ผู้สื่อข่าว รายงานว่า สดมภ์ แก้วกาญจนา นักกอล์ฟจากนราธิวาส วัย 23 ปี ทำสกอร์รวมสี่วัน 23 อันเดอร์พาร์ 261 คว้าแชมป์กอล์ฟ “ไทยแลนด์ โอเพ่น ครั้งที่ 49” ครองถ้วยพระราชทาน รัชกาลที่ 9 พร้อมรับเงินรางวัล 1.5 ล้านบาท ที่สนามริเวอร์เดล กอล์ฟ คลับ (พาร์ 71) จ.ปทุมธานี ระยะ 6,988 หลา เมื่อวันที่ 31 ต.ค.2564 โดยมี พรหม มีสวัสดิ์ คว้ารองแชมป์ด้วยสกอร์รวม 19 อันเดอร์พาร์ 265 ขณะที่ รัชชานนท์ ฉันทนานุวัฒน์ คว้ารางวัลนักกอล์ฟสมัครเล่นผลงานดีที่สุดสกอร์รวม 9 อันเดอร์พาร์ 275
สมาคมกีฬากอล์ฟแห่งประเทศไทย ร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ การกีฬาแห่งประเทศไทย, สิงห์ คอร์เปอเรชั่น, สนามริเวอร์เดล, แพลนบี จัดการแข่งขันกอล์ฟอาชีพสะสมคะแนนอันดับโลก ออล ไทยแลนด์ กอล์ฟ ทัวร์ 2021 รายการ ไทยแลนด์ โอเพ่น ครั้งที่ 49 ชิงถ้วยพระราชทาน รัชกาลที่ 9 พร้อมชิงเงินรางวัลรวม 10 ล้านบาท เป็นแมตซ์กอล์ฟอาชีพระดับโลคอลทัวร์ ที่มีเงินรางวัลมากที่สุด ระหว่างวันที่ 28-31 ต.ค.64 ที่สนามริเวอร์เดล กอล์ฟ คลับ จ.ปทุมธานี ผู้ชนะจะรับเงินรางวัลไปครอง 1.5 ล้านบาท และอันดับโลก 5 คะแนน
นายรังสฤษดิ์ ลักษิตานนท์ นายกสมาคมกีฬากอล์ฟแห่งประเทศไทยฯ และ ผู้ช่วยประธานกรรมการบริหารอาวุโส บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด เผยถึงการแข่งขันในครั้งที่ 49 ว่า “ถือว่าประสบความสำเร็จกับการแข่งขันครั้งนี้ที่นักกอล์ฟไทยได้คว้าแชมป์เป็นคนที่ 6 ทำให้เชื่อว่าเราอาจจะได้เห็นแชมป์ที่เป็นนักกอล์ฟไทยอีกแน่ๆ เพราะมีนักกอล์ฟดาวรุ่งกันหลายคนที่ทำผลงานได้ดีในรายการนี้ เราก็ยังคงที่จะจัดการแข่งขันรายการนี้ต่อไป ไม่ว่ารายการนี้จะอยู่ในโปรแกรมของ เอเชียน ทัวร์ หรือ ออล ไทยแลนด์ กอล์ฟ ทัวร์ และน่าจะยังจัดกันที่ ริเวอร์เดล ต่อไปด้วย”
โดยเมื่อ 31 ต.ค.64 จบการแข่งขันรอบสุดท้าย สดมภ์ แก้วกาญจนา โปรหนุ่ม วัย 23 ปี จากนราธิวาส ผู้นำจากรอบที่สาม มาเก็บสกอร์เพิ่มอีก 5 อันเดอร์พาร์ 66 จากผลงาน 5 เบอร์ดี้ ไม่มีเสียโบกี้ ทำสกอร์รวมสี่วันรวม 23 อันเดอร์พาร์ 261 เป็นผลงานดีที่สุด คว้าแชมป์รายการนี้ไปครอง รับถ้วยพระราชทาน รัชกาลที่ 9 พร้อมเงินรางวัล 1.5 ล้านบาท จากแชมป์นี้ทำให้ สดมภ์ เป็นนักกอล์ฟไทยคนที่ 6 ที่คว้าถ้วยใบนี้ไปครอง ต่อจาก สุเทพ มีสวัสดิ์ (1991), บุญชู เรืองกิจ (1992 และ 2004), ประหยัด มากแสง (2013), รฐนน วรรณศรีจันทร์ (2017) และ ภาณุพล พิทยารัฐ (2018) พร้อมกันนั้นทางสนามยังมอบรางวัลพิเศษให้กับแชมป์ด้วยสมาชิกตลอดชีพของสนามกอล์ฟในเครือของ เอ็มบีเค ทั้งสนาม ล็อคปาล์ม กอล์ฟ คลับ ภูเก็ต, เรด เมาน์เทน กอล์ฟ คลับ ภูเก็ต, บางกอก กอล์ฟ คลับ และ ริเวอร์เดล กอล์ฟ คลับ อีกด้วย
