ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน ในฐานะโฆษกกรมชลประทาน กล่าวถึงผลการจัดสรรน้ำฤดูแล้งทั้งประเทศ พบว่า วันที่ 30 เม.ย. 63 ซึ่งเป็นวันสิ้นสุดการส่งน้ำในช่วงฤดูแล้งของกรมชลประทาน มีการใช้น้ำตลอดฤดูแล้งที่ผ่านมารวมทั้งสิ้นประมาณ 17,053 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็น 96% ของแผนจัดสรรน้ำ เฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยามีการใช้น้ำตลอดฤดูแล้งรวมทั้งสิ้นประมาณ 4,595 ล้าน ลบ.ม. หรือ 102% ของแผน ถือได้ว่าการใช้น้ำเป็นไปตามแผนการจัดสรรน้ำฤดูแล้งที่วางไว้
กรมชลประทานได้บริหารจัดการน้ำตลอดในช่วงฤดูแล้งปี 2562/63 อย่างรัดกุมที่สุด เนื่องจากปริมาณน้ำต้นทุนที่มีอยู่จำกัด และในช่วงฤดูฝนปี 62 มีปริมาณฝนตกต่ำกว่าค่าเฉลี่ยปกติ ส่งผลให้ปริมาณในอ่างเก็บน้ำ แหล่งน้ำธรรมชาติ และแม่น้ำสายต่างๆ มีปริมาณน้ำค่อนข้างน้อย จำเป็นต้องจัดสรรน้ำให้เพียงพอต่อการอุปโภคบริโภค และรักษาระบบนิเวศ เป็นหลัก และยังได้เข้าช่วยเหลือพื้นที่ประสบภัยแล้ง 61 จังหวัด ใช้รถบรรทุกน้ำ 69 คัน ปริมาณน้ำสะสมทั้งหมด 26 ล้านลิตร , การติดตั้งเครื่องสูบน้ำ 636 เครื่อง และเครื่องจักรกลอื่นๆอีก 334 หน่วย เพื่อช่วยเหลือและบรรเทาปัญหาภัยแล้งให้แก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างเต็มศักยภาพ
ทั้งนี้ การส่งน้ำในช่วงฤดูแล้งของกรมชลประทาน ที่เริ่มตั้งแต่ 1 พ.ย. 62 – 30 เม.ย. 63 และจากนี้ไปจะเริ่มเข้าสู่การส่งน้ำในช่วงต้นฤดูฝน
สำหรับผลการเพาะปลูกพืชฤดูแล้งปี 2562/63 ทั้งประเทศ มีการเพาะปลูกรวมทั้งสิ้น 4.75 ล้านไร่(แผนวางไว้ 2.83 ล้านไร่) เก็บเกี่ยวแล้ว 1.88 ล้านไร่แยกเป็นข้าวนาปรัง 4.21 ล้านไร่ เก็บเกี่ยวแล้ว 3 ล้านไร่และพืชไร่-พืชผัก 0.54 ล้านไร่ เก็บเกี่ยวแล้ว 0.27 ล้านไร่ เฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยาไม่มีแผนการเพาะปลูกข้าวนาปรัง เนื่องจากปริมาณน้ำต้นทุนมีไม่เพียงพอที่จะสนับสนุน แต่จากการสำรวจพบว่ามีการทำนาปรังประมาณ 1.98 ล้านไร่ เก็บเกี่ยวแล้ว 1.85 ล้านไร่ ส่วนใหญ่ใช้น้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติในพื้นที่ของตนเองทำการเพาะปลูก
ทั้งนี้ กรมชลประทาน ขอขอบคุณเกษตรกรและประชาชน ทุกภาคส่วนที่ร่วมใจกันใช้น้ำอย่างประหยัด ทำให้การใช้น้ำเป็นไปตามแผนการจัดสรรน้ำที่วางไว้