บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานความยั่งยืน และร่วมขับเคลื่อนเป้าหมายประชาคมโลกในการปกป้อง ฟื้นฟู และลดภัยคุกคามต่อการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ สอดคล้องตามแนวทาง SDGs แห่งสหประชาชาติ และกรอบความหลากหลายทางชีวภาพทั่วโลกคุนหมิง-มอนทรีออล เดินหน้าบรรเทาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change)
องค์การสหประชาชาติ กำหนดให้วันที่ 22 พฤษภาคมของทุกปี เป็น “วันสากลแห่งความหลากหลายทางชีวภาพ” หรือ International Day for Biological Diversity ซึ่งปี 2023 กำหนดแนวทางจากข้อตกลงสู่การลงมือปฏิบัติ ฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพ (From Agreement to Action: Build Back Biodiversity)เป็นการต่อยอดจากผลลัพธ์จากการยอมรับกรอบความหลากหลายทางชีวภาพทั่วโลกคุนหมิง-มอนทรีออล ในการประชุมภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพครั้งที่ 15 (COP 15) ซึ่งประเทศไทยมีส่วนร่วมกับเป้าหมายในระดับโลก ด้วยการสร้างความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ในการปกป้องและดูแลความหลากหลายทางชีวภาพ เช่นเดียวกับภาคเอกชนอย่าง บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ในฐานะผู้นำธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารครบวงจร ที่ตระหนักและให้ความสำคัญเรื่องความหลากหลายทางชีวภาพตลอดห่วงโซ่การผลิตต้นน้ำถึงปลายน้ำ
นายสุธี สมุทระประภูต ผู้อำนวยการด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและปกป้องฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพ หน่วยงานความรับผิดชอบต่อสังคมและการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า ซีพีเอฟ ในฐานะผู้นำธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารครบวงจร ได้ประกาศเป้าหมายสู่ความยั่งยืน CPF 2030 Sustainability in Action กระตุ้นการลงมือทำอย่างจริงจังในทุกมิติ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ที่ทั่วโลกกำลังเผชิญปัจจัยท้าทายดังกล่าว ซีพีเอฟได้กำหนดให้ประเด็นด้านความหลากหลายทางชีวภาพและระบบนิเวศ เป็น 1 ใน 7 หัวข้อหลักด้านความยั่งยืนที่ต้องให้ความสำคัญ สอดคล้องกับแนวทาง SDGs (Sustainability Development Goals : SDGs)ของสหประชาชาติ
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังได้สนับสนุนกรอบความหลากหลายทางชีวภาพทั่วโลกคุนหมิง-มอนทรีออล ทั้งการลดภัยคุกคามต่อความหลากหลายทางชีวภาพ ฟื้นฟูและเพิ่มพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพ อาทิ ได้ร่วมประกาศเจตนารมณ์มุ่งมั่นบริหารจัดการ กำหนดนโยบายและใช้ประโยชน์จากความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยั่งยืนและเป็นธรรมตลอดห่วงโซ่อุปทาน โดยสนับสนุนเป้าหมายของประเทศไทยในการปกป้องคุ้มครองพื้นที่บนบกและทะเลให้ได้อย่างน้อยร้อยละ 30 ภายในปี ค.ศ. 2030 จากปัจจุบันที่ไทยมีพื้นที่คุ้มครองทางทะเล 5-7% ทางบก 15 % ซีพีเอฟดำเนินโครงการเพิ่มพื้นที่สีเขียวภายในฟาร์มและโรงงานกว่า 5,000 ไร่ โครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าต้นน้ำ “ซีพีเอฟ รักษ์นิเวศ ลุ่มน้ำป่าสัก เขาพระยาเดินธง” ที่อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี กว่า 7,000 ไร่ และโครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าชายเลน “ซีพีเอฟ ปลูก ปัน ป้อง ป่าชายเลน” กว่า 2,700 ไร่ ใน และดำเนินโครงการ Restore The Ocean เพื่อลดขยะพลาสติกซึ่งเป็นมลพิษต่อระบบนิเวศทางทะเล เป็นต้น
![](https://bigkren.com/wp-content/uploads/2023/05/1373856.jpg)
นอกจากนี้ มีส่วนร่วมในการบริหารจัดการใช้ประโยชน์และแบ่งปันผลประโยชน์จากความหลากหลายทางชีวภาพอย่างเท่าเทียมและยั่งยืน ผ่านการดำเนินโครงการสร้างการมีส่วนร่วมของชุมชน อาทิ พัฒนาแหล่งท่องเที่ยว สร้างงาน สร้างอาชีพให้แก่ชุมชน ต่อยอดจากโครงการซีพีเอฟ ปลูก ปัน ป้อง ป่าชายเลน ที่ตำบลบางหญ้าแพรก จังหวัดสมุทรสาคร และ ตำบลปากน้ำประแส จังหวัดระยอง การสร้างแหล่งอาหารที่ปลอดภัยและจัดตั้งธนาคารเมล็ดพันธุ์ผักพื้นบ้านตามวิถีธรรมชาติ ช่วยสร้างงาน สร้างรายได้ควบคู่ไปกับการอนุรักษ์และฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพ ต่อยอดจากโครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าต้นน้ำ ซึ่งทุกโครงการสามารถวัดผลสัมฤทธิ์ทางเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิต สร้างผลกระทบเชิงบวกทางสังคม
“ความหลากหลายทางชีวภาพ เป็นเรื่องที่มีผลกระทบในทุกมิติ ทั้งเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และความเป็นอยู่ของเราทุกคน ซึ่งทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกัน และเร่งลงมือทำเพื่อดูแลสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน ” ผอ.ด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและปกป้องฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพ ซีพีเอฟ กล่าว
ซีพีเอฟ ยังได้สนับสนุนและดำเนินงานด้านการปกป้องและฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพสอดคล้องกับกรอบคุนหมิง-มอนทรีออล(Kunming-Montreal Global Biodiversity Framework) ว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพของโลก มุ่งเน้นสร้างสมดุลในการพัฒนาเศรษฐกิจควบคู่กับการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม ตามแนวทาง BCG Model โดยข้อมูลด้านความหลากหลายทางชีวภาพ อาทิ เปิดเผยข้อมูลด้านความหลากหลายทางชีวภาพสอดคล้องตาม GRI-Standard และดัชนีชี้วัดต่างๆ สนับสนุนข้อมูลความหลากหลายของชนิดพันธุ์พืช สัตว์ นก ผีเสื้อ เห็ด ในพื้นที่โครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่า และสนับสนุนงานวิจัยการกักเก็บน้ำในดินจากโครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูป่า เป็นต้น