คอลัมน์ “รู้เก็บรู้ออม…รู้ใช้รู้ลงทุน” สู่ความมั่งคั่งนี้ เกิดขึ้นโดยความร่วมมือกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อส่งเสริมความรู้ด้านการเงินการลงทุนแก่ประชาชนทั่วไป
ให้มีความรู้ความเข้าใจและความสามารถในการบริหารจัดการการเงิน เพื่อการมีสุขภาพทางการเงินที่ดี เตรียมความพร้อมคนไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย
จากข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)และสำนักงานสถิติแห่งชาติพบว่า คนไทย 34.6% ไม่มีเงินออม ขณะที่ 85.8% ของคนที่มีเงินออม มีความเสี่ยงมีเงินไม่พอใช้ดำรงชีพในยามชราหลังเกษียณ เพราะออมน้อยเกินไป และไม่ได้นำเงินออมมาลงทุน
ดังนั้นคนไทยทุกคนจำเป็นต้องเริ่มต้นวางแผนทางการเงินตั้งแต่วันนี้!! โดยวางแผนการออมและการลงทุน เพื่อสร้างผลตอบแทนให้เงินออมที่มีอยู่พอกพูน!!
ท่ามกลางภาวะดอกเบี้ยเงินฝากที่อยู่ในระดับต่ำเตี้ยเรี่ยดินต่อเนื่องมาหลายปี และมีแนวโน้มต่ำต่อไปอีกนาน แต่คนส่วนใหญ่ยังคงทิ้งเงินออมไว้ในบัญชีธนาคาร ขณะที่ค่าของเงินลดลงเรื่อยๆตามอัตราเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นในแต่ละปี หากไม่นำเงินออมออกมาลงทุนให้งอกเงย มูลค่าของเงินจึงหดหายไปเรื่อย
การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ถือเป็นทางเลือกในการลงทุนที่น่าสนใจ โดยจากสถิติข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์พบว่า หากนำเงินไปลงทุนระยะยาวในตลาดหุ้น มีโอกาสที่จะได้ผลตอบแทนหรือกำไรจากราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้น (capital gain) มากกว่า เทียบจาก SET INDEX หรือดัชนีราคาตลาดหลักทรัพย์ พบว่าลงทุนในตลาดหุ้นนาน 3 ปี (ปี59-61)ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยสูงถึง 21.42 % ส่วนระยายาว 5 ปี(ปี57-61) ให้ผลตอบแทน 20.42% และระยะยาว 7 ปี(ปี55-61) ให้ผลตอบแทน 52.53 %
ยังไม่นับรวมผลตอบแทนจากเงินปันผล หากเลือกลงทุนในบริษัทจดทะเบียน ที่มีผลประกอบการดีมีกำไรและมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นในอัตราที่ดี!!
โดยตลาดหุ้นไทยมีความโดดเด่น ในเรื่องการจ่ายเงินปันผลเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นในภูมิภาค จากสถิติ 10 ปี (ปี 53 – 62) พบว่า บริษัทในตลาดหุ้นจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นรวมกันสูงถึง 4.74 ล้านล้านบาท
ปี 62 บริษัทในตลาดหุ้น 548 บริษัท หรือ 3 ใน 4 ของบริษัทจดทะเบียนทั้งหมด จ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นรวม 610,768 ล้านบาท โดยจ่ายปันผลตั้งแต่ 3-4 % ไปจนถึงระดับ 10% ต่อปี สูงมากเมื่อเทียบกับดอกเบี้ยเงินฝากที่ขณะนี้อยู่ที่ 0.25-1.85% ต่อปี
สำหรับผู้ที่ยังไม่มีความรู้การลงทุนในตลาดหุ้นโดยตรง สามารถนำเงินไปให้มืออาชีพหรือผู้จัดการกองทุนลงทุนให้ ผ่านการซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.)ต่างๆ ที่มีการจัดตั้งกองทุนรวม เพื่อนำเงินไปลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายประเภทให้เลือกมากมาย
ไม่เพียงแต่ลงทุนในตลาดหุ้นเท่านั้น ยังลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ เช่น โรงแรม ห้างสรรพสินค้า พื้นที่ให้เช่าในโรงงานอุตสาหกรรม ผ่านกองทุนอสังหาริมทรัพย์และกอง REIT รวมทั้งลงทุนในกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งกองทุนที่ลงทุนในรถไฟฟ้า โทรคมนาคม โรงไฟฟ้า หรือจะเลือกลงทุนและออมเงินในทองคำก็สามารถทำได้
เหล่านี้ ถือเป็นการ “ใช้เงิน..ทำงาน” เพื่อให้เกิดดอกออกผลงอกเงยนั่นเอง!!
คุณนายพารวย
ที่มา จากคอลัมน์ “รู้เก็บรู้ออม…รู้ใช้รู้ลงทุน” โดย แม่พารวย หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