Home Blog Page 10

มูลนิธิวัคซีนเพื่อประชาชน ร่วมกับ สถาบันวัคซีนแห่งชาติ ผนึกภาคีเครือข่าย ชวนคนรุ่นใหม่ผลิตสื่อออนไลน์ สร้างภูมิคุ้มกันข่าวลวง เสริมความเชื่อมั่นในวัคซีน

0

มูลนิธิวัคซีนเพื่อประชาชน ร่วมกับ สถาบันวัคซีนแห่งชาติ ผนึกภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชน  ได้แก่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ สำนักข่าวไทย อสมท บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) บริษัท ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท แอสตร้าเซนเนก้า (ประเทศไทย) จำกัด และ MorDee (หมอดี) แพลตฟอร์มบริการสุขภาพอัจฉริยะ โดย ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป เปิดตัวโครงการ “Shot of Truth สื่อสร้างสรรค์ รู้ทันข่าวลวงด้านวัคซีน” ขอเชิญชวนนักเรียน นักศึกษา คนรุ่นใหม่ร่วมประกวดคลิปวิดีโอสั้น เพื่อสร้างความตระหนักถึงการสื่อสารข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับวัคซีนและโรคระบบทางเดินหายใจที่สามารถป้องกันได้ด้วยวัคซีน สร้างภูมิคุ้มกันข่าวลวง ตลอดจนรับมือกับข้อมูลบิดเบือนที่เผยแพร่ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อให้ประชาชนสามารถเลือกรับวัคซีนได้อย่างเหมาะสม เสริมสร้างระบบสาธารณสุขของประเทศให้เข้มแข็ง  

นพ.มานิต ธีระตันติกานนท์ ประธานกรรมการมูลนิธิวัคซีนเพื่อประชาชน กล่าวว่า “ปัจจุบันข้อมูลบิดเบือนและข่าวปลอมที่แพร่หลายในสังคมออนไลน์ ทำให้ประชาชนเกิดความลังเลในการรับวัคซีน ตอกย้ำถึงความจำเป็นที่เราจะต้องช่วยกันสร้างความรู้เท่าทันสื่อและข่าวลวงด้านวัคซีน มูลนิธิวัคซีนเพื่อประชาชน จึงได้ร่วมกับ สถาบันวัคซีนแห่งชาติ และภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชน ขับเคลื่อนโครงการ “Shot of Truth สื่อสร้างสรรค์ รู้ทันข่าวลวงด้านวัคซีน” เพื่อมุ่งสร้างความตระหนักของการสื่อสารข้อมูลที่ถูกต้องด้านวัคซีน ความรู้เกี่ยวกับโรคติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ ตลอดจนรับมือกับข้อมูลบิดเบือนที่เผยแพร่ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อเสริมสร้างความรู้เท่าทันข่าวลวงด้านวัคซีน ผ่านพลังคนรุ่นใหม่ในกิจกรรมการประกวดคลิปวิดีโอสั้น ถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการสื่อสารเพื่อเข้าถึงประชาชนวงกว้าง เปิดโอกาสให้นักเรียน นักศึกษา ที่สนใจด้านการผลิตสื่อได้แสดงศักยภาพทางความคิดสร้างสรรค์ ถ่ายทอดมุมมองใหม่ๆ รวมถึงใช้สื่อออนไลน์อย่างมีคุณค่า เป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการสร้างภูมิคุ้มกันข่าวลวงให้กับสังคมไทย ร่วมกันปกป้องสังคมจากภัยไซเบอร์ ช่วยให้ประชาชนตัดสินใจด้านสุขภาพได้อย่างถูกต้อง”

นพ.นคร เปรมศรี ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ กล่าวว่า “ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมา เราได้เห็นการแพร่ระบาดของข่าวลวงและข้อมูลบิดเบือนเรื่องวัคซีนอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ส่งผลต่ออัตราการรับวัคซีนลดลง โรคที่สามารถป้องกันได้กลับมาระบาดอีกครั้ง สถาบันวัคซีนแห่งชาติในฐานะหน่วยงานกลางด้านวัคซีนในการบริหารจัดการให้ประเทศมีความมั่นคงด้านวัคซีนอย่างยั่งยืน รวมทั้งการสื่อสารข้อมูลทางวิชาการด้านวัคซีนแก่ประชาชน จึงร่วมเป็นส่วนหนึ่งของโครงการครั้งนี้ผ่านพลังคนรุ่นใหม่ โดยผู้เข้าร่วมโครงการจะได้รับความรู้เกี่ยวกับข้อมูลพื้นฐานที่ถูกต้อง ครอบคลุม เกี่ยวกับวัคซีนและโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ จากผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชาญด้านวัคซีนและการสื่อสาร เพื่อถ่ายทอดประสบการณ์ตรง พร้อมเทคนิค และกลยุทธ์ในการผลิตสื่อที่ถูกต้องและน่าสนใจสู่สาธารณะ เชื่อมั่นว่าโครงการนี้จะช่วยเสริมภูมิคุ้มกันทางความรู้ ช่วยให้คนไทยรอดพ้นวิกฤติข้อมูลบิดเบือน สร้างสังคมสุขภาพดีอย่างยั่งยืน ดังที่ทราบกันดีว่าวัคซีนป้องกันโรคได้ เราทุกคนก็คือวัคซีนที่จะหยุดข่าวลวงได้เช่นกัน”

นางสาวสุชนา สินธวถาวร ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาชีวิตและความมั่นคง สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) กล่าวว่า “depa ในฐานะหน่วยงานที่มีภารกิจในการส่งเสริมให้คนไทยเข้าถึงและใช้เทคโนโลยีดิจิทัลอย่างปลอดภัย สร้างสรรค์ และชาญฉลาด เพื่อมุ่งสู่การเป็นประเทศที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในโครงการนี้ ในการช่วยรับมือกับปัญหาข่าวปลอมด้านสุขภาพที่กำลังส่งผลกระทบต่อความเข้าใจของประชาชนในยุคดิจิทัลอย่างมาก เราพร้อมนำองค์ความรู้และให้การสนับสนุนด้านเทคโนโลยีดิจิทัล รวมถึงการนำ AI มาประยุกต์ใช้ เพื่อช่วยให้คนรุ่นใหม่สามารถพัฒนาทักษะการผลิตสื่อและยกระดับการนำเสนอข้อมูลให้มีประสิทธิภาพและน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น สอดคล้องกับแนวทาง ‘Digital Skill Roadmap’ ของ depa และให้ประชาชนตระหนักถึงการรู้เท่าทันการรับข้อมูลข่าวสารอย่างถูกต้อง ปลอดภัย สร้างความเชื่อมั่นด้านสุขภาพและพร้อมรับมือกับสถานการณ์สุขภาพในอนาคต”

