เมืองไทยประกันชีวิต ชูนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ ตอบโจทย์ลูกค้า ดูแลทุกช่วงชีวิต

เปิดกลยุทธ์ “MTL Trusted Lifetime Partner”

ผสานแพลตฟอร์ม Digital และ Non-digital ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์บนโลกวิถีใหม่

นายสาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ MTL เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในปี 2563 ว่า มีอัตราการเติบโตของเบี้ยประกันภัยรับใหม่สำหรับผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตประเภทสัญญาเพิ่มเติมการประกันสุขภาพและโรคร้ายแรง (Health & CI)  อยู่ที่ 21% มีสัดส่วนการขายแบบประกันชีวิตประเภทคุ้มครองชีวิตและประกันชีวิตควบการลงทุน (Protection and Investment Linked Product Portion) สูงถึง 76% ขณะเดียวกันมีผลงานจากช่องทางการขายผ่าน Online Sales เติบโต 120%  เมื่อเทียบกับปี 62

ในด้านความแข็งแกร่งและด้านเสถียรภาพทางด้านการเงิน   MTL ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจาก S&P Global Ratings อยู่ที่ระดับ BBB+ โดยแนวโน้มมีเสถียรภาพ และจากฟิทช์ เรทติ้งส์ (Fitch Ratings) อยู่ที่ ‘A-‘ โดยมีแนวโน้มอันดับเครดิต  มีเสถียรภาพ และคงอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินภายในประเทศ (National IFS) ที่ ‘AAA(tha)’ โดยมีแนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ ซึ่งถือเป็นอันดับเครดิตในระดับประเทศที่สูงที่สุดแล้ว และยังมีความเพียงพอของเงินกองทุนอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งโดยสะท้อนจากอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุนซึ่งอยู่ที่ 309%  ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 ของปี 2563 ซึ่งสูงกว่าระดับเงินกองทุนที่ต้องดำรงตามเกณฑ์ที่ 120%

ทิศทางการดำเนินงานในปี 2564 MTL มุ่งมั่นจะเป็นแบรนด์ที่ลูกค้าให้ความวางใจ พร้อมดูแลและเดินเคียงข้างในทุกช่วงของชีวิต ภายใต้นโยบาย “MTL Trusted Lifetime Partner” ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ บริการ ช่องทางการขายที่หลากหลาย ผ่านนวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทุก Journey ในแบบที่มีความเฉพาะตัวของบุคคล (Personalization) มากยิ่งขึ้น ผ่านแพลตฟอร์ม Digital และ Non-digital ที่สามารถเข้าถึงความต้องการในทุกไลฟ์สไตล์ พร้อมยกระดับองค์กรสู่ความเป็นสากล และโดดเด่นด้วยภาพลักษณ์องค์กรที่มีความทันสมัย เป็นมืออาชีพ ที่สามารถดึงดูดกลุ่มคนรุ่นใหม่เข้ามาร่วมงาน รวมทั้งการเดินหน้าการพัฒนาบุคลากร     ให้สามารถรับมือและปรับตัวให้เข้ากับโลกยุคดิจิทัลได้อย่างเต็มตัว พร้อมให้ความสำคัญกับการขยายตลาดไปสู่ประเทศที่มีศักยภาพการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง

บริษัทได้เปิดตัวโครงการ  “Super Health” ตอกย้ำความเป็นผู้นำในด้านความคุ้มครองสุขภาพ โดยนำเสนอความคุ้มครองสุขภาพ ตอบโจทย์ความต้องการในทุกกลุ่ม เข้าถึงกลุ่มอายุที่หลากหลาย อีกทั้งยังเลือกซื้อได้ตามไลฟ์สไตล์ ทั้งการดูแลแบบเหนือระดับ แบบที่ดูแลค่าใช้จ่ายตั้งแต่บาทแรกหรือแบบที่ช่วยดูแลค่ารักษาส่วนเกินจากสวัสดิการเดิมที่มีอยู่ รวมไปถึงสามารถเลือกความคุ้มครองแบบผู้ป่วยนอก (OPD) แบบผู้ป่วยใน (IPD) หรือเลือกความคุ้มครองได้ทั้งสองแบบตามความต้องการ

