที่ 22-23 กรกฎาคม 2566 ณ ถนนเลียบชายหาดเมืองพัทยา จ.ชลบุรี

นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เมืองไทยประกันชีวิต ตระหนักและเข้าใจถึงความสำคัญของการรับมือกับปัญหาทางสุขภาพที่เกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตในประจำวันของทุกคน และมองว่าการออกกำลังกายเป็นสิ่งสำคัญที่จะส่งผลต่อสุขภาพที่ดีและความแข็งแรงของร่างกาย ด้วยเหตุนี้ บริษัทฯ จึงได้สนับสนุนการแข่งขัน “อะเมซิ่งไทยแลนด์ พัทยามาราธอน 2023 (Amazing Thailand Pattaya Marathon 2023)” เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมให้ประชาชนได้ออกกำลังกาย และนำมาซึ่งการมีสุขภาพดีให้กับทุกคน โดยงานดังกล่าวจัดขึ้นระหว่างวันที่ 22-23 กรกฎาคม 2566 ณ ถนนเลียบชายหาดเมืองพัทยา จ.ชลบุรี

โดยในงานเมืองไทยประกันชีวิต ได้มีการออกบูธกิจกรรม “MTL Fit” แอปพลิเคชันด้านสุขภาพ ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่จะช่วยให้คุณเข้าใจสุขภาพตัวเองได้ดีและทำให้การดูแลสุขภาพเป็นเรื่อง ‘ง่าย’ และ ‘สนุก’ มากยิ่งขึ้น ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญที่เข้ามาสร้างสังคมแห่งการดูแลสุขภาพที่ครบวงจร (Wellness Society) และยั่งยืนแก่ลูกค้าเมืองไทยประกันชีวิตและบุคคลทั่วไปได้เป็นอย่างดี

สำหรับการแข่งขันอะเมซิ่งไทยแลนด์ พัทยามาราธอน 2023 (Amazing Thailand Pattaya Marathon 2023) จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 30 โดยมีผู้เข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมดกว่า 13,000 คน การแข่งขันแบ่งเป็น 5 ประเภท คือ มาราธอน 42.195 กิโลเมตร ระยะฮาล์ฟมาราธอน 21.1 กิโลเมตร ระยะ 10 กิโลเมตร วีลแชร์ระยะ 4.5 กม. และระยะ 4.5 กิโลเมตร โดยในระยะนี้มีซึ่งจุดปล่อยตัวและเส้นชัยอยู่ ณ วงเวียนปลาโลมา ถ.พัทยาเหนือ หน้าศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21
การจัดการแข่งขันในครั้งนี้ แบ่งเป็น 2 วัน คือ วันเสาร์ที่ 22 กรกฎาคม 2566 เป็นการแข่งขันระยะ 10 กิโลเมตร และ 4.5 กิโลเมตร และวันอาทิตย์ที่ 23 กรกฎาคม 2566 เป็นการแข่งขันระยะ 42.195 กิโลเมตร และ 21.1 กิโลเมตร โดยภายในงานผู้สมัครวิ่งยังอุ่นใจด้วยประกันอุบัติเหตุ ซึ่งให้ความคุ้มครองโดยเมืองไทยประกันชีวิต (เงื่อนไขเป็นไปตามที่ บมจ.เมืองไทยประกันชีวิต กำหนด)

“บริษัทฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการสนับสนุนและการเข้าร่วมกิจกรรมนี้ จะเป็นก้าวสำคัญในการสร้างสังคมของคนที่มีสุขภาพแข็งแรงและผู้คนที่มีความสุข ตลอดจนสร้างแรงบันดาลใจในการออกกำลังกาย และส่งเสริมให้มีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมด้านการรักษาสุขภาพมากขึ้น เพราะการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคต่างๆ อาทิ โรคหัวใจ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และส่งเสริมสุขภาพทั่วไปของร่างกายและจิตใจอีกด้วย”

ออมสิน ชู ESG in action เดินหน้าธนาคารเพื่อสังคม ผลงานโดดเด่นสร้างอิมแพคกว่า 5.5 หมื่นล.

