ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 4 ก.พ. ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เดินทางมาเป็นประธานในพิธีปล่อยคาราวานเครื่องจักร-เครื่องมือ เพื่อช่วยเหลือและบรรเทาปัญหาภัยแล้ง ปี 2563/64 กรมชลประทาน พร้อมเดินหน้าโครงการจ้างแรงงาน เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรและประชาชน
นายสัญญา แสงพุ่มพงษ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ปัจจุบัน ปริมาณน้ำใช้การได้รวมทั้งประเทศมีประมาณ 20,433 ล้าน ลบ.ม. หรือร้อยละ 39 ของน้ำใช้การทั้งหมด เฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยา 4 เขื่อนหลัก(เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์)มีปริมาณน้ำใช้การรวมกัน ณ วันที่ 1 พฤศจิกายน 2563 (ต้นฤดูแล้ง)ประมาณ 5,771 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 32 ของน้ำใช้การทั้งหมด ปัจจุบัน เหลือปริมาณน้ำใช้การได้ประมาณ 4,263 ล้าน ลบ.ม.
ทั้งนี้ จะควบคุมการใช้น้ำให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และพบว่าในหลายพื้นที่เริ่มได้รับผลกระทบจากภัยแล้งแล้ว จึงได้สั่งการให้โครงการชลประทานทั่วประเทศ ปรับแผนการบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์ และเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2563 เน้นจัดสรรน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค และรักษาระบบนิเวศให้เพียงพอ ตลอดจนประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ถึงสถานการณ์น้ำให้แก่ประชาชนรวมทั้งเกษตรกรได้รับทราบอย่างทั่วถึง รวมทั้งเร่งกำจัดวัชพืชในแม่น้ำและคลองสาขาที่อาจจะเป็นอุปสรรคในการส่งน้ำไปยังพื้นที่ต่างๆ
นอกจากนี้ กรมชลประทานได้คาดการณ์พื้นที่เฝ้าระวังเสี่ยงภาวะน้ำแล้งในเขตชลประทาน จำนวนทั้งสิ้น 39 จังหวัด ในการนี้ สำนักเครื่องจักรกล กรมชลประทาน ได้เตรียมความพร้อมเครื่องจักร เครื่องมือ เพื่อช่วยเหลือและบรรเทาผลกระทบให้กับประชาชนจากสถานการณ์ภัยแล้งปี 2563/64 ไว้ทั้งสิ้น 5,935 หน่วย ซึ่งกระจายอยู่ทั่วประเทศ ประกอบไปด้วยเครื่องสูบน้ำ 2,140 เครื่อง รถบรรทุกน้ำ 503 คัน เครื่องจักรสนับสนุนอื่น 3,292 หน่วย เพื่อให้การช่วยเหลือในพื้นที่ประสบภัยแล้งปี 2563/64 ได้อย่างทันท่วงที และลดความเสียหายจากภาวะขาดแคลนน้ำ โดยประจำการไว้ที่ส่วนบริหารเครื่องจักรกลที่ 1 – 7 และส่วนกลาง ณ สำนักเครื่องจักรกล กรมชลประทาน อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมากรมชลประทานได้นำเครื่องจักร เครื่องมือ เข้าไปให้ความช่วยเหลือ เช่น การติดตั้งเครื่องสูบน้ำ ปฏิบัติการเปิดทางน้ำ ขุดลอกคลอง กำจัดวัชพืชและสิ่งกีดขวางทางน้ำ รวมถึงกำจัดผักตบชวา เพื่อช่วยเหลือและบรรเทาผลกระทบจากภัยแล้งให้กับประชาชนและเกษตรกรมีน้ำใช้ในการอุปโภค บริโภค และทำการเกษตรตลอดฤดูแล้งนี้มาอย่างต่อเนื่อง
ด้านการบริหารจัดการน้ำเพื่อรักษาระบบนิเวศ (ความเค็ม) ในลุ่มน้ำเจ้าพระยา แม่กลอง ท่าจีนและบางปะกง พบว่าค่าความเค็มในหลายพื้นที่ของลำน้ำสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน เนื่องจากอิทธิพลของน้ำทะเลหนุนสูง กรมชลประทาน จึงต้องบริหารจัดการน้ำโดยการระบายน้ำเพิ่มมากขึ้น เพื่อผลักดันและควบคุมความเค็มไม่ให้เกินเกณฑ์มาตรฐานสำหรับการผลิตน้ำประปาและการรักษาระบบนิเวศ ในขณะที่ปริมาณน้ำที่มีอยู่อย่างจำกัดไม่สามารถนำไปไล่ความเค็มได้ตลอดเวลา จึงขอให้ทุกภาคส่วนร่วมใจกันใช้น้ำอย่างประหยัด โดยเฉพาะชาวเมืองหลวงและปริมณฑลที่ใช้น้ำจากการประปานครหลวง เพื่อให้ปริมาณน้ำที่มีอยู่อย่างจำกัดเพียงพอใช้ไปจนถึงต้นฤดูฝนหน้า
สำหรับมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรที่ไม่สามารถเพาะปลูกในช่วงฤดูแล้งได้ กรมชลประทาน ได้ดำเนินโครงการจ้างแรงงานชลประทาน เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร ตามแผนงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2564 สามารถจ้างแรงงานได้ 94,000 คน งบประมาณทั้งสิ้น 5,662.34 ล้านบาท ปัจจุบันมีการจ้างแรงงานไปแล้ว 8,237 คน หรือร้อยละ 9 ของแผนการจ้างงาน โดยหลักเกณฑ์การจ้างแรงงาน จะเน้นพิจารณาจ้างเกษตรกรหรือประชาชนในพื้นที่ชลประทานก่อน อาทิ เกษตรกรผู้ใช้น้ำชลประทานที่ขาดรายได้จากการทำเกษตรกรรม และหากแรงงานที่ต้องการในพื้นที่ไม่เพียงพอจะพิจารณาจ้างแรงงานจากพื้นที่ใกล้เคียงตามความเหมาะสม หากเกษตรกรหรือผู้ที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลหรือสมัครเข้าร่วมงานได้ที่โครงการชลประทานใกล้บ้านทุกแห่ง