Home Blog Page 101

รู้เก็บรู้ออม : หลอกคืนภาษีเงินปันผล!!

0

สัปดาห์นี้ “คุณนายพารวย” ขอนำความห่วงใยมาบอกต่อกับแฟนคอลัมน์รู้เก็บรู้ออมฯทุกคน ล่าสุดตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ออกมาเตือนนักลงทุนและประชาชนว่าขอให้ระวัง อย่าไปหลงเชื่อมิจฉาชีพที่แอบอ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของตลาดหลักทรัพย์ฯ หรือบริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด (TSD) โทรศัพท์ไปหลอกลวง ทำทีสอบถามเรื่องการคืนภาษีเงินปันผล และชักชวนร่วมลงทุน

มิจฉาชีพพวกนี้จะพูดจาโน้มน้าว แอบอ้างชื่อหน่วยงาน หรือชื่อผู้บริหาร เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ จนทำให้เหยื่อหลงเชื่อ และทำตามที่บอก เช่น ให้หรือกรอกข้อมูลสำคัญส่วนตัว, ติดตั้งแอปฯลงในโทรศัพท์มือถือ หรือหลอกให้โอนเงิน ซึ่งที่ผ่านมามีผู้หลงเชื่อและตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก แบบไม่จำกัดเพศ อายุ และการศึกษา นั่นหมายความว่า เราทุกคนมีสิทธิตกเป็นเหยื่อโดนหลอกได้ตลอดเวลา นอนเล่นมือถือเพลินๆอยู่บ้าน รู้ตัวอีกทีก็อาจเปลี่ยนสถานะเป็นผู้ประสบภัยมิจฉาชีพออนไลน์ไปแล้ว

ช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา เป็นช่วงเวลาในการยื่นแบบภาษี ทำให้มิจฉาชีพอาศัยจังหวะเวลานี้ใช้เรื่องการคืนภาษีเงินปันผลมาหลอก ด้วยการอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่จากตลาดหลักทรัพย์ฯ หรือไม่ก็ TSD โทรศัพท์หาเหยื่อ ทำทีสอบถามข้อมูลเรื่องคืนภาษีเงินปันผล รวมทั้งชักชวนให้ร่วมลงทุน โดยพยายามจะให้เราแอดไลน์ หรือเข้ากลุ่มไลน์ แล้วส่งลิงก์มาทางไลน์ หรือ ข้อความในมือถือ เพื่อให้เรากรอกข้อมูลส่วนตัว หรือไม่ก็เป็นลิงก์สำหรับติดตั้งโปรแกรม หรือแอปฯ ที่ไม่ปลอดภัย สามารถเข้ามาดูดข้อมูล หรือควบคุมคอมพิวเตอร์, โทรศัพท์มือถือของเราได้

เพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนต้องตกเป็นเหยื่อแก๊งคอลฯ และสูญเสียทรัพย์สินเงินทองทางตลาดหลักทรัพย์ฯขอย้ำเตือนว่า “ตลาดหลักทรัพย์ฯ และ TSD ไม่มีการให้เจ้าหน้าที่โทรศัพท์ติดต่อหรือส่ง SMS แนบ Link เพื่อขอข้อมูลเกี่ยวกับการคืนภาษีเงินปันผลในทุกกรณี จึงขอเตือนผู้ลงทุนและประชาชนทั่วไปให้ใช้ความระมัดระวังในการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว และไม่ควรหลงเชื่อให้ข้อมูลใดๆ”

ดังนั้น หากเราได้รับสายโทรศัพท์ที่ไม่รู้จัก อ้างว่าโทร.มาเรื่องคืนภาษีเงินปันผล ชักชวนให้ลงทุนหรือนู่นนี่นั่น ขอให้คิดไว้ก่อนเลยว่า ตัวเองกำลังโดนหลอกแน่นอน ตัดสายทิ้งไปเลย ไม่ต้องไปเสียเวลาฟัง ถ้ามีข้อสงสัยหรืออยากจะสอบถามข้อมูล สามารถติดต่อโดยตรงได้ที่ SET Contact Center 0-2009-9999 หรือ email: [email protected]

และเป็นหน้าที่ของเราที่ต้องหาวิธีป้องกันตัว หมั่นติดตามข่าวสารเพื่อจะได้รู้ทันมุกหลอกทั้งเก่า-ใหม่ เพราะเดี๋ยวนี้ พวกมิจฉาชีพเค้าปลอมแปลงได้หมด ทั้งโปรไฟล์, เสียงพูด และ วิดีโอคอล ขยับหน้าขยับปาก หลอกกันแบบเนียนๆ ตลอดจนการปั้นเรื่องราวให้เคลิ้มตาม พูดได้ว่าปลอมกันยันเงากันเลยทีเดียว ส่วนแนวทางรับมือมิจฉาชีพพวกนี้คือ เราต้องไม่เชื่ออะไรง่ายๆ ไม่บอกข้อมูลสำคัญส่วนตัวไม่ว่าจะเป็นการกรอกหรือบอกข้อมูลให้กับคนอื่น และที่สำคัญห้ามโอนเงินตามคำบอกเด็ดขาด

ขอให้อยู่รอดปลอดภัยกันนะทุกคน!

คุณนายพารวย

ที่มา คอลัมน์ "รู้เก็บรู้ออมรู้ใช้รู้ลงทุน..สู่ความมั่งคั่ง" หน้าเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ออมสิน ขานรับนโยบายรัฐบาล ประกาศลดดอกเบี้ย MRR 0.25% ช่วยลูกค้ารายย่อยทุกกลุ่ม

0

ตลอดปี 2567 ออมสินลดดบ. MRR แล้ว เท่ากับ 0.40% ถือเป็นอัตราดอกเบี้ย MRR ต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน ในฐานะประธานกรรมการสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการสมาคมฯ ที่ประชุมมีมติร่วมกันในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% เพื่อช่วยเหลือลูกค้ารายย่อยและกลุ่มเปราะบางตามนโยบายรัฐบาล โดยธนาคารออมสินได้ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อย (MRR – Minimum Retail Rate) สำหรับลูกค้ารายย่อยทุกกลุ่มลง 0.25% ต่อปี รวมลด MRR แล้วทั้งปี 2567 เท่ากับ 0.40% โดยเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2567 เป็นระยะเวลา 6 เดือน

วิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน

ทั้งนี้ สมาคมสถาบันการเงินของรัฐ และธนาคารสมาชิกฯ ตระหนักถึงภาระต้นทุนทางการเงินของประชาชนและสภาพเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวในขณะนี้ โดยสมาคมฯ พร้อมสนับสนุนการขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลในการกระตุ้นเศรษฐกิจและมาตรการทางการเงินต่าง ๆ ที่จัดทำขึ้น เพื่อบรรเทาภาระและช่วยเสริมสภาพคล่องในครัวเรือน ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

ลุ้นเงินรางวัลใหญ่สุด ! 111 ล้านบาท ออมเงินกับสลากออมสินพิเศษ 1 ปี ฉลองครบรอบ 111 ปี ธนาคารออมสิน

0

การเก็บเงินด้วยการเปิดบัญชีออมเงินให้กับตัวเอง หรือคนสำคัญในครอบครัว  เป็นของขวัญที่หลายคนนิยมทำในโอกาสพิเศษอย่างเช่นวันเกิด ตลอดจนวันและเดือนสำคัญต่างๆ   แม้จะดูเหมือนเป็นของขวัญที่เรียบง่าย แต่กลับเต็มเปี่ยมไปด้วยคุณค่า เมื่อได้เห็นรอยยิ้มและสัมผัสความสุขของผู้ให้และผู้รับ 

เช่นเดียวกันกับธนาคารออมสิน ธนาคารที่ส่งเสริมการออมมาอย่างยาวนาน ซึ่งที่ปีนี้ครบรอบ 111 ปี ออมสินขอใช้โอกาสพิเศษนี้เป็นผู้ส่งต่อความสุข มอบให้กับลูกค้าคนสำคัญของธนาคาร ด้วยการจัดโปรโมชันพิเศษ แจกรางวัลใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์กับรางวัลที่หนึ่ง 111 ล้านบาท !!! กับ สลากออมสินพิเศษ 1 ปี ทั้งใบสลาก และ ดิจิทัล  

คนที่อยากลุ้นเป็นเศรษฐีใหม่ร้อยล้าน ต้องไม่พลาดโอกาสนี้  กับการออมเงินที่มีแต่ได้กับได้ เพราะนอกจากลุ้นรางวัลใหญ่ 111 ล้านบาทที่จะทำการออกรางวัลวันที่ 16 พฤษภาคม 67 นี้แล้ว ยังได้ลุ้นเงินล้านกันได้อีกทุกเดือนทำให้มีโอกาสได้ลุ้นติดต่อกันกันไปยาวๆ ตลอด 12 เดือน พร้อมกับเงินรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย  นอกจากนี้เมื่อถือสลากจนครบอายุยังได้รับดอกเบี้ย 0.35 % ต่อปี ที่สำคัญดอกเบี้ยและรางวัลที่ได้รับ ก็ไม่ต้องหักภาษีบุคคลธธรมดาอีกด้วย

ใครที่อยากมีสิทธิลุ้นรางวัลใหญ่ 111 ล้านบาท ต้องรีบหน่อย เพราะต้องเป็นผู้ฝากสลากออมสินพิเศษ 1 ปี ทั้งแบบใบสลากและดิจิทัลตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. – 15 พ.ค. 67 เท่านั้น   สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่  https://shorturl.asia/CdTDK

งานนี้ขอให้รวยขอให้ปัง แค่กำเงินร้อยเดียวก็มีสิทธิลุ้นโชคใหญ่  โดยธนาคารออมสินเปิดให้ผู้สนใจฝากสลากออมสินพิเศษ 1 ปี  สามารถฝากขั้นต่ำ 100 บาทต่อหน่วย และไม่จำกัดวงเงินรับฝากสูงสุดอีกด้วย

มาร่วมฉลองครบรอบ 11 ปี ธนาคารออมสิน พร้อมมอบของขวัญพิเศษให้กับตัวเองหรือคนสำคัญ ด้วยการออมเงินผ่านสลากออมสินพิเศษ 1 ปี พร้อมกับลุ้นเงินรางวัลใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ 111 ล้านบาท โดยสามารถฝากแบบใบสลากได้ที่ธนาคารออมสินทุกสาขา และแบบดิจิทัล ที่แอปพลิเคชัน MyMo 

หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ GSB Contact Center โทร. 1115 หรือ ติดตามข้อมูลข่าวสารได้ที่ www.gsb.or.th และ Facebook  : GSB Society

# # #

ซีพี – ซีพีเอฟ สนับสนุนโครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้” รุ่นที่ 42 ส่งเสริมเยาวชนรุ่นใหม่ ตอบแทนคุณแผ่นดิน

0
เครือเจริญโภคภัณฑ์ ร่วมกับ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ มอบผลิตภัณฑ์อาหารคุณภาพ สนับสนุนโครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้” รุ่นที่ 42 ร่วมสร้างโอกาสการเรียนรู้แก่เยาวชนจากพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนใต้ มุ่งพัฒนาทัศนคติแนวคิด สู่การพัฒนาตนเองและครอบครัว สู่การเป็น “คนดีของสังคม” พร้อมนำความรู้ไปต่อยอดสร้างโอกาสทางการศึกษาในอนาคต ณ สโมสรทหารบก (ส่วนกลาง) วิภาวดี กรุงเทพมหานคร

โครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้” รุ่นที่ 42 ได้รับเกียรติจาก พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกมูลนิธิ “สานใจไทย สู่ใจใต้” เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการฯ พร้อมด้วย นายอารีย์ วงศ์อารยะ ประธานกรรมการบริหารมูลนิธิฯ โดยมี นายจอมกิตติ ศิริกุล ผู้บริหารสูงสุด สายงานด้านบริหารกิจการสัมพันธ์ เครือเจริญโภคภัณฑ์ และผู้ช่วยบริหารสำนักประธานคณะกรรมการบริหาร ซีพีเอฟ เป็นผู้แทนบริษัท ร่วมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำศาสนา ครอบครัวอุปถัมภ์ เยาวชนผู้ร่วมโครงการฯ และครูพี่เลี้ยง เข้าร่วมกิจกรรมรวมกว่า 350 คน

พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ กล่าวว่า “สานใจไทย สู่ใจใต้” ชื่อโครงการนี้ได้แสดงออกถึงความร่วมมือของทุกคนในประเทศไทย ที่ได้ร่วมแรงร่วมใจกันช่วยเหลือดูแล ส่งเสริม ให้ความอนุเคราะห์แก่เยาวชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีโอกาสได้รับสิ่งที่พวกเขาใฝ่ฝันไว้ นอกจากนี้ ขอฝากถึงเยาวชนให้จดจำดำริของ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ที่ว่า “ความเป็นไทย และความเป็นธรรม” ความเป็นไทย หมายถึง ความรัก ความผูกพัน โอบอ้อมอารี โดยไม่จำเป็นว่าจะต้องมีความเชื่อเหมือนกัน แต่เมื่อมารวมกันเป็นคนไทยแล้ว ก็จะมีสิ่งนั้นอยู่ในความรู้สึกอยู่ในความคิดของทุกคน และเมื่อมีความเป็นไทย มีความผูกพันกันแล้ว การให้ “ความเป็นธรรม” ก็เกิดขึ้นได้ไม่ยาก จากความยุติธรรม มีความเท่าเทียมกัน ภายใต้กรอบวัฒนธรรมและกฎหมายของสังคม

ด้าน นายจอมกิตติ ศิริกุล กล่าวว่า ซีพีและซีพีเอฟ โดยมูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์ ให้การสนับสนุนการจัดกิจกรรมโครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 20 สำหรับโครงการฯในรุ่น 42 นี้ บริษัทมอบผลิตภัณฑ์อาหาร ไข่ไก่สดซีพี และข้าวตราฉัตร ให้แก่เยาวชนและพี่เลี้ยง จำนวน 350 คน สำหรับนำไปประกอบอาหารบริโภคตลอดช่วงที่พักอาศัยกับครอบครัวอุปถัมภ์ ในระหว่างวันที่ 17 เมษายน – 27 พฤษภาคม 2567 ตลอดระยะเวลาการจัดกิจกรรมเยาวชนที่เข้าร่วมโครงการฯ จะได้ร่วมกิจกรรมเสริมสร้างความรู้ ประสบการณ์ทักษะอาชีพ และได้พำนักกับครอบครัวอุปถัมภ์ ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและจังหวัดใกล้เคียง ได้พัฒนาทัศนคติแนวคิด สู่การพัฒนาตนเองและครอบครัว เพื่อเป็นคนดีของสังคม พร้อมนำความรู้ที่ได้ไปต่อยอดสร้างโอกาสทางการศึกษาต่อไปในอนาคต

ทางด้าน อาวาตีฟ โชติจันทร์ ตัวแทนเยาวชน กล่าวถึงสาเหตุที่ตัดสินใจสมัครเข้าร่วมโครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้” ว่าต้องการพัฒนาตนเอง และออกจากกรอบ ประกอบกับอยากลองทำสิ่งใหม่ๆ โดยหวังว่าจะได้นำประสบการณ์ที่ได้รับไปพัฒนาในด้านต่างๆ และโครงการฯ นี้ถือเป็นโอกาสที่ดีและเป็นประสบการณ์ที่ไม่อาจหาได้จากที่อื่น

กิจกรรมในครั้งนี้ เป็นการจัดในนาม มูลนิธิ “สานใจไทย สู่ใจใต้” เป็นครั้งแรก โดยมูลนิธิฯ มีเป้าหมาย สนับสนุนให้เยาวชนไทยได้เรียนรู้การอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรมเดียวกัน มีความเป็นธรรม ความเป็นไทยเท่าเทียมกัน โดยโครงการ “สานใจไทย สู่ ใจใต้” เกิดขึ้นจากดำริของพลเอก เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ.

ส.ธนาคารไทย ประกาศลดดอกเบี้ย MRR 0.25% นาน 6 เดือน ช่วยกลุ่มเปราะบาง ทั้งลูกค้าบุคคล และ SME

0

‘สมาคมธนาคารไทย’ หั่นดอกเบี้ยลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) ลง 0.25% เป็นเวลา 6 เดือน เพื่อลดภาระดอกเบี้ยให้กลุ่มเปราะบาง ทั้งลูกค้าบุคคล และ SME

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 25 เม.ย.67 นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการสมาคมธนาคารไทย เห็นชอบปรับลดอัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) 0.25% สำหรับลูกค้ากลุ่มเปราะบาง ทั้งลูกค้าบุคคล และ SME เป็นเวลา 6 เดือน เพื่อลดภาระดอกเบี้ย และมีโอกาสฟื้นตัว ปรับตัว ซึ่งเป็นไปในแนวทางเดียวกันกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภาครัฐ ที่มีทั้งมาตรการระยะสั้นรองรับการเปลี่ยนผ่าน และมาตรการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจในระยะกลางและระยะยาว สอดคล้องกับมาตรการการแก้หนี้อย่างยั่งยืน และการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (Responsible Lending) ของธนาคารแห่งประเทศไทย

ผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย

โดยธนาคารสมาชิก จะเร่งพิจารณาดำเนินการตามหลักการดังกล่าว และเตรียมความพร้อมของระบบงาน เพื่อตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มเปราะบางของแต่ละธนาคาร ตามบริบทที่เหมาะสมโดยเร็วที่สุด

ทั้งนี้ ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของภาคอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ในตลาดเงินตลาดทุน สมาคมธนาคารไทย และธนาคารสมาชิก ให้ความสำคัญกับการดูแลลูกค้า และตระหนักถึงการมีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อสังคมและผู้มีส่วนได้เสียในวงกว้าง (Corporate Responsibility) ซึ่งการช่วยเหลือลูกค้า ประชาชน และผู้ประกอบการรายย่อย ยังต้องอาศัยความร่วมมือจากภาคส่วนอื่นๆ ในระบบเศรษฐกิจ รวมถึงมาตรการระยาวในการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ เพื่อนำไปสู่ความสามารถในการแข่งขัน และการสร้างรายได้ที่พอเพียงและยั่งยืน

เมืองไทยประกันชีวิต คว้ารางวัลสุดยอดองค์กรธุรกิจไทย “THAILAND TOP COMPANY AWARDS 2024” ต่อเนื่องปีที่ 6

0

เมืองไทยประกันชีวิต ปลื้มอีกครั้ง รับรางวัลแห่งเกียรติยศ รางวัลสุดยอดองค์กรธุรกิจไทย “THAILAND TOP COMPANY AWARDS 2024” รางวัลที่มอบให้องค์กรที่มีผลการดำเนินงานยอดเยี่ยมและมีความเป็นเลิศ ประจำปี 2567 ซึ่งจัดขึ้นโดยนิตยสาร BUSINESS+  บริษัท เออาร์ไอพี จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย

นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)  เปิดเผยว่า จากนโยบายการดำเนินธุรกิจด้วยการตั้งเป้าหมายการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในทุกมิติ (Sustainable Growth) เป็นการใช้แนวทางยุทธศาสตร์ที่เป็นรากฐานของบริษัทในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนและเป็นประโยชน์ต่อลูกค้าและสังคมโดยรวม โดยได้กำหนดยุทธศาสตร์หลายด้านเพื่อให้บริษัทสามารถเติบโตและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าเป็นอย่างดี โดยเน้นการพัฒนาและขยายธุรกิจผ่านพันธมิตรธุรกิจใหม่ การนำเสนอประสบการณ์ที่ดีแก่ลูกค้า การใช้ข้อมูลและเทคโนโลยีเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และการบริหารความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างความยั่งยืนในการเติบโตผ่านสุขภาพที่ดีทั้งทางกาย ใจ และการเงินของลูกค้า โดยยึดหลักการมีลูกค้าเป็นศูนย์กลางและตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์และเงื่อนไขของชีวิตทุกคน

จากนโยบายการดำเนินงานดังกล่าว ทำให้บริษัทฯ ได้รับรางวัล THAILAND TOP COMPANY AWARDS 2024″ รางวัลสุดยอดองค์กรธุรกิจไทยต่อเนื่องปีที่ 6  ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันและเสริมสร้างความมุ่งมั่นในการบริหารจัดการธุรกิจให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน และรางวัลนี้เป็นแรงบันดาลใจและกำลังใจสำคัญที่จะกระตุ้นให้บริษัทฯ เร่งพัฒนาศักยภาพและการบริหารจัดการในธุรกิจอย่างเต็มที่ เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์และบริการที่มีคุณภาพ เสริมสร้างชุมชนธุรกิจที่เข้มแข็งและยั่งยืน ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญที่ส่งเสริมการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจไทยในระยะยาว โดยการให้บริการและผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองต่อความต้องการของตลาดอย่างมีประสิทธิภาพและมีคุณภาพสูงสุด

ทั้งนี้ความมุ่งมั่นในการพัฒนาและเติบโตของบริษัทฯ ในทุกมิติเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ได้รับรางวัล  การมุ่งมั่นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการที่มีคุณภาพและตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ การสร้างความเชื่อมั่นและความไว้วางใจของลูกค้า การนำเสนอนวัตกรรมในกระบวนการการทำงาน  ตลอดจนการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ นอกจากนี้ยังพิจารณาถึงการสร้างดำเนินธุรกิจอย่างมั่นคงยั่งยืนและมีส่วนร่วมในการพัฒนาสังคมการทำงานร่วมกับชุมชนและการสนับสนุนโครงการสังคมในระดับต่างๆ การรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม

“เนื่องด้วยความมุ่งมั่นในการพัฒนาและการเติบโตอย่างมั่นคงและต่อเนื่องของบริษัท ได้เป็นที่ยอมรับจากทุกภาคส่วน การพัฒนานวัตกรรมที่สร้างประสิทธิภาพและการทำงานที่มีความสามารถที่จะตอบสนองต่อความต้องการของตลาดได้อย่างเต็มที่ ทั้งนี้เป็นเหตุผลที่ทำให้บริษัทได้รับรางวัล “Thailand Top Company Awards 2024” ได้เป็นที่ยอมรับอย่างแพร่หลายในวงการธุรกิจและสังคมโดยรวม บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาในทุกมิติเพื่อให้เติบต่อมั่นคงและยั่งยืนโดยแท้จริง” นายสาระกล่าว

AIS จับมือ Gulf Binance มอบสิทธิพิเศษลูกค้ารายเดือน เปิดบัญชีคริปโตฯ รับเหรียญ BNB มูลค่า 150 บาท

0
AIS จับมือ Gulf Binance เดินหน้าเชื่อมต่อดิจิทัลไลฟ์สไตล์ รับเทรนด์การลงทุนในโลกสินทรัพย์ดิจิทัล มอบสิทธิพิเศษให้ลูกค้า AIS รายเดือนรับทันที เหรียญ BNB มูลค่า 150 บาท เพียงเปิดบัญชี และยืนยันตัวตนสำเร็จ บนแพลตฟอร์ม BinanceTH by Gulf Binance ศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลและนายหน้าสินทรัพย์ดิจิทัลที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงาน ก.ล.ต. ตอบโจทย์การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลของลูกค้า ให้ซื้อขาย คริปโตฯ ได้อย่างสะดวกสบาย และปลอดภัย

นายคณาธิป ธีรทีป หัวหน้าแผนกงานการตลาดด้านผลิตภัณฑ์และลูกค้าโพสต์เพด AIS กล่าวว่า “AIS มุ่งมั่นที่จะพัฒนาสินค้า และการบริการเพื่อตอบโจทย์ดิจิทัลไลฟ์สไตล์ของลูกค้าผ่านการทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ในทุกมิติ ซึ่งในครั้งนี้เราได้ Gulf Binance ในฐานะผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยีบล็อกเชน และการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีความปลอดภัยในประเทศไทยบนแพลตฟอร์ม BinanceTH by Gulf Binance ที่ร่วมกันส่งมอบประสบการณ์การซื้อขาย ลงทุนในตลาดคริปโตเคอร์เรนซี ที่กำลังได้รับความนิยมในกลุ่มคนรุ่นใหม่ โดยเราได้ร่วมกันมอบสิทธิพิเศษให้กับลูกค้า เราเชื่อว่าความร่วมมือครั้งนี้จะเป็นการตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นตั้งใจมุ่งตอบโจทย์ทุกดิจิทัลไลฟ์สไตล์ลูกค้าได้เป็นอย่างดี”

ทางด้าน นายนิรันดร์ ฟูวัฒนานุกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กัลฟ์ ไบแนนซ์ จำกัด กล่าวเสริมว่า “ความร่วมมือระหว่างกัลฟ์ ไบแนนซ์ และ เอไอเอส เกิดขึ้นจากความมุ่งมั่นที่ต้องการสร้างสรรค์นวัตกรรม เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงบริการทางการเงิน เพื่อให้ตอบรับกับวิสัยทัศน์ที่ต้องการสร้างโลกดิจิทัลที่เชื่อมต่อกันมากขึ้น ซึ่งนอกจากแคมเปญที่ทั้งสองบริษัทได้ทำร่วมกันจะช่วยอำนวยความสะดวกในการเข้าถึงสินทรัพย์ดิจิทัลให้แก่กลุ่มลูกค้าของเอไอเอส พร้อมกับมอบรางวัลพิเศษเมื่อเปิดบัญชีสำเร็จแล้ว แคมเปญนี้ยังจะช่วยสร้างการรับรู้และส่งมอบความรู้เกี่ยวกับระบบนิเวศดิจิทัลที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในประเทศไทยไปยังผู้คนในวงกว้างอีกด้วย โดยเรายังคงมองหาโอกาสในการขยายความร่วมมือในด้านอื่นต่อไปอนาคต เพื่อจับมือเดินหน้าสู่เป้าหมายที่การเข้าถึงเทคโนโลยีไม่ใช่เรื่องไกลเกินจริง”

สำหรับลูกค้า AIS ที่ใช้แพ็กเกจรายเดือน สามารถรับสิทธิ์เหรียญ BNB มูลค่า 150 บาท ได้ง่ายๆ เพียง เปิดบัญชี และยืนยันตัวตนสำเร็จ บนแพลตฟอร์ม BinanceTH by Gulf Binance พร้อมทำ 3 ขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้

1.) กดรับสิทธิ์ผ่าน *545*790#  และนำโค้ดที่ได้รับผ่านทาง SMS ไปกรอกในช่องรหัสแนะนำสมาชิก (ช่อง Referral Code) เมื่อสมัครเปิดบัญชีครั้งแรกบนแพลตฟอร์ม Binance TH by Gulf Binance

2.) ยืนยันตัวตนเพื่อความปลอดภัย (KYC) ภายในระยะเวลาที่กำหนด

3.) รอรับเหรียญ BNB มูลค่าเทียบเท่า 150 บาท ภายใน 14 วันทำการหลังจากกิจกรรมสิ้นสุดลง

สามารถรับสิทธิ์ได้ตั้งแต่วันนี้ – 31 พฤษภาคม 2567 (จำกัด 10,000 สิทธิ์ สำหรับลูกค้าที่ยืนยันตัวตนสำเร็จเท่านั้น) อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://m.ais.co.th/WxHmoeBhB

‘เจ้าสัวธนินท์’ ปิดโรงยกครอบครัวซีพีดูหนัง “หลานม่า” ยกให้เป็นหนังของครอบครัว

0

คุณธนินท์ เจียรวนนท์ พาครอบครัวพร้อมหน้าลูก-หลานมาดูหนัง “หลานม่า”

หนังไทยที่ทำให้คุณธนินท์ หลั่งน้ำตาด้วยความซาบซึ้ง และยกให้เป็นหนังของครอบครัว

จินา โอสถศิลป์  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จีดีเอช ห้าห้าเก้า จำกัด พร้อมด้วยโปรดิวเซอร์ จิระ มะลิกุล, วรรณฤดี พงษ์สิทธิศักดิ์ และผู้กำกับภาพยนตร์ หลานม่า  พัฒน์ บุญนิธิพัฒน์,  ปรียาวรรณ ภูวกุล ผู้อำนวยการฝ่ายจัดจำหน่ายในโรงภาพยนตร์อาวุโส ให้การต้อนรับ คุณธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโสเครือเจริญโภคภัณฑ์ พร้อมด้วยลูกหลาน โดยมี คุณสุภกิต เจียรวนนท์ ประธานกรรมการ เครือฯ , คุณศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหารเครือฯ,  คุณณรงค์ เจียรวนนท์ รองประธานอาวุโส เครือฯ, คุณวรรณี เจียรวนนท์ รอสส์, คุณทิพพาภรณ์ อริยวรารมย์,ดร.ชวัลวัฒน์ อริยวรารมย์ ฯลฯ ที่ให้เกียรติมาร่วมชมภาพยนตร์ “หลานม่า” กันทั้งครอบครัวอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา ณ โรงภาพยนตร์ เอ็มบาสซี ดิโพลแมทสกรีน ชั้น 6 ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี เมื่อวันก่อน

คุณธนินท์ กล่าวความรู้สึกว่า “วันนี้ได้มาดูภาพยนตร์หลานม่ากับครอบครัว ซึ่งหนังทำให้เกิดความรู้สึกซาบซึ้ง ประทับใจ และมีความพิเศษตรงที่ผู้ชมที่ได้มาดูกันทุกวัย ต่างชอบหนังเรื่องนี้ ผมดูแล้วน้ำตาไหล ปกติผมน้ำตาไหลยากมาก แต่หนังทำให้เราค่อยๆ ตามดู ค่อยๆ ซึ้งใจ จนถึงตอนบทสรุปสุดท้าย ความสัมพันธ์ระหว่างอาม่าและหลานเป็นความซาบซึ้งและน่าประทับใจมาก ในส่วนของนักแสดง ผู้กำกับ ตลอดจนทีมงานเบื้องหลังเก่งมากๆ หนังเรื่องนี้เหมาะกับทุกวัย ตั้งแต่เด็กจนถึงผู้ใหญ่ อย่างวันนี้ผมก็พาหลานๆ มาดู มากันหมดเลยทั้งบ้านเพราะหนังเรื่องนี้เลย อย่างหลานที่เป็นเด็กรุ่นใหม่ น้ำตาเขาก็ไหลด้วยความซาบซึ้ง หนังเรื่องนี้มีความพิเศษตรงที่ คนที่มาดูชอบตั้งแต่อายุน้อยๆ ไปจนถึงหนุ่มสาว ตลอดจนผู้สูงอายุ ทุกคนชอบ ทุกคนซาบซึ้งกันหมด สำคัญที่สุดคือมีความหมายที่ดีเรื่องของความกตัญญู ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ผมให้ความสำคัญมากในการทำธุรกิจ ซึ่งเป็นหนังที่รัฐบาลควรจะส่งเสริม ให้การสนับสนุน หวังว่าต่อไปจีดีเอช จะสร้างหนังที่ประสบความสำเร็จมากกว่านี้อีกหลายๆ เรื่องครับ”

ทิสโก้ แจกฟรีหนังสือ “NCDs โรคร้ายที่คนไทย (อาจ) หนีไม่พ้น!”

0

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มทิสโก้ ได้จัดทำหนังสือ “NCDs โรคร้ายที่คนไทย (อาจ) หนีไม่พ้น!” โดยรวบรวมองค์ความรู้ด้านการดูแลตนเองให้ห่างไกลโรค NCDs (คือ กลุ่ม “โรคไม่ติดต่อ” เรื้อรัง คือ ไม่ได้เกิดจากเชื้อโรคและไม่สามารถแพร่กระจายจากคนสู่คนได้ แต่เป็นโรคที่เกิดจากนิสัยหรือพฤติกรรมการดำเนินชีวิต ซึ่งจะมีการดำเนินโรคอย่างช้าๆ ค่อยๆ สะสมอาการอย่างต่อเนื่อง และเมื่อมีอาการของโรคแล้วมักจะเกิดการเรื้อรังของโรค) จากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทั้งด้านอาหาร การพักผ่อนนอนหลับ และการออกกำลังกาย พร้อมแนวทางการรักษาและนวัตกรรมรักษา 8 โรค NCDs (ได้แก่ โรคมะเร็ง โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ โรคหลอดเลือดสมอง โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคถุงลมโป่งพอง โรคอ้วนลงพุง และ โรคไขมันในเลือดสูง)

โดยคณะแพทย์ผู้มีประสบการณ์ยาวนาน ในแต่ละด้าน และรวบรวมรายชื่อแพทย์ผู้เชี่ยวชาญกลุ่มโรค NCDs ทั้งจากโรงพยาบาลภาครัฐและเอกชน ด้วยความมุ่งหวังให้ทุกคนมีสุขภาพที่ดี

ดาวน์โหลดหนังสือ >> https://link.tisco.co.th/5RSijn

CPF ร่วมรณรงค์วันคุ้มครองโลก เดินหน้าลดการใช้พลาสติก ตลอดห่วงโซ่การผลิต

0

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ร่วมรณรงค์ลดการใช้พลาสติก รับวันคุ้มครองโลก (Earth Day)ภายใต้แนวคิด “Planet vs. Plastics : ลดพลาสติก กู้วิกฤตโลก” ลดการใช้พลาสติกตลอดห่วงโซ่การผลิต โดยเฉพาะพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง (Single Use) พัฒนาการออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่ง่ายต่อการนำกลับมารีไซเคิล รวมไปถึงปลูกฝังพนักงานมีส่วนร่วมแก้ปัญหาขยะพลาสติกอย่างยั่งยืน

นางกอบบุญ ศรีชัย ผู้บริหารสูงสุด สายงานกิจการองค์กรและลงทุนสัมพันธ์ ซีพีเอฟ กล่าวว่า ซีพีเอฟ ในฐานะบริษัทผู้ผลิตอาหารชั้นนำของโลก นอกจากให้ความสำคัญในการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารที่ดีต่อสุขภาพของผู้บริโภคแล้ว ยังตระหนักถึงสุขภาวะที่ดีด้านสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริษัทฯมุ่งมั่นมีส่วนร่วมแก้ปัญหาขยะพลาสติก โดยนำแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน และหลัก BCG Model มาใช้ เดินหน้าลดการใช้พลาสติกตลอดกระบวนการผลิต ลดการใช้บรรจุภัณฑ์แบบใช้ครั้งเดียว (Single Use) ส่งเสริมและพัฒนาการออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่ง่ายต่อการนำกลับมารีไซเคิล และง่ายต่อการคัดแยกขยะ รวมไปถึงปลูกฝังความตระหนักสู่พนักงานในองค์กรมีส่วนร่วมจัดการขยะพลาสติกอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน

บรรจุภัณฑ์ของซีพีเอฟจึงถูกการออกแบบและพัฒนาบรรจุภัณฑ์เพื่อนำไปสู่การรีไซเคิล (Design for Recycling) โดยหน่วยงานวิจัยและพัฒนาบรรจุภัณฑ์ของซีพีเอฟได้ร่วมกับคู่ค้าพัฒนาออกแบบบรรจุภัณฑ์ยั่งยืนที่ใช้วัสดุชนิดใหม่ๆ ลดความหนา ปรับขนาด หรือ เปลี่ยนรูปแบบของบรรจุภัณฑ์สำหรับอาหาร ในขณะที่ยังคงรักษาคุณสมบัติและประสิทธิภาพในการปกป้องผลิตภัณฑ์ให้ปลอดภัยและคงคุณค่าอาหารตามหลักโภชนาการไว้อย่างสมบูรณ์ด้วย โดยล่าสุด ซีพีเอฟ ร่วมกับพันธมิตร 2 บริษัทในกลุ่ม SCG ได้แก่ บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP และบริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCGC ในการพัฒนาด้านนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์จากเยื่อกระดาษและพอลิเมอร์ และด้านนวัตกรรมพลาสติกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Green Polymer) ซึ่งจะช่วยให้บรรจุภัณฑ์สำหรับอาหารในเครือซีพีเอฟ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกยิ่งขึ้น

บริษัทยังเป็นหนึ่งในผู้นำการใช้พลาสติกที่ย่อยสลายได้ในประเทศไทย นำร่องใช้พลาสติกชีวภาพที่ผลิตจาก polylactic acid (PLA) ตั้งแต่ปี 2558 ในการผลิตถาดบรรจุหมูสดและไก่สดแช่เย็น การออกแบบบรรจุภัณฑ์สินค้าที่ง่ายต่อการรีไซเคิล โดยใช้บรรจุภัณฑ์ที่ทำจากพลาสติกฟิล์มชนิดเดียวกัน (Mono Plastic) ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่สามารถรีไซเคิลได้ 100% โดยไม่ต้องแยกวัสดุต่างชนิดกัน นอกจากนี้ ยังมุ่งเพิ่มสัดส่วนวัสดุรีไซเคิลตามความเหมาะสม โดยไม่กระทบกับคุณภาพและความปลอดภัยของอาหาร อาทิ พัฒนาถาดไข่ไก่จากพลาสติกรีไซเคิล 100% โดยร่วมมือกับบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC และบริษัทในเครือเอ็กซ์เซล (Excel Group) และการใช้ถาดไข่ไก่ที่ทำจากกระดาษรีไซเคิล 100% (สำหรับผลิตภัณฑ์ไข่ไก่เคจฟรี และถาดไข่ไก่ขนาด 30 ฟอง) เป็นต้น ส่งผลให้ใน 2566 สามารถลดการใช้พลาสติกใหม่ได้มากกว่า 1,000 ตัน

นอกจากนี้ ซีพีเอฟ ลดการใช้พลาสติกในกระบวนการผลิตและขนส่ง โดยสายธุรกิจการผลิตอาหารสัตว์บกใช้ Bulk Feed Tank ทดแทนการใช้ถุงพลาสติกบรรจุอาหารสัตว์ สามารถลดการใช้พลาสติกได้ 13,216 ตัน ในปีที่ผ่านมา สายธุรกิจสัตว์น้ำ เปลี่ยนจากการใช้ถุงพลาสติกบรรจุลูกพันธุ์กุ้ง มาเป็นใช้กล่อง Q-Pass Tank ลดการใช้พลาสติกได้มากกว่า 10,000 ตัน ที่สำคัญ บริษัทฯสร้างความตระหนักสู่พนักงานในองค์กร มีส่วนร่วมแก้ปัญหาขยะพลาสติกอย่างยั่งยืน ด้วยการถ่ายทอดความรู้และการจัดการขยะพลาสติกอย่างถูกวิธี รวมไปถึงการให้ความรู้กับชุมชนและสถานศึกษารอบสถานประกอบการของซีพีเอฟด้วย