โอกาสลงทุนหุ้นแห่งอนาคต ฝั่งตะวันออก VS ตะวันตก

เมื่อตอนนี้ โลกของเรากำลังถูกขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม และเทคโนโลยี ที่ล้ำสมัยขึ้นในทุก ๆ วัน จนช่วยสร้างความสะดวกสบาย ให้กับชีวิตคนนับล้าน ได้แบบไร้พรมแดนจนยุคนี้ถูกเรียกว่า เป็นยุคแห่ง “โลกาภิวัตน์ของโลกดิจิทัล และเอไอ” ที่เข้ามามีบทบาทในการเปลี่ยนผ่านครั้งนี้เพิ่มด้วย ซึ่งนี่ก็เป็นอีกสาเหตุสำคัญ ที่บอกเราว่าทำไมบริษัทต่าง ๆ จากทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นทั้งทางฝั่งตะวันออก หรือทางฝั่งตะวันตก ถึงต้องแข่งขันการพัฒนานวัตกรรมต่าง ๆ อยู่เสมอ

แล้วในโลกที่กำลังเปลี่ยนผ่านแบบนี้ มีบริษัทจากฝั่งตะวันออก และฝั่งตะวันตกอะไรที่น่าสนใจ และมีแผนใหญ่ ที่จะมาครองใจผู้บริโภคทั่วโลกอย่างไรบ้าง มาลองออกเดินทางไปสำรวจพร้อม ๆ กันได้เลย

➡️ รู้จักกลุ่ม “หุ้นแดนตะวันออก” ดาวรุ่งมาแรง
– อุตสาหกรรมรถ EV 🚗 
ปัจจุบัน อุตสาหกรรม EV ถือเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่เติบโตแบบเร่งตัวสูงขึ้นมาก ทั้งจากความใส่ใจในเรื่องสิ่งแวดล้อมที่เพิ่มมากขึ้น และการช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายแฝงต่าง ๆ เช่น ค่าน้ำมัน เป็นต้น 

ซึ่งในปี 2567 นี้เอง Statista ก็ได้คาดการณ์ว่ารายได้ของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลก จะพุ่งสูงถึง 6.23 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีเจ้าแห่งโลกตะวันออกอย่างจีน เป็นผู้นำที่ทำรายได้สูงถึง 3.19 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ เลยทีเดียว

ซึ่งแบรนด์ EV ที่น่าสนใจจากแดนตะวันออก แน่นอนว่าคงหนีไม่พ้น BYD แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าจากจีน ที่สามารถก้าวขึ้นมาเป็นเบอร์หนึ่งของโลกได้ ด้วยยอดจำหน่ายรถยนต์ EV ทั่วโลกกว่า 3.02 ล้านคันในปี 2566 ซึ่งเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นกว่า 62% หากนับจากยอดจำหน่ายในปี 2565 ตามการอ้างอิงจาก CNN เมื่อวันที่ 26 มี.ค. 2567 ที่ผ่านมา และยอดขายของ BYD ก็ยังคงมีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องจนน่าจับตามอง

– อุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซ
แน่นอนว่าตลาดอีคอมเมิร์ซจากจีน ยังคงเป็นเบอร์หนึ่งในตลาดอีคอมเมิร์ซทั่วโลกที่ไม่อาจปฏิเสธได้ จากจำนวนรายได้รวมในปี 2566 ที่สามารถทำได้รวมกันสูงถึง 2.17 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามการอ้างอิงโดย Statista ซึ่งถือว่าทิ้งห่างอันดับ 2 อย่างสหรัฐฯ เป็นอย่างมาก

โดยหนึ่งในบริษัทที่น่าสนใจ คงหนีไม่พ้น Alibaba บริษัทอีคอมเมิร์ซจากจีน มูลค่ากว่า 1.95 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่ไม่ได้มีดีแค่การเติบโตทางด้านอาณาจักรอีคอมเมิร์ซ แต่ยังมีการต่อยอดไปที่การพัฒนาระบบ Cloud Computing และแพลตฟอร์มชำระเงินออนไลน์ด้วย ซึ่งถือว่ามีแนวโน้มการเติบโตที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก

– อุตสาหกรรมโทรคมนาคม 📱
สิงคโปร์ ถือเป็นหนึ่งในประเทศ ที่มีโครงข่ายสัญญาณความเร็วสูงทั่วประเทศเป็นลำดับแรก ๆ ของโลก จากการพัฒนานโยบาย Smart City โดยปัจจุบัน มีฐานผู้ใช้งานถึง 2 เท่าของจำนวนประชากร (เฉลี่ยที่คนละ 2 เบอร์) ซึ่งช่วยสร้างกระแสรายได้คงที่ กับผู้ให้บริการโทรคมนาคมในสิงคโปร์ เช่น Singtel บริษัทโทรคมนาคมชั้นนำของเอเชีย ที่ทำธุรกิจเครือข่ายมือถือ อินเทอร์เน็ต ขายอุปกรณ์ ที่ยังมีโอกาสเติบโตขึ้นจากการพัฒนาธุรกิจ Cybersecurity และ Data Analytic อีกด้วย

– อุตสาหกรรมวิดีโอเกม 🎮 
รู้หรือไม่ วงการวิดีโอเกม ถือเป็นอีกหนึ่งตลาดที่มีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากพฤติกรรมของผู้คนที่ให้ความสำคัญกับการเล่นเกมมากขึ้น ซึ่งหากมองไปที่ “ตลาดเกมคอนโซล” ที่เป็นอีกหนึ่งตลาดที่น่าลงทุน ก็จะพบว่า Yahoo Finance ได้คาดการณ์ว่ามูลค่าตลาดเกมคอนโซลจะเติบโตจาก 2.67 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2566 ไปเป็น 6.37 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2576 โดยที่ “เอเชีย” จะเป็นหนึ่งในฐานการผลิต และฐานรายได้ที่สำคัญเป็นอย่างมาก

ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจ เพราะในช่วงตลอดหลาย 10 ปีที่ผ่านมา หากเราสังเกตให้ดี จะพบว่าผู้พัฒนาเครื่องเกมคอนโซล ที่เป็นเจ้าตลาด ล้วนเป็นบริษัทจากประเทศญี่ปุ่นทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น Nintendo หรือ PlayStation จาก Sony ที่สินค้าทั้ง 2 ค่ายนี้ ได้ครอบครองส่วนแบ่งในตลาดเกมคอนโซลทั่วโลก ณ ปี 2566 รวมกันมากถึง 85% ตามการอ้างอิงจาก 360 Research Reports 

⬅️ รู้จักกลุ่ม “หุ้นแดนตะวันตก” ยักษ์ใหญ่ที่ยังตื่นตัวตลอด
– อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ 💽 
“เซมิคอนดักเตอร์” นับเป็นจิกซอว์ชิ้นสำคัญต่อการยกระดับนวัตกรรม ทั้งอุปกรณ์ดิจิทัลใหม่ ๆ และเอไอที่กำลังเปลี่ยนโลกของเราจากเดิมไปตลอดกาล

ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ทั้ง สหรัฐฯ และยุโรป ต่างพยายามชิงความได้เปรียบด้านเซมิคอนดักเตอร์ ผ่านการสนับสนุน และการกีดกันอีกมากมาย เช่น การออกข้อกฎหมาย CHIPS for America Act เป็นต้น

พลังของเซมิคอนดักเตอร์นี่เองที่ทำให้ หลายบริษัทในสหรัฐฯ และยุโรป ยังคงเป็นผู้นำในด้านเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งพิสูจน์ได้จากรายชื่อบริษัทต่าง ๆ เช่น ASML บริษัทจากเนเธอร์แลนด์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องผลิตชิป แบบ DUV และ EUV เพียงเจ้าเดียวของโลก ที่นับเป็นต้นน้ำในอุตสาหกรรมชิป รวมถึงยังมีผู้นำตลาดด้านนี้จากสหรัฐฯ อย่าง Nvidia ที่ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงสุดเป็นอันดับที่ 3 ของโลกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

– อุตสาหกรรมความบันเทิง
คงไม่มีใครปฏิเสธว่า Netflix คือแบรนด์ที่ปฏิวัติการเสพความบันเทิงให้เข้าสู่ยุคดิจิทัล ด้วยระบบสตรีมมิง ที่ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงได้ทุกที่ทุกเวลา ซึ่งความแข็งแกร่งที่เกิดขึ้นจนถึงปัจจุบัน ยังคงพิสูจน์ได้จากการรายงานของ L.A. Times เมื่อวันที่ 27 มี.ค. 2567 ที่ระบุไว้ว่า Netflix เองก็ยังคงครองความเป็นหนึ่งในตลาดโลก ด้วยจำนวนสมาชิกทั้งหมดกว่า 260 ล้านคนทั่วโลก และมีมูลค่าบริษัทที่สูงถึง 2.73 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่น่าสนใจ

