Home Blog Page 129

รู้เก็บรู้ออม : Smart Choice พอยต์แลกกองทุน

0

“คุณนายพารวย” เป็นคนหนึ่งค่ะที่ชื่นชอบการสะสมคะแนนจากการใช้บัตรเครดิต เพราะถ้าเราใช้บัตรเครดิตอย่างถูกวิธีแล้ว ต้องถือว่าเป็นวิธีการบริหารเงินที่ดีเลยทีเดียว ส่วนคะแนนที่สะสมไว้ ก็สามารถใช้แลกเป็นส่วนลด ทำให้เราจ่ายค่าสินค้าและบริการได้ถูกกว่าการจ่ายด้วยเงินสด

จนได้มารู้จักโครงการ Point to Invest ของ “ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย” นี่แหละ ที่ช่วยทำให้คุณนายพารวยสามารถใช้คะแนน หรือพอยต์ในบัตรได้อย่างคุ้มค่ามากขึ้น ไม่ใช่มีพอยต์เท่าไร ก็หมดไปกับการช็อปปิ้งเสียหมด เรียกได้ว่า โครงการนี้ ตอบโจทย์คนที่ชอบสะสมพอยต์และสนใจเรื่องการเงินการลงทุนได้แบบถูกใช่เลยทีเดียวค่ะ

Point to Invest เป็นทางเลือกใหม่ให้คนมีพอยต์สามารถใช้แลกคะแนนสะสมได้หลากหลายทางเลือกมากขึ้น เป็นการส่งเสริมให้เกิดการเริ่มต้นการลงทุนแบบง่ายๆ โดยที่ไม่ต้องใช้เงิน แต่เปลี่ยนพอยต์หรือคะแนนจากการใช้จ่ายบัตรเครดิตที่มีสะสมอยู่มาเป็นกองทุนรวม

ตอนนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯได้ขยายความร่วมมือกับพันธมิตรหลายแห่ง เพิ่มความหลากหลายให้มากยิ่งขึ้น ทั้งบัตรเครดิตของธนาคารต่างๆ ทั้งของไทยพาณิชย์, กรุงเทพ, กสิกร, กรุงศรี, กรุงศรี First Choice, KTC, ทหารไทยธนชาต และยูโอบี รวมไปถึงบัตรสะสมคะแนนต่างๆ อย่างบัตรเมืองไทยสไมล์คลับ, บัตรสมาชิกบางจาก, บัตรสมาชิก Blue Card และบัตรสมาชิก OCEAN CLUB

เรียกได้ว่าเป็น “Smart Choice ใช้พอยต์แลกกองทุนรวม” ตัวเลือกสุดคุ้ม ที่ช่วยให้เราเปลี่ยนทุกคะแนนจากการใช้จ่ายเป็นกองทุนรวมกับหลากหลายพาร์ตเนอร์ที่ร่วมโครงการ เปิดโอกาสให้เราใช้ประโยชน์จากพอยต์บัตรเครดิตหรือบัตรสะสมคะแนนได้อย่างคุ้มค่าที่สุด

ส่วนประเภทกองทุนรวมที่สามารถใช้พอยต์แลกได้ ก็มีหลากหลายประเภท ทั้งกองทุน SSF RMF กองทุนรวมตลาดเงิน และอื่นๆ โดยแต่ละบัตรเครดิตและบัตรสะสมคะแนนก็มีเงื่อนไขการใช้พอยต์แตกต่างกัน ซึ่งสามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.setinvestnow.com/th/pointtoinvest 

“คุณนายพารวย” อยากชวนให้คนยุคใหม่มาสร้างโอกาสในการลงทุนสำหรับทุกการใช้จ่ายตามไลฟ์สไตล์ที่ชอบ ด้วยการเปลี่ยนแต้มเป็นเงินลงทุนกันดีกว่า เพราะเป็นการเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทน และความมั่นคงทางการเงินในอนาคต ทำให้เงินมีโอกาสงอกเงยจากพอยต์ที่เราเปลี่ยนเป็นเงินลงทุนในกองทุน ซึ่งสามารถขายกลับคืนมาเป็นเงินต้นและผลตอบแทนในภายหลัง

ที่สำคัญ โครงการดีๆแบบนี้ นอกจากจะทำให้การลงทุนเป็นเรื่องง่ายและสะดวกแล้ว ยังช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงตลาดทุนของคนไทยให้มากขึ้นอีกด้วย

เริ่มเลยวันนี้…ลงทุนได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องใช้เงิน แค่ใช้พอยต์แลกคุ้มค่าจริงๆค่ะ.

คุณนายพารวย

ที่มา คอลัมน์ "รู้เก็บรู้ออมรู้ใช้รู้ลงทุน..สู่ความมั่งคั่ง"   หน้าเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

กรมปศุสัตว์ สนธิกำลัง ตำรวจ ปคบ. บุกจับ “ช็อปหมู” กวาดล้าง “หมูเถื่อน”

0

 กรมปศุสัตว์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (ปคบ.) บุกค้น “ช็อปหมู” ในจังหวัดชลบุรี พบการเคลื่อนย้ายซากสุกรผิดกฎหมายมาจากจังหวัดนครปฐม และจังหวัดนครราชสีมา น้ำหนักรวม 10,307.4 กิโลกรัม ซึ่งเป็นปฏิบัติการตามนโยบายป้องกันโรคระบาดสัตว์และการปราบปราม “หมูเถื่อน” เพื่อความมั่นคงทางอาหารของไทย
 
นายสัตวแพทย์สมชวน รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผยว่า วันนี้ (11 ส.ค. 2563) เมื่อเวลา 00.03 น. ชุดเฉพาะกิจกรมปศุสัตว์ ประกอบด้วย ด่านกักกันสัตว์ชลบุรี ด่านกักกันสัตว์ลาดกระบัง และด่านกักกันสัตว์ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปคบ. เข้าตรวจสอบร้านโชคอำไพหมูสด ตลาดรัตนากร ตำบลทุ่งสุขลา อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ซึ่งเป็นผู้ประกอบการจำหน่ายเนื้อและชิ้นส่วนสุกรรายใหญ่ เนื่องจากได้รับการร้องเรียนว่าร้านดังกล่าวมีการลักลอบเคลื่อนย้ายเนื้อและชิ้นส่วนสุกรมาจากพื้นที่ต่างจังหวัดโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่ทราบแหล่งที่มา การขนย้ายไม่ถูกสุขอนามัย อาจทำให้มีการปนเปื้อนเชื้อก่อโรคที่ไม่ปลอดภัยต่อผู้บริโภค และนำมาจำหน่ายในราคาถูกเป็นการบิดเบือนกลไกตลาด

ชุดเฉพาะกิจกรมปศุสัตว์และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปคบ. ได้แสดงตนขอเข้าตรวจค้นห้องเย็นของร้านจำนวน 3 ห้อง และรถกระบะ 3 คัน ซึ่งใช้เป็นพาหนะในการขนย้ายซากสุกรน้ำหนักรวม 10,307.4 กิโลกรัม มาจัดเก็บไว้ที่ห้องเย็นของร้านโชคอำไพหมูสด ประกอบด้วย

