LINE BK เดินหน้าต่อยอดบริการทางการเงินให้ครอบคลุมตอบโจทย์ทุกความต้องการ พร้อมลุยธุรกิจนายหน้าประกันชีวิต ภายใต้บริษัท กสิกร ไลน์ อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ จำกัด เดินหน้าจับมือ บมจ.เมืองไทยประกันชีวิต นำเสนอประกันที่สามารถจ่ายผ่าน LINE BK ครบจบบนแอปพลิเคชัน LINE พร้อมฉลองเปิดตัวบริการใหม่ มอบโปรโมชันสุดพิเศษให้กับลูกค้าเมื่อซื้อผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตและประกันสุขภาพผ่าน LINE BK ตั้งแต่วันนี้ - 15 พฤศจิกายน 2566
นายธนา โพธิกำจร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กสิกร ไลน์ จำกัด ผู้ให้บริการ Social Banking ภายใต้ชื่อ LINE BK เปิดเผยว่า LINE BK ตั้งเป้าที่จะเข้ามาทำให้เรื่องเงินเป็นเรื่องง่ายในแอปพลิเคชัน LINE โดยมุ่งพัฒนาบริการให้ตอบโจทย์ความต้องการด้านการเงินของลูกค้าได้อย่างครอบคลุม ครบทั้ง 4 มิติ ได้แก่ การออม, สินเชื่อ , การป้องกันความเสี่ยง และการลงทุน โดยเกือบ 3 ปีที่ผ่านมา LINE BK ได้มีการเปิดตัวบริการตามแผนที่วางไว้มาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ลูกค้าเข้าถึงบริการทางการเงินทั้ง ฝาก ถอน โอน จ่าย และยืมได้อย่างสะดวกสบาย และปลอดภัยในแอปฯ LINE ซึ่งล่าสุดได้เปิดตัวบริการ LINE BK Insurance Broker เพื่อเติมเต็มบริการในมิติของการป้องกันความเสี่ยง ภายใต้ บริษัท กสิกร ไลน์ อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ จำกัด ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญที่ตอกย้ำการเดินตามแผนที่วางไว้อย่างต่อเนื่องของบริษัทฯ
LINE BK Insurance Broker ได้นำความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาประยุกต์ใช้ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าเข้าถึงความคุ้มครองชีวิตและสุขภาพได้อย่างรวดเร็ว สามารถเลือกซื้อและชำระเงินได้ครบจบบนแอปพลิเคชัน LINE นอกจากนี้ยังมีจุดเด่นในการคัดเลือกผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมความคุ้มครองและเข้าใจง่ายเหมาะสมกับทุกไลฟ์สไตล์อีกด้วย
“ผลิตภัณฑ์ประกันที่ LINE BK นำเสนอในช่วงแรก ได้จับมือกับทาง เมืองไทยประกันชีวิต หรือ MTL เพื่อคัดสรรประกันที่มีความคุ้มครองที่เหมาะสมและครอบคลุมกับความต้องการคนในปัจจุบัน ด้วยราคาเบาๆ ภายใต้แนวคิด “ประกันโดนใจ ซื้อง่าย จ่ายเบา จบใน LINE” โดยอธิบายภาษาประกันให้เข้าใจง่าย รวมทั้งเลือกซื้อได้ง่ายด้วยตัวเองผ่านช่องทางแอปพลิเคชัน LINE จบทุกขั้นตอนภายในแอปเดียว อีกทั้งสามารถ ถาม-ตอบ ข้อสงสัยการซื้อหรือข้อมูลผลิตภัณฑ์ทั่วไปกับพี่หมีที่เป็น Chat bot ผ่าน LINE BK Official Account (@LINEBK) ได้ตลอดเวลา สอดรับกับเทรนด์โลกที่คนส่วนใหญ่ต่างหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพและมองหาความคุ้มครองด้านสุขภาพมากขึ้น เพื่อคุ้มครองโรคภัยไข้เจ็บทั่วไป รวมถึงโรคร้ายต่างๆ จากสภาวะแวดล้อมในปัจจุบัน ซึ่งน่าจะเป็นโอกาสในการเจาะตลาดประกันชีวิต โดยมุ่งไปที่กลุ่มอาชีพอิสระที่ไม่มีความคุ้มครองจากประกันกลุ่มของนายจ้าง หรือกลุ่มพนักงานประจำที่มองหาความคุ้มครองเพิ่มเติม รวมถึงกลุ่มลูกจ้างรายวันที่ไม่สามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่มีค่าเบี้ยสูง เป็นต้น”
