การเลือกลงทุนในหุ้นที่มีการจ่ายปันผลดี และสม่ำเสมอ เป็นทางเลือกที่ถือว่าปลอดภัย และลดความเสี่ยงในการลงทุน นักลงทุนเองสามารถสร้างความมั่งคั่งจากหุ้นปันผล ไม่ว่าจะเป็นการซื้อแล้วถือยาว หรือซื้อในช่วงจ่ายปันผล “คุณนายพารวย” จึงขอนำเสนอตัวเลขสถิติการจ่ายเงินปันผลของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหุ้นไทยของปีพ.ศ. 2566 ที่ทางตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้รวบรวมและเผยแพร่เมื่อเร็วๆนี้
ข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์ต่อนักลงทุน ช่วยให้รู้ช่วงเวลาในการจ่ายเงินปันผล สามารถนำไปประกอบการวางแผนและตัดสินใจเลือกหุ้นปันผล รวมทั้งเลือกจังหวะเวลาในการเข้าซื้อหุ้นปันผลมาสะสมไว้ในพอร์ต ซึ่งนอกจากจะได้รับผลตอบแทนจากเงินปันผลตามเป้าหมายที่วางไว้ หากซื้อในจังหวะดี ได้ราคาถูก เราก็จะได้ผลตอบแทนสองเด้ง ทั้งจากเงินปันผลและกำไรส่วนต่างราคาหุ้น
ปี 2566 บจ. ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ จ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นรวมกว่า 593,098 ล้านบาท ตัวเลขนี้เป็นการจ่ายเงินปันผล 842 ครั้ง ของบจ. จำนวน 583 บริษัท บจ.ส่วนใหญ่จ่ายเงินปันผลปีละครั้ง มีบางบริษัทจ่ายปีละ 2 ครั้ง หรือ 4 ครั้ง ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละบริษัท โดยช่วงระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา มูลค่าการจ่ายเงินปันผลของ บจ. ในตลาดหุ้นไทย มีอัตราเติบโตเฉลี่ยปีละ 4.49%
สำหรับช่วงเทศกาลจ่ายเงินปันผล จะอยู่ระหว่างเดือนมีนาคม – พฤษภาคม โดยในปี 2566 ช่วงเวลานี้มีการจ่ายเงินปันผลรวม 530 ครั้ง คิดเป็น 62.9% ของจำนวนการจ่ายเงินปันผลทั้งหมดในปี 2566 โดยมีเดือนพฤษภาคม เป็นเดือนที่การจ่ายเงินปันผลมากที่สุด รวม 449 ครั้ง คิดเป็น 53.3% และในแต่ละปี จะมีช่วงเทศกาลจ่ายปันผลอีกรอบในช่วงเดือนกันยายนของทุกปี โดย ก.ย. ปีที่แล้ว มีการจ่ายเงินปันผลรวม 175 ครั้ง หรือเท่ากับ 20.8%
หากพิจารณาเป็นหมวดธุรกิจแล้ว มี 3 หมวดธุรกิจที่ครองแชมป์จ่ายปันผลสูงสุด นั่นคือ อันดับแรก หมวดพลังงานและสาธารณูปโภค จ่ายปันผลไป 137,737 ล้านบาท, อันดับสอง เป็นหมวดธนาคาร ที่จ่ายเงินปันผลด้วยมูลค่ารวม 130,738 ล้านบาท และอันดับสาม เป็นหมวดหมวดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ที่จ่ายปันผลไป 67,511 ล้านบาท
บริษัทที่สามารถจ่ายปันผลได้สม่ำเสมอ ย่อมแสดงว่า มีผลประกอบการดี สภาพคล่องสูง และมีกำไรต่อเนื่อง ซึ่งนักลงทุนก็สามารถใช้ข้อมูลส่วนนี้มาคัดกรองเลือกเฟ้นหุ้นได้ จากรายงานของตลาดหลักทรัพย์ฯ แม้ว่าในปี 2566 บจ.ไทยจะมีกำไรสุทธิรวมอยู่ที่ 946,605 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 2.6% ก็ตาม แต่เมื่อพิจารณาเป็นรายบริษัทแล้ว พบว่า บจ. ไทย จำนวน 625 บจ. จากทั้งหมด 828 บจ. ยังมีกำไรสุทธิจากการดำเนินธุรกิจในปี 2566
จากตัวเลขสถิติต่างๆ ที่รวบรวมมา เชื่อได้ว่า จะช่วยให้นักลงทุนคัดกรองหุ้นเด็ด จับจังหวะเวลาซื้อขายหุ้นได้ และได้รับผลตอบแทนแบบปังๆ บรรลุความต้องการและเป้าหมายที่วางไว้ สมปรารถนากันทุกคนค่ะ!
คุณนายพารวย
ที่มา คอลัมน์ "รู้เก็บรู้ออมรู้ใช้รู้ลงทุน..สู่ความมั่งคั่ง" หน้าเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