  • รถกระบะห้องเย็น ยี่ห้ออีซูซุ ทะเบียน 1ฒฒ 2193 กทม เคลื่อนย้ายซากสุกรมาจากจังหวัดนครปฐม มีน้ำหนักชิ้นส่วนสุกร จำนวน 3,123.8 กิโลกรัม
  • รถกระบะคอก ยี่ห้อมิตซูบิชิ ทะเบียน 1ฒย 4488 กทม เคลื่อนย้ายซากสุกรมาจากจังหวัดนครปฐม น้ำหนักชิ้นส่วนสุกร จำนวน 3,391.7 กิโลกรัม
  • รถกระบะคอก ยี่ห้ออีซูซุ ทะเบียน บย-9373 กำแพงเพชร น้ำหนักชิ้นส่วนสุกร จำนวน 3,791.9 กิโลกรัม
     
    จากการตรวจสอบพบว่า รถกระบะทั้ง 3 คัน เข้าข่ายการเคลื่อนย้ายซากสุกรโดยไม่ถูกต้องตามระเบียบข้อบังคับ และผู้ประกอบการตัดแต่งและจำหน่ายเนื้อสัตว์ดังกล่าว เข้าข่ายมีความผิดตามพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ.2558 มาตรา 22 เคลื่อนย้ายสัตว์และซากสัตว์ในเขตเฝ้าระวังโรคระบาดสัตว์ มีความผิดตามมาตรา 65 จำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และผู้ประกอบการตัดแต่งและจำหน่ายเนื้อสัตว์ดังกล่าวเข้าข่ายมีความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมการฆ่าสัตว์เพื่อการจำหน่ายเนื้อสัตว์ พ.ศ.2559 มาตรา 37 ห้ามมิให้ผู้ใดชำแหละและตัดแต่งเนื้อสัตว์ เพื่อการจำหน่ายเนื้อสัตว์ ที่มิได้รับการรับรองให้จำหน่ายเนื้อสัตว์ มีโทษตามมาตรา 56 จำคุกไม่เกิน 3 ปีปรับไม่เกิน 200,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ และมาตรา 38 ห้ามมิให้ผู้ใดจำหน่ายเนื้อสัตว์ที่มิได้รับการรับรอง (ไม่มีใบ รน.) มีโทษตามมาตรา 62 จำคุก ไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
     
    ทั้งนี้ พนักงานเจ้าหน้าที่ได้ทำการอายัดเนื้อสุกรทั้งหมดไว้ที่ห้องเย็นโชคอำไพหมูสด และรถยนต์ทั้ง 3 คัน ที่ใช้กระทำความผิด และสุ่มเก็บตัวอย่างส่งตรวจที่ห้องปฏิบัติการของกรมปศุสัตว์ เพื่อตรวจหาเชื้อโรคระบาดสัตว์ เชื้อจุลินทรีย์ ก่อโรค และสารตกค้างปนเปื้อน ตามมาตรฐานการป้องกันที่ดี โดยได้นำเอกสารการเข้าตรวจสอบ ไปลงบันทึกประจำวันเกี่ยวกับคดี ที่สถานีตำรวจภูธรแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี ส่งมอบให้พนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
     
    “การปฏิบัติการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “หมูสะอาด” ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของกรมปศุสัตว์ ที่มีเป้าหมายในการควบคุม เฝ้าระวังโรคระบาด ควบคู่กับการรักษาเสถียรภาพราคาสุกร โดยมุ่งหวังให้เกษตรกรเลี้ยงและขายสุกรได้ในราคาที่พออยู่ได้ไม่ขาดทุน เพื่อสร้างความมั่นคงและความปลอดภัยทางอาหารให้กับคนไทยทุกคน” นายสัตวแพทย์สมชวน กล่าว

AIS เปิดแคมเปญ “อุ่นใจมากแม่” ให้ดูฟรี HBO จัดเต็มสิทธิพิเศษและประกันอุบัติเหตุ พร้อมเน็ตฟรี

0

AIS เชื่อมต่อความอุ่นใจให้ทุกการบอกรักแม่มีความหมายมากขึ้น กับแคมเปญ “อุ่นใจมากแม่” เต็มอิ่มกับช่วงเวลาพิเศษด้วยสุดยอดความบันเทิงดูฟรี HBO ทั้ง 5 ช่อง ตลอดวัน จัดเต็มสิทธิพิเศษและรับประกันอุบัติเหตุ คุ้มครองนานสูงสุด 1 ปี พร้อมเน็ตฟรี 3  GB นาน 24 ชั่วโมง ให้ลูกได้บอกรักเเม่

AIS ร่วมเฉลิมฉลองเดือนแห่งการบอกรักแม่ พร้อมเป็นสื่อกลางเชื่อมต่อความรักและความอุ่นใจให้วันแม่ปีนี้พิเศษมากยิ่งขึ้นแบบคูณ 2 กับแคมเปญ “อุ่นใจมากแม่” Happy Mother’s Day ด้วยการมอบประสบการณ์ความพิเศษที่เหนือกว่า ไม่ว่าจะเป็น มอบอินเทอร์เน็ตบอกรักแม่ 3 GB ใช้งานได้ฟรี 24 ชม. พร้อมการรับชมคอนเทนต์ ความบันเทิงระดับโลกให้แม่ลูกได้ใช้เวลาแห่งความสุขร่วมกันด้วยการดูฟรี 5 ช่องจาก HBO ตลอดทั้งวัน และยังมอบประกันอุ่นใจแทนความห่วงใยให้กับทุกคนในครอบครัวที่คุ้มครองนานถึง 1 ปี รวมถึงสุดยอดสิทธิพิเศษกับของขวัญส่งความสุขให้ลูกได้ พาแม่อิ่ม พาแม่เที่ยว พาแม่ช้อป ที่จะทำให้การบอกรักแม่มีความหมายมากยิ่งขึ้น

นายปรัธนา ลีลพนัง หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าทั่วไป AIS กล่าวว่า “วันแม่ปีนี้ ผมขอเป็นตัวแทนชาว AIS ในการเป็นศูนย์กลางเพื่อเชื่อมต่อความสุข และส่งมอบความอุ่นใจให้ลูกค้า ได้แสดงความรักที่มีต่อแม่ผ่านประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดจาก AIS พร้อมกันนี้ เรายังมอบความพิเศษให้คุณแม่และทุกคนในครอบครัวได้รับชมความบันเทิงระดับโลก ดูฟรี 5 ช่องของ HBO บน AIS PLAY และที่สำคัญวันนี้เรายังจัดเต็มสิทธิพิเศษที่จะเป็นของขวัญแทนใจให้ลูกได้ใช้เวลาพิเศษร่วมกัน เพื่อทำให้วันแม่ปีนี้อุ่นใจมากกว่าเดิม และมีความหมายมากยิ่งขึ้น”

