นายวสิษฐ์ วัฒนศัพท์ หัวหน้าฝ่ายงานปฏิบัติการและสนับสนุนด้านเทคนิคทั่วประเทศ บริษัทแอดวาานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส เปิดเผยว่า ตามที่ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี ได้เสนออาคารชาเลนเจอร์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี พื้นที่กว่า 100,000 ตารางเมตร จัดตั้งโรงพยาบาลสนาม ที่รองรับผู้ป่วยได้มากถึง 5,200 เตียง และจะเป็นอีกหนึ่งจุดฉีดวัคซีนนอกโรงพยาบาล ทาง AIS ได้ร่วมผนึกกำลัง โดยนำทีมวิศวกรพร้อมศักยภาพเทคโนโลยีสัญญาณเครือข่าย 5G ,4G และ Free Wi-Fi เข้าไปเพิ่มศักยภาพการสื่อสารให้กับบุคลากรทางการแพทย์กว่า 700 ชีวิตที่จะเข้าปฏิบัติงานในพื่นที่ และอำนวยความสะดวกให้กับผู้ป่วยที่ต้องเข้ารับการรักษาอีกด้วย
สำหรับพื้นที่อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพ็ค เมืองทองธานีนั้น ในช่วงเวลาปกติ เครือข่ายของ AIS มีความครอบคลุมสูงสุด รองรับการใช้งานสื่อสารของประชาชนที่เดินทางมาร่วมกิจกรรมต่างๆ ได้อย่างเต็มที่อยู่แล้ว อย่างไรก็ตามเมื่อเปิดเป็นโรงพยาบาลสนาม ทำให้ต้องมีอุปกรณ์ทางการแพทย์ทั้ง รถเอ็กซเรย์ เครื่องช่วยหายใจ และห้องตรวจปฏิบัติการ เอไอเอส จีงต้องเตรียมความพร้อมทั้ง 5G ,4G, Free Wifi และอุปกรณ์สนับสนุนอย่างตรงจุดมากยิ่งขึ้น เช่น รถสถานีฐานเคลื่อนที่อย่างเต็มที่ เพื่อเชื่อมต่อระบบ CCTV เพื่อเฝ้าระวังผู้ป่วย, การส่งต่อข้อมูลการแพทย์อย่างเต็มประสิทธิภาพ

ทางด้าน นายพอลล์ กาญจนพาสน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท บางกอกแลนด์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี กล่าวว่า บริษัทได้เสนอให้ใช้พื้นที่อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี เป็นสถานที่จัดตั้งโรงพยาบาลสนามบุษราคัม เพื่อดูแลผู้ป่วยติดเชื้อ COVID-19 กลุ่มสีเหลือง โดยไม่คิดค่าเช่าพื้นที่ ระยะเวลา 2 เดือน มีผลตั้งแต่เดือนพฤษภาคม – มิถุนายน 2564 ถือเป็นอีกหนึ่งโรงพยาบาลสนามของจังหวัดนนทบุรี และเป็นโรงพยาบาลสนามที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ด้วยขนาดพื้นที่กว้างขวางคาดว่าจะรองรับผู้ป่วยได้มากถึง 5,200 เตียง โดย จะแบ่งพื้นที่ชาเลนเจอร์อาคาร 1 อาคาร 2 อาคารละ 2,000 เตียง สำหรับผู้ป่วยกลุ่มสีเหลือง ส่วนอาคาร 3 อีก 1,200 เตียง เตรียมพร้อมสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการ โดยติดตั้งเต็นท์ความดันลบและเครื่องช่วยหายใจ