นอกจากนี้ ธุรกิจจากฝั่งตะวันตก ยังมีธุรกิจที่สามารถสร้างมูลค่าสินค้าผ่านทางอารมณ์ให้ผู้คนได้ลงทุนเพื่อเป็นเจ้าของอย่าง สินค้าแบรนด์หรู 🛍️ ในเครือ LVMH เช่น Louis Vuitton, Celine, Fendi, Dior เป็นต้น ที่มีลักษณะพิเศษเฉพาะตัว ที่ถึงแม้ว่ารายได้ในช่วงนี้อาจจะลดลงไปบ้าง แต่รายได้แบบปีต่อปี ก็ยังคงเติบโตขึ้น จากยอดรายได้รวมทั่วโลกกว่า 9.33 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงปี 2566 ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก ปี 2565 มากถึง 13% เลยทีเดียว

โดยนอกเหนือจากสินค้าแบรนด์หรูแล้ว ก็ยังมีแบรนด์สินค้าบริโภคที่อยู่ในชีวิตประจำวันของเรามากมาย เช่น Starbucks ☕ เป็นต้น

🌍 ทั้งหมดนี้ คือตัวอย่างของกลุ่มธุรกิจจากแดนตะวันออก และแดนตะวันตก ที่กำลังพัฒนานวัตกรรมให้ตอบสนองความต้องการในชีวิตประจำวันของเราเป็นอย่างมาก และจะยิ่งมีความสำคัญมากขึ้นต่อเศรษฐกิจในยุคที่เกิดการเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคดิจิทัลยุคใหม่ และยุคเอไอ อีกด้วย 

อ่านมาถึงตรงนี้ ถ้าใครเริ่มมองเห็นโอกาสแห่งอนาคตจากธุรกิจเหล่านี้ การลงทุนผ่าน DR และ DRx จึงเป็นโอกาสที่นักลงทุนไม่ควรมองข้าม

📌 โดย “DR” หรือ Depositary Receipt นั้น คือตราสารแสดงสิทธิในหลักทรัพย์ต่างประเทศ ที่เกิดจากผู้ออกตราสาร (ได้รับอนุญาตจากสำนักงาน ก.ล.ต.) ซื้อหลักทรัพย์อ้างอิงต่างประเทศ เช่น หุ้น หรือ ETF มา และนำมาจดทะเบียนเป็นตราสาร DR ในตลาดหลักทรัพย์ไทย เพื่อให้นักลงทุนสามารถซื้อขายได้ในรูปแบบของสกุลเงินบาท ซึ่งในปัจจุบันมี DR ให้เลือกลงทุนกว่า 24 ตัว โดยมีหุ้นจากแดนตะวันออก เช่น
– Alibaba (BABA80) บริษัทอีคอมเมิร์ซระดับโลก จากจีน

– Baidu (BIDU80) บริษัทเซิร์ชเอนจินยักษ์ใหญ่ จากจีน

– BYD (BYDCOM80) บริษัทรถยนต์ EV จากจีน ที่สร้างยอดจำหน่ายรถยนต์ EV ได้สูงที่สุดในโลก

– NetEase (NETEASE80) บริษัทผู้พัฒนาเกม และอีคอมเมิร์ซ ระดับโลก จากจีน

– Ping An Insurance (PINGAN80) บริษัทประกันภัย และการเงินแบบครบวงจรชั้นนำ จากจีน

– Singapore Airlines (SIA19) สายการบินที่ได้รางวัลสายการบินที่ดีที่สุดในโลก เมื่อปี 2566 จากสิงคโปร์

– Singtel (SINGTEL80) บริษัทโทรคมนาคมชั้นนำของเอเชีย จากสิงคโปร์

– Tencent (TENCENT80) บริษัทที่มีมูลค่าสูงที่สุดในจีน จากธุรกิจเทคฯ ที่หลากหลาย

– Xiaomi (XIAOMI80) บริษัทผู้ผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ชั้นนำระดับครอบจักรวาล จากจีน

