#เกรียนพารวย
เราๆท่านๆ นิยมใช้บัตรเครดิตกัน เพราะ นอกจากไม่ต้องพกเงินไปไหนเยอะๆ แล้ว ความสะดวกสบาย การบริหารเงิน ยังมีเรื่องความปลอดภัยเข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้งเรื่องการฉกชิงวิ่งราว โดนล้วงกระเป๋า หรือปล้นทรัพย์
แต่ระวัง หนีเสือปะจระเข้ พ้นภัยโจรมุมตึก อาจหมดตัวเพราะโจรไซเบอร์แทน
หากถูกนำข้อมูลของบัตรเครดิตไปใช้ เจ้าของบัตรอาจถูกปล้นแบบไม่รู้ตัว
ปกติ เลขบนหน้าบัตรเครดิต มี 16 หลัก เวลาเอาไปใช้ทำธุรกรรมออนไลน์ ก็ต้องมีการกรอกเลขบัตรที่เราจะใช้ แต่ตัวเลขที่สำคัญ จะอยู่บนหลังบัตร เรียกว่า เลข cvv เป็นพาสเวิร์ดโค๊ด ปกติจะมีสามหลักหรือสี่หลัก ตัวเลข cvv นี่แหละ ที่มิจฉาชีพจะเอาไปใช้ทำธุรกรรมอย่างอื่นกับธนาคาร และคุณอาจจะเป็นหนี้โดยไม่รู้ตัว
ตั้งแต่ปี 2555 ถึงปี 2560 มีคดีที่เกี่ยวข้องกับบัตรเครดิตรวม 213 คดี คดีที่มีแนวโน้มสูงขึ้น คือการนำบัตรและข้อมูลบัตรเครดิตของผู้อื่นไปใช้ จำนวน 126 คดี
ถ้าไม่อยากเป็นหนึ่งในร้อย เจ้าของบัตรควรเก็บบัตรไว้กับตัว ไม่มอบให้คนไม่น่าไว้วางใจ เวลาซื้อของก็ต้องตรวจสอบความถูกต้องของรายการใช้จ่ายในสลิป
และควรเลือกซื้อสินค้าหรือบริการจากเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือ มีระบบความปลอดภัย OTP : One Time Password นั่นคือ เป็นระบบรักษาความปลอดภัยอีกชั้นหนึ่ง โดยระบบจะส่งรหัสมาทางเบอร์มือถือเราที่เคยไว้ให้กับทางธนาคาร เพื่อให้เรากรอกยืนยันอีกที
นอกจากนี้ ควรปิดหรือ ลบตัวเลข CVV หลังบัตร ก่อนลบช่วยจำก่อน หรือไม่ก็หาที่จดไว้เผื่อต้องการใช้ในอนาคต เพราะ CVV คือ รหัสรักษาความปลอดภัยที่ใช้ยืนยันตัวตนของผู้ถือบัตรเครดิต
กรณีบัตรเครดิตสูญหาย หรือพบว่ามีรายการแจ้งหนี้ที่ตัวเองไม่ได้ก่อแน่ๆ รีบติดต่อธนาคารเจ้าของบัตร และไปแจ้งความขอลงบันทึกประจำวันที่สถานีตำรวจ หากพบเบาะแส ก็แจ้งได้ที่ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ
0-2237-7535, 0-2234-1068
ขอบคุณ โครงการร่วมมือของแบงก์ธนาชาติกับดีเอสไอ สำหรับการแฉกลโกง เพื่อไม่ให้เราตกเป็นเหยื่่อ