อุ่นใจมากขึ้นกับอินเทอร์เน็ตฟรีบอกรักแม่ พิเศษสำหรับลูกค้ารายเดือน และเติมเงินของ AIS รับอินเทอร์เน็ตบอกรักแม่ 3 GB ฟรี!! สามารถใช้งานได้ 24 ชม. โดยกดรับสิทธิ์ผ่าน myAIS app จำกัดเพียง 100,000 สิทธิ์เท่านั้น (ช่วงเวลาการรับสิทธิ์ 11-13 สิงหาคม 2566)

อุ่นใจไปกับช่วงเวลาพิเศษมอบคอนเทนต์ความบันเทิงระดับโลก ดูฟรี HBO 5 ช่อง HBO, HBO Signature, HBO Hits, HBO Family และ Cinemax บนแอพพลิเคชั่น AIS PLAY และกล่อง AIS PLAYBOX เต็มอิ่มตลอดทั้งวันที่ 12 สิงหาคมนี้ สามารถรับชมได้ทุกคน ไม่ต้องกดรับสิทธิ์ และไม่ต้องมีแพ็ก ก็ชมฟรีได้เลย!!

ประกันอุ่นใจ แทนความห่วงใยให้กับทุกคนในครอบครัว แจกฟรี ประกันอุบัติเหตุ คุ้มครองนานถึง 1 ปี คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุ 500 บาท/ครั้ง คุ้มครองการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุสูงสุด 40,000 บาท จำกัดเฉพาะ 50,000 ท่านแรกเท่านั้น รับสิทธิ์ผ่านทาง myAIS ไลฟ์สไตล์ & บริการ หมวดประกัน ตั้งแต่วันที่ 11 สิงหาคม – 30 กันยายน 2566 

อุ่นใจยิ่งกว่าด้วยสิทธิพิเศษ เป็นของขวัญ และสร้างช่วงเวลาพิเศษให้คุณแม่ AIS Serenade คัดสิทธิพิเศษให้เข้ากับทุกเทศกาลเพื่อมอบให้กับลูกค้า อย่างเทศกาลวันแม่ในเดือนสิงหาคมกับสิทธิพิเศษตรงใจ ทั้งพาแม่อิ่ม พาแม่เที่ยว พาแม่ช้อป และสิทธิพิเศษอีกมากมาย เพื่อมอบเป็นของขวัญสุดเอ็กคลูซีฟ พร้อมเติมเต็มความสุขให้กับทุกคนในครอบครัว

สามารถติดตามข้อมูลและรับสิทธิพิเศษได้ผ่านแอปพลิเคชัน myAIS

เมืองไทยประกันชีวิต สนับสนุนการจัดงานวันแม่แห่งชาติ ประจำปี 2566

0

เมืองไทยประกันชีวิต  ส่งเสริมการสร้างความรักและความสุขในครอบครัว  สนับสนุนกิจกรรมของสมาคมสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ในโอกาสจัดงานวันแม่แห่งชาติ ประจําปี 2566 เพื่อเชื่อมโยงและเสริมสร้างความรักและความกตัญญู พร้อมมอบความคุ้มครอง ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล แก่ผู้ได้รับรางวัลโล่เกียรติคุณ แม่ดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี 2566

นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ MTL  กล่าวว่า  บริษัทฯ ตระหนักถึงบทบาทและความสำคัญของผู้เป็นแม่ในสังคมที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง   โดยเฉพาะในการสร้างให้ครอบครัวมีความเข้มแข็งและอบอุ่น  ในขณะเดียวกันแม่เป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการสร้างสังคมที่แข็งแกร่งและเนื้อหาของชีวิตของลูก บทบาทความสำคัญของแม่มีมิติหลากหลายทั้งทางอารมณ์ จิตใจ ตลอดจนการเติบโตของบุตร  ไม่ว่าจะเป็นบทบาทด้านการสร้างครอบครัวให้เข้มแข็งและมีความสุขของสมาชิกในครอบครัว บทบาทในการดูแลและพัฒนาบุตรให้เติบโตเป็นบุคคลที่มีคุณภาพ มีความสุขสามารถพัฒนาทักษะและความสามารถต่างๆ ได้อย่างเต็มที่  บทบาทในฐานะผู้สั่งสอน และให้ความรู้ ประสบการณ์ และคุณค่าของชีวิตให้แก่บุตร การสั่งสอนจากแม่เป็นสิ่งที่สร้างพื้นฐานให้แก่ลูกในการเรียนรู้และเติบโต

ทั้งนี้ เนื่องในโอกาสวันแม่แห่งชาติ บริษัทฯ จึงได้ร่วมส่งเสริมความรักและความอบอุ่นของแม่ โดยร่วมสนับสนุนกิจกรรมของสมาคมสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ สำหรับโอกาสที่จะจัดงานวันแม่แห่งชาติ ประจําปี 2566 เพื่อเทิดทูนเผยแพร่พระเกียรติคุณ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และจัดให้มีการพิจารณา คัดเลือกแม่ดีเด่นแห่งชาติ และคัดเลือกลูกที่มีความกตัญญูกตเวทีอย่างสูงต่อแม่ เพื่อรับรางวัลโล่เกียรติคุณ ประจําปี 2566 โดยบริษัทฯ ได้มอบกรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล ทุนประกันรวมกว่า 20 ล้านบาทแก่แม่ดีเด่น นอกจากนี้ยังสนับสนุนของที่ระลึก อาทิ เสื้อแจ๊คเก็ต กระเป๋าแม่ดีเด่น และกระเป๋าสำหรับลูกกตัญญู ในโครงการ “เมืองไทยส่งความสุขสู่ชุมชน” เพื่อมอบให้กับแม่ดีเด่นและลูกกตัญญูประจำปี 2566 อีกด้วย

“บริษัทฯ เล็งเห็นว่าความรักและความเคารพต่อแม่เพราะบทบาทของแม่มีความหลากหลาย และแม่มีส่วนสำคัญในการสร้างรากฐานที่แข็งแรงและความเข้มแข็งให้แก่ครอบครัวตลอดจนสังคมไทย   ด้วยกิจกรรมในช่วงเดือนสิงหาคมนี้ เราหวังว่าจะส่งเสริมความรักและการดูแล การแสดงความรักต่อแม่จะช่วยสร้างความสุขและความสมบูรณ์ให้กับครอบครัวทุกคน”

“ครอบครัวห้าดาว” ความภูมิใจของ ‘อิ๋ว-กฤชญา ลิ้มสวัสดิ์’ เคียงข้างสร้างอาชีพมั่นคง

0

“กล้าตัดสินใจ” เป็นนิยามของ “กฤชญา ลิ้มสวัสดิ์ หรืออิ๋ว” ผู้ประกอบการธุรกิจห้าดาว (FIVE STAR) ซึ่งถือเป็นตัวอย่างเถ้าแก่รุ่นใหม่ที่เติบโตในอาชีพได้อย่างน่าชื่นชม จากการกล้าตัดสินใจลงทุนในอาชีพนี้ ด้วยการเปิดใจเรียนรู้กับห้าดาว