0
ออมสิน ชู ESG in action เดินหน้าธนาคารเพื่อสังคม เปิดผลงานเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม ธรรมาภิบาล สร้างอิมแพคเป็นเม็ดเงินกว่า 55,400 ล้านบาท

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน แถลงผลงานของธนาคารออมสิน ที่มุ่งสู่การเป็นธนาคารเพื่อสังคม ผ่านกระบวนการดำเนินงาน ESG in action บนเส้นทางการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยที่ผ่านมาธนาคารฯ สามารถสร้าง Social Impact ประเมินมูลค่าแล้วเป็นเม็ดเงินกว่า 55,400 ล้านบาท สร้างผลลัพธ์เชิงบวก เกิดการเปลี่ยนแปลงมากมายต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และด้านธรรมาภิบาล

? E : ENVIRONMENT สนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ ผ่านการออกผลิตภัณฑ์การเงินที่ช่วยขับเคลื่อนการดูแลสิ่งแวดล้อม โดยประกาศเป้าหมาย GSB Net Zero Target ตั้งเป้าลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากกว่า 50% ภายในปี 2030 และเป็นศูนย์ภายในปี 2050
? S : Social เป็นภารกิจหลักที่ธนาคารให้ความสำคัญและดำเนินการผ่านโครงการต่าง ๆ ซึ่งจะนำไปสู่การแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน และการช่วยลดภาระดอกเบี้ยให้กับลูกค้ากลุ่มฐานราก
? G : Governance ธนาคารดำเนินกิจการอย่างโปร่งใสและตรวจสอบได้ ภายใต้หลักธรรมาภิบาล รวมถึงสร้างวัฒนธรรมคุณธรรมในองค์กร รณรงค์ส่งเสริมต่อต้านการทุจริตและความโปร่งใสในการดำเนินงาน

ขณะที่ครึ่งปีหลัง 2566 เตรียมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนตามนโยบายกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย รวมถึงการเปิดตัวบริษัทนอนแบงก์ (Non Bank) เพื่อเข้าแข่งขันลดดอกเบี้ยในตลาดสินเชื่อไม่มีหลักประกัน โดยใช้ Alternative Data อนุมัติสินเชื่อผ่านแอปพลิเคชัน และเร่งขยายเป้าหมายการปล่อยสินเชื่อของบริษัท มีที่ มีเงิน จำกัด ให้สามารถอนุมัติสินเชื่อได้ภายในปีนี้ 7,000 ล้านบาท อีกทั้งยังมีแผนการดำเนินงานเพื่อสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาลอีกหลายโครงการ ที่ธนาคารจะเคลื่อนที่เร็วเพื่อยกระดับการดำเนินงาน ESG in action สานต่อธนาคารเพื่อสังคมสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน

ซีพีเอฟ รับรางวัล KFC Asia Recipe For Good Award 2022 คู่ค้าที่มีความเป็นเลิศด้านสวัสดิภาพสัตว์ ร่วมสร้างห่วงโซ่อุปทานอาหารยั่งยืน

0

นายภาณุวัตร เนียมเปรม ผู้อำนวยการใหญ่ ธุรกิจไก่เนื้อ-เป็ดเนื้อครบวงจร เป็นตัวแทนบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน)หรือ ซีพีเอฟ ขึ้นรับรางวัล KFC Asia Recipe For Good Award 2022 จาก KFC ในงาน KFC Asia Supplier Conference 2023 จัดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ที่โรงแรม Sheraton Saigon นครโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม

KFC มอบรางวัลนี้เพื่อยกย่องซีพีเอฟ ที่มีความเป็นเลิศในการปฏิบัติตามข้อกำหนดและมาตรฐานด้านสวัสดิภาพสัตว์อย่างจริงจังและต่อเนื่อง และที่สำคัญ ซีพีเอฟ สามารถผ่านการประเมินผลการดำเนินงานด้านสวัสดิภาพสัตว์ตามมาตรฐานของ KFC ได้ครบถ้วน 100% ตั้งแต่ปี 2565 ซึ่งเร็วกว่าเป้าหมายที่ KFC กำหนดไว้ในปี 2571 มีส่วนร่วมในการพัฒนาห่วงโซ่อุปทานที่ยั่งยืน (Responsible Supply Chain) ของ KFC ในการส่งมอบคุณภาพและความปลอดภัยอาหารให้กับผู้บริโภคอย่างยาวนาน