คุณนิมิต สุขประเสริฐ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สำนักพัฒนาธุรกิจ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “อสมท ในฐานะสื่อมวลชนที่ยึดมั่นนำเสนอเนื้อหาที่น่าเชื่อถือ เที่ยงตรง ตามหลักจริยธรรม เราตระหนักดีว่าข้อมูลบิดเบือนและข่าวปลอม โดยเฉพาะด้านสุขภาพและวัคซีน ได้ถูกสร้างและเผยแพร่อย่างกว้างขวาง ทั้งจากความเข้าใจผิดและเจตนาหลอกลวง ซึ่งถือเป็นภัยสังคมที่สร้างความสับสนและส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน ด้วยความเชี่ยวชาญของ ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ หนึ่งในส่วนงานสำคัญของ อสมท ซึ่งทำงานด้านการตรวจสอบข่าวปลอมและผลิตสื่อเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องมาตลอด 11 ปี จึงพร้อมนำประสบการณ์และองค์ความรู้มาสนับสนุนโครงการนี้อย่างเต็มที่ โดยมุ่งหวังว่าโครงการนี้จะเป็นกลไกสำคัญในการลดการแพร่กระจายของข่าวลวง ยกระดับการรู้เท่าทันข่าวลวง ภัยไซเบอร์ และ AI ในสังคมไทย ช่วยให้ประชาชนมีภูมิคุ้มกันด้านการรับรู้ข่าวสาร ปลอดภัยจากข่าวลวงและภัยด้านสุขภาพ สร้างสังคมออนไลน์ที่มีคุณภาพ เพื่อส่งเสริมการมีสุขภาพดีอย่างยั่งยืน”

คุณปราโมทย์ ศักดิ์กำจร รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เมืองไทยประกันชีวิต ในฐานะผู้นำด้านประกันชีวิตและสุขภาพ เรามุ่งมั่นสร้างความสุขและรอยยิ้มที่ยั่งยืนให้กับคนไทย โดยยึดหลักความน่าเชื่อถือและความโปร่งใส ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้องค์กรได้รับความไว้วางใจมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน ด้วยความเชี่ยวชาญในหลายมิติ ทั้งการนำนวัตกรรมมาพัฒนาผลิตภัณฑ์ พัฒนาพนักงานด้วยทักษะการใช้ข้อมูลและปัญญาประดิษฐ์ ทักษะด้านการสื่อสารและการบริหาร และยังให้ความสำคัญกับนโยบายด้าน ESG  สะท้อนความมุ่งมั่นของบริษัทในการสร้างผลกระทบเชิงบวกในมิติด้านสิ่งแวดล้อม มิติด้านสังคม  มิติด้านบรรษัทภิบาลและเศรษฐกิจ โดยได้บูรณาการแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนผนวกเข้ากับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ เพื่อให้ทุกหน่วยงานในบริษัทฯ ได้นำไปเป็นแนวปฏิบัติในการดำเนินงานอย่างเป็นรูปธรรม เราจึงเล็งเห็นถึงความสำคัญของการขับเคลื่อนด้วยข้อมูล (Data Driven) รับผิดชอบต่อความถูกต้องและความปลอดภัยของข้อมูล   อันเป็นพื้นฐานสำคัญในการตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ ต่อยอดให้เกิดประโยชน์และคุณค่าต่อสังคม เราพร้อมนำองค์ความรู้ความเชี่ยวชาญมาร่วมสนับสนุนการดำเนินโครงการ เพื่อให้ประชาชนมีความรู้ความเข้าใจด้านสุขภาพที่ถูกต้อง ไม่ตกเป็นเหยื่อของข่าวลวง สามารถตัดสินใจรับวัคซีนป้องกันโรคได้เหมาะสม เพื่อดูแลสุขภาพของตนเองและคนที่เรารักได้อย่างปลอดภัย ซึ่งโครงการนี้จึงเปรียบเสมือน “วัคซีนซ้อนวัคซีน” ที่จะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันที่แข็งแกร่งให้กับสังคมไทยได้เป็นอย่างดี”

โครงการ “Shot of Truth สื่อสร้างสรรค์ รู้ทันข่าวลวงด้านวัคซีน” ขอเชิญชวนนักเรียน นักศึกษา ร่วมประกวดผลิตคลิปวิดีโอสั้นเพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับวัคซีน สามารถสมัครได้ตั้งแต่วันนี้ – 15 ตุลาคม 2568 ผู้ที่สนใจสามารถสแกน QR Code เพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติม หรือติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่ Facebook: สถาบันวัคซีนแห่งชาติ และ Facebook: มูลนิธิวัคซีนเพื่อประชาชน

รู้เก็บรู้ออม : ชวน บจ. ใช้ QR Code Sealer

0

สำหรับนักลงทุนในตลาดหุ้น ต้องรู้จัก TSD หรือบริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่อยู่บนซองเอกสารที่ไปรษณีย์ส่งมาที่บ้าน ยิ่งนักลงทุนรายที่มีหุ้นในพอร์ตหลายตัว ก็จะได้รับเอกสารที่ส่งจาก TSD เป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือเชิญประชุมผู้ถือหุ้น, หนังสือแจ้งนำเงินปันผลฝากเข้าธนาคาร หรือหนังสือแจ้งการหัก ณ ที่จ่าย

TSD มีบทบาทเกี่ยวข้องโดยตรงกับนักลงทุน โดยทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางให้บริการต่อเนื่องจากการซื้อขายหุ้นแบบครบวงจร นับตั้งแต่วินาทีที่นักลงทุนตัดสินใจซื้อขายหุ้นตัวใดตัวหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการรับฝาก ถอน และโอนหลักทรัพย์ รวมทั้งทำหน้าที่เป็นนายทะเบียนหลักทรัพย์ให้กับหลักทรัพย์ที่จดทะเบียนทั้งในตลาด SET และ mai และหลักทรัพย์ที่ไม่ได้จดทะเบียนอื่นๆ เช่น ตราสารหนี้ นอกจากนี้ยังให้บริการออนไลน์ที่ช่วยให้ผู้ถือหุ้นสามารถตรวจสอบและทำรายการต่างๆได้ด้วยตนเองตลอด 24 ชม.

ที่ผ่านมา นักลงทุนเห็นการพัฒนางานบริการของ TSD มาโดยตลอด เช่น การเพิ่มบริการอิเล็กทรอนิกส์ใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์การลงทุนยุคสมัยใหม่ และล่าสุด TSD ได้เปิดโครงการ TSD e-Services for Net Zero โดยเชิญชวนให้บริษัทจดทะเบียนส่งหนังสือเชิญประชุมผู้ถือหุ้นในรูปแบบ QR Code Sealer เพื่อขับเคลื่อนความยั่งยืนและดำเนินงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

QR Code Sealer คือ บริการที่ TSD ได้พัฒนาระบบเพื่ออำนวยความสะดวกให้ บจ. ส่งหนังสือเชิญและเอกสารประกอบการประชุมผู้ถือหุ้นในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ผ่าน QR Code แทนการส่งเอกสารเป็นรูปเล่ม ให้ผู้ถือหุ้นสามารถเรียกดูข้อมูลได้อย่างสะดวก รวดเร็ว เพียงสแกน QR Code ช่วยลดการใช้กระดาษ ลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และยังช่วยลดโลกร้อน

