โควิด-19 คร่าชีวิตบุคลากรการแพทย์ 3 ราย และติดเชื้อเพิ่มอีก 13 ราย

โควิด-19

ศบค. รายงานวันนี้ สูญเสีย “บุคลากรการแพทย์” 3 ราย รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์-รพ.ลำพูน-อสม.พิษณุโลก บุคลากรติดเชื้ออีก 13 ราย จากผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั้งหมด 51 ราย หมอย้ำตัวเลขติดเชื้อลดลง แต่ยังวางใจไม่ได้ สธ.ประกาศแสดงความเสียใจ ยกย่องในความกล้าหาญ

นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) กล่าวว่า วันนี้ ( 6 เม.ย.) พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 51 ราย ยอดผู้ป่วยสะสม 2,220 ราย หายกลับบ้านแล้ว 793 ราย ถึงแม้ ตัวเลขผู้ติดเชื้อ จะเหลือ 51 ราย แต่ตัวเลขผู้ติดเชื้อยมีขึ้น และลง ยังไม่เห็นภาพชัดเจน ขอให้ทุกคนถือว่าสถานการณ์ยังน่าเป็นห่วง เพราะจากการสอบถามกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ยังมีกลุ่มเสี่ยงรอสอบสวนโรคอยู่จำนวนหนึ่ง

สำหรับผู้ป่วยรายใหม่ ประกอบด้วย

กลุ่มพิธีกรรมทางศาสนา 3 ราย

กลุ่มสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ 22 ราย

เป็นคนไทยเดินทางกลับจากต่างประเทศ 1 ราย

เป็นคนต่างชาติเดินทางมาประเทศไทย 1 ราย

กลุ่มสัมผัสผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 2 ราย

มีอาชีพเสี่ยง เช่นทำงานในสถานที่แออัด หรือทำงานใกล้ชิดชาวชาติต่างชาติ 5 ราย

บุคลากรด้านการแพทย์ และสาธารณสุข 13 ราย

อยู่ระหวางการสอบสวนโรค 7 ราย

สำหรับ ตัวเลขบุคลากรทางการแพทย์ติดเชื้อสูงถึง 13 ราย เป็นตัวเลขสะสม และ ได้รับยืนยันพร้อมกัน มาจากรพ.เอกชน 11 ราย โดยกลุ่มบุคลากรการแพทย์ถือเป็นกลุ่มเสี่ยง มีทั้งติดจากการดูแลผู้ป่วย และมีกิจกรรมรับประทานอาหารร่วมกัน ยืนยันว่าทุกคนเสี่ยง ต้องดูแลอย่างดี

ข้อมูลแนวโน้มผู้ป่วยกรุงเทพ และต่างจังหวัด ทรงตัว แต่ยังวางใจไม่ได้ เพราะยังมีตัวเลขผู้ติดเชื้อขึ้นๆลงๆ ต้องติดตามหลังประกาศเคอร์ฟิวว่า ผลจะเป็นอย่างไร หากไม่ดีขึ้น ก็จะมีมาตรการของศูนย์ฯ ที่จะประกาศต่อไป

อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีเคอร์ฟิว 24 ชม. เพราะเพิ่งประกาศเคอร์ฟิวเวลา 22.00-04.00 น. หรือ 6 ชม.ไป ซึ่งทุกคนกำลังปรับตัว ให้เวลาดูแลตัวเอง หากทุกคนทำได้ ตัวเลขติดเชื้อใหม่ลดง มาตรการอื่นๆก็ไม่จำเป็นต้องมี หากยังเพิ่ม แสดงว่ามาตรการที่มีไม่พอ อาจต้องปรับเพิ่มมาตรการ แต่วันนี้ยังไม่มีเคอร์ฟิว 24 ชม.แน่นอน

ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุข ได้ประกาศขอแสดงความเสียใจบุคลากรทางการแพทย์ที่เสียชีวิต 3 ท่าน จากรพ.เชียงรายประชานุเคราะห์ รพ.ลำพูน และอาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) จังหวัดพิษณุโลก

นพ.วรตม์ โชติพิทยสุนนท์ ทำหน้าที่ตัวแทนกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัว และเพื่อนร่วมงาน การสูญเสียของประชาชน และบุคลากรทางการแพทย์ถือเป็นความสูญเสียของประเทศชาติ ท่ามกลางภาวะระบาดอย่างรุนแรง การขาดแคลนเวชภัณฑ์ ความเหน็ดเหนื่อย หลีกเลี่ยงไม่ได้เลย

กระทรวงสาธารณสุข ขอบคุณบุคลากรทุกคน ที่ปฏิติงานด้วยความกล้าหาญ และเสียสละ ไม่ย่อท้อ และยังคงมุ่งมั่น ทำเพื่อประชาชน และประเทศ ให้ผ่านพ้นสถานการณ์วิกฤติไปได้ ขอบคุณครอบครัว และคนใกล้ชิด ที่เป็นเหมือนลมใต้ปก ที่คอยให้กำลังใจ และสนับสนุนบุคลากรให้มีแรงใจที่ดีในการปฏิบัติหน้าที่ต่อสู้โรคระบาด และกระทรวงสาธารณสุข ขอบคุคนไทย ที่ยังร่วมแรง ร่วมใจสามัคคี ให้กำลังใจบุคลากร ขอให้ท่านหมั่นดูแลสุขภาพตัวเอง ทำตามคำแนะนำ เราต้องเปลี่ยนความสูญเสียเป็นพลัง โดยทุกคนต้องร่วมมือ ลดความสูญเสียให้เกิดน้อยที่สุด และเราจะผ่านเหตุการนี้ไปด้วยกัน