อิ๋ว เล่าว่า ก่อนหน้าจะมาทำธุรกิจแฟรนไชส์ สามีของเธอเปิดก๋วยเตี๋ยวแถวราชพฤกษ์ กิจการดำเนินมาอย่างดีตลอด 25 ปี จนเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 กระทบต่อการเปิด-ปิดร้าน มีการห้ามนั่งรับประทานที่ร้าน ให้ซื้อกลับบ้านเท่านั้น ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ต้องเริ่มมองหาธุรกิจที่สามารถดำเนินการสอดคล้องไปกับร้านก๋วยเตี๋ยวได้ และสามารถเปิดได้ทุกสถานการณ์ ตอนนั้นศึกษาอยู่หลายธุรกิจ แต่ห้าดาวเป็นธุรกิจแรกที่ติดต่อกลับมาและให้ข้อมูลคำแนะนำอย่างดีที่สุด ให้คำตอบในข้อสงสัยที่ต้องการได้เร็วและตอบชัดเจนที่สุด ส่วนเงินลงทุนถือว่าอยู่ในระดับกลางๆ ขึ้นอยู่กับขนาด (Size) ที่เลือก เท่ากับว่าไม่ต้องเป็นเถ้าแก่ที่มีทุนหนาก็สามารถเริ่มต้นธุรกิจได้ ข้อสำคัญคือทีมงานห้าดาวจะเข้ามาช่วยวิเคราะห์พื้นที่ ดูฐานลูกค้าให้ โดยที่ผู้ประกอบการไม่ต้องเรียนรู้ตลาดเอง และยังไม่ต้องเสียเวลาจัดเตรียมสินค้า ไม่ต้องไปตลาด ไม่ต้องตุนสินค้า ไม่ต้องกังวลเรื่องขนส่งเพราะห้าดาวมีทีมงานที่คอยให้คำปรึกษาคอยตอบข้อสงสัย ทั้งยังแนะนำทุกอย่างก่อนเปิดร้าน และมีการฝึกอบรมก่อนเปิดร้านเพื่อให้เรียนรู้มาตรฐานของห้าดาวทั้งหมด

“ทีมห้าดาวให้คำแนะนำอย่างละเอียด ชัดเจน ตอบคำถามแบบตรงประเด็น ไม่มีพิธีรีตรอง ให้คำปรึกษาแบบไม่มีกั๊ก โดยที่เราไม่ต้องจ่ายเงินซักบาท ไม่โฆษณาชวนเชื่อ ตัวเราเป็นแม่ค้าที่แค่ขยายการขายของออกไป จึงไม่ลังเลสงสัยและเปิดใจกับห้าดาวในทันที โดยเขาไม่ถามเรื่องเงินและเรื่องการลงทุน แค่ขอมาดูหน้างาน เมื่อเห็นว่าพื้นที่ของเราโดดเด่น เป็นพื้นที่กว้างก็แนะนำให้ทำเป็นร้านที่มีที่จอดรถเพื่ออำนวยความสะดวกกับลูกค้า เราจึงเริ่มจัดการปรับพื้นที่ ติดตั้งร้านแบบกลาสเฮ้าส์ ขนาด 6 เมตร โดยเน้นเปิดร้านสม่ำเสมอ การบริการลูกค้าอย่างดีที่สุด” อิ๋ว กล่าว

จากจุดเริ่มต้นแรกที่ร้านไก่ย่างห้าดาวสาขาราชพฤกษ์ เมื่อเดือนมกราคม 2565 อิ๋วทุ่มเทสรรพกำลังทั้งหมดไปกับร้านนี้ เธอยอมรับว่าเดือนแรกเป็นช่วงที่เหนื่อยสุดๆ แต่ก็ทำให้ได้ฐานลูกค้าขนาดใหญ่ มีไลน์กรุ๊ปของลูกค้าถึง 700 ราย เพื่อทำการจัดส่งสินค้าถึงมือลูกค้าฟรีในพื้นที่ โดยยึดมาตรฐานของห้าดาวที่ว่า “ทุกวันต้องไม่มีสินค้าเหลือ ไก่ที่ย่างเสร็จแล้วต้องขายให้หมดภายใน 3 ชั่วโมง” เมื่อสินค้ามีคุณภาพ ลูกค้าจึงติดใจทั้งรสชาติและมาตรฐาน ทำให้ใช้เวลาเพียง 6 เดือนในการคืนทุน จากมาตรฐานปกติใช้ประมาณ 8 เดือน แต่ 6 เดือนที่ว่านี้รวมไปถึงเงินทุนในการถมที่ ปรับพื้นที่ เทปูน การทำระบบสาธารณูปโภค รวมถึงค่าตกแต่งร้านทั้งหมด

“ความสำเร็จนี้ช่วยสร้างพลังให้กับอิ๋วและทีมงาน เมื่อเราทำได้ก็รู้สึกภูมิใจและพร้อมลุยสาขาใหม่ๆ จนถึงวันนี้เปิดร้านห้าดาวแล้ว 7 สาขา ภายในระยะเวลา 1 ปี 4 เดือน ตั้งแต่ร้านไก่ย่างห้าดาวสาขาแรกที่ถนนราชพฤกษ์ สาขาบางกรวย ซอย6 สาขาตลาดเจ้าสัวพลาซ่า สาขาตลาดครอบครัว สาขาบางขนุน ซอย5 สาขาบางกร่าง 60 และสาขาตรงข้ามไปรษณีย์บางกรวย และอีกความภูมิใจซึ่งเป็นความสำเร็จที่เกินความคาดหวัง คือร้านห้าดาวของเรา กลายเป็น “จุดครูฝึก” โดยทั้งตัวเองและทีมงานผ่านการอบรมผู้ประกอบกิจการและผู้สัมผัสอาหาร จากกระทรวงสาธารณสุข ที่ผ่านมาทำหน้าที่ “ครูฝึกห้าดาว” ฝึกอบรมและถ่ายทอดเทคนิคสู่ความสำเร็จให้กับเถ้าแก่และทีมงานห้าดาวร้านใหม่แล้ว 35 ราย” อิ๋ว กล่าว

อิ๋วบอกว่า หนึ่งในความมุ่งมั่นของห้าดาวคือ เรื่องมาตรฐานสินค้าและบริการ เพราะไม่ใช่การหาแฟรนไชส์เพื่อขยายสาขาให้ได้มากๆ แต่ทุกสาขาต้องผ่านมาตรฐานที่เข้มงวด อย่างเช่นการตรวจซุ้ม ต้องผ่านข้อตรวจสอบของห้าดาว และต้องสอบความรู้เป็นระยะ พร้อมกับเรียนรู้ทั้งความรู้และเทคนิคใหม่ตลอดเวลา ในเรื่องมาตรฐานต่างๆ อิ๋วจะเป็นครูสอนเอง โดยมีการวางแผนการสอนอย่างเป็นระบบ มีการสอบและได้รับใบประกาศ เพื่อให้ระยะเวลาอบรม 5 วันนั้น ผู้ที่มาเรียนได้รับความรู้แน่นที่สุดสำหรับนำไปปรับใช้กับธุรกิจของตนเองได้จริง