หากทุกบริษัทเปลี่ยนมาใช้ QR Code Sealer จะลดการใช้กระดาษได้รวมกว่า 3,817 ล้านแผ่นต่อปี และลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 53 ตันคาร์บอน เทียบเท่าการดูดซับ CO2 ของต้นไม้กว่า 5.6 ล้านต้นต่อปี

นอกจากนี้ยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายของ บจ. ได้เฉลี่ยปีละกว่า 25% เป็นการลดต้นทุนการดำเนินงานที่เห็นได้เป็นรูปธรรม โดย TSD ได้ออกมาตรการสนับสนุนสำหรับบริษัทที่เข้าร่วมโครงการ ด้วยการให้ส่วนลดค่าบริการนายทะเบียนหลักทรัพย์รายปี 10% ติดต่อกันตลอดระยะเวลาที่เข้าร่วมโครงการ 3 ปี (ปี 2569-2571)

บจ.ที่สนใจสามารถสมัครเข้าร่วมโครงการได้ตั้งแต่วันนี้-30 พฤศจิกายน 2568 โดยเข้าไปดูรายละเอียดโครงการได้ที่ https://media.set.or.th/set/Images/2025/Aug/Info-graphic-QR-final.jpg สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่  [email protected] หรือ SET Contact Center 0-2009-9999

ปิดท้าย “คุณนายพารวย” รบกวนฝากให้ผู้อ่านสละเวลา เข้าไปทำแบบสอบถามเพื่อนำความคิดเห็นไปปรับปรุงคอลัมน์ให้ดียิ่งขึ้น สแกน QR code ข้างล่างนี้ได้เลย ขอบคุณมากค่ะ.

AIS เผยผลดัชนีชี้วัดสุขภาวะดิจิทัลคนไทย ชี้เด็ก-ผู้สูงอายุคือกลุ่มเสี่ยง แนะเร่งพัฒนาทักษะ Digital Rights และ AI Literacy

0

บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS ในฐานะผู้ให้บริการดิจิทัลชั้นนำของไทย ที่มุ่งส่งเสริมการใช้งานที่ถูกต้องปลอดภัยและเหมาะสมให้กับลูกค้าและคนไทย เปิดเผย “ผลดัชนีชี้วัดสุขภาวะดิจิทัลของคนไทย Thailand Cyber Wellness Index 2025” ซึ่งจัดทำขึ้นเป็นปีที่ 3 ครอบคลุมกลุ่มตัวอย่างจำนวน 66,302 คน ครอบคลุม 77 จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อสะท้อนระดับความรู้ ทักษะ และพฤติกรรมของคนไทยในการใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัลอย่างปลอดภัย มีจริยธรรม และเคารพสิทธิของผู้อื่น โดยมุ่งหวังให้ดัชนีนี้เป็นเสมือน “เข็มทิศ” สำหรับกำหนดทิศทางด้านนโยบาย การศึกษา การสื่อสาร และความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม เพื่อร่วมกันสร้างสังคมดิจิทัลที่ปลอดภัยและยั่งยืน

จากผลการสำรวจในปีนี้ พบว่าคนไทยส่วนใหญ่ยังมีระดับสุขภาวะดิจิทัลอยู่ในระดับพื้นฐาน (Basic) หรือเท่ากับ 0.70 โดยมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นจากปีก่อน ขณะที่กลุ่มเปราะบาง เช่น เด็ก วัยรุ่น และผู้สูงอายุ ยังคงเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงและจำเป็นต้องได้รับการส่งเสริมทักษะดิจิทัลอย่างเร่งด่วน สำหรับด้านการสื่อสารและการมีส่วนร่วมทางดิจิทัล (Digital Communications & Collaborations) รวมถึงสิทธิทางดิจิทัล (Digital Rights) พบว่าส่วนใหญ่ยังขาดความเข้าใจในเชิงลึกเกี่ยวกับสิทธิในความเป็นส่วนตัว เสรีภาพในการแสดงออก การตัดสินใจอย่างถูกต้องเหมาะสม และการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารอย่างเท่าเทียม สะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นในการเร่งสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับสิทธิของตนเองและการเคารพสิทธิของผู้อื่น เพื่อร่วมกันสร้างวัฒนธรรมดิจิทัลที่มีความรับผิดชอบและยั่งยืนในสังคมไทยต่อไป

นางสายชล ทรัพย์มากอุดม หัวหน้าหน่วยธุรกิจสื่อสารองค์กรและรัฐกิจสัมพันธ์ AIS

นางสายชล ทรัพย์มากอุดม หัวหน้าหน่วยธุรกิจสื่อสารองค์กรและรัฐกิจสัมพันธ์ AIS กล่าวว่า “AIS ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการใช้งานดิจิทัลอย่างถูกต้อง ปลอดภัย และเคารพสิทธิของทุกคนมาอย่างต่อเนื่อง ผ่านโครงการ “AIS อุ่นใจ CYBER” โดยการจัดทำ TCWI ถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการติดตามสุขภาวะดิจิทัลของคนไทยในหลายมิติ ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงรวดเร็วของเทคโนโลยี ปีนี้ได้เพิ่มการประเมินด้านความรู้เท่าทันปัญญาประดิษฐ์ (AI Literacy) ซึ่งเป็นทักษะจำเป็นในยุคปัจจุบัน ผลสำรวจพบว่าคะแนนเฉลี่ยของคนไทยอยู่ที่ 3.18 จาก 5.00 ถือว่าอยู่ในระดับกลาง โดยกลุ่มที่มีคะแนนต่ำที่สุดคือเด็กอายุ 10–12 ปี และผู้ที่มีอายุมากกว่า 40 ปี แสดงให้เห็นว่าคนไทยยังขาดความเข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยี AI อย่างเพียงพอและเสี่ยงต่อการใช้งานที่ไม่เหมาะสม ดังนั้น การส่งเสริมการเรียนรู้เท่าทัน AI จึงเป็นหัวใจสำคัญในการเตรียมพลเมืองดิจิทัลไทยให้พร้อมรับมือกับอนาคตอย่างมั่นคงและปลอดภัย

นอกจากนี้ เรายังได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) ในการจัดทำการวิจัยเชิงทดลองเพื่อตรวจสอบสมมติฐานที่ว่าการเรียนรู้หลักสูตรอุ่นใจไซเบอร์สามารถช่วยยกระดับสุขภาวะดิจิทัล โดยผลยืนยันว่า การเรียนรู้ผ่านหลักสูตร ‘อุ่นใจไซเบอร์’ มีส่วนช่วยยกระดับสุขภาวะดิจิทัลของผู้เรียนได้จริง AIS เชื่อมั่นว่าการสร้างสังคมดิจิทัลที่ปลอดภัย เคารพสิทธิ และเปิดโอกาสให้ทุกคนมีส่วนร่วม ต้องเริ่มจากการให้ความรู้และส่งเสริมทักษะดิจิทัลที่เหมาะสมกับแต่ละช่วงวัย โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางอย่างเด็กและผู้สูงอายุ ซึ่งต้องได้รับการดูแลอย่างเฉพาะเจาะจงและต่อเนื่อง”