ทั้งนี้ผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตและความคุ้มครองสุขภาพของเมืองไทยประกันชีวิต ที่นำเสนอขายผ่านช่องทาง LINE BK ในช่วงแรกนั้น ได้คัดสรรแผนประกันที่มีความคุ้มครองครอบคลุมครบทุกด้าน เพื่อตอบโจทย์ลูกค้า LINE BK โดยเฉพาะกลุ่มคนตัวเล็กที่กำลังทรัพย์ไม่ได้เยอะ ตรงกับความต้องการที่แท้จริงของลูกค้าแบบ Outside In เพื่อให้สามารถเข้าถึงความคุ้มครองจากเมืองไทยประกันชีวิตได้สะดวกขึ้น ซึ่งเป็นหัวใจที่บริษัทฯ ให้ความสำคัญมาโดยตลอด ด้วยจุดมุ่งหมายเพื่อเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้ชีวิตของทุกคนมีรอยยิ้มได้
โดยเบื้องต้น LINE BK ได้คัดสรร 5 ผลิตภัณฑ์ ของ บมจ.เมืองไทยประกันชีวิต กับแพ็กเกจประกันชีวิตและสุขภาพมานำเสนอบนช่องทาง LINE BK ดังนี้
“คุณนายพารวย” ทราบมาว่า เมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา “ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย” ได้ไปศึกษาดูงานที่สวิตเซอร์แลนด์และเยอรมนี โดยได้ประชุมหารือกับองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มธุรกิจเกี่ยวโยงกับด้านสินทรัพย์ดิจิทัล เช่น SIX Digital Exchange, Deutsche Borse Group และกลุ่มที่เกี่ยวกับเรื่องความยั่งยืนและการกำกับดูแล อย่าง Gold Standard, European Energy Exchange, Swiss National Bank
ทั้งสองประเทศอยู่ในกลุ่ม EU ที่เป็นศูนย์กลางทางการเงิน และมีการพัฒนาเรื่องสินทรัพย์ดิจิทัลที่ก้าวหน้ากว่าประเทศอื่นๆในกลุ่ม เห็นได้จากการที่มีธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นจำนวนมาก เช่น SIX Digital Exchange ที่เคยทำธุรกิจตลาดหลักทรัพย์มาก่อน ก่อนจะขยายตัวมาทำสินทรัพย์ดิจิทัล ขณะที่ด้านความยั่งยืน 2 ประเทศนี้ ก็ไม่ต่างจากประเทศอื่นๆ ทั่วโลก ที่ให้ความสำคัญกับเรื่อง ESG โดยเฉพาะด้านสิ่งแวดล้อม สะท้อนถึงแนวโน้มการลงทุนที่เพิ่มขึ้นในพันธบัตร Green Bond, Weather Derivatives (อนุพันธ์ที่เกี่ยวกับภูมิอากาศ) และคาร์บอนเครดิต
สังคมโลกให้ความสำคัญกับการจัดการด้านคาร์บอนมากขึ้นอย่างชัดเจน ขณะที่โครงการคาร์บอนเครดิตในไทย ส่วนใหญ่ยังเลือกใช้มาตรฐานของไทยเป็นหลัก มีเพียงส่วนน้อยที่เลือกขึ้นทะเบียนกับ Gold Standard หรือองค์กรอื่นในระดับสากล โดยเฉพาะคาร์บอนเครดิตที่เกี่ยวกับการปลูกป่า
ตลาดหลักทรัพย์ฯก็จะได้นำความรู้และประสบการณ์ที่ได้ครั้งนี้มาพัฒนาแผนงานที่เกี่ยวข้อง เช่น การพัฒนาโครงการเพื่อส่งเสริมให้ไทยมีคาร์บอนเครดิตตามมาตรฐานของ Gold Standard โดยกำลังพิจารณาข้อตกลงความร่วมมือระหว่าง Gold Standard และตลาดหลักทรัพย์ฯในอนาคต นอกจากนี้ ยังจะสนับสนุนให้ผู้พัฒนาโครงการสามารถขอขึ้นทะเบียนคาร์บอนเครดิตของ Gold Standard ได้มากขึ้น