รางวัลที่ได้รับครั้งนี้ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของซีพีเอฟ ที่ให้ความสำคัญสูงสุดในการผลิตและส่งมอบอาหารปลอดภัย ควบคู่กับการดูแลหลักสวัสดิภาพสัตว์และสิ่งแวดล้อมตลอดห่วงโซ่การผลิต นำ “หลักอิสระ 5 ประการ” (Five Freedoms of Animals) ซึ่งเป็นหลักปฏิบัติสากลที่ทั่วโลกยอมรับมาใช้ในฟาร์มเลี้ยงสัตว์ของบริษัทและฟาร์มของเกษตรกรอย่างเคร่งครัด ดูแลคุ้มกันไม่ให้สัตว์เกิดความรู้สึกกลัวและอยู่ในภาวะเครียด ให้สัตว์อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี เติบโตอย่างเหมาะสม ได้รับอาหารและน้ำอย่างเพียงพอ สามารถแสดงพฤติกรรมตามธรรมชาติอย่างอิสระ ควบคู่การเลี้ยงสัตว์ในโรงเรือนระบบปิดปรับอากาศด้วยการระเหยของน้ำ (EVAP : Evaporative Cooling System) ใช้ระบบอัตโนมัติควบคุมอุณหภูมิและสภาพแวดล้อมในโรงเรือน การให้อาหารและน้ำแก่ไก่อย่างเพียงพอ

ที่สำคัญ ซีพีเอฟมีระบบความปลอดภัยทางชีวภาพที่ช่วยป้องกันและควบคุมโรค และนำเทคโนโลยีสมาร์ทฟาร์มที่ทันสมัยช่วยติดตามสวัสดิภาพสัตว์ตลอดเวลา ช่วยให้ไก่มีความเป็นอยู่ที่สุขสบาย เจริญเติบโต สุขภาพดี แข็งแรง ไม่ป่วยง่าย ซึ่งส่งผลต่อเนื้อสัตว์มีคุณภาพ ปลอดภัย ปลอดสาร และปราศจากการใช้ฮอร์โมนเร่งการเจริญเติบโต เป็นที่ยอมรับจากลูกค้าและผู้บริโภคทั่วโลก โดยเฉพาะในยุโรป สหราชอาณาจักร ญี่ปุ่น ซาอุดิอาระเบีย ซีพีเอฟยังเป็นภาคเอกชนไทยรายแรกนอกเขตสหภาพยุโรปที่ได้รับรองมาตรฐานสวัสดิภาพสัตว์ ACP (Assured Chicken Production) ของประเทศอังกฤษ และมาตรฐาน QS Standard เป็นมาตรฐานสูงสุดของความปลอดภัยอาหารในกลุ่มผู้บริโภคชาวเยอรมัน และยุโรป

ล่าสุด ซีพีเอฟยังร่วมมือกับองค์กรพันธมิตรด้านอวกาศระดับโลก เตรียมส่งไก่ไทยไปพิชิตอวกาศ ซึ่งไก่จะต้องผ่านการรับรองความปลอดภัยมาตรฐานอวกาศ (Space Food Safety Standard) เป็นมาตรฐานความปลอดภัยด้านอาหารขั้นสูงสุดเทียบเท่ากับอาหารที่นักบินอวกาศรับประทานได้

CP Brand คว้ารางวัล No.1 Brand Thailand 2023 ตอกย้ำที่หนึ่งครองใจผู้บริโภค

0

แบรนด์ CP การันตีความเป็นผู้นำแบรนด์ด้านอาหารยอดนิยมครองใจของผู้บริโภค ด้วยรางวัล Marketeer No.1 Brand Thailand 2023 จากผลสำรวจของนิตยสาร Marketeer สื่อด้านการตลาดอันดับหนึ่งของประเทศ โดยในปีนี้แบรนด์ CP ได้รับคัดเลือกเป็นแบรนด์ยอดนิยม 2 หมวด ได้แก่ อาหารแปรรูปแช่แข็ง (Frozen Food) และอาหารกล่องอุ่นร้อนพร้อมรับประทาน (Chilled Food) อย่าง ‘ไส้กรอก CP’ ยังได้รับความเชื่อมั่นและความไว้วางใจผู้บริโภคต่อเนื่องถึง 3 ปีซ้อน

นางสาวอนรรฆวี ชูรัตน์ ผู้บริหารสูงสุด ด้านการตลาด บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ กล่าวว่า ผู้บริโภคในปัจจุบันมองหามื้ออาหารที่จะมาเติมเต็มให้ชีวิตประจำวันของพวกเขาสะดวกขึ้น ด้วยความเร่งรีบและแข่งขันกับเวลา จึงหันมารับประทานอาหารสำเร็จรูปหรืออาหารปรุงสำเร็จกันมากขึ้น เพราะหาซื้อง่ายและเก็บไว้ได้นาน บริษัทฯ ทุ่มเทใส่ใจกับเทรนด์ความต้องการนี้ โดยยึดหลักความปลอดภัยทางอาหารสูงสุด เป็นที่ยอมรับในระดับสากล

