สมุทรสงครามชูผลสำเร็จปลาหมอคางดำในทุกลำคลองลดลงจริงอย่างเป็นรูปธรรม จากที่เคยสำรวจพบว่ามีความหนาแน่นถึง 100 ตัวต่อพื้นที่ 100 ตารางเมตร ล่าสุดจากการสำรวจของกรมประมงวันนี้เหลือเพียง 5–7 ตัวต่อ 100 ตารางเมตรเท่านั้น ความก้าวหน้าครั้งนี้เกิดจากพลังความร่วมมือของทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานราชการ ภาคเอกชน อย่าง ซีพีเอฟ องค์กรท้องถิ่น ชาวประมง เกษตรกร และคนในชุมชน ที่ร่วมกันขับเคลื่อนแนวทางจัดการปลาหมอคางดำอย่างจริงจังและต่อเนื่อง เพื่อร่วมกันฟื้นฟูระบบนิเวศ และสร้างความยั่งยืนให้แก่เศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของชุมชนในจังหวัดสมุทรสงคราม

นายวิรัตน์ สนิทมัจโร ประมงจังหวัดสมุทรสงคราม เปิดเผยว่า มาตรการการแก้ไขปัญหาปลาหมอคางดำที่ดำเนินการอย่างจริงจังส่งผลให้ในรอบ 4 เดือนนี้ปลาหมอคางดำลดลงอย่างเห็นได้ชัด ทั้ง “กิจกรรมลงแขกลงคลอง” ที่จัดขึ้นทุกเดือนครอบคลุมทุกพื้นที่ และการรวมพลังจากทุกภาคส่วนทั้งในพื้นที่ ชุมชน และภาคเอกชน อย่าง บริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ โดยปริมาณปลาหมอคางดำที่เคยจับได้ลดลงจากกว่า 3,000 กิโลกรัมในแต่ละครั้งที่จัดกิจกรรม ปัจจุบัน จับได้ครั้งละเพียงหลักร้อยกิโลกรัมเท่านั้น และที่สำคัญยังพบปลาพื้นถิ่นชนิดอื่นรวมอยู่ด้วย สะท้อนถึงประสิทธิภาพของการวางระบบจัดการร่วมกัน สำหรับปีนี้
สมุทรสงครามตั้งเป้าจัดกิจกรรมลงแขกลงคลองอย่างน้อยเดือนละ 2 ครั้ง เพื่อควบคุมประชากรปลาให้น้อยลง ปรากฏการณ์ปลาหมอคางดำลดลงอย่างชัดเจน จึงไม่ใช่เพียงแค่ความสำเร็จของภาครัฐ แต่เป็นผลจากการรวมพลังทุกภาคส่วน ที่ร่วมกันฟื้นฟูระบบนิเวศ และสร้างความยั่งยืนให้แก่เศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของชุมชนในจังหวัดสมุทรสงคราม
“สิ่งที่เกิดขึ้นในสมุทรสงคราม คือ โมเดลความสำเร็จในการแก้ไขปัญหาปลาหมอคางดำ การบูรณาการความร่วมมือกัน เอาจุดแข็งของแต่ละฝ่ายมาเสริมกัน ตั้งแต่การจับปลาต้องอาศัยกำลังคน ซึ่งประมงสมุทรสงครามได้รับความร่วมมือจาก เจ้าหน้าที่จิตอาสาจากตำรวจ ทหาร ศรชล ผู้ต้องขังจากเรือนจำกลางสมุทร และชุมชนช่วยกันเป็นหูเป็นตาเฝ้าระวังพบปลาที่ไหนจะรีบแจ้ง หรือจับปลาขึ้นมาทันที ขณะที่ภาคเอกชน อย่างซีพีเอฟมีศักยภาพในการจัดหาอุปกรณ์จับปลา อาหาร กากชา และลูกพันธุ์ปลาหมอคางดำ” นายวิรัตน์กล่าว
