รายงานข่าว เปิดเผยว่า จากความร่วมมือของ AIS 5G กับ คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล และ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหิดล ในการพัฒนารถ Mobile Stroke Unit หรือ หน่วยรักษาอัมพาตเคลื่อนที่ ตั้งแต่ปี 2561 ที่ผ่านมา สร้างโอกาสให้คนไทยสามารถเข้าถึงระบบสาธารณสุขได้อย่างเท่าเทียม เพราะมาตรฐานเวลาที่แพทย์สามารถวินิจฉัยและรักษาได้อย่างเหมาะสม ทันท่วงที กับอาการและความรุนแรง คือปัจจัยสำคัญที่จะทำให้การรักษาโรคนี้ประสบผลสำเร็จ ความร่วมมือดังกล่าวทำให้มีรถ Mobile Stroke Unit ที่พร้อมในการทำงานเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองรวมแล้ว 5 คัน ซึ่งทยอยกระจายการให้บริการในภูมิภาคต่างๆ ในพื้นที่ห่างไกลทั่วประเทศ
นายวสิษฐ์ วัฒนศัพท์ หัวหน้าฝ่ายงานปฏิบัติการและสนับสนุนด้านเทคนิคทั่วประเทศ AIS กล่าวว่า AIS เดินหน้าด้วยงบลงทุนกว่า 30,000 – 35,000 ล้านบาทในทุกปี เพื่อพัฒนาโครงข่ายอัจฉริยะ 5G ให้เป็นหนึ่งในโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลที่มีความสามารถในการยกระดับการทำงานของภาคส่วนต่างๆ ซึ่งหนึ่งในนั้น คือ ภาคสาธารณสุข ผ่านการคิดค้นบริการดิจิทัลและโซลูชันส์ที่สามารถสนับสนุนการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ในมิติต่างๆ อย่างต่อเนื่อง โดยที่ผ่านมาเราได้ทำงานร่วมกับคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล และคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ในการร่วมกันพัฒนารถ Mobile Stroke Unit รถพยาบาลที่มีความสามารถในการช่วยเหลือ ปฐมพยาบาล ผู้ช่วยโรคหลอดเลือดสมอง
AIS ได้ร่วมกับคณะทำงาน พัฒนาอุปกรณ์ภายในรถเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและกระจายสัญญาณ อาทิ 5G CPE ที่รองรับสัญญาณการแจ้งเหตุได้อย่างรวดเร็ว การเพิ่มคุณภาพของสัญญาณการส่งภาพจากกล้องภายในรถ หรือแม้แต่ภาพ CT Scan ที่มีความจำเป็นต้องส่งขึ้น Cloud อย่างเร็วที่สุด เพื่อให้ทีมแพทย์ได้วินิจฉัยรวมถึงประเมินอาการระดับความรุนแรง หรือแม้แต่การปฐมพยาบาลเพื่อรักษาในเบื้องต้นได้ทันเวลา
ล่าสุดคณะทำงานได้ขยายผลความสำเร็จของรถ Mobile Stroke Unit ไปยังพื้นที่ห่างไกลทั่วประเทศ อาทิ โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชจอมบึง จ.ราชบุรี, โรงพยาบาลคีรีรัฐนิคม จ.สุราษฎร์ธานี, โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชเชียงของ จังหวัดเชียงราย, โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชธาตุพนม จ.นครพนม
รศ.นพ.ยงชัย นิละนนท์ ประธานศูนย์โรคหลอดเลือดสมองศิริราช คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า การรักษาคนไข้โรคหลอดเลือดสมอง มีปัจจัยหลักอยู่ที่มาตรฐานเวลา หมายความว่า หากพบอาการเร็ว ได้รับการวินิจฉัยเร็ว ก็จะได้รับการรักษาที่ถูกต้อง อัตราของโอกาสการหายก็จะมีเพิ่มขึ้น จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเราถึงต้องมีเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาเป็นเครื่องมือในการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์
