รายงานข่าวเปิดเผยว่า ภายหลังการประชุมจัดทำระบบฐานข้อมูล PM 2.5 เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2566 ซึ่งประกอบด้วยตัวแทนจากหลายหน่วยงาน ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน
อาทิ กรมควบคุมมลพิษ (คพ.)กรมวิชาการเกษตร นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ สมาชิกวุฒิสภา สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) กรรมการพัฒนาระบบราชการ (กพร.) สำนักงานสถิติแห่งชาติ GISTDA เครือซีพี
ที่ประชุมมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับจุดความร้อนจากภาพถ่ายดาวเทียมของภาครัฐและเอกชน เพื่อให้เกิดการวิเคราะห์และบูรณาการฐานข้อมูล นำไปสู่การใช้ประโยชน์ในการแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 อย่างเป็นระบบและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อต่อยอดความร่วมมือจัดการปัญหาฝุ่นควันข้ามพรมแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะเมียนมา และสปป.ลาว
ที่ประชุมได้ยกระบบตรวจสอบย้อนกลับข้าวโพดที่ซีพีพัฒนาขึ้นและนำมาใช้ตั้งแต่ปี 2559 เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการจัดหาวัตถุดิบข้าวโพดอย่างยั่งยืน ปราศจากการบุกรุกพื้นที่ป่า และปลอดการเผา พร้อมนำเทคโนโลยีบล็อกเชน และภาพถ่ายดาวเทียม (จีพีเอส) มาช่วยการเก็บและตรวจสอบข้อมูลอย่างโปร่งใสและแม่นยำ ซีพียังได้พัฒนาแอปพลิเคชั่น ฟ.ฟาร์ม เพื่อให้ความรู้แก่เกษตรกรในการปลูกข้าวโพดตามหลักวิชาการ เพิ่มประสิทธิภาพกาเพาะปลูก ลดต้นทุนการผลิต
นอกจากนี้ ที่ประชุมจะถอดบทเรียนระบบการตรวจสอบย้อนกลับเพื่อนำไปเป็นแนวทางการบริหารจัดการเพาะปลูกเพื่อลดการเผาหลังเก็บเกี่ยวให้กับเมียนมาและสปป.ลาวในการประชุมร่วมกันในปลายเดือนเมษายนนี้
ทั้งนี้ ข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียมของจิสด้า ใน 17 จังหวัดภาคเหนือต้นปีนี้ พบว่า จุด hot spot เกิดขึ้นในพื้นที่ป่าอนุรักษ์สูงถึง 95.6% พื้นที่ชุมชน 75.4% ส่วนพื้นที่การเกษตร โดยเฉพาะนาข้าวมีการเผา 56.6% ขณะที่พื้นที่ปลูกข้าวโพดมีการเผาเพียง 10.7% พื้นที่ปลูกอ้อย10.8% ตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมจะต้องรวบรวมข้อมูลมาวิเคราะห์และขยายผลการแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 รวมไปถึงการปรับปรุงมาตรการภาครัฐ โดยเฉพาะกำหนดให้การไม่เผาหลังการเก็บเกี่ยวเป็นเงื่อนไขสำคัญในโครงการประกันราคาและประกันรายได้พืชเกษตรหลักในอนาคต