ผู้ลงทุนที่ลงทุนในตลาดหุ้น นอกจากต้องเลือกหุ้นที่ปัจจัยพื้นฐานดี ธุรกิจมีกำไร มีแนวโน้มเติบโต ฐานะการเงินแข็งแกร่ง จ่ายปันผลงาม หุ้นดีมีสภาพคล่องและราคายังไม่สูงเกินไป ซึ่งขึ้นอยู่กับเป้าหมายการลงทุน หรือพฤติกรรมความชอบความถนัดและประสบการณ์การลงทุนของแต่ละคนแล้ว
ปัจจุบันยังมีข้อมูลหรือปัจจัยอื่นๆที่มีผลต่อแนวคิดหรือการตัดสินใจลงทุน ที่สำคัญ คือ “การลงทุนอย่างยั่งยืน” (Sustainable Investment) ด้วยการเลือก “ลงทุนในหุ้นยั่งยืน”
โดย “การลงทุนอย่างยั่งยืน” เป็นแนวคิดที่เน้นลงทุนในหุ้นหรือบริษัทที่ทำธุรกิจโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (Environmental, Social and Governance : ESG) ถือเป็นการดำเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืน เพื่อสร้างผลตอบแทนในระยะยาว ซึ่งเป็นแนวทางที่ได้รับการส่งเสริมและการยอมรับให้ใช้เป็นแนวทางในการเลือกลงทุนจากกองทุนทั่วโลก
ทางตลาดหลักทรัพย์ฯได้ออกบทความ “ลงทุนหุ้นยั่งยืนวันนี้…เพื่ออนาคตข้างหน้า” ที่เผยแพร่ใน https://www.setinvestnow.com
ได้ระบุเนื้อหาไว้อย่างน่าสนใจว่า นอกเหนือจากตัวเลขทางการเงิน ปัจจุบันผู้ลงทุนให้ความสำคัญกับการวิเคราะห์ปัจจัยอื่นๆ ที่อยู่นอกเหนือจากตัวเลขทางการเงิน เช่น สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) เพื่อหาบริษัทที่มีนโยบายการดำเนินธุรกิจที่มุ่งสู่ความยั่งยืน เพราะการพิจารณาข้อมูลด้าน ESG สามารถบ่งชี้ถึงโอกาสและความเสี่ยง รวมทั้งขีดความสามารถขององค์กรที่มีต่อผลประกอบการในอนาคตของบริษัท
โดยผู้ลงทุนจะพิจารณาว่าบริษัทนั้นมีการดำเนินการด้าน ESG อย่างไรบ้าง เช่น บริษัทที่เน้นความยั่งยืนทางธุรกิจ จะซื้อวัตถุดิบจากคู่ค้าที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม หรือทำธุรกิจกับซัพพลาย-เออร์ที่ไม่จ้างแรงงานเด็ก แรงงานเถื่อน รวมทั้งมีการยกระดับคุณภาพการบริหารงานด้านความปลอดภัยทั้งในองค์กรตนเองและคู่ค้า มีความใส่ใจดูแลพนักงานที่ดี มีการเพิ่มขีดความสามารถในการดำเนินธุรกิจ มีนโยบายซื้อสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม หรือลดการใช้พลังงาน เพิ่มการนำพลังงานกลับมาใช้ใหม่ เป็นต้น
แนวคิดแบบนี้เรียกว่า “การสร้างคุณค่าร่วม” หรือ Creating Shared Value : CSV โดยบริษัทต้องสร้างคุณค่าทางเศรษฐกิจให้กับธุรกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน รวมทั้งเน้นการสร้างประโยชน์ให้ผู้ถือหุ้นและสังคมให้เกิดผลประโยชน์ร่วมกัน เพื่อความสำเร็จในระยะยาว
ดังนั้น ก่อนจะตัดสินใจลงทุนในหุ้น นอกจากต้องวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิคแล้ว ก็ต้องดูด้วยว่าบริษัทนั้นมีกลยุทธ์สร้างความยั่งยืนด้านการดำเนินธุรกิจในระยะยาวมากน้อยเพียงใด ซึ่งการมองการลงทุนในมิติแบบนี้เรียกว่า “Sustainable Investment” นั่นเอง
“คุณนายพารวย” จึงอยากชวน “ผู้ลงทุนมือใหม่” มาให้ความสำคัญกับปัจจัยหรือข้อมูลด้าน ESG เพราะการเลือกลงทุนในหุ้นยั่งยืน นอกจากจะทำให้ “มือใหม่” อย่าง
เรา สามารถลดความเสี่ยงของธุรกิจที่เราเลือกลงทุน และมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีแล้ว ยังเป็นการส่งเสริมสนับสนุนให้บริษัทจดทะเบียน สร้างมาตรฐานในการดำเนินธุรกิจเพื่อโลกที่ยั่งยืนและเป็นธรรมมากยิ่งขึ้น!!
สัปดาห์หน้าคุณนายพารวยจะพาไปดูข้อมูลสถิติเปรียบเทียบผลตอบแทนจากการเลือกลงทุนในหุ้นยั่งยืนของตลาดหุ้นไทยที่น่าสนใจ…รอติดตาม!!
คุณนายพารวย
ที่มา คอลัมน์ รู้เก็บรู้ออมรู้ใช้รู้ลงทุน..สู่ความมั่งคั่ง โดย คุณนายพารวย หน้าเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