นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ในปี 2566 ธนาคารออมสินจะเดินหน้าประกอบธุรกิจปล่อยสินเชื่อส่วนบุคคล ซึ่งเป็นการดำเนินธุรกิจนอนแบงก์อย่างเต็มตัว เนื่องจากดอกเบี้ยในตลาดนี้มีอัตราสูงถึงร้อยละ 25 โดยธนาคารมีเป้าหมายลดอัตราดอกเบี้ยธุรกิจนี้ลงร้อยละ 5 ซึ่งคาดว่า บริษัทลูกจะปล่อยสินเชื่อโดยคิดอัตราดอกเบี้ยเพียงร้อยละ 20
ทั้งนี้ ธนาคารออมสินจะต้องขอใบอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อประกอบธุรกิจนอนแบงก์สินเชื่อส่วนบุคคล คาดว่าจะดำเนินการขอใบอนุญาต และจัดตั้งบริษัทได้ในช่วงครึ่งปีหลังของปีพ.ศ. 2566
สำหรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นนั้น ยังไม่ได้ข้อสรุป แต่สามารถทำได้หลายรูปแบบ เช่น ให้บริษัท มีที่ มีเงิน ถือหุ้น 100% หรือ ให้บริษัท มีที่ มีเงิน และออมสิน ถือหุ้นสัดส่วนร้อยละ 50 หรือให้ออมสิน ถือหุ้นร้อยละ 49 และระดมทุนร่วมกับพันธมิตรใหม่ ใหม่อีกร้อยละ 50 เป็นต้น
นายวิทัย กล่่าวว่า การประกอบธุรกิจดังกล่าว ธนาคารออมสินสามารถรับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ได้ถึงร้อยละ 7-8 เพื่อช่วยเหลือผู้ที่เข้าไม่ถึงสินเชื่อ และพึ่งพาหนี้นอกระบบ ทั้งรายย่อย เช่น พ่อค้า แม่ค้า และวิสาหกกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ เอสเอ็มอี โดยมีกรอบวงเงินอนุมัติประมาณ 10,000-40,000 บาท เป็นต้น ส่วนรูปแบบการปล่อยสินเชื่อจะทำผ่านแอปพลิเคชันที่จะพัฒนาขึ้นมาใหม่ อนุมัติสินเชื่อภายใน 1 วัน เพื่อแข่งกับเงินกู้นอกระบบเป็นหลัก
นอกจากนี้ ในเดือน พ.ย.-ธ.ค. 2565 ธนาคารเตรียมเปิดให้บริการสินเชื่อผ่านแอป (Digital Lending) ผ่านแอปพลิเคชัน MyMo – My Credit แก่กลุ่มผู้มีรายได้น้อย ทั้งแรงงานนอกระบบ และมนุษย์เงินเดือน กำหนดอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าเงินกู้นอกระบบ และอนุมัติเร็วผ่านแอป โดยไม่ต้องใช้เอกสารใด ๆ และหลักประกันในการกู้ เพียงกรอกเลขที่และข้อมูลบัตรประชาชน คาดว่าจะมีผู้ใช้บริการกว่า 100,000 ราย ด้วยวงเงินปล่อยกู้ในช่วงเริ่มต้นประมาณ 1,000 – 2,000 ล้านบาท และจะขยายต่อไปในอนาคตโดยลูกค้าสามารถขอกู้ได้รายละ 10,000 – 30,000 บาท ระยะเวลาผ่อนชำระไม่เกิน 2 ปี อัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 1.25% ต่อเดือน