“อิ๋วไม่ใช่แค่เจ้าของธุรกิจ แต่เป็น “ครอบครัวห้าดาว” เพราะเมื่อคนในครอบครัวเจอปัญหา ทุกคนต้องไม่ทิ้งกัน พร้อมที่จะเผชิญปัญหาไปด้วยกัน เห็นคนในครอบครัวได้ดี ก็ยินดีด้วย และพร้อมสนับสนุนทุกการเติบโตให้ยั่งยืนที่สุด มีการขยายสาขาเพิ่มเพื่อให้มีธุรกิจที่มั่นคง วันนี้เราได้พิสูจน์แล้วว่าทุกอย่างไม่ยาก เพียงลองเปิดใจเรียนรู้ ตั้งใจทำให้สำเร็จ โดยมีทีมงานห้าดาวเป็นทีมหลังบ้านที่คอยสนับสนุน แม้ว่าจะไม่มีงานประจำแต่ก็สามารถเป็นเจ้าของแฟรนไชส์ห้าดาวได้ ถ้าไม่มีคำว่าครอบครัวของห้าดาว ก็ไม่สามารถขยายงานได้ถึง 7 สาขา ตอนนี้ตัวเองยังสนับสนุนให้ลูกมาคอยรับสินค้า สับไก่ ต้อนรับลูกค้า ลองเก็บเงิน รวมถึงรับออเดอร์ลูกค้าผ่านออนไลน์ เพื่อปูพื้นฐานอาชีพให้เขารับช่วงต่อจากเราได้ในอนาคต” อิ๋ว เล่าอย่างภูมิใจ

ที่สำคัญสำหรับอิ๋วแล้ว เรื่องผลกำไรเป็นประเด็นรอง แต่เธอคิดถึงการขับเคลื่อนไปด้วยกันให้ได้ และให้นิยามที่ชัดเจนว่า “ห้าดาวไม่ใช่ธุรกิจที่ให้มาลองพลาด แต่เป็นการเปิดโอกาสสู่ความสำเร็จอย่างแท้จริง”

AIS 5G ปล่อยแพ็คเกจโรมมิ่งระดับพรีเมียม ทั้งโทรและเน็ตครบจบในแพ็คเดียวกัน

0

AIS 5G ย้ำความเป็นผู้นำด้านการให้บริการข้ามแดนอัตโนมัติหรือ โรมมิ่ง ที่มีเครือข่ายพันธมิตรครอบคลุมบริการ 5G โรมมิ่ง มากเป็นอันดับ 1 ของโลก ครอบคลุมพื้นที่การใช้งานกว่า 90 ประเทศ และมุ่งตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การเดินทางไม่ว่าจะเป็นการเดินทางและการพักผ่อนของลูกค้าแบบเหนือระดับให้ได้รับความสะดวกสบายทุกการสื่อสาร ทั้งโทรและเน็ตเต็มสปีด พร้อมสิทธิพิเศษมากมายผ่านแพ็กโรมมิ่งใหม่ล่าสุด กับ Ready2Fly Ultimate และ Ready2Fly Plus ครั้งแรกของแพ็กโรมมิ่งที่รวมทั้งบริการโทรและเน็ตอยู่ในแพ็กเดียวกัน อำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าให้ติดต่องานราบรื่น สื่อสารไม่สะดุด อุ่นใจตลอดทริปการเดินทางด้วยประสบการณ์สุดพรีเมียมจากสิทธิพิเศษมากมาย ครอบคลุมกว่า 180 ประเทศทั่วโลก

เบญจพร กำเพ็ชร หัวหน้าส่วนงานกลุ่มลูกค้าพิเศษและพรีเพด AIS

นางเบญจพร กำเพ็ชร หัวหน้าส่วนงานกลุ่มลูกค้าพิเศษและพรีเพด AIS กล่าวว่า “หลังจากที่สถานการณ์โลกเข้าสู่ภาวะปกติ ส่งผลให้การเดินทางท่องเที่ยวกลับมาคึกคักเช่นเดิม และด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลที่ช่วย ทำให้เส้นแบ่งระหว่างการทำงานและการพักผ่อน ไม่จำเป็นต้องแยกกัน นั่นหมายความว่าในทริปการเดินทางอาจจะมีได้ทั้งแผนการทำงานและแผนการพักผ่อน ท่องเที่ยว ซึ่งถือเป็นอีกพฤติกรรมที่เกิดขึ้นในกลุ่มของลูกค้านักธุรกิจ ผู้บริหาร หรือผู้ประกอบการในตอนนี้ จึงเป็นที่มาของการออกแบบและนำเสนอสินค้าและบริการให้สอดรับกับพฤติกรรมของลูกค้าแบบ Personalize ทำให้วันนี้เราพร้อมส่งมอบบริการโรมมิ่งที่รวมทั้งค่าโทรและค่าเน็ตอยู่ในแพ็กเกจเดียวกัน อำนวยความสะดวกให้ลูกค้าไม่ต้องสมัครหลายแพ็ก นอกจากนี้เรายังเติมเต็มไลฟ์สไตล์การเดินทางให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์เดินทางระดับพรีเมียมด้วยสิทธิพิเศษที่ดีที่สุดมากมาย”

โดย AIS ได้ออกแบบแพ็กเกจโรมมิ่งระดับพรีเมียม ที่เข้าใจทุกการติดต่อสื่อสารและการใช้งานตลอดทริปแบบ VIP ไม่ว่าจะเป็น

  1. แพ็กเกจ Ready2Fly Ultimate แพ็กโรมมิ่งสุดพรีเมี่ยมที่รวมทั้งบริการโทรและเน็ตไว้ด้วยกัน ครอบคลุมการใช้งานบนเครื่องบิน และในต่างประเทศกว่า 180 ประเทศทั่วโลก และการใช้งานบนเครือข่าย 5G ที่มีมากกว่า 90 ประเทศ สามารถใช้งานเน็ตได้ 75 GB โทรออกและรับสายได้ 250 นาที SMS 250 ข้อความ นานถึง 40 วัน  Asia & Australia & USA 3,990 บาท หรือ Global 5,990 บาท พร้อมสิทธิพิเศษที่คัดสรรมาเพื่อลูกค้าโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็น ส่วนลด 200 บาทสำหรับลูกค้า serenade บริการคอลเซ็นเตอร์ดูแลตลอด 24 ชม. บริการปรึกษาแพทย์ออนไลน์ ของ ร.พ.วิมุต ฟรี ผ่าน ViMUT application บริการรถลีมูซีนรับ-ส่งสนามบินในไทย ราคาพิเศษ หรือแม้แต่ส่วนลดบริการห้องรับรองในสนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมือง
  2. แพ็กเกจ Ready2Fly Plus อีกแพ็กความพิเศษ ที่ลูกค้าจะได้รับบริการที่ครบจบในแพ็กเกจเดียว ทั้งค่าโทร
    ค่าเน็ต และประกันการเดินทาง ที่คุ้มครองสูงสุด 1,000,000 บาท เริ่มต้นเพียง 549 บาท เท่านั้น