Thailand Cyber Wellness Index ถือเป็นเครื่องมือแรกของประเทศที่ประเมินอย่างเป็นระบบและครบรอบด้านในทุกมิติ และไม่ได้เป็นเพียงแค่ตัวเลขชี้วัด แต่คือเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ประเทศสามารถวางแผนเชิงนโยบายและออกแบบมาตรการที่ตอบโจทย์ทั้งในระดับประเทศและระดับชุมชน ไม่ว่าจะเป็นด้านการศึกษา การสื่อสารสาธารณะ การออกแบบหลักสูตรที่เหมาะสม หรือแม้แต่การพัฒนาบริการดิจิทัลที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างแท้จริง อีกทั้งยังช่วยลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัล และเสริมสร้างความมั่นคงทางไซเบอร์ให้แก่ประเทศในระยะยาว

ผู้ที่สนใจตรวจเช็กสุขภาวะทางดิจิทัลของตัวเอง ได้ที่ https://aunjaicheck.ais.th และสามารถอ่านรายละเอียดผลการศึกษาดัชนีชี้วัดสุขภาวะดิจิทัล Thailand Cyber Wellness Index 2025 ของคนไทย เพิ่มเติมที่ https://sustainability.ais.co.th/th/sustainability-projects/thailands-cyber-wellness-index

เรียน-เล่น-ปลูกอนาคต “ซีพีเอฟ ปันรู้ ปลูกรักษ์” ชวนเยาวชนรักโลกอย่างยั่งยืน

0

เช้าวันนี้ โรงเรียนวัดตาลเดี่ยว อำเภอแก่งคอย จ.สระบุรี เต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของเด็ก ๆ กว่า 200 คน ที่พร้อมใจกันเข้าร่วม โครงการ “ซีพีเอฟ ปันรู้ ปลูกรักษ์” ร่วมกับคุณครู ผู้ปกครอง และคนในชุมชน

โครงการที่เกิดขึ้นจากความเชื่อของพี่ๆซีพีเอฟ ที่ว่า “การแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมต้องเริ่มจากการลงมือทำของคนรุ่นใหม่” กิจกรรมจึงถูกออกแบบเป็น “ฐานการเรียนรู้” 4 ฐาน ที่ทั้งสนุกและได้สาระ

  • ฐานโลกรวน–ชวนปลูก เด็ก ๆ เรียนรู้เรื่องโลกร้อน พร้อมปลูกต้นไม้เล็ก ๆ เป็นสัญลักษณ์ของความหวัง
  • ฐานฮีโร่ความปลอดภัย ได้ความรู้เรื่องน้ำดื่มสะอาด การดับเพลิงเบื้องต้น และสัญลักษณ์เตือนภัยรอบตัว
  • ฐานเศรษฐกิจพอเพียง เรียนรู้แนวคิด “3 ห่วง 2 เงื่อนไข” ของในหลวง ร.9 นำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน
  • ฐานศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น แม่ ๆ ป้า ๆ มาสอนทำขนมเทียนโบราณ ทั้งอร่อย ทั้งต่อยอดอาชีพได้ในอนาคต

“หนูชอบทุกกิจกรรมที่พี่ ๆ ซีพีเอฟมาจัดให้เพราะสามารถเอาไปใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะฐานโลกรวนชวนปลูก เพราะโลกร้อนขึ้นทุกวัน เมื่อเราได้ปลูกต้นไม้เพิ่มขึ้นก็มีส่วนช่วยลดภาวะโลกร้อนได้ วันนี้ทำให้พวกเราได้ทั้งความรู้และความสนุก ถือเป็นการเรียนรู้นอกห้องเรียนที่สนุกมาก” เสียงสะท้อนจากน้องนักเรียน บอกตรงกันว่ากิจกรรมสนุกและได้ประโยชน์จริง

อีกหนึ่งเสียงบอกว่า “ชอบฐานศิลปวัฒนธรรม ได้เรียนวิธีทำขนมไทยโบราณ ทำให้หนูรู้ว่าอาหารแต่ละจานทำยากและซับซ้อนแค่ไหน ขนมเทียนใส่ไส้วันนี้จึงเป็นทั้งเมนูแสนอร่อยและเป็นวัฒนธรรมทางอาหารของคนบ้านเรา ส่วนฐานฮีโร่ความปลอดภัย ก็สอนให้รู้จักป้ายเตือน สัญญาณเตือนต่างๆ ที่อยู่รอบตัวเราและอยู่ในชีวิตประจำวันของทุกคนมากขึ้น”

นางสุธาลักณ์ เจริญลอย ผู้อำนวยการโรงเรียน กล่าวชื่นชมว่า ซีพีเอฟเป็นเหมือนสมาชิกของชุมชนที่ให้การสนับสนุนโรงเรียนมาอย่างต่อเนื่อง การสร้างฐานการเรียนรู้ทั้ง 4 ฐาน เป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อเด็กๆที่ได้ฝึกทักษะชีวิต ทักษะอาชีพ ทักษะวิชาการ ที่สามารถนำความรู้เหล่านี้ไปใช้ในชีวิตประจำวัน ขอขอบคุณซีพีเอฟที่ได้จัดโครงการนี้ขึ้นและหวังว่าจะมีกิจกรรมดี ๆ แบบนี้ต่อไป

จากจุดเริ่มต้นเมื่อปี 2566 จนถึงวันนี้ โครงการ “ซีพีเอฟ ปันรู้ ปลูกรักษ์” เข้าถึงเด็กและเยาวชนไทยแล้วกว่า 13,840 คน ใน 87 โรงเรียน ครอบคลุม 22 จังหวัดทั่วประเทศ และขยายเครือข่ายเยาวชนรักษ์โลกให้ได้ 30,000 คน ภายในปี 2570 ผ่านการบูรณาการความรู้ STEM Education (Science, Technology, Engineering and Mathematics) 4 สาขาวิชาหลักที่ถูกนำมาบูรณาการในการเรียนการสอน ที่เรียกว่า “สะเต็มศึกษา” มาเป็นเครื่องมือสอดแทรกการทำกิจกรรมต่อๆไป

นี่จึงไม่ใช่แค่การเรียนรู้นอกห้องเรียน แต่เป็นวันที่อบอุ่น สนุกสนาน และเต็มไปด้วยแรงบันดาลใจ ที่จะผลักดันให้เด็ก ๆ เติบโตขึ้นเป็นคนรุ่นใหม่ที่พร้อมดูแลโลกอย่างยั่งยืน

เมืองแปดริ้ว ร่วมกับ ซีพีเอฟ ปล่อยปลานักล่า 10,000 ตัวสร้างสมดุลระบบนิเวศตามโมเดล “กิน คุม ฟื้น”