สำหรับปลาที่จับได้ยังนำมาใช้ประโยชน์ในรูปแบบต่างๆ ทำให้ปลามีมูลค่า ไม่ว่าจะเป็นการหมักน้ำหมักชีวภาพ ผลิตปลาป่น ปลาร้า หรืออาหารแปรรูปที่ช่วยสร้างรายได้ในชุมชน ตอนนี้ยังโครงการน้ำหมักชีวภาพจากปลาหมอคางดำของการยางแห่งประเทศไทย ที่เปิดรับซื้อปลาหมอคางดำจากแหล่งน้ำธรรมชาติ และจากบ่อเลี้ยงสัตว์ จังหวัดมีโควต้ารับซื้อรวม 750,000 กิโลกรัม ซึ่งขณะนี้จำหน่ายไปแล้วกว่า 400,000 กิโลกรัม เป็นอีกแนวทางที่กระตุ้นให้เกิดการจับปลาหมอคางดำมากขึ้น

หนึ่งในผลผลิตที่เกิดจากการบูรณาการความร่วมมือ คือ “น้ำปลาจากปลาหมอคางดำ” ภายใต้แบรนด์ “หับเผยแม่กลอง” ซึ่งเตรียมเปิดตัว น้ำปลาขวดแรกในเดือนกรกฎาคมนี้ หลังจากหมักมานาน 1 ปี โครงการนี้เกิดจากความร่วมมือระหว่างกรมประมง กรมราชทัณฑ์ และซีพีเอฟที่เชื่อมโยงปราชญ์เกษตรกรมาช่วยสอนสูตรทำน้ำปลาที่เป็นสูตรเฉพาะสำหรับปลาชนิดนี้ นอกจากได้สร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ ยังเป็นเวทีฝึกอาชีพให้ผู้ต้องขังได้เรียนรู้และเตรียมพร้อมสำหรับชีวิตภายหลังพ้นโทษ โมเดลนี้ได้ขยายผลไปจังหวัดอื่น ได้แก่ เพชรบุรี สมุทรสาคร และสมุทรปราการ รวมถึง สถานีตำรวจภูธรเมืองสมุทรสงครามที่นำโมเดลนี้มาสอนให้เจ้าหน้าที่และแม่บ้านนำปลาหมอคางดำมาหมักเป็นน้ำปลาไว้บริโภคในครัวเรือนและวางจำหน่ายต่อไป
ความร่วมมือยังขยายไปถึงการจัดการในบ่อเลี้ยงสัตว์น้ำ โดยประมงจังหวัดสนับสนุน “กองทุนกากชา” เพื่อช่วยเกษตรกรลดต้นทุนในการกำจัดปลาหมอคางดำในบ่อ พร้อมกับโครงการ “สิบหยิบหนึ่ง” ที่ส่งเสริมให้เกษตรกรได้ลูกปลากะพงขาวที่ได้รับการสนับสนุนจากซีพีเอฟไปเลี้ยงเป็นปลานักล่า ซึ่งเมื่อโตเต็มวัย นอกจากจะช่วยควบคุมปลาหมอคางดำในบ่อแล้ว ยังสามารถนำมาจำหน่ายสร้างรายได้อีกทางหนึ่ง ซึ่งเกษตรกรบอกว่ากิจกรรมนี้ได้ผลดี และเกษตรกรที่ได้รับปลากะพงขาวกลุ่มแรกได้จับปลามาคืนจังหวัดเพื่อปล่อยลงแหล่งน้ำธรรมชาติแล้ว
ปรากฏการณ์ปลาหมอคางดำลดลงอย่างชัดเจน จึงไม่ใช่เพียงแค่ความสำเร็จของภาครัฐ แต่เป็นผลจากการรวมพลังทุกภาคส่วน ที่ร่วมกันฟื้นฟูระบบนิเวศ และสร้างความยั่งยืนให้แก่เศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของชุมชนในจังหวัดสมุทรสงคราม