โดยสามารถดูรายเอียดเพิ่มเติม และสมัครแพ็กเกจทั้ง Ready2Fly Ultimate และ Ready2Fly Plus ได้ทันทีโดยไม่ต้องเปลี่ยนซิม ผ่านแอปพลิเคชัน myAIS

ซีพีเอฟ เดินหน้าโครงการ SMEs PLUS ขยายโอกาสคู่ค้าโตยั่งยืน หนุนการจัดหาที่รับผิดชอบตามหลัก ESG

0
ธิดารัตน์ เดชายนต์บัญชา

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เดินหน้าเสริมสร้างขีดความสามารถคู่ค้าธุรกิจ SMEs อย่างเข้มข้น ระดมสรรพกำลังองค์กร ดำเนินโครงการ “SMEs PLUS” เป็นพี่เลี้ยงให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีมีขีดความสามารถดำเนินธุรกิจสู่ความเป็นเลิศ เติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืนยึดหลัก ESG หนุนการจัดหาวัตถุดิบและบริการห่วงโซ่อาหารที่โปร่งใส รับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม

นางสาวธิดารัตน์ เดชายนต์บัญชา ผู้บริหารสูงสุด สายงานจัดซื้อกลาง เปิดเผยว่า บริษัทฯ เดินหน้าพัฒนาศักยภาพคู่ค้าธุรกิจในห่วงโซ่อุปทานอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับกลุ่ม SMEs เป็นลำดับแรก ผ่านการดำเนินโครงการ “SMEs PLUS” ระดมสรรพกำลังกับหน่วยงานในบริษัทฯ ช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งและเพิ่มโอกาสทางธุรกิจอย่างรอบด้านให้กับคู่ค้า SMEs ประมาณ 6,500 ราย โดยในปีนี้ดำเนินรวม 6 โครงการ อาทิ การพัฒนาผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อยที่มีศักยภาพนำเทคโนโลยีมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดต้นทุน เพิ่มรายได้ การสนับสนุนให้คู่ค้ามีความรู้การผลิตสินค้าคาร์บอนต่ำ การยกระดับความปลอดภัยของสินค้า เป็นต้น ซึ่งสนับสนุนการดำเนินธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน ตามหลักการ ESG (Environmental, Social, Governance) เพื่อสร้างความสำเร็จและการเติบโตไปด้วยกัน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อการสร้างความมั่นคงด้านอาหาร

“ซีพีเอฟ ดำเนินโครงการ SMEs PLUS ขึ้น เป็นพี่เลี้ยงช่วยสนับสนุน SMEs มีขีดความสามารถทางการแข่งขันสูงขึ้น สร้างแต้มต่อพัฒนาสินค้าที่ได้มาตรฐานในระดับสากล จัดหาวัตถุดิบและบริการซึ่งเป็นต้นทางการผลิตอาหารคุณภาพและปลอดภัตอบโจทย์ความต้องการตลาดในปัจจุบัน และรองรับการเติบโตในระยะยาว” นางสาวธิดารัตน์กล่าว

SMEs PLUS เป็นโครงการที่ดำเนินภายใต้ โครงการ “Partner to Grow เติบโตเคียงข้างอย่างยั่งยืน” ที่ซีพีเอฟใช้ศักยภาพขององค์กรมาช่วยยกระดับประสิทธิภาพการผลิต เพิ่มมูลค่าให้กับธุรกิจของคู่ค้าธุรกิจให้สามารถ ปรับตัวรับความท้าทายและการเปลี่ยนแปลงของบริบทโลก โดยในช่วงแรกจะให้ความสำคัญกับคู่ค้าธุรกิจในกลุ่ม SMEs ตั้งแต่ โครงการ “เอส เอ็ม อี เอ็กซ์ ต้นทุนต่ำ นำรักษ์โลก” ใช้ศักยภาพของซีพีเอฟเสริมสร้างความรู้ให้คู่ค้า SMEs ปรับปรุงกระบวนการทำงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ บริหารจัดการทรัพยากรและพลังงานให้เกิดประโยชน์สูงสุดและลดต้นทุนตามแนวทาง Lean Six Sigma ร่วมมือกับองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) เพิ่มความรู้ให้ผู้ประกอบการสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์คาร์บอนต่ำ รวมถึงการสนับสนุนผู้ประกอบการพัฒนาระบบป้องกันทุจริตและคอร์รัปชั่น การส่งเสริมการปฏิบัติที่ดีต่อแรงงานตามมาตรฐานสากล รวมถึงการถ่ายทอดความเชี่ยวชาญในการลดการสูญเสียสินค้า เป็นต้น

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังร่วมมือกับคู่ค้าธุรกิจรายสำคัญ และคู่ค้าธุรกิจเชิงกลยุทธ์ เพื่อพัฒนานวัตกรรม หรือแนวทางใหม่ๆ เพื่อนำไปสู่ห่วงโซ่อุปทานอาหารที่ยั่งยืน อาทิ การพัฒนากระบวนการผลิตวัตถุดิบทางการเกษตรที่สะอาด ปลอดภัย ได้มาตรฐาน การพัฒนาบรรจุภัณฑ์อาหารที่ใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การร่วมมือกับธนาคารกรุงเทพเพื่อสนับสนุนให้คู่ค้าธุรกิจรายย่อยสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนหมุนเวียนที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำ ขณะเดียวกัน บริษัทฯ มีการประเมินความเสี่ยงและตรวจสอบการดำเนินงานของคู่ค้า เพื่อสนับสนุนให้คู่ค้าดำเนินงานด้วยความรับผิดชอบต่อสังคม แลละสิ่งแวดล้อม โปร่งใส ตรวจสอบย้อนกลับได้ ช่วยสนับสนุนซีพีเอฟบรรลุเป้าหมายการจัดหาอย่างรับผิดชอบต่อโลก (Sustainable Sourcing) ตามหลัก ESG เพิ่มความเชื่อมั่นว่าต้นทางของผลิตภัณฑ์อาหารของซีพีเอฟมาจากแหล่งที่ปราศจากการบุกรุกทำลายป่า มีการปฏิบัติที่ดีต่อแรงงาน ตลอดจนมีส่งมอบผลิตภัณฑ์อาหารที่ช่วยบรรเทาผลกระทบจากภาวะโลกร้อน

เกษตรกรเลี้ยงหมู ยื่นหนังสือร้อง DSI ล้างบาง “หมูเถื่อน”