รวมถึงยังมีหุ้นมาใหม่ที่กำลังจะเปิดให้เทรดอย่าง Nintendo, Sony และ Toyota เป็นต้น ซึ่ง DR มีจุดเด่นที่น่าสนใจ คือ
– แค่มีบัญชีหุ้นไทย ก็เริ่มลงทุนผ่าน DR ได้ทันที 

– ซื้อขายสะดวก เพราะใช้สกุลเงินบาท

– เริ่มต้นขั้นต่ำเพียง 1 หน่วย (ค่าธรรมเนียมเท่ากับการเทรดหุ้นไทย)

แอบกระซิบอีกนิด DR ยังมีตัวเลือกหุ้นที่น่าสนใจ จากแดนตะวันตกบางส่วนให้เลือกอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น ASML หรือ LVMH

📌 ส่วน “DRx” หรือ Fractional Depositary Receipt ก็เหมือนกับ DR แต่เป็นการลงทุนอีกรูปแบบหนึ่งที่สามารถซื้อขายเป็นหน่วยย่อยได้ (เศษหุ้น) ซึ่งในปัจจุบันมีตัวเลือกการลงทุนเป็นหุ้นจากแดนตะวันตก อย่างหุ้นยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็น 
– Alphabet (GOOG80X) บริษัทผู้ให้บริการเซิร์ชเอนจินยักษ์ใหญ่ ที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดในโลก

– Amazon (AMZN80X) บริษัทอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่จากสหรัฐฯ ที่มีการดำเนินธุรกิจในหลากหลายด้าน

– Apple (AAPL80X) บริษัทผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ ชื่อดัง ที่มีมูลค่าบริษัทสูงที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก

– Booking Holdings (BKNG80X) แพลตฟอร์มออนไลน์ในการจองที่พัก เที่ยวบิน รถเช่า และร้านอาหารระดับโลก

– Meta (META80X) บริษัทผู้ถือครองแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ชื่อดังต่าง ๆ มากมาย ที่นิยมไปทั่วโลก

– Microsoft (MSFT80X) บริษัทผู้ผลิต และพัฒนาซอฟต์แวร์รายใหญ่ ที่มีมูลค่าบริษัทสูงที่สุดเป็นอันดับ 1 ของโลก 

– Netflix (NFLX80X) บริษัทผู้นำด้านสื่อบันเทิงสตรีมมิง ที่มียอดผู้ใช้งานมากที่สุดในโลก 

– Nvidia (NVDA80X) บริษัทผู้นำด้านเซมิคอนดักเตอร์ ที่มีมูลค่าบริษัทสูงที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก

– Starbucks (SBUX80X) ร้านกาแฟชื่อดัง ที่มีสาขากระจายอยู่ทั่วโลกกว่า 38,038 สาขา

– Tesla (TSLA80X) บริษัทผู้พัฒนารถยนต์ EV ที่มีเทคโนโลยีสุดล้ำหน้า

รวมทั้งยังมีหุ้นมาใหม่ที่กำลังจะเปิดให้เทรดอย่าง Coca-Cola, Pepsi และ Berkshire Hathaway อีกด้วย ซึ่งจุดเด่นของ DRx ที่น่าสนใจนั้น คือ
– เลือกส่งคำสั่งได้ทั้งแบบจำนวนเงิน และจำนวนหน่วย

– ซื้อขายตามเวลาของตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศที่หลักทรัพย์นั้นอ้างอิง (20.00-04.00 น. ตามเวลาประเทศไทย)

– งบน้อยก็ลงทุนได้ 

ใครสนใจจะลงทุนใน DRx หากมีบัญชีหุ้นแล้ว ก็แค่แจ้งความประสงค์ขอซื้อขาย DRx เพิ่มกับโบรกเกอร์ที่ให้บริการ ซึ่งทำผ่านแอป Streaming เองได้เลย โดยกดไปที่ “My Menu” เลือก “DRx” และกดปุ่ม “Request DRx Trading” และรออนุมัติ (ระยะเวลาขึ้นอยู่กับแต่ละโบรกเกอร์) 

👉 ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ DR www.setinvestnow.com/th/newdr

👉 ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ DRx www.setinvestnow.com/drx

หากใครยังไม่มีบัญชีหุ้นและสนใจ ก็เริ่มต้นลงทุนด้วยตัวเองได้ทันที เพียงเปิดบัญชีลงทุนผ่าน Streaming ตั้งแต่วันนี้ 📲

https://www.settrade.com/th/services-and-tools/trading-program/basic/main

“ข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย www.setinvestnow.com”