ฟันธง ราคาทองปีนี้ขึ้นต่อ มีโอกาสเห็นทองแตะสูงสุด 5.6 หมื่นบาท แนะลงทุนซื้อสะสม

0

นายกส.ค้าทองคำ มองราคาทองในประเทศมีโอกาสขึ้นสูงสุดบาทละ 56,000 บาท ฟันธงราคาทองปีนี้ปรับขึ้นได้ต่อ หลังราคาทองคำโลกทำนิวไฮแตะ 3,600 เหรียญต่อออนซ์ แนะลงทุนยาวเข้าซื้อสะสมได้ ชี้ค่าเงินบาทเปลี่ยนแปลง 1 บาท มีผลต่อราคาทองคำบาทละ 1,600 บาท  โดยทองคำได้แรงหนุนจากทิศทางดอกเบี้ยโลกและสหรัฐฯลดลง  สงครามการค้าและปัญหาภูมิรัฐศาสตร์  

นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ เปิดเผยว่า ธนาคารกลางทั่วโลก มีโอกาสลดอัตราดอกเบี้ยลง หลังเศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัวโดยวันที่ 17 ก.ย.นี้ ธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ ส่งผลให้ทองคำเป็นสินทรัพย์ลงทุนที่ปลอดภัย กระตุ้นแรงซื้อทำให้ราคามีโอกาสปรับตัวขึ้น

อย่างไรก็ตาม ภาพรวมราคาทองในประเทศยังติดเรื่องเงินบาทแข็งค่าประมาณ 32 บาท/ดอลลาร์ ส่งผลให้กรอบราคา ยังไม่สามารถยืนเหนือแนวต้านเดิมช่วงเดือนเม.ย.68 ที่ระดับ 54,800 บาทได้ แต่มองว่าจากราคาทองโลกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยมองเป้าหมายสิ้นปี 68 มีโอกาสเห็นระดับสูงสุดที่ 3,800 ดอลลาร์/ออนซ์ จึงคาดว่าราคาทองในประเทศจะปรับตัวเพิ่มขึ้นเห็นระดับสุดสูงสุดที่บาทละ 56,000 บาท ได้

โดยกลยุทธ์การลงทุนสำหรับนักลงทุนที่ถือครองระยะยาวยังสามารเข้าซื้อสะสมได้ ส่วนนักลงทุนระยะสั้นแนะเก็งกำไรอย่างระมัดระวัง ทั้งนี้ค่าเงินบาทเปลี่ยนแปลง 1 บาท มีผลต่อทองคำเปลี่ยนแปลงประมาณ 1,600 บาททองคำ

ทั้งนี้ โกลด์แมน แซคส์ คาดการณ์ว่า ราคาทองคำมีแนวโน้มพุ่งทะลุระดับฐาน (Baseline) ที่ 4,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ภายในช่วงกลางปี 69 และอาจพุ่งแตะ 5,000 ดอลลาร์ หากนักลงทุนย้ายเงินออกจากพันธบัตร หันมาถือครองทองคำมากขึ้นเพื่อกระจายการลงทุน ท่ามกลางความไม่แน่นอนในตลาดการเงิน

โดยราคาทองคำ ทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 3,600 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา จากความคาดหวังว่า เฟด จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้ ขณะที่ความไม่แน่นอนทั่วโลก ยังหนุนแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งโกลด์แมน แซคส์คาดว่า ราคาทองคำจะขึ้นไปอยู่ที่ 3,700 ดอลลาร์สหรัฐฯภายในสิ้นปี 68 และแตะระดับ 4,000 ดอลลาร์สหรัฐฯภายในช่วงกลางปี 69 ภายใต้สมมติฐานว่า บรรดาธนาคารกลางทั่วโลก ยังคงแห่เข้าซื้อทองคำอย่างแข็งแกร่ง และราคาอาจดันขึ้นไปถึง 4,500 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หากภาคเอกชนมีการปรับพอร์ตออกจากสินทรัพย์สกุลดอลลาร์สหรัฐฯ มาถือทองคำแทนอย่างต่อเนื่อง