0

น.สพ.วิวัฒน์ พงษ์วิวัฒนชัย  อุปนายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ เปิดเผยว่า ตัวแทนผู้เลี้ยงหมูทั่วประเทศ เข้าร้องต่อ DSI เร่งเอาผิดต้นตอลักลอบนำเข้าหมูเถื่อน ที่สร้างความเสียหายเกือบ 5 หมื่นล้านบาท หากไม่หยุดยั้ง ยิ่งจะสร้างความสูญเสียเพิ่มอีก เพราะขณะนี้เกษตรกรผู้เลี้ยงหมูมีต้นทุน 96 บาท แต่จำหน่ายเพียง 53 บาท พร้อมเร่งรัดการตรวจสอบกรณีพบหมูเถื่อน 400 ตู้คอนเทนเนอร์ ที่ท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งไม่นำเข้ากระบวนการตรวจสอบ เช่นเดียวกับหมูเถื่อนที่จับกุมได้ก่อนหน้านี้ 161 ตู้  เพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดตามกฎหมาย

นอกจากนี้ ยังเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าไปตรวจสอบหมูเถื่อนที่ลักลอบนำเข้ามา ผ่านทางท่าเรืออื่นๆ ด้วย ซึ่งตามเอกสารที่นายด่านศุลกากรได้ชี้แจง ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์-เมษายน พบว่า ยังมีตู้คอนเทนเนอร์หมูเถื่อนค้างอยู่ที่ท่าเรือแหลมฉบัง อีกกว่า 1,000 ตู้ ซึ่งในวันนี้ ได้นำหลักฐานที่รวบรวมได้มมอบให้ DSI เพื่อไปตรวจสอบ

ทั้งนี้ ปัญหาหมูเถื่อนจากต่างประเทศส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง ไม่ใช่เฉพาะเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูเท่านั้น แต่กระทบถึงผู้บริโภคด้วย เนื่องจากการตรวจสอบพบมีเชื้อที่อันตรายต่อคนและสัตว์ รวมถึงทำลายภาพลักษณ์ของประเทศไทย ที่พบการลักลอบนำเข้าหมูเถื่อนเข้ามจำนวนมหาศาล

ด้านนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากร ขอให้ DSI ตรวจตู้หมูเถื่อนที่ยังซุกซ่อนอยู่ที่ท่าเรือแหลมฉบังอีกหลายพันตู้ เพราะหลังจากจับกุมล็อตใหญ่ไปแล้ว 161 ตู้ จำนวนหมูเถื่อน 4.5 พันตัน ยังคงมีตู้หมูเถื่อนซุกซ่อนอยู่ที่ท่าเรือแหลมฉบังอีกมากกว่า 2,000 ตู้  สำหรับเป้าหมายสำคัญ คือ อยากขอให้ DSI ดําเนินคดีกับนายด่านท่าเรือไปจนถึงอธิบดีศุลกากร แต่เกรงว่าจะขัดต่อรูปคดีที่ดําเนินการอยู่ จึงขอให้ DSI ช่วยตรวจสอบหมูเถื่อนที่ยังตกค้างอยู่ที่ท่าเรือแหลมฉบัง

นายอัจฉริยะ กล่าวว่า ตนมีหลักฐานชัดเจน โดยหลังจากที่มีการเข้มงวดตรวจค้นที่ท่าเรือแหลมฉบังก็พบว่ามีการลักลอบออกมาทีละ 1-2 ตู้ และเปลี่ยนจากท่าเรือแหลมฉบังไปที่ท่าเรือคลองเตยแทน หมูเถื่อนเกิดขึ้นตั้งแต่ปลายปี 2564 จนถึงปัจจุบันและอีก 2 เดือนข้างหน้าหากยังไม่มีการแก้ไขหรือปราบปรามอย่างจริงจังเกษตรกรทั่วประเทศ “เจ๊ง” หมดอย่างแน่นอน ซึ่งจะส่งผลให้ประชาชนก็ได้รับหมูที่มีราคาแพงขึ้น

ด้านตัวแทนเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกร เผย ผู้เลี้ยงหมูทุกคนเดือดร้อนเป็นอย่างมากคาดว่าไม่เกิน 2 เดือน จะล่มสลาย จึงอยากขอให้เรื่องนี้จบโดยเร็ว ซึ่งได้ข้อมูลว่ามีการลอบนําเข้ามาอย่างหนักในภาคใต้ เพราะขึ้นง่ายมีทะเลทั้ง 2 ฝั่ง เมื่อระวังท่านี้ก็หนีไปขึ้นท่าอื่นๆ และก่อนหน้านี้ไทยมีเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรมากกว่า 200,000 ราย แต่ปัจจุบันเหลือเพียงแค่ 40,000 กว่ารายเท่านั้น และไม่อยากให้ประชาชนติดกับดักอยู่ที่การจับหมูเถื่อน 161 ตู้ เท่านั้น เพราะนั่นยังไม่ถึง 1% ของที่ลักลอบนำเข้าด้วยซ้ำ ที่เหลืออีกจํานวนมาก

AIS PLAY ยิงสดไทยลีกซีซั่นใหม่ ตัวจริงศูนย์กลางการรับชมบอลไทย

0

AIS PLAY ตอกย้ำตัวจริงการเป็นแพลตฟอร์ม ศูนย์กลางการรับชมกีฬาและฟุตบอลไทย เดินหน้าทำงานร่วมกับสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ และ บริษัท ไทยลีก จำกัด อย่างต่อเนื่อง เป็นปีที่ 3 พร้อมส่งตรงการแข่งขัน ไทยลีก เอฟเอคัพ และลีกคัพ ให้แฟนบอลได้รับชมและติดขอบจอกันแบบเชียร์แบบจุใจทั้งการชมสด           ดูพร้อมไฮไลท์ และ รีรัน ได้อย่างจุใจ ผ่านทุกช่องทางบน AIS PLAY พิเศษสำหรับลูกค้า AIS รับชมสุดคุ้มเพียง 500 บาท ตลอดทั้งฤดูกาล 2023-2024 เพียงกด *677*1# โทรออก

นางสาวรุ่งทิพย์ จารุศิริพิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการพันธมิตรธุรกิจด้านบันเทิงและคอนเทนต์ AIS กล่าวว่า “เรารู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของวงการฟุตบอลไทยต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ในการสนับสนุนวงการฟุตบอลไทย และส่งต่อประสบการณ์การรับชมการแข่งขันสุดดุเดือดของไทยลีกไปยังสายตาแฟนบอลทั่วประเทศ โดยในปีนี้เรายังคงทำงานอย่างใกล้ชิดร่วมกับ สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ และ บริษัท ไทยลีก จำกัด เพื่อยกระดับการแข่งขันและการรับชมในฐานะที่เป็นแพลตฟอร์มฟุตบอลไทยบน AIS PLAY ตอกย้ำความเป็นศูนย์กลางการรับชมฟุตบอลไทยตัวจริง ด้วยการจัดเต็มความพิเศษ เอาใจคอบอลให้ได้รับชมคอนเทนต์ฟุตบอลไทย ทั้งชมสด พร้อมไฮไลท์ และ รีรัน ตลอดทั้งฤดูกาล  รวมถึงยังเดินหน้าคัดสรรสุดยอดคอนเทนต์กีฬาระดับพรีเมี่ยมทั้งระดับประเทศ และระดับโลกเข้ามาเติมเต็มให้คนไทยได้เต็มอิ่มกับความหลากหลายของประเภทกีฬาที่เดียวบน AIS PLAY”