ล่าสุด ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ “โครงการ ดี คิดส์ (D Kids Campaign)”   ที่มีข้อเด่นคือการช่วยดูแลค่าใช้จ่ายส่วนเกิน ให้ความคุ้มครองค่าห้องเดี่ยวมาตรฐาน ค่าห้องผู้ป่วยหนัก (ไอ.ซี.ยู.) ค่าหมอ ค่ายา ค่าตรวจ ค่าผ่าตัด ค่ารักษาพยาบาลกรณีแอดมิดเหมาจ่ายในวงเงินเดียวสูงสุดถึง 5 ล้านบาทต่อการเข้าพักรักษาตัวครั้งใดครั้งหนึ่ง คุ้มครองตั้งแต่เด็กโดยสามารถเสมัครได้ตั้งแต่อายุ  30 วัน  ให้ความคุ้มครองถึงอายุ 99 ปี ช่วยให้หมดกังวลและยังช่วยแบ่งเบาค่าใช้จ่ายในยามที่   ลูกน้อยต้องเจ็บป่วย หรือไม่สบาย

นอกจากนี้ยังได้ขยายอายุรับประกันภัยสัญญาเพิ่มเติมการประกันภัยสุขภาพแบบ อีลิท เฮลท์ เพื่อให้การดูแลแบบเหนือระดับ ครอบคลุมไปยังกลุ่มเด็กมากยิ่งขึ้นจากเดิมอายุรับประกันอยู่ที่ 18-80 ปี ขยายเป็น 11-80 ปี

สำหรับการดำเนินธุรกิจในปีนี้ แม้ยังต้องเผชิญกับความท้าทายที่หลากหลาย แต่บริษัทจะยังพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการให้ครบในทุกด้าน เพื่อตอกย้ำนโยบาย MTL Trusted Lifetime Partner สามารถเข้าถึงความต้องการของลูกค้าในทุกเพศทุกวัย พร้อมเชื่อมต่อกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าในแบบเฉพาะตัว มุ่งมั่นเติบโตและก้าวไปอย่างมั่นคงเคียงข้างไปกับลูกค้า รวมถึงเชื่อมต่อกับเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจ (Ecosystem Partner) ดูแลลูกค้าได้อย่างครอบคลุม นอกจากนี้ ยังมีพันธมิตรของบริษัทที่สนับสนุนในการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยี ได้แก่ Fuchsia Venture Capital และบริษัท AIgen (ไอเจ็น) จำกัด รวมถึง Gettgo ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในยุคดิจิทัลได้เป็นอย่างดี

ด้านการทำการตลาด ยังเดินหน้าในแบบหลากหลายช่องทาง (Multi Distribution Channels)ทั้งออฟไลน์ ออนไลน์ หรือ ผสมผสานการขาย (Hybrid)  มุ่งสู่การเป็นผู้ออกแบบทางการเงิน (Life Planner) ที่สามารถออกแบบ ให้คำปรึกษา และวางแผนทางการเงินที่เหมาะสมแก่ลูกค้าแต่ละราย และยังเตรียมพัฒนาระบบและเครื่องมือต่างๆ เพื่อขยายช่องทางการเข้าถึงลูกค้าผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์มต่างๆ อย่างครบถ้วนและส่งมอบบริการด้านการวางแผนการเงินที่ดี เหมาะสมกับลูกค้า ตอบโจทย์ทุกความต้องการ

ส่วนงานด้านบริการ ล่าสุด ได้พัฒนาแอปพลิเคชัน  “MTL Click”  บริการในรูปแบบ Digital Face to Face Service พร้อมเปิดใหบริการ video call พื่อให้ลูกค้าสามารถทำธุรกรรมกับบริษัทได้ทุกที่ โดยไม่ต้องออกจากบ้าน สามารถพูดคุย หรือรับคำปรึกษา พร้อมทำธุรกรรมได้แบบ Real Time ไม่ว่าจะเป็น ซื้อประกันชีวิตและประกันสุขภาพ จ่ายเบี้ยประกันภัยออนไลน์ บริการกู้ตามสิทธิกรมธรรม์ บริการต่ออายุกรมธรรม์ เป็นต้น

ขณะเดียวกัน ยังยกระดับทักษะและความรู้ของบุคลากรทุกระดับ ทั้งตัวแทน พนักงาน  และผู้บริหาร ให้ปรับตัวรับกับ Disruptive Technology และเปิดตัวแพลตฟอร์ม “LearnRU” (เลิร์นรู้) ตอบโจทย์การเรียนรู้ในแบบออนไลน์ ทั้งแบบออนไลน์สด (Live Streaming) หรือการสัมมนาแบบเสมือนจริง (Virtual Workshop) สามารถถาม-ตอบ แลกเปลี่ยนความรู้ได้อย่างเต็มที่ รวมถึงสามารถเข้าถึงคลังความรู้ที่หลากหลายทั้งแบบ Micro Learning และแบบ Online Content  ได้แก่ VDO สื่อ Infographic   E-book หรือ Podcast