สดมภ์ แชมป์คนล่าสุด กล่าวหลังจบการแข่งขันว่า “ดีใจ และเป็นเกียรติที่คว้าแชมป์รายการนี้ เพราะเป็นแชมป์ที่โปรกอล์ฟทุกคนในเมืองไทยอยากจะได้มาครอง มาเล่นสนามนี้คิดในใจแค่พยายามตีเสียให้น้อยที่สุด พอดีสัปดาห์นี้ทำได้ดีเสียไปแค่โบกี้เดียว แผนรวมก็พยายามตีลูกให้อยู่แฟร์เวย์ เพื่อโอกาสลุ้นขึ้นกรีน แค่เล่นไปตามเกมของตัวเอง แบบไม่มีความกดดันอะไร เป้าหมายต่อไปก็เป็นแมตช์ เอเชียน ทัวร์ ปลายเดือนนี้ที่ภูเก็ต อยากขอขอบคุณ สิงห์ คอร์เปอเรชั่น และสปอนเซอร์ทุกๆรายที่ให้การสนับสนุนมาโดยตลอด”
ด้าน อันดับ 2 เป็นของ พรหม มีสวัสดิ์ นักกอล์ฟจากหัวหิน สกอร์รวม 4 วัน 19 อันเดอร์พาร์ 265 ที่เก็บคะแนนวันสุดท้ายเข้ามาอีก 3 อันเดอร์พาร์ 68 รับเงินรางวัล 950,000 บาท โดยมี พชร คงวัดใหม่ และ สุรดิษ ยงค์เจริญชัย รั้งอันดับ 3 ร่วม ที่สกอร์รวม 15 อันเดอร์พาร์ 269 รับเงินรางวัลคนละ 481,750 บาท ขณะที่ วิชยานนท์ โชติหิรัญรุ่งเรือง คว้าอันดับ 5 ที่สกอร์รวม 14 อันเดอร์พาร์ 270 รับเงินรางวัล 318,000 บาท ขณะที่ แชมป์เก่าอย่าง ภาณุพล พิทยารัฐ คว้าอันดับ 13 ร่วมจากผลงานรวม 10 อันเดอร์พาร์ 274 ด้าน รฐนน วรรณศรีจันทร์ ทำสกอร์รวม 1 อันเดอร์พาร์ 283 คว้าอันดับ 50 ร่วม
สำหรับรายการต่อไปของศึก ออลไทยแลนด์กอล์ฟ ทัวร์ จะเป็นการแข่งขัน “สิงห์ อีสาน โอเพ่น 2021” ชิงเงินรางวัล 3 ล้านบาท แข่งขัน 4-7 พ.ย.นี้ ณ สนามกอล์ฟ สิงห์ปาร์ค ขอนแก่น กอล์ฟ คลับ จ.ขอนแก่น ต่อไป
สรุปผลการแข่งขัน
- (-23) 261 สดมภ์ แก้วกาญจนา 65-66-64-66 (เงินรางวัล 1,500,000 บาท)
- (-19) 265 พรหม มีสวัสดิ์ 66-62-69-68 (เงินรางวัล 950,000 บาท)
- (-15) 269 พชร คงวัดใหม่ 66-68-68-67 (เงินรางวัล 481,750 บาท
- สุรดิษ ยงค์เจริญชัย 66-69-65-69 (เงินรางวัล 481,750 บาท
- (-14) 270 วิชยานนท์ โชติหิรัญรุ่งเรือง 69-70-65-66 (เงินรางวัล 318,000 บาท)
- (-13) 271 ชนะโชค เดชภิรัตนมงคล 70-69-64-68 (เงินรางวัล 268,000 บาท)
- (-12) 272 โคสุเก ฮามาโมโต้ 69-69-69-65 (เงินรางวัล 198,500 บาท)
- สาริศ สุวรรณรัตน์ 66-66-73-67 (เงินรางวัล 198,500 บาท)
- แดนไท บุญมา 69-70-66-67 (เงินรางวัล 198,500 บาท)
- ธนภัทร พิชัยกุล 73-67-64-68 (เงินรางวัล 198,500 บาท)
- ชัพชัย นิราช 69-64-70-69 (เงินรางวัล 198,500 บาท)
- วิชญภัทร สินสร้าง 69-67-67-69 (เงินรางวัล 198,500 บาท)