0

จังหวัดฉะเชิงเทรา โดยสำนักงานประมงจังหวัด ร่วมกับอำเภอบางปะกง องค์การบริหารส่วนตำบลสองคลอง ชุมชนในพื้นที่ และ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เดินหน้าขับเคลื่อนมาตรการจัดการ “ปลาหมอคางดำ” อย่างจริงจัง ภายใต้โมเดล “กิน คุม ฟื้น” ผ่านกิจกรรมปล่อยลูกปลากะพงขาวขนาด 4–5 นิ้ว จำนวนกว่า 10,000 ตัว ลงในแม่น้ำบริเวณท่าน้ำวัดไตรสรณาคม ใช้ “ปลานักล่า” เป็นกลไกทางธรรมชาติในการควบคุมประชากรปลาต่างถิ่นที่แพร่พันธุ์รวดเร็ว

นายคนึง คมขำ ประมงจังหวัดฉะเชิงเทรา กล่าวว่า โมเดล “กิน คุม ฟื้น” เป็นแนวทางที่พิสูจน์แล้วว่าสามารถแก้ปัญหาได้จริงและสร้างคุณค่าได้ โดยไม่เพียงช่วยลดประชากรปลาหมอคางดำในพื้นที่ 4 อำเภอ แต่ยังส่งผลเชิงบวกต่อการฟื้นฟูสมดุลระบบนิเวศ ขณะเดียวกันยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือนและสร้างรายได้ให้กับประชาชนผ่านการจับปลาขึ้นมาบริโภคและจำหน่าย

การปล่อยปลานักล่า เป็นส่วนหนึ่งของมาตรการเชิงรุกที่ดำเนินควบคู่กับกิจกรรม “ลงแขกลงคลอง” ด้วยการระดมพลังชุมชนร่วมจับปลาหมอคางดำในคลองสายต่างๆ อย่างเป็นระบบ ผลลัพธ์ที่ได้เริ่มเห็นชัดเจน ลูกปลาหมอคางดำตัวเล็กลดจำนวนลงอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันปลาพื้นถิ่น เช่น ปลาตะเพียนขาว ปลานิล และปลาเกล็ดขาว เริ่มกลับคืนมาในแม่น้ำ ซึ่งถือเป็น “ดัชนีธรรมชาติ” ที่สะท้อนถึงการฟื้นตัวของระบบนิเวศ นอกจากนี้ ชาวบ้านยังสามารถจับปลากะพงที่เคยปล่อยไปก่อนหน้านี้ขึ้นมาบริโภคและจำหน่าย เพิ่มรายได้และเสริมความมั่นคงทางอาหารในระดับครัวเรือน

“สิ่งสำคัญคือการสร้างความตระหนักให้ชาวฉะเชิงเทราเห็นว่า การแก้ปัญหาปลาหมอคางดำไม่ใช่เพียงการกำจัด แต่สามารถใช้ประโยชน์ได้จริง การนำปลามาบริโภคหรือจำหน่ายเป็นกลไกช่วยควบคุมปริมาณให้ลดลงอย่างยั่งยืน พร้อมกับฟื้นจำนวนปลาพื้นถิ่นไปด้วยกัน” นายคนึงกล่าว

นอกจากนี้ การดำเนินกิจกรรมลดจำนวนประชากรปลาหมอคางดำของประมงจังหวัดฉะเชิงเทราได้รับแรงสนับสนุนจากทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานภาครัฐ ชุมชนท้องถิ่น และองค์กรเอกชน โดยเฉพาะบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ที่ได้สนับสนุนพันธุ์ปลากะพงขาว พร้อมทั้งมอบอุปกรณ์จับปลาและวัสดุที่จำเป็นสำหรับการจัดกิจกรรมต่างๆ อย่างต่อเนื่อง

มาตรการ “กิน คุม ฟื้น” ของฉะเชิงเทรานับเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการใช้วิถีธรรมชาติและการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานราชการ ชุมชน และประชาชนในพื้นที่ เพื่อให้การแก้ไขปัญหาปลาหมอคางดำเกิดผลอย่างยั่งยืนในระยะยาว ด้วยการเปลี่ยน “ปัญหา” ให้เป็น “โอกาส” ช่วยสร้างสมดุลทางระบบนิเวศ ควบคู่กับการสร้างความมั่นคงทางอาหารให้กับคนในชุมชน.

เมืองไทยประกันชีวิต ส่งแคมเปญ เข้า “เส้นชัย” ทุกเป้าหมายภาษี ชวนมือใหม่-มือโปร วางแผนภาษีโค้งสุดท้ายของปีด้วยแบบประกันที่ตอบโจทย์

0

นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า  เมืองไทยประกันชีวิตยังคงเดินหน้าในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และแคมเปญที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในทุกกลุ่มและทุกไลฟ์สไตล์อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงโค้งสุดท้ายของปี ที่ผู้คนเริ่มหันมาวางแผนและมองหาตัวช่วยเรื่องการลดหย่อนภาษี ซึ่งประกันถือเป็นหนึ่งในทางเลือกที่สามารถช่วยให้ ทุกคนได้เข้า “เส้นชัย” ลดหย่อนภาษี ตามเป้าหมายที่วางไว้

ล่าสุดเมืองไทยประกันชีวิต เปิดตัวแคมเปญ เข้า “เส้นชัย” ทุกเป้าหมายภาษี ด้วยแบบประกัน ที่ตอบโจทย์ด้านการวางแผนลดหย่อนภาษี ที่เข้าถึงได้ทุกไลฟ์สไตล์ของลูกค้า แม้เป้าหมายต่างกัน ก็สามารถเข้าเส้นชัยลดหย่อนภาษีได้เหมือนกัน ทั้งผู้ที่เป็นมือใหม่หัดลดหย่อน เป้าหมายอยากเริ่มต้นวางแผนภาษี แต่ยังไม่มีความรู้และไม่รู้จะเริ่มตรงไหน กลัวซับซ้อน และอยากได้คำแนะนำที่เข้าใจง่าย หรือมือโปร นักวางแผนภาษีตัวจริง  ที่มีการวางแผนลดหย่อนภาษีเป็นประจำอยู่แล้วในทุกปี มองหาตัวช่วย เพื่อเปรียบเทียบให้การวางแผนให้คุ้มค่ามากขึ้น และได้ผลตอบแทนที่เหมาะสมกับเป้าหมาย

พร้อมนำเสนอผลิตภัณฑ์หลากหลายที่ไม่เพียงตอบโจทย์การคุ้มครอง แต่ยังมอบสิทธิในการลดหย่อนภาษี ให้เป้าหมายของแต่ละคน

  • ประกันสุขภาพเหมาจ่าย : ดูแลค่ารักษาพยาบาล แอดมิตเหมาจ่าย พร้อมสิทธิลดหย่อนภาษี สูงสุด 25,000 บาท และหากซื้อให้บิดามารดา ยังใช้สิทธิลดหย่อนได้อีกสูงสุด 15,000 บาท
  • ประกันชีวิตแบบออมทรัพย์ : ออมง่าย ได้รับการันตีเงินคืน เงินต้นไม่สูญหาย ได้เงินคืนทุกปี และยังลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 100,000 บาท โดยผลิตภัณฑ์ที่แนะนำ ได้แก่ เมืองไทย สมาร์ท ลิงค์ โปร 10/1 (Global)
  • ประกันชีวิตแบบบำนาญ : ตัวช่วยวางแผนเกษียณ สร้างรายได้หลังเกษียณอย่างมั่นคง  พร้อมสิทธิ ลดหย่อนภาษีสูงสุดถึง 300,000 บาท โดยผลิตภัณฑ์ที่แนะนำ ได้แก่ เฟล็กซี่ รีไทร์ 90/5