รถ Mobile Stroke Unit ได้ให้บริการแก่ผู้ป่วยไปแล้วกว่า 700 ราย พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าสามารถช่วยชีวิตผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองได้จริง รถ Mobile Stroke Unit สามารถวินิจฉัยผู้ป่วยได้ตั้งแต่อยู่บนรถโดยสามารถส่งผล CT Scan ไปยังทีมแพทย์เฉพาะทางให้สามารถทำการตรวจรักษาผ่านจอมอนิเตอร์ที่ถ่ายทอดภาพของผู้ป่วยในรถได้อย่างคมชัด เพื่อให้แพทย์สามารถแนะนำการรักษาได้ตรงตามอาการและความรุนแรงของโรคได้อย่างทันท่วงที ซึ่งกระบวนการทั้งหมดจะเกิดขึ้นได้ต้องอาศัยนวัตกรรม และดิจิทัลเทคโนโลยีอย่าง 5G เข้ามาเป็นตัวช่วยในการผลักดันการทำงานให้เกิดความต่อเนื่อง และสามารถช่วยชีวิตหรือลดอาการความรุนแรงของโรคหลอดเลือดสมองได้จริง
ผศ.ดร.พรชัย ชันยากร รองคณบดีฝ่ายพัฒนาคุณภาพกระบวนงาน ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า Mobile Stroke Unit ถูกพัฒนาขึ้นโดยคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับ ศูนย์โรคหลอดเลือดสมอง รพ.ศิริราช และพันธมิตร ผ่านการคิด การออกแบบ และการทดสอบที่เข้าใจ Journey การทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ในการรักษาผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองเฉียบพลัน โดยตัวรถและระบบต่าง ผ่านการทดสอบสมรรถนะ มาตรฐานความปลอดภัยด้านยานยนต์ มาตรฐานความปลอดภัยด้านรังสี ติดตั้งและทดสอบระบบกู้ชีพ ระบบการแพทย์ทางไกล หรือ Telemedicine และสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์สื่อสารภายในรถกับโครงข่ายสื่อสารสัญญาณ 5G ได้อย่างเป็นเนื้อเดียวกัน
ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา รถ Mobile Stroke Unit เริ่มทยอยให้บริการรักษาและส่งต่อผู้ป่วยแล้วอย่างต่อเนื่อง จากพื้นที่ให้บริการในกรุงเทพฯ สู่การขยายพื้นที่การให้บริการไปยังภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ ในขณะนี้มีรถ Mobile Stroke Unit พร้อมปฏิบัติการจำนวน 5 คัน และอยู่ระหว่างการผลิต ติดตั้งระบบ กำหนดแล้วเสร็จอีก 1 คันในปีนี้ โดยเป้าหมายการทำงานของเราไม่เพียงแค่คิดค้นนวัตกรรมด้านสาธารณสุขเพื่อยกระดับมาตรฐานวงการสาธารณสุขไทยให้เป็น Medical Tech เท่านั้น แต่เรายังมองถึงความยั่งยืนในการช่วยเหลือชีวิตของผู้ป่วย ที่สามารถลดอาการรุนแรงและอัตราการเสียชีวิตของคนไทยได้
ทั้งนี้ คณะทำงานได้ขยายผลความสำเร็จของรถ Mobile Stroke Unit ไปยังพื้นที่ห่างไกลทั่วประเทศ อาทิ โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชจอมบึง จ.ราชบุรี, โรงพยาบาลคีรีรัฐนิคม จ.สุราษฎร์ธานี, โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชเชียงของ จังหวัดเชียงราย, โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชธาตุพนม จ.นครพนม ด้วยการยกระดับศักยภาพการทำงานของฟังก์ชั่นและอุปกรณ์ รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพของโครงข่าย 5G ทั้งคุณภาพของสัญญาณและความครอบคลุมของพื้นที่ให้เกิดการเชื่อมต่อขั้นตอนการทำงานทั้งระบบ ได้อย่างครอบคลุมมากยิ่งขึ้น โดยในตอนนี้รถ Mobile Stroke Unit มีความพร้อมในการทำงานเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองรวมแล้ว 5 คัน ซึ่งจะทยอยกระจายการให้บริการในภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศในปี 2565 นี้