ผ่านไปแล้วสำหรับการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งล่าสุด 14 พ.ค.2566 ที่ผ่านมา ซึ่งนับเป็นการเลือกตั้งครั้งที่คนไทยให้ความสำคัญ และมีความตื่นตัวทางการเมืองอย่างมาก ส่วนผลการเลือกตั้ง คนที่รัก และพรรคที่ชอบ จะเป็นคนไหน พรรคอะไร จนถึงตอนนี้ ทุกคนก็ได้ทราบกันแล้ว
สำหรับนักลงทุนตอนนี้ก็คงต้องจับตา เฝ้าติดตามเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่อย่างใจจดใจจ่อ ว่าจะมีพรรคการเมืองใดเข้าร่วมรัฐบาล จะใช้ระยะเวลานานเท่าไรในการจัดตั้ง และผ่านไปได้ด้วยดีหรือไม่
เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่า การเมืองเป็นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญต่อการลงทุน การเลือกตั้งย่อมมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง ทั้งช่วงก่อนและหลังการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้น ตลอดจนบรรยากาศการลงทุน
จากผลการศึกษาผลตอบแทนตลาดหุ้นไทยช่วงก่อนและหลังวันเลือกตั้ง พบว่าผลตอบแทนของตลาดหุ้นและหุ้นรายกลุ่มอุตสาหกรรมก่อนและหลังเลือกตั้งมีการเคลื่อนไหวที่น่าสนใจพอสมควร ดังนั้น หากนักลงทุนสามารถวางกลยุทธ์ลงทุนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ อาจสร้างผลตอบแทนได้ในระดับที่น่าประทับใจ
ผลตอบแทนตลาดหุ้นไทยช่วงก่อนและหลังวันเลือกตั้งที่ดีที่สุดในปี 2544-2562 พบว่า ดัชนีหุ้นไทยมักให้ผลตอบแทนที่ดีในช่วง 3 เดือนก่อนการเลือกตั้งเฉลี่ย 3.90% รองลงมาได้แก่ ก่อนเลือกตั้ง 2 สัปดาห์ ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 2.09% ขณะที่หลังการเลือกตั้งไปแล้ว 1 สัปดาห์จะให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 3.81% และหลังการเลือกตั้งผ่านไปแล้ว 2 สัปดาห์จะให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 3.55%
หุ้นกลุ่มที่มักจะให้ผลตอบแทนดีกว่าตลาดโดยรวมในช่วง 3 เดือนก่อนการเลือกตั้ง 5 อันดับแรก ได้แก่ กลุ่มไอซีที สื่อและสิ่งพิมพ์ พาณิชย์ อาหารและเครื่องดื่ม เงินทุนและหลักทรัพย์ โดยให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 9.40%, 7.80%, 6.40%, 5.50% และ 5.20% ตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม ควรพิจารณาปัจจัยอื่นที่อาจกดดันบรรยากาศการลงทุนร่วมด้วย เช่น ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน นโยบายการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทย หรือปัจจัยภายนอกที่ถ่วงเศรษฐกิจโลก นักลงทุนควรเลือกหุ้นอย่างพิถีพิถัน เน้นหุ้นปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งที่ราคายังปรับขึ้นไม่มาก
ส่วนหลังการเลือกตั้ง ตลาดหุ้นจะมีความเคลื่อนไหว และปฏิกิริยาอย่างไรนั้น จะเห็นภาพชัดขึ้นก็ต้องรอความชัดเจนของการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ที่จะเกิดขึ้นว่าจะเป็นอย่างไร และมีเสถียรภาพมากน้อยแค่ไหนเสียก่อน
จนถึงตอนนี้ นักลงทุนคงกำลังรอฟังแนวคิดผู้นำคนใหม่ และนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาล เพื่อจะได้นำไปวางกลยุทธ์ และปรับแนวทางการลงทุนให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น
ช่วงรอรัฐบาลใหม่ “คุณนายพารวย” อยากชวนให้นักลงทุนและผู้สนใจ มาเรียนรู้เพิ่มเติมเรื่องแนวทางการวิเคราะห์เศรษฐกิจมหภาคที่มีผลต่อการลงทุนรายกลุ่มอุตสาหกรรม เจาะลึกเทคนิคการจับจังหวะเปลี่ยนกลุ่มลงทุน ไว้เพิ่มโอกาสทำกำไรจากการลงทุน โดยเรียนฟรี ผ่าน e-Learning หลักสูตร “Sector Rotation” ที่นี่ https://elearning.set.or.th/SETGroup/courses/376/info
คุณนายพารวย
ที่มา คอลัมน์ "รู้เก็บรู้ออมรู้ใช้รู้ลงทุน..สู่ความมั่งคั่ง" หน้าเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