“ทุกคนมีเป้าหมายการวางแผนภาษีที่แตกต่างกัน แต่ไม่ว่าเป้าหมายของคุณคืออะไร เมืองไทยประกันชีวิต พร้อมเคียงข้างพาคุณเข้าเส้นชัยลดหย่อนภาษีได้อย่างมั่นใจ ด้วยทางเลือกที่หลากหลาย ครอบคลุม คุ้มค่า และยังอุ่นใจจากความคุ้มครอง นอกจากนี้เรายังมีทีมผู้เชี่ยวชาญที่ให้คำปรึกษาประกันชีวิต ที่สามารถช่วยแนะนำ วางแผน และออกแบบ ตามเป้าหมายทางการเงินที่ลูกค้าแต่ละรายต้องการ ได้ด้วยความเป็นมืออาชีพอีกด้วย ” นายสาระ กล่าว 

ผู้ที่สนใจสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.muangthai.co.th หรือโทร. 1766 ตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงตัวแทนเมืองไทยประกันชีวิตทั่วประเทศ และสาขาธนาคารกสิกรไทย และธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ทุกสาขา

หมุนเงินไม่ทัน ออมสินช่วยได้ ‘สินเชื่อ GSB บ้านแลกเงิน’ ดอกเบี้ยคงที่เริ่มต้น 3.59% ต่อปี 6 เดือนแรก บ้านยังอยู่ครบ ตั้งแต่วันนี้ – 31 ม.ค. 69

0

มาเปลี่ยนบ้านเป็นเงิน เสริมการเงินให้คล่องตัว กับ สินเชื่อ GSB บ้านแลกเงิน จากออมสิน
👉🏻 สมัครเลย คลิก > https://to.gsb.or.th/ggshgbD
👉🏻 ตั้งแต่วันนี้ – 31 มกราคม 2569

✔ พิเศษ !!! จัดทำนิติกรรมสัญญาภายในวันที่ 30 ธันวาคม 2568 รับส่วนลดอัตราดอกเบี้ย 0.30% ต่อปี นาน 3 ปี แรก
✔ อัตราดอกเบี้ยคงที่เริ่มต้น 3.59% ต่อปี (6 เดือนแรก) สำหรับลูกค้าวงเงินกู้ 5 ล้านบาท หรือ รายได้ประจำ 75,000 บาทขึ้นไป หรือ รายได้อิสระ 100,000 บาทขึ้นไป
✔ วงเงินกู้สูงสุด 10 ล้านบาท
✔ ผ่อนนานสูงสุด 30 ปี
✔ สนับสนุนค่าประเมินหลักทรัพย์ สูงสุด 5,000 บาท *

หมายเหตุ:

  • อัตราดอกเบี้ยขั้นต่ำ MRR = 6.295% (ตั้งแต่วันที่ 15 ส.ค. 68 เป็นต้นไป) ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยลอยตัวสามารถเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น หรือลดลงได้
  • กรณีใช้หลักประกันเป็นที่ดิน หรือที่สวน อัตราดอกเบี้ยบวกเพิ่ม 1% ต่อปี
  • อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง (Effective Rate) อยู่ระหว่าง 3.290% – 7.270% ต่อปี
  • อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงตลอดอายุสัญญา (EIR) กรณีจัดทำนิติกรรมสัญญา ภายในวันที่ 31 ม.ค. 69
  • กรณีวงเงินกู้ ไม่เกิน 5 ล้านบาท อยู่ระหว่าง 5.948%-7.029% คำนวณจาก วงเงินกู้ 1.00 ล้านบาท ระยะเวลาชำระเงินกู้ 20 ปี
  • กรณีวงเงินกู้ตั้งแต่ 5 ล้านบาท / กลุ่มรายได้ประจำตั้งแต่ 75,000 บาทขึ้นไป/ กลุ่มรายได้อิสระตั้งแต่ 100,000 บาทขึ้นไป อยู่ระหว่าง 5.825%-6.901% คำนวณจาก วงเงินกู้ 5.00 ล้านบาท ระยะเวลาชำระเงินกู้ 20 ปี
  • อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงตลอดอายุสัญญา (EIR) กรณีจัดทำนิติกรรมสัญญา ภายในวันที่ 30 ธ.ค. 68 รับส่วนลดอัตราดอกเบี้ย 0.30% ต่อปี นาน 3 ปี แรก อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงตลอดอายุสัญญา (EIR)
  • กรณีวงเงินกู้ ไม่เกิน 5 ล้านบาท อยู่ระหว่าง 5.842%-6.921% คำนวณจาก วงเงินกู้ 1.00 ล้านบาท ระยะเวลาชำระเงินกู้ 20 ปี
  • กรณีวงเงินกู้ตั้งแต่ 5 ล้านบาท / กลุ่มรายได้ประจำตั้งแต่ 75,000 บาทขึ้นไป/กลุ่มรายได้อิสระตั้งแต่ 100,000 บาทขึ้นไป อยู่ระหว่าง 5.717%-6.791% คำนวณจาก วงเงินกู้ 5.00 ล้านบาท ระยะเวลาชำระเงินกู้ 20 ปี
  • รายได้ประจำ หมายถึง เงินเดือนหรือค่าจ้างที่ได้รับเป็นประจำ เช่น ข้าราชการและลูกจ้างหน่วยงานของรัฐ พนักงานและลูกจ้างในหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ พนักงานและลูกจ้างบริษัท พนักงานและลูกจ้างในสถาบันการเงิน เป็นต้น
  • รายได้อิสระ หมายถึง รายได้ที่เกิดจากการประกอบธุรกิจ/เจ้าของกิจการ ประกอบอาชีพอิสระ ผู้รับจ้างทั่วไป / ผู้ใช้แรงงาน เป็นต้น
  • การทำประกันชีวิตเพื่อประกันสินเชื่อ เป็นการทำประกันชีวิตเพื่อคุ้มครองวงเงินสินเชื่อ โดยต้องทำกรมธรรม์ทุนขั้นต่ำ 70% ของวงเงินกู้ และ ระยะเวลาทำประกันไม่ต่ำกว่า 5 ปี หลักเกณฑ์เงื่อนไขอื่นเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด
  • สำหรับลูกค้าที่วงเงินกู้ตั้งแต่ 3.00 ล้านบาทขึ้นไป ธนาคารสนับสนุนค่าประเมินราคาหลักทรัพย์ ให้ตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกินรายละ 5,000 บาท โดยลูกค้าต้องสำรองจ่ายค่าประเมินราคาหลักทรัพย์ไปก่อน เมื่อจัดทำนิติกรรมสัญญาแล้วเสร็จ ธนาคารจะโอนเงินคืนเข้าบัญชีเงินฝากเผื่อเรียกของผู้กู้ภายใน 30 วัน
  • สามารถไถ่ถอนจำนองจากสถาบันการเงินอื่น (ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อการอุปโภคบริโภค)
  • หลักเกณฑ์เงื่อนไขอื่นๆ ให้เป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด

⚠️ เงื่อนไขอื่น ๆ เป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด
*รู้ก่อนกู้…กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว

CPFTH เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ 2 รุ่น อายุ 6 ปี และ 12 ปี เปิดจองซื้อ 17 และ 20-21 ตุลาคม 2568

0

บริษัท ซีพีเอฟ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ CPFTH เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ต่อผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่ จำนวน 2 รุ่น ได้แก่ หุ้นกู้อายุ 6 ปี อัตราดอกเบี้ย [2.14 – 2.54]% ต่อปี และ หุ้นกู้อายุ 12 ปี อัตราดอกเบี้ย [2.85 – 3.25]% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 6 เดือน โดยหุ้นกู้ดังกล่าวได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากทริสเรทติ้งที่ระดับ “A” คาดว่าจะเปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 17 และ 20-21 ตุลาคม 2568 ผ่าน 9 สถาบันการเงินชั้นนำ มั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ลงทุน ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยที่แน่นอนจะประกาศให้ทราบอีกครั้ง

ผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้มั่นใจว่า หุ้นกู้ CPFTH ที่เสนอขายในครั้งนี้ เป็นทางเลือกในการลงทุนที่น่าสนใจสำหรับผู้ลงทุนที่กำลังมองหาการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอในระยะยาว และคาดว่าจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนในตราสารหนี้ที่ออกโดยกิจการที่มีความมั่นคง น่าเชื่อถือ และมีศักยภาพในการเติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งหุ้นกู้ CPFTH ยังได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ “A” จากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2568 สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของ CPFTH และการเป็นบริษัทที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ของกลุ่ม CPF นอกจากนี้ ด้วยธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารเป็นปัจจัยพื้นฐานสำหรับความมั่นคงทางอาหารและเศรษฐกิจของประเทศ ทำให้หุ้นกู้ CPFTH เป็นตัวเลือกที่มั่นคงสำหรับผู้ลงทุน

CPFTH เป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารแบบครบวงจรในประเทศไทย ประเภทสัตว์บก ได้แก่ สุกร ไก่เนื้อ ไก่ไข่ และเป็ด ตั้งแต่การผลิตอาหารสัตว์ การเพาะพันธุ์สัตว์ การเลี้ยงสัตว์ การแปรรูปขั้นพื้นฐาน การผลิตอาหารและอาหารพร้อมรับประทาน โดยมุ่งเน้นเสนอผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์และอาหารที่มีคุณภาพปลอดภัยให้กับผู้บริโภค ด้วยกระบวนการผลิตที่ทันสมัยได้มาตรฐานระดับสากล พร้อมกับการสร้างคุณค่าร่วมกับสังคม และใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยผลการดำเนินงานของ CPFTH ในงวดปี 2567 มีรายได้จากการขาย จำนวน 156,693 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิในส่วนของบริษัท จํานวน 5,966 ล้านบาท พลิกฟื้นจากที่ขาดทุนในปี 2566 จากความสมดุลของปริมาณเนื้อสัตว์ในตลาดจากภาวะสินค้าล้นตลาดในปี 2566 ประกอบกับ ต้นทุนการเลี้ยงสัตว์ที่ลดลงจากการบริหารจัดการด้านประสิทธิภาพการเลี้ยงสัตว์และการจัดหาวัตถุดิบที่ดีขึ้น

สำหรับผู้ลงทุนรายใหญ่ที่สนใจจองซื้อหุ้นกู้ สามารถจองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท โดยคาดว่าจะเปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 17 และ 20-21 ตุลาคม 2568

ปัจจุบัน บริษัทอยู่ระหว่างการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้ และร่างหนังสือชี้ชวนซึ่งยังไม่มีผลใช้บังคับ ผู้ลงทุนสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้จากแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้ และร่างหนังสือชี้ชวนที่ www.sec.or.th หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ทั้ง 9 แห่ง ได้แก่

  • ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (ยกเว้นสาขาไมโคร) โทร. 1333 หรือจองซื้อผ่านแอปฯ Bangkok Bank Mobile Banking สำหรับผู้ลงทุนรายใหญ่ที่เป็นบุคคลธรรมดา
  • ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา หรือ โทร. 02-111-1111 หรือจองซื้อออนไลน์บนแอปพลิเคชัน Krungthai Next ผ่านระบบ Money Connect by Krungthai สำหรับผู้ลงทุนรายใหญ่ที่เป็นบุคคลธรรมดา
  • ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา โทร. 02-888-8888 กด 869 หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน https://www.kasikornbank.com/kmyinvest (ยกเว้นบุคคลสัญชาติต่างด้าว และนิติบุคคล สามารถจองซื้อผ่านสำนักงานใหญ่และสาขา) และรวมถึงบริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะหน่วยงานขายของธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
  • ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) โทร. 02-777-6784 และรวมถึง บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ในฐานะหน่วยงานขายของธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
  • ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา หรือ โทร. 02-626-7777 หรือจองซื้อผ่าน Mobile Application – CIMB Thai
  • ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา หรือ โทร. 02 285 1555
  • บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด โทร. 02-009-8351-56
  • บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด โทร. 02-680-4004
  • บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด โทร. 02-695-5555

AIS 3BB FIBRE3 ปั้นบริการPRO EVENT SOLUTION เน็ตแรงระดับ2GbpsรุกตลาดMICE เสริมแกร่งอุตสาหกรรมอีเวนต์ไทยรองรับทุกพื้นที่จัดงานทั่วประเทศ

0

AIS 3BB FIBRE3 พลิกโฉมมาตรฐานเน็ตบ้านไทย ด้วย “PRO EVENT SOLUTION” โซลูชั่นอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงระดับ 2Gbps รองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมอีเวนต์และ MICE อย่างเต็มรูปแบบ มอบการเชื่อมต่อที่เร็ว แรง เสถียร ผ่านโครงข่ายเน็ตบ้านอัจฉริยะของ AIS พร้อมทีมวิศวกรมืออาชีพดูแลครบวงจรตลอดการจัดงานในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ตอกย้ำความเป็นผู้นำบรอดแบนด์อันดับ 1 ของไทย ด้วยโครงสร้างพื้นฐานที่ครอบคลุมทั้ง 77 จังหวัด พร้อมให้บริการแล้ววันนี้ เพื่อยกระดับศักยภาพของธุรกิจอีเวนต์ไทย และร่วมสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมในยุคดิจิทัลอย่างยั่งยืน