สำหรับไทยลีกในฤดูกาล 2023-2024 ที่กำลังจะมาถึงนี้ ก็ยังคงจัดเต็มความเข้มข้นมาให้แฟนบอลได้รับชมกันตั้งแต่วีคแรกของนัดเปิดสนาม เรียกได้ว่าเป็นบิ๊กแมตช์ที่พลาดไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว เริ่มตั้งแต่ เจ้าของแชมป์เก่า “ปราสาทสายฟ้า” บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด บุกไปเยือน “จงอางผยอง” ขอนแก่น ยูไนเต็ด และอีกหนึ่งคู่สำคัญกับ “กิเลนผยอง” เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่จะเปิดบ้านดวลกับ “กว่างโซ้ง” ลีโอ เชียงราย ยูไนเต็ด

ลูกค้า AIS ทั้งโมบายล์และ AIS Fibre สามารถรับชมฟุตบอลไทยลีก 1, เอฟเอคัพ และลีกคัพ สดทุกแมตช์ พร้อมไฮไลท์ และรีรัน ได้อย่างจุใจ พร้อมกันนัดแรก 11 สิงหาคม 2566 เวลา 19.00 น. เป็นต้นไป ในทุกช่องทางบน AIS PLAY ทั้งแอปพลิเคชัน, เว็บไซต์ https://aisplay.ais.co.th/portal/screen/SportsWeb/ , กล่อง AIS PLAYBOX, SAMSUNG Smart TV และ Apple TV เพียง 500 บาท ตลอดทั้งฤดูกาล สมัครง่ายๆ เพียงกด *677*1# โทรออก และลูกค้า AIS Fibre สมัครผ่าน www.ais.th/ballthai ได้ตั้งแต่วันนี้ เป็นต้นไป

นอกจากนี้ลูกค้ายังสามารถเลือกรับชมการแข่งได้แบบรายเดือนเพียง 59 บาท ต่อเดือนเท่านั้น สมัครง่ายๆ เพียงกด *677# โทรออก และลูกค้า AIS Fibre สมัครผ่าน www.ais.th/ballthai ได้ตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม เป็นต้นไป

AIS ยืนหนึ่ง คว้า 3 รางวัลใหญ่ CEO-CFO-IR ยอดเยี่ยม จากสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน

0

นับเป็นปีที่ 3 ต่อเนื่อง ที่ AIS สามารถคว้ารางวัลจากสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน ในการประกาศผล IAA Awards for Listed Companies 2022 ได้ถึง 3 รางวัลใหญ่ ในหมวดอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและสื่อสาร ที่ประกอบไปด้วย รางวัล CEO ยอดเยี่ยม, รางวัล CFO ยอดเยี่ยม และรางวัล IR ยอดเยี่ยม นับเป็นผู้ให้บริการโทรคมนาคมไทยเพียงรายเดียวที่คว้าทั้ง 3 รางวัลได้เป็นปีที่ 3 ต่อเนื่องติดต่อกัน สะท้อนให้เห็นความเชื่อมั่นที่ได้รับจากลูกค้าและนักลงทุนไทย ผ่านความสำเร็จในการบริหารจัดการองค์กรในมิติต่างๆ ที่คำนึงถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มเพื่อสร้างคุณค่าให้เกิดการเติบโตอย่างยั่งยืน

นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AIS กล่าวว่า “ต้องขอขอบคุณสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน ผ่านไปยังนักวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์ นักวิเคราะห์และผู้จัดการกองทุนของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน และผู้ลงทุนสถาบัน ที่มองเห็นถึงความสามารถในการบริหารงานของทีมผู้บริหารและพนักงานทุกคนที่พร้อมนำพาธุรกิจของ AIS ไปสู่เป้าหมายและสามารถสร้างการเติบโตได้อย่างยั่งยืน บนกรอบพื้นฐานของการมีบรรษัทภิบาลในการดำเนินธุรกิจ และได้มอบรางวัล IAA Awards ให้กับเราในปีนี้

โดยทั้ง 3 รางวัลที่เราได้รับสะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จของชาว AIS ทุกคน ภายใต้วิสัยทัศน์ที่เราพร้อมเคลื่อนตัวสู่การเป็นองค์กรโทรคมนาคมเทคโนโลยีอัจฉริยะ หรือ Cognitive Tech-Co ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจในการทำงานเพื่อยกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลของประเทศให้มีความแข็งแรงและสร้างการเติบโตให้กับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนในทุกมิติต่อไป”

สำหรับรางวัล IAA Awards for Listed Companies 2022 จัดโดย สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน เพื่อเชิดชูเกียรติแด่บุคลากรทั้ง CEO, CFO และ IR ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งในปีนี้ AIS สามารถคว้ารางวัลมาได้ทั้งหมด 3 รางวัล ในหมวดอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและสื่อสาร นับเป็นองค์กรโทรคมนาคมหนึ่งเดียว และเป็นองค์กรไทยรายแรกของไทยในตลาดหลักทรัพย์ฯ  ที่คว้ารางวัลมากที่สุดต่อเนื่อง 3 ปีซ้อน ดังนี้

รางวัล CEO ยอดเยี่ยม  ด้วยการวางวิสัยทัศน์ที่พร้อมเคลื่อนตัวเองสู่การเป็นองค์กรโทรคมนาคมเทคโนโลยีอัจฉริยะ หรือ Cognitive Tech-Co ด้วยจุดหมายที่สำคัญ คือ เพิ่มประสิทธิภาพการใช้งาน สร้างประโยชน์ให้แก่ลูกค้าอย่างสูงสุดเสมอ ทั้งธุรกิจหลักคือการให้บริการโครงข่ายดิจิทัล การเติบโตของธุรกิจเน็ตบ้าน บริการลูกค้าองค์กร และธุรกิจบริการดิจิทัล ที่สอดรับกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าเพื่อการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในอนาคต

รางวัล CFO ยอดเยี่ยม โดยวันนี้ AIS ยังคงความแข็งแกร่งด้านการเงิน ผ่านการวางนโยบายและบริหารจัดการด้านการเงินของธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้การดำเนินธุรกิจขององค์กรเป็นไปตามเป้าหมาย สามารถวางแผนการลงทุนเพื่อพัฒนาและยกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลเพื่อลูกค้าและคนไทย

รางวัล IR ยอดเยี่ยม ด้วยเป้าหมายในการทำงานมุ่งสร้างคุณค่าและใส่ใจกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในทุกกลุ่ม ทำให้ที่ผ่านมาทีมนักลงทุนสัมพันธ์ของ AIS ได้รับการยอมรับว่า สนับสนุนและให้ความสำคัญกับกิจกรรมของนักวิเคราะห์และนักลงทุน ทั้งในเรื่องของการให้ข้อมูลที่ถูกต้อง มีคุณภาพ มีความครบถ้วน และสม่ำเสมอ