รู้เก็บรู้ออม : Leveraged & Inverse ETF ลงทุนติดเทอร์โบ

0
ที่มา คอลัมน์ "รู้เก็บรู้ออมรู้ใช้รู้ลงทุน...สู่ความมั่งคั่ง" หน้าเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

เดือนกันยายนที่ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์ฯได้เปิดให้ซื้อขายกองทุน ETF 2 แบบใหม่ คือ Leveraged และ Inverse ETF เพิ่มจากเดิมที่มีกอง ETF แบบ passive fund เท่านั้น “คุณนายพารวย” อยากชวนให้มาทำความรู้จักกับเครื่องมือการลงทุนตัวนี้ ซึ่งจะช่วยสร้างโอกาสเพิ่มผลตอบแทนและยังช่วยบริหารจัดการความเสี่ยงของพอร์ตลงทุนได้อีกด้วย

กองทุน ETF หรือ Exchange Traded Fund คือ กองทุนรวมที่ลงทุนโดยอ้างอิงดัชนี เน้นให้ผลตอบแทนใกล้เคียงดัชนีตลาดหุ้นที่ใช้อ้างอิง และนำหน่วยลงทุนมาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้นักลงทุนซื้อขายเปลี่ยนมือได้เรียลไทม์ โดยกองทุน ETF มีผู้ดูแลสภาพคล่อง (Market Maker) ทำหน้าที่ส่งคำสั่งเสนอซื้อเสนอขาย เพื่อให้นักลงทุนมั่นใจว่าจะซื้อขาย ETF ได้ และราคาของ ETF เคลื่อนไหวสะท้อนมูลค่าที่แท้จริงของหน่วยลงทุน

ETF แบบที่ซื้อขายอยู่ก่อนหน้านี้ เป็นแบบ passive fund ซึ่งมุ่งเน้นสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับดัชนีหุ้นไทย หุ้นรายกลุ่มอุตสาหกรรม หุ้นต่างประเทศ ทองคำ และตราสารหนี้ ขึ้นกับนโยบายลงทุน ส่วน ETF 2 แบบใหม่ที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ เพิ่งเปิดให้ซื้อขาย คือ Leveraged และ Inverse ETF เป็นกอง ETF ที่มีการซื้อขายและเป็นที่นิยมในต่างประเทศอยู่ก่อนแล้ว

Leveraged ETF เป็น ETF ที่มุ่งหวังผลตอบแทน “ทวีคูณ” รายวันของดัชนี เช่น Leveraged ETF แบบ 2 เท่า (2X) ก็จะให้ผลตอบแทนเป็น 2 เท่าตัวของดัชนีอ้างอิง ETF แบบนี้ จึงทำหน้าที่เป็น “ตัวเพิ่มกำไร” โดยให้ผลตอบแทนเป็นจำนวนเท่า ของผลตอบแทนรายวันของดัชนีอ้างอิง ซึ่งเหมาะกับกรณีที่คาดว่าตลาดจะมีแนวโน้มเป็นขาขึ้น

ส่วน Inverse ETF เป็น ETF ที่มุ่งหวังผลตอบแทน “ตรงกันข้าม” กับผลตอบแทนรายวันของดัชนีอ้างอิง เช่น ดัชนีปรับขึ้น +1% Inverse ETF แบบ 2I จะให้ผลตอบแทน –2% ดังนั้น Inverse ETF จะทำหน้าที่เป็น “ตัวเสริมพอร์ต” สร้างโอกาสทำกำไรหรือใช้ป้องกันความเสี่ยง ในกรณีที่คาดว่าทิศทางตลาดจะปรับลง

หากมั่นใจว่าตลาดอยู่ในช่วงขาขึ้น การถือ Leveraged ETF จะช่วยสร้างผลตอบแทนมากกว่าการลงทุนในดัชนีโดยตรง ส่วนช่วงตลาดขาลง การเลือกใช้ Inverse ETF ก็เป็นเครื่องมือสร้างกำไรแบบติดคันเร่งในตอนที่ตลาดปรับตัวลง นอกจากนี้ Inverse ETF ยังเป็นเครื่องมือลงทุนที่ช่วยชดเชยมูลค่าพอร์ตที่ลดลงได้ สำหรับผู้ที่ต้องการจัดการความเสี่ยงของพอร์ตหุ้นและต้องการป้องกันความเสี่ยงจากตลาดที่มีแนวโน้มปรับตัวลง

Leveraged ETF และ Inverse ETF จึงเหมาะกับการลงทุนระยะสั้นเป็นหลัก และตัวนักลงทุนต้องมีเวลาอยู่หน้าจอ เพื่อติดตามและทบทวนสถานการณ์ลงทุนของตัวเองทุกวัน ไม่เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการถือเพื่อลงทุนระยะยาวเหมือน ETF แบบปกติ เนื่องจากการถือระยะยาว ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากการที่ผลตอบแทนรวมของกองทุน ETF อาจแตกต่างไปบ้างจากผลตอบแทนทวีคูณของดัชนีอ้างอิง โดยเฉพาะช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง

นักลงทุนที่เข้าใจกลไกและเลือกใช้ประเภท ETF ได้เหมาะสมกับสถานการณ์ สามารถใช้ประโยชน์จาก Leveraged ETF และ Inverse ETF ได้เต็มที่ สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ www.set.or.th/leveraged–and–inverse–etf 

คุณนายพารวย