“รางวัล No.1 Brand Thailand ที่ทางแบรนด์ CP ได้รับต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 นั้น นับเป็นกำลังใจสำคัญทำให้ซีพีเอฟไม่หยุดที่จะพัฒนามาตรฐาน “คุณภาพ” และ “ความปลอดภัย” ด้านอาหารให้สูงขึ้นมากกว่าเดิม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและตอบแทนความไว้วางใจของผู้บริโภคทุกท่าน รวมถึงสร้างทางเลือกใหม่ๆ ตอบรับความต้องการของคนทุกยุคทุกสมัยให้มากที่สุด” นางสาวอนรรฆวี กล่าว

สำหรับ ‘ไส้กรอก CP’ ยังคงได้รับการยอมรับและครองใจผู้บริโภคอันดับหนึ่งอย่างเหนียวแน่น จากการพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้วยแนวคิดยึด “ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง” (Consumer Centric) เพื่อทำความเข้าใจ คิดค้นและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารที่คุณภาพสูง สะอาด ปลอดภัย อยู่ตลอดเวลาและตอบสนองความต้องการผู้บริโภคให้ได้มากที่สุด ล่าสุด ได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ไส้กรอกอกไก่พริกไทยดำ ‘CP FI-IT’ (ซีพี ฟิ-อิต) เป็นผลจากการศึกษาข้อมูลเชิงลึก Insight ของผู้บริโภคที่หันมาใส่ใจดูแลสุขภาพและอาหารการกินมากขึ้น ซีพี ฟิ-อิต ใช้เนื้ออกไก่คุณภาพเป็นวัตถุดิบหลัก ทุกซองให้โปรตีนสูงถึง 20 กรัม เทียบเท่ากับไข่ขาว 5 ฟอง ดีต่อสุขภาพ ไขมันและปริมาณโซเดียมลดลง ขณะเดียวกัน ‘ไส้กรอก CP Signature’ ซึ่งเป็นไส้กรอกรสชาติใหม่ เนื้อแน่น เด้ง หอมกลิ่นรมควัน อร่อยถึงใจ ยังสามารถคว้ารางวัล ‘สุดยอดรสชาติอาหารระดับโลก ประจำปี 2023’ หรือ Superior Taste Award 2023 ระดับ 3 ดาว จากสถาบัน International Taste Institute การันตีถึงความอร่อยและมีคุณภาพด้วยเชฟและซอมเมลิเยร์ชื่อดังระดับโลก 200 คน

นอกจากนี้ อาหารแปรรูปแช่แข็ง (Frozen Food) เป็นอีกหมวดแบรนด์อาหารอันดับ 1 ในใจของผู้บริโภคทั่วประเทศ ตอกย้ำความสำเร็จของแบรนด์ CP ที่พัฒนาอาหารแช่แข็งที่ให้ผู้บริโภครู้สึกถึงความสดใหม่ ด้วยเทคโนโลยี Individual Quick Freezing (IQF) ที่ช่วยล็อคความสด โดยไม่ต้องใส่วัตถุกันเสีย ถนอมอาหารให้อร่อยและคงคุณค่าทางโภชนาการ ไม่ต่างจากอาหารปรุงสุกใหม่ ตลอดจนให้ความสำคัญต่อสุขภาพของผู้บริโภค ด้วยการปรับลดความเค็มลงมากกว่า 30% แต่ยังคงความอร่อยอยู่ อาทิ CP สปาเก็ตตี้คาโบนาร่า และ CP สปาเก็ตตี้ไก่สับ ไส้กรอก พร้อมทั้งมีแผนที่จะต่อยอดในผลิตภัณฑ์อื่นๆ ในอนาคตอีกด้วย

ซีพีเอฟ มุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อสุขภาพและคุณค่าทางโภชนาการที่ดี ด้วยการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีทันสมัยตลอดกระบวนการผลิต เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพควบคู่รสชาติที่ดีสู่ผู้บริโภค รวมถึงสร้างสรรค์แคมเปญที่ตอบโจทย์เทรนด์ พร้อมทั้งหาโอกาสใหม่ๆ อย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อเข้าถึงและเข้าใจทุกเจนเนอเรชัน