นายยอดชาย อัศวธงชัย หัวหน้าหน่วยธุรกิจการค้า ธุรกิจบรอดแบนด์ AIS กล่าวว่า “ช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี ถือเป็นไฮซีซั่นของการจัดงานอีเวนต์ในประเทศไทย เราได้เห็นการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของอุตสาหกรรมอีเวนต์ ทั้งคอนเสิร์ต มิวสิคเฟสติวัล งานสัมมนา และนิทรรศการต่างๆ โดยเฉพาะงานในรูปแบบ Hybrid ที่ผสานทั้งออฟไลน์และออนไลน์ ให้อินเทอร์เน็ตกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้การจัดงานประสบความสำเร็จ AIS 3BB FIBRE3 จึงได้พัฒนา PRO EVENT SOLUTION ขึ้นเพื่อตอบโจทย์การใช้งานที่ซับซ้อนและหลากหลาย รองรับทุกขนาดงานในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ โดยมีเป้าหมายเพื่อขยายฐานลูกค้าไปสู่กลุ่ม B2B พร้อมสนับสนุนผู้จัดงานและผู้ประกอบการไทย ด้วยเทคโนโลยีการสื่อสารที่ล้ำสมัยบนโครงข่ายที่ครอบคลุมทุกพื้นที่อย่างแท้จริง”

ยอดชาย อัศวธงชัย หัวหน้าหน่วยธุรกิจการค้า ธุรกิจบรอดแบนด์ AIS

PRO EVENT SOLUTION บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงระดับ 2Gbps จาก AIS 3BB FIBRE3 ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับทั้งการใช้งานทั่วไปและงานอีเวนต์ที่ต้องการการเชื่อมต่อคุณภาพสูงและมีความซับซ้อน โดยให้บริการแบบครบวงจร ตั้งแต่การออกแบบ วางระบบ ติดตั้ง และดูแลหลังบ้านตลอดการจัดงาน เพื่อให้การดำเนินกิจกรรมเป็นไปอย่างราบรื่น ครอบคลุมบริการหลัก ได้แก่ การวางระบบเครือข่ายที่เหมาะสมกับพื้นที่และความต้องการเฉพาะของแต่ละงาน การติดตั้งระบบอย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่า พร้อมทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญประจำสถานที่จัดงาน คอยดูแล ติดตาม และให้ความช่วยเหลือแบบเรียลไทม์ตลอดการจัดงาน เพื่อให้มั่นใจได้ว่าการเชื่อมต่อจะมีความเสถียรและใช้งานได้ตลอดเวลา

สำหรับลูกค้าที่สนใจสามารถเลือกใช้บริการได้ตามความเหมาะสม ผ่าน 4 โซลูชันหลัก ได้แก่:

  • FTTX Premium: อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงระดับกิกะบิต รองรับการใช้งานทั่วไปภายในงาน เหมาะกับอีเวนต์ขนาดเล็ก งานจัดแสดงสินค้า หรือลูกค้าที่ต้องการติดตั้งอินเทอร์เน็ตเพื่อใช้ทำธุรกรรมออนไลน์ รับชำระค่าสินค้า (POS)
  • Fiber Leased Line: อินเทอร์เน็ตเชื่อมต่อความเร็วสูงแบบเฉพาะตัว เหมาะกับอีเวนต์ขนาดกลาง-ใหญ่ หรือกิจกรรมที่ต้องการใช้อินเทอร์เน็ตที่มีความเสถียรสูง เร็ว ไม่สะดุด เช่น การไลฟ์สตรีม, การแข่งขันอีสปอร์ต, คอนเสิร์ต
  • MPLS: อินเทอร์เน็ตคุณภาพระดับองค์กร เหมาะกับอีเวนต์ขนาดใหญ่ที่ต้องใช้อินเทอร์เน็ตคุณภาพสูง เป็นโซลูชันที่มีความเสถียรและปลอดภัยสูงสุด เช่น งานแข่งขันกีฬา, งานถ่ายทอดสดการประกวดต่างๆ
  • L2 VPN: เชื่อมต่อและส่งสัญญาณภาพและเสียงจากสถานที่จัดงาน ส่งต่อไปยังปลายทางที่ต้องการ เช่น การถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬาผ่านช่อง T sport7

สมัครบริการหรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.ais.th/consumers/fibre/services/pro-event-solution หรือ AIS Shop และ 3BB Shop ทุกสาขา, AIS Call Center โทร. 1175 หรือ 3BB Call Center โทร. 1530

จุดไฟศึกลูกหนังลีกภูมิภาคกลางสยาม! GULF x AIS หนุนไทยลีก 3 สู่สายตาทั่วประเทศระเบิดความมันส์บนจอยักษ์ กับแคมเปญ “บอลไทยเพื่อคนไทย”

0

บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS ผนึกกำลัง GULF จุดพลุเปิดฤดูกาลไทยลีก 3 อย่างยิ่งใหญ่ ภายใต้แคมเปญ “GULF x AIS บอลไทยเพื่อคนไทย” จุดประกายความหวังใหม่ให้วงการลูกหนังไทย ด้วยการยกระดับฟุตบอลระดับภูมิภาคให้ก้าวสู่แสงไฟสปอร์ตไลต์กลางเมือง เปิดโอกาสให้ทีมขวัญใจประจำท้องถิ่นได้เฉิดฉายอย่างสมศักดิ์ศรี ด้วยการแปลงโฉม AIS SIAM กลางสยามสแควร์ ให้กลายเป็นสนามเชียร์ขนาดย่อม พร้อมจอ LED ขนาดใหญ่ ถ่ายทอดการแข่งขันแบบเรียลไทม์ เสริมอรรถรสด้วยนักพากย์มืออาชีพอย่าง “พจจิเซย์” และ “บอล ส้มซิ่ง” ที่มาร่วมถ่ายทอดอารมณ์เกมแบบใกล้ชิด ตอกย้ำความตั้งใจของ GULF และ AIS ที่ไม่เพียงยกระดับประสบการณ์เชียร์บอลให้สนุกเร้าใจ แต่ยังผลักดันให้ฟุตบอลไทยเติบโตอย่างแข็งแกร่งและทั่วถึงในทุกระดับ

สำหรับฤดูกาลนี้ นับเป็นครั้งแรกที่การแข่งขันฟุตบอลไทยลีก 3 จะถ่ายทอดสดให้แฟนบอลทั่วประเทศได้รับชมฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ผ่าน AIS PLAY ยิงสดครบทั้ง 6 โซน ได้แก่ ภาคเหนือ, ภาคใต้, ภาคตะวันออก, ภาคตะวันตก, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง โดยสามารถรับชมการแข่งขันสดได้ฟรี ผ่าน AIS PLAY ทั้งแอปพลิเคชัน AIS PLAY กล่อง AIS PLAYBOX, Smart TV, Android TV, Apple TV สามารถดาวน์โหลด AIS PLAY ได้ที่ App store และ Google Play Store และถ่ายทอดสดทาง 3BB GIGATV

ติดตามกิจกรรมสุดมันส์อีกมากมายที่กำลังจะเกิดขึ้นที่ AIS SIAM สยามสแควร์ ซอย 7 เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 09.00 